ต้องยอมรับว่าฉีหว่านเอ๋อร์เป็นสตรีที่ค่อนข้างตรงไปตรงมามากแม้ในใจจะอาย แต่กลับกล้าพูดแสดงความรู้สึกออกมาไม่ไกลนัก เย่ชิวหมิงรู้สึกว่าแก้มของตนแดงขึ้นเล็กน้อยทั้งละอายและรู้สึกผิดนั่นเพราะฉีหว่านเอ๋อร์ชอบคนที่ปราบสัตว์ร้ายได้อย่างแท้จริง ซึ่งนั่นไม่ใช่เขาเขาเป็นแค่คนหลอกลวงซูชิงอู่กลับมายืนข้างเย่เสวียนถิง ยกมือขึ้นแล้วแตะปิ่นที่เพิ่งได้มาใหม่บนศีรษะของนางเบา ๆ ดูงิ้วเบื้องหน้าด้วยความสนใจเล็กน้อยเห็นได้ชัดว่าไทเฮาตกตะลึงกับคำพูดของฉีหว่านเอ๋อร์ จากนั้นจึงเงยหน้ามองฉีเทียนหยวน “บุตรีคนแคว้นฉีตะวันออกเป็นเช่นนี้ทุกบ้านหรือ?”ฉีเทียนหยวนรีบดึงฉีหว่านเอ๋อร์อย่างรวดเร็ว และกล่าวต่อไทเฮาด้วยความเคารพ “ฉีหว่านเอ๋อร์ถูกที่บ้านตามใจจนเสียนิสัยพ่ะย่ะค่ะ”“ไม่น่าแปลกใจเลย ที่แคว้นหนานเย่ของเราเรื่องแต่งงานขึ้นอยู่คำสั่งของบิดามารดา ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าลูกสาวคนใดสามารถตัดสินใจเรื่องแต่งงานของตัวเองได้ ยิ่งฉีหว่านเอ๋อร์เป็นถึงองค์หญิง ยิ่งต้องทำตัวเป็นเยี่ยงอย่าง”เมื่อนางได้ยินไทเฮาพูดเช่นนั้น ดวงตาของฉีหว่านเอ๋อร์ก็เริ่มแดงทันทีนางตามพี่ชายมาที่นี่เพราะเขาบอกว่าจะช่วยให้นาง
เย่ชิวหมิงกำลังเฝ้าดูจากด้านข้าง เขาตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ค่อย ๆ โกรธขึ้นในใจแม้ว่าเขาจะไม่ชอบฉีหว่านเอ๋อร์มากนักแต่เขาก็โกรธมากเมื่อต้องเผชิญกับการแทรกแซงที่โจ่งแจ้งเช่นนี้ในฐานะองค์ชายใหญ่ บุตรชายของเจียวกุ้ยเฟย เขาไม่คิดว่าตัวเองด้อยไปกว่าเย่อวิ๋นถูเลยการต่อสู้เพื่อชิงบัลลังก์เป็นเรื่องของความเป็นความตาย เขาและเย่อวิ๋นถูมีคนใดคนหนึ่งที่ต้องตาย!องค์ชายใหญ่ที่เคยขลาดกลัวในทุกเรื่อง ตอนนี้กลับกล้าลุกขึ้นมาสู้เขารีบพุ่งไปข้างหน้า ตรงเข้าไปขวางไทเฮาทันที“ไทเฮา ชิวหมิงมีเรื่องจะพูด”ท่าทางของไทเฮายังคงดูอ่อนโยน ดูเหมือนจะไม่โกรธที่เขาขวางทาง“มีอะไรจะพูดหรือ?”เย่ชิวหมิงกล่าวว่า “กระหม่อมกับองค์หญิงฉีหว่านเอ๋อร์มีใจให้กัน กระหม่อมขอไทเฮาทรงช่วยให้สมหวังด้วยพ่ะย่ะค่ะ!"ไทเฮายิ้มได้ยินดังนั้นก็ยิ้มเล็กน้อย จากนั้นจึงมองไปที่องค์ชายสามแห่งแคว้นฉีตะวันออก“องค์ชายสามคิดว่าน้องสาวของเจ้าแต่งงานกับใครจะดีกว่ากัน?”การแสดงออกของฉีเทียนหยวนเปลี่ยนไปเล็กน้อยเขาคิดถึงสิ่งที่ไทเฮาพูดเมื่อครู่ หน้าตาแสดงออกถึงความลำบากใจเล็กน้อยเขาหันกลับมาและพูดกับไทเฮาด้วยความเคารพ “ใน
