ซูชิงอู่ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นยิ้มแล้วพูดว่า “ดูสิ่งที่องค์ชายใหญ่พูดสิ หม่อมฉันเป็นเพียงสตรีไร้อำนาจ จะช่วยท่านได้อย่างไร?”เย่ชิวหมิงพูดไม่ออก “...”นางพูดเช่นนี้ ไม่เจ็บใจได้หรือ?“ข้าต้องการอภิเษกกับนาง”ซูชิงอู่เลิกคิ้ว มองไปยังความมุ่งมั่นในดวงตาของเย่ชิวหมิงแล้วพยักหน้า "เพคะ หม่อมฉันเข้าใจ"เย่ชิวหมิงรู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อย เมื่อได้ยินคำตอบของนางแน่นอนว่าเขารู้เกี่ยวกับข้อตกลงลับระหว่างตระกูลเจียวและจวนอ๋องเสวียนซึ่งเขาพูดกรอกหูของเสด็จแม่อยู่ทุกวัน“ถ้ามีสิ่งใดที่เจ้าต้องการให้ข้าทำ เจ้าก็บอกมาได้เลย”ต่อหน้าต่อตาหลายคู่ เย่ชิวหมิงไม่อาจพูดคุยกับซูชิงอู่ได้มากนัก ดังนั้นเขาจึงหันหลังกลับและจากไปพร้อมกับผู้ติดตามของตนเองซูชิงอู่และเย่เสวียนถิงกำลังนั่งอยู่ในรถม้า รอยยิ้มรากฏขึ้นในดวงตาของนาง“เช่นนี้ก็ดี การกระทำของไทเฮาทำให้เย่ชิ่วหมิงรู้สึกขบถในใจแล้ว”เย่เสวียนถิงพยักหน้าเล็กน้อย หันมองซูชิงอู่ “เจ้าคิดจะจับเสือมือเปล่าหรือ?” ซูชิงอู่เงยหน้าขึ้น ยกยิ้มมุมปากแล้วพูดว่า "แล้วเหตุใดเราต้องลงมือเองเล่า ตระกูลเจียวและตระกูลมู่หรงต่างก็เป็นตระกูลใหญ่ที่มีอำนาจ
เย่เสวียนถิงรู้สึกเหมือนหัวใจออกมาเต้นนอกอกเขาหลับตาและสงบสติอารมณ์ที่กำลังตื่นตระหนกและสับสน “ข้าจะไปเข้าเฝ้าฝ่าบาท”ซูชิงอู่ยิ้ม แววตาแฝงความอับจนใจ “ไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทแล้วจะมีประโยชน์อะไร ไทเฮาก็ไม่ยอมรับอยู่ดี คราวนี้อาจเป็นบททดสอบของนาง ถ้าเราค้นพบกลไกของปิ่นปักผมนี้เข้าแล้ว ก็หมายความว่าเรามองจุดประสงค์ของนางออกแล้ว”“แล้วอย่างไรเล่า?”เสียงของเย่เสวียนถิงเย็นชา ข้อนิ้วส่งเสียงกรอบแกรบเมื่อคิดไปว่ามีคนกล้าโจมตีชายาของเขาใต้จมูกเขาเองเช่นนี้ เขาต้องการฆ่าตัวการที่ก่อกรรมทำชั่วด้วยโทษทัณฑ์สับเป็นพันชิ้นหมื่นชิ้นดวงตาหงส์ของเขาหรี่ลง ราวกับมีความมืดมิดอันไร้ขอบเขตซ่อนอยู่ภายใน“แทนที่จะปล่อยให้นางโจมตีเจ้าแบบลับ ๆ เช่นนี้ โจมตีข้าอย่างเปิดเผยเลยจะดีกว่า!"ซูชิงอู่ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็ยิ้มนางรู้ว่าเย่เสวียนถิงทำเช่นนี้ก็เพื่อปกป้องนางและลูกเพียงแต่ในใต้หล้านี้ฮ่องเต้ยิ่งใหญ่เหนือสิ่งอื่นใด แม้แต่คนที่เก่งกาจอย่างเย่เสวียนถิงก็ยังติดอยู่ในที่แคบนี้เขาไม่ควรติดอยู่ที่นี่แต่ตอนนี้หากบอกความคิดเหล่านี้กับเขา เขาจะไม่เห็นด้วยอย่างแน่นอนซูชิงอู่หรี่ตาลงเล็กน้อย อำน
