ตอนที่เก้า ใจเต้นแรง (น่ารัก)
ระหว่างกำลังออกไปเลือกซื้อหาของมาตกแต่งร้านเพิ่มเติมนั่นเอง
ว๊ายยยยยย
เช้งงงงงง
ตุ๊บ ตั๊บ
กรี๊ดดดดดดดด
เสียงคนต่อสู้พร้อมเสียงกรีดร้องของเซียงเจินจูดังจนรถม้าของหวางชิวเฟินต้องจอดลง ชายหนุ่มเปิดผ้าม่านกระโดดลงไปมองดูเหตุการณ์ เมื่อเห็นว่าหญิงสาวกำลังโดนฉุดคร่าและผู้คุ้มกันทั้งสองคนของนางกำลังพลาดท่า
หวางชิวเฟินบอกให้ผู้ติดตามเข้าไปช่วยเหลือโดยเร็ว ส่วนตัวเองพุ่งเข้าไปรับร่างเล็กที่วิ่งหนีออกมาแล้วพาอุ้มกระโดดขึ้นรถม้าอย่างรวดเร็ว
“เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”
“ไม่เป็นไร” เสียงสั่นเครือเปล่งออกมาพร้อมน้ำตาที่ปริ่มขอบตา
“ออกไปจากตรงนี้ก่อนเถอะ”
รถม้าขยับเคลื่อนออกไปโดยไม่ต้องบอก โดยภายในรถม้าหวางชิวเฟินยังคงโอบกอดร่างสั่นเทาของเซียงเจินจูอยู่อย่างพยายามปลอบโยน
หญิงสาวถูกอุ้มลงมาและพาไปพักยังห้องหนึ่งอย่างละมุนละไม
“เจ้าปลอดภัยแล้ว ไม่ต้องกลัว” มือหนาลูบผมสลวยเพื่อคลายความวิตกกังวล
“ขอบคุณที่ช่วย&r
ตอนที่สิบเข้าใจผิดเซียงเจินจูค้อนขวับด้วยไม่อยากรับคำชมกึ่งประชดเช่นนี้ ตอนนั้นนางเพิ่งมาถึงและต้องการคนคุ้มกันจึงรับพวกเขาโดยไม่ถามไถ่มากมาย ผู้ใดจะคิดว่าอาจเกิดเรื่องร้ายแรงเช่นนี้ “เอาล่ะ พวกเขาคงต้องหลบซ่อนตัวจนไม่กล้าออกมาอีก หากเจ้ายังอยากได้ผู้คุ้มกันข้าจะคัดคนส่งไปให้ เรื่องเมื่อวานนี้คงต้องจบลงอย่างเงียบๆ ด้วยตัวการทั้งสองฝ่ายต่างหลบหนีหายไปหมดแล้ว” หวางชิวเฟินบอกกล่าว เซียงเจินจูคิดตาม หากเมื่อวานชายหนุ่มผู้นี้ไม่ผ่านไป ป่านนี้นางจะโดนย่ำยีอย่างไรก็สุดรู้ด้วยพวกเขาทั้งสองฝ่ายต่างมุ่งมั่นที่จะต่อสู้กัน อีกทั้งการเป็นคนต่างแคว้นย่อมติดตามหาตัวได้ยากและนางไม่ใช่คนสำคัญ ทางการคงไม่ใส่ใจมากนัก “ขอบคุณซือถู” หญิงสาวก้มลงพร้อมเอ่ยคำจากใจ คราวนี้นางเป็นหนี้บุญคุณเขาบ้างแล้ว
ตอนที่สิบเอ็ดถ่ายทอดความรู้สตรีในห้องหอล้วนเป็นเช่นนี้ เพียงโดนล่วงเกินนิดหน่อยพวกนางก็โวยวายจะเป็นจะตายให้ชายหนุ่มต้องยกขันหมากไปสู่ขอรับตัวเข้าจวนแล้ว ยิ่งหวางชิวเฟินมีทั้งตำแหน่งและฐานะ ย่อมเป็นที่หมายปองต้องการที่ผ่านมาเขาไม่เคยเห็นเพื่อนหนุ่มเผลอตัวถึงเพียงนี้ เพียงจับมือถือแขนยังแทบไม่เคย แล้วนี่ถึงกับจุมพิตแนบแน่นจึงยังคงตื่นตะลึง“เอาเป็นว่า