แชร์

กำไลหยกขาวแห่งชะตา

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-03-10 15:06:12

หลังกลับจากงานปารีสแฟชั่นวีค หยางซูมี่ตัดสินใจใช้ช่วงเวลาหยุดพักจากชีวิตที่วุ่นวาย เดินทางกลับไปยังหมู่บ้านชนบทเล็กๆ ในมณฑลเสฉวน ที่ซึ่งอากงและอาม่าของเธอยังคงอาศัยอยู่ สถานที่ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นบ้านของเธอ สถานที่ที่เต็มไปด้วยความทรงจำอันอบอุ่นในวัยเด็ก

เธอได้บอกพ่อแม่และชวนพี่ชายมาด้วยกัน แต่ก็ไม่มีใครว่างเลย เหตุเพราะเธอชวนกะทันหันเกินไป ไม่สามารถเคลียงานได้ทัน เธอเลยบินเดี่ยวสู่จีนแผ่นดินใหญ่ด้วยตัวคนเดียว จริงๆพี่ลิซ่าอาสามาเป็นเพื่อนด้วย แต่โดนเธอปฎิเสธไปเพราะเกรงใจ นานๆจะได้มีวันหยุดทั้งที ปล่อยให้พี่ลิซ่าเดทกับคุณสามีไปเถอะ

การเดินทางสู่ชนบท

เมื่อเครื่องบินแตะพื้นดินในมณฑลใกล้บ้านเกิด ซูมี่ออกเดินทางต่อด้วยรถยนต์ ท่ามกลางภูมิประเทศที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ จากเมืองใหญ่สู่ชนบทที่เงียบสงบ ถนนสายเล็กๆ ลัดเลาะไปตามภูเขาสูงที่เต็มไปด้วยต้นไม้เขียวขจี กลิ่นอายของธรรมชาติและเสียงนกร้องทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นเรื่อยๆ

เมื่อรถแล่นเข้าสู่หมู่บ้านเล็กๆ ที่เธอเคยเรียกว่าบ้านในวัยเด็ก ความทรงจำในอดีตก็พลันหลั่งไหลเข้ามา บ้านไม้หลังเก่าที่เธอเคยวิ่งเล่นยังคงตั้งอยู่กลางลานดินกว้าง ที่นี่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากนักหลังจากที่เธอจากไปเมื่อสิบปีก่อน ผู้คนในหมู่บ้านยังคงใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย บางคนกำลังตากผ้า บางคนกำลังเก็บผักในสวนหลังบ้าน เสียงหัวเราะของเด็กๆ ที่เล่นกันอยู่กลางลานดินทำให้เธออดยิ้มไม่ได้

“ซูมี่! หลานของอาม่า โตเป็นสาวสวยขนาดนี้แล้ว!” เสียงอาม่าดังขึ้นทันทีที่เธอเปิดประตูรถออกมา

“ใช่ อาม่า ลูกสาวของเราไม่ใช่แค่สวย แต่ยังเป็นนางแบบระดับโลกเลยนะ” อากงพูดพลางหัวเราะด้วยความภาคภูมิใจ

ซูมี่รีบเดินเข้าไปกอดทั้งสองคนแน่น น้ำเสียงที่เธอใช้พูดอ่อนโยนลงจนต่างจากเวลาที่เธออยู่ในงาน “อากง อาม่า หนูคิดถึงที่นี่จังเลยค่ะ”

“หลานยังจำบ้านนี้ได้ใช่ไหม?” อากงถามพลางชี้ไปที่บ้านไม้หลังเล็กที่มีหลังคามุงด้วยกระเบื้องเก่าๆ “นี่แหละ บ้านที่แท้จริงของเรา”

ซูมี่มองบ้านด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความคิดถึง “จำได้ค่ะ หนูคิดถึงที่นี่ตลอดเลย”

อาม่าพยักหน้า “ดีแล้วที่หลานกลับมา ถึงที่นี่จะไม่มีอะไรหรูหราเหมือนในเมือง แต่ที่นี่คือบ้าน ที่ที่ครอบครัวของหลานรออยู่เสมอ”

วันแรกของเธอในหมู่บ้านเริ่มต้นด้วยแสงอาทิตย์ยามเช้าที่สาดส่องเข้ามาทางหน้าต่างไม้บานเก่า เสียงไก่ขันดังขึ้นจากลานดิน พร้อมกับกลิ่นหอมของข้าวต้มร้อนๆ ที่อาม่ากำลังเตรียมอยู่ในครัว

“ซูมี่ ตื่นแล้วเหรอ? มากินข้าวต้มฝีมืออาม่าเร็ว” อาม่าเรียกเธอ

ซูมี่เดินออกมาจากห้องนอน พลางยิ้ม “อาม่า ยังทำข้าวต้มอร่อยเหมือนเดิมเลยนะคะ กลิ่นหอมจนปลุกหนูได้เลย”

