ศีรษะเหล็กของเจ้าอาวาสเฒ่าค่อนข้างแข็งแกร่ง แม้ว่าจะถูกซูชิงอู่โจมตีอย่างแรง แต่มันไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรเจ้าอาวาสเฒ่าตกตะลึงและรู้สึกปวดศีรษะ และครู่ต่อมา ความเจ็บปวดสาหัสก็ถาโถมเข้าใส่เขา"อ๊า!"ของเหลวในขวดหกใส่ศีรษะของเขาและกัดกร่อนหนังศีรษะในทันที ของเหลวมีคุณสมบัติกัดกร่อนที่รุนแรง และเพียงเล็กน้อยก็อาจทำให้ผิวหนังและเนื้อเน่าเปื่อยได้"เจ้า……"เจ้าอาวาสเฒ่าจ้องมองมาด้วยความโกรธ ดวงตาปูดโปน!ซูชิงอู่แสดงสีหน้าประหลาดใจ "โอ้ พลาดแล้ว!"‘ภิกษุหนุ่มรูปนี้ไม่ได้อยู่ที่นี่เพื่อช่วย แต่มาเพื่อสร้างปัญหา!’เจ้าอาวาสเฒ่าโกรธมาก ใบหน้าแดงก่ำและลำคอหดเกร็งเมื่อชายสวมหน้ากากผีเห็นฉากนี้ เขาก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็หรี่ตาลงโดยไม่ตั้งใจเย่เสวียนถิงที่ซ่อนตัวอยู่ใต้หน้ากากจะปล่อยโอกาสดี ๆ เช่นนี้ไปได้อย่างไร เขาชูดาบยาวท่ามกลางแสงจันทร์ และมุ่งหน้าเข้าหาเจ้าอาวาสเฒ่าราวกับมังกรว่ายน้ำศีรษะของเจ้าอาวาสเฒ่าเจ็บปวดอย่างรุนแรง และทักษะของเขาซึ่งด้อยกว่าอีกฝ่ายอยู่แล้วนั้นยังช้ากว่าด้วย เขายกมือกุมศีรษะขณะถอยกลับอย่างรวดเร็ว แต่ไหล่ของเขาก็ยังถูกแทงด้วยดาบของคู่ต่อสู้อย่างหล
เจ้าอาวาสเฒ่ามีสีหน้าดุร้าย และด้วยศีรษะที่เต็มไปด้วยยาพิษ เขาคว้าข้อมือของซูชิงอู่ด้วยทันที“บัดซบ กล้าดียังไงมาลอบทำร้ายข้า?!”ซูชิงอู่ระงับรอยยิ้มของนางและถอยออกไปเกือบจะทันทีที่เจ้าอาวาสเฒ่าลงมือแต่ความเร็วของนางยังช้าเกินไปเมื่อเทียบกับเจ้าอาวาสเฒ่า!ซูชิงอู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ดวงตาของเจ้าอาวาสเฒ่าเป็นสีแดงราวกับเลือด เขาหมายจะระบายความโกรธทั้งหมดในใจใส่นางทันทีที่เขาตระหนักว่าตนหมดทางรอด สิ่งที่เขาคิดไม่ใช่วิธีล้างพิษ แต่เป็นวิธีลากภิกษุน้อยที่กล้าทำร้ายเขาให้ตายไปพร้อมกัน!ซูชิงอู่กัดริมฝีปากและเริ่มหลบอย่างสิ้นหวัง ตั้งใจที่จะถ่วงเวลาอีกฝ่ายตราบใดที่นางรอจนเจ้าอาวาสเฒ่าถูกพิษเล่นงานได้ นางก็จะรอดอย่างไรก็ตาม นางประเมินพลังชีวิตและความปรารถนาที่จะมีชีวิตรอดของเจ้าอาวาสเฒ่าต่ำไปหลังจากที่นางหลบไปสองสามครั้ง จู่ ๆ ก็มีคนคว้าแขนนางไว้!นางไม่สามารถแยกตัวออกไปได้ ดังนั้นนางจึงเงยหน้าขึ้นและมองเจ้าอาวาสเฒ่านั้น ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความหวาดกลัว‘แย่แล้ว!’ซูชิงอู่ไม่เคยคิดจะรอให้คนอื่นมาช่วยนางขณะตกอยู่ในอันตราย ในขณะนี้วิธีแก้ปัญหามากมายวิ่งเข้ามาในใจของนางอย่างรวดเร็
