ตอนที่หนึ่ง
บัวสโรชินี
เอี๊ยด!
ตุ๊บ!
อ๊ายยยย!
เสียงรถกระแทกคนอย่างแรงพร้อมกับเสียงเบรกอย่างกะทันหันและเสียงร้องอย่างตกใจ ก่อนที่ร่างหญิงสาวคนหนึ่งจะกระเด็นกลิ้งไปตามการชนอย่างแรง ในขณะที่ผู้ขับรถเองก็พยายามเบรคจนฝุ่นฟุ้งกระจาย
น่าแปลกที่ชายหนุ่มซึ่งวิ่งไล่หญิงสาวคนนั้นมาติดๆกลับไม่คิดจะวิ่งเข้าไปช่วยเหลือหรือดูแล เขาหันหลังวิ่งหนีหายไปอย่างรวดเร็ว
เฮ้ย!.... เสียงคนขับรถตะโกนเรียกด้วยความไม่เข้าใจ
“คุณหนูสาม ท่านฝันร้ายอีกแล้วหรือเจ้าคะ” เสียงอาหนิง สาวใช้ประจำตัวเขย่าเรียกจนไป่เหลียนฮวาต้องลืมตาขึ้นมาอย่างมึนงง นางพยายามตั้งสติอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะรู้สึกตัวได้ว่าตอนนี้นางคือคุณหนูสามแห่งสกุลไป่
บิดาของนางเป็นขุนนางซึ่งเพิ่งได้รับโทษประหารชีวิตด้วยข้อหายักยอกเงินภาษีของหลวงไปเมื่อหลายวันก่อน ในขณะที่หญิงสาวในสกุลล้วนโดนส่งมายังหอเริงรมย์แห่งนี้
“ข้าขอนอนอีกสักครู่ได้หรือไม่” ไป่เหลียนฮวาเอ่ยบอกกับสาวใช้ด้วยยังรู้สึกอ่อนแรงอยู่มาก ยามนี้ร่างกายของนางเพิ่งฟื้นไข้จึงยังไม่สามารถลุกขึ้นทำอันใดได้
“คุณหนูนอนพักอีกสักหน่อยเถิดเจ้าค่ะ บ่าวจะออกไปช่วยนายหญิงใหญ่ดูแลคุณหนูใหญ่และคุณหนูรอง” อาหนิงเอ่ยบอกก่อนจะรีบเดินออกไป
ไป่เหลียนฮวาหลับตาลงพลางครุ่นคิด
นางตื่นมาในร่างนี้ได้สามสี่วันแล้ว คราแรกนางยังงุนงงปรับตัวไม่ถูกจนผู้เป็นมารดากังวลว่านางจะมีอาการเสียสติจากความเสียใจ จนเมื่อสาวใช้อาหนิงค่อยๆเล่าเรื่องราวให้ฟัง นางจึงประมวลเรื่องต่างๆจนพอทำความเข้าใจได้บ้าง
นั่นเพราะร่างนี้ของหญิงสาวที่ชื่อไป่เหลียนฮวาไม่ใช่ร่างจริงของเธอ เธอมีชื่อว่า’สโรชินี’ หรือ’บัว’เป็นนักศึกษาจบใหม่จากสถาบัน การศึกษาชื่อดังแห่งหนึ่ง ด้วยความที่มีหน้าตาโดดเด่นแต่ฐานะทางบ้านไม่ใคร่ดีนัก เธอจึงหาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอดด้วยอาชีพซึ่งใช้หน้าตาและรูปร่างเป็นบันได ปกติเธอจะระมัดระวังตัวอย่างดี เพราะอาชีพของเธอมักสุ่มเสี่ยงจากการโดนลวนลามและจ้องจะหาโอกาสจากผู้ชายทั้งหนุ่มทั้งแก่
แม้ที่ผ่านมาจะมีผู้เสนอเงินรายเดือนเพื่อเลี้ยงดูส่งเสียแลกกับการมอบความสุขให้แก่เขา แต่เธอก็หาทางเลี่ยงและปฏิเสธเรื่อยมา นั่นไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากได้เงิน แต่เป็นเพราะเธอคิดว่ายังพอมีหนทางอื่นที่จะหาเงินได้อีก
ใครจะคิดว่าด้วยคำชวนของเพื่อนร่วมงานซึ่งคบหากันมาเกือบปี จะทำให้เธอพลาดท่าเกือบโดนหลอกไปถ่ายหนังโป๊เสียแล้ว
เพราะคิดว่าเธอกำลังหางานประจำเพื่อเป็นรายได้หลักหลังจากที่เรียนจบมาได้สี่ห้าเดือนแล้ว เพื่อนร่วมงานสาวซึ่งมักพบกันตามงานแสดงสินค้าต่างๆจึงหวังดีชักชวนให้เธอมาสัมภาษณ์งานกับผู้บริหารใหญ่ของบริษัทแห่งหนึ่ง
