ตอนที่แปด
เปิดอย่างยิ่งใหญ่
สองยายหลานชิมขนมกันทุกวันจนร่างบางเริ่มอวบอิ่ม เซียงเจินจูจึงต้องแจกจ่ายให้ลูกน้องและคนงานได้ช่วยชิมกันบ้างจนต่างติดใจไปตามๆกัน
นางยังนำขนมห่อไปฝากเจ้าของร้านบะหมี่ที่ช่วยเหลือและให้เขาช่วยกระจายข่าวการเปิดร้านครั้งใหม่ให้อีกด้วย
ในเรื่องของใบชา ด้วยมีไร่ชาซึ่งตาเซียงหม่าตกลงซื้อหากันไว้อยู่ก่อนแล้ว เซียงเจินจูจึงเพียงใช้ความรู้ที่มีคัดสรรใบชาแล้วนำมาผ่านกรรมวิธีตามที่ตาเฒ่าเซียงหม่าสอนสั่งจนได้ใบชามาเตรียมไว้หลายกระบุงทีเดียว
อืม...วิธีโบราณนี่ก็ไม่ง่าย กว่าจะได้ใบชารสเลิศใช้เวลาอยู่หลายวัน หากจะนำไปใช้ในร้านชาที่เปิดไว้คงต้องหาทางร่นระยะเวลา
ไข่มุกในร่างของเซียงเจินจูยังไม่วายคิดถึงร้านชาของตัวเองทั้งๆที่ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้กลับไปอีกไหม
หญิงสาวยังลองผสมผสานใบชาตามที่เคยทดลองมาจากร่างของไข่มุกจนได้รสชาติแปลกใหม่หลายรูปแบบทั้งหวาน ทั้งเปรี้ยว ทั้งขมปะแล่มๆ
ไม่รู้ว่าคนที่นี่จะชอบรสแบบนี้ไหม คงต้องลองดู
แล
ตอนที่แปด เปิดอย่างยิ่งใหญ่“ชานี้รสชาติแปลกมาก ทั้งหอมทั้งขมแต่เมื่อดื่มลงไปกลับมีรสหวานติดปลายลิ้น ส่วนขนมลูกกลมๆนี่ก็หวานกำลังดี อีกทั้งสีสันยังน่ากิน เมื่อกินคู่กับชาแล้วเข้ากันได้อย่างดี”“ตั้งแต่ก้าวเข้ามาเจ้ามีแต่เอ่ยชมนาง หวางชิวเฟิน อย่าบอกนะว่าซือถูหน้าตายอย่างเจ้าชื่นชอบแม่นางน้อยคนนี้แล้ว” มู่หวังเยี่ยนมองหน้าเพื่อนหนุ่มอย่างจับผิดหวางชิวเฟินเป็นหนุ่มหล่อหน้าตาดีติดอันดับต้นๆแห่งเมืองหลวง หญิงสาวมากมายต่างหลงใหลคลั่งไคล้มาตั้งแต่เพิ่งแตกเนื้อหนุ่ม แต่เขากลับทำหน้าตาเบื่อหน่ายไม่ยอมคบหาพูดจากับหญิงใด ไม่ว่าจะมีแม่สื่อส่งเทียบเชิญจนล้นจวนเขาก็ยังคงไม่เหลือบแล วันวันทำแต่งานจนก้าวหน้าเลื่อนขั้นขึ้นเป็นเจ้ากรมด้วยวัยเพียง29ขวบปีผู้คนต่างนินทาว่าพวกเขาสองคนเป็นคู่ชายตัดแขนเสื้อ ด้วยสนิทสนมกันมาตั้งแต่เยาว์วัยและอยู่คู่กันมาโดยตลอด ยิ่งมู่หวังเยี่ยนไม่ยอมตามบิดาไปชายแดนแต่ยืนกรานจะอยู่เป็นเลขาให้หวางชิวเฟิน คำนินทายิ่งดังขึ้นจนเหล่าหญิงสาวพากันถอยหนีส่งให้ทั้งสองคนครองความเป็นโสดมาจนป่านนี้“ข้