ช่างเป็นความผูกพันในวัยเด็กที่ยอดเยี่ยมเสียจริงซูชิงอู่สัมผัสได้ถึงบางสิ่งที่แตกต่างออกไปคราวนี้ฮูหยินหลินเรียนรู้ได้ชาญฉลาดขึ้น นางไม่ได้เปิดเผยความโกรธออกมา มีคนเดินไปมามองมาที่ประตูจวนอ๋องอย่างนึกสงสัยเย่เสวียนถิงหรี่ตาลง “ฮูหยินหลิน หมายความว่าอย่างไร?”ฮูหยินหลินเช็ดตา ดวงตาแดงก่ำแล้วพูดว่า “น้องสาวของท่านไม่ได้กินหรือดื่มอะไรมาสองวันแล้ว ถ้านางยังไม่ยอมกินอีก นางจะต้องอดตายแล้ว หม่อมฉันอยากให้ท่านไปเกลี้ยกล่อมนาง บางที..”นางเปลี่ยนหัวข้อ “อีกทั้งเรื่องนี้ยังเกี่ยวข้องกับพระชายาเสวียน หากไม่ใช่เพราะสิ่งที่นางบอกแก่ซูเฟย เสวี่ยอิ๋งคงไม่เป็นเยี่ยงนี้ นี่เท่ากับต้องการบีบนางให้ตายชัด ๆ!”เย่เสวียนถิงพูดอย่างใจเย็น “ในเมื่อนางเป็นถึงท่านหญิง ควรรู้ว่าเมื่อได้รับประโยชน์จากฐานะแล้ว ก็ต้องรับผิดชอบด้วย”เมื่อฮูหยินหลินได้ยินว่าเย่เสวียนถิงไม่คิดจะสนใจ นางก็กัดฟันพูดว่า “หากเกิดอะไรขึ้นเสวี่ยอิ๋งขึ้นมา หม่อมฉันเกรงว่าความสัมพันธ์ระหว่างซูเฟยและจวนราชครูต้องขาดสะบั้นกันอย่างเลี่ยงไม่ได้ ท่านอยากเห็นซูเฟยเศร้าเสียใจหรือ?”หลินเสวี่ยอิ๋งเป็นบุตรีคนเดียวของจวนราชครู นางเติบโตขึ้
สำหรับนาง คนที่มีคุณค่า และไม่มีคุณค่าจะได้รับการปฏิบัติที่แตกต่างกันฮูหยินหลินมองสายตาของซูชิงอู่ และอดไม่ได้ที่จะหนาวสั่นในใจนางไม่รู้ว่าเหตุใด แต่การมองของซูชิงอู่ทำให้รู้สึกเสียวสันหลังวาบซูชิงอู่ซึ่งปกติจะเมินนางจู่ ๆ ก็ยิ้มให้ฮูหยินหลินนางพูดว่า “ท่านหญิงเบื่ออาหารไม่ใช่หรือ? ข้ามียาอยู่ รับรองได้ว่านางจะกลับมากินจนร่างกายสมบูรณ์อีกครั้งแน่ฮูหยินหลินชะงักไป “...”ไม่เห็นต้องทำเช่นนี้เลย!แต่ในท้ายที่สุดนางก็ตกลงยอมให้ซูชิงอู่ติดตามเย่เสวียนถิงไปยังจวนราชครูเห็นได้ชัดว่าคราวนี้ฮูหยินหลินกังวลมากจริง ๆคงจะจริงที่หลินเสวี่ยอิ๋งไม่ยอมกินข้าวดื่มน้ำซูชิงอู่ไม่คาดคิดว่าเพื่อไม่ให้ต้องแต่งงานกันไปต่างแคว้น ท่านหญิงจอมเอาแต่ใจผู้ถูกเลี้ยงดูอย่างไข่ในหินผู้นี้จะทำได้ถึงขนาดนี้ในจวนราชครู นอกห้องของหลินเสวี่ยอิ๋ง ฮูหยินหลินหยุดและเคาะประตู“เสวี่ยอิ๋งเปิดประตูหน่อย แม่พาท่านอ๋องเสวียนมา”ดูเหมือนภายในจะไม่มีการเคลื่อนไหวมากนักสีหน้าของฮูหยินหลินเปลี่ยนไปอย่างมาก นางรีบขอให้แม่นมที่อยู่ข้างหลังนางงัดประตูทันทีทันใดนั้นก็มีเสียงแหบแห้งดังมาจากหอนอนอันเงียบสงบ หลินเส
