แสงเย็นเยือกพุ่งตรงผ่านด้านข้างของใบหน้าของซูชิงอู่และพุ่งชนเข้ากับผนังอย่างไรก็ตาม ในเวลานี้ซูชิงอู่ดูเหมือนจะลืมไปแล้วว่านางกำลังตกอยู่ในอันตราย และนางก็ลืมเกี่ยวกับอาวุธลับที่เกือบจะโจมตีนางตอนนี้ด้วย ตอนนี้นางคิดถึงเพียงการสัมผัสมือของอีกฝ่ายเท่านั้นนางคุ้นเคยกับร่างกายของเย่เสวียนถิงเป็นอย่างมากในสองชั่วชีวิตของนาง ทั้งอดีตและปัจจุบัน นางรู้จักคน ๆ นี้เป็นอย่างดีนางสามารถจดจำทุกส่วนในร่างกายของเขาได้อย่างชัดเจน นางยังรู้ด้วยว่านิ้วของเขายาวเพียงใดและผิวของเขาสัมผัสเป็นเช่นไรก่อนหน้านี้มีเลือดของคู่ต่อสู้บนนิ้ว อีกทั้งเขาถือดาบ สวมเสื้อคลุมสีดำหลวม ๆ ที่ปกคลุมร่างของเขา และเสียงของเขาจงใจเปลี่ยนไป ดังนั้นนางจึงไม่สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติเลยส่วนใหญ่เป็นเพราะนางไม่ได้คิดสงสัยเหนือสิ่งอื่นใด ก่อนหน้านี้เย่เสวียนถิงอยู่ในเมืองหลวง จู่ ๆ เขาจะมายังที่วัดเหลียงซานนอกเมืองเพื่อลอบสังหารราชครูเฒ่าได้อย่างไรแต่ตอนนี้ นางไม่เชื่อว่าจะมีใครอื่นที่มีลักษณะแบบเดียวกับมือของเย่เสวียนถิงโดยบังเอิญนางอยากจะตะครุบเขาทันทีและดึงหน้ากากผีที่น่ากลัวบนใบหน้าของอีกฝ่ายออก แต่นางได้เพียงแค
ท่ามกลางทางเดินยาว ขณะที่ซูชิงอู่เดินเข้าไป ลูกธนูนับไม่ถ้วนก็ถาโถมเข้ามาซูชิงอู่หลบเลี่ยงอย่างไม่รีบร้อน นางอาจไม่ได้เร็วมาก แต่นางก็สามารถหลีกเลี่ยงลูกธนูได้อย่างแม่นยำทุกครั้ง ราวกับว่านางคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าแล้วราชครูเฒ่าที่ซ่อนตัวอยู่ในห้องมืด ซึ่งกำลังควบคุมกลไก รู้สึกได้ถึงเจตนาร้ายของผู้มาเยือน ผู้มาเยือนปริศนาที่คอยกระตุ้นกลไกรับกำลังเข้ามาใกล้เขามากขึ้นเรื่อย ๆ และบุคคลนั้นยังไม่มีทีท่าว่าจะตายเขาคิดไม่ออกจริง ๆ ว่าอีกฝ่ายสามารถหลบเลี่ยงฝูงธนูที่แน่นหนาของเขามาได้อย่างไรนั่นก็เพราะเขาไม่รู้เลยว่าสำหรับซูชิงอู่แล้ว ทั้งหมดนี้ไม่ต่างจากสิ่งที่นางเคยประสบมาในชีวิตครั้งก่อน นางไม่เคยลืมมันได้เลย มุมและตำแหน่งของคันธนูและลูกธนูเหล่านั้นไม่ได้แตกต่างกันมากนัก หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง นางก็ตระหนักได้ว่าสามารถหลีกเลี่ยงระยะการโจมตีของธนูและลูกธนูทั้งหมดได้อย่างสมบูรณ์แบบนี่ถือได้ว่าเป็นข้อได้เปรียบที่ติดตัวนางมาตั้งแต่ชีวิตครั้งที่แล้วในทางเดินด้านขวามีกลไกหนาแน่นมากกว่าและอันตรายกว่า ซูชิงอู่ก้าวเดินอย่างระมัดระวัง จนกระทั่งนางมาถึงหน้าโถงหินที่ราชครูเฒ่าใช้ซ่อนตัวอยู่อย่า