ตอนได้ยินชื่อสถานที่สัมภาษณ์งาน บัวเองก็คิดว่าดูแปลกๆ แต่เพื่อนร่วมงานสาวยืนยันว่าบริษัทของพวกเขามีธุรกิจรีสอร์ตด้วย นั่นจึงทำให้พวกเธอสองคนยอมนัดมาสัมภาษณ์งานที่รีสอร์ตชานเมืองแห่งหนึ่ง
ผู้ชายซึ่งแนะนำตัวเองว่าคือเจ้าของบริษัท ดูสุภาพเรียบร้อย พูดจาเป็นการเป็นงาน ขณะที่ผู้ชายอีกสองคนไม่พูดอะไรมากนักแค่นั่งวางมาดให้ดูน่าเชื่อถือเท่านั้น พวกเขาเสนอเลี้ยงข้าวสองสาวอย่างใจดี ซึ่งทั้งสองยอมรับคำชวนด้วยบรรยากาศในรีสอร์ตดูปลอดโปร่งไม่น่ากลัวและยังมีคนเข้าออกอยู่บ้างพอประมาณ
จนเมื่อทั้งหมดย้ายสถานที่คุยมายังห้องพักห้องหนึ่งซึ่งดูโล่งกว้างและมีสวนสวยอยู่ด้านหน้า จู่ๆบัวก็รู้สึกว่าทุกอย่างเริ่มแปลกไป ผู้ชายสองคนพาเพื่อนร่วมงานสาวแยกคุยห่างออกไปด้วยท่าทีเอาใจใส่จนเกินเหตุ ในขณะที่เจ้าของบริษัทหนุ่มพยายามพูดจาใกล้ชิดสนิทสนมมากขึ้นจนผิดสังเกต จนเมื่อเธอเริ่มรู้สึกวูบๆวาบๆร้อนรุ่มจึงคิดได้ว่ามีความไม่ชอบมาพากลแน่ๆแล้ว
บัวรีบรวบกระเป๋าเข้าหาตัวก่อนจะทำทีขอตัวไปเข้าห้องน้ำ
“น้องสโรชินีเข้าห้องน้ำในห้องนี้ก็ได้นะ พี่อนุญาต” ชายหนุ่มซึ่งอ้างตัวเป็นเจ้าของบริษัทได้ทีเปิดประตูห้องพักเพื่อเชิญชวนให้เธอเข้าไปใช้ห้องน้ำซึ่งอยู่ด้านใน
บัวส่ายหัวรัวเร็วก่อนจะรีบหาข้ออ้าง
“หนูขอไปเข้าที่ด้านหน้ารีสอร์ตดีกว่าค่ะ พอดีหนูปวดหนักหน่ะค่ะ คงจะทั้งนานทั้งเหม็น เดี๋ยวหนูรีบมานะคะ”
บัวรีบวิ่งออกมาโดยไม่รออะไรอีก ก่อนจะหันไปเห็นว่าผู้ชายสองคนซึ่งพาเพื่อนร่วมงานสาวของเธอแยกออกไปเริ่มลวนลามปลุกปล้ำถอดเสื้อผ้ากันแล้ว
คราวนี้บัววิ่งโดยไม่ฟังเสียงเรียกหรือหันไปมองอะไรอีก
แต่ด้วยต้องหยุดเปิดประตูจึงทำให้ชายหนุ่มซึ่งอ้างตัวว่าเป็นเจ้าของบริษัทวิ่งมาทันและพยายามรวบตัวเธอเอาไว้อย่างรุนแรง
“ปล่อยหนูนะคะ พวกหนูไม่ได้ตกลงมาทำอะไรแบบนี้ พวกคุณทำอย่างนี้มันผิดกฎหมายนะคะ”
“ไม่ได้ตกลงอะไรกัน เพื่อนหนูตกลงกับเราเรียบร้อยแล้ว”
บัวหันไปมองเพื่อนร่วมงานสาวด้วยความตกใจแต่เมื่อเห็นว่าเธอพยายามดิ้นรนต่อสู้อยู่เช่นกันจึงไม่เชื่อคำกล่าวอ้างนั้น
“ไม่จริง พวกเราไม่ได้ตกลงอะไรทั้งนั้น พวกคุณรีบปล่อยตัวพวกหนูนะคะ ไม่อย่างนั้นเป็นเรื่องแน่” บัวพูดขู่เสียงดังขณะพยายามตั้งสติสุดชีวิตเพื่อหาทางรอด
“เป็นเรื่องแน่จ๊ะ หลายเรื่องเลยล่ะ ดูสิ ทีมกล้องตั้งกันอยู่นั่น” ชายหนุ่มคนนั้นชี้ไปทางด้านข้างให้เห็นกล้องซึ่งกำลังตั้งถ่ายไปทางเพื่อนร่วมงานสาวซึ่งโดนรุมอยู่อย่างน่าสงสาร
“พวกคุณทำอย่างนี้ได้อย่างไร พวกเราไม่ได้ยินยอม นี่มันเป็นคดีอาญานะคะ หนูจะแจ้งตำรวจ หนูจะฟ้อง” บัวขู่ฟอดอย่างไม่ยอมขณะพยายามดิ้นหนีอย่างสุดแรง
