เมื่อเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของเขา ไทเฮาก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “เกิดอะไรขึ้นหรือฝ่าบาท?”ฮ่องเต้แตะมัน แววตาของเขาดูโกรธจัดเขาจำได้ว่าภาพวาดนี้เป็นของขวัญที่บุตรชายคนโตของตระกูลซูถวายมาให้ตอนแรกเขามัวแต่ดีใจจนไม่ได้ตรวจสอบอย่างละเอียด ตอนนี้มาเห็นอีกภาพที่เหมือนกันทุกประการ จะไม่ให้เขาคิดมากได้อย่างไรแม้ว่าวันนี้จะเป็นงานเลี้ยงวันประสูติไทเฮา และไม่ควรที่จะพูดถึงเรื่องดังกล่าวในที่สาธารณะ แต่ฮ่องเต้ก็ไม่สามารถกลืนความโกรธนี้ลงไปได้หากภาพนั้นเป็นของปลอมจริง ๆ ซูหัวจิ่นก็เท่ากับทำความผิดฐานหลอกลวงฮ่องเต้!เนื่องจากมีอคติมาก่อน ฮ่องเต้จึงไม่เคยคิดว่าคนที่ส่งของปลอมมาคือเย่อวิ๋นถู...ซูหัวจิ่นไม่มีเส้นสาย และไม่มีเงิน เขาจะโชคดีเพียงใดที่ได้ภาพวาดนั้นมา?ดวงตาของฮ่องเต้หนักอึ้ง ทันใดนั้นเขาก็พูดกับขันทีที่อยู่ข้างหลังเขาว่า “ไปเอาภาพวาดจากคลังสมบัติของข้ามา”ขันทีตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งแล้วรีบตอบ “พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”เขาดุขันทีตัวเล็กที่อยู่รอบตัวเขาอย่างรวดเร็ว ขอให้พวกเขาเคลื่อนไหวให้เร็วขึ้นหลังจากนั้นไม่นานภาพวาดที่ถูกเก็บไว้ในคลังของฮ่องเต้ก็ถูกนำมาวางต่อหน้าผู้คนฮ่องเต้หยิบมั
แนวทางเกือบจะเหมือนกันทุกประการนางลดสายตาลง จับมือของเย่เสวียนถิงเบา ๆ รอผลการถกเถียงเกี่ยวกับภาพวาดทั้งสองนางอยากเห็นเย่อวิ๋นถูอับอายต่อหน้าสาธารณชน!แน่นอนว่าเมื่อฮ่องเต้เฒ่าได้ยินสิ่งที่คนเหล่านั้นพูด เขาก็ยิ่งโกรธมากขึ้นดวงตาของเขาเต็มไปด้วยโทสะ“ซูหัวจิ่น น่าชื่นชมนัก!”ตอนนี้ไม่มีพี่น้องซูคนใดอยู่ในวัง ดังนั้นจึงไม่มีใครสามารถพูดแทนพวกเขาได้เลยแต่ในเวลานี้จู่ ๆ ก็มีคนในหมู่ขุนนางกล่าวขึ้น“เหตุใดฝ่าบาทจึงคิดว่าภาพวาดของใต้เท้าซูเป็นของปลอมหรือพ่ะย่ะค่ะ?”เมื่อได้ยินเสียงพูดขึ้นอย่างฉับพลันเช่นนี้ ทุกคนก็หันไปมองทันทีก็เห็นข้าราชการหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาสง่างามคนหนึ่งเดินออกมา มองภาพวาดทั้งสองอย่างใจเย็นฮ่องเต้ตกใจเล็กน้อย “อวิ๋นเซียงหรูเจ้าหมายความว่าอย่างไร?” ใบหน้าของอวิ๋นเซียงหรูสงบและน้ำเสียงของเขาก็สงบ “เพราะในความคิดของกระหม่อม ภาพวาดที่องค์ชายสามมอบให้ไทเฮาต่างหากที่เป็นของปลอม”เมื่อได้ยินสิ่งนี้ เย่อวิ๋นถูก็มองเขาอย่างเย็นชาทันที “เจ้าพูดจาเหลวไหล ใส่ร้ายข้า!”สวีชิงโม่ก็แทรกออกมาจากฝูงชน ยืนอยู่ข้างอวิ๋นเซียงหรูและเอ่ยด้วยความเคารพ “ฝ่าบาท กระหม่อมพอ