ด้วยเสียง "ตูม!" ไฟขนาดใหญ่ลุกลามไปทั่ว และซูชิงอู่รู้สึกได้ถึงคลื่นความร้อนที่ปะทะเข้าหาใบหน้าของนาง แม้ว่านางจะถอยกลับไปยังตำแหน่งที่ปลอดภัยแล้วก็ตาม"ตูม!"หินบางส่วนบนผนังรอบ ๆ ทางเดินสั่นสะเทือนจากแรงระเบิด และร่วงลงพื้นฝุ่นและควันฟุ้งตลบซูชิงอู่กำลังจะขยับ ขณะที่อิฐบริเวณเหนือศีรษะของนางแตกและพุ่งพร้อมกระแทกเข้าที่ศีรษะของนางนางได้ยินเสียงรอยแตกและเงยหน้าขึ้นมองเมื่อเห็นผนังอิฐ ขณะที่นางกำลังจะลงมือเคลื่อนไหว นางก็เห็นแสงเย็น ๆ ส่องผ่านมา และหินที่อยู่เหนือหัวของนางก็ถูกตัดออกเป็นสองส่วนร่างมืดทะมึนยืนอยู่ตรงหน้านาง เย่เสวียนถิงกลับมาแล้ว!ร่างเพรียวของเขาถือดาบอยู่ในมือและเสียงของเขาทั้งเย็นชาและน่ารื่นรมย์ "อยู่เฉย ๆ อย่าเดินไปทั่ว”หลังจากที่เขาทิ้งคำพูดเหล่านี้ ร่างของเขาก็เข้าไปในห้องมืดในพริบตาซูชิงอู่ยืนตะลึงเมื่อฟังน้ำเสียงของเย่เสวียนถิงที่พูดกับนางตอนนี้ ดูเหมือนจะอ่อนโยนและเตือนสติเล็กน้อยนางขมวดคิ้ว แม้ผ่านไปสักพักนางก็เดาไม่ออกว่าอีกฝ่ายค้นพบตัวตนของนางแล้วหรือไม่เป็นไปไม่ได้หรอก…นางมั่นใจในทักษะการปลอมตัวมาโดยตลอด แม้ว่าจะใช้เวลาเตรียมตัวนาน แต
นางอดไม่ได้ที่จะเผยเสียงดั้งเดิมของนาง แต่เย่เสวียนถิงกลับไม่ได้แสดงความประหลาดใจใด ๆ เขายังมองหน้านางด้วยความสนใจเมื่อสัมผัสผิวหนังปลอมที่นางใช้พรางตัวด้วยปลายนิ้วของเขา เสียงของเย่เสวียนถิงก็แหบห้าว ราวกับว่าเขากำลังระงับบางสิ่งเสียงของเขาแผ่วเบา "อาอู่ชอบอะไรแบบนี้หรือ?"ใบหน้าของซูชิงอู่ภายใต้ผิวหนังปลอมเปลี่ยนเป็นสีแดงหูของนางก็กลายเป็นสีแดงทันทีนางรีบส่ายหน้าแล้วพูดว่า "ไม่... ข้าแค่..."นางต้องการอธิบาย แต่นางไม่รู้ว่าจะปกป้องตัวเองอย่างไร ท้ายที่สุดนางก็รู้สึกผิดเช่นกันแต่เมื่อนางหันกลับมานางก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ อีกฝ่ายกลับลงมือก่อนและยึดความเป็นต่อได้สำเร็จ!เย่เสวียนถิงไม่ได้มีรสนิยมประหลาด ดังนั้นเขาจึงออกแรงที่ปลายนิ้ว เปิดเผยใบหน้าปลอมของนางออก ซึ่งเผยให้เห็นใบหน้าที่ซ่อนอยู่ข้างใต้ อันทำให้เขายิ่งควบคุมตัวเองได้ยากขึ้นเขารู้สึกเหมือนมีมดนับพันกัดแทะบนร่างกายของเขา และคลื่นความร้อนก็แผ่กระจายไปทั่วร่างกาย ทำให้ดวงตาของเย่เสวียนถิงเปลี่ยนเป็นสีแดงเล็กน้อยเมื่อเห็นสภาพของเขา ซูชิงอู่ก็ยื่นมือออกไปสัมผัสชีพจรของเขาทันที จากนั้นจึงถอนหายใจด้วยความโล่ง