พวกท่านจิบชากินขนมกันให้สบายใจเถอะ ข้าขอโทษที่เข้าใจผิดก็แล้วกัน” สาวน้อยเจ้าของร้านชาเซืองซือตัดบทแล้วเดินออกไปหน้าตาเฉยท่ามกลางการสับสนงุนงงของสองหนุ่ม“นางไม่ได้ชอบเจ้า ไม่น่าเชื่อว่าจะมีสตรีที่ไม่หลงใหลในหน้าตาของเจ้า” มู่หวังเยี่ยนรีบพูดออกมา“คงเป็นเช่นนั้น” หวางชิวเฟินยอมรับ“เหตุใดเจ้าจึงทำเช่นนั้น” เลขามู่ย่อมสงสัย“ข้าไม่แน่ใจ” ถึงยามนี้หวางชิวเฟินเองยังให้คำตอบตนเองไม่ได้เช่นกัน เขาเพียงรู้สึกไม่อยากให้นางเข้าใจผิด ส่วนการจุมพิตนั่นเป็นเพราะอารมณ์พาไป“เจ้าไม่เคยเ
ตอนที่สิบสองงดงามหรือมารร้ายหวางชิวเฟินมองแววตามุ่งมั่นของหญิงสาวอย่างสนใจ เขาคิดว่าสาวน้อยนางนี้มีความสามารถที่เก็บงำเอาไว้อีกไม่น้อย ช่างน่าสนใจนัก ภาพการพูดคุยอย่างสนิทสนมของหวางชิวเฟินและเซียงเจินจูทำให้บรรดาหญิงสาวในอีกฝั่งของร้านชาต่างส่งเสียงโวยวายไม่พอใจ พวกนางบางคนคลั่งไคล้ชื่นชอบซือถูหนุ่มมาหลายปี แม้บางคนจะตัดใจหมั้นหมายกับชายหนุ่มคนอื่นไปแล้ว แต่บางคนก็ยังคงหวังลมๆแล้งๆเลื่อนลอย “พวกเจ้าดูสิ ซือถูยิ้มให้นางด้วย” “แต่เลขามู่ยืนกันท่าอยู่ นางคงไม่มีหวังหรอก” “ข้าคงต้องมาเฝ้าที่นี่
ตอนที่สิบสอง งดงามหรือมารร้าย“ข้าไม่เคยบอกให้รอ และไม่เคยมีทีท่าชอบพอหรือรับปากคำใดกับเจ้า เหตุใดต้องรับผิดชอบ คุณหนูเฟินท่านกลับไปแล้วรีบหาชายหนุ่มแต่งงานเถอะ อย่าได้คิดหวังในตัวข้าอีกเลย” หวางชิวเฟินตอบเสียงเข้ม “ในเมื่อท่านแล้งน้ำใจเช่นนี้ ก็อย่าหาว่าข้าทำเกินไป” หญิงสาวซึ่งเดิมทีมองว่างดงามแปลงร่างเป็นนางมารทันทีเมื่อไม่ได้อย่างใจ นางพุ่งเข้าจิกผมของเซียงเจินจูจนหน้าหงายก่อนจะพยายามใช้เล็บที่ยาวเฟื้อยกรีดลงบนใบหน้าเล็ก “อยากรู้นักว่าหากใบหน้านี้มีรอยเล็บของข้าจนน่าเกลียดแล้ว ท่านยังจะชอบนางเด็กต่ำต้อยนี้อีกหรือไม่ เชอะ เป็นเพียงเจ้าของร้านชากระจอกริอาจมาแย่งสามีกับข้าหรือ” หญิงสาวพ่นคำด่าหยาบคายผิดภาพอ่อนช้อยในทีแรก เซียงเจินจูจับมือซึ่งพยายามจรดเล็บลงบนหน้าอย่างสุดกำลัง แม้ไม่ทันตั้งตัวแต่ไข่มุกในร่า