ซูชิงอู่ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นยิ้มแล้วพูดว่า “ดูสิ่งที่องค์ชายใหญ่พูดสิ หม่อมฉันเป็นเพียงสตรีไร้อำนาจ จะช่วยท่านได้อย่างไร?”เย่ชิวหมิงพูดไม่ออก “...”นางพูดเช่นนี้ ไม่เจ็บใจได้หรือ?“ข้าต้องการอภิเษกกับนาง”ซูชิงอู่เลิกคิ้ว มองไปยังความมุ่งมั่นในดวงตาของเย่ชิวหมิงแล้วพยักหน้า "เพคะ หม่อมฉันเข้าใจ"เย่ชิวหมิงรู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อย เมื่อได้ยินคำตอบของนางแน่นอนว่าเขารู้เกี่ยวกับข้อตกลงลับระหว่างตระกูลเจียวและจวนอ๋องเสวียนซึ่งเขาพูดกรอกหูของเสด็จแม่อยู่ทุกวัน“ถ้ามีสิ่งใดที่เจ้าต้องการให้ข้าทำ เจ้าก็บอกมาได้เลย”ต่อหน้าต่อตาหลายคู่ เย่ชิวหมิงไม่อาจพูดคุยกับซูชิงอู่ได้มากนัก ดังนั้นเขาจึงหันหลังกลับและจากไปพร้อมกับผู้ติดตามของตนเองซูชิงอู่และเย่เสวียนถิงกำลังนั่งอยู่ในรถม้า รอยยิ้มรากฏขึ้นในดวงตาของนาง“เช่นนี้ก็ดี การกระทำของไทเฮาทำให้เย่ชิ่วหมิงรู้สึกขบถในใจแล้ว”เย่เสวียนถิงพยักหน้าเล็กน้อย หันมองซูชิงอู่ “เจ้าคิดจะจับเสือมือเปล่าหรือ?” ซูชิงอู่เงยหน้าขึ้น ยกยิ้มมุมปากแล้วพูดว่า "แล้วเหตุใดเราต้องลงมือเองเล่า ตระกูลเจียวและตระกูลมู่หรงต่างก็เป็นตระกูลใหญ่ที่มีอำนาจ
เย่เสวียนถิงรู้สึกเหมือนหัวใจออกมาเต้นนอกอกเขาหลับตาและสงบสติอารมณ์ที่กำลังตื่นตระหนกและสับสน “ข้าจะไปเข้าเฝ้าฝ่าบาท”ซูชิงอู่ยิ้ม แววตาแฝงความอับจนใจ “ไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทแล้วจะมีประโยชน์อะไร ไทเฮาก็ไม่ยอมรับอยู่ดี คราวนี้อาจเป็นบททดสอบของนาง ถ้าเราค้นพบกลไกของปิ่นปักผมนี้เข้าแล้ว ก็หมายความว่าเรามองจุดประสงค์ของนางออกแล้ว”“แล้วอย่างไรเล่า?”เสียงของเย่เสวียนถิงเย็นชา ข้อนิ้วส่งเสียงกรอบแกรบเมื่อคิดไปว่ามีคนกล้าโจมตีชายาของเขาใต้จมูกเขาเองเช่นนี้ เขาต้องการฆ่าตัวการที่ก่อกรรมทำชั่วด้วยโทษทัณฑ์สับเป็นพันชิ้นหมื่นชิ้นดวงตาหงส์ของเขาหรี่ลง ราวกับมีความมืดมิดอันไร้ขอบเขตซ่อนอยู่ภายใน“แทนที่จะปล่อยให้นางโจมตีเจ้าแบบลับ ๆ เช่นนี้ โจมตีข้าอย่างเปิดเผยเลยจะดีกว่า!"ซูชิงอู่ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็ยิ้มนางรู้ว่าเย่เสวียนถิงทำเช่นนี้ก็เพื่อปกป้องนางและลูกเพียงแต่ในใต้หล้านี้ฮ่องเต้ยิ่งใหญ่เหนือสิ่งอื่นใด แม้แต่คนที่เก่งกาจอย่างเย่เสวียนถิงก็ยังติดอยู่ในที่แคบนี้เขาไม่ควรติดอยู่ที่นี่แต่ตอนนี้หากบอกความคิดเหล่านี้กับเขา เขาจะไม่เห็นด้วยอย่างแน่นอนซูชิงอู่หรี่ตาลงเล็กน้อย อำน
