ตอนที่สิบเจ็ด เกือบไปแล้ว
เซียงเจินจูโดนดึงรั้งจนก้าวตามแทบไม่ทัน ชายหนุ่มออกอาการไม่ได้ดั่งใจจึงโอบประคองเกือบอุ้มสาวน้อยส่งขึ้นรถก่อนหญิงสาวจะเข้าไปนั่งตื่นตกใจอยู่ภายในรถม้า
“เอ่อ...ข้ายังกินไม่อิ่มเลย” เสียงอ่อยๆเอ่ยออกมาเบาๆ
“รอเสร็จเรื่องค่อยกินอีกที” เสียงเคร่งเครียดเอ่ยตอบราวพวกเขากำลังไปทำเรื่องคอขาดบาดตาย
“พี่เฟิน ท่านยังไม่ได้จ่ายค่าอาหาร”
“ลูกน้องของพี่ย่อมจ่ายแล้ว”
“เอ่อ...ท่านยายกำลังรออยู่”
“พี่จะให้คนไปแจ้งว่าเจ้าอยู่กับพี่จะกลับช้าหน่อย”
“ข้า...ข้า...ข้า” เสียงหวานสั่นไหวตามอารมณ์หวั่นเกรง
“ไม่ต้องพูดแล้ว เจ้าหาเรื่องเอง” เสียงดุเอ่ยออกมาพร้อมใบหน้าเคร่งขรึมจนสาวน้อยเริ่มกลัว
“วันอื่นได้หรือไม่” สาวน้อยยังพยายามต่อรอง แม้ใจจริงจะอยากจับชายหนุ่มหล่อตรงหน้ากินเสียให้สิ้นเรื่องสิ้นราว แต่อีกใจยังคงอยากทำใจให้นาน
ตอนที่สิบแปด คนรักหรือหวางชิวเฟินหัวเราะขำจนหลงลืมเรื่องที่อยากจะทำไปจนได้ เขาประคองร่างบางให้ลุกยืนก่อนจะพาไปหาของกินต่อแล้วรีบพากลับไปส่งก่อนที่จะเกิดอารมณ์จับนางกินจนไม่เหลือกระทั่งกระดูกเซียงเจินจูกลับมานอนเกลือกกลิ้งคิดไปคิดมา แม้จะแน่ใจ9ใน10ส่วนว่าสองพ่อลูกสกุลหวางน่าจะไม่ผิดคำพูดและมาสู่ขอนางแน่ แต่ตราบใดที่ขบวนขันหมากยังไม่ผ่านประตูมา ทุกเรื่องย่อมเปลี่ยนแปลงได้ดังนั้นนางจะยอมให้เขาจับกินก็ต่อเมื่อได้รับของหมั้นและกำหนดวันแต่งงานแล้ว แม้จะอยากลองของเพียงใดแต่ความกริ่งเกรงยังมีมากกว่าจนต้องเลิกคิดแล้วหันมาใส่ใจเรื่องร้านชาของตนเองต่อไม่กี่วันต่อมาหวางชิวเฟินก็มานัดแนะวันเวลากับยายเหลียนให้เตรียมตัว จากนั้นจึงส่งเทียบมาอย่างเป็นทางการ จนเช้าวันที่เจ็ดขบวนขันหมากอย่างเต็มพิธีจึงถูกยกเข้ามายังห้องโถงของร้านชาเซียงซือยายเหลียนยืนรอรับขบวนอย่างตื่นเต้นสองหน่วยตาเต็มไปด้วยน้ำตาแห่งความปิติยินดีตาเฒ่าหม่าเอ๊ย เจ้าเห็นหรือไม่ หลานสาวของเราจะได้เป็นฝั่งเป็นฝากับชายหนุ่มที่ดีแล้ว