“ท่านยาย พวกเราไม่ได้ทำเรื่องเลวร้าย ท่านอย่าได้ฟังคำคนนินทาเลย” เซียงเจินจูรีบแก้ตัวให้ทั้งตนเองและชายหนุ่ม “อาจูเอ๊ย...เจ้าเป็นเด็กสาว หากมีเรื่องนินทาเสียๆหายๆเช่นนี้ วันหน้ายังจะหาชายหนุ่มดีดีมาสู่ขอได้อย่างไร” ยายเหลียนเอ่ยอย่างเสียใจที่ไม่อาจปกป้องหลานสาวได้ทั้งๆที่เกิดเหตุในร้านของตนเองแท้ๆ “ไม่มีคนมาสู่ขอ ข้าก็ดูแลร้านชาไปตลอดชีวิต มิได้หรือเจ้าคะ” “เกิดเป็นหญิงย่อมต้องแต่งงาน หากไม่มีผู้ปกป้องคุ้มครองเจ้าจะอยู่ตัวคนเดียวได้อย่างไร แล้วยายจะตายตาหลับได้อย่างไรเล่า อาจู” ยายเหลียนหลั่งน้ำตาออกมาอย่างสุดกลั้น หวางชิวเฟินยืนมองภาพความรักความห่วงใยของสองยายหลานถึงกับต้
ตอนที่สิบสี่ ไม่คู่ควรหวางชิวเฟินเข้าไปขอร้องบิดาของตนเองให้มาสู่ขอเจ้าของร้านชาเซียงซือด้วยตนเอง“เจ้าคิดดีแล้วหรือ เด็กสาวนางนั้นอายุเพียง16 น้อยกว่าเจ้าถึง13ปี แล้วยังเป็นเพียงเจ้าของร้านชาเล็กๆ ไหนเลยจะคู่ควรกับเจ้า อย่าลืมว่ากาลข้างหน้าเจ้ามีโอกาสขึ้นเป็นใหญ่ถึงเสนาบดี ควรต้องหาภรรยาที่รู้ความ สามารถต้อนรับขับสู้แขกเหรื่อ และยังฉลาดหลักแหลมไม่หลงกลผู้อื่น ไม่นำเรื่องเดือดร้อนมาให้ อีกทั้งยังควรมีบิดาที่หนุนหลังได้” เสนาบดีปกครองสกุลหวางรีบเอ่ยเตือนบุตรชาย“เจ้าเองก็อายุไม่น้อยแล้ว ไม่น่าจะเห็นแก่ความรักหนุ่มสาวจนหลงลืมเรื่องที่ถูกที่ควร” ผู้เป็นบิดาไม่วายสำทับ“ข้าเลือกอยู่นานในที่สุดก็ตัดสินใจเลือกนางนั่นก็เพราะนางคือสตรีที่ครบถ้วนตามที่ท่านพ่อบอกออกมา แม้นางจะอายุน้อยแต่สามารถเปิดร้านชาใหญ่โต ดูแลกิจการได้ด้วยตัวคนเดียว หากท่านพ่อได้ไปเห็นร้านชาเซียงซือจะไม่กล่าวคำว่าร้านเล็กๆอีกนอกจากนั้นนางยังเป็นเด็กสาวที่ฉลาดเฉลียว ต้อนรับลูกค้าได้อย่างดี ไม่เคยหลงกลผู้ใด แล้วยังมีความสามารถเก่งกาจในหลายๆด
ตอนที่สิบห้า หายไปไหนเดิมทีเซียงเจินจูคิดเพียงว่าการได้แต่งงานกับหวางชิวเฟินนับเป็นข้อดีด้วยเขาทั้งหล่อ รวย แล้วก็น่าจะเป็นคนดีคนหนึ่งอย่างที่นางร้องขอ ยิ่งได้เห็นยายเหลียนดีอกดีใจจัดเตรียมสินเดิมให้นางอย่างมีความสุขหลังจากจมอยู่ในความทุกข์จากการสูญเสียตาเฒ่าคู่ชีวิตมาหลายเดือน หญิงสาวจึงตั้งใจว่าต้องทำให้การแต่งงานครั้งนี้เกิดขึ้นให้ได้ แม้ว่าจะมีอุปสรรคมากเพียงใด ตาซือถูหน้าตายนั่นก็ช่างกระไร ตั้งแต่วันที่เกิดเรื่องแล้วมาสารภาพต่อหน้ายายเหลียนว่าจะส่งบิดามาสู่ขอ จากนั้นก็หายหน้าหายตาไปเลย ส่วนบิดาของเขาก็ทำลับๆล่อๆ ไม่เอ่ยปากว่าจะมาสู่ขอวันไหนมีแต่มาเกลี้ยกล่อมให้นางยอมรับการมีหลายเมีย ในเมื่อนางเคยตะโกนเอาไว้ก้องร้านชานมไข่มุกว่าจะหาแฟนใหม่ที่หล่อกว่า รวยกว่า ดีกว่า แล้วยังเอามันส์ โดยจะไม่เล่นตัวและจับกินเสียตั้งแต่ทีแรกจะได้ไ