“ท่านน่ะหรือ?”ฮูหยินหลินขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่าไม่เชื่อสิ่งที่ซูชิงอู่พูดซูชิงอู่ยิ้มมุมปาก แล้วมองดูหลินเสวี่ยอิ๋งที่เกือบจะร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด ขณะที่ถูกคนรับใช้สองคนช่วยพยุง รอยยิ้มที่ชั่วร้ายเล็ก ๆ ปรากฏบนดวงตาของนาง“แน่นอนว่าข้ารักษาได้ อีกอย่างตอนนี้ฮูหยินหลินก็คงจนปัญญาแล้ว ท่านหญิงไม่ได้กินอะไรมาหลายวันแล้ว ลองดูคงไม่เสียหายอะไรหรอก”ฮูหยินหลินฟังแล้ว รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างไม่ถูกต้องแต่หลังจากคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว นางก็ตระหนักได้ว่าสิ่งที่ซูชิงอู่พูดนั้นสมเหตุสมผลอยู่บ้างใบหน้าของนางหม่นลง พูดขึ้นว่า "หากท่านไม่สามารถรักษาเสวี่ยอิ๋งได้ ข้าจะคิดบัญชีทั้งเก่าและใหม่ด้วยกันก็อย่ามาโทษข้าล่ะ!"ซูชิงอู่หรี่ตายิ้ม จากนั้นจึงพยักหน้า “โปรดให้คนอื่น ๆ ออกไปด้วย”ฮูหยินหลินตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เหลือบมองลูกสาวของนาง “เสวี่ยอิ๋ง ลูกเชื่อฟังหน่อย แม่จะรอเจ้าอยู่ข้างนอก”หลินเสวี่ยอิ๋งจ้องมองไปที่ซูชิงอู่ด้วยสายตาโกรธแค้น ราวกับว่านางจะกระโจนเข้ามาได้ทุกเมื่อ“ท่านแม่ ข้าไม่อยากให้นางอยู่ที่นี่ ข้าเกลียดนาง!”ฮูหยินหลินถอนหายใจ แต่ก็ไม่รั้งอยู่ต่อเย่เสวียนถิงดูกังวลเ
ขณะที่นางพูดพลาง หยิบตะเกียบขึ้นมากินเองไปพลางระหว่างกิน นางก็ไม่ลืมที่จะอธิบายว่า “กรอบนอกนุ่มใน น้ำแกงก็อร่อย เนื้อก็นุ่ม ไม่มันเลี่ยน อย่างที่คิดไว้เลย...”หลินเสวี่ยอิ๋งหิวมากแล้วและอาหารที่คนนำมาปกติก็ถูกนางโยนทิ้งไป ก่อนนั้นอย่างน้อยนางก็ยังทนได้แต่ตอนนี้มีซูชิงอู่มากินต่อหน้านาง ทำให้นางน้ำลายไหลไม่หยุดยิ่งไปกว่านั้นอาหารยังอยู่ใกล้แค่เอื้อมทำให้หลินเสวี่ยอิ๋งเสียสมาธิตลอดเวลา ความตั้งใจที่ไม่แน่วแน่ของนางกำลังจะพังทลายลง...นางรีบเอื้อมมือไปควานหายาใต้หมอนหลังจากกินยาแล้วจะทำให้รู้สึกคลื่นไส้ โดยไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายมากนัก นี่คือสิ่งที่หมอหลวงบอกนางนางอาศัยยานี้เอาตัวรอดในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาอย่างไรก็ตาม...ยาหายไปแล้วซูชิงอู่วางขวดกระเบื้องเคลือบอีกขวดไว้บนโต๊ะ“เจ้าหายานี่อยู่หรือ?”หลินเสวี่ยอิ๋งเมื่อเห็นว่าของของตนอยู่ในมือซูชิงอู่ โดยไม่รู้ว่านางได้ไปอย่างไร สีหน้าของนางก็เปลี่ยนไปอย่างมาก “เอาคืนมา เอาของข้าคืนมา!!"ซูชิงอู่ยิ้มแล้ว จากนั้นจึงโยนขวดยาออกไปนอกหน้าต่าง“ถ้าอยากได้ก็ไปหาเอาเอง”“เจ้า…”หลินเสวี่ยอิ๋งโกรธมาก รีบวิ่งเข้าไปหมายจะคว่ำ