ตอนที่สิบแปด คนรักหรือเมื่อได้ยินคำพูดจากหญิงแปลกหน้า เซียงเจินจูจึงเงยหน้าขึ้นมองสำรวจอย่างตั้งใจหญิงสาวผู้นี้แต่งกายคล้ายชายหนุ่ม พกกระบี่เล่มหนึ่งที่เอว เครื่องหน้าจัดว่างดงามรูปร่างสมส่วน ยามพูดจาฉะฉานชัดเจน“เจ้าเป็นอันใดกับพี่เฟินหรือ”“ข้าเป็นคนรักของเขา”“คนรัก?”อีกคนแล้วหรือ เหตุใดมีแต่หญิงสาวมาบอกว่าเป็นคู่หมายบ้าง เป็นคนรักบ้าง หวางชิวเฟินผู้นี้เนื้อหอมไม่เบาเสียงม้าควบขี่เข้ามาราวพายุ จากนั้นร่างของหวางชิวเฟินก็ปลิวลงมาโอบประคองเซียงเจินจูไว้ในอ้อมกอดก่อนจะหันไปตวาดหญิงสาวแปลกหน้า“เจ้าเป็นบ้าไปแล้วหรือ เหตุใดฉุดคร่าผู้คนตามอำเภอใจเช่นนี้ ข้าจะให้ท่านแม่ทัพลงโทษเจ้า”“พี่ชิวเฟิน ท่านเห็นนางดีกว่าข้าหรือ ข้าไม่ยอม” หญิงแปลกหน้าไม่แก้ตัวแต่กลับโวยวายกระเง้ากระงอดเข้ามาคว้าแขนของหวางชิวเฟินฉุดดึงให้ออกห่างจากเจ้าของร้านชาสาว“เยว่ฉี เจ้ากลับมาตั้งแต่เมื่อใด” มู่หวังเยี่ยนซึ่งขี่ม้าตามมากระโดดลงมาทักทายหญิ
ย้อนมิติมาเปิดร้านชาไข่มุกเขียนโดยวันว่างว่างของหญิงใหญ่แนะนำตัวละครเซียงเจินจู หลานสาวของตายายเจ้าของร้านขายชาเซียงซือไข่มุก หญิงสาวเจ้าของร้านชานมไข่มุกในอาคารสำนักงานอันหรูหราหวางชิวเฟิน ขุนนางใหญ่ตำแหน่งเจ้ากรมศึกษา(ซือถู)มู่หวังเยี่ยน เลขาและเพื่อนสนิทของหวางชิวเฟินมู่เยว่ฉี น้องสาวของมู่หวังเยี่ยนยายเหลียน ยายเฒ่าของเซียงเจินจูคิดจะยึดที่ดินร้านชาของนางหรือ ผู้ใดจะยอมกัน แต่เขาทั้งหล่อทั้งมีตำแหน่งใหญ่โต หรือนางจะยอมให้เขายึดทั้งร้านทั้งตัวนางดี ไม่ใช่สิ นางต้องสร้างร้านชาให้เจริญรุ่งเรืองต่อไปต่างหากสาวน้อยผู้ย้อนไปอยู่ในร่างของหลานสาวเจ้าของร้านชาชื่อดัง แต่กลับอยู่ในช่วงที่โดนข่มขู่เพื่อจะยึดที่ดินไปสร้างเป็นสำนักศึกษา หญิงสาวจึงไม่ยอมและตั้งใจจะเปิดร้านชาต่อไปโดยนำความรู้ที่มีมาพัฒนา ไม่คาดว่าจะพบกับเจ้ากรมการศึกษาผู้หล่อเหลามาดดี นางจึงเจรจาต่อรองจนได้เปิดร้านชาใหญ่โต สองหนุ่มสาวเริ่มต้นจากความไม่ลงรอย ความสัมพันธ์ค่อยคืบหน้าไปในทางที่ดี ขณะที่ร้านชาเจริญรุ่งเรือง เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป ติดตามได้ใน ย้อนมิติมาเปิดร้านชาไข่มุกตอนที่หนึ่งเซอร์ไพรส์หญิงสาวตื่
ตอนที่หนึ่ง เซอร์ไพรส์ไข่มุกจำได้ว่าตัวเองลุกขึ้นยืนแล้วเดินตามคุณยายไปอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว จากนั้นเธอก็จำไม่ได้แล้วไข่มุกซึ่งกำลังตั้งสติจ้องมองใบหน้าซึ่งเหี่ยวย่นกว่าเมื่อคืนพร้อมเสื้อผ้าซึ่งแปลกตาพลางขมวดคิ้วทำไมคุณยายแต่งตัวคล้ายชุดโบราณ ว่าแต่ เธอนอนอยู่ที่ไหน ไม่ใช่คอนโดแล้วก็ไม่ใช่ในร้านชาด้วยแล้ว...