ตอนที่สิบห้า หายไปไหน“เจ้าลองดูตำราสองเล่มนี้แล้วจะเข้าใจว่าเหตุใดพวกเขาจึงนั่งคุยกับนางอย่างยินดีเช่นนั้น” ตำราที่เซียงเจินจูเขียนออกมาถูกส่งให้มู่หวังเยี่ยน เพียงเขาพลิกอ่านไปไม่กี่แผ่น สีหน้าก็แตกตื่นจนระงับไม่ไหว “นาง... นางเขียนเองหรือ ข้าไม่เชื่อเด็ดขาด โดยเฉพาะตำราการปกครองนี่” “เพราะไม่เชื่อ อาจารย์เหล่านี้จึงกำลังนั่งซักถามนางอยู่อย่างไรเล่า หากเจ้าอยากฟังก็นั่งลงดีดี” หวางชิวเฟินโบกมือให้เพื่อนหนุ่มแล้วตั้งอกตั้งใจฟังหญิงสาวตอบคำถามของเหล่าอาจารย์อย่างสนใจ ความจริงเขาอยากจะเชิญนางมาที่นี่หลายวันแล้วแต่ติดขัดด้วยการถกเถียงเรื่องต่างๆยังไม่แล้วเสร็จจึงคิดว่าจะหาเวลาไปเชิญนางสักวัน ไม่คิดว่าวันนี้นางจะมาเอง เซียงเจินจูตอบทุกคำถามอย่างฉะฉาน บางคำตอบยังเสริมเพิ่ม
ตอนที่สิบแปด คนรักหรือเมื่อได้ยินคำพูดจากหญิงแปลกหน้า เซียงเจินจูจึงเงยหน้าขึ้นมองสำรวจอย่างตั้งใจหญิงสาวผู้นี้แต่งกายคล้ายชายหนุ่ม พกกระบี่เล่มหนึ่งที่เอว เครื่องหน้าจัดว่างดงามรูปร่างสมส่วน ยามพูดจาฉะฉานชัดเจน“เจ้าเป็นอันใดกับพี่เฟินหรือ”“ข้าเป็นคนรักของเขา”“คนรัก?”อีกคนแล้วหรือ เหตุใดมีแต่หญิงสาวมาบอกว่าเป็นคู่หมายบ้าง เป็นคนรักบ้าง หวางชิวเฟินผู้นี้เนื้อหอมไม่เบาเสียงม้าควบขี่เข้ามาราวพายุ จากนั้นร่างของหวางชิวเฟินก็ปลิวลงมาโอบประคองเซียงเจินจูไว้ในอ้อมกอดก่อนจะหันไปตวาดหญิงสาวแปลกหน้า“เจ้าเป็นบ้าไปแล้วหรือ เหตุใดฉุดคร่าผู้คนตามอำเภอใจเช่นนี้ ข้าจะให้ท่านแม่ทัพลงโทษเจ้า”“พี่ชิวเฟิน ท่านเห็นนางดีกว่าข้าหรือ ข้าไม่ยอม” หญิงแปลกหน้าไม่แก้ตัวแต่กลับโวยวายกระเง้ากระงอดเข้ามาคว้าแขนของหวางชิวเฟินฉุดดึงให้ออกห่างจากเจ้าของร้านชาสาว“เยว่ฉี เจ้ากลับมาตั้งแต่เมื่อใด” มู่หวังเยี่ยนซึ่งขี่ม้าตามมากระโดดลงมาทักทายหญิ