ชายสวมหน้ากากผีมีสีหน้าเย็นชาและน่าสะพรึงกลัว ใบหน้าภายใต้หน้ากากไร้ร่องรอยของอารมณ์เย่เสวียนถิงไม่รู้ว่าทำไม แต่เขากลับลังเลเมื่อมองดูภิกษุน้อยผู้นี้หากเป็นยามปกติ เขาจะฆ่าลูกน้องของศัตรูโดยไม่ลังเลเลยอารมณ์อันไม่อาจอธิบายได้ที่ปะทุขึ้นในใจทำให้ดวงตาของเขาหรี่ลงเล็กน้อย และดวงตาที่เย็นชาเหล่านั้นก็มองที่ซูชิงอู่ผ่านหน้ากากซูชิงอู่รู้สึกได้ถึงเจตนาสังหารอันรุนแรงที่เล็ดลอดออกมาจากอีกฝ่าย นางเลิกคิ้วและเอ่ยอย่างรวดเร็ว"ท่านจอมยุทธ์ ท่านปรมาจารย์ อย่าฆ่าข้าเลย ข้ารู้ว่าราชครูเฒ่าอยู่ที่ใดและสามารถช่วยนำทางให้ท่านได้!"นางไม่กล้าถอดหน้ากากออกง่าย ๆ ถึงยังไงอีกฝ่ายก็มีชื่อเสียงน่าสะพรึงกลัว และคงจะไม่ดีถ้าอีกฝ่ายมีเจตนาชั่วร้ายหลังจากรู้ตัวตนของนางแล้วเมื่อได้ยินสิ่งที่นางพูด เย่เสวียนถิงก็ค่อย ๆ เก็บดาบของเขาเข้าฝักเสียงแหบแห้งและทุ้มต่ำซึ่งจงใจปลอมตัวเพื่อไม่ให้ได้ยินเสียงทุ้มดั้งเดิมดังมาจากลำคอของเขา"นำทางไป"ซูชิงอู่พยักหน้าอย่างรวดเร็ว นางหันหลังกลับและเดินไปข้างหน้าด้วยทักษะศิลปะการต่อสู้ของอีกฝ่าย เขาสามารถฆ่านางได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นนางจึงไม่ได้คิดจะตลบหลังเขา
ทางเดินยาวลึกเข้าไปในความมืดปรากฏขึ้นต่อหน้าพวกเขาทั้งสอง มีโถงหินที่ถูกขุดเข้าไปทั้งสองด้าน มีเตียงหินจำนวนนับไม่ถ้วนอยู่ในห้องหินเหล่านั้นบนเตียงหินเหล่านั้น มีคนถูกมัดอยู่และจับจ้องมา พวกเขาล้วนเป็นชายหนุ่มและหญิงสาวอายุระหว่างสิบถึงยี่สิบปีคนเหล่านั้นสวมอาภรณ์ขาดวิ่น และผิวหนังที่ถูกเปิดเผยล้วนเต็มไปด้วยรอยแผลเป็นต่าง ๆ บนร่างกายแทบไม่มีบริเวณเว้นว่างเลยเปลือกตาของซูชิงอู่กระตุกอย่างรวดเร็วเมื่อนางเห็นฉากที่คุ้นเคยนี้ร่างกายของนางสั่นเล็กน้อย ความรู้สึกคลื่นไส้เกิดขึ้นเองอย่างห้ามไม่ได้ ทำให้นางต้องปิดปากและตัวสั่นเทิ้มเย่เสวียนถิงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเมื่อเห็นฉากนี้ ใครจะคิดว่ามีเรื่องน่าอับอายเช่นนี้ซุกซ่อนอยู่ในวัดพุทธอันเป็นที่พึ่งพิงของแคว้นทันใดนั้นเขาก็ขยับก้าวไปข้างหน้า และใช้ดาบยาวที่คมราวกับเหล็กกล้า ตัดเชือกและโซ่ของทุกคนที่ถูกผูกไว้กับเตียงหินออกอย่างไรก็ตามคนเหล่านั้นยังคงนอนนิ่งอยู่ตรงนั้น หากหน้าอกของพวกเขาไม่สั่นไหว พวกเขาก็ดูไม่ต่างไปไปจากซากศพจุดประสงค์เดิมของเย่เสวียนถิงคือการฆ่าราชครูเฒ่าเท่านั้น แต่เมื่อเห็นฉากนี้ เขาไม่คิดจะให้ภิกษุหนุ่มนำทางอี