“กว่าจะฟ้องคลิปของพวกหนูก็คงว่อนไปทั่วแล้วล่ะ” ผู้ชายคนนั้นไม่ได้กลัวคำขู่แถมยังพยายามปล้ำถอดเสื้อผ้าเธอให้ได้
สายตาของบัวพยายามสอดส่ายหาทางหนีจนเห็นว่ามีรถขับเข้ามาทางด้านหน้ารีสอร์ต ด้วยแม้บริเวณนี้จะเป็นห้องส่วนตัวแต่ก็มีส่วนของสวนซึ่งเชื่อมติดกับบริเวณอื่นๆ
เธอรีบรวบรวมแรงทั้งหมดที่มีก่อนจะผลักผู้ชายชั่วชาติที่กอดปล้ำอยู่บนตัวออกแล้ววิ่งสุดแรงเกิดกระโดดข้ามรั้วต้นไม้ของสวนไปทางรถคันนั้น
“ช่วยด้วยยยยยยย” เสียงตะโกนดังลั่น
“ช่วยพวกหนูด้วยยยยย” เธอร้องไปก็วิ่งไปโดยมีชายหนุ่มคนนั้นซึ่งรีบลุกขึ้นวิ่งตามมาอย่างรวดเร็ว
บัวตัดสินใจวิ่งเข้าไปหารถคันนั้นด้วยหวังว่าคนขับน่าจะหยุดเพื่อช่วยเหลือพวกเธอ ใครจะคิดว่าเขาเอาแต่กดโทรศัพท์โดยไม่เงยหน้าขึ้นมามอง และแล้ว
เอี๊ยด!
ตุ๊บ!
อ๊ายยยย!
หลังจากนั้นเธอก็หมดสติไปโดยไม่รู้ตัว
ตอนที่สองไป่เหลียนฮวาบัวลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกเมื่อยเนื้อเมื่อยตัวที่นี่ที่ไหน ทำไมดูแปลกๆเธอมองไปรอบห้องอย่างไม่เข้าใจจะว่าเป็นโรงพยาบาลก็ไม่คล้าย หรือว่าไอ้ผู้ชายพวกนั้นจะจับตัวเธอมาขังไว้ที่ไหนสักแห่งแล้วเพื่อนคนนั้นล่ะ ป่านนี้จะเป็นอย่างไรบ้างนะ “คุณหนูสามฟื้นแล้ว” เสียงใสใสเสียงหนึ่งดังเข้ามาก่อนที่จะมีผู้หญิงวัยประมาณ30กว่าพุ่งเข้ามาจับมือเธอเอาไว้แล้วพูดจาแปลกๆ“เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง รู้สึกเช่นไรบอกแม่มาได้”แม่...แม่เหรอ ถึงบัวจะแทบไม่ได้เจอหน้าแม่ แต่ก็พอจำเค้าหน้าได้ว่าไม่ใช่หน้าตาแบบนี้แน่“ฮวาเอ๋อร์ เจ้าอย่าทำให้แม่ตกใจ เหตุใดเจ้ามองแม่เช่นนี้” ผู้หญิงคนที่เรียกตัวเองว่าแม่ยังคงลูบหน้าลูบตัวบุตรสาวไม่ยอมหยุดถึงตอนนี้บัวก็รู้สึกปวดหัวแทบจะระเบิดนี่มันอะไรกัน ที่นี่ที่ไหน ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร ใครคือฮวาเอ๋อร์ โอ๊ย!...ปวดหัวมาก ใครก็ได้ช่วยฉันทีเธอหลับไปด้วยความเจ็บปวดอีกครั้ง กว่าจะตื่นขึ้นมาอีกทีก็เมื่อทั่วบริเวณมืดจนมองไม่เห็นอะไรทั้งนั้นเธอพยายามตั้งสติคิดทบทวนด้วยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองกันแน่ทำไมเธอถึงกลายเป็นฮวาเอ๋อร์อะไรนี่ไปได้ เมื่อลองสัมผัสเน
ตอนที่สอง ไป่เหลียนฮวาสาวใช้อาหนิงเล่าว่า ความจริงไป่เหลียนฮวามีคู่หมั้นอยู่แล้วซึ่งตกลงกันไว้ว่าจะเข้าพิธีแต่งงานในปลายปีนี้ แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ชายหนุ่มแซ่เฉาคนนั้นกลับไม่ไยดีคู่หมั้นสาวแม้แต่น้อย แม้เมื่อนางจะรีบวิ่งไปหาเขาทันทีที่รู้ข่าวเรื่องบิดาอดีตคู่หมั้นหนุ่มของนางไม่แม้แต่จะออกมาพบหน้า เขาส่งคนรับใช้มาบอกถอนหมั้นอย่างใจดำ มารดาของนางตามไปพบนางร้องไห้จนหมดสติอยู่หน้าประตูจวนของคู่หมั้นหนุ่มจึงต้องเป็นฝ่ายพานางกลับมาเองอย่างน่าสงสาร