ประตูกรงเหล็กถูกเปิดออก ทันใดนั้นสิงโตขนทองคำลืมตาขึ้น แล้วค่อย ๆ ยืนขึ้นจากพื้นดินมันส่ายขน สะบัดฝุ่นที่อยู่บนตัวออกจากร่างกายทันทีที่มันยืนขึ้น สัตว์ร้ายที่แต่เดิมเคยดูเชื่อง ก็ดูสูงใหญ่และแข็งแกร่งขึ้นทันที ทำให้ผู้คนรู้สึกถึงความกดดันที่ทรงพลังมากสิงโตขนทองคำเป็นของหายากของแคว้นฉีตะวันออก สัตว์ชนิดนี้สามารถพบเห็นได้ที่นั่นเท่านั้น ดังนั้นผู้คนในวันนี้จึงเห็นสิ่งแปลกใหม่เย่ชิวหมิงก็กังวลเช่นกัน แต่เมื่อนึกถึงความเก่งกาจของซูชิงอู่ เขาจึงสูดหายใจเข้าลึก ๆ และเปิดขวดในมืออย่างเงียบ ๆกลิ่นที่คนทั่วไปแทบจะไม่สามารถรับรู้ได้ลอยออกมาจากขวดทันที จู่ ๆ สิงโตทองก็หยุดเคลื่อนไหว ดวงตาของมันเหม่อลอยมันส่ายหัวพยายามกำจัดขจัดความมึนงง แต่กลับยิ่งรู้สึกมึนงงมากขึ้นเรื่อย ๆ ต้องการเพียงตามกลิ่นนั้นเท่านั้นเย่เสวียนถิงไม่คิดว่าซูชิงอู่จะสามารถคิดค้นยาเช่นนี้ออกมาได้เมื่อมองดูสิงโตที่มีท่าทางเหมือนงุนงง เขาก็รู้ได้ทันทีเลยว่ายาของซูชิงอู่ได้ผลในช่วงนี้ซูชิงอู่กำลังอ่านเภสัชตำรับในขณะที่ดูแลลูกในครรภ์ จนเกือบจะอ่านเภสัชตำรับของตระกูลฟางหมดทั้งเล่มสำหรับเภสัชตำรับนี้ นางเกือบจะท่อง
สิงโตนิ่งงัน หัวก้มลงเหมือนลูกแกะเชื่องตัวหนึ่งเย่ชิวหมิงถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก สีหน้าตื่นเต้น เขานั่งลงเพียงชั่วครู่แล้วรีบลงไป จากนั้นจึงตบหัวสิงโตแท้จริงแล้วเขาให้ยาแก้พิษกับมันจู่ ๆ เสียงเชียร์ก็ดังขึ้นรอบ ๆ เมื่อผู้คนเห็นว่าองค์ชายของพวกเขาสามารถขี่สัตว์ร้ายจากแคว้นฉีตะวันออกได้ ใบหน้าของพวกเขาก็สดใส แต่ละคนรู้สึกภาคภูมิใจฉีเทียนหยวนเลิกคิ้วเล็กน้อย เขาไม่คิดว่าฝ่ายตรงข้ามจะทำได้ถึงขนาดนี้แม้แต่แม่ทัพที่เก่งที่สุดของแคว้นฉีตะวันออกก็ไม่อาจรับมือสิงโตขนทองคำนี้ได้เกินกว่าสามกระบวนท่ากรงเล็บและฟันของมันคมกริบ หากไม่มีอาวุธ จะไม่สามารถเอาชนะสิงโตที่น้ำหนักขนาดนี้ด้วยมือเปล่าได้สิงโตสามารถกัดศีรษะของคนเหล่านั้นได้ด้วยการกัดเพียงครั้งเดียว!ดวงตาของฉีหว่านเอ๋อร์สว่างขึ้น นางมองไปยังเย่ชิวหมิงด้วยสายตาเร่าร้อนนางค่อย ๆ เดินเข้าไปหาเขา เชยคางขึ้นเล็กน้อยแล้วพูดว่า “องค์ชายใหญ่ทรงพลังสมคำร่ำลือหว่านเอ๋อมองคนไม่ผิดจริง ๆ”นางคิดอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็หน้าแดงและยื่นผ้าเช็ดหน้าให้เขา “ให้ท่าน เช็ดเหงื่อสักหน่อย”เย่ชิวหมิงรับมันมา มองฉีหว่านเอ๋อร์ที่ก้มหน้าหลบสายตาแล