ตอนที่เก้า ใจเต้นแรง (น่ารัก)ระหว่างกำลังออกไปเลือกซื้อหาของมาตกแต่งร้านเพิ่มเติมนั่นเองว๊ายยยยยยเช้งงงงงงตุ๊บ ตั๊บกรี๊ดดดดดดดดเสียงคนต่อสู้พร้อมเสียงกรีดร้องของเซียงเจินจูดังจนรถม้าของหวางชิวเฟินต้องจอดลง ชายหนุ่มเปิดผ้าม่านกระโดดลงไปมองดูเหตุการณ์ เมื่อเห็นว่าหญิงสาวกำลังโดนฉุดคร่าและผู้คุ้มกันทั้งสองคนของนางกำลังพลาดท่าหวางชิวเฟินบอกให้ผู้ติดตามเข้าไปช่วยเหลือโดยเร็ว ส่วนตัวเองพุ่งเข้าไปรับร่างเล็กที่วิ่งหนีออกมาแล้วพาอุ้มกระโดดขึ้นรถม้าอย่างรวดเร็ว“เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”“ไม่เป็นไร” เสียงสั่นเครือเปล่งออกมาพร้อมน้ำตาที่ปริ่มขอบตา“ออกไปจากตรงนี้ก่อนเถอะ”รถม้าขยับเคลื่อนออกไปโดยไม่ต้องบอก โดยภายในรถม้าหวางชิวเฟินยังคงโอบกอดร่างสั่นเทาของเซียงเจินจูอยู่อย่างพยายามปลอบโยนหญิงสาวถูกอุ้มลงมาและพาไปพักยังห้องหนึ่งอย่างละมุนละไม“เจ้าปลอดภัยแล้ว ไม่ต้องกลัว” มือหนาลูบผมสลวยเพื่อคลายความวิตกกังวล“ขอบคุณที่ช่วย&r
ตอนที่สิบเข้าใจผิดเซียงเจินจูค้อนขวับด้วยไม่อยากรับคำชมกึ่งประชดเช่นนี้ ตอนนั้นนางเพิ่งมาถึงและต้องการคนคุ้มกันจึงรับพวกเขาโดยไม่ถามไถ่มากมาย ผู้ใดจะคิดว่าอาจเกิดเรื่องร้ายแรงเช่นนี้ “เอาล่ะ พวกเขาคงต้องหลบซ่อนตัวจนไม่กล้าออกมาอีก หากเจ้ายังอยากได้ผู้คุ้มกันข้าจะคัดคนส่งไปให้ เรื่องเมื่อวานนี้คงต้องจบลงอย่างเงียบๆ ด้วยตัวการทั้งสองฝ่ายต่างหลบหนีหายไปหมดแล้ว” หวางชิวเฟินบอกกล่าว เซียงเจินจูคิดตาม หากเมื่อวานชายหนุ่มผู้นี้ไม่ผ่านไป ป่านนี้นางจะโดนย่ำยีอย่างไรก็สุดรู้ด้วยพวกเขาทั้งสองฝ่ายต่างมุ่งมั่นที่จะต่อสู้กัน อีกทั้งการเป็นคนต่างแคว้นย่อมติดตามหาตัวได้ยากและนางไม่ใช่คนสำคัญ ทางการคงไม่ใส่ใจมากนัก “ขอบคุณซือถู” หญิงสาวก้มลงพร้อมเอ่ยคำจากใจ คราวนี้นางเป็นหนี้บุญคุณเขาบ้างแล้ว
ตอนที่สิบเอ็ดถ่ายทอดความรู้สตรีในห้องหอล้วนเป็นเช่นนี้ เพียงโดนล่วงเกินนิดหน่อยพวกนางก็โวยวายจะเป็นจะตายให้ชายหนุ่มต้องยกขันหมากไปสู่ขอรับตัวเข้าจวนแล้ว ยิ่งหวางชิวเฟินมีทั้งตำแหน่งและฐานะ ย่อมเป็นที่หมายปองต้องการที่ผ่านมาเขาไม่เคยเห็นเพื่อนหนุ่มเผลอตัวถึงเพียงนี้ เพียงจับมือถือแขนยังแทบไม่เคย แล้วนี่ถึงกับจุมพิตแนบแน่นจึงยังคงตื่นตะลึง“เอาเป็นว่า พวกท่านจิบชากินขนมกันให้สบายใจเถอะ ข้าขอโทษที่เข้าใจผิดก็แล้วกัน” สาวน้อยเจ้าของร้านชาเซืองซือตัดบทแล้วเดินออกไปหน้าตาเฉยท่ามกลางการสับสนงุนงงของสองหนุ่ม“นางไม่ได้ชอบเจ้า ไม่น่าเชื่อว่าจะมีสตรีที่ไม่หลงใหลในหน้าตาของเจ้า” มู่หวังเยี่ยนรีบพูดออกมา“คงเป็นเช่นนั้น” หวางชิวเฟินยอมรับ“เหตุใดเจ้าจึงทำเช่นนั้น” เลขามู่ย่อมสงสัย“ข้าไม่แน่ใจ” ถึงยามนี้หวางชิวเฟินเองยังให้คำตอบตนเองไม่ได้เช่นกัน เขาเพียงรู้สึกไม่อยากให้นางเข้าใจผิด ส่วนการจุมพิตนั่นเป็นเพราะอารมณ์พาไป“เจ้าไม่เคยเ
ตอนที่สิบสองงดงามหรือมารร้ายหวางชิวเฟินมองแววตามุ่งมั่นของหญิงสาวอย่างสนใจ เขาคิดว่าสาวน้อยนางนี้มีความสามารถที่เก็บงำเอาไว้อีกไม่น้อย ช่างน่าสนใจนัก ภาพการพูดคุยอย่างสนิทสนมของหวางชิวเฟินและเซียงเจินจูทำให้บรรดาหญิงสาวในอีกฝั่งของร้านชาต่างส่งเสียงโวยวายไม่พอใจ พวกนางบางคนคลั่งไคล้ชื่นชอบซือถูหนุ่มมาหลายปี แม้บางคนจะตัดใจหมั้นหมายกับชายหนุ่มคนอื่นไปแล้ว แต่บางคนก็ยังคงหวังลมๆแล้งๆเลื่อนลอย “พวกเจ้าดูสิ ซือถูยิ้มให้นางด้วย” “แต่เลขามู่ยืนกันท่าอยู่ นางคงไม่มีหวังหรอก” “ข้าคงต้องมาเฝ้าที่นี่
ย้อนมิติมาเปิดร้านชาไข่มุกเขียนโดยวันว่างว่างของหญิงใหญ่แนะนำตัวละครเซียงเจินจู หลานสาวของตายายเจ้าของร้านขายชาเซียงซือไข่มุก หญิงสาวเจ้าของร้านชานมไข่มุกในอาคารสำนักงานอันหรูหราหวางชิวเฟิน ขุนนางใหญ่ตำแหน่งเจ้ากรมศึกษา(ซือถู)มู่หวังเยี่ยน เลขาและเพื่อนสนิทของหวางชิวเฟินมู่เยว่ฉี น้องสาวของมู่หวังเยี่ยนยายเหลียน ยายเฒ่าของเซียงเจินจูคิดจะยึดที่ดินร้านชาของนางหรือ ผู้ใดจะยอมกัน แต่เขาทั้งหล่อทั้งมีตำแหน่งใหญ่โต หรือนางจะยอมให้เขายึดทั้งร้านทั้งตัวนางดี ไม่ใช่สิ นางต้องสร้างร้านชาให้เจริญรุ่งเรืองต่อไปต่างหากสาวน้อยผู้ย้อนไปอยู่ในร่างของหลานสาวเจ้าของร้านชาชื่อดัง แต่กลับอยู่ในช่วงที่โดนข่มขู่เพื่อจะยึดที่ดินไปสร้างเป็นสำนักศึกษา หญิงสาวจึงไม่ยอมและตั้งใจจะเปิดร้านชาต่อไปโดยนำความรู้ที่มีมาพัฒนา ไม่คาดว่าจะพบกับเจ้ากรมการศึกษาผู้หล่อเหลามาดดี นางจึงเจรจาต่อรองจนได้เปิดร้านชาใหญ่โต สองหนุ่มสาวเริ่มต้นจากความไม่ลงรอย ความสัมพันธ์ค่อยคืบหน้าไปในทางที่ดี ขณะที่ร้านชาเจริญรุ่งเรือง เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป ติดตามได้ใน ย้อนมิติมาเปิดร้านชาไข่มุกตอนที่หนึ่งเซอร์ไพรส์หญิงสาวตื่