นั่นน่าจะเป็นอีกสาเหตุหนึ่งอันส่งผลให้ไป่เหลียนฮวาเสียใจจนตรอมตรมบัวนอนคิดนิ่งๆเพื่อรวบรวมข้อมูลอย่างพยายามจดจำและเรียบเรียงไม่ให้สับสนร่างนี้ล้มป่วยเพราะตรอมใจอยู่หลายวันแล้ว โดยอยู่ส่วนด้านหลังของหอเริงรมย์ซึ่งซอมซ่อไม่น่ามอง บรรดาหญิงสาวซึ่งโดนจับเข้ามาอยู่ที่นี่ล้วนต้องทำงานชั้นต่ำ อย่างเช่นล้างห้องน้ำ ล้างกระโถน ซักผ้าแต่ไป่เหลียนฮวาป่วยตั้งแต่มาถึง นางจึงได้แต่เพียงนอนซมอยู่อย่างไม่ขยับเขยื้อนไปที่ใดยามเช้าเมื่อจางซื่อเปิดประตูเข้ามาจึงพบบุตรสาวนอนยิ้มให้อย่างอ่อนเพลีย“เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง ฮวาเอ๋อร์”“ดีขึ้นมากแล้วเจ้าค่ะ ท่านแ
ตอนที่สามควรทำอย่างไรดีหลังจากนอนพักอีกไม่กี่วันด้วยได้ยาที่ฮูหยินใหญ่ส่งเข้ามาให้ สาวน้อยไป่เหลียนฮวาจึงแข็งแรงจนลุกขึ้นมาช่วยงานได้บ้าง“อาหนิง กำลังจะไปที่ใดหรือ” ไป่เหลียนฮวาเห็นสาวใช้กำลังเดินอย่างเร่งรีบจึงเอ่ยถามขึ้น“วันนี้มีขุนนางผู้ใหญ่จองตัวคุณหนูรอง บ่าวต้องรีบออกไปช่วยยกอาหารและสุราเจ้าค่ะ”“ข้าออกไปช่วยเจ้าด้วยดีหรือไม่” ด้วยอยากออกไปดูบรรยากาศหอเริงรมย์ว่าเป็นอย่างไรบ้าง เผื่อนำมาคิดอีกทีว่าควรทำอย่างไร สาวน้อยไป่เหลียนฮวาจึงเสนอตัวช่วยเหลือ“แต่...” อาหนิงกำลังจะอ้าปากปฏิเสธ ไป่เหลียนฮวาจึงรีบยกข้ออ้างออกมา“ข้าอยากเห็นด้านนอกบ้างเผื่อทำใจเอาไว้ ข้าสวมชุดซอมซ่อถึงเพียงนี้คงไม่มีผู้ใดใส่ใจ หากเจ้ากังวลใจ ข้าจะก้มหน้าก้มตาเอาไว้ อ้อ...ข้าจะเอาขี้เถ้านี่ทาหน้าด้วย ดีหรือไม่” ไป่เหลียนฮวาคว้าขี้เถ้าบนเตาข้างๆมาทาหน้านิดหนึ่งเพื่อไม่ให้ดูเปล่งปลั่งจนเกินไป“หากคุณหนูสามต้องการเช่นนั้นก็เดินตามบ่าวมาเจ้าค่ะ คุณหนูเดินระมัดระวังอย่าได้หลงทางนะเจ้าคะ ตึกนอกนี้มีห้องหับมากมาย คณิกาแต่ละนางล้วนมีห้องส่วนตัวคล้ายๆกัน หากหลงทางไปคงลำบากมาก” อาหนิงบอกก่อนจะรีบพานายสาวเดินตามกันไป
ตอนที่สาม ควรทำอย่างไรดีเมื่อไป่เหลียนฮวากลับมาถึงห้องพักจึงได้แต่นั่งคิดว่าควรจะยอมตามน้ำไปโดยดีหรือควรจะทำอะไรสักอย่างหลังจากพักผ่อนมาได้ระยะหนึ่ง อาหนิงก็นำข่าวร้ายเข้ามาบอกกล่าว“ท่านป้าผู้ดูแลบอกคุณหนูรองว่าอีกไม่กี่วันจะแขวนป้ายคุณหนูสามเจ้าค่ะ”ท่านแม่ของไป่เหลียนฮวาผวาเข้ามากอดบุตรสาวร้องไห้เสียใจอย่างหนัก“แม่ขอโทษ แม่ไม่สามารถช่วยอันใดเจ้าได้ ชีวิตดีดีของหญิงสาวคนหนึ่งต้องมาจบสิ้นลงที่นี่ ช่างน่าเศร้ายิ่งนัก”“พวกเราหนีออกไปได้หรือไม่เจ้าค่ะ” ไป่เหลียนฮวาลองเสนอทางออก“ไม่ได้หรอก พวกเราเป็นนักโทษของทางการโดนส่งเข้ามาที่นี่ก็เหมือนการรับโทษ ถึงไม่ได้โดนกักขังแต่ก็ไม่สามารถออกไปที่ใดได้ หากพวกเราหนีออกไปแล้วโดนจับได้ก็มีโทษเดียวคือประหารเท่านั้น” จางซื่อบอกอย่างทดท้อ“มิน่าพี่หญิงใหญ่และพี่หญิงรองจึงยอมรับชะตากรรมโดยดี”“ใช่คุณหนูใหญ่และคุณหนูรองแม้จะร้องไห้อย่างหนัก แต่สุดท้ายก็ต้องยินยอมด้วยไม่สามารถหนีออกไปจากที่นี่ได้ อย่างน้อยการยินยอมรับแขกก็ทำให้มีฐานะความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และยังช่วยให้ฮูหยินใหญ่ได้ออกไปอยู่อย่างสุขสบายด้วย หากเจ้าออกไปรับแขก แม่ก็คงได้ออกไปอยู่กับฮูห
ตอนที่สี่ ข้อเสนอ“หากข้ามีวิธีหาเงินได้มากกว่านั้นเล่า” ไป่เหลียนฮวาคิดแล้วรีบเสนอ“วิธีใด” ป้าผู้ดูแลรีบถามด้วยความเห็นแก่ได้“ท่านป้าเปิดประมูลเพียงให้พวกเขาเห็นใบหน้าและเรือนร่างของข้าอย่างเดียวจะกระตุ้นความอยากได้อย่างไรกัน ข้าจะออกร่ายรำยั่วยวนเพื่อให้พวกเขาเพิ่มความต้องการ จากนั้นผู้ประมูลสูงสุดในแต่ละรอบจะได้เป็นผู้ตอบคำถามของข้า หากตอบไม่ได้ เขาต้องรอประมูลรอบต่อไป ซึ่งราคาประมูลจะต้องสูงขึ้นเรื่อยๆห้ามลดต่ำลง นั่นจึงจะได้ราคาที่สูงอย่างแท้จริง”ไป่เหลียนฮวาพยายามอธิบายอย่างช้าๆ“หากไม่มีผู้ตอบคำถามได้ถูกต้อง หรือไม่มีผู้ยอมประมูลแล้วเล่า เจ้าก็จะลอยตัวไปเช่นนั้นหรือ ข้าไม่หลงกลเจ้าหรอก” ป้าผู้ดูแลส่ายหัว“หากไม่มีผู้ตอบคำถามถูกต้องข้าก็จะเลือกชายหนุ่มที่ข้าถูกใจและประมูลในราคาที่สูงในแต่ละรอบเป็นผู้ชนะการประมูล นั่นก็ยังทำให้ท่านป้าได้ราคาที่สูงมากอยู่ดีมิใช่หรือ” ไป่เหลียนฮวารีบบอกกติกาสุดท้าย“หมายความว่าผู้ที่ประมูลสูงสุดแม้จะตอบคำถามมิได้ แต่หากเจ้าถูกใจก็จะได้เจ้าไป ช่างฉลาดเสียจริง” ป้าผู้ดูแลคิดตามแล้
ตอนที่ห้าเปิดประมูล เพียงไม่กี่วันก็มาถึงวันเปิดประมูลสาวน้อยไป่เหลี่ยนฮวาหรือแม่นางดอกบัวขาว หญิงสาวตื่นมาขัดสีนวดบำรุงตัวตั้งแต่เช้า พร้อมทั้งพยายามทำใจให้ยอมรับชะตากรรมที่กำลังจะเกิดขึ้น เอาน่า อย่างน้อยก็ยังได้เลือกชายคนแรก ดีกว่าต้องมาโดนเปิดบริสุทธิ์โดยตาเฒ่าคนหนึ่ง ไป่เหลียนฮวาพยายามคิดในแง่ดีด้วยอยู่มานานพอสมควรจนตระหนักได้ว่า นางไม่มีทางหนีไปจากที่นี่ได้ ได้แต่ก้มหน้ายอมรับชะตากรรมเท่านั้น นางแต่งหน้าอย่างสวยสดงดงามโดยนำทักษะการแต่งหน้าซึ่งเคยร่ำเรียนในร่างของบัวสโรชินีมาใช้อย่างดี ด้วยมีใบหน้างดงามเป็นทุนเดิม เมื่อเ
ตอนที่ห้า เปิดประมูล“ท่านทั้งหลาย เราจะเริ่มการประมูลแล้ว ตามกติกาที่ข้าเรียนให้ทราบตั้งแต่ต้น ผู้ประมูลสูงสุดจะมีสิทธิ์ตอบคำถามของแม่นางดอกบัวขาวผู้งดงาม หากตอบได้ถูกต้องจึงจะได้สิทธิ์ในตัวของนางในวันนี้ แต่หากตอบไม่ถูกต้องท่านต้องประมูลใหม่ในรอบต่อไปโดยต้องเสนอราคาที่สูงขึ้น ผู้ชนะในวันนี้คือผู้ที่ประมูลสูงสุดและต้องตอบคำถามถูกต้องด้วยเท่านั้น” ผู้ดูแลชายประกาศย้ำกติกา“แล้วหากไม่มีผู้ใดตอบถูกเล่า” เสียงชายสูงวัยผู้หนึ่งตะโกนออกมา“พวกเราจะเปิดประมูลกันเพียง5รอบเท่านั้น