“กินเยอะๆ เลยนะหลาน ทำงานหนักมามาก ที่นี่ไม่ต้องกังวลอะไรแล้ว” อากงพูดพร้อมกับตักผักดองใส่จานให้เธอ

หลังอาหารเช้า อากงพาซูมี่เดินชมสวนหลังบ้าน ซึ่งเต็มไปด้วยแปลงผักเล็กๆ และต้นผลไม้มากมาย ทั้งต้นส้ม ต้นพลัม และต้นชา

“นี่แหละที่อากงปลูกไว้เอง อากงกับอาม่าไม่ต้องออกไปซื้อของในเมืองบ่อยๆ เพราะพวกนี้ช่วยประหยัดได้เยอะ” อากงพูดด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ

ซูมี่มองไปรอบๆ ด้วยความรู้สึกสงบ “ที่นี่สวยจริงๆ ค่ะ หนูไม่เคยเห็นสวนที่ไหนน่ารักเท่านี้มาก่อนเลย”

ในช่วงบ่าย อากงแนะนำให้เธอไปเที่ยววัดโบราณที่ตั้งอยู่บนยอดเขาสูง “ซูมี่ ไปวัดนั้นเถอะ ที่นั่นมีพลังพิเศษสำหรับคนที่ต้องการค้นหาตัวเอง”

“พลังพิเศษ? อากงพูดเหมือนในหนังเลยนะคะ” ซูมี่หัวเราะเบาๆ

“อย่าล้อเล่นสิ หลานจะเข้าใจเองถ้าได้ไป” อากงพูดด้วยน้ำเสียงลึกซึ้ง

ซูมี่จึงตัดสินใจเดินทางไปยังวัดโบราณ ทางขึ้นวัดเต็มไปด้วยป่าเขียวขจี และกลิ่นหอมของดอกไม้ป่าที่ลอยมากับสายลม เสียงนกร้องประสานกับเสียงน้ำไหลจากลำธารเล็กๆ สร้างบรรยากาศที่สงบสุข

เมื่อมาถึงวัด เธอสะดุดตากับศาลเจ้าที่ตั้งอยู่ท่ามกลางหมอกบางๆ รูปปั้นเทพเจ้าในศาลเจ้านั้นมีพลังลึกลับที่ทำให้เธอรู้สึกสะกดใจ เธอยกมืออธิษฐานด้วยความตั้งใจ

“ขอให้หนูค้นพบสิ่งที่หนูตามหา ขอให้หนูมีความสุขในสิ่งที่หนูยังไม่เข้าใจ” เธอพึมพำเบาๆ

ทันใดนั้น เสียงฝีเท้าดังขึ้นเบาๆ จากด้านหลัง

“แม่หนู” เสียงของพระชรารูปหนึ่งดังขึ้น

ซูมี่ลืมตาและหันไปมอง เห็นพระชราในจีวรเก่าสะอาดสะอ้านเดินตรงเข้ามาหา พระรูปนั้นยื่นมือออกมา ในนั้นมีกำไลหยกขาวเรืองรอง

“นี่คือของที่ถูกกำหนดไว้สำหรับเจ้า ถึงเวลาหวนคืนแล้ว จงเตรียมตัวให้พร้อม” พระชรากล่าว

ซูมี่ขมวดคิ้ว “หลวงพ่อพูดเรื่องอะไรคะ? หวนคืนอะไร? ฉันไม่เข้าใจ”

“เจ้าจะเข้าใจในเวลาอันควร จงเก็บสิ่งนี้ไว้ กำไลหยกขาวนี้จะนำทางเจ้า” พระชรากล่าว

“หลวงพ่อ… ฉันไม่ใช่คนพิเศษอะไร ฉันเป็นแค่นางแบบ” ซูมี่พูดเสียงเบา แต่พระชราส่ายหน้า

“เจ้าไม่ใช่เพียงแค่นางแบบ เจ้ามีชะตาที่สำคัญกว่านั้น” ท่านยื่นกำไลให้เธอ

หลังรับกำไลมา เธอรู้สึกถึงพลังบางอย่างไหลเข้าสู่ร่างกาย ภาพบางอย่างแวบเข้ามาในหัว เธอเห็นตัวเองในโลกที่แตกต่างออกไป เห็นดินแดนลึกลับและผู้คนที่เธอไม่เคยรู้จัก

“นี่มัน… อะไรกัน?” เธอพูดกับตัวเอง

เสียงกระซิบดังขึ้นจากกำไล “จงค้นหาความจริง และจงเตรียมพร้อมสำหรับชะตาที่เจ้าต้องเผชิญ”

เธอพยายามตั้งสติ “หลวงพ่อ นี่หมายความว่ายังไง? ฉันต้องทำอะไร?”