ตอนที่หนึ่ง เซอร์ไพรส์ไข่มุกจำได้ว่าตัวเองลุกขึ้นยืนแล้วเดินตามคุณยายไปอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว จากนั้นเธอก็จำไม่ได้แล้วไข่มุกซึ่งกำลังตั้งสติจ้องมองใบหน้าซึ่งเหี่ยวย่นกว่าเมื่อคืนพร้อมเสื้อผ้าซึ่งแปลกตาพลางขมวดคิ้วทำไมคุณยายแต่งตัวคล้ายชุดโบราณ ว่าแต่ เธอนอนอยู่ที่ไหน ไม่ใช่คอนโดแล้วก็ไม่ใช่ในร้านชาด้วยแล้ว...เมื่อกี้ คุณยายเรียกเธอว่าอะไรนะหญิงสาวมีแต่คำถามเต็มหัวจนมือเหี่ยวย่นมาวางทาบบนหน้าผากแล้วลูบไล้เนื้อตัวด้วยกิริยาห่วงกังวล“อืม...ตัวไม่ร้อนแล้ว สีหน้าดีขึ้น”ไข่มุกมองตามมือที่ลูบไล้ตัวเองไปจนพบว่าเสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่เป็นชุดโบราณคล้ายกับของคุณยายเฮ้ย!...ทำไมฉันใส่ชุดนี้ล่ะ หรือว่าเมื่อคืนเผลอทำอะไรไม่ดีจนคุณยายต้องเปลี่ยนชุดให้ “อาจู เหตุใดจึงมีสีหน้าเช่นนั้น หรือว่ายังปวดหัวอยู่ เอาเถอะ เจ้ายังไม่หายดี นอนพักอีกหน่อย ยายจะไปต้มยาแล้วนำเข้ามาให้”ไข่มุกฟังคำพูดจาแปลกๆและท่าทีห่วงใยของคุณยายด้วยความฉงนใจ จนเมื่อร่างเล็กของยายเดินลับหายไป เธอจึงล้มตัวลงนอนคิดถึงเรื่องเมื่อคืนต่อเมื่อคืนเธอกำลังนอนเกลือกกลิ้งร้องไห้เป็นบ้าเป็นบออยู่บนพื้นในร้านชานมไข่มุกที่เปิดอยู่ในอาคา
“ตั้งแต่เมื่อไหร่คะ มุกถามว่าเมื่อไหร่” หญิงสาวแผดเสียงดังลั่น“ก็ตั้งแต่หนูยังอยู่ที่ร้านนั่นแหละค่ะ” สาวน้อยบนเตียงเห็นว่าผู้ชายคนเดียวในห้องยังยืนนิ่งไม่ยอมพูดจึงตอบออกมาเสียเองแถมยังขยายความแก้โง่เพิ่มอีก“คุณไข่มุกคงไม่รู้ว่าพี่เขาเต๊าะหนูตั้งแต่เห็นหน้าครั้งแรกแล้ว วันไหนที่คุณไม่อยู่ พวกเราก็โบ๊ะบ๊ะกันในร้านทุกครั้ง” อดีตลูกจ้างของไข่มุกลอยหน้าลอยตาบอก “น้องมุก ยัยนี่ก็แค่ของกินเล่นชั่วครั้งชั่วคราว อย่าคิดมากไปเลยนะ ยังไงพี่ก็รักน้องมุกคนเดียว” แฟนหนุ่มของเธอรีบแก้ตัวหน้าด้านด้าน“จะของเล่นของชั่วคราวยังไง มุกก็ไม่สน แค่พี่กินลูกจ้างในร้านมุกก็ไม่ยอมแล้ว นี่ยังแอบกินกันในร้านของมุกอีก เห็นร้านมุกเป็นอะไร ร้านนั่งดริ๊งก์เหรอ” หญิงสาวตะโกนต่อว่าทั้งน้ำตา “พี่คงติดนิสัยกินไม่เลือก ทำไมคะ แค่มีรูให้เสียบ จะรูไหนก็เสียบได้ใช่ไหมคะ” ไข่มุกหันไปตะโกนถามแฟนหนุ่มด้วยความเจ็บใจ “พี่ไม่ได้เป็นแบบนั้นนะมุก ก็มุกไม่ยอมพี่สักที มัวแต่เล่นตัวอยู่ได้ สมัยนี้คนเป็นแฟนกันคู่ไหนจะไม่เคยมีอะไรกันบ้าง พวกเราเป็นแฟนกันมาจะครบปีอยู่แล้ว มัวแต่หอมแก้มจูบปากนิดหน่อยแค่นั้น มัน