หากไม่มีผู้ใดตอบถูก ผู้ประมูลสูงสุดในแต่ละรอบจะได้สิทธิ์ในการให้แม่นางดอกบัวขาวได้เลือกว่าจะเปิดความบริสุทธิ์อันงดงามกับผู้ใด แต่เขาต้องจ่ายในราคาประมูลสูงสุดเท่านั้น ยกเว้นว่าเขาไม่สามารถจ่ายได้ นางจึงจะเลือกผู้อื่นต่อไป ถึงอย่างไรวันนี้ก็ต้องมีผู้ได้ตัวนางผู้งดงามไปครอง” ผู้ดูแลชายตอบตามกติกาที่ตั้งไว้“เช่นนั้นพวกข้าก็เสียเปรียบสิ พวกข้ามิได้หนุ่มแน่น นางคงไม่เลือก เหตุใดไม่ใช้วิธีประมูลสูงสุดเล่า” ชายสูงวัยตะโกนตอบอย่า
ตอนที่หก ผู้ชนะการประมูลนางเป็นเพียงหญิงคณิกาจะให้มีสมองมาคิดคำถามยากปานใดเชียว คงเพียงแค่อยากเรียกค่าตัวให้สูงขึ้นเท่านั้นเขาคิดอย่างดูหมิ่นดูแคลนชายหนุ่มทั้งหลายหันมามองหน้าไป่เหลียนฮวาอย่างจดจ่อ บางคนพอจะเดาคำตอบได้ก็รอหัวเราะเยาะชายหนุ่มผู้ชนะการประมูลคนแรกอย่างสะใจ“ไม่ถูกต้องเจ้าค่ะ” เสียงอันไพเราะของไป่เหลียนฮวาดังออกมาก่อนที่จะมีเสียงหัวเราะและเสียงเซ็งแซ่ของบรรดาชายหนุ่มดังขึ้นอย่างวุ่นวาย“จะไม่ถูกต้องได้อย่างไร แม่นางดอกบัวขาว เจ้าอย่าได้โยกโย้ สองผู้เฒ่ามีบุตรชาย5 แต่ละคนมีหลาน8 ก็เท่ากับ40 รวมพวกเขาอีก2คน ย่อมรวมได้ว่าพวกเขาไปเที่ยวกัน42คน” ชายหนุ่มผู้ชนะการประมูลคนแรกยังคงมั่นใจในคำตอบของตนเอง“ข้าเอ่ยตั้งแต่ต้นว่ามีคู่รักวัยชราไปเที่ยวกันสองคน ส่วนที่พูดภายหลังเป็นเพียงการบอกกล่าวว่าพวกเขามีบุตรชาย5คน บุตรแต่ละคนมีหลานให้พวกเขาอีกคนละ8คน แต่ไม่ได้บอกว่าบุตรชายและหลานของพวกเขาไปเที่ยวด้วยกันสักหน่อย ความจริงข้าบอกท่านแต่แรกแล้วว่าพวกเขาสองผู้เฒ่าไปเที่ยวกันสองค
ไป่เหลียนฮวาดูแลเช็ดตัวป้อนยาจนองค์ชายหนุ่มนอนหลับไปด้วยฤทธิ์ยา นางจึงได้ทรุดตัวลงนอนข้างเตียงโดยไม่ยอมห่าง กลางดึกองค์ชายหนุ่มมีไข้สูงอย่างที่หมอบอกเอาไว้ หญิงสาวจึงเฝ้าเช็ดตัวให้ตลอดคืนอย่างห่วงใย ผ่านไปเพียงสองวันอาการขององค์ชายหนุ่มก็ดีขึ้น หญิงสาวค่อยคลายใจลงบ้าง นางให้อาเฉียนไปส่งข่าวที่บ้านสกุลไป่แล้ว จึงยังไม่คิดจะกลับไปโดยง่าย หญิงสาวอยากดูแลเขาอย่างใกล้ชิด จนแน่ใจว่าเขาปลอดภัย “เจ้าเหนื่อยหรือไม่” องค์ชายหนุ่มถามขึ้นเมื่อเห็นว่าหญิงสาวดูแลเขาโดยไม่ได้พักผ่อน “ไม่เจ้าค่ะ ข้าอยากดูแลท่าน” หญิงสาวเอ่ยจากใจจริง “เจ้าช่างเหมือนเดิม ไม่เคยถามไถ่ให้วุ่นวาย เพียงทำหน
