แชร์

บทที่ 558

ผู้เขียน: วิ๋นเจิง
ซูชิงอู่อดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้วเมื่อเห็นท่าทางนั้น

“ท่านอ๋องมีเรื่องอะไรปิดบังข้าอยู่หรือ?”

เย่เสวียนถิงพานางนั่งลงที่เก้าอี้ริมประตูและไม่พูดอะไร

“ข้าไม่ได้อยากปิดบังเจ้า แค่คิดไว้ว่าจะบอกเจ้าเมื่อเจ้าอาการดีขึ้น”

ซูชิงอู่จับปกคอเสื้อของเขาแน่นขึ้นเล็กน้อย นางอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นแล้วพูดว่า “หากเป็นเรื่องสำคัญแล้วถูกทำให้ล่าช้าไปจะทำอย่างไร…”

เย่เสวียนถิงก้มจูบหน้าผากของนาง “เรื่องนี้ไม่สามารถแก้ไขได้ในเวลาอันสั้น แม้ข้าจะบอกเจ้าตอนนี้ ก็รังแต่จะทำให้เจ้าเป็นกังวลขึ้นมาอีกคน”

ซูชิงอู่เริ่มกังวล “แล้วหากข้ารู้ทีหลังจะไม่เป็นกังวลมากกว่าเดิมหรอกหรือ?”

เย่เสวียนถิงพูดเสียงต่ำ “อย่าโกรธข้าเลยนะ ข้าผิดไปแล้ว”

เมื่อซูชิงอู่เห็นว่าเขายอมรับผิด นางก็ลดน้ำเสียงลง “ข้ารู้ว่าท่านเป็นห่วงร่างกายของข้า แต่ข้าหาใช่เศษแป้งที่จะแบนเมื่อถูกบีบ ไม่จำเป็นต้องปิดบังอะไรข้าทั้งนั้น ข้ารู้จักตัวเองดีและตระหนักอยู่เสมอว่าควรจะดูแลตัวเองให้ดีก่อน”

เย่เสวียนถิงพยักหน้า เขาอุ้มซูชิงอู่ไปที่ห้องของลั่วลั่วโดยไม่พูดอะไรอีก

หมอหลวงซุนและแม่นมคอยเฝ้าอยู่ตรงโถงด้านนอก

เมื่อเห็นคนทั้งสองมาก็รีบลุกขึ้นทัน
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ย้อนรักทวงแค้น   บทที่ 559

    จู่ ๆ ซูชิงอู่ก็เงยหน้าขึ้นจากอ้อมแขนของเย่เสวียนถิงทันใดนั้นนางก็เหมือนนึกอะไรออก “เสวียนถิง มีหมอยาที่เก่งกาจที่สุดในใต้หล้ารวมตัวกันอยู่ที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ ข้าเชื่อว่าจะต้องมีใครสักคนหรือใบสั่งยาในภูเขาศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถรักษาโรคนี้ได้!”จากการทดลองที่นางประสบในชาติก่อน ซูซิงอู่ได้เรียนรู้เกี่ยวกับหนอนกู่และพิษอันมหัศจรรย์มากมายนอกจากนี้ตำรายาที่ตระกูลฝางทิ้งไว้ได้เขียนบันทึกใบสั่งยาต่าง ๆ ไว้ด้วย นางไม่เชื่อว่าจะไม่มียาใดที่สามารถรักษาลูกสาวของนางได้เย่เสวียนถิงพยักหน้าเบา ๆ“ลูกไม่เป็นอะไรหรอก อย่ารีบร้อนเกินไปเลย”กำลังวังชาในร่างกายของซูชิงอู่ดูเหมือนจะถูกสูบออกไปนางรู้ดีว่าเรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน แม้จะมีใบสั่งยาแต่ประสิทธิภาพของยาเหล่านั้นก็ไม่ใช่สิ่งที่ทารกแรกเกิดจะทนได้หนอนหยกเลือดเป็นหนอนกู่ช่วยชีวิตที่อ่อนโยนอย่างยิ่ง ซูชิงอู่โชคดีมากที่สามารถฝึกฝนมันได้เพราะกู่ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายมนุษย์นั้นยากมากที่จะมีชีวิตรอด แม้จะเลี้ยงพวกมันไว้หลายร้อยตัว แต่สุดท้ายพวกมันก็อาจจะไม่เหลือรอดเลยยิ่งไปกว่านั้น พวกมันก็มีอยู่จำนวนจำกัดและหายากเป็นทุนเดิมสิ่ง