แต่เมื่อเธอเงยหน้าขึ้น พระชราก็หายตัวไป ทิ้งไว้เพียงความเงียบงันและกำไลหยกขาวในมือของเธอ

กลางดึกคืนนั้น ซูมี่นั่งอยู่หน้าต่างของห้องนอนในบ้านเก่าของอาม่า ดวงจันทร์เต็มดวงส่องแสงนวลเหนือท้องฟ้า กำไลหยกขาวที่เธอได้รับจากพระชรายังคงอยู่ในมือ มันเย็นราวกับมีชีวิต และทุกครั้งที่เธอสัมผัสมัน ความรู้สึกบางอย่างก็พลันแวบเข้ามาในหัว

“จงค้นหาความจริง… และจงเตรียมพร้อมสำหรับชะตาที่เจ้าต้องเผชิญ”

คำพูดสุดท้ายของพระชรายังคงดังก้องอยู่ในใจ เธอมองมันอย่างครุ่นคิดก่อนจะตัดสินใจสวมมันเข้าที่ข้อมือ

ทันใดนั้น… สายลมเย็นพัดผ่านเข้ามาทางหน้าต่าง ราวกับมีพลังบางอย่างแฝงตัวอยู่ในอากาศ ภาพนิมิตที่เห็นในวัดกลับมาซ้อนทับอยู่ในหัวของเธออีกครั้ง เธอเห็นเงาร่างของหญิงสาวในชุดกี่เพ้ายืนอยู่กลางแสงจันทร์ หญิงสาวผู้นั้นมีใบหน้าคล้ายเธอมาก…แต่แตกต่างตรงที่ในดวงตาของนางเต็มไปด้วยความเศร้าและความหนักแน่น

“หากเธอได้ฟังเสียงของฉัน นั่นหมายความว่าเธอถูกเลือกแล้ว” เสียงกระซิบของหญิงสาวดังขึ้นในความคิดของเธอ

หยางซูมี่สะดุ้งเล็กน้อย หัวใจเต้นแรง “นี่มัน…อะไรกัน?” เธอพยายามตั้งสติ แต่ภาพในหัวกลับยิ่งชัดขึ้นเรื่อยๆ เธอเห็นหมู่บ้านเก่าแก่ที่ส่องแสงอยู่ใต้เงาภูเขาอันสูงตระหง่าน ถนนปูด้วยหินเก่าเต็มไปด้วยผู้คนในชุดคอจีน แต่บางสิ่งผิดปกติ ภาพที่เห็นคือบางคนแทะเปลือกไม้ประทังชีวิต บางคนกอดกันร้องระงมเพราะความอดอยาก ซูมี่ได้แต่ตกตะลึงกับภาพตรงหน้า เธอพยายามตะโกนบอกชาวบ้านเหล่านั้นว่า บนเขาสามารถหาอาหารได้ ทำไมไม่ไปหากันล่ะ แต่เสียงเธอกลับไม่มีใครได้ยินเลย หยางซูมี่หันมาหาหญิงสาวคนนั้นด้วยสายตาตั้งคำถาม สายตาของหญิงสาวในภาพสะท้อนความเศร้าและคำเตือน

“เวลาของเธอมาถึงแล้ว…เธอจะต้องเลือก”

ซูมี่รู้สึกถึงแรงบีบรัดรอบข้อมือ กำไลหยกขาวเรืองแสงอ่อนๆ ก่อนจะค่อยๆ สงบลง เธอหายใจหอบ ยกมือขึ้นแตะกำไล ความรู้สึกของพลังที่ไม่รู้จักยังคงไหลเวียนอยู่ในตัวเธอ นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ กำไลนี้ต้องมีความลับบางอย่างซ่อนอยู่

หลังจากอาหารเช้า ซูมี่ตัดสินใจเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ อากง ฟัง ชายชรานิ่งฟังด้วยสีหน้าครุ่นคิด ก่อนจะพยักหน้าเบาๆ

“หลานได้รับมันแล้วสินะ…”

“อากงรู้เรื่องนี้ด้วยเหรอคะ?” ซูมี่ถามพลางขมวดคิ้ว

อากงถอนหายใจยาว “หลานสาวของอากง บางทีนี่อาจเป็นเวลาที่ต้องบอกความจริงกับหลานเสียที”

เขาหยิบกล่องไม้เก่าแก่ที่ถูกเก็บไว้ใต้โต๊ะ และเปิดออก ภายในมีจดหมายฉบับเก่า และภาพถ่ายขาวดำของหญิงสาวคนหนึ่ง ซูมี่เบิกตากว้างหญิงในภาพมีใบหน้าคล้ายเธออย่างน่าตกใจ “นี่คือใครคะ?”