ดวงตาของนางเป็นสีเทาและมืดมนลงอย่างมาก หลังจากปิดตาของชายคนนั้น นางก็เอ่ยปากเบา ๆ "ข้าจะล้างแค้นให้กับเจ้าเอง"เสียงของซูชิงอู่เบามากแต่ห้องหินทั้งหมดไร้ช่องลม และเย่เสวียนถิงมีหูที่ไม่ธรรมดาจึงสามารถได้ยินทุกอย่างชัดเจนเมื่อเขาเห็นภิกษุฆ่าคน ดวงตาของเขาก็แสดงท่าทีสงบทันทีอย่างไรเสีย ก็ไม่มีทางที่ภิกษุจะก่อเหตุสังหารคนโดยไม่ลังเลเช่นนี้ ดังนั้นตัวตนของบุคคลนี้จึงต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่ เขาหรี่ตา "ท่านฆ่าเขาอย่างนั้นหรือ?"ซูชิงอู่มองไปยังชายสวมหน้ากากผี เสียงของนางสงบอีกทั้งยังโค้งคำนับ "อามิตตาพุทธ พระพุทธเจ้าเคยกล่าวไว้ว่า หากพระองค์ไม่ตกนรก ไฉนจะมีใครตกนรกอีก"เย่เสวียนถิงถึงกับพูดไม่ออก"..."ถึงกระนั้นเขาก็เลิกกังวล เพราะขี้เกียจเกินกว่าจะติดใจเอาความ "ท่านไปรายงานเรื่องนี้และพาคนมาจัดการเรื่องนี้เสีย ทีนี้ก็บอกทิศทางของราชครูเฒ่ามาให้ข้าได้แล้ว"เมื่อซูชิงอู่เห็นชายสวมหน้ากากผีพูดเช่นนี้ นางรู้สึกจากก้นบึ้งของหัวใจว่าคนที่มาจากโหลวชาต้องเป็นคนดีอย่างแน่นอนเพราะหากเขาเป็นนักฆ่าเลือดเย็นจริง ๆ จะสนใจว่ามีใครตายไปทำไม?อย่างไรก็ตาม……"ไม่"เย่เสวียนถิงเลิกคิ้วเล็
แสงเย็นเยือกพุ่งตรงผ่านด้านข้างของใบหน้าของซูชิงอู่และพุ่งชนเข้ากับผนังอย่างไรก็ตาม ในเวลานี้ซูชิงอู่ดูเหมือนจะลืมไปแล้วว่านางกำลังตกอยู่ในอันตราย และนางก็ลืมเกี่ยวกับอาวุธลับที่เกือบจะโจมตีนางตอนนี้ด้วย ตอนนี้นางคิดถึงเพียงการสัมผัสมือของอีกฝ่ายเท่านั้นนางคุ้นเคยกับร่างกายของเย่เสวียนถิงเป็นอย่างมากในสองชั่วชีวิตของนาง ทั้งอดีตและปัจจุบัน นางรู้จักคน ๆ นี้เป็นอย่างดีนางสามารถจดจำทุกส่วนในร่างกายของเขาได้อย่างชัดเจน นางยังรู้ด้วยว่านิ้วของเขายาวเพียงใดและผิวของเขาสัมผัสเป็นเช่นไรก่อนหน้านี้มีเลือดของคู่ต่อสู้บนนิ้ว อีกทั้งเขาถือดาบ สวมเสื้อคลุมสีดำหลวม ๆ ที่ปกคลุมร่างของเขา และเสียงของเขาจงใจเปลี่ยนไป ดังนั้นนางจึงไม่สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติเลยส่วนใหญ่เป็นเพราะนางไม่ได้คิดสงสัยเหนือสิ่งอื่นใด ก่อนหน้านี้เย่เสวียนถิงอยู่ในเมืองหลวง จู่ ๆ เขาจะมายังที่วัดเหลียงซานนอกเมืองเพื่อลอบสังหารราชครูเฒ่าได้อย่างไรแต่ตอนนี้ นางไม่เชื่อว่าจะมีใครอื่นที่มีลักษณะแบบเดียวกับมือของเย่เสวียนถิงโดยบังเอิญนางอยากจะตะครุบเขาทันทีและดึงหน้ากากผีที่น่ากลัวบนใบหน้าของอีกฝ่ายออก แต่นางได้เพียงแค