แม้ว่านางจะไม่ทราบสถานการณ์ปัจจุบันของเย่เสวียนถิง แต่นางก็เข้าใจดีว่าจะปล่อยให้ทหารรักษาพระองค์ค้นพบตัวตนของบุรุษตรงหน้าไม่ได้ชื่อเสียงของสำนักโหลวชาไม่ค่อยดีนัก ตราบใดที่มีเงิน ไม่ว่าจะบุรุษ สตรี หรือเด็กพวกเขาก็ฆ่าได้ทั้งนั้นแม้ว่าสำนักนี้จะลึกลับแต่ก็เป็นที่ต้องการของหลายแคว้น หากถูกจับได้ ชะตากรรมของเย่เสวียนถิงจะไม่ง่ายอย่างแน่นอน"ตามข้ามา"ซูชิงอู่ไม่ให้โอกาสเย่เสวียนถิงได้โต้ตอบ และให้เขาวิ่งตามนางมาแม้ว่าพื้นที่ใต้ดินนี้จะขยายไปทุกทิศทุกทาง แต่ก็ไม่มีที่ใดจะซุกซ่อนผู้คนได้ดีนักซูชิงอู่มองไปทางซ้ายและขวา และในที่สุดก็เห็นช่องว่างบริเวณทางเดินนางนำเย่เสวียนถิงตรงเข้าไป ความมืดเข้ามาปกคลุมร่างของคนทั้งคู่ ภายในช่องว่างแคบ ๆ นี้ พวกเขาทั้งสองร่างกายแนบชิด ชนิดที่สามารถได้ยินเสียงหายใจของทั้งสองฝ่ายได้สถานที่นี้แคบมากจนเย่เสวียนถิงคิดว่าเขาได้กลิ่นหอมจาง ๆ ที่เล็ดลอดออกมาจากร่างกายของซูชิงอู่หน้ากากผีบนใบหน้าของเขาถูกโยนทิ้งไปนานแล้ว แต่ดวงตารูปหงส์ของเขาดูเหมือนจะเรืองแสงเจิดจ้าในความมืดเขากัดฟัน เกร็งกล้ามเนื้อทุกส่วนในร่างกาย และยื่นมือออกไปจับสตรีตัวเล็กที่อย
ก่อนที่มันจะหยุดอยู่นอกมุมที่พวกเขาทั้งสองซ่อนตัวอยู่ทันใดนั้น ซูชิงอู่ก็เบิกตากว้าง แล้วจึงผลักเย่เสวียนถิงออก ก่อนหันกลับไปมองนายเห็นคนที่ยืนอยู่ข้างนอก มองนางและเขาด้วยสีหน้าเขินอาย “พวกท่านทำต่อไปเถิด กระหม่อมไม่เห็นอะไรเลย”ซูชิงอู่ถึงกับพูดไม่ออก "..."นางเอ่ยปากในทันที "เซียวเฝิง?"ทันทีที่นางพูด ใบหน้าของนางก็ขึ้นสีเสียงของนางแหบแห้ง ทำให้นางต้องกระแอมไอสองครั้งด้วยความเขินอายเซียวเฝิงในวันนี้แตกต่างจากสิ่งที่เขาเป็นเมื่อหนึ่งหรือสองเดือนก่อนอย่างสิ้นเชิง เขาสวมชุดของทหารรักษาพระองค์ ชุดเกราะสีเงินของเขาทำให้ดูสง่างาม และรูปลักษณ์ดูสมกับว่าที่จอมพลในอนาคตเซียวเฝิงพยักหน้า หลีกเลี่ยงการจ้องมองพระชายา ไม่กล้ามองทั้งสองคนในมุมมืด และแขวนคบเพลิงไว้บนผนังบริเวณใกล้เคียงเขาแสดงความเคารพอย่างนอบน้อมและกล่าวว่า "กระหม่อมถวายพระพรท่านอ๋องและพระชายาพ่ะย่ะค่ะ!"เขาจะไม่มีวันลืมว่าเขามาถึงจุดที่อยู่ทุกวันนี้ได้อย่างไรในฐานะคนหัวเดียวกระเทียมลีบอย่างเขา บุญคุณนี้ยิ่งใหญ่กว่าผืนฟ้าเขาค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองเย่เสวียนถิง ไม่สงสัยว่าทำไมเขาถึงมาที่นี่เลย เซียวเฝิงทำเพียงเอ
เย่เสวียนถิงเอ่ยอย่างสงบ ค่อนข้างโหดเหี้ยม ไม่มีเหตุผล และก่อกวน“ผู้บัญชาการเซียว ข้าเชื่อว่าเจ้าแก้ปัญหาได้”เซียวเฝิงถึงกับพูดไม่ออก "..."แต่วันนี้เสวียนถิงเป็นคนที่ช่วยให้เขาก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุด ดังนั้นต่อให้ทำไม่ได้เขาก็จำเป็นต้องทำในตอนที่เขามาถึง ได้ฝากข้อความเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลว่าจะถูกจับจนเกินไปนักยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาก็มาที่นี่เพื่อจับฆาตกร ไม่ใช่ท่านอ๋องเซียวเฝิงมองดูพวกเขาทั้งสองจากไปอย่างปลอดภัยพลางหรี่ตาลงทันที แล้วหันกลับไปเพื่อขอให้ใครบางคนนำเสื้อคลุมและหน้ากากที่เขาหยิบขึ้นมาใช้เป็นหลักฐานเขากระซิบกับผู้คนที่อยู่รอบตัว "ในตอนที่พวกเจ้ากลับไปรายงาน เราจะต้องพูดว่าราชครูเฒ่าและนักฆ่าเสียชีวิตพร้อมกัน เจ้านำเสื้อผ้าของนักฆ่ามาได้เพียงบางส่วน อีกทั้งยังมีมือที่ถูกตัดของราชครูเฒ่าเท่านั้น"“ขอรับ ผู้บัญชาการเซียว!”องครักษ์ตัวน้อยที่ส่งข้อความลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วถาม "แล้วพวกที่อยู่ในห้องใต้ดินพวกนี้ล่ะขอรับ?"เซียวเฝิงคิดอยู่ครู่หนึ่ง "ดูแลพวกที่ยังมีชีวิตอยู่ให้ดี จากนั้นจึงรายงานเรื่องนี้ตามความเป็นจริง แล้วรอคำแนะนำ"“น้อมรับคำสั่ง
พระหนุ่มหลายคนที่สลบไปเมื่อคืนก็ตื่นแล้วเช่นกัน พิษที่พวกเขาได้รับนั้นออกฤทธิ์ค่อนข้างอ่อน ตอนนี้พวกเขาจึงกลับมาเป็นปกติแล้วไม่นาน ก็มีคนไปยังกุฏิที่ซูชิงอู่อยู่เพื่อแจ้งข่าวให้นางทราบ“พระชายาเสวียนอยู่ที่นี่หรือไม่? ไทเฮาทรงมีรับสั่งให้ทุกคนออกจากวัดเหลียงซานทันที ตอนนี้รถม้ามารออยู่ที่เชิงเขาแล้ว”อวิ๋นจื่อและอวิ๋นชิงยังคงเฝ้าพระหนุ่มชื่อที่ชื่อวั่งเหยียนอยู่ในห้องร่างของวั่งเหยียนถูกคลุมอยู่ใต้ผ้าห่ม และมีฉากกั้นด้านนอกเพื่อปกป้องเขาสองสาวใช้รอทั้งคืนแต่ก็ไม่เห็นพระชายากลับมา จึงมีความกังวลเล็กน้อยอยู่พักหนึ่งเมื่อได้ยินคนข้างนอกเรียกให้พวกนางออกไป อวิ๋นจื่อก็รีบเดินออกไปด้วยความระมัดระวังและพูดกับพระที่มาแจ้งข่าวว่า “พระชายาของข้ารู้สึกไม่สบาย ท่านได้โปรดกลับไปแจ้งทีว่าเราจะตามไปทีหลัง”พระหนุ่มไม่สงสัยอะไรเลยแม้แต่น้อย “เช่นนั้นอาตมาจะไปแจ้งให้ตามนั้น”พระหนุ่มที่เพิ่งกลับออกมาจากกุฏิ ก็บังเอิญไปเจอเข้ากับองค์หญิงสี่และคนอื่น ๆ ที่เดินมาทางนี้พอดีเมื่อเห็นพระหนุ่มนางก็เลิกคิ้วถามว่า “พี่สะใภ้อยู่ที่ไหน?”“พระชายาแจ้งว่านางไม่สบายและยังคงพักผ่อนอยู่”“เช่นนั้นหรือ?