  • ย้อนรักทวงแค้น   บทที่ 560

    เย่เสวียนถิงไม่ได้มีท่าทีจริงจัง เขาไม่ได้ถือว่าเย่อวิ๋นถูเป็นคู่ต่อสู้ของเขาด้วยซ้ำที่เขาคิดเช่นนี้ไม่ใช่เพราะความเย่อหยิ่ง แต่เพราะอีกฝ่ายไม่สามารถสร้างความเสียหายร้ายแรงต่อเขาได้และคงไม่มีทางพุ่งเป้ามาที่เขาสิ่งที่เขาควรระวังมากที่สุดในตอนนี้คือทางฝั่งภูเขาศักดิ์สิทธิ์ก่อนที่เด็กจะได้ถือกำเนิด ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ได้ลงมือโจมตีซูชิงอู่หลายต่อหลายครั้ง และตอนนี้เขากลัวว่าทางฝั่งนั้นจะใช้ทุกวิถีทางที่เป็นไปได้อย่างไร้ปรานีแม้เย่เสวียนจะไม่ทราบจุดประสงค์ในการโจมตีของภูเขาศักดิ์สิทธิ์ แต่เขาก็รู้ว่าต้องมีบางอย่างที่พวกเขาต้องการจากซูชิงอู่และลูกส่วนแผนการของเย่อวิ๋นถูที่ต้องการจัดการกับเย่ชิวหมิง เขาไม่คิดที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาไม่ได้สนใจมากนักว่าทั้งสองคนจะตายหรือมีชีวิตอยู่องครักษ์เงาลำดับที่สิบเจ็ดเงยหน้ามองอีกฝ่ายพลางทำความเข้าใจความคิดของผู้เป็นนายจากนั้นเขาก็รีบลุกขึ้นและกล่าวคำนับ “กระหม่อมเข้าใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ”เย่เสวียนถิงครุ่นคิดไปมา สุดท้ายก็บอกซูชิงอู่เกี่ยวกับเรื่องนี้เมื่อซูชิงอู่ได้ฟังเรื่องราว นางก็มีความคิดคล้ายกับเย่เสวียนถิง นางจึงเขียนจดหมายต

  • ย้อนรักทวงแค้น   บทที่ 561

    เขาหยุดชะงัก จากนั้นก็ลดเสียงลงและหรี่ตาเล็กน้อย “เช่นนั้นเขาก็เป็นผู้สืบทอดบัลลังก์แต่เพียงผู้เดียว”หากเย่ชิวหมิงไม่รู้ว่าความเป็นตายของเขาขึ้นอยู่กับความคิดของซูชิงอู่ เขาอาจจะเชื่อคำพูดของฉีเทียนหยวนจริง ๆน้ำเสียงสงสัยของอีกฝ่ายแฝงความยุยงเอาไว้ทุกคนล้วนเห็นว่าเย่ชิวหมิงให้ความสำคัญกับอ๋องเสวียนเพียงใด ฉีเทียนหยวนเองก็เห็นเช่นนั้นในใจของเขาเองก็ได้คิดคำนวนเอาไว้แล้วเย่ชิวหมิงคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “พี่ฉี สิ่งที่ท่านพูดก็ถือว่ามีเหตุผล”ฉีเทียนหยวนเงยหน้าพลางรู้สึกโล่งใจขึ้นเล็กน้อย“องค์รัชทายาท หากท่านไม่สามารถจัดการกับอ๋องเสวียนได้ ข้าจะช่วยเป็นกำลังให้ท่านเอง”ตอนนี้น้องสาวของเขากลายเป็นชายารัชทายาทแล้ว เขากับเย่ชิวหมิงจึงกลายเป็นครอบครัวเดียวกันไปโดยปริยายในสถานการณ์เช่นนี้ การทำให้เย่ชิวหมิงเชื่อใจแค่เขาและลงเรือลำเดียวกันกับเขาเท่านั้นจึงจะได้รับประโยชน์สูงสุดการมีอยู่ของอ๋องเสวียนชวนให้รู้สึกเหมือนมีมารผจญ หากเย่ชิวหมิงยังคงพึ่งพาอ๋องเสวียน พวกเขาก็คงจะถูกบีบให้ไร้อำนาจเย่ชิวหมิงหรี่ตาลง เขาอ่านความคิดของฉีเทียนหยวนออกหมดแล้วเขาใฝ่ฝันอยากจะได้ตำแหน่งอ

  • ย้อนรักทวงแค้น   บทที่ 562

    ดวงตาของซูชิงอู่ส่องประกายพี่ใหญ่และพี่รองจากเมืองหลวงไปหลายเดือนเพื่อช่วยเหลืออัครเสนาบดีซูแทนนางแต่ด้วยภาระงานที่จัดเตรียมไว้เงียบ ๆ ยังไม่เสร็จสิ้นจึงไม่ได้กลับมาเลยเมื่อเดือนก่อนหลังจากที่นางคลอดลูก แม้นางจะได้รับจดหมาย แต่นางก็ไม่เคยได้รับข่าวที่ทำให้สบายใจขึ้นว่าทั้งสองคนจะกลับมานางมองไปที่เย่หลิงจูอย่างรวดเร็ว “หลิงจู ช่วยดูแลพวกเขาให้ที ข้าจะออกไปดูสักหน่อย”เย่หลิงจูตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็พยักหน้าอย่างมั่นใจ“มีข้าอยู่ พี่สะใภ้ไม่ต้องห่วง”บรรยากาศหน้าจวนคึกคักราวกับมีงานเทศกาลคนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามา เป็นซูหัวจิ่นและซูเชียนหมิงที่ตามเนื้อตัวยังคงเปื้อนคราบสกปรกจากการเดินทางเล็กน้อยซูชิงอู่เดินออกจากห้องพร้อมกับอวิ๋นจื่ออวิ๋นชิงตรงไปทักทายพวกเขา“พี่ใหญ่ พี่รอง...”ทันทีที่ซูชิงอู่พูดจบ ร่างสูงก็เข้ามาหาและกอดนางไว้แน่นร่างกายของซูเชียนหมิงเจือด้วยความเย็น ดวงตาของเขาแดงก่ำและเหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัดดูออกว่าระหว่างทางกลับมาเขาพักผ่อนไม่เพียงพออ้อมแขนของพี่รองทำให้ผ่อนคลายสบายใจอย่างยิ่งเสียงของซูเชียนหมิงแหบแห้ง เขาลดเสียงลงเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ขอ