เมื่อฮูหยินหลินถูกเรียกเข้าไป นางก็ได้เห็นลูกสาวของนางนอนดื่มโจ๊กอยู่ข้างโต๊ะซูชิงอู่เช็ดมุมปากของนาง ลุกขึ้นยืนแล้วพูดว่า “ตอนนี้ท้องไส้ของท่านหญิงไม่ค่อยดี ดังนั้นนางอาจไม่สามารถกินปลาและเนื้อสัตว์ย่อยยากเหล่านี้ได้ แต่ฮูหยินก็เห็นแล้วว่าตอนนี้นางกินอาหารได้แล้ว”เมื่อฮูหยินหลินเห็นภาพนี้ ตอนนี้นางไม่สนใจอะไรอีกแล้ว รีบพุ่งไปกอดลูกสาวเอาไว้ในอ้อมแขนทันทีสำหรับลูกสาวสุดที่รักคนนี้ ฮูหยินหลินรักดั่งแก้วตาดวงใจ แต่ตอนนี้นางประสบกับความทุกข์ทรมาน นางเองก็ผ่ายผอมลงไปมากเมื่อหลินเสวี่ยอิ๋งเห็นแม่ของนางเป็นเช่นนี้ นางก็ตระหนักได้ว่า ก่อนหน้านี้เป็นนางที่เอาแต่ใจเกินไปเมื่อคิดไปได้ว่าแม่ของนางพยายามหาทางช่วยเหลือนาง ทำตามความปรารถนาของนางมาตั้งเท่าไร แต่นางกลับพยายามหลอกลวง บีบบังคับฮูหยินหลินอยู่เสมอ เสวี่ยอิ๋งก็รู้สึกผิด ใบหน้าแสดงออกว่าเสียใจเช่นกันซูชิงอู่ไม่อยู่รบกวนความผูกพันแม่ลูกนางติดตามเย่เสวียนถิงออกจากห้องไปนางถามขึ้นว่า “ท่านอ๋อง ท่านยังต้องการสิ่งอื่นอีกหรือไม่?”"อะไรหรือ?"เมื่อเห็นใบหน้ามีคำถามของเย่เสวียนถิง ซูชิงอู่ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มและพูดขึ้นว่า “เช่นเรื
คราวนี้นางเตรียมพร้อมมาอย่างดี ในใจคิดถึงแต่การเอาตัวรอด ไม่สนใจชีวิตสหายอีกแล้ว หากองค์หญิงสี่ไม่แสร้งป่วย เรื่องนี้ก็คงไม่เกิดขึ้นกับนาง และนางก็ไม่ต้องทนทุกข์ทรมานมากขนาดนี้โดยรวมแล้ว เมื่อพูดถึงผลประโยชน์ของตัวเอง ไม่ว่าความสัมพันธ์ฉันพี่น้องจะลึกซึ้งเพียงใด ตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์แล้วซูชิงอู่เฝ้าดูสัมพันธ์ฉันพี่น้องคู่นี้ต่อสู้ด้วยสติปัญญาและเล่ห์กลของพวกนางขณะที่นางเดินตามหลังหมอชราไปอย่างช้า ๆ“แค่ก แค่ก แค่ก…”เสียงไอของเย่หมิงเยว่ดังมาจากข้างในหลินเสวี่ยอิ๋งเปิดม่านแล้วเดินเข้าไป นางมองไปที่เย่หมิงเย่วที่นอนหน้าซีดเซียวอยู่บนเตียง จึงนั่งลงข้างเตียง และจับมือของนางทันทีมีสีหน้าวิตกกังวลและเป็นทุกข์บนใบหน้าของนาง“หมิงเยว่ เหตุใดเจ้าถึงเป็นเยี่ยงนี้เล่า? มาเยี่ยมเจ้าไม่ได้เพราะข้าก็ป่วย เป็นไข้หวัดกลัวว่าจะเอาโรคมาติดเจ้า ตอนนี้ข้าหายดีแล้ว เลยมาเยี่ยมเจ้าโดยเร็วที่สุด…”เย่หมิงเยว่ฟังคำพูดของหลินเสวี่ยอิ๋ง ดวงตาของนางเป็นประกาย แต่กลับยิ้มด้วยความซาบซึ้ง“ข้าลุกไม่ไหว เสวี่ยอิ๋งโปรดยกโทษให้ข้าด้วย”หลินเสวี่ยอิ๋งจับไหล่ของนาง “เหตุใดระหว่างเราต้องมากพิธีด้วยเล่า?