ตอนที่สามสิบบาดเจ็บไป่เหลียนฮวารอฟังข่าวจากสาวใช้อาหนิงก่อนจะหัวเราะออกมาด้วยความสาแก่ใจเพียงเท่านี้ชื่อเสียงของชายแซ่เฉาก็คงป่นปี้จนต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะเรียกคืนมาได้ แม้เขาจะพยายามอธิบายอย่างไรก็ไม่มีผู้ใดใส่ใจจะฟังด้วยสภาพความอุจาดตาของเขามีผู้พบเห็นมากมายการที่ไป่เหลียนฮวากล้าทำถึงเพียงนี้ก็ด้วยมั่นใจว่าหากมีข้อผิดพลาดขึ้นมา อาเฉียนคงรีบเข้ามาช่วยนางอย่างแน่นอนขณะที่ไป่เหลียนฮวานั่งยิ้มแย้มอย่างอารมณ์ดี จู่ๆอาเฉียนก็พุ่งร่างเข้ามาอย่างรวดเร็วด้วยสีหน้าเคร่งเครียด“แม่นางไป่ รีบไปกับข้าเร็วเข้า”ไป่เหลียนวิ่งตามเขาออกมาอย่างรวดเร็วโดยยังไม่ทันได้ถามไถ่“เกิดเหตุใดขึ้นหรือ” นางเพิ่งได้ถามขณะปืนขึ้นรถม้าซึ่งนำมาจอดไว้ด้านหลัง“องค์ชายโดยลอบทำร้ายได้รับบาดเจ็บ”ไป่เหลียนฮวาทรุดตัวลงนั่งจนกระแทกกับผนังรถม้า นางรู้สึกดั่งมีดกรีดกลางใจองค์ชาย คุณชายจ้าว เขาโดนทำร้ายได้รับบาดเจ็บ เขาจะเป็นอย่างไรบ้าง หญิงสาวรีบเปิดผ้า
ไป่เหลียนฮวาทรุดลงนั่งหายใจเร็วแรงด้วยความโกรธ นางยังไม่เคยแก้แค้นที่เขาใจร้ายใจดำจนเจ้าของร่างนี้ต้องตรอมใจจนตาย แต่เขากลับมาหยามเกียรติดูหมิ่นนางถึงเพียงนี้ ในเมื่อไม่รู้สำนึก ก็อย่าหาว่านางใจร้ายก็แล้วกัน ไป่เหลียนฮวาคิดวางแผนในใจอย่างเงียบๆ จนแน่ใจว่าน่าจะไม่มีช่องโหว่ จึงเรียกสาวใช้อาหนิงมาซักซ้อมทำความเข้าใจ “คุณหนูสามจะทำเช่นนี้จริงหรือเจ้าคะ” “ข้าไม่เคยคิดแก้แค้นเขามาก่อน แต่เขากลับไม่ยอมปล่อย ยังคงมาแว้งกัดอยู่อย่างที่เจ้าเห็น หากไม่สั่งสอนเสียบ้าง จะต้องทนปล่อยให้เขามาหยามเก
พวกเขาทั้งสองคงไม่คิดว่าจะมีผู้ใดกลับบ้านมา จึงกล้าบรรเลงเพลงรักกันกลางบ้านเช่นนี้ ไป่เหลียนฮวาได้แต่ยืนหลบอยู่ด้วยไม่อยากให้พวกเขาเห็น แต่นางก็ไม่กล้าขยับออกไปด้วยพวกเขาเดินโยกกระแทกกันมาจนใกล้ถึงจุดที่นางยืนอยู่แล้ว ใช่ พวกเขาเดินไปโยกกระแทกกันไป โดยพี่หญิงรองของนางหันหลังยกสะโพกลอยส่งให้พี่หานสอดกระแทกเข้าใส่อย่างเหมาะเจาะ ชายหนุ่มบีบเคล้นขยี้เต้าทรวงอวบของพี่สาวรองของนางอย่างเต็มแรง ขณะโยกส่วนล่างกระแทกด้วยความรุนแรง “เจ้าช่างตอดรัดยิ่งนัก โอ๊ย...ข้าไม่ไหวแล้ว” เสียงครางต่ำของชายหนุ่มร้องออกมา ก่อนที่พี่สาวของนางจะกรีดร้องตาม เฮ้อ...พวกเขาเสร็จสมกันเสียที นางคงหาโอกาสหลบออกไปได้
ตอนที่ยี่สิบแปดทำมาหากิน“ท่านเจ้าของร้าน พวกเราขอถามสักหน่อยได้หรือไม่”ไป่เหลียนฮวาตัดสินใจสอบถามข้อมูลการค้าจากเขา “ได้เลยขอรับคุณหนู” “ข้ากับพี่สาวคิดอยากเปิดการค้าสักอย่าง แต่พวกเราไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร ท่านมีคำแนะนำดีดีบ้างหรือไม่” “ตลาดในเมืองนี้สิ่งที่ขายดีที่สุดแน่นอนว่าย่อมเป็นอาหารการกิน ส่วนเสื้อผ้าแพรพรรณ ของใช้สตรีล้วนอยู่ในมือของตระกูลใหญ่ พวกคุณหนูไม่เคยทำการค้าใดมาก่อน ไม่ควรไปต่อกรกับตระกูลใหญ่เหล่านั้น ข้าคิดว่าท่านลองเปิดร้านอาหารหรือขนมน้ำชาอย่างข้าก็ได้ แม้จะเป็นเพียงร้านเล็กๆแต่ก็พออยู่ได้มีกำไรพอควรนะขอรับ” ชายเจ้าของร้านรีบแนะนำอย่างหวังดี&
