ตอนนี้มีเพียงเหตุผลเดียวเท่านั้นที่ทำให้น้ำยาประทินผิวไม่สามารถเปิดโปงการปลอมตัวของเขาได้...ซึ่งก็คือ ราชครูตัวปลอมคนนี้รูปร่างหน้าตาเหมือนกับราชครูตัวจริงที่ก่อนหน้านี้เคยสูญเสียแขนข้างหนึ่งทุกประการ...ราชครูส่งเสียงหึอย่างเย็นชาและพูดอย่างเรียบเฉย “ตอนนี้พระชายากับท่านอ๋องมีสิ่งใดต้องการพูดอีกหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”“ข้า…”ขณะที่ซูชิงอู่กำลังจะพูดถึงสิ่งที่นางคาดเดา ทันใดนั้นนางก็เห็นแสงวาบส่องมาจากหางตาของนางเพราะเย่เสวียนถิงซึ่งยืนอยู่ข้างหลังนางได้ลงมือแล้วดาบของเขาพุ่งไปโจมตีอย่างรวดเร็วโดยที่คู่ต่อสู้ไม่ทันได้ตั้งตัว ดังนั้นดาบจึงแทงเข้าที่หัวใจของราชครูเฒ่าอย่างไม่ลังเลดวงตาของราชครูเฒ่าเบิกกว้างและเขาก็ส่งเสียงโอดครวญเขามองไปที่เย่เสวียนถิงด้วยความเหลือเชื่อ ไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะโจมตีเขาต่อหน้าฮ่องเต้เฒ่าแม้แต่ซูชิงอู่เองก็คาดไม่ถึงเช่นกันว่าเหตุการณ์จะเป็นเช่นนี้ฮ่องเต้เฒ่าทรงลุกขึ้นยืนทันทีและตะโกน “เย่เสวียนถิง นี่เจ้าคิดจะทำการกบฏรึ? ใครก็ได้รีบเข้ามาเร็ว!”องครักษ์จากด้านนอกรีบเข้ามาและล้อมรอบซูชิงอู่และเย่เสวียนถิงเอาไว้ราชครูเฒ่าตัวสั่นเทาจนทนไม่ไหวแล้ว
องครักษ์ต่างพากันมองไปยังที่ฮ่องเต้เฒ่าและไม่กล้าขยับตัวเหตุผลที่พวกเขาไม่ได้พุ่งไปหาเย่เสวียนถิงในตอนแรก ประการแรกคือพวกเขาไม่สามารถเอาชนะเย่เสวียนถิงได้ประการที่สองก็เป็นเพราะพวกเขาไม่สามารถเอาชนะเย่เสวียนถิงได้อีกนั่นแหละพวกเขาไม่ได้โง่ และพวกเขารู้ดีว่าหากใครพุ่งเข้าไปก่อนก็คงได้ตายเป็นคนแรกฮ่องเต้เฒ่าทอดพระเนตรเห็นความจริงตรงหน้า จึงทรงโบกมือเบา ๆ เพื่อสั่งให้เหล่าองครักษ์ล่าถอยทุกคนถอนหายใจด้วยความโล่งอกและวิ่งออกไปเร็วกว่าตอนที่รีบเข้ามา“เจ้ารู้มานานแล้วหรือ?”ฮ่องเต้เฒ่ารู้สึกถึงเพียงอารมณ์ที่โกรธเกรี้ยวของตน และรู้สึกว่าที่ผ่านมาตนได้ถูกขังไว้ในถ้ำอันมืดมิด ทว่าในขณะนี้มันได้กลายเป็นเรื่องขำขันไปแล้วเย่เสวียนถิงเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย เสียงของเขาเย็นชาและเรียบนิ่ง“พ่ะย่ะค่ะ”“เจ้าช่างเป็นลูกที่ดีของข้าจริง ๆ !”ฮ่องเต้เฒ่ากัดฟันในขณะที่พูดประโยคดังกล่าวอย่างไรก็ตามสิ่งที่เขารับปากไว้ก่อนหน้านี้ได้ถูกกล่าวออกไปแล้ว และตอนนี้ข้อเท็จจริงก็อยู่ตรงหน้า ไม่ว่าราชครูผู้นั้นจะเป็นตัวจริงหรือตัวปลอม เขาก็ตายไปแล้ว“เสด็จพ่อก็ทรงชมเกินไปพ่ะย่ะค่ะ”เย่เสวียนถิงตอบกลับ