คนขายเนื้อทำสีหน้าหวาดกลัว “คนผู้นี้เลวทรามถึงเพียงนี้เลยรึ?”“เจ้าคอยระวังตัวเอาไว้ก็ไม่เป็นไรแล้ว ทางนั้นตรวจดูเสร็จรึยัง? ไปกันต่อเถิด!”เมื่อกองกำลังทำการค้นหาเสร็จเรียบร้อย คนขายเนื้อก็ยิ้มมุมปากเบา ๆเขาคิดไม่ถึงเลยว่าคนเหล่านี้จะพบเบาะแสทางตะวันตกของเมืองเร็วถึงเพียงนี้หากเขาไม่ได้เตรียมพร้อมมาก่อนหน้านี้และรีบปลอมตัวโดยไว เขาก็คงจะถูกจับได้ไปแล้วคนขายเนื้อรีบเข้าไปยังพื้นที่ด้านในสุดของร้านเขาเหลือบมองหนอนกู่ที่ซ่อนเอาไว้ในตู้ในหนึ่ง และเมื่อเปิดตู้ใบนั้น ดวงตาของเขาก็ฉายแววน่ากลัวออกมาผ่านมาหลายปี ดูเหมือนโลกภายนอกจะลืมความน่ากลัวของภูเขาศักดิ์สิทธิ์ไปแล้ว เริ่มแรกนั้นพวกเขาได้ครอบครองตำแหน่งระดับสูงของราชวงศ์ในแคว้นต่าง ๆ ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงตำแหน่งในนามแต่มันสามารถแทรกแซงแคว้นนั้น ๆ และพลิกสถานการณ์ได้ตอนนี้เรื่องที่สำคัญที่สุดคือการแอบเข้าไปในพระราชวังเพื่อช่วยเหลือเจียงเฟยเอ๋อร์หากต้องการเข้าไปในพระราชวังมีการคุ้มกันอย่างแน่นหนาได้ก็ต้องใช้วิธีที่ต่างออกไปบุรุษผู้นั้นออกจากร้านขายเนื้อหมูที่ถูกตรวจค้นเรียบร้อยแล้ว พร้อมกับปิดประตูร้านแสร้งทำเป็นออกไปทำธุร
หลังจากซูชิงอู่ส่งชิงอวี่ออกไปก็ยังคงตื่นเต้นอยู่เล็กน้อยซูชิงอู่หาคนมาวาดภาพเหมือนเจ้าอาวาสในปีที่แล้วและส่งต่อให้คนอื่น ๆ เพื่อช่วยกันค้นหา ซึ่งมันก็ผ่านมานานมากแล้ว และมีเพียงชิงอวี่เท่านั้นที่นำข่าวที่ได้รับการยืนยันกลับมาแจ้งนางแม้จะยังไม่ได้เจอคนผู้นั้น แต่ก็หมายความว่านางจะได้รู้ความจริงของการตายของท่านแม่เสียทีหลังจากสงบสติอารมณ์ได้ ซูชิงอู่ก็ตัดสินใจเดินทางไปทันทีนางอยากไปเจอจิ้งซินผู้นั้นด้วยตนเองและถามเขาว่าเหตุใดตอนนั้นเขาถึงฆ่าท่านแม่ของนาง!คืนเดียวกันนั้นซูชิงอู่ได้พูดคุยเรื่องนี้กับเย่เสวียนถิงเมื่อเย่เสวียนถิงได้รับรู้เรื่องราวก็พยักหน้าเบา ๆ และตัดสินใจอย่างทันทีว่า “ข้าจะส่งคนไปจับเขามาให้เจ้า”ซูชิงอู่ได้ยินอีกฝ่ายตอบง่าย ๆ และห้วนก็อดไม่ได้ที่จะตะลึงและหัวเราะ“ได้”ตอนนี้มีศิษย์พี่ของเจียงเฟยเอ๋อร์คอยจับตาดูอยู่ในเมืองหลวง ซูชิงอู่จึงไม่สามารถไปหาคนผู้นั้นพร้อมกับชิงอวี่ได้บรรยากาศในเมืองหลวงเริ่มตึงเครียดขึ้นเรื่อย ๆแม้แต่ฮ่องเต้เช่นเย่ชิวหมิงก็สังเกตเห็นสัญญาณของเหตุการณ์ร้ายแรงบางอย่างที่กำลังจะตามมาเขาเคยได้ยินซูชิงอู่พูดว่าศัตรูที่ซ่อนตัวอ