ตอนที่สิบสองงดงามหรือมารร้ายหวางชิวเฟินมองแววตามุ่งมั่นของหญิงสาวอย่างสนใจ เขาคิดว่าสาวน้อยนางนี้มีความสามารถที่เก็บงำเอาไว้อีกไม่น้อย ช่างน่าสนใจนัก ภาพการพูดคุยอย่างสนิทสนมของหวางชิวเฟินและเซียงเจินจูทำให้บรรดาหญิงสาวในอีกฝั่งของร้านชาต่างส่งเสียงโวยวายไม่พอใจ พวกนางบางคนคลั่งไคล้ชื่นชอบซือถูหนุ่มมาหลายปี แม้บางคนจะตัดใจหมั้นหมายกับชายหนุ่มคนอื่นไปแล้ว แต่บางคนก็ยังคงหวังลมๆแล้งๆเลื่อนลอย “พวกเจ้าดูสิ ซือถูยิ้มให้นางด้วย” “แต่เลขามู่ยืนกันท่าอยู่ นางคงไม่มีหวังหรอก” “ข้าคงต้องมาเฝ้าที่นี่
ตอนที่สิบเอ็ดถ่ายทอดความรู้สตรีในห้องหอล้วนเป็นเช่นนี้ เพียงโดนล่วงเกินนิดหน่อยพวกนางก็โวยวายจะเป็นจะตายให้ชายหนุ่มต้องยกขันหมากไปสู่ขอรับตัวเข้าจวนแล้ว ยิ่งหวางชิวเฟินมีทั้งตำแหน่งและฐานะ ย่อมเป็นที่หมายปองต้องการที่ผ่านมาเขาไม่เคยเห็นเพื่อนหนุ่มเผลอตัวถึงเพียงนี้ เพียงจับมือถือแขนยังแทบไม่เคย แล้วนี่ถึงกับจุมพิตแนบแน่นจึงยังคงตื่นตะลึง“เอาเป็นว่า พวกท่านจิบชากินขนมกันให้สบายใจเถอะ ข้าขอโทษที่เข้าใจผิดก็แล้วกัน” สาวน้อยเจ้าของร้านชาเซืองซือตัดบทแล้วเดินออกไปหน้าตาเฉยท่ามกลางการสับสนงุนงงของสองหนุ่ม“นางไม่ได้ชอบเจ้า ไม่น่าเชื่อว่าจะมีสตรีที่ไม่หลงใหลในหน้าตาของเจ้า” มู่หวังเยี่ยนรีบพูดออกมา“คงเป็นเช่นนั้น” หวางชิวเฟินยอมรับ“เหตุใดเจ้าจึงทำเช่นนั้น” เลขามู่ย่อมสงสัย“ข้าไม่แน่ใจ” ถึงยามนี้หวางชิวเฟินเองยังให้คำตอบตนเองไม่ได้เช่นกัน เขาเพียงรู้สึกไม่อยากให้นางเข้าใจผิด ส่วนการจุมพิตนั่นเป็นเพราะอารมณ์พาไป“เจ้าไม่เคยเ
ตอนที่สิบเข้าใจผิดเซียงเจินจูค้อนขวับด้วยไม่อยากรับคำชมกึ่งประชดเช่นนี้ ตอนนั้นนางเพิ่งมาถึงและต้องการคนคุ้มกันจึงรับพวกเขาโดยไม่ถามไถ่มากมาย ผู้ใดจะคิดว่าอาจเกิดเรื่องร้ายแรงเช่นนี้ “เอาล่ะ พวกเขาคงต้องหลบซ่อนตัวจนไม่กล้าออกมาอีก หากเจ้ายังอยากได้ผู้คุ้มกันข้าจะคัดคนส่งไปให้ เรื่องเมื่อวานนี้คงต้องจบลงอย่างเงียบๆ ด้วยตัวการทั้งสองฝ่ายต่างหลบหนีหายไปหมดแล้ว” หวางชิวเฟินบอกกล่าว เซียงเจินจูคิดตาม หากเมื่อวานชายหนุ่มผู้นี้ไม่ผ่านไป ป่านนี้นางจะโดนย่ำยีอย่างไรก็สุดรู้ด้วยพวกเขาทั้งสองฝ่ายต่างมุ่งมั่นที่จะต่อสู้กัน อีกทั้งการเป็นคนต่างแคว้นย่อมติดตามหาตัวได้ยากและนางไม่ใช่คนสำคัญ ทางการคงไม่ใส่ใจมากนัก “ขอบคุณซือถู” หญิงสาวก้มลงพร้อมเอ่ยคำจากใจ คราวนี้นางเป็นหนี้บุญคุณเขาบ้างแล้ว
ตอนที่เก้า ใจเต้นแรง (น่ารัก)ระหว่างกำลังออกไปเลือกซื้อหาของมาตกแต่งร้านเพิ่มเติมนั่นเองว๊ายยยยยยเช้งงงงงงตุ๊บ ตั๊บกรี๊ดดดดดดดดเสียงคนต่อสู้พร้อมเสียงกรีดร้องของเซียงเจินจูดังจนรถม้าของหวางชิวเฟินต้องจอดลง ชายหนุ่มเปิดผ้าม่านกระโดดลงไปมองดูเหตุการณ์ เมื่อเห็นว่าหญิงสาวกำลังโดนฉุดคร่าและผู้คุ้มกันทั้งสองคนของนางกำลังพลาดท่าหวางชิวเฟินบอกให้ผู้ติดตามเข้าไปช่วยเหลือโดยเร็ว ส่วนตัวเองพุ่งเข้าไปรับร่างเล็กที่วิ่งหนีออกมาแล้วพาอุ้มกระโดดขึ้นรถม้าอย่างรวดเร็ว“เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”“ไม่เป็นไร” เสียงสั่นเครือเปล่งออกมาพร้อมน้ำตาที่ปริ่มขอบตา“ออกไปจากตรงนี้ก่อนเถอะ”รถม้าขยับเคลื่อนออกไปโดยไม่ต้องบอก โดยภายในรถม้าหวางชิวเฟินยังคงโอบกอดร่างสั่นเทาของเซียงเจินจูอยู่อย่างพยายามปลอบโยนหญิงสาวถูกอุ้มลงมาและพาไปพักยังห้องหนึ่งอย่างละมุนละไม“เจ้าปลอดภัยแล้ว ไม่ต้องกลัว” มือหนาลูบผมสลวยเพื่อคลายความวิตกกังวล“ขอบคุณที่ช่วย&r
ตอนที่แปด เปิดอย่างยิ่งใหญ่“ชานี้รสชาติแปลกมาก ทั้งหอมทั้งขมแต่เมื่อดื่มลงไปกลับมีรสหวานติดปลายลิ้น ส่วนขนมลูกกลมๆนี่ก็หวานกำลังดี อีกทั้งสีสันยังน่ากิน เมื่อกินคู่กับชาแล้วเข้ากันได้อย่างดี”“ตั้งแต่ก้าวเข้ามาเจ้ามีแต่เอ่ยชมนาง หวางชิวเฟิน อย่าบอกนะว่าซือถูหน้าตายอย่างเจ้าชื่นชอบแม่นางน้อยคนนี้แล้ว” มู่หวังเยี่ยนมองหน้าเพื่อนหนุ่มอย่างจับผิดหวางชิวเฟินเป็นหนุ่มหล่อหน้าตาดีติดอันดับต้นๆแห่งเมืองหลวง หญิงสาวมากมายต่างหลงใหลคลั่งไคล้มาตั้งแต่เพิ่งแตกเนื้อหนุ่ม แต่เขากลับทำหน้าตาเบื่อหน่ายไม่ยอมคบหาพูดจากับหญิงใด ไม่ว่าจะมีแม่สื่อส่งเทียบเชิญจนล้นจวนเขาก็ยังคงไม่เหลือบแล วันวันทำแต่งานจนก้าวหน้าเลื่อนขั้นขึ้นเป็นเจ้ากรมด้วยวัยเพียง29ขวบปีผู้คนต่างนินทาว่าพวกเขาสองคนเป็นคู่ชายตัดแขนเสื้อ ด้วยสนิทสนมกันมาตั้งแต่เยาว์วัยและอยู่คู่กันมาโดยตลอด ยิ่งมู่หวังเยี่ยนไม่ยอมตามบิดาไปชายแดนแต่ยืนกรานจะอยู่เป็นเลขาให้หวางชิวเฟิน คำนินทายิ่งดังขึ้นจนเหล่าหญิงสาวพากันถอยหนีส่งให้ทั้งสองคนครองความเป็นโสดมาจนป่านนี้“ข้