เมื่อกี้ คุณยายเรียกเธอว่าอะไรนะหญิงสาวมีแต่คำถามเต็มหัวจนมือเหี่ยวย่นมาวางทาบบนหน้าผากแล้วลูบไล้เนื้อตัวด้วยกิริยาห่วงกังวล“อืม...ตัวไม่ร้อนแล้ว สีหน้าดีขึ้น”ไข่มุกมองตามมือที่ลูบไล้ตัวเองไปจนพบว่าเสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่เป็นชุดโบราณคล้ายกับของคุณยายเฮ้ย!...ทำไมฉันใส่ชุดนี้ล่ะ หรือว่าเมื่อคืนเผลอทำอะไรไม่ดีจนคุณยายต้องเปลี่ยนชุดให้ “อาจู เหตุใดจึงมีสีหน้าเช่นนั้น หรือว่ายังปวดหัวอยู่ เอาเถอะ เจ้ายังไม่หายดี นอนพักอีกหน่อย ยายจะไปต้มยาแล้วนำเข้ามาให้”ไข่มุกฟังคำพูดจาแปลกๆและท่าทีห่วงใยของคุณยายด้วยความฉงนใจ จนเมื่อร่างเล็กของยายเดินลับหายไป เธอจึงล้มตัวลงนอนคิดถึงเรื่องเมื่อคืนต่อเมื่อคืนเธอกำลังนอนเกลือกกลิ้งร้องไห้เป็นบ้าเป็นบออยู่บนพื้นในร้านชานมไข่มุกที่เปิดอยู่ในอาคา
“ตั้งแต่เมื่อไหร่คะ มุกถามว่าเมื่อไหร่” หญิงสาวแผดเสียงดังลั่น“ก็ตั้งแต่หนูยังอยู่ที่ร้านนั่นแหละค่ะ” สาวน้อยบนเตียงเห็นว่าผู้ชายคนเดียวในห้องยังยืนนิ่งไม่ยอมพูดจึงตอบออกมาเสียเองแถมยังขยายความแก้โง่เพิ่มอีก“คุณไข่มุกคงไม่รู้ว่าพี่เขาเต๊าะหนูตั้งแต่เห็นหน้าครั้งแรกแล้ว วันไหนที่คุณไม่อยู่ พวกเราก็โบ๊ะบ๊ะกันในร้านทุกครั้ง” อดีตลูกจ้างของไข่มุกลอยหน้าลอยตาบอก “น้องมุก ยัยนี่ก็แค่ของกินเล่นชั่วครั้งชั่วคราว อย่าคิดมากไปเลยนะ ยังไงพี่ก็รักน้องมุกคนเดียว” แฟนหนุ่มของเธอรีบแก้ตัวหน้าด้านด้าน“จะของเล่นของชั่วคราวยังไง มุกก็ไม่สน แค่พี่กินลูกจ้างในร้านมุกก็ไม่ยอมแล้ว นี่ยังแอบกินกันในร้านของมุกอีก เห็นร้านมุกเป็นอะไร ร้านนั่งดริ๊งก์เหรอ” หญิงสาวตะโกนต่อว่าทั้งน้ำตา “พี่คงติดนิสัยกินไม่เลือก ทำไมคะ แค่มีรูให้เสียบ จะรูไหนก็เสียบได้ใช่ไหมคะ” ไข่มุกหันไปตะโกนถามแฟนหนุ่มด้วยความเจ็บใจ “พี่ไม่ได้เป็นแบบนั้นนะมุก ก็มุกไม่ยอมพี่สักที มัวแต่เล่นตัวอยู่ได้ สมัยนี้คนเป็นแฟนกันคู่ไหนจะไม่เคยมีอะไรกันบ้าง พวกเราเป็นแฟนกันมาจะครบปีอยู่แล้ว มัวแต่หอมแก้มจูบปากนิดหน่อยแค่นั้น มัน