ไทเฮาพยักหน้าอย่างใจดี “อวิ๋นถู ลุกขึ้นเถิด”“ขอพระทัยพ่ะย่ะค่ะไทเฮา”เย่อวิ๋นถูเงยรีบเงยหน้า เดินเข้าไปหาไทเฮา พยุงแขนของนางไว้เขาถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “เหตุใดจู่ ๆ ท่านถึงมาที่นี่?”ไทเฮามองไปรอบ ๆ สุดท้ายดวงตาของนางก็หยุดอยู่ที่กรงสิงโตที่ประตู แววตามีประกายแวบเข้ามานางตบแขนเขาเบา ๆ และเอ่ยด้วยน้ำเสียงสงบ “หลังจากได้ยินว่าแคว้นฉีตะวันออกนำของขวัญมาให้ ข้าก็คิดว่าน่าสนใจมาก ดังนั้นจึงคิดจะมาดูเสียหน่อย”นางมาที่กรงและมองดูสิงโตตัวนั้นคนอื่น ๆ ก็มาแสดงความเคารพ ในเวลานี้แม้แต่ซูชิงอู่และเย่เสวียนถิงก็มาแสดงความเคารพต่อไทเฮาด้วยไทเฮาพยักหน้าเล็กน้อย เป็นการตอบรับมารยาทของทุกคน นางเงยหน้าขึ้นจ้องมองไปที่ซูชิงอู่นางขมวดคิ้ว “สาวน้อยชิงอู่ เหตุใดเจ้าถึงมาที่นี่ด้วย?”ขณะที่ซูชิงอู่กำลังจะอธิบาย ฉีเทียนหยวนที่อยู่ไม่ไกลก็เอ่ยตอบก่อน “กราบทูลไทเฮา กระหม่อมเป็นคนเชิญพระชายามาที่นี่เองพ่ะย่ะค่ะ”ไทเฮาตรัสว่า “พระชายายังทรงพระครรภ์เหลนของข้า หากมีอะไรเกิดขึ้นกับนางใคร พวกท่านจะรับผิดชอบได้หรือ?”เมื่อฉีเทียนหยวนได้ยินสิ่งนี้ เขาก็แสดงสีหน้าอึดอัดใครจะจินตนาการได้ว่า เขาจะรู
ในกรณีนั้น แม้ว่านางจะไม่เป็นอะไร แต่ลูกในท้องของนางคงไม่รอดแน่ไทเฮาที่ตรัสว่าเห็นแก่เหลนตัวน้อยของนาง แท้จริงแล้วไม่ต้องการให้นางคลอดลูกออกมาแม้แต่น้อยนอกจากนี้นางและเย่เสวียนถิงยังถูกลอบสังหารกลางถนนในวันนั้น ใครจะรู้แผนการเดินทางของนางและท่านอ๋องได้แม่นยำเช่นนี้ดังนั้น ผู้บงการเบื้องหลังจึงต้องเป็นคนในวังแน่นอน!ซูชิงอู่เฝ้าดูไทเฮาแสดงงิ้วต่อหน้าตน อารมณ์ในดวงตาของนางก็เย็นลงมากหลังจากที่ไทเฮาทรงมอบปิ่นปักผมแล้ว ก็ละสายตาจากนาง“ข้าเพิ่งได้ยินจากฮ่องเต้ว่าองค์หญิงหฉีหว่านเอ๋อร์ น้องสาวขององค์ชายสามก็มาเมืองหลวงด้วย ได้ยินว่านางงดงามเป็นที่หนึ่งในแคว้นฉีตะวันออกของเจ้า”ทันใดนั้นฉีเทียนหยวนก็รู้สึกละอายใจเล็กน้อย เมื่อได้ยินคำชมนี้เขามีสีหน้าเขินอาย อดไม่ได้ที่จะจ้องมองไปที่ใบหน้าของซูชิงอู่แม้ว่าฉีหว่านเอ๋อร์จะดูดีจริง ๆ แต่เมื่อเปรียบเทียบกับซูชิงอู่ รูปร่างหน้าตาของพวกนางนับว่ามีช่องว่างขนาดใหญ่อยู่สตรีที่งดงามเหมือนซูชิงอู่ นับว่าหาได้ยากในโลกนี้ ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่หลงใหลจนเสียสมาธิไปต่อหน้านาง“ทูลไทเฮา ท่านชมเกินไปแล้ว คำเหล่านั้นเป็นเพียงคนจากภายนอกพูดไปเอง…