ไป๋เฟิงก้มหัวลงอย่างเชื่อฟัง ราวกับมันได้กลายเป็นแมวตัวใหญ่ไปแล้วซูชิงอู่อดหัวเราะไม่ได้ “เจ้าคงเหนื่อยแย่ วันนี้ทำได้ดีมาก”ในที่สุดก็ได้ใช้ประโยชน์จากไป๋เฟิง สมกับที่เลี้ยงมันมานานไป๋เฟิงยืนขึ้นและอ้าปากหาว ส่วนสิงโตขนทองคำที่อยู่ข้าง ๆ ย่องเข้ามาทางด้านหลังซูชิงอู่ และใช้หัวถูเอวของนางดูเหมือนว่ามันต้องการให้ซูชิงอู่ลูบมันด้วยคนอื่น ๆ มองไปยังซูชิงอู่ที่มีร่างกายบอบบางยืนอยู่ตรงหน้าสัตว์ดุร้ายทั้งสอง พวกเขาทั้งหมดก็พูดไม่ออกอยู่นานนี่มัน...ร้ายกาจเกินไปแล้ว!แม้แต่กลุ่มบุรุษร่างใหญ่เช่นพวกเขาก็ยังไม่กล้าเข้าใกล้สัตว์ดุร้ายทั้งสองแม้แต่ครึ่งก้าว ทว่าซูชิงอู่กลับสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับพวกมันได้อย่างกลมกลืนเหมือนพวกมันเป็นสัตว์เลี้ยงของนางเมื่อไม่ถูกยุงกัดและกินยาสมุนไพรที่ผสมไว้แล้ว ม้าทุกตัวในสนามฝึกก็สงบลงและกลับสู่ภาวะปกติทันทีที่ซูชิงอู่กลับมาถึงตำหนัก ก็เห็นหรงหย่าวิ่งเข้ามา“พระชายา เมื่อครู่มีคนมาพบท่านและบอกว่ามีเรื่องด่วนต้องรายงาน”“มีเรื่องด่วนอะไรรึ?”หรงหย่าส่ายหัว “ข้าก็ไม่รู้เช่นกัน ท่านไปดูก่อนเถิด”ซูชิงอู่สั่งให้คนพาผู้ส่งข่าวเข้ามาทันทีนางจ้อง
เลือดของแมลงวันติดอยู่ที่มือของซูชิงอู่ส่งกลิ่นแปลก ๆ ออกมาเมื่อซูชิงอู่มองชัด ๆ นางก็ได้รู้ว่ามันไม่ใช่แมลงวันแต่เป็น…แมลงมีปีกชนิดหนึ่งที่มีลักษณะคล้ายแมลงวันปากของแมลงมีความคมมาก สามารถเจาะทะลุขนของสัตว์บางชนิดได้ง่าย ทว่าแมลงมีปีกชนิดนี้ไม่สนใจมนุษย์และจะกัดเฉพาะสัตว์เท่านั้นที่แท้นี่คือสาเหตุหลักที่ทำให้สัตว์ในเมืองหลวงบ้าคลั่งในช่วงหลายวันนี้!ซูชิงอู่ยังสังเกตเห็นว่ายุงเหล่านี้ถูกพิษและเมื่อพวกมันแพร่พันธุ์ ในไข่ก็มีสารพิษดังกล่าวติดไปด้วยขอเพียงแมลงเหล่านี้ยังกัดสัตว์ต่อไป สารพิษก็จะค่อย ๆ สะสมทีละน้อยสุดท้ายก็ถึงขั้นทำให้เสียสติ!คนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้มีเจตนาชั่วร้ายหากนางไม่ค้นพบสิ่งนี้ก่อน เกรงว่าม้าศึกทั้งหมดจะต้องตายไปด้วยความบ้าคลั่งอีกทั้งยังไม่อาจทราบสาเหตุได้แน่นอนว่าม้าศึกเป็นส่วนสำคัญในกองทัพ หากทหารม้าเสียม้าไป ก็คงไม่ต่างไปจากคนอ่อนแอไร้ค่า...ซูชิงอู่ตัดสินใจอย่างรวดเร็ว“นำม้าทุกตัวไปไว้ในที่ปิดและหาทางฆ่าแมลงมีปีกเหล่านี้ให้สิ้นเสีย”รองแม่ทัพที่ติดตามนางมารีบจำคำสั่งนี้เอาไว้ทันที“รับทราบพ่ะย่ะค่ะพระชายา!”เขาก็รีบกระจายคำสั่งออก
เมื่อเย่เสวียนถิงได้ยินสิ่งที่ซูชิงอู่พูด สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นเยือกเย็น “ข้าจะส่งคนไปตรวจสอบ”ซูชิงอู่ส่ายหัวทันที “ยาพิษนี้คงไม่ได้อยู่ในอาหารสัตว์ อีกทั้งเมื่อมาลองคิดดู สัตว์ป่าจำนวนมากที่อยู่ใกล้เมืองหลวง รวมไปถึงม้าศึกล้วนติดพิษกันหมด มีเพียงมนุษย์เท่านั้นที่ไม่เป็นอะไร นี่เป็นเรื่องที่แปลกมาก และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือไม่มีใครสามารถวางยาพิษม้าศึกในเมืองหลวงได้อย่างเงียบ ๆ ”การวิเคราะห์ของซูชิงอู่นั้นสมเหตุสมผลมาก แม้แต่เย่เสวียนถิงเองก็ขมวดคิ้วขึ้นมาหากหาสาเหตุไม่พบก็แก้ปัญหาไม่ได้แม้จะรักษาม้าหนึ่งในนั้นจนหายขาด แต่ก็จะกลับมามีอาการเดิมในอีกไม่ช้าไม่ไกลกันนักก็มีนายทหารระดับสูงนายหนึ่งวิ่งเข้ามาเขาหอบหายใจและกล่าวว่า “ท่านอ๋อง ทำการตรวจสอบเสบียงอาหารแล้วไม่พบสิ่งผิดปกติพ่ะย่ะค่ะ”“น้ำล่ะ?”