ภาพทิวทัศน์อีกภาพถูกนำมาให้ผู้คนได้เห็นในไม่ช้าสวีชิงโม่วางภาพวาดทั้งสามลงบนโต๊ะทันทีเขายืนอยู่ข้างฮ่องเต้ เปรียบเทียบภาพวาดทั้งสามอย่างละเอียด“ฝ่าบาทโปรดตรวจดูตราประทับนี้ให้ละเอียดพ่ะย่ะค่ะ สาเหตุที่หลายปีมานี้ไม่มีใครสามารถเลียนแบบจิตรกรไป๋ได้ก็เป็นเพราะเหตุนี้เป็นหลัก แท่นหมึกที่จิตรกรไป๋ใช้นั้นทำขึ้นเอง สามารถปล่อยกลิ่นหอมออกมาได้ แม้จะทิ้งไว้นานหลายปี ก็ยังได้กลิ่นชัดเจน”“นอกจากนี้พู่กันและหมึกที่ใช้ในภาพเขียนนี้ล้วนเป็นสมบัติล้ำค่าที่หายากมาก เส้นที่วาดออกมาก็มีความเรียบเนียนและสวยงามมาก ในรายละเอียดบางส่วนในภาพทั้งสองภาพใช้ทักษะเดียวกันทุกประการ ส่วนภาพสุดท้ายจะเห็นได้ชัดว่าเป็นของด้อยคุณภาพ มองเผิน ๆ เหมือนกัน แต่ดูละเอียดแล้วเทียบกันไม่ได้”สวีชิงโม่พูดอย่างชัดเจน วิจารณ์ภาพปลอมจนไม่เหลือดีคนอื่น ๆ ต่างเงียบ แม้ว่าสิ่งที่สวีชิงโม่พูดจะค่อนข้างเกินจริง แต่ใครก็ตามที่มีสมองจะรู้ว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นเป็นเรื่องจริง...ภาพวาดที่เย่อวิ๋นถูส่งมานั้นเป็นของปลอมแน่นอน จะสังสัยอะไรได้อีก?บรรยากาศเงียบสงัดชั่วขณะ ทุกคนมองไปทางองค์ชายสามอย่างไม่ตั้งใจเห็นว่าใบหน้าของเย่อวิ
ในราชวงศ์ ความสัมพันธ์ทางสายเลือดมักจืดจาง ในสายตาของเย่เสวียนถิง ไม่มีใครสำคัญเท่ากับซูชิงอู่อีกแล้วกลยุทธ์นี้ช่างยอดเยี่ยม จนทุกคนที่ยังคงให้ความสนใจกับเรื่องก่อนหน้าของภาพวาดจริงหรือปลอม หันเหความสนใจไปที่เย่เสวียนถิงทันทีแม้มีคนจำนวนมากจับตามอง แต่การแสดงออกของเย่เสวียนถิงยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ในวันนี้เขาไม่ได้นำของขวัญวันประสูติมาเลยสักชิ้นแม้แต่การมาที่นี่ ก็เพียงเพราะเห็นแก่หน้าของซูเฟยไทเฮาทรงยิ้ม ดูไม่พอใจเล็กน้อยนางกล่าวว่า “ข้าเพียงต้องการรับรู้ถึงความตั้งใจ สำหรับความมีค่าของของขวัญ ข้าไม่ใส่ใจอะไรนักหรอก”ซูชิงอู่ลุกขึ้นยืนทันทีนางมองไปที่ไทเฮาด้วยรอยยิ้มทันใดนั้นเอง หลายคนจับจ้องไปที่ท้องของนางด้วยส่วนนูนที่เห็นได้ชัด ทุกคนจึงรู้ว่าพระชายาตั้งครรภ์แล้วเพียงไม่กี่เดือนหลังจากแต่งงาน นางก็ตั้งครรภ์เสียแล้ว นั่นแสดงให้เห็นว่าข่าวลือเกี่ยวกับความรักระหว่างท่านอ๋องและพระชายาเป็นเรื่องจริงนางยิ้มและพูดว่า “แน่นอนว่าหม่อมฉันย่อมต้องนำของขวัญมาด้วย และมันก็เป็นของขวัญที่พิเศษมากทีเดียว”ไทเฮาเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย มองไปที่ซูชิงอู่“เช่นนั้นข้าอยากรู้จริง ๆ ว่าม