ช่างเป็นความผูกพันในวัยเด็กที่ยอดเยี่ยมเสียจริงซูชิงอู่สัมผัสได้ถึงบางสิ่งที่แตกต่างออกไปคราวนี้ฮูหยินหลินเรียนรู้ได้ชาญฉลาดขึ้น นางไม่ได้เปิดเผยความโกรธออกมา มีคนเดินไปมามองมาที่ประตูจวนอ๋องอย่างนึกสงสัยเย่เสวียนถิงหรี่ตาลง “ฮูหยินหลิน หมายความว่าอย่างไร?”ฮูหยินหลินเช็ดตา ดวงตาแดงก่ำแล้วพูดว่า “น้องสาวของท่านไม่ได้กินหรือดื่มอะไรมาสองวันแล้ว ถ้านางยังไม่ยอมกินอีก นางจะต้องอดตายแล้ว หม่อมฉันอยากให้ท่านไปเกลี้ยกล่อมนาง บางที..”นางเปลี่ยนหัวข้อ “อีกทั้งเรื่องนี้ยังเกี่ยวข้องกับพระชายาเสวียน หากไม่ใช่เพราะสิ่งที่นางบอกแก่ซูเฟย เสวี่ยอิ๋งคงไม่เป็นเยี่ยงนี้ นี่เท่ากับต้องการบีบนางให้ตายชัด ๆ!”เย่เสวียนถิงพูดอย่างใจเย็น “ในเมื่อนางเป็นถึงท่านหญิง ควรรู้ว่าเมื่อได้รับประโยชน์จากฐานะแล้ว ก็ต้องรับผิดชอบด้วย”เมื่อฮูหยินหลินได้ยินว่าเย่เสวียนถิงไม่คิดจะสนใจ นางก็กัดฟันพูดว่า “หากเกิดอะไรขึ้นเสวี่ยอิ๋งขึ้นมา หม่อมฉันเกรงว่าความสัมพันธ์ระหว่างซูเฟยและจวนราชครูต้องขาดสะบั้นกันอย่างเลี่ยงไม่ได้ ท่านอยากเห็นซูเฟยเศร้าเสียใจหรือ?”หลินเสวี่ยอิ๋งเป็นบุตรีคนเดียวของจวนราชครู นางเติบโตขึ้
สำหรับนาง คนที่มีคุณค่า และไม่มีคุณค่าจะได้รับการปฏิบัติที่แตกต่างกันฮูหยินหลินมองสายตาของซูชิงอู่ และอดไม่ได้ที่จะหนาวสั่นในใจนางไม่รู้ว่าเหตุใด แต่การมองของซูชิงอู่ทำให้รู้สึกเสียวสันหลังวาบซูชิงอู่ซึ่งปกติจะเมินนางจู่ ๆ ก็ยิ้มให้ฮูหยินหลินนางพูดว่า “ท่านหญิงเบื่ออาหารไม่ใช่หรือ? ข้ามียาอยู่ รับรองได้ว่านางจะกลับมากินจนร่างกายสมบูรณ์อีกครั้งแน่ฮูหยินหลินชะงักไป “...”ไม่เห็นต้องทำเช่นนี้เลย!แต่ในท้ายที่สุดนางก็ตกลงยอมให้ซูชิงอู่ติดตามเย่เสวียนถิงไปยังจวนราชครูเห็นได้ชัดว่าคราวนี้ฮูหยินหลินกังวลมากจริง ๆคงจะจริงที่หลินเสวี่ยอิ๋งไม่ยอมกินข้าวดื่มน้ำซูชิงอู่ไม่คาดคิดว่าเพื่อไม่ให้ต้องแต่งงานกันไปต่างแคว้น ท่านหญิงจอมเอาแต่ใจผู้ถูกเลี้ยงดูอย่างไข่ในหินผู้นี้จะทำได้ถึงขนาดนี้ในจวนราชครู นอกห้องของหลินเสวี่ยอิ๋ง ฮูหยินหลินหยุดและเคาะประตู“เสวี่ยอิ๋งเปิดประตูหน่อย แม่พาท่านอ๋องเสวียนมา”ดูเหมือนภายในจะไม่มีการเคลื่อนไหวมากนักสีหน้าของฮูหยินหลินเปลี่ยนไปอย่างมาก นางรีบขอให้แม่นมที่อยู่ข้างหลังนางงัดประตูทันทีทันใดนั้นก็มีเสียงแหบแห้งดังมาจากหอนอนอันเงียบสงบ หลินเส
“ท่านน่ะหรือ?”ฮูหยินหลินขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่าไม่เชื่อสิ่งที่ซูชิงอู่พูดซูชิงอู่ยิ้มมุมปาก แล้วมองดูหลินเสวี่ยอิ๋งที่เกือบจะร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด ขณะที่ถูกคนรับใช้สองคนช่วยพยุง รอยยิ้มที่ชั่วร้ายเล็ก ๆ ปรากฏบนดวงตาของนาง“แน่นอนว่าข้ารักษาได้ อีกอย่างตอนนี้ฮูหยินหลินก็คงจนปัญญาแล้ว ท่านหญิงไม่ได้กินอะไรมาหลายวันแล้ว ลองดูคงไม่เสียหายอะไรหรอก”ฮูหยินหลินฟังแล้ว รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างไม่ถูกต้องแต่หลังจากคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว นางก็ตระหนักได้ว่าสิ่งที่ซูชิงอู่พูดนั้นสมเหตุสมผลอยู่บ้างใบหน้าของนางหม่นลง พูดขึ้นว่า "หากท่านไม่สามารถรักษาเสวี่ยอิ๋งได้ ข้าจะคิดบัญชีทั้งเก่าและใหม่ด้วยกันก็อย่ามาโทษข้าล่ะ!"ซูชิงอู่หรี่ตายิ้ม จากนั้นจึงพยักหน้า “โปรดให้คนอื่น ๆ ออกไปด้วย”ฮูหยินหลินตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เหลือบมองลูกสาวของนาง “เสวี่ยอิ๋ง ลูกเชื่อฟังหน่อย แม่จะรอเจ้าอยู่ข้างนอก”หลินเสวี่ยอิ๋งจ้องมองไปที่ซูชิงอู่ด้วยสายตาโกรธแค้น ราวกับว่านางจะกระโจนเข้ามาได้ทุกเมื่อ“ท่านแม่ ข้าไม่อยากให้นางอยู่ที่นี่ ข้าเกลียดนาง!”ฮูหยินหลินถอนหายใจ แต่ก็ไม่รั้งอยู่ต่อเย่เสวียนถิงดูกังวลเ
ขณะที่นางพูดพลาง หยิบตะเกียบขึ้นมากินเองไปพลางระหว่างกิน นางก็ไม่ลืมที่จะอธิบายว่า “กรอบนอกนุ่มใน น้ำแกงก็อร่อย เนื้อก็นุ่ม ไม่มันเลี่ยน อย่างที่คิดไว้เลย...”หลินเสวี่ยอิ๋งหิวมากแล้วและอาหารที่คนนำมาปกติก็ถูกนางโยนทิ้งไป ก่อนนั้นอย่างน้อยนางก็ยังทนได้แต่ตอนนี้มีซูชิงอู่มากินต่อหน้านาง ทำให้นางน้ำลายไหลไม่หยุดยิ่งไปกว่านั้นอาหารยังอยู่ใกล้แค่เอื้อมทำให้หลินเสวี่ยอิ๋งเสียสมาธิตลอดเวลา ความตั้งใจที่ไม่แน่วแน่ของนางกำลังจะพังทลายลง...นางรีบเอื้อมมือไปควานหายาใต้หมอนหลังจากกินยาแล้วจะทำให้รู้สึกคลื่นไส้ โดยไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายมากนัก นี่คือสิ่งที่หมอหลวงบอกนางนางอาศัยยานี้เอาตัวรอดในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาอย่างไรก็ตาม...ยาหายไปแล้วซูชิงอู่วางขวดกระเบื้องเคลือบอีกขวดไว้บนโต๊ะ“เจ้าหายานี่อยู่หรือ?”หลินเสวี่ยอิ๋งเมื่อเห็นว่าของของตนอยู่ในมือซูชิงอู่ โดยไม่รู้ว่านางได้ไปอย่างไร สีหน้าของนางก็เปลี่ยนไปอย่างมาก “เอาคืนมา เอาของข้าคืนมา!!"ซูชิงอู่ยิ้มแล้ว จากนั้นจึงโยนขวดยาออกไปนอกหน้าต่าง“ถ้าอยากได้ก็ไปหาเอาเอง”“เจ้า…”หลินเสวี่ยอิ๋งโกรธมาก รีบวิ่งเข้าไปหมายจะคว่ำ