ตอนที่สองร้านชาเซียงซือจู่ๆ ไข่มุกก็รู้สึกปวดหัวแทบระเบิด ความทรงจำมากมายหลั่งไหลเข้ามาราวสายน้ำเพล้ง เพล้ง เพล้งเสียงกาน้ำชาและข้าวของแตกกระจายพร้อมเสียงหวีดร้องของลูกค้าซึ่งวิ่งหนีกันอลหม่านเรียกให้เซียงเจินจูซึ่งนั่งอ่านหนังสืออยู่ด้านหลังร้านต้องรีบวิ่งไปลอบมองดูเหตุการณ์“นายท่าน อย่าได้ทำลายร้านของข้าเลย มีเรื่องใดพูดกันดีดีเถิดขอรับ” ตาเฒ่าเซียงหม่ากำลังจับมือชายคนหนึ่งไม่ให้ขว้างกาน้ำชาลงบนพื้นพลางก้มหัวขอร้องด้วยท่าทีอ่อนน้อม“ชาของเจ้าทั้งจืดชืดแล้วยังไม่ร้อน เจ้าดูถูกว่าข้าไม่มีเงินซื้อชาดีดีหรือจึงจัดชาถูกๆมาให้เช่นนี้”เสียงโวยวายหาเรื่องดังออกมาก่อนชายคนนั้นจะส่งสัญญาณให้พรรคพวกทุบกาและถ้วยน้ำชาที่วางอยู่จนแตกละเอียด“นายท่าน พวกเราไม่เคยคิดเช่นนั้น ลูกค้าทุกคนคือผู้มีพระคุณ อย่าได้ทำเช่นนี้เลยเจ้าค่ะ หากท่านไม่พอใจพวกเรายินดีชดใช้เงินคืนให้นะเจ้าคะ” ยายเหลียนรีบคุกเข่าโขกหัวขออภัยจนหัวบวมปูด“เชอะ ชดใช้หรือ พวกเจ้ามีกี่ชีวิตกันจึงจะชดใช้ให้ข้า” เสียงข่มขู่ดังออกมาอย่างวางอำนาจ“ทางที่ดีรีบปิดร้านแล้วย้ายกลับไปอยู่บ้านนอกของเจ้าเสีย อย่าได้เสนอหน้าอยู่ที่นี่อีก เข้าใ
หลังจากนั้นไม่กี่วัน ตาเซียงหม่าก็ทนความเจ็บปวดไม่ไหวประกอบกับความเสียใจจึงสิ้นลมไปในอ้อมกอดของเมียคู่ทุกข์คู่ยากและหลานสาวเซียงเจินจูซึ่งเดิมเป็นเด็กสาวอ่อนแอเรียบร้อยถึงกับล้มป่วยไปอีกคนด้วยความเศร้าเสียใจ และนั่นก็เป็นวันที่ไข่มุกได้เข้ามาในร่างนี้พอดีหมายความว่านายทุนใหญ่อยากได้ที่ดินตรงนี้จึงส่งนักเลงมาคุกคามสร้างเรื่องทำให้ตาของเซียงเจินจูต้องตาย กว่าไข่มุกจะบีบอัดย่อยความทรงจำเหล่านั้นจนเข้าใจเรื่องราวได้มากขึ้น เหงื่อก็ออกจนเปียกท่วมตัวหญิงสาวนอนนิ่งคิดอย่างกังวัลใจ เธอยังต้องตื่นไปดูแลร้านชานมไข่มุกของตนเอง แม้จะมีลูกน้องอยู่หลายคน แต่ด้วยร้านของเธอขายดีมากเพราะเธอใช้ใบชาที่ผสมผสานจากการคิดค้นอยู่หลายเดือน อีกทั้งยังมีสูตรการต้มที่ไม่เหมือนใครจึงทำให้รสชาติชาหอมอร่อย เพียงแค่กำลังต้มกลิ่นก็ลอยออกไปยั่วจมูกจนลูกค้าต้องมายืนออรอที่หน้าร้านแล้วลูกน้องที่สลับสับเปลี่ยนกันมักจะชงชาให้ลูกค้าไม่ทันโดยเฉพาะช่วงพักซึ่งจะมีคนทำงานแห่มาสั่งพร้อมๆกันทีละหลายๆแก้วจนแม้แต่เธอยังหัวหมุนหญิงสาวจึงไม่ใคร่ยอมไปไหนเพราะงกเงินไม่อยากพลาดการหารายได้ที่มีเข้ามา อีกอย่างเธอไม่เคยบอกสูตรการผสม
ตอนที่สามลุกขึ้นสู้รุ่งเช้า ไข่มุกในร่างเซียงเจินจูลุกขึ้นออกมาเดินสำรวจภายในร้านชาจนทั่ว ข้าวของซึ่งโดนทุบทำลายยังกองเกลื่อนกลาดกระจัดกระจาย ร้านชาเซียงซือไม่เหลือสภาพให้เปิดทำการได้ในเร็ววันนี้แน่ “อาจู ดีขึ้นแล้วหรือ เช่นนั้นวันนี้พวกเราไปส่งตาเฒ่าด้วยกันเถอะ” เสียงเศร้าพร้อมน้ำตารินหลั่งเป็นภาพที่สะเทือนใจหญิงสาว สองตายายใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันมาหลายสิบปี คงไม่คิดว่าจะมีวันที่ต้องพรากจากกันอย่างไม่ทันได้เตรียมใจ แม้ยายเหลียนจะไม่อยากให้หลานสาวออกไปข้างนอกแต่ด้วยเห็นว่าเป็นการส่งตาเฒ่าครั้งสุดท้าย จึงพานางไปด้วย นั่นจึงเป็นครั้งแรกของเซียงเจินจูและไข่มุกซึ่งได้ออกมาเห็นโลกภายนอก พิธีส่งศพของตาเซียงหม่ามีคนมาร่วมงานมากมาย ด้วยตาเฒ่ามีอัธยาศัยดีและมีน้ำใจจึงเป็นที่รักของลูกค้าและผู้คนรอบข้าง หญิงสาวเดินประคองร่างอ่อนแรงของยายเหลียนไปมองผู้คนที่มาร่วมงานไปอย่างประเมินสถานการณ์ เสียงพูดคุยของคนรอบข้างดังเข้ามาเป็นระยะ “น่าเสียดายจริงๆ ตาหม่าตายไปแบบนี้ ต่อไปพวกเราจะหาชาที่ทั้งอร่อยทั้งหอมหวานเช่นนี้ได้จากที่ใดอีก”
ตอนที่สิบแปด คนรักหรือเมื่อได้ยินคำพูดจากหญิงแปลกหน้า เซียงเจินจูจึงเงยหน้าขึ้นมองสำรวจอย่างตั้งใจหญิงสาวผู้นี้แต่งกายคล้ายชายหนุ่ม พกกระบี่เล่มหนึ่งที่เอว เครื่องหน้าจัดว่างดงามรูปร่างสมส่วน ยามพูดจาฉะฉานชัดเจน“เจ้าเป็นอันใดกับพี่เฟินหรือ”“ข้าเป็นคนรักของเขา”“คนรัก?”อีกคนแล้วหรือ เหตุใดมีแต่หญิงสาวมาบอกว่าเป็นคู่หมายบ้าง เป็นคนรักบ้าง หวางชิวเฟินผู้นี้เนื้อหอมไม่เบาเสียงม้าควบขี่เข้ามาราวพายุ จากนั้นร่างของหวางชิวเฟินก็ปลิวลงมาโอบประคองเซียงเจินจูไว้ในอ้อมกอดก่อนจะหันไปตวาดหญิงสาวแปลกหน้า“เจ้าเป็นบ้าไปแล้วหรือ เหตุใดฉุดคร่าผู้คนตามอำเภอใจเช่นนี้ ข้าจะให้ท่านแม่ทัพลงโทษเจ้า”“พี่ชิวเฟิน ท่านเห็นนางดีกว่าข้าหรือ ข้าไม่ยอม” หญิงแปลกหน้าไม่แก้ตัวแต่กลับโวยวายกระเง้ากระงอดเข้ามาคว้าแขนของหวางชิวเฟินฉุดดึงให้ออกห่างจากเจ้าของร้านชาสาว“เยว่ฉี เจ้ากลับมาตั้งแต่เมื่อใด” มู่หวังเยี่ยนซึ่งขี่ม้าตามมากระโดดลงมาทักทายหญิ
ตอนที่สิบแปด คนรักหรือหวางชิวเฟินหัวเราะขำจนหลงลืมเรื่องที่อยากจะทำไปจนได้ เขาประคองร่างบางให้ลุกยืนก่อนจะพาไปหาของกินต่อแล้วรีบพากลับไปส่งก่อนที่จะเกิดอารมณ์จับนางกินจนไม่เหลือกระทั่งกระดูกเซียงเจินจูกลับมานอนเกลือกกลิ้งคิดไปคิดมา แม้จะแน่ใจ9ใน10ส่วนว่าสองพ่อลูกสกุลหวางน่าจะไม่ผิดคำพูดและมาสู่ขอนางแน่ แต่ตราบใดที่ขบวนขันหมากยังไม่ผ่านประตูมา ทุกเรื่องย่อมเปลี่ยนแปลงได้ดังนั้นนางจะยอมให้เขาจับกินก็ต่อเมื่อได้รับของหมั้นและกำหนดวันแต่งงานแล้ว แม้จะอยากลองของเพียงใดแต่ความกริ่งเกรงยังมีมากกว่าจนต้องเลิกคิดแล้วหันมาใส่ใจเรื่องร้านชาของตนเองต่อไม่กี่วันต่อมาหวางชิวเฟินก็มานัดแนะวันเวลากับยายเหลียนให้เตรียมตัว จากนั้นจึงส่งเทียบมาอย่างเป็นทางการ จนเช้าวันที่เจ็ดขบวนขันหมากอย่างเต็มพิธีจึงถูกยกเข้ามายังห้องโถงของร้านชาเซียงซือยายเหลียนยืนรอรับขบวนอย่างตื่นเต้นสองหน่วยตาเต็มไปด้วยน้ำตาแห่งความปิติยินดีตาเฒ่าหม่าเอ๊ย เจ้าเห็นหรือไม่ หลานสาวของเราจะได้เป็นฝั่งเป็นฝากับชายหนุ่มที่ดีแล้ว
ตอนที่สิบเจ็ด เกือบไปแล้วเซียงเจินจูโดนดึงรั้งจนก้าวตามแทบไม่ทัน ชายหนุ่มออกอาการไม่ได้ดั่งใจจึงโอบประคองเกือบอุ้มสาวน้อยส่งขึ้นรถก่อนหญิงสาวจะเข้าไปนั่งตื่นตกใจอยู่ภายในรถม้า“เอ่อ...ข้ายังกินไม่อิ่มเลย” เสียงอ่อยๆเอ่ยออกมาเบาๆ“รอเสร็จเรื่องค่อยกินอีกที” เสียงเคร่งเครียดเอ่ยตอบราวพวกเขากำลังไปทำเรื่องคอขาดบาดตาย“พี่เฟิน ท่านยังไม่ได้จ่ายค่าอาหาร”“ลูกน้องของพี่ย่อมจ่ายแล้ว”“เอ่อ...ท่านยายกำลังรออยู่”“พี่จะให้คนไปแจ้งว่าเจ้าอยู่กับพี่จะกลับช้าหน่อย”“ข้า...ข้า...ข้า” เสียงหวานสั่นไหวตามอารมณ์หวั่นเกรง“ไม่ต้องพูดแล้ว เจ้าหาเรื่องเอง” เสียงดุเอ่ยออกมาพร้อมใบหน้าเคร่งขรึมจนสาวน้อยเริ่มกลัว “วันอื่นได้หรือไม่” สาวน้อยยังพยายามต่อรอง แม้ใจจริงจะอยากจับชายหนุ่มหล่อตรงหน้ากินเสียให้สิ้นเรื่องสิ้นราว แต่อีกใจยังคงอยากทำใจให้นาน
ตอนที่สิบหก ท้าทายเซียงเจินจูรับรู้ได้ถึงรสสุราในปากของชายหนุ่มด้วยเขาดื่มไปด้วยระหว่างกินอาหาร ส่วนหวางชิวเฟินย่อมรับรู้ได้ถึงรสเป็ดย่างเต็มปากด้วยหญิงสาวเพิ่งกลืนลงไป ปากทั้งสองต่างดูดกลืนรสชาติของกันและกันอย่างดูดดื่ม ลิ้นทั้งสองถูกส่งออกมาตวัดเลียกวัดแกว่งพัวพันกัน แม้หวางชิวเฟินจะแปลกใจที่สาวน้อยใช้ลิ้นต่อสู้ราวช่ำชอง แต่ย่อมไม่มีเวลาคิดมากด้วยต้องชิมรสความหอมหวานให้มากที่สุด ไข่มุกในร่างของเซียงเจินจูย่อมเคยจูบมาบ้างจึงส่งลิ้นออกมาโรมรันอย่างไม่ยอมแพ้ ยิ่งนัวเนียมากเท่าใดยิ่งวาบหวามซาบซ่าจนโน้มร่างเข้าไปโอบคอแกร่งให้บดคลึงกันอย่างแนบแน่น กว่าสองร่างจะห่างออกจากกันก็เมื่อหายใจแทบไม่ทันแล้วจึงจำต้องปล่อยริมฝีปากออกแต่ยังคงละเลียดกันอยู่อย่างติดใจ “เจ้าเคยจุม
ตอนที่สิบห้า หายไปไหน“เจ้าลองดูตำราสองเล่มนี้แล้วจะเข้าใจว่าเหตุใดพวกเขาจึงนั่งคุยกับนางอย่างยินดีเช่นนั้น” ตำราที่เซียงเจินจูเขียนออกมาถูกส่งให้มู่หวังเยี่ยน เพียงเขาพลิกอ่านไปไม่กี่แผ่น สีหน้าก็แตกตื่นจนระงับไม่ไหว “นาง... นางเขียนเองหรือ ข้าไม่เชื่อเด็ดขาด โดยเฉพาะตำราการปกครองนี่” “เพราะไม่เชื่อ อาจารย์เหล่านี้จึงกำลังนั่งซักถามนางอยู่อย่างไรเล่า หากเจ้าอยากฟังก็นั่งลงดีดี” หวางชิวเฟินโบกมือให้เพื่อนหนุ่มแล้วตั้งอกตั้งใจฟังหญิงสาวตอบคำถามของเหล่าอาจารย์อย่างสนใจ ความจริงเขาอยากจะเชิญนางมาที่นี่หลายวันแล้วแต่ติดขัดด้วยการถกเถียงเรื่องต่างๆยังไม่แล้วเสร็จจึงคิดว่าจะหาเวลาไปเชิญนางสักวัน ไม่คิดว่าวันนี้นางจะมาเอง เซียงเจินจูตอบทุกคำถามอย่างฉะฉาน บางคำตอบยังเสริมเพิ่ม
ตอนที่สิบห้า หายไปไหนเดิมทีเซียงเจินจูคิดเพียงว่าการได้แต่งงานกับหวางชิวเฟินนับเป็นข้อดีด้วยเขาทั้งหล่อ รวย แล้วก็น่าจะเป็นคนดีคนหนึ่งอย่างที่นางร้องขอ ยิ่งได้เห็นยายเหลียนดีอกดีใจจัดเตรียมสินเดิมให้นางอย่างมีความสุขหลังจากจมอยู่ในความทุกข์จากการสูญเสียตาเฒ่าคู่ชีวิตมาหลายเดือน หญิงสาวจึงตั้งใจว่าต้องทำให้การแต่งงานครั้งนี้เกิดขึ้นให้ได้ แม้ว่าจะมีอุปสรรคมากเพียงใด ตาซือถูหน้าตายนั่นก็ช่างกระไร ตั้งแต่วันที่เกิดเรื่องแล้วมาสารภาพต่อหน้ายายเหลียนว่าจะส่งบิดามาสู่ขอ จากนั้นก็หายหน้าหายตาไปเลย ส่วนบิดาของเขาก็ทำลับๆล่อๆ ไม่เอ่ยปากว่าจะมาสู่ขอวันไหนมีแต่มาเกลี้ยกล่อมให้นางยอมรับการมีหลายเมีย ในเมื่อนางเคยตะโกนเอาไว้ก้องร้านชานมไข่มุกว่าจะหาแฟนใหม่ที่หล่อกว่า รวยกว่า ดีกว่า แล้วยังเอามันส์ โดยจะไม่เล่นตัวและจับกินเสียตั้งแต่ทีแรกจะได้ไ
ตอนที่สิบสี่ ไม่คู่ควรหวางชิวเฟินเข้าไปขอร้องบิดาของตนเองให้มาสู่ขอเจ้าของร้านชาเซียงซือด้วยตนเอง“เจ้าคิดดีแล้วหรือ เด็กสาวนางนั้นอายุเพียง16 น้อยกว่าเจ้าถึง13ปี แล้วยังเป็นเพียงเจ้าของร้านชาเล็กๆ ไหนเลยจะคู่ควรกับเจ้า อย่าลืมว่ากาลข้างหน้าเจ้ามีโอกาสขึ้นเป็นใหญ่ถึงเสนาบดี ควรต้องหาภรรยาที่รู้ความ สามารถต้อนรับขับสู้แขกเหรื่อ และยังฉลาดหลักแหลมไม่หลงกลผู้อื่น ไม่นำเรื่องเดือดร้อนมาให้ อีกทั้งยังควรมีบิดาที่หนุนหลังได้” เสนาบดีปกครองสกุลหวางรีบเอ่ยเตือนบุตรชาย“เจ้าเองก็อายุไม่น้อยแล้ว ไม่น่าจะเห็นแก่ความรักหนุ่มสาวจนหลงลืมเรื่องที่ถูกที่ควร” ผู้เป็นบิดาไม่วายสำทับ“ข้าเลือกอยู่นานในที่สุดก็ตัดสินใจเลือกนางนั่นก็เพราะนางคือสตรีที่ครบถ้วนตามที่ท่านพ่อบอกออกมา แม้นางจะอายุน้อยแต่สามารถเปิดร้านชาใหญ่โต ดูแลกิจการได้ด้วยตัวคนเดียว หากท่านพ่อได้ไปเห็นร้านชาเซียงซือจะไม่กล่าวคำว่าร้านเล็กๆอีกนอกจากนั้นนางยังเป็นเด็กสาวที่ฉลาดเฉลียว ต้อนรับลูกค้าได้อย่างดี ไม่เคยหลงกลผู้ใด แล้วยังมีความสามารถเก่งกาจในหลายๆด
“ท่านยาย พวกเราไม่ได้ทำเรื่องเลวร้าย ท่านอย่าได้ฟังคำคนนินทาเลย” เซียงเจินจูรีบแก้ตัวให้ทั้งตนเองและชายหนุ่ม “อาจูเอ๊ย...เจ้าเป็นเด็กสาว หากมีเรื่องนินทาเสียๆหายๆเช่นนี้ วันหน้ายังจะหาชายหนุ่มดีดีมาสู่ขอได้อย่างไร” ยายเหลียนเอ่ยอย่างเสียใจที่ไม่อาจปกป้องหลานสาวได้ทั้งๆที่เกิดเหตุในร้านของตนเองแท้ๆ “ไม่มีคนมาสู่ขอ ข้าก็ดูแลร้านชาไปตลอดชีวิต มิได้หรือเจ้าคะ” “เกิดเป็นหญิงย่อมต้องแต่งงาน หากไม่มีผู้ปกป้องคุ้มครองเจ้าจะอยู่ตัวคนเดียวได้อย่างไร แล้วยายจะตายตาหลับได้อย่างไรเล่า อาจู” ยายเหลียนหลั่งน้ำตาออกมาอย่างสุดกลั้น หวางชิวเฟินยืนมองภาพความรักความห่วงใยของสองยายหลานถึงกับต้
ตอนที่สิบสอง งดงามหรือมารร้าย“ข้าไม่เคยบอกให้รอ และไม่เคยมีทีท่าชอบพอหรือรับปากคำใดกับเจ้า เหตุใดต้องรับผิดชอบ คุณหนูเฟินท่านกลับไปแล้วรีบหาชายหนุ่มแต่งงานเถอะ อย่าได้คิดหวังในตัวข้าอีกเลย” หวางชิวเฟินตอบเสียงเข้ม “ในเมื่อท่านแล้งน้ำใจเช่นนี้ ก็อย่าหาว่าข้าทำเกินไป” หญิงสาวซึ่งเดิมทีมองว่างดงามแปลงร่างเป็นนางมารทันทีเมื่อไม่ได้อย่างใจ นางพุ่งเข้าจิกผมของเซียงเจินจูจนหน้าหงายก่อนจะพยายามใช้เล็บที่ยาวเฟื้อยกรีดลงบนใบหน้าเล็ก “อยากรู้นักว่าหากใบหน้านี้มีรอยเล็บของข้าจนน่าเกลียดแล้ว ท่านยังจะชอบนางเด็กต่ำต้อยนี้อีกหรือไม่ เชอะ เป็นเพียงเจ้าของร้านชากระจอกริอาจมาแย่งสามีกับข้าหรือ” หญิงสาวพ่นคำด่าหยาบคายผิดภาพอ่อนช้อยในทีแรก เซียงเจินจูจับมือซึ่งพยายามจรดเล็บลงบนหน้าอย่างสุดกำลัง แม้ไม่ทันตั้งตัวแต่ไข่มุกในร่า