“ท่านคือ ‘หยาง หลานเซียน’ บรรพบุรุษของเรา ท่านเป็นผู้ก่อตั้งตระกูลหยางของเราตั้งแต่เมื่อหลายร้อยปีก่อน”

“ต้นตระกูล…?”

“ใช่ ท่านไม่ได้เป็นเพียงหญิงสาวธรรมดา ท่านเป็นหนึ่งใน ‘ผู้ที่ครอบครัวหยกขาว‘ ในกำไลนั้นมีความลับอะไรไม่มีใครล่วงรู้นอกจากผู้ครอบครอง”

ซูมี่เหม่อลอยด้วยความรู้สึกสับสน แต่ลึกๆ ในใจเธอรู้ว่าชีวิตของเธอจะไม่มีวันเหมือนเดิมอีกต่อไป… กำไลหยกขาวที่ดูเหมือนจะธรรมดานั้น อาจเป็นกุญแจสำคัญที่จะพาเธอไปสู่ความจริงที่ซ่อนเร้นอยู่ในตัวเธอเอง…

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ย้อนกลับมาเปลี่ยนชะตาของนางร้าย (ยุค70)   ตัดสินใจบอกครอบครัว

    หลังจากกลับจากประเทศจีน หยางซูมี่รู้สึกว่าหัวใจเธอหนักอึ้ง แม้ทุกอย่างดูเหมือนจะเป็นเพียงเรื่องเหนือธรรมชาติที่ยากจะอธิบาย แต่กำไลหยกขาวที่พระรูปนั้นให้มาทำให้เธอปฏิเสธความจริงไม่ได้ซูมี่นัดพ่อแม่และหยางเหว่ย พี่ชายของเธอ ทานข้าวที่บ้านในค่ำวันหนึ่ง บรรยากาศเป็นไปอย่างอบอุ่น อาหารจีนจานโปรดถูกจัดเรียงเต็มโต๊ะ ทั้งเป็ดย่าง เกี๊ยวน้ำ และผัดหมี่ที่อาม่าทำให้กินตั้งแต่เด็ก“ซูมี่ กลับมาจากจีน ดูเหมือนจะมีเรื่องอะไรในใจนะ” แม่ถามพลางมองหน้าลูกสาวด้วยความเป็นห่วงซูมี่เม้มปาก ก่อนสูดลมหายใจลึก “หนูมีเรื่องสำคัญจะบอกค่ะ… มันอาจฟังดูเหมือนเรื่องแต่ง แต่หนูอยากให้พ่อแม่กับพี่เชื่อหนู”“อะไรกันล่ะ” พ่อมองด้วยสายตาสงสัย แต่เปิดใจฟังซูมี่ดึงกำไลหยกขาวออกมาและวางไว้กลางโต๊ะ “ตอนหนูไปวัดในจีน พระรูปหนึ่งให้กำไลนี้กับหนู แล้วบอกว่าหนูต้อง ‘หวนคืน’ และ… หนูก็พบว่ามันไม่ใช่กำไลธรรมดา”หยางเหว่ยหัวเราะเบาๆ “กำไลมิติ? เดี๋ยวนี้ดูหนังไซไฟเยอะไปหรือเปล่า ”“พี่ ฟังหนูก่อน” ซูมี่เถียงพลางมองหน้าพี่ชายอย่างจริงจัง “ตอนหนูกำลังจะกลับไทย หนูลองใส่ของลงไปในกำไลโดยไม่ตั้งใจ แล้วมัน…หายไป หายไปจริงๆ! เหมือนกำ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-10
  • ย้อนกลับมาเปลี่ยนชะตาของนางร้าย (ยุค70)   การจากลาแบบคาดไม่ถึง

    เสียงเพลงในงานแฟชั่นโชว์ยังคงดังก้อง พร้อมแสงไฟที่วูบวาบจับไปยังนางแบบคนดังที่เดินออกมาจากรันเวย์อย่างสง่างาม “หยางซูมี่” คือชื่อที่ทุกคนพูดถึงในค่ำคืนนี้ เธอคือดวงดาวที่ส่องแสงเหนือใครทั้งในสายตาของผู้ชมและเหล่านักออกแบบ แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นเป้าหมายของความอิจฉาริษยา“เธอสมบูรณ์แบบจนเหมือนภาพวาด…” ใครบางคนพึมพำเบาๆ ในฝูงชนในอีกมุมหนึ่งของงาน “อลิซาเบธ” ยืนมองด้วยสายตาเย็นชา หญิงสาวผู้เป็นทั้งคู่แข่งและศัตรูตลอดกาลของซูมี่ เธอคลี่ยิ้มบางๆ ที่ซ่อนความคิดลึกซึ้งไว้เบื้องหลังหลังจบโชว์ เจ้าของงานได้เชิญซูมี่ พร้อมนางแบบและทีมงานคนอื่นๆ เข้าร่วมงานเลี้ยงมื้อค่