แน่นอนว่าไม่ได้!เขาแม่มปากแน่นพลางอุ้มซูชิงอู่แน่นขึ้นโดยไม่พูดอะไร เขาก้าวออกจากวังไปขึ้นรถม้าด้วยความรวดเร็ว“กลับจวน!”ซูเฟยยังคงรอข่าวเกี่ยวกับซูชิงอู่และเย่เสวียนถิงอยู่ข้างนอก สุดท้ายนางก็ได้ทราบจากคนรับใช้ว่าทั้งสองมุ่งหน้ากลับจวนแล้วหลังจากได้ยินเช่นนั้น ซูเฟยก็แปลกใจเล็กน้อย“รีบถึงเพียงนั้นเลยหรือ?”นางกำนัลอาวุโสข้างกายรีบปลอบใจทันที “คงเป็นเพราะตอนนี้ดึกแล้วอีกทั้งพวกเขาก็อาจมีเรื่องด่วนเพคะ ในเมื่อตอนนี้ทุกคนปลอดภัยแล้ว พระสนมก็ไม่ต้องเป็นกังวลไปนะเพคะ”ซูเฟยนั่งบนเก้าอี้พลางเท้าคางถอนหายใจเบา ๆ“ข้าไม่ได้กังวลเรื่องความปลอดภัยของพวกเขามากนักหรอก พวกเขาสองคนหูตาว่องไวขนาดนั้นใครจะกล้าเล่นงานล่ะ? ก็แค่...”นางกำนัลอาวุโสถาม “อะไรหรือเพคะ?”“เด็กน้อยชิงอู่ยังมีลูกที่แสนล้ำค่าอยู่ในครรภ์ พวกเขานี่ก็ช่างทำเกินไปเสียจริง!”นางกำนัลอาวุโส “...”ฮ่องเต้ทรงมีรับสั่งให้ปิดข่าวเกี่ยวกับราชครู ทุกคนที่ไม่ได้แพร่ข่าวออกไปต่างก็รู้เรื่องนี้ส่วนศพของนักฆ่าที่บุกเข้ามาเมื่อคืนก็ถูกกำจัดเรียบร้อย ทุกอย่างดูเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นในชั่วพริบตา สภาพอากาศก็กลับมาอบอุ่น อาการ
เมื่อเห็นว่าซูชิงอู่ตอบตกลง ใบหน้าของฉีเทียนหยวนก็เต็มไปด้วยความดีใจเขาลุกขึ้นและกล่าวคำอำลา “เช่นนั้นข้าจะรอต้อนรับพระชายาและท่านอ๋องนะ”หลังจากคนกลับไปแล้ว เย่เสวียนถิงก็หันไปมองซูชิงอู่“เจ้าชอบสิงโตหรือ?”ดวงตาของเขาขรึมลงราวกับกำลังคิดอะไรบางอย่างหากเป็นเช่นนั้นก็คงต้องเอาสิงโตมาแทนไป๋เฟิง บางทีอาอู่อาจจะชอบ...ไป๋เฟิงที่กำลังเดินอยู่ในสวนหลังเรือนตัวสั่นโดยไม่รู้ตัวราวกับรู้สึกว่ากำลังจะมีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้น“ไม่ใช่หรอก”ซูชิงอู่ยิ้มเจ้าเล่ห์ “พรุ่งนี้ องค์ชายสามของแคว้นฉีตะวันออกเชิญองค์ชายทุกคนไปชมสิงโต ณ ที่พำนักของเขา ข้าคิดว่าเขาคงจะไม่ได้เพียงนำสิงโตมาอวด แต่ยังคิดที่จะอวดแคว้นฉีตะวันออกของเขาต่อหน้าทุกคนว่าความแข็งแกร่งของพวกเขาเปรียบเหมือนสิงโต”ฉีเทียนหยวนจะเก็บสิงโตไว้แต่ที่เรือนและชื่นชมมันคนเดียวได้อย่างไร เขาต้องนำมันออกมาอวดอย่างแน่นอนนางไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังวางแผนอะไร แต่ซูชิงอู่สนใจที่จะทำลายแผนของคนอื่นเป็นอย่างมากเย่เสวียนถิงจ้องไปที่ท้องของนางแม้จะยังไม่เห็นเป็นรูปร่างอย่างชัดเจน แต่ก็สามารถเห็นส่วนนูนเล็กน้อยได้แล้วเขาเดินไปเอามือกุมท้องขอ
ซูชิงอู่มองดูสิงโตด้วยสายตาประหลาดใจ ต้องบอกว่าสิงโตขนทองคำที่ฉีเทียนหยวนนำมานั้นเป็นที่ชื่นชอบของผู้คนเป็นอย่างมากไม่รู้ว่าระหว่างมันกับไป๋เฟิงตัวไหนจะแข็งแกร่งกว่ากันขณะที่ซูชิงอู่คิดเช่นนี้ จู่ ๆ นางก็เห็นรถม้าคันหนึ่งแล่นมาจอดและเห็นร่างร่างหนึ่งลงมาจากรถม้าคนผู้นั้นสวมชุดสีแดงเข้ม รูปร่างที่เย้ายวนน่าหลงใหล มีลูกปัดและปิ่นหยกติดอยู่บนมวยผม ร่างนั้นเดินมาทีละก้าวด้วยท่วงท่าอันสง่างามนางสวมผ้าโปร่งสีขาวปิดหน้าช่วงล่างแต่ดวงตาที่เผยออกมาแสดงให้เห็นว่านางงดงามอย่างแท้จริงการปรากฏตัวของบุคคลนี้ดึงดูดความสนใจของคนส่วนใหญ่ฉีเทียนหยวนเดินไปหาสตรีนางนั้น พลางมองไปที่องค์ชายทั้งสามและพูดแนะนำ “นี่คือน้องสาวของข้า ฉีหว่านเอ๋อร์”สตรีผู้นั้นก้มศีรษะทักทาย “หว่านเอ๋อร์ขอถวายความเคารพองค์ชายทั้งสาม”เย่อวิ๋นถูมองไปที่อีกฝ่ายด้วยสีหน้าเคร่งขรึม คิ้วของเขาขมวดคิ้วกันอย่างเห็นได้ชัดทันใดนั้นเขาก็เข้าใจจุดประสงค์ที่แท้จริงของฉีเทียนหยวนในการเชิญพวกเขามาที่นี่ในครั้งนี้ฉีเทียนหยวนยิ้มและพูดว่า “น้องสาวของข้าเป็นน้องท้องเดียวกัน นางได้รับความความโปรดปรานมาตั้งแต่เด็ก ปีนี้นางอายุสิบ
เย่ชิวหมิงคาดไม่ถึงว่าชื่อเสียงของตัวเองจะดังไกลไปถึงต่างแดนอีกทั้งเขายังได้รับการชื่นชมมากมายหนึ่งในนั้นก็คือองค์หญิงแห่งแคว้นฉีตะวันออกเขามีสีหน้าความประหลาดใจอยู่ครู่หนึ่ง ไม่รู้ว่าจะตอบสนองอย่างไรฉีเทียนหยวนรีบก้าวมาเพื่อขจัดความอึดอัดใจ“น้องหว่านเอ๋อร์เชี่ยวชาญด้านดนตรี หมากรุก ตัวอักษรและภาพวาด นางมีเชื้อสายชนชั้นสูง และนางคือคู่แห่งลิขิตที่สมบูรณ์แบบสำหรับท่านพี่ชิวหมิง ยิ่งไปกว่านั้น ข้าก็ได้ทูลความประสงค์ต่อฮ่องเต้แล้ว และพระองค์เองก็ทรงมีความกระตือรือร้นอย่างยิ่งที่จะอำนวยความสะดวกในการแต่งงานครั้งนี้”ในฐานะองค์ชายใหญ่ เย่ชิวหมิงเป็นผู่เข้าแข่งขันที่มีโอกาสมากที่สุดที่ได้รับตำแหน่งองค์รัชทายาทตอนนี้ฉีเทียนหยวนไม่ได้รู้สึกอะไรกับองค์หญิงห้าแล้ว ดังนั้นเขาจึงเกิดความคิดเช่นนี้ขึ้นมาแทนที่จะแต่งงานด้วยตัวเอง หากเลือกคนที่ไม่ชอบมาเป็นมเหสี นอกจากจะไม่ได้รับผลประโยชน์ใดใดแล้ว แต่ตำแหน่งมเหสีก็ยังเสียไปแบบสูญเปล่าด้วยเขาชื่นชอบความงดงามมาแต่ไหนแต่ไร หากเขาต้องผูกมัดกับสตรีเช่นนั้นเขาคงจะรู้สึกไม่สบายใจไปตลอดทว่าขอเพียงน้องสาวของเขาได้แต่งงานกับองค์ชายใหญ่ นางก็ส
เย่เสวียนถิงขมวดคิ้วพลางตบหลังนางเบา ๆ “ไม่เป็นไรใช่หรือไม่”ซูชิงอู่ส่ายหัว พอได้กลิ่นจากตัวของเขาที่ทำให้นางใจเย็นขึ้นมา นางจึงสงบสติอารมณ์ลงไปได้นางอดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้วอย่างเย็นชา “ข้าว่าฉีหว่านเอ๋อร์เป็นสตรีที่ใช้ได้เลยนะ ท่านอ๋องคิดเห็นอย่างไร?”เย่เสวียนถิง “...”เขาไม่ได้คิดอะไรเลยโชคดีที่ซูชิงอู่ไม่ได้ทำให้ท่านอ๋องของตัวเองต้องลำบากใจ “ดู ๆ แล้วองค์ชายใหญ่คงจะสนใจนาง ทำไมพวกเราไม่เป็นพ่อสื่อแม่สื่อจับคู่ให้พวกเขาล่ะ?”เย่เสวียนถิงไม่คิดว่าซูชิงอู่จะมีความสนใจเช่นนั้นเขาพยักหน้า “อาอู่จะทำอย่างไร?”ยามนี้เย่ชิวหมิงกำลังเผชิญหน้ากับเย่อวิ๋นถูเขารู้ความคิดของอีกฝ่ายแล้ว และแสดงให้เห็นชัดเจนว่าอยากให้อีกฝ่ายขายหน้าแม้เขาจะกังวลเล็กน้อย แต่เรื่องก็มาถึงขั้นนี้แล้ว เขาจะทำตัวใจเสาะไม่ได้งานเลี้ยงพระราชวังครั้งก่อน ซูชิงอู่สามารถควบคุมเสือขาวได้ ทำเอาใจของเขาสั่นไหว จากนั้นเขาก็พูดกับเย่อวิ๋นถูอย่างเย็นชา“ดูเหมือนว่าอาการบาดเจ็บครั้งก่อนของน้องสามจะหายดีแล้ว”สีหน้าของเย่อวิ๋นถูเปลี่ยนเป็นไม่สู้ดีเมื่อเขาได้ยินคำเยาะเย้ยอย่างไร้ปราณีจากพี่ชายของเขาแต่เขาไม่เชื่อ
ประตูกรงเหล็กถูกเปิดออก ทันใดนั้นสิงโตขนทองคำลืมตาขึ้น แล้วค่อย ๆ ยืนขึ้นจากพื้นดินมันส่ายขน สะบัดฝุ่นที่อยู่บนตัวออกจากร่างกายทันทีที่มันยืนขึ้น สัตว์ร้ายที่แต่เดิมเคยดูเชื่อง ก็ดูสูงใหญ่และแข็งแกร่งขึ้นทันที ทำให้ผู้คนรู้สึกถึงความกดดันที่ทรงพลังมากสิงโตขนทองคำเป็นของหายากของแคว้นฉีตะวันออก สัตว์ชนิดนี้สามารถพบเห็นได้ที่นั่นเท่านั้น ดังนั้นผู้คนในวันนี้จึงเห็นสิ่งแปลกใหม่เย่ชิวหมิงก็กังวลเช่นกัน แต่เมื่อนึกถึงความเก่งกาจของซูชิงอู่ เขาจึงสูดหายใจเข้าลึก ๆ และเปิดขวดในมืออย่างเงียบ ๆกลิ่นที่คนทั่วไปแทบจะไม่สามารถรับรู้ได้ลอยออกมาจากขวดทันที จู่ ๆ สิงโตทองก็หยุดเคลื่อนไหว ดวงตาของมันเหม่อลอยมันส่ายหัวพยายามกำจัดขจัดความมึนงง แต่กลับยิ่งรู้สึกมึนงงมากขึ้นเรื่อย ๆ ต้องการเพียงตามกลิ่นนั้นเท่านั้นเย่เสวียนถิงไม่คิดว่าซูชิงอู่จะสามารถคิดค้นยาเช่นนี้ออกมาได้เมื่อมองดูสิงโตที่มีท่าทางเหมือนงุนงง เขาก็รู้ได้ทันทีเลยว่ายาของซูชิงอู่ได้ผลในช่วงนี้ซูชิงอู่กำลังอ่านเภสัชตำรับในขณะที่ดูแลลูกในครรภ์ จนเกือบจะอ่านเภสัชตำรับของตระกูลฟางหมดทั้งเล่มสำหรับเภสัชตำรับนี้ นางเกือบจะท่อง