  • ย้อนรักทวงแค้น   บทที่ 563

    เมื่อได้ยินคำพูดของซูชิงอู่ ดวงตาสามคู่ก็มองมาที่นางน้ำเสียงของซูหัวจิ่นเจือความสงสัย “ชิงอู่ เจ้ารู้จักค่ายชิงเฟิงได้อย่างไร?”ชื่อนี้ทำให้คนที่ได้ยินรู้สึกว่ามันเป็นชื่อที่ตั้งขึ้นมาอย่างหยาบ ๆ และล้าสมัยมากคนที่เห็นชอบชื่อนี้ควจะไม่มีหัวด้านวรรณกรรมนักซูชิงอู่หลุบตาลงพลางนึกถึงสิ่งเหล่านั้น นางมีความทรงจำบางส่วนจากชาติก่อนติดตัวมาด้วย ตอนนี้หลังจากที่นางนึกอะไรออก ดวงตาของนางก็จะส่อประกายคมปลาบ“ค่ายชิงเฟิงอะไรนั่นเป็นเพียงเครื่องมือที่ตระกูลมู่หรงใช้เพื่อหาเงิน ไม่ว่าจะเป็นค่ายชิงเฟิงหรือค่ายเป่ยเฟิง ก็ล้วนมีคนคอยบงการอยู่เบื้องหลัง”คนที่นั่งฟังอยู่นั้นก็ไม่ได้โง่เขลา ใช้เวลาเพียงครู่เดียวก็เข้าใจทันทีว่าซูชิงอู่หมายถึงอะไร?”เย่เสวียนถิงพูดเนิบ ๆ “พวกมันปล้นขบวนเบี้ยบรรเทาทุกข์ ทั้งยังปล้นฆ่าเผาบ้านเรือน การที่ยังไม่สามารถกำจัดพวกมันได้แม้จะผ่านมาเป็นเวลานาน แสดงให้เห็นว่าต้องมีคนจากราชสำนักแอบสนับสนุนพวกมันอยู่ อาอู่พูดถูกแล้ว”ดวงตาของซูหัวจิ่นเบิกกว้างขึ้นในขณะที่เขาฟังคู่รักอธิบายไปมา“เชียนหมิงเคยนำคนไปโจมตีค่ายชิงเฟิง แต่คนเหล่านั้นได้หนีไปอย่างรวดเร็ว เมื่อถึงเ

  • ย้อนรักทวงแค้น   บทที่ 564

    ทารกน้อยที่นุ่มนิ่มบอบบางและงดงามในอ้อมแขนเขาตอนนี้คือเลือดเนื้อเชื้อไขของน้องสาวเขาความรู้สึกนี้ทำให้เขานึกถึงน้องสาวที่เคยเห็นเมื่อตอนยังเด็กขึ้นมาซูเชียนหมิงเอ็นดูซูชิงอู่มาตั้งแต่เด็ก และแน่นอนว่ามันเกิดจากที่เขาชอบช่วยท่านแม่ดูแลน้องสาวของเขามากที่สุดเขาสัมผัสใบหน้าขาวเนียนและละเอียดอ่อนราวกับไข่ปอกเปลือกของทารกน้อยอย่างอ่อนโยนดวงตาสีเข้มโตคู่หนึ่งเปิดขึ้นพาขนตายาวเป็นแพพัดขึ้นมาด้วย เจ้าหนูคนโตที่ร้องไห้งอแงเมื่อครู่ก็หยุดร้องทันทีราวกับเห็นสิ่งที่น่าสนใจ แล้วจู่ ๆ ก็ยื่นมือออกมา“โอ๊ย ๆ ...ไม่ได้นะเจ้าหนู อย่าดึง!”สิ่งที่ตามมาคือเสียงอุทานของซูเซียนหมิงซูเซียนหมิงที่ถูกดึงผมหลุดไปกระจุกหนึ่งก็ส่งทารกในอ้อมแขนให้กับแม่นมเขาถอนหายใจพลางเอ่ยด้วยความคิดถึงวันเก่า ๆ “ไม่เห็นน่ารักเหมือนเจ้าตอนเด็ก ๆ เลย”ซูชิงอู่มองท่าทางของซูเซียนหมิงและอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเบา ๆสุดท้ายทั้งห้องก็เงียบลง ทารกน้อยที่แสนสดใสทั้งสองต่างจ้องมองไปยังคนสองคนที่มาใหม่อย่างตั้งใจมองด้วยความอยากรู้อยากเห็นมีเพียงดวงตาของสาวน้อยตัวเล็ก ๆ คนสุดท้องเท่านั้นที่ไม่ได้สบตาพวกเขาซูหัวจิ่นได้รู