ตอนที่แปดเปิดอย่างยิ่งใหญ่สองยายหลานชิมขนมกันทุกวันจนร่างบางเริ่มอวบอิ่ม เซียงเจินจูจึงต้องแจกจ่ายให้ลูกน้องและคนงานได้ช่วยชิมกันบ้างจนต่างติดใจไปตามๆกันนางยังนำขนมห่อไปฝากเจ้าของร้านบะหมี่ที่ช่วยเหลือและให้เขาช่วยกระจายข่าวการเปิดร้านครั้งใหม่ให้อีกด้วยในเรื่องของใบชา ด้วยมีไร่ชาซึ่งตาเซียงหม่าตกลงซื้อหากันไว้อยู่ก่อนแล้ว เซียงเจินจูจึงเพียงใช้ความรู้ที่มีคัดสรรใบชาแล้วนำมาผ่านกรรมวิธีตามที่ตาเฒ่าเซียงหม่าสอนสั่งจนได้ใบชามาเตรียมไว้หลายกระบุงทีเดียวอืม...วิธีโบราณนี่ก็ไม่ง่าย กว่าจะได้ใบชารสเลิศใช้เวลาอยู่หลายวัน หากจะนำไปใช้ในร้านชาที่เปิดไว้คงต้องหาทางร่นระยะเวลา ไข่มุกในร่างของเซียงเจินจูยังไม่วายคิดถึงร้านชาของตัวเองทั้งๆที่ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้กลับไปอีกไหมหญิงสาวยังลองผสมผสานใบชาตามที่เคยทดลองมาจากร่างของไข่มุกจนได้รสชาติแปลกใหม่หลายรูปแบบทั้งหวาน ทั้งเปรี้ยว ทั้งขมปะแล่มๆไม่รู้ว่าคนที่นี่จะชอบรสแบบนี้ไหม คงต้องลองดูแล
ตอนที่เจ็ดเตรียมตัวเปิดร้านชาเมื่อสองขุนนางหนุ่มลากลับไปแล้ว เซียงเจินจูจึงเข้าไปเล่าให้ยายเหลียนได้ฟังเพื่อปลุกปลอบจิตใจของยายเฒ่าให้ฮึกเหิมอยู่สู้ต่อไปด้วยกันยายเหลียนมองใบหน้ายิ้มแย้มกับปากซึ่งกำลังเจรจาของหลานสาวด้วยความแปลกใจสองตายายเลี้ยงดูอุ้มชูเด็กน้อยมาตั้งแต่แบเบาะดุจหลานในไส้ด้วยไม่มีบุตรหลาน เด็กสาวได้รับการดูแลอย่างดี โดยพวกเขาจ้างครูมาสอนให้นางอ่านออกเขียนได้ และให้การศึกษาในเรื่องที่หญิงสาวควรต้องเรียนทุกอย่างหวังให้นางได้มีชายหนุ่มที่ดีมาสู่ขอแต่หญิงสาวกลับขี้อายและเรียบร้อยจึงมักเก็บเนื้อเก็บตัวอยู่แต่ด้านหลังร้านโดยแทบไม่เคยเผยหน้าออกมาจนอายุ16ขวบปีแล้วเซียงเจินจูมักบอกกับสองตายายว่านางไม่อยากแต่งงานและอยากสืบทอดร้านชาต่อไปจึงหมั่นศึกษาเรียนรู้จากตาเฒ่าเซียงหม่าจนสามารถปรุงชาได้ใกล้เคียงกับผู้เป็นตาแรกเริ่มเดิมที’ร้านชาเซียงซือ’เป็นเพียงร้านเล็กๆเท่านั้น แต่ไม่นานด้วยจำนวนลูกค้าที่ติดใจในรสชาติชาและขนมของยายเหลียน จึงจำต้องขยับขยายซื้อที่ทางจนใหญ่โตขึ