ต้องยอมรับว่าฉีหว่านเอ๋อร์เป็นสตรีที่ค่อนข้างตรงไปตรงมามากแม้ในใจจะอาย แต่กลับกล้าพูดแสดงความรู้สึกออกมาไม่ไกลนัก เย่ชิวหมิงรู้สึกว่าแก้มของตนแดงขึ้นเล็กน้อยทั้งละอายและรู้สึกผิดนั่นเพราะฉีหว่านเอ๋อร์ชอบคนที่ปราบสัตว์ร้ายได้อย่างแท้จริง ซึ่งนั่นไม่ใช่เขาเขาเป็นแค่คนหลอกลวงซูชิงอู่กลับมายืนข้างเย่เสวียนถิง ยกมือขึ้นแล้วแตะปิ่นที่เพิ่งได้มาใหม่บนศีรษะของนางเบา ๆ ดูงิ้วเบื้องหน้าด้วยความสนใจเล็กน้อยเห็นได้ชัดว่าไทเฮาตกตะลึงกับคำพูดของฉีหว่านเอ๋อร์ จากนั้นจึงเงยหน้ามองฉีเทียนหยวน “บุตรีคนแคว้นฉีตะวันออกเป็นเช่นนี้ทุกบ้านหรือ?”ฉีเทียนหยวนรีบดึงฉีหว่านเอ๋อร์อย่างรวดเร็ว และกล่าวต่อไทเฮาด้วยความเคารพ “ฉีหว่านเอ๋อร์ถูกที่บ้านตามใจจนเสียนิสัยพ่ะย่ะค่ะ”“ไม่น่าแปลกใจเลย ที่แคว้นหนานเย่ของเราเรื่องแต่งงานขึ้นอยู่คำสั่งของบิดามารดา ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าลูกสาวคนใดสามารถตัดสินใจเรื่องแต่งงานของตัวเองได้ ยิ่งฉีหว่านเอ๋อร์เป็นถึงองค์หญิง ยิ่งต้องทำตัวเป็นเยี่ยงอย่าง”เมื่อนางได้ยินไทเฮาพูดเช่นนั้น ดวงตาของฉีหว่านเอ๋อร์ก็เริ่มแดงทันทีนางตามพี่ชายมาที่นี่เพราะเขาบอกว่าจะช่วยให้นาง
เย่ชิวหมิงกำลังเฝ้าดูจากด้านข้าง เขาตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ค่อย ๆ โกรธขึ้นในใจแม้ว่าเขาจะไม่ชอบฉีหว่านเอ๋อร์มากนักแต่เขาก็โกรธมากเมื่อต้องเผชิญกับการแทรกแซงที่โจ่งแจ้งเช่นนี้ในฐานะองค์ชายใหญ่ บุตรชายของเจียวกุ้ยเฟย เขาไม่คิดว่าตัวเองด้อยไปกว่าเย่อวิ๋นถูเลยการต่อสู้เพื่อชิงบัลลังก์เป็นเรื่องของความเป็นความตาย เขาและเย่อวิ๋นถูมีคนใดคนหนึ่งที่ต้องตาย!องค์ชายใหญ่ที่เคยขลาดกลัวในทุกเรื่อง ตอนนี้กลับกล้าลุกขึ้นมาสู้เขารีบพุ่งไปข้างหน้า ตรงเข้าไปขวางไทเฮาทันที“ไทเฮา ชิวหมิงมีเรื่องจะพูด”ท่าทางของไทเฮายังคงดูอ่อนโยน ดูเหมือนจะไม่โกรธที่เขาขวางทาง“มีอะไรจะพูดหรือ?”เย่ชิวหมิงกล่าวว่า “กระหม่อมกับองค์หญิงฉีหว่านเอ๋อร์มีใจให้กัน กระหม่อมขอไทเฮาทรงช่วยให้สมหวังด้วยพ่ะย่ะค่ะ!"ไทเฮายิ้มได้ยินดังนั้นก็ยิ้มเล็กน้อย จากนั้นจึงมองไปที่องค์ชายสามแห่งแคว้นฉีตะวันออก“องค์ชายสามคิดว่าน้องสาวของเจ้าแต่งงานกับใครจะดีกว่ากัน?”การแสดงออกของฉีเทียนหยวนเปลี่ยนไปเล็กน้อยเขาคิดถึงสิ่งที่ไทเฮาพูดเมื่อครู่ หน้าตาแสดงออกถึงความลำบากใจเล็กน้อยเขาหันกลับมาและพูดกับไทเฮาด้วยความเคารพ “ใน