  • ย้อนรักทวงแค้น   บทที่ 565

    คนผู้นั้นแต่งกายด้วยเสื้อผ้าเรียบง่าย เป็นสตรีอายุประมาณยี่สิบปี นางสวมผ้าคลุมหน้า ดวงตาของนางค่อนข้างน่าเกรงขามและมีท่าทางการเดินที่เด่นเป็นสง่าซูชิงอู่ได้กลายเป็นแม่ลูกสาม และกลิ่นอายของสตรีแรกรุ่นที่เป็นเอกลักษณ์ของนางก็สูญสิ้นไปมากแล้วปัจจุบันดวงหน้าของซูชิงอู่มีเสน่ห์และงดงามราวกับภาพวาด นางสวมชุดลำลองที่ค่อนข้างบางเบาและเดินออกมาโดยไม่อิดออดนางเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายแล้วพูดว่า “ท่านหมอเทวดาหญิง”หมอเทวดาหญิงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งแล้วหลุบสายตาลงอย่างสงบ น้ำเสียงของนางแม้เย็นชาแต่น่าฟัง ทำให้ผู้คนรู้สึกถึงความสะอาดและบริสุทธิ์ความประทับใจแรกของซูชิงอู่ที่มีต่อนางคือท่าทางที่เป็นเอกลักษณ์และน่าจดจำไม่แปลกใจที่พี่ใหญ่ยังจำนางได้แม้จะผ่านมานานแล้วไม่สิ เมื่อมองหน้าตาของอีกฝ่าย นางก็รู้สึกคุ้นเคยเล็กน้อยเหมือนเคยเห็นในภาพวาดสักภาพหลังจากเกิดใหม่ ความทรงจำของซูชิงอู่ก็แจ่มชัดขึ้นอย่างมาก และไม่ได้เลอะเลือนอีกต่อไปทันใดนั้นดวงตาของนางก็สั่นไหวราวกับนึกอะไรออกสตรีนางนั้นค่อย ๆ โน้มตัวทักทาย “นั่นเป็นเพียงชื่อปลอมที่คนอื่น ๆ บอกกล่าวกันตามใจชอบ พระชายาเรียกหม่อมฉันว่าเจี่ยหร

  • ย้อนรักทวงแค้น   บทที่ 566

    ดวงตาของซูชิงอู่ยามมองอีกฝ่ายเป็นประกายวาวราวกับมีแสงส่องออกมา ทันใดนั้นนางก็จับมือของหรงหย่าอย่างสนิทสนมและเอ่ยปากออกมา “แม่นางหรง”คำเรียกนั้นทำให้หรงหย่าตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นมองซูชิงอู่อย่างระมัดระวังดูเหมือนซูชิงอู่จะรู้ตัว จึงยิ้มแล้วพูดว่า “ชื่อของท่านคือเจี่ยหรงหรง การเรียกว่าแม่นางหรงก็จะดูสนิทสนมกันมากขึ้น”คำอธิบายของนางถือว่าใช้ได้ทีเดียว แม้หรงหย่าจะรู้สึกสับสนเล็กน้อย แต่นางก็พยักหน้ารับ“ตามแต่ความประสงค์ของพระชายาเลยเพคะ”เมื่อเห็นว่านางคุยด้วยง่าย ซูชิงอู่จึงลากนางไปนั่งที่เก้าอี้อีกฝั่งอย่างกระตือรือร้นทันที พลางหลุบตาลงเล็กน้อยแล้วถามว่า “ยาอยู่ที่ไหนหรือ? แล้วที่นั่นเป็นสถานที่แบบใด?”หรงหย่าคิดอย่างรอบคอบแล้วตอบว่า “พระชายาคงจะรู้จักภูเขาศักดิ์สิทธิ์ใช่ไหมเพคะ ยาที่หม่อมฉันพูดถึงเป็นวัตถุศักดิ์สิทธิ์ของภูเขาศักดิ์สิทธิ์ ว่ากันว่าสามารถฟื้นชีพคนตายได้ ไม่ต้องพูดถึงอาการป่วยของท่านหญิงน้อย แม้แต่คนที่กำลังจะตายก็สามารถฟื้นคืนชีพและยืดอายุของคนผู้นั้นได้เพคะ…”ซูชิงอู่หรี่ตาลงเล็กน้อย “ทุกสิ่งที่ท่านพูดเป็นเรื่องจริงหรือ?”นัยน์ตาของหรงหย่าจริงจังมาก