พระเนตรของไทเฮากะพริบ “เจ้าตั้งใจจะใช้เข็มเงินเหล่านั้นแทงที่ตัวข้าเช่นนั้นหรือ?”ซูชิงอู่พยักหน้า “มันเป็นเพียงวิธีการ หม่อมฉันรับประกันว่าผลลัพธ์ที่ได้จะทำให้ไทเฮาพอใจแน่นอนเพคะ”ไทเฮาหัวเราะเยาะ “หากข้าเป็นอะไรไป เจ้ารับผิดชอบได้หรือ?”ซูชิงอู่แตะท้องของนาง "หม่อมฉันรับผิดชอบไม่ได้ แต่เขารับผิดชอบได้แน่เพคะ”ความหมายชัดเจนในตัวเองซูชิงอู่พูดเช่นนี้เพื่อให้ไทเฮาทรงมั่นใจ ว่าตอนนี้นางมีเรื่องต้องห่วง ไม่กล้าลงมือกับไทเฮาแน่ยิ่งไปกว่านั้นรอบข้างมีคนมากมาย หากนางทำให้ไทเฮาเป็นอะไรไป นางคงไม่สามารถหนีออกจากพระราชวังได้อย่างปลอดภัยซูชิงอู่แสดงท่าทีจริงใจอย่างยิ่งไทเฮาไม่ไว้วางใจซูชิงอู่เลย ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่นางจะเห็นด้วยกับข้อเสนอดังกล่าวนางยิ้มมุมปาก "ช่างเถอะ ข้าไม่สนใจของแบบนี้”เมื่อซูชิงอู่ได้ยินสิ่งนี้ นางก็แสดงสีหน้าผิดหวัง“นี่เป็นของขวัญวันประสูติที่ท่านอ๋องและหม่อมฉันเตรียมไว้ให้ไทเฮา หากพระนางปฏิเสธ ก็เท่ากับทำลายความตั้งใจของท่านอ๋องและหม่อมฉันสิเพคะ”มุมปากของไทเฮากระตุก นางคงต้องโง่ถึงจะยอมรับข้อเสนอที่ไม่สมเหตุสมผลของซูชิงอู่“ข้ารับรู้ถึงความตั้
เพื่องานนี้นางเตรียมการมาอย่างยาวนานภายในห้องโถงใหญ่ ทันใดนั้นพระพุทธรูปทองคำที่เป็นของขวัญวันประสูติก็ถูกทำลายจากภายใน เงาดำพุ่งตรงเข้าหาฮ่องเต้เพราะระยะห่างใกล้กันมาก ฮ่องเต้จึงไม่มีทางหนีพ้น!ฮ่องเต้เฒ่าตกตะลึง ในเวลานั้นดาบสีเงินพุ่งตรงมาหาเขา ทำให้เขาไม่ทีทางต้านทานได้แต่โชคดี…เย่ชิวหมิงที่กำลังจะเข้ามาดื่มอวยพรตอบสนองอย่างรวดเร็ว และผลักฮ่องเต้ออกไปได้!อาหารและสุรากระจัดกระจายไปทั่ว มือสังหารที่เห็นว่าการโจมตีไม่สำเร็จจึงพุ่งเข้าหาฮ่องเต้เฒ่าที่ล้มลงกับพื้นอีกครั้งเย่ชิวหมิงหยิบเก้าอี้ขึ้นมาบังดาบของอีกฝ่าย ใบหน้าเคร่งเครียด ตะโกนบอกคนที่อยู่ข้างหลังอย่างดุเดือดว่า “คุ้มกันฮ่องเต้ คุ้มกันฮ่องเต้เร็วเข้า!”บรรดาขุนนางต่างวิ่งหนีกันไป ไม่มีใครอยากมาส่งตัวเองไปตายเย่เสวียนถิงสีหน้าเรียบเฉย องครักษ์ที่เตรียมพร้อมอยู่ข้างนอกก็รีบรุดไปข้างหน้าช่วยพยุงฮ่องเต้ให้ลุกขึ้นและปกป้องเขาไว้ข้างหลังเขาทุกคนเห็นเย่ชิวหมิงต่อสู้กับนักฆ่าทั้งสองคนสู้กัน ทั้งคู่มีทักษะศิลปะการต่อสู้ที่คล้ายคลึงกันมากเมื่อเวลาผ่านไป เย่ชิวหมิงก็ชิงความได้เปรียบมาได้ทันใดนั้นเขาก็เตะขาของฝ่ายตรง