ท่ามกลางทางเดินยาว ขณะที่ซูชิงอู่เดินเข้าไป ลูกธนูนับไม่ถ้วนก็ถาโถมเข้ามาซูชิงอู่หลบเลี่ยงอย่างไม่รีบร้อน นางอาจไม่ได้เร็วมาก แต่นางก็สามารถหลีกเลี่ยงลูกธนูได้อย่างแม่นยำทุกครั้ง ราวกับว่านางคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าแล้วราชครูเฒ่าที่ซ่อนตัวอยู่ในห้องมืด ซึ่งกำลังควบคุมกลไก รู้สึกได้ถึงเจตนาร้ายของผู้มาเยือน ผู้มาเยือนปริศนาที่คอยกระตุ้นกลไกรับกำลังเข้ามาใกล้เขามากขึ้นเรื่อย ๆ และบุคคลนั้นยังไม่มีทีท่าว่าจะตายเขาคิดไม่ออกจริง ๆ ว่าอีกฝ่ายสามารถหลบเลี่ยงฝูงธนูที่แน่นหนาของเขามาได้อย่างไรนั่นก็เพราะเขาไม่รู้เลยว่าสำหรับซูชิงอู่แล้ว ทั้งหมดนี้ไม่ต่างจากสิ่งที่นางเคยประสบมาในชีวิตครั้งก่อน นางไม่เคยลืมมันได้เลย มุมและตำแหน่งของคันธนูและลูกธนูเหล่านั้นไม่ได้แตกต่างกันมากนัก หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง นางก็ตระหนักได้ว่าสามารถหลีกเลี่ยงระยะการโจมตีของธนูและลูกธนูทั้งหมดได้อย่างสมบูรณ์แบบนี่ถือได้ว่าเป็นข้อได้เปรียบที่ติดตัวนางมาตั้งแต่ชีวิตครั้งที่แล้วในทางเดินด้านขวามีกลไกหนาแน่นมากกว่าและอันตรายกว่า ซูชิงอู่ก้าวเดินอย่างระมัดระวัง จนกระทั่งนางมาถึงหน้าโถงหินที่ราชครูเฒ่าใช้ซ่อนตัวอยู่อย่า
ด้วยเสียง "ตูม!" ไฟขนาดใหญ่ลุกลามไปทั่ว และซูชิงอู่รู้สึกได้ถึงคลื่นความร้อนที่ปะทะเข้าหาใบหน้าของนาง แม้ว่านางจะถอยกลับไปยังตำแหน่งที่ปลอดภัยแล้วก็ตาม"ตูม!"หินบางส่วนบนผนังรอบ ๆ ทางเดินสั่นสะเทือนจากแรงระเบิด และร่วงลงพื้นฝุ่นและควันฟุ้งตลบซูชิงอู่กำลังจะขยับ ขณะที่อิฐบริเวณเหนือศีรษะของนางแตกและพุ่งพร้อมกระแทกเข้าที่ศีรษะของนางนางได้ยินเสียงรอยแตกและเงยหน้าขึ้นมองเมื่อเห็นผนังอิฐ ขณะที่นางกำลังจะลงมือเคลื่อนไหว นางก็เห็นแสงเย็น ๆ ส่องผ่านมา และหินที่อยู่เหนือหัวของนางก็ถูกตัดออกเป็นสองส่วนร่างมืดทะมึนยืนอยู่ตรงหน้านาง เย่เสวียนถิงกลับมาแล้ว!ร่างเพรียวของเขาถือดาบอยู่ในมือและเสียงของเขาทั้งเย็นชาและน่ารื่นรมย์ "อยู่เฉย ๆ อย่าเดินไปทั่ว”หลังจากที่เขาทิ้งคำพูดเหล่านี้ ร่างของเขาก็เข้าไปในห้องมืดในพริบตาซูชิงอู่ยืนตะลึงเมื่อฟังน้ำเสียงของเย่เสวียนถิงที่พูดกับนางตอนนี้ ดูเหมือนจะอ่อนโยนและเตือนสติเล็กน้อยนางขมวดคิ้ว แม้ผ่านไปสักพักนางก็เดาไม่ออกว่าอีกฝ่ายค้นพบตัวตนของนางแล้วหรือไม่เป็นไปไม่ได้หรอก…นางมั่นใจในทักษะการปลอมตัวมาโดยตลอด แม้ว่าจะใช้เวลาเตรียมตัวนาน แต