บทล่าสุด

  • ย้อนรักทวงแค้น   บทที่ 930

    คนขายเนื้อทำสีหน้าหวาดกลัว “คนผู้นี้เลวทรามถึงเพียงนี้เลยรึ?”“เจ้าคอยระวังตัวเอาไว้ก็ไม่เป็นไรแล้ว ทางนั้นตรวจดูเสร็จรึยัง? ไปกันต่อเถิด!”เมื่อกองกำลังทำการค้นหาเสร็จเรียบร้อย คนขายเนื้อก็ยิ้มมุมปากเบา ๆเขาคิดไม่ถึงเลยว่าคนเหล่านี้จะพบเบาะแสทางตะวันตกของเมืองเร็วถึงเพียงนี้หากเขาไม่ได้เตรียมพร้อมมาก่อนหน้านี้และรีบปลอมตัวโดยไว เขาก็คงจะถูกจับได้ไปแล้วคนขายเนื้อรีบเข้าไปยังพื้นที่ด้านในสุดของร้านเขาเหลือบมองหนอนกู่ที่ซ่อนเอาไว้ในตู้ในหนึ่ง และเมื่อเปิดตู้ใบนั้น ดวงตาของเขาก็ฉายแววน่ากลัวออกมาผ่านมาหลายปี ดูเหมือนโลกภายนอกจะลืมความน่ากลัวของภูเขาศักดิ์สิทธิ์ไปแล้ว เริ่มแรกนั้นพวกเขาได้ครอบครองตำแหน่งระดับสูงของราชวงศ์ในแคว้นต่าง ๆ ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงตำแหน่งในนามแต่มันสามารถแทรกแซงแคว้นนั้น ๆ และพลิกสถานการณ์ได้ตอนนี้เรื่องที่สำคัญที่สุดคือการแอบเข้าไปในพระราชวังเพื่อช่วยเหลือเจียงเฟยเอ๋อร์หากต้องการเข้าไปในพระราชวังมีการคุ้มกันอย่างแน่นหนาได้ก็ต้องใช้วิธีที่ต่างออกไปบุรุษผู้นั้นออกจากร้านขายเนื้อหมูที่ถูกตรวจค้นเรียบร้อยแล้ว พร้อมกับปิดประตูร้านแสร้งทำเป็นออกไปทำธุร

  • ย้อนรักทวงแค้น   บทที่ 929

    หลังจากซูชิงอู่ส่งชิงอวี่ออกไปก็ยังคงตื่นเต้นอยู่เล็กน้อยซูชิงอู่หาคนมาวาดภาพเหมือนเจ้าอาวาสในปีที่แล้วและส่งต่อให้คนอื่น ๆ เพื่อช่วยกันค้นหา ซึ่งมันก็ผ่านมานานมากแล้ว และมีเพียงชิงอวี่เท่านั้นที่นำข่าวที่ได้รับการยืนยันกลับมาแจ้งนางแม้จะยังไม่ได้เจอคนผู้นั้น แต่ก็หมายความว่านางจะได้รู้ความจริงของการตายของท่านแม่เสียทีหลังจากสงบสติอารมณ์ได้ ซูชิงอู่ก็ตัดสินใจเดินทางไปทันทีนางอยากไปเจอจิ้งซินผู้นั้นด้วยตนเองและถามเขาว่าเหตุใดตอนนั้นเขาถึงฆ่าท่านแม่ของนาง!คืนเดียวกันนั้นซูชิงอู่ได้พูดคุยเรื่องนี้กับเย่เสวียนถิงเมื่อเย่เสวียนถิงได้รับรู้เรื่องราวก็พยักหน้าเบา ๆ และตัดสินใจอย่างทันทีว่า “ข้าจะส่งคนไปจับเขามาให้เจ้า”ซูชิงอู่ได้ยินอีกฝ่ายตอบง่าย ๆ และห้วนก็อดไม่ได้ที่จะตะลึงและหัวเราะ“ได้”ตอนนี้มีศิษย์พี่ของเจียงเฟยเอ๋อร์คอยจับตาดูอยู่ในเมืองหลวง ซูชิงอู่จึงไม่สามารถไปหาคนผู้นั้นพร้อมกับชิงอวี่ได้บรรยากาศในเมืองหลวงเริ่มตึงเครียดขึ้นเรื่อย ๆแม้แต่ฮ่องเต้เช่นเย่ชิวหมิงก็สังเกตเห็นสัญญาณของเหตุการณ์ร้ายแรงบางอย่างที่กำลังจะตามมาเขาเคยได้ยินซูชิงอู่พูดว่าศัตรูที่ซ่อนตัวอ