เย่ชิวหมิงลดสายตาลงและพูดว่า “ฝ่าบาท พระพุทธรูปทองคำนี้ลูกกับพระมารดาถวายเป็นของขวัญวันเกิดแด่ไทเฮาจริง แต่เรื่องที่มีมือสังหารอยู่ข้างใน ลูกไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับเรื่องนี้!”ฮ่องเต้หรี่ตาลง “ไม่รู้เรื่องหรือ คำพูดนี้เจ้าพูดออกมาแล้ว เป็นเจ้าจะเชื่อหรือเปล่า?”ฮ่องเต้เฒ่าเกือบถูกลอบสังหาร และตอนนี้เขายังคงอยู่ในอาการอกสั่นขวัญแขวนไม่หาย จึงระบายความโกรธทั้งหมดไปที่เย่ชิวหมิงหากเรื่องนี้ไม่ได้รับการจัดการอย่างเหมาะสม ทั้งเย่ชิวหมิงและตระกูลเจียวจะได้รับผลกระทบร้ายแรงซูชิงอู่มองดูเหตุการณ์ที่คุ้นเคยนี้อย่างใกล้ชิด ในชาติก่อนนางเห็นตระกูลเจียวล่มสลายลงกับตา และเย่ชิวหมิงก็ถูกขังอยู่ในพระราชวังชีวิตก่อน นางไม่รู้ว่าใครเป็นคนจัดฉากการลอบสังหารนี้ แต่ตอนนี้นางรู้ความจริงแล้วฮองเฮาเพียงคนเดียวไม่อาจมีความสามารถที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ได้ คนที่อยู่เบื้องหลังต้องเป็นไทเฮา!ในฐานะมารดาแท้ ๆ ของฮ่องเต้ ไทเฮาย่อมมีอำนาจสูงมากในชาติก่อนมือสังหารไม่ถูกขัดขวางเช่นนี้ แต่ได้แทงฮ่องเต้จนบาดเจ็บ แต่ไม่โดนจุดตายนั่นแปลว่าประสงค์ของไทเฮาไม่ใช่การฆ่าฮ่องเต้ แต่เพียงเพื่อทำให้พระองค์ไร้ความสามารถ
เมื่อเห็นว่าเขาเตรียมพร้อมและมั่นใจมากเพียงใด ฮ่องเต้เฒ่าจึงละความสงสัยของเขาลงเขาขมวดคิ้ว “ดี ข้าจะรอข่าวดีของเจ้าพรุ่งนี้เช้ามารายงานข้า"“ไม่จำเป็นต้องรอถึงเช้า แค่ให้เวลาลูกสองชั่วยามก็พอพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้เฒ่าพอใจมาก เมื่อได้ยินสิ่งนี้ "ไปเถิด"เจียวกุ้ยเฟยไม่รู้ความจริงเลยนางไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเมื่อไรที่ลูกชายของนางแข็งแกร่งขนาดนี้เรียกได้ว่าล่วงรู้อนาคตเลยทีเดียวนางก็ยืนขึ้นและเดินเข้ามาหาเย่ชิวหมิง ถามด้วยเสียงแผ่วเบา “ชิวหมิง เจ้าแน่ใจเรื่องเกี่ยวกับพระพุทธรูปจริงหรือ?”เย่ชิวหมิงเหลือบมองมารดาเมื่อก่อนเขาชื่นชมมารดามาก คิดว่านางฉลาด สามารถปกป้องเขาได้ ดังนั้นหลายเรื่องจึงฟังนางแต่ตอนนี้เขารู้สึกว่ามารดาของเขาค่อนข้างหยิ่ง และหลงตัวเองหากนางไม่ได้รับการสนับสนุนจากตระกูลเจียว นางคงไม่สามารถมีชีวิตที่เจริญรุ่งเรืองในวังแห่งนี้ได้ เกรงว่าไม่มีทางอยู่รอดในวังนี้ได้ หากตระกูลเจียวล่มสลาย เขาและมารดาคงต้องพบจุดจบเลวร้ายอย่างแน่นอนครั้งนี้ไทเฮาใช้พระพุทธรูปทองคำเพื่อนำมือสังหารเข้าวัง การกระทำตั้งแต่ต้นจนจบไม่มีหลักฐานใด ๆ ไม่ว่าจะเตรียมการล่วงหน้าหรือโยนความผิดให้ตระ