ซูชิงอู่มองดูสิงโตด้วยสายตาประหลาดใจ ต้องบอกว่าสิงโตขนทองคำที่ฉีเทียนหยวนนำมานั้นเป็นที่ชื่นชอบของผู้คนเป็นอย่างมากไม่รู้ว่าระหว่างมันกับไป๋เฟิงตัวไหนจะแข็งแกร่งกว่ากันขณะที่ซูชิงอู่คิดเช่นนี้ จู่ ๆ นางก็เห็นรถม้าคันหนึ่งแล่นมาจอดและเห็นร่างร่างหนึ่งลงมาจากรถม้าคนผู้นั้นสวมชุดสีแดงเข้ม รูปร่างที่เย้ายวนน่าหลงใหล มีลูกปัดและปิ่นหยกติดอยู่บนมวยผม ร่างนั้นเดินมาทีละก้าวด้วยท่วงท่าอันสง่างามนางสวมผ้าโปร่งสีขาวปิดหน้าช่วงล่างแต่ดวงตาที่เผยออกมาแสดงให้เห็นว่านางงดงามอย่างแท้จริงการปรากฏตัวของบุคคลนี้ดึงดูดความสนใจของคนส่วนใหญ่ฉีเทียนหยวนเดินไปหาสตรีนางนั้น พลางมองไปที่องค์ชายทั้งสามและพูดแนะนำ “นี่คือน้องสาวของข้า ฉีหว่านเอ๋อร์”สตรีผู้นั้นก้มศีรษะทักทาย “หว่านเอ๋อร์ขอถวายความเคารพองค์ชายทั้งสาม”เย่อวิ๋นถูมองไปที่อีกฝ่ายด้วยสีหน้าเคร่งขรึม คิ้วของเขาขมวดคิ้วกันอย่างเห็นได้ชัดทันใดนั้นเขาก็เข้าใจจุดประสงค์ที่แท้จริงของฉีเทียนหยวนในการเชิญพวกเขามาที่นี่ในครั้งนี้ฉีเทียนหยวนยิ้มและพูดว่า “น้องสาวของข้าเป็นน้องท้องเดียวกัน นางได้รับความความโปรดปรานมาตั้งแต่เด็ก ปีนี้นางอายุสิบ
เย่ชิวหมิงคาดไม่ถึงว่าชื่อเสียงของตัวเองจะดังไกลไปถึงต่างแดนอีกทั้งเขายังได้รับการชื่นชมมากมายหนึ่งในนั้นก็คือองค์หญิงแห่งแคว้นฉีตะวันออกเขามีสีหน้าความประหลาดใจอยู่ครู่หนึ่ง ไม่รู้ว่าจะตอบสนองอย่างไรฉีเทียนหยวนรีบก้าวมาเพื่อขจัดความอึดอัดใจ“น้องหว่านเอ๋อร์เชี่ยวชาญด้านดนตรี หมากรุก ตัวอักษรและภาพวาด นางมีเชื้อสายชนชั้นสูง และนางคือคู่แห่งลิขิตที่สมบูรณ์แบบสำหรับท่านพี่ชิวหมิง ยิ่งไปกว่านั้น ข้าก็ได้ทูลความประสงค์ต่อฮ่องเต้แล้ว และพระองค์เองก็ทรงมีความกระตือรือร้นอย่างยิ่งที่จะอำนวยความสะดวกในการแต่งงานครั้งนี้”ในฐานะองค์ชายใหญ่ เย่ชิวหมิงเป็นผู่เข้าแข่งขันที่มีโอกาสมากที่สุดที่ได้รับตำแหน่งองค์รัชทายาทตอนนี้ฉีเทียนหยวนไม่ได้รู้สึกอะไรกับองค์หญิงห้าแล้ว ดังนั้นเขาจึงเกิดความคิดเช่นนี้ขึ้นมาแทนที่จะแต่งงานด้วยตัวเอง หากเลือกคนที่ไม่ชอบมาเป็นมเหสี นอกจากจะไม่ได้รับผลประโยชน์ใดใดแล้ว แต่ตำแหน่งมเหสีก็ยังเสียไปแบบสูญเปล่าด้วยเขาชื่นชอบความงดงามมาแต่ไหนแต่ไร หากเขาต้องผูกมัดกับสตรีเช่นนั้นเขาคงจะรู้สึกไม่สบายใจไปตลอดทว่าขอเพียงน้องสาวของเขาได้แต่งงานกับองค์ชายใหญ่ นางก็ส
เย่เสวียนถิงขมวดคิ้วพลางตบหลังนางเบา ๆ “ไม่เป็นไรใช่หรือไม่”ซูชิงอู่ส่ายหัว พอได้กลิ่นจากตัวของเขาที่ทำให้นางใจเย็นขึ้นมา นางจึงสงบสติอารมณ์ลงไปได้นางอดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้วอย่างเย็นชา “ข้าว่าฉีหว่านเอ๋อร์เป็นสตรีที่ใช้ได้เลยนะ ท่านอ๋องคิดเห็นอย่างไร?”เย่เสวียนถิง “...”เขาไม่ได้คิดอะไรเลยโชคดีที่ซูชิงอู่ไม่ได้ทำให้ท่านอ๋องของตัวเองต้องลำบากใจ “ดู ๆ แล้วองค์ชายใหญ่คงจะสนใจนาง ทำไมพวกเราไม่เป็นพ่อสื่อแม่สื่อจับคู่ให้พวกเขาล่ะ?”เย่เสวียนถิงไม่คิดว่าซูชิงอู่จะมีความสนใจเช่นนั้นเขาพยักหน้า “อาอู่จะทำอย่างไร?”ยามนี้เย่ชิวหมิงกำลังเผชิญหน้ากับเย่อวิ๋นถูเขารู้ความคิดของอีกฝ่ายแล้ว และแสดงให้เห็นชัดเจนว่าอยากให้อีกฝ่ายขายหน้าแม้เขาจะกังวลเล็กน้อย แต่เรื่องก็มาถึงขั้นนี้แล้ว เขาจะทำตัวใจเสาะไม่ได้งานเลี้ยงพระราชวังครั้งก่อน ซูชิงอู่สามารถควบคุมเสือขาวได้ ทำเอาใจของเขาสั่นไหว จากนั้นเขาก็พูดกับเย่อวิ๋นถูอย่างเย็นชา“ดูเหมือนว่าอาการบาดเจ็บครั้งก่อนของน้องสามจะหายดีแล้ว”สีหน้าของเย่อวิ๋นถูเปลี่ยนเป็นไม่สู้ดีเมื่อเขาได้ยินคำเยาะเย้ยอย่างไร้ปราณีจากพี่ชายของเขาแต่เขาไม่เชื่อ
ประตูกรงเหล็กถูกเปิดออก ทันใดนั้นสิงโตขนทองคำลืมตาขึ้น แล้วค่อย ๆ ยืนขึ้นจากพื้นดินมันส่ายขน สะบัดฝุ่นที่อยู่บนตัวออกจากร่างกายทันทีที่มันยืนขึ้น สัตว์ร้ายที่แต่เดิมเคยดูเชื่อง ก็ดูสูงใหญ่และแข็งแกร่งขึ้นทันที ทำให้ผู้คนรู้สึกถึงความกดดันที่ทรงพลังมากสิงโตขนทองคำเป็นของหายากของแคว้นฉีตะวันออก สัตว์ชนิดนี้สามารถพบเห็นได้ที่นั่นเท่านั้น ดังนั้นผู้คนในวันนี้จึงเห็นสิ่งแปลกใหม่เย่ชิวหมิงก็กังวลเช่นกัน แต่เมื่อนึกถึงความเก่งกาจของซูชิงอู่ เขาจึงสูดหายใจเข้าลึก ๆ และเปิดขวดในมืออย่างเงียบ ๆกลิ่นที่คนทั่วไปแทบจะไม่สามารถรับรู้ได้ลอยออกมาจากขวดทันที จู่ ๆ สิงโตทองก็หยุดเคลื่อนไหว ดวงตาของมันเหม่อลอยมันส่ายหัวพยายามกำจัดขจัดความมึนงง แต่กลับยิ่งรู้สึกมึนงงมากขึ้นเรื่อย ๆ ต้องการเพียงตามกลิ่นนั้นเท่านั้นเย่เสวียนถิงไม่คิดว่าซูชิงอู่จะสามารถคิดค้นยาเช่นนี้ออกมาได้เมื่อมองดูสิงโตที่มีท่าทางเหมือนงุนงง เขาก็รู้ได้ทันทีเลยว่ายาของซูชิงอู่ได้ผลในช่วงนี้ซูชิงอู่กำลังอ่านเภสัชตำรับในขณะที่ดูแลลูกในครรภ์ จนเกือบจะอ่านเภสัชตำรับของตระกูลฟางหมดทั้งเล่มสำหรับเภสัชตำรับนี้ นางเกือบจะท่อง
สิงโตนิ่งงัน หัวก้มลงเหมือนลูกแกะเชื่องตัวหนึ่งเย่ชิวหมิงถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก สีหน้าตื่นเต้น เขานั่งลงเพียงชั่วครู่แล้วรีบลงไป จากนั้นจึงตบหัวสิงโตแท้จริงแล้วเขาให้ยาแก้พิษกับมันจู่ ๆ เสียงเชียร์ก็ดังขึ้นรอบ ๆ เมื่อผู้คนเห็นว่าองค์ชายของพวกเขาสามารถขี่สัตว์ร้ายจากแคว้นฉีตะวันออกได้ ใบหน้าของพวกเขาก็สดใส แต่ละคนรู้สึกภาคภูมิใจฉีเทียนหยวนเลิกคิ้วเล็กน้อย เขาไม่คิดว่าฝ่ายตรงข้ามจะทำได้ถึงขนาดนี้แม้แต่แม่ทัพที่เก่งที่สุดของแคว้นฉีตะวันออกก็ไม่อาจรับมือสิงโตขนทองคำนี้ได้เกินกว่าสามกระบวนท่ากรงเล็บและฟันของมันคมกริบ หากไม่มีอาวุธ จะไม่สามารถเอาชนะสิงโตที่น้ำหนักขนาดนี้ด้วยมือเปล่าได้สิงโตสามารถกัดศีรษะของคนเหล่านั้นได้ด้วยการกัดเพียงครั้งเดียว!ดวงตาของฉีหว่านเอ๋อร์สว่างขึ้น นางมองไปยังเย่ชิวหมิงด้วยสายตาเร่าร้อนนางค่อย ๆ เดินเข้าไปหาเขา เชยคางขึ้นเล็กน้อยแล้วพูดว่า “องค์ชายใหญ่ทรงพลังสมคำร่ำลือหว่านเอ๋อมองคนไม่ผิดจริง ๆ”นางคิดอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็หน้าแดงและยื่นผ้าเช็ดหน้าให้เขา “ให้ท่าน เช็ดเหงื่อสักหน่อย”เย่ชิวหมิงรับมันมา มองฉีหว่านเอ๋อร์ที่ก้มหน้าหลบสายตาแล
ไทเฮาพยักหน้าอย่างใจดี “อวิ๋นถู ลุกขึ้นเถิด”“ขอพระทัยพ่ะย่ะค่ะไทเฮา”เย่อวิ๋นถูเงยรีบเงยหน้า เดินเข้าไปหาไทเฮา พยุงแขนของนางไว้เขาถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “เหตุใดจู่ ๆ ท่านถึงมาที่นี่?”ไทเฮามองไปรอบ ๆ สุดท้ายดวงตาของนางก็หยุดอยู่ที่กรงสิงโตที่ประตู แววตามีประกายแวบเข้ามานางตบแขนเขาเบา ๆ และเอ่ยด้วยน้ำเสียงสงบ “หลังจากได้ยินว่าแคว้นฉีตะวันออกนำของขวัญมาให้ ข้าก็คิดว่าน่าสนใจมาก ดังนั้นจึงคิดจะมาดูเสียหน่อย”นางมาที่กรงและมองดูสิงโตตัวนั้นคนอื่น ๆ ก็มาแสดงความเคารพ ในเวลานี้แม้แต่ซูชิงอู่และเย่เสวียนถิงก็มาแสดงความเคารพต่อไทเฮาด้วยไทเฮาพยักหน้าเล็กน้อย เป็นการตอบรับมารยาทของทุกคน นางเงยหน้าขึ้นจ้องมองไปที่ซูชิงอู่นางขมวดคิ้ว “สาวน้อยชิงอู่ เหตุใดเจ้าถึงมาที่นี่ด้วย?”ขณะที่ซูชิงอู่กำลังจะอธิบาย ฉีเทียนหยวนที่อยู่ไม่ไกลก็เอ่ยตอบก่อน “กราบทูลไทเฮา กระหม่อมเป็นคนเชิญพระชายามาที่นี่เองพ่ะย่ะค่ะ”ไทเฮาตรัสว่า “พระชายายังทรงพระครรภ์เหลนของข้า หากมีอะไรเกิดขึ้นกับนางใคร พวกท่านจะรับผิดชอบได้หรือ?”เมื่อฉีเทียนหยวนได้ยินสิ่งนี้ เขาก็แสดงสีหน้าอึดอัดใครจะจินตนาการได้ว่า เขาจะรู
ในกรณีนั้น แม้ว่านางจะไม่เป็นอะไร แต่ลูกในท้องของนางคงไม่รอดแน่ไทเฮาที่ตรัสว่าเห็นแก่เหลนตัวน้อยของนาง แท้จริงแล้วไม่ต้องการให้นางคลอดลูกออกมาแม้แต่น้อยนอกจากนี้นางและเย่เสวียนถิงยังถูกลอบสังหารกลางถนนในวันนั้น ใครจะรู้แผนการเดินทางของนางและท่านอ๋องได้แม่นยำเช่นนี้ดังนั้น ผู้บงการเบื้องหลังจึงต้องเป็นคนในวังแน่นอน!ซูชิงอู่เฝ้าดูไทเฮาแสดงงิ้วต่อหน้าตน อารมณ์ในดวงตาของนางก็เย็นลงมากหลังจากที่ไทเฮาทรงมอบปิ่นปักผมแล้ว ก็ละสายตาจากนาง“ข้าเพิ่งได้ยินจากฮ่องเต้ว่าองค์หญิงหฉีหว่านเอ๋อร์ น้องสาวขององค์ชายสามก็มาเมืองหลวงด้วย ได้ยินว่านางงดงามเป็นที่หนึ่งในแคว้นฉีตะวันออกของเจ้า”ทันใดนั้นฉีเทียนหยวนก็รู้สึกละอายใจเล็กน้อย เมื่อได้ยินคำชมนี้เขามีสีหน้าเขินอาย อดไม่ได้ที่จะจ้องมองไปที่ใบหน้าของซูชิงอู่แม้ว่าฉีหว่านเอ๋อร์จะดูดีจริง ๆ แต่เมื่อเปรียบเทียบกับซูชิงอู่ รูปร่างหน้าตาของพวกนางนับว่ามีช่องว่างขนาดใหญ่อยู่สตรีที่งดงามเหมือนซูชิงอู่ นับว่าหาได้ยากในโลกนี้ ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่หลงใหลจนเสียสมาธิไปต่อหน้านาง“ทูลไทเฮา ท่านชมเกินไปแล้ว คำเหล่านั้นเป็นเพียงคนจากภายนอกพูดไปเอง…
ต้องยอมรับว่าฉีหว่านเอ๋อร์เป็นสตรีที่ค่อนข้างตรงไปตรงมามากแม้ในใจจะอาย แต่กลับกล้าพูดแสดงความรู้สึกออกมาไม่ไกลนัก เย่ชิวหมิงรู้สึกว่าแก้มของตนแดงขึ้นเล็กน้อยทั้งละอายและรู้สึกผิดนั่นเพราะฉีหว่านเอ๋อร์ชอบคนที่ปราบสัตว์ร้ายได้อย่างแท้จริง ซึ่งนั่นไม่ใช่เขาเขาเป็นแค่คนหลอกลวงซูชิงอู่กลับมายืนข้างเย่เสวียนถิง ยกมือขึ้นแล้วแตะปิ่นที่เพิ่งได้มาใหม่บนศีรษะของนางเบา ๆ ดูงิ้วเบื้องหน้าด้วยความสนใจเล็กน้อยเห็นได้ชัดว่าไทเฮาตกตะลึงกับคำพูดของฉีหว่านเอ๋อร์ จากนั้นจึงเงยหน้ามองฉีเทียนหยวน “บุตรีคนแคว้นฉีตะวันออกเป็นเช่นนี้ทุกบ้านหรือ?”ฉีเทียนหยวนรีบดึงฉีหว่านเอ๋อร์อย่างรวดเร็ว และกล่าวต่อไทเฮาด้วยความเคารพ “ฉีหว่านเอ๋อร์ถูกที่บ้านตามใจจนเสียนิสัยพ่ะย่ะค่ะ”“ไม่น่าแปลกใจเลย ที่แคว้นหนานเย่ของเราเรื่องแต่งงานขึ้นอยู่คำสั่งของบิดามารดา ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าลูกสาวคนใดสามารถตัดสินใจเรื่องแต่งงานของตัวเองได้ ยิ่งฉีหว่านเอ๋อร์เป็นถึงองค์หญิง ยิ่งต้องทำตัวเป็นเยี่ยงอย่าง”เมื่อนางได้ยินไทเฮาพูดเช่นนั้น ดวงตาของฉีหว่านเอ๋อร์ก็เริ่มแดงทันทีนางตามพี่ชายมาที่นี่เพราะเขาบอกว่าจะช่วยให้นาง