  • ย้อนรักทวงแค้น   บทที่ 928

    ไป๋เฟิงก้มหัวลงอย่างเชื่อฟัง ราวกับมันได้กลายเป็นแมวตัวใหญ่ไปแล้วซูชิงอู่อดหัวเราะไม่ได้ “เจ้าคงเหนื่อยแย่ วันนี้ทำได้ดีมาก”ในที่สุดก็ได้ใช้ประโยชน์จากไป๋เฟิง สมกับที่เลี้ยงมันมานานไป๋เฟิงยืนขึ้นและอ้าปากหาว ส่วนสิงโตขนทองคำที่อยู่ข้าง ๆ ย่องเข้ามาทางด้านหลังซูชิงอู่ และใช้หัวถูเอวของนางดูเหมือนว่ามันต้องการให้ซูชิงอู่ลูบมันด้วยคนอื่น ๆ มองไปยังซูชิงอู่ที่มีร่างกายบอบบางยืนอยู่ตรงหน้าสัตว์ดุร้ายทั้งสอง พวกเขาทั้งหมดก็พูดไม่ออกอยู่นานนี่มัน...ร้ายกาจเกินไปแล้ว!แม้แต่กลุ่มบุรุษร่างใหญ่เช่นพวกเขาก็ยังไม่กล้าเข้าใกล้สัตว์ดุร้ายทั้งสองแม้แต่ครึ่งก้าว ทว่าซูชิงอู่กลับสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับพวกมันได้อย่างกลมกลืนเหมือนพวกมันเป็นสัตว์เลี้ยงของนางเมื่อไม่ถูกยุงกัดและกินยาสมุนไพรที่ผสมไว้แล้ว ม้าทุกตัวในสนามฝึกก็สงบลงและกลับสู่ภาวะปกติทันทีที่ซูชิงอู่กลับมาถึงตำหนัก ก็เห็นหรงหย่าวิ่งเข้ามา“พระชายา เมื่อครู่มีคนมาพบท่านและบอกว่ามีเรื่องด่วนต้องรายงาน”“มีเรื่องด่วนอะไรรึ?”หรงหย่าส่ายหัว “ข้าก็ไม่รู้เช่นกัน ท่านไปดูก่อนเถิด”ซูชิงอู่สั่งให้คนพาผู้ส่งข่าวเข้ามาทันทีนางจ้อง

  • ย้อนรักทวงแค้น   บทที่ 927

    เลือดของแมลงวันติดอยู่ที่มือของซูชิงอู่ส่งกลิ่นแปลก ๆ ออกมาเมื่อซูชิงอู่มองชัด ๆ นางก็ได้รู้ว่ามันไม่ใช่แมลงวันแต่เป็น…แมลงมีปีกชนิดหนึ่งที่มีลักษณะคล้ายแมลงวันปากของแมลงมีความคมมาก สามารถเจาะทะลุขนของสัตว์บางชนิดได้ง่าย ทว่าแมลงมีปีกชนิดนี้ไม่สนใจมนุษย์และจะกัดเฉพาะสัตว์เท่านั้นที่แท้นี่คือสาเหตุหลักที่ทำให้สัตว์ในเมืองหลวงบ้าคลั่งในช่วงหลายวันนี้!ซูชิงอู่ยังสังเกตเห็นว่ายุงเหล่านี้ถูกพิษและเมื่อพวกมันแพร่พันธุ์ ในไข่ก็มีสารพิษดังกล่าวติดไปด้วยขอเพียงแมลงเหล่านี้ยังกัดสัตว์ต่อไป สารพิษก็จะค่อย ๆ สะสมทีละน้อยสุดท้ายก็ถึงขั้นทำให้เสียสติ!คนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้มีเจตนาชั่วร้ายหากนางไม่ค้นพบสิ่งนี้ก่อน เกรงว่าม้าศึกทั้งหมดจะต้องตายไปด้วยความบ้าคลั่งอีกทั้งยังไม่อาจทราบสาเหตุได้แน่นอนว่าม้าศึกเป็นส่วนสำคัญในกองทัพ หากทหารม้าเสียม้าไป ก็คงไม่ต่างไปจากคนอ่อนแอไร้ค่า...ซูชิงอู่ตัดสินใจอย่างรวดเร็ว“นำม้าทุกตัวไปไว้ในที่ปิดและหาทางฆ่าแมลงมีปีกเหล่านี้ให้สิ้นเสีย”รองแม่ทัพที่ติดตามนางมารีบจำคำสั่งนี้เอาไว้ทันที“รับทราบพ่ะย่ะค่ะพระชายา!”เขาก็รีบกระจายคำสั่งออก

  • ย้อนรักทวงแค้น   บทที่ 926

    เมื่อเย่เสวียนถิงได้ยินสิ่งที่ซูชิงอู่พูด สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นเยือกเย็น “ข้าจะส่งคนไปตรวจสอบ”ซูชิงอู่ส่ายหัวทันที “ยาพิษนี้คงไม่ได้อยู่ในอาหารสัตว์ อีกทั้งเมื่อมาลองคิดดู สัตว์ป่าจำนวนมากที่อยู่ใกล้เมืองหลวง รวมไปถึงม้าศึกล้วนติดพิษกันหมด มีเพียงมนุษย์เท่านั้นที่ไม่เป็นอะไร นี่เป็นเรื่องที่แปลกมาก และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือไม่มีใครสามารถวางยาพิษม้าศึกในเมืองหลวงได้อย่างเงียบ ๆ ”การวิเคราะห์ของซูชิงอู่นั้นสมเหตุสมผลมาก แม้แต่เย่เสวียนถิงเองก็ขมวดคิ้วขึ้นมาหากหาสาเหตุไม่พบก็แก้ปัญหาไม่ได้แม้จะรักษาม้าหนึ่งในนั้นจนหายขาด แต่ก็จะกลับมามีอาการเดิมในอีกไม่ช้าไม่ไกลกันนักก็มีนายทหารระดับสูงนายหนึ่งวิ่งเข้ามาเขาหอบหายใจและกล่าวว่า “ท่านอ๋อง ทำการตรวจสอบเสบียงอาหารแล้วไม่พบสิ่งผิดปกติพ่ะย่ะค่ะ”“น้ำล่ะ?”“ตรวจสอบน้ำแล้วเช่นกัน ไม่มีร่องรอยของการวางยาพิษเลยพ่ะย่ะค่ะ”เมื่อได้ยินรายงาน เย่เสวียนถิงก็ขมวดคิ้วหนักกว่าเก่าคราวนี้แย่แล้วสิซูชิงอู่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ช่วยทำให้ม้าทุกตัวสงบลงก่อนได้หรือไม่ เดี๋ยวข้าจะเข้าไปดูรางอาหารม้าเอง”“ได้พ่ะย่ะค่ะพระชายา กรุณารอสักครู่ ก

  • ย้อนรักทวงแค้น   บทที่ 925

    เริ่มแรก เขาสงสัยในเรื่องที่ซูชิงอู่เคยพูดจนเกิดความคิดจินตนาการบางส่วนขึ้นมา เรียกได้ว่าตอนกลางวันก็เอาแต่นึกถึง ตกกลางคืนก็เก็บมาฝันอีกแต่เขาไม่เคยได้ยินซูชิงอู่พูดถึงเรื่องนี้มาก่อนเลยจริง ๆเนื่องจากความฝันนั้นมันดูเพ้อเจ้อเกินไป เย่เสวียนถิงจึงไม่พูดออกมา เพราะกลัวว่ามันจะเป็นการเพิ่มภาระให้กับซูชิงอู่อย่างไม่มีเหตุผลหลายวันมานี้ซูชิงอู่อาศัยอยู่กับลูกน้อยทั้งสามของนางเพื่อชดเชยช่วงเวลาที่นางห่างพวกเขาไปนานเด็ก ๆ ที่เพิ่งจะอายุได้ไม่กี่เดือนแต่กลับต้องห่างจากอ้อมอกของพ่อแม่ นั่นทำให้ซูชิงอู่รู้สึกผิดขึ้นมาดังนั้นนางจึงไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องภายนอกมากนักทันใดนั้นนางก็นึกอะไรออกและถามว่า “เสวียนถิง ช่วงนี้หมาป่าเหล่านั้นที่อยู่ข้างนอกเป็นอย่างไรบ้าง?”เย่เสวียนถิงเงยหน้าขึ้นและพูดว่า “ไม่ได้มีเพียงสัตว์ร้าย แต่ยังกระทบไปถึงม้าศึกด้วย ไม่รู้ว่าเหตุใดถึงเริ่มไม่เชื่อฟังคำสั่งกัน”“เดี๋ยวข้าจะไปตรวจสอบเรื่องนี้เสียหน่อย”ซูชิงอู่รู้สึกได้โดยไม่รู้ตัวว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้องเกี่ยวกับเรื่องนี้แม้เรื่องจะดูเป็นเรื่องเล็กน้อยและไม่มีผลกระทบกับมนุษย์มากนัก แต่นางก็รู้สึกอ

  • ย้อนรักทวงแค้น   บทที่ 924

    ทันใดนั้นหมอหลวงซุนก็เหมือนจะคิดอะไรออก “เหมือนกับตอนที่พระชายาใช้ดอกไม้ชนิดหนึ่งเพื่อทำให้ม้าพยศคลั่งใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”“อืม ทำนองนั้นแหละ”สิ่งเหล่านั้นเป็นสิ่งที่นางพบในเภสัชตำรับ และหากใช้มัน ผลลัพธ์ที่ได้จะน่าทึ่งมากแม้ลงมือไปอย่างกะทันหัน แต่ก็ไม่มีใครจับได้ปรมาจารย์มือวางพิษที่แท้จริงคือผู้ที่วางยาพิษโดยไม่ทิ้งหลักฐานใด ๆ เอาไว้“ขอบพระทัยพระชายาสำหรับคำชี้แนะ หลังจากที่ได้พูดคุยกับท่าน กระหม่อมก็เข้าใจอย่างกระจ่างแจ้งแล้วพ่ะย่ะค่ะ”ซูชิงอู่ปิดเภสัชตำรับ “ข้าท่องเภสัชตำรับนี้จนจำขึ้นใจ และเข้าใจเนื้อหาด้านในได้คร่าว ๆ เพียงแต่ยังไม่พบวิธีที่จะไขความลับที่อยู่ในนั้น หวังว่าท่านจะช่วยเรื่องนี้ได้”คราวนี้ ทุกคนเชื่อมั่นในคำพูดของซูชิงอู่สิ่งที่พวกเขาไม่ได้สนใจ แต่พระชายากลับนำมาใช้งานได้ถึงขั้นนี้ ยังมีอะไรที่ต้องพูดกันอีกหรือ?ตาแก่เช่นพวกเขาที่อาศัยว่าตนอายุมากทำตัวอาวุโสดูถูกผู้อื่นนั้นเทียบเทียมพระชายาไม่ได้เลย!หลังจากที่ซูชิงอู่อธิบายเรื่องนี้จบ นางก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและแอบหลบออกมาทางประตูใหญ่นางกลัวว่าคนเหล่านั้นจะถามนางว่านางศึกษาเรียนรู้ทักษะทางการ