ตอนที่ยี่สิบเจ็ดไปอยู่ด้วยกันไหม“ข้ารู้ว่ายามนี้เจ้าเป็นอิสระแล้ว อาจมีชายหนุ่มมากมายมาติดพันและสู่ขอเจ้าไปเป็นภรรยา ครั้งนี้หากข้าไม่พาเจ้าไปอยู่ด้วย คราหน้าพวกเราคงไม่สามารถพบกันได้อีก เพียงคิดว่าเจ้าจะกลายไปเป็นภรรยาของชายอื่น ข้าก็ไม่อาจทนไหว เหลียนฮวาเจ้าจะยอมไปอยู่กับข้าหรือไม่” ไป่เหลียนฮวารู้สึกสับสนลังเลใจ ใช่ว่านางจะไม่อยากไปอยู่กับเขา นั่นเป็นความใฝ่ฝันของนางมาโดยตลอด แต่นางไม่อยากเข้าไปอยู่ในวังวนอันยุ่งยาก การเข้าไปอยู่ในวังหลวง เป็นอนุขององค์ชายรัชทายาท มิใช่การพาตัวเองเข้าไปอยู่ใจกลางความวุ่นวาย การแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น และการโดนลอบทำร้ายหรอกหรือ หากชายหนุ่มเป็นเพียงสามัญชนธรรมดา นางจะไม่เสียเวลาคิดแม้แต่น้อยคงรีบเก็บผ้าผ่อนตามเขาไปอย่างรวดเร็ว 
ตอนที่ยี่สิบเจ็ดไปอยู่ด้วยกันไหม“เอาเถอะ ไป่เหลียนฮวา ข้ายอมรับว่าชอบเจ้า ไม่เช่นนั้นคงไม่หาเวลาไปอยู่กับเจ้าตั้งนาน และคงไม่พาเจ้ามาด้วย พอใจหรือยัง” “ท่าน ชอบข้า ข้าก็ชอบท่าน” ไป่เหลียนฮวาสารภาพความในใจไปอย่างไม่รั้งรอ องค์ชายรัชทายาทแล้วอย่างไร เขาชอบนาง นางก็ชอบเขา พวกเราชอบกัน ขอเพียงได้มีเวลาอยู่ด้วยกันบ้าง เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว เมื่อต้องพำนักอยู่ในที่พักเชิงเขาหลายวัน องค์ชายจ้าวหลงเทียนจึงให้ขันทีผู้ดูแลที่พักจัดหาข้าวของเครื่อ
ตอนที่ยี่สิบหกองค์ชายรัชทายาทจ้าวหลงเทียนก้าวเข้ามาอุ้มหญิงสาวเดินออกไปอย่างรวดเร็วก่อนจะส่งนางขึ้นไปบนม้าอีกครั้ง เขากระโดดขึ้นมาซ้อนด้านหลังโอบกอดร่างบางเอาไว้แล้วควบขี่ออกไปอย่างช่ำชอง ขบวนเล็กๆของพวกนางขี่ม้ากันมาเกือบสองชั่วยามกว่าจะถึงที่พักเชิงเขาที่พวกเขาพูดถึง จ้าวหลงเทียนอุ้มหญิงสาวลงมา แต่ไป่เหลียนฮวายืนไม่อยู่แล้วด้วยความปวดเมื่อยไปหมดทั้งร่าง ชายหนุ่มจึงตัดสินใจอุ้มร่างบางก้าวยาวๆเข้าที่พักไปอย่างเร็วชายหนุ่มพาหญิงสาวไปนอนพักในห้องก่อนที่จะออกไปพูดคุยกับองครักษ์และทหารติดตาม “คนกลุ่มนั้นรู้ได้อย่างไรว่าพวกเราจะผ่านทางนั้น”
ตอนที่ยี่สิบห้าลอบโจมตีองครักษ์คนสนิทของเขาถึงกับชะงักเมื่อเขาบอกว่าจะพาไป่เหลียนฮวาเดินทางไปด้วย ด้วยพวกเขาต้องเปลี่ยนแผนจากการขี่ม้าเป็นนั่งรถม้าแทนซึ่งต้องใช้เวลามากขึ้น “พานางไปด้วยก็ดีจะได้ไม่ผิดสังเกตมากนัก พวกอ๋องฉีคงไม่คาดว่าข้าจะนั่งรถม้าไปอย่างเชื่องช้าโดยมีหญิงสาวไปด้วย” จ้างหลงเทียนพยายามหาเหตุผล “กระหม่อมจะไปเตรียมรถม้าพ่ะย่ะค่ะ” อาเฉียนซึ่งคุ้นเคยกับไป่เหลียนฮวามากกว่าใคร รีบเดินออกไป พวกเขารู้ดีว่าองค์ชายรัชทายาทโปรดปรานสตรีนางนี้มากเพียงใด แต่การพานางไปด้วยไม่น่าจะใช่ความคิดที่ดีนัก แต่ในเมื่อเป็นรับสั่งขององค