ตอนที่สิบแปด คนรักหรือหวางชิวเฟินหัวเราะขำจนหลงลืมเรื่องที่อยากจะทำไปจนได้ เขาประคองร่างบางให้ลุกยืนก่อนจะพาไปหาของกินต่อแล้วรีบพากลับไปส่งก่อนที่จะเกิดอารมณ์จับนางกินจนไม่เหลือกระทั่งกระดูกเซียงเจินจูกลับมานอนเกลือกกลิ้งคิดไปคิดมา แม้จะแน่ใจ9ใน10ส่วนว่าสองพ่อลูกสกุลหวางน่าจะไม่ผิดคำพูดและมาสู่ขอนางแน่ แต่ตราบใดที่ขบวนขันหมากยังไม่ผ่านประตูมา ทุกเรื่องย่อมเปลี่ยนแปลงได้ดังนั้นนางจะยอมให้เขาจับกินก็ต่อเมื่อได้รับของหมั้นและกำหนดวันแต่งงานแล้ว แม้จะอยากลองของเพียงใดแต่ความกริ่งเกรงยังมีมากกว่าจนต้องเลิกคิดแล้วหันมาใส่ใจเรื่องร้านชาของตนเองต่อไม่กี่วันต่อมาหวางชิวเฟินก็มานัดแนะวันเวลากับยายเหลียนให้เตรียมตัว จากนั้นจึงส่งเทียบมาอย่างเป็นทางการ จนเช้าวันที่เจ็ดขบวนขันหมากอย่างเต็มพิธีจึงถูกยกเข้ามายังห้องโถงของร้านชาเซียงซือยายเหลียนยืนรอรับขบวนอย่างตื่นเต้นสองหน่วยตาเต็มไปด้วยน้ำตาแห่งความปิติยินดีตาเฒ่าหม่าเอ๊ย เจ้าเห็นหรือไม่ หลานสาวของเราจะได้เป็นฝั่งเป็นฝากับชายหนุ่มที่ดีแล้ว
ตอนที่สิบเจ็ด เกือบไปแล้วเซียงเจินจูโดนดึงรั้งจนก้าวตามแทบไม่ทัน ชายหนุ่มออกอาการไม่ได้ดั่งใจจึงโอบประคองเกือบอุ้มสาวน้อยส่งขึ้นรถก่อนหญิงสาวจะเข้าไปนั่งตื่นตกใจอยู่ภายในรถม้า“เอ่อ...ข้ายังกินไม่อิ่มเลย” เสียงอ่อยๆเอ่ยออกมาเบาๆ“รอเสร็จเรื่องค่อยกินอีกที” เสียงเคร่งเครียดเอ่ยตอบราวพวกเขากำลังไปทำเรื่องคอขาดบาดตาย“พี่เฟิน ท่านยังไม่ได้จ่ายค่าอาหาร”“ลูกน้องของพี่ย่อมจ่ายแล้ว”“เอ่อ...ท่านยายกำลังรออยู่”“พี่จะให้คนไปแจ้งว่าเจ้าอยู่กับพี่จะกลับช้าหน่อย”“ข้า...ข้า...ข้า” เสียงหวานสั่นไหวตามอารมณ์หวั่นเกรง“ไม่ต้องพูดแล้ว เจ้าหาเรื่องเอง” เสียงดุเอ่ยออกมาพร้อมใบหน้าเคร่งขรึมจนสาวน้อยเริ่มกลัว “วันอื่นได้หรือไม่” สาวน้อยยังพยายามต่อรอง แม้ใจจริงจะอยากจับชายหนุ่มหล่อตรงหน้ากินเสียให้สิ้นเรื่องสิ้นราว แต่อีกใจยังคงอยากทำใจให้นาน
ตอนที่สิบหก ท้าทายเซียงเจินจูรับรู้ได้ถึงรสสุราในปากของชายหนุ่มด้วยเขาดื่มไปด้วยระหว่างกินอาหาร ส่วนหวางชิวเฟินย่อมรับรู้ได้ถึงรสเป็ดย่างเต็มปากด้วยหญิงสาวเพิ่งกลืนลงไป ปากทั้งสองต่างดูดกลืนรสชาติของกันและกันอย่างดูดดื่ม ลิ้นทั้งสองถูกส่งออกมาตวัดเลียกวัดแกว่งพัวพันกัน แม้หวางชิวเฟินจะแปลกใจที่สาวน้อยใช้ลิ้นต่อสู้ราวช่ำชอง แต่ย่อมไม่มีเวลาคิดมากด้วยต้องชิมรสความหอมหวานให้มากที่สุด ไข่มุกในร่างของเซียงเจินจูย่อมเคยจูบมาบ้างจึงส่งลิ้นออกมาโรมรันอย่างไม่ยอมแพ้ ยิ่งนัวเนียมากเท่าใดยิ่งวาบหวามซาบซ่าจนโน้มร่างเข้าไปโอบคอแกร่งให้บดคลึงกันอย่างแนบแน่น กว่าสองร่างจะห่างออกจากกันก็เมื่อหายใจแทบไม่ทันแล้วจึงจำต้องปล่อยริมฝีปากออกแต่ยังคงละเลียดกันอยู่อย่างติดใจ “เจ้าเคยจุม
ตอนที่สิบห้า หายไปไหน“เจ้าลองดูตำราสองเล่มนี้แล้วจะเข้าใจว่าเหตุใดพวกเขาจึงนั่งคุยกับนางอย่างยินดีเช่นนั้น” ตำราที่เซียงเจินจูเขียนออกมาถูกส่งให้มู่หวังเยี่ยน เพียงเขาพลิกอ่านไปไม่กี่แผ่น สีหน้าก็แตกตื่นจนระงับไม่ไหว “นาง... นางเขียนเองหรือ ข้าไม่เชื่อเด็ดขาด โดยเฉพาะตำราการปกครองนี่” “เพราะไม่เชื่อ อาจารย์เหล่านี้จึงกำลังนั่งซักถามนางอยู่อย่างไรเล่า หากเจ้าอยากฟังก็นั่งลงดีดี” หวางชิวเฟินโบกมือให้เพื่อนหนุ่มแล้วตั้งอกตั้งใจฟังหญิงสาวตอบคำถามของเหล่าอาจารย์อย่างสนใจ ความจริงเขาอยากจะเชิญนางมาที่นี่หลายวันแล้วแต่ติดขัดด้วยการถกเถียงเรื่องต่างๆยังไม่แล้วเสร็จจึงคิดว่าจะหาเวลาไปเชิญนางสักวัน ไม่คิดว่าวันนี้นางจะมาเอง เซียงเจินจูตอบทุกคำถามอย่างฉะฉาน บางคำตอบยังเสริมเพิ่ม
ตอนที่สิบห้า หายไปไหนเดิมทีเซียงเจินจูคิดเพียงว่าการได้แต่งงานกับหวางชิวเฟินนับเป็นข้อดีด้วยเขาทั้งหล่อ รวย แล้วก็น่าจะเป็นคนดีคนหนึ่งอย่างที่นางร้องขอ ยิ่งได้เห็นยายเหลียนดีอกดีใจจัดเตรียมสินเดิมให้นางอย่างมีความสุขหลังจากจมอยู่ในความทุกข์จากการสูญเสียตาเฒ่าคู่ชีวิตมาหลายเดือน หญิงสาวจึงตั้งใจว่าต้องทำให้การแต่งงานครั้งนี้เกิดขึ้นให้ได้ แม้ว่าจะมีอุปสรรคมากเพียงใด ตาซือถูหน้าตายนั่นก็ช่างกระไร ตั้งแต่วันที่เกิดเรื่องแล้วมาสารภาพต่อหน้ายายเหลียนว่าจะส่งบิดามาสู่ขอ จากนั้นก็หายหน้าหายตาไปเลย ส่วนบิดาของเขาก็ทำลับๆล่อๆ ไม่เอ่ยปากว่าจะมาสู่ขอวันไหนมีแต่มาเกลี้ยกล่อมให้นางยอมรับการมีหลายเมีย ในเมื่อนางเคยตะโกนเอาไว้ก้องร้านชานมไข่มุกว่าจะหาแฟนใหม่ที่หล่อกว่า รวยกว่า ดีกว่า แล้วยังเอามันส์ โดยจะไม่เล่นตัวและจับกินเสียตั้งแต่ทีแรกจะได้ไ
ตอนที่สิบสี่ ไม่คู่ควรหวางชิวเฟินเข้าไปขอร้องบิดาของตนเองให้มาสู่ขอเจ้าของร้านชาเซียงซือด้วยตนเอง“เจ้าคิดดีแล้วหรือ เด็กสาวนางนั้นอายุเพียง16 น้อยกว่าเจ้าถึง13ปี แล้วยังเป็นเพียงเจ้าของร้านชาเล็กๆ ไหนเลยจะคู่ควรกับเจ้า อย่าลืมว่ากาลข้างหน้าเจ้ามีโอกาสขึ้นเป็นใหญ่ถึงเสนาบดี ควรต้องหาภรรยาที่รู้ความ สามารถต้อนรับขับสู้แขกเหรื่อ และยังฉลาดหลักแหลมไม่หลงกลผู้อื่น ไม่นำเรื่องเดือดร้อนมาให้ อีกทั้งยังควรมีบิดาที่หนุนหลังได้” เสนาบดีปกครองสกุลหวางรีบเอ่ยเตือนบุตรชาย“เจ้าเองก็อายุไม่น้อยแล้ว ไม่น่าจะเห็นแก่ความรักหนุ่มสาวจนหลงลืมเรื่องที่ถูกที่ควร” ผู้เป็นบิดาไม่วายสำทับ“ข้าเลือกอยู่นานในที่สุดก็ตัดสินใจเลือกนางนั่นก็เพราะนางคือสตรีที่ครบถ้วนตามที่ท่านพ่อบอกออกมา แม้นางจะอายุน้อยแต่สามารถเปิดร้านชาใหญ่โต ดูแลกิจการได้ด้วยตัวคนเดียว หากท่านพ่อได้ไปเห็นร้านชาเซียงซือจะไม่กล่าวคำว่าร้านเล็กๆอีกนอกจากนั้นนางยังเป็นเด็กสาวที่ฉลาดเฉลียว ต้อนรับลูกค้าได้อย่างดี ไม่เคยหลงกลผู้ใด แล้วยังมีความสามารถเก่งกาจในหลายๆด
“ท่านยาย พวกเราไม่ได้ทำเรื่องเลวร้าย ท่านอย่าได้ฟังคำคนนินทาเลย” เซียงเจินจูรีบแก้ตัวให้ทั้งตนเองและชายหนุ่ม “อาจูเอ๊ย...เจ้าเป็นเด็กสาว หากมีเรื่องนินทาเสียๆหายๆเช่นนี้ วันหน้ายังจะหาชายหนุ่มดีดีมาสู่ขอได้อย่างไร” ยายเหลียนเอ่ยอย่างเสียใจที่ไม่อาจปกป้องหลานสาวได้ทั้งๆที่เกิดเหตุในร้านของตนเองแท้ๆ “ไม่มีคนมาสู่ขอ ข้าก็ดูแลร้านชาไปตลอดชีวิต มิได้หรือเจ้าคะ” “เกิดเป็นหญิงย่อมต้องแต่งงาน หากไม่มีผู้ปกป้องคุ้มครองเจ้าจะอยู่ตัวคนเดียวได้อย่างไร แล้วยายจะตายตาหลับได้อย่างไรเล่า อาจู” ยายเหลียนหลั่งน้ำตาออกมาอย่างสุดกลั้น หวางชิวเฟินยืนมองภาพความรักความห่วงใยของสองยายหลานถึงกับต้
ตอนที่สิบสอง งดงามหรือมารร้าย“ข้าไม่เคยบอกให้รอ และไม่เคยมีทีท่าชอบพอหรือรับปากคำใดกับเจ้า เหตุใดต้องรับผิดชอบ คุณหนูเฟินท่านกลับไปแล้วรีบหาชายหนุ่มแต่งงานเถอะ อย่าได้คิดหวังในตัวข้าอีกเลย” หวางชิวเฟินตอบเสียงเข้ม “ในเมื่อท่านแล้งน้ำใจเช่นนี้ ก็อย่าหาว่าข้าทำเกินไป” หญิงสาวซึ่งเดิมทีมองว่างดงามแปลงร่างเป็นนางมารทันทีเมื่อไม่ได้อย่างใจ นางพุ่งเข้าจิกผมของเซียงเจินจูจนหน้าหงายก่อนจะพยายามใช้เล็บที่ยาวเฟื้อยกรีดลงบนใบหน้าเล็ก “อยากรู้นักว่าหากใบหน้านี้มีรอยเล็บของข้าจนน่าเกลียดแล้ว ท่านยังจะชอบนางเด็กต่ำต้อยนี้อีกหรือไม่ เชอะ เป็นเพียงเจ้าของร้านชากระจอกริอาจมาแย่งสามีกับข้าหรือ” หญิงสาวพ่นคำด่าหยาบคายผิดภาพอ่อนช้อยในทีแรก เซียงเจินจูจับมือซึ่งพยายามจรดเล็บลงบนหน้าอย่างสุดกำลัง แม้ไม่ทันตั้งตัวแต่ไข่มุกในร่า