  • ย้อนรักทวงแค้น   บทที่ 923

    หมอหลวงซุนขมวดคิ้วเล็กน้อย“อย่าพูดไร้สาระ นั่นจะเป็นไปได้อย่างไร? พระชายาไม่จำเป็นต้องโกหกพวกเราเลย โกหกพวกเราไปแล้วนางจะได้ประโยชน์อะไร?”คำพูดนี้ก็ถือว่ามีเหตุผลทุกคนต่างพูดไม่ออกทำได้แค่นั่งเงียบ ๆ แล้วพลิกหน้าอ่านต่อไปพลิกหน้ากระดาษตั้งแต่เช้าจรดค่ำ และอ่านจนถึงเช้าวันรุ่งขึ้นตำราทั้งเล่มถูกอ่านจนจบอย่างรวดเร็ว ทุกคนในสำนักหมอหลวงไม่ได้นอนมาสองวันสองคืน และตอนนี้ทุกคนดูเหนื่อยและมีสีหน้าทรุดโทรมเมื่ออ่านหน้าจนถึงสุดท้าย แม้แต่หมอหลวงซุนก็ตกอยู่ในความเงียบเพราะเภสัชตำรับเล่มนี้บันทึกเฉพาะโรคและวัตถุดิบยาที่ธรรดาทั่วไปมาก ๆ บางส่วนเท่านั้นข้อแตกต่างเพียงหนึ่งเดียวคือผู้อาวุโสเช่นพวกเขาได้เรียนรู้เกี่ยวกับวัตถุดิบยาหลายประเภทและพัฒนาแนวคิดใหม่ ๆแม้จะไม่ไร้ประโยชน์ แต่ความคาดหวังกับผลลัพธ์ก็แตกต่างกันมากเลยทีเดียวถึงขั้นทำให้พวกเขาขาดความมั่นใจและอดไม่ได้ที่จะคิดว่านี่น่ะหรือคือเภสัชตำรับที่ตระกูลฟางเฝ้าหวงแหนมานานหลายปี?ดวงตาของหมอหลวงซุนเต็มไปด้วยสีแดงก่ำที่เกิดจากการอดนอน“ในเมื่อเภสัชตำรับของตระกูลฟางไร้ประโยชน์ เช่นนั้นพระชายาไปเรียนรู้ทักษะด้านการแพทย์มา

  • ย้อนรักทวงแค้น   บทที่ 922

    “นี่คือวัตถุดิบยาและปริมาณที่คนผู้นั้นทำการวางยา ที่สำนักหมอหลวงของพวกท่านมีสิ่งนี้อยู่แล้ว หากจะทำยาถอนพิษก็คงไม่ใช่เรื่องยากกระมัง”“ไม่ยากพ่ะย่ะค่ะ ไม่ยาก!”หมอหลวงซุนยิ้มร่าราวกับได้รับสมบัติเขามองซูชิงอู่ที่ยังอยู่ในวัยหนุ่มสาว แต่กลับเก่งกาจกว่าเหล่าคนชราเช่นพวกเขาเมื่อรวมกับเภสัชตำรับของตระกูลฟางที่ซูชิงอู่พูดถึง หมอหลวงเฒ่าก็ดีใจจนเนื้อเต้นหากได้เรียนรู้และกลายเป็นคนที่เก่งกาจเหมือนพระชายา ระดับความรู้ของเขาก็จะเพิ่มขึ้นไปด้วยหรือไม่?แต่หมอหลวงซุนไม่เคยรู้เลยว่าทุกสิ่งที่ซูชิงอู่เรียนรู้ไม่ได้มาจากเภสัชตำรับของตระกูลฟางในเภสัชตำรับเล่มนั้นมีความแตกต่างตรงจุดไหน ตัวซูชิงอู่ในตอนนี้ก็ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำแม้ตอนตายไปในชาติก่อน เภสัชตำรับก็ถูกทำลายและไม่มีใครเห็นความลับที่ซ่อนอยู่ในนั้นจุดเด่นเพียงหนึ่งเดียวของเภสัชตำรับเล่มนั้นคือบันทึกข้อมูลวัตถุดิบยาจำนวนมากที่คนทั่วไปไม่ทราบและสรรพคุณลับบางส่วนบรรดาผู้อาวุโสของสำนักหมอหลวงพากันมาช่วยคิดค้นยาถอนพิษเพื่อที่จะได้อ่านเภสัชตำรับนั้นเร็ว ๆในที่สุดเช้าวันรุ่งขึ้นยาที่สามารถฟื้นฟูสติของสัตว์ร้ายได้ก็ถูกส่งมาให้ฮ่องเต้

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status