“ตรวจสอบน้ำแล้วเช่นกัน ไม่มีร่องรอยของการวางยาพิษเลยพ่ะย่ะค่ะ”เมื่อได้ยินรายงาน เย่เสวียนถิงก็ขมวดคิ้วหนักกว่าเก่าคราวนี้แย่แล้วสิซูชิงอู่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ช่วยทำให้ม้าทุกตัวสงบลงก่อนได้หรือไม่ เดี๋ยวข้าจะเข้าไปดูรางอาหารม้าเอง”“ได้พ่ะย่ะค่ะพระชายา กรุณารอสักครู่ ก
เริ่มแรก เขาสงสัยในเรื่องที่ซูชิงอู่เคยพูดจนเกิดความคิดจินตนาการบางส่วนขึ้นมา เรียกได้ว่าตอนกลางวันก็เอาแต่นึกถึง ตกกลางคืนก็เก็บมาฝันอีกแต่เขาไม่เคยได้ยินซูชิงอู่พูดถึงเรื่องนี้มาก่อนเลยจริง ๆเนื่องจากความฝันนั้นมันดูเพ้อเจ้อเกินไป เย่เสวียนถิงจึงไม่พูดออกมา เพราะกลัวว่ามันจะเป็นการเพิ่มภาระให้กับซูชิงอู่อย่างไม่มีเหตุผลหลายวันมานี้ซูชิงอู่อาศัยอยู่กับลูกน้อยทั้งสามของนางเพื่อชดเชยช่วงเวลาที่นางห่างพวกเขาไปนานเด็ก ๆ ที่เพิ่งจะอายุได้ไม่กี่เดือนแต่กลับต้องห่างจากอ้อมอกของพ่อแม่ นั่นทำให้ซูชิงอู่รู้สึกผิดขึ้นมาดังนั้นนางจึงไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องภายนอกมากนักทันใดนั้นนางก็นึกอะไรออกและถามว่า “เสวียนถิง ช่วงนี้หมาป่าเหล่านั้นที่อยู่ข้างนอกเป็นอย่างไรบ้าง?”เย่เสวียนถิงเงยหน้าขึ้นและพูดว่า “ไม่ได้มีเพียงสัตว์ร้าย แต่ยังกระทบไปถึงม้าศึกด้วย ไม่รู้ว่าเหตุใดถึงเริ่มไม่เชื่อฟังคำสั่งกัน”“เดี๋ยวข้าจะไปตรวจสอบเรื่องนี้เสียหน่อย”ซูชิงอู่รู้สึกได้โดยไม่รู้ตัวว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้องเกี่ยวกับเรื่องนี้แม้เรื่องจะดูเป็นเรื่องเล็กน้อยและไม่มีผลกระทบกับมนุษย์มากนัก แต่นางก็รู้สึกอ
ทันใดนั้นหมอหลวงซุนก็เหมือนจะคิดอะไรออก “เหมือนกับตอนที่พระชายาใช้ดอกไม้ชนิดหนึ่งเพื่อทำให้ม้าพยศคลั่งใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”“อืม ทำนองนั้นแหละ”สิ่งเหล่านั้นเป็นสิ่งที่นางพบในเภสัชตำรับ และหากใช้มัน ผลลัพธ์ที่ได้จะน่าทึ่งมากแม้ลงมือไปอย่างกะทันหัน แต่ก็ไม่มีใครจับได้ปรมาจารย์มือวางพิษที่แท้จริงคือผู้ที่วางยาพิษโดยไม่ทิ้งหลักฐานใด ๆ เอาไว้“ขอบพระทัยพระชายาสำหรับคำชี้แนะ หลังจากที่ได้พูดคุยกับท่าน กระหม่อมก็เข้าใจอย่างกระจ่างแจ้งแล้วพ่ะย่ะค่ะ”ซูชิงอู่ปิดเภสัชตำรับ “ข้าท่องเภสัชตำรับนี้จนจำขึ้นใจ และเข้าใจเนื้อหาด้านในได้คร่าว ๆ เพียงแต่ยังไม่พบวิธีที่จะไขความลับที่อยู่ในนั้น หวังว่าท่านจะช่วยเรื่องนี้ได้”คราวนี้ ทุกคนเชื่อมั่นในคำพูดของซูชิงอู่สิ่งที่พวกเขาไม่ได้สนใจ แต่พระชายากลับนำมาใช้งานได้ถึงขั้นนี้ ยังมีอะไรที่ต้องพูดกันอีกหรือ?ตาแก่เช่นพวกเขาที่อาศัยว่าตนอายุมากทำตัวอาวุโสดูถูกผู้อื่นนั้นเทียบเทียมพระชายาไม่ได้เลย!หลังจากที่ซูชิงอู่อธิบายเรื่องนี้จบ นางก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและแอบหลบออกมาทางประตูใหญ่นางกลัวว่าคนเหล่านั้นจะถามนางว่านางศึกษาเรียนรู้ทักษะทางการ