ซูชิงอู่ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นยิ้มแล้วพูดว่า “ดูสิ่งที่องค์ชายใหญ่พูดสิ หม่อมฉันเป็นเพียงสตรีไร้อำนาจ จะช่วยท่านได้อย่างไร?”เย่ชิวหมิงพูดไม่ออก “...”นางพูดเช่นนี้ ไม่เจ็บใจได้หรือ?“ข้าต้องการอภิเษกกับนาง”ซูชิงอู่เลิกคิ้ว มองไปยังความมุ่งมั่นในดวงตาของเย่ชิวหมิงแล้วพยักหน้า "เพคะ หม่อมฉันเข้าใจ"เย่ชิวหมิงรู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อย เมื่อได้ยินคำตอบของนางแน่นอนว่าเขารู้เกี่ยวกับข้อตกลงลับระหว่างตระกูลเจียวและจวนอ๋องเสวียนซึ่งเขาพูดกรอกหูของเสด็จแม่อยู่ทุกวัน“ถ้ามีสิ่งใดที่เจ้าต้องการให้ข้าทำ เจ้าก็บอกมาได้เลย”ต่อหน้าต่อตาหลายคู่ เย่ชิวหมิงไม่อาจพูดคุยกับซูชิงอู่ได้มากนัก ดังนั้นเขาจึงหันหลังกลับและจากไปพร้อมกับผู้ติดตามของตนเองซูชิงอู่และเย่เสวียนถิงกำลังนั่งอยู่ในรถม้า รอยยิ้มรากฏขึ้นในดวงตาของนาง“เช่นนี้ก็ดี การกระทำของไทเฮาทำให้เย่ชิ่วหมิงรู้สึกขบถในใจแล้ว”เย่เสวียนถิงพยักหน้าเล็กน้อย หันมองซูชิงอู่ “เจ้าคิดจะจับเสือมือเปล่าหรือ?” ซูชิงอู่เงยหน้าขึ้น ยกยิ้มมุมปากแล้วพูดว่า "แล้วเหตุใดเราต้องลงมือเองเล่า ตระกูลเจียวและตระกูลมู่หรงต่างก็เป็นตระกูลใหญ่ที่มีอำนาจ
เย่เสวียนถิงรู้สึกเหมือนหัวใจออกมาเต้นนอกอกเขาหลับตาและสงบสติอารมณ์ที่กำลังตื่นตระหนกและสับสน “ข้าจะไปเข้าเฝ้าฝ่าบาท”ซูชิงอู่ยิ้ม แววตาแฝงความอับจนใจ “ไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทแล้วจะมีประโยชน์อะไร ไทเฮาก็ไม่ยอมรับอยู่ดี คราวนี้อาจเป็นบททดสอบของนาง ถ้าเราค้นพบกลไกของปิ่นปักผมนี้เข้าแล้ว ก็หมายความว่าเรามองจุดประสงค์ของนางออกแล้ว”“แล้วอย่างไรเล่า?”เสียงของเย่เสวียนถิงเย็นชา ข้อนิ้วส่งเสียงกรอบแกรบเมื่อคิดไปว่ามีคนกล้าโจมตีชายาของเขาใต้จมูกเขาเองเช่นนี้ เขาต้องการฆ่าตัวการที่ก่อกรรมทำชั่วด้วยโทษทัณฑ์สับเป็นพันชิ้นหมื่นชิ้นดวงตาหงส์ของเขาหรี่ลง ราวกับมีความมืดมิดอันไร้ขอบเขตซ่อนอยู่ภายใน“แทนที่จะปล่อยให้นางโจมตีเจ้าแบบลับ ๆ เช่นนี้ โจมตีข้าอย่างเปิดเผยเลยจะดีกว่า!"ซูชิงอู่ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็ยิ้มนางรู้ว่าเย่เสวียนถิงทำเช่นนี้ก็เพื่อปกป้องนางและลูกเพียงแต่ในใต้หล้านี้ฮ่องเต้ยิ่งใหญ่เหนือสิ่งอื่นใด แม้แต่คนที่เก่งกาจอย่างเย่เสวียนถิงก็ยังติดอยู่ในที่แคบนี้เขาไม่ควรติดอยู่ที่นี่แต่ตอนนี้หากบอกความคิดเหล่านี้กับเขา เขาจะไม่เห็นด้วยอย่างแน่นอนซูชิงอู่หรี่ตาลงเล็กน้อย อำน