ใบหน้าหล่อเหลาทั้งสองมองกันไปมองกันมาอย่างลำบากใจเมื่อเห็นหญิงสาวเริ่มมีน้ำตา“เอาล่ะ วันนี้ข้ามาเพื่อต้องการชดเชยไม่ได้ต้องการบีบคั้นให้เจ้าต้องเสียใจ เลขามู่เพียงอยากบอกเอาไว้เท่านั้นว่าที่ดินตรงนี้จะอยู่ใจกลางสำนักศึกษา แต่หากเจ้ายังยืนกรานจะเปิดร้านชาต่อไป ข้าก็ยินดีที่จะช่วยเหลือ” หวางชิวเฟินใช้น้ำเสียงประนีประนอม“ข้าอยากรู้ว่าสำนักศึกษาของพวกท่านจะกินพื้นที่ไปมากเพียงใด” เซียงเจินจูซึ่งเริ่มคิดตามแล้วเห็นท่าไม่ค่อยดีจึงร้องถามหาข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อตัดสินใจมู่หวังเยี่ยนหยิบกระดาษออกมาวาดภาพให้เห็น“สำนักศึกษาของเราจะตั้งอยู่ระหว่างถนนสองด้าน มีประตูเข้าซ้ายขวา ส่วนร้านชาของเจ้าจะอยู่ตรงกลางพอดี”“อืม...หมายความว่าถนนหน้าร้านในยามนี้จะโดนกลืนหายไปเป็นพื้นที่ภายในสำนักของพวกท่านหรือ”“ใช่ ถนนนี้จะกลายเป็นเส้นทางสัญจรภายในของพวกเรา”เซียงเจินจูมองแผนภาพแล้วคิดใคร่ครวญ“เช่นนั้นหากข้าจะขอแลกพื้นที่ไปตั้งร้านชาที่ริมถนนด้านหน้าฝั่งริมกำแพงของสำนักศึกษา จะได้หรื
ตอนที่หก เจรจาตกลงความจริงไข่มุกในร่างของเซียงเจินจูอยากจะหาคันฉ่องมาส่องดูว่าหน้าตาของนางเป็นอย่างไรบ้างแต่ยังไม่มีโอกาส นางเคยสำรวจร่างกายที่ตัวเองกำลังอาศัยอยู่ยามอาบน้ำอย่างละเอียดภายใต้เสื้อผ้าธรรมดาไม่น่าเชื่อว่า สาวน้อยนางนี้มีผิวกายเนียนละเอียดขาวผุดผ่องสะอาดตา ทรวดทรงหรือก็สมส่วน เอวคอดสะโพกผาย มีหน้าอกมีก้นครบเครื่องอืม...รูปร่างดีกว่าตัวจริงของฉันเสียอีก นี่ขนาดอายุแค่16 นะเนี่ย เซียงเจินจูเติบโตมากับตาเฒ่าเซียงหม่าและยายเฒ่าซินเหลียน ตั้งแต่จำความได้นางก็ได้รับการบอกเล่าถึงชาติกำเนิดที่ไม่มีที่มา ยายเหลียนเล่าว่าคืนหนึ่งมีเสียงเด็กร้องไห้ดังลั่น เมื่อเปิดประตูออกมาก็พบห่อผ้าซึ่งมีตัวนางนอนร้องไห้งอแงอยู่พร้อมจี้หยกอันหนึ่ง จึงไม่แปลกที่หญิงสาวจะหน้าตาไม่เหมือนทั้งตาและยายหญิงสาวเดินนำสองหนุ่มไปจนถึงโต๊ะกลางสวนแล้วหันไปบอกให้ลูกจ้างสาวเข้าไปเชิญยายเหลียนออกมานั่งลงเปิดการเจรจา“ข้าสอบความจนกระจ่างแล้ว เรื่องนี้เป็นความผิดของข้าเองที่ไม่กวดขัน