หมอหลวงซุนขมวดคิ้วเล็กน้อย“อย่าพูดไร้สาระ นั่นจะเป็นไปได้อย่างไร? พระชายาไม่จำเป็นต้องโกหกพวกเราเลย โกหกพวกเราไปแล้วนางจะได้ประโยชน์อะไร?”คำพูดนี้ก็ถือว่ามีเหตุผลทุกคนต่างพูดไม่ออกทำได้แค่นั่งเงียบ ๆ แล้วพลิกหน้าอ่านต่อไปพลิกหน้ากระดาษตั้งแต่เช้าจรดค่ำ และอ่านจนถึงเช้าวันรุ่งขึ้นตำราทั้งเล่มถูกอ่านจนจบอย่างรวดเร็ว ทุกคนในสำนักหมอหลวงไม่ได้นอนมาสองวันสองคืน และตอนนี้ทุกคนดูเหนื่อยและมีสีหน้าทรุดโทรมเมื่ออ่านหน้าจนถึงสุดท้าย แม้แต่หมอหลวงซุนก็ตกอยู่ในความเงียบเพราะเภสัชตำรับเล่มนี้บันทึกเฉพาะโรคและวัตถุดิบยาที่ธรรดาทั่วไปมาก ๆ บางส่วนเท่านั้นข้อแตกต่างเพียงหนึ่งเดียวคือผู้อาวุโสเช่นพวกเขาได้เรียนรู้เกี่ยวกับวัตถุดิบยาหลายประเภทและพัฒนาแนวคิดใหม่ ๆแม้จะไม่ไร้ประโยชน์ แต่ความคาดหวังกับผลลัพธ์ก็แตกต่างกันมากเลยทีเดียวถึงขั้นทำให้พวกเขาขาดความมั่นใจและอดไม่ได้ที่จะคิดว่านี่น่ะหรือคือเภสัชตำรับที่ตระกูลฟางเฝ้าหวงแหนมานานหลายปี?ดวงตาของหมอหลวงซุนเต็มไปด้วยสีแดงก่ำที่เกิดจากการอดนอน“ในเมื่อเภสัชตำรับของตระกูลฟางไร้ประโยชน์ เช่นนั้นพระชายาไปเรียนรู้ทักษะด้านการแพทย์มา
“นี่คือวัตถุดิบยาและปริมาณที่คนผู้นั้นทำการวางยา ที่สำนักหมอหลวงของพวกท่านมีสิ่งนี้อยู่แล้ว หากจะทำยาถอนพิษก็คงไม่ใช่เรื่องยากกระมัง”“ไม่ยากพ่ะย่ะค่ะ ไม่ยาก!”หมอหลวงซุนยิ้มร่าราวกับได้รับสมบัติเขามองซูชิงอู่ที่ยังอยู่ในวัยหนุ่มสาว แต่กลับเก่งกาจกว่าเหล่าคนชราเช่นพวกเขาเมื่อรวมกับเภสัชตำรับของตระกูลฟางที่ซูชิงอู่พูดถึง หมอหลวงเฒ่าก็ดีใจจนเนื้อเต้นหากได้เรียนรู้และกลายเป็นคนที่เก่งกาจเหมือนพระชายา ระดับความรู้ของเขาก็จะเพิ่มขึ้นไปด้วยหรือไม่?แต่หมอหลวงซุนไม่เคยรู้เลยว่าทุกสิ่งที่ซูชิงอู่เรียนรู้ไม่ได้มาจากเภสัชตำรับของตระกูลฟางในเภสัชตำรับเล่มนั้นมีความแตกต่างตรงจุดไหน ตัวซูชิงอู่ในตอนนี้ก็ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำแม้ตอนตายไปในชาติก่อน เภสัชตำรับก็ถูกทำลายและไม่มีใครเห็นความลับที่ซ่อนอยู่ในนั้นจุดเด่นเพียงหนึ่งเดียวของเภสัชตำรับเล่มนั้นคือบันทึกข้อมูลวัตถุดิบยาจำนวนมากที่คนทั่วไปไม่ทราบและสรรพคุณลับบางส่วนบรรดาผู้อาวุโสของสำนักหมอหลวงพากันมาช่วยคิดค้นยาถอนพิษเพื่อที่จะได้อ่านเภสัชตำรับนั้นเร็ว ๆในที่สุดเช้าวันรุ่งขึ้นยาที่สามารถฟื้นฟูสติของสัตว์ร้ายได้ก็ถูกส่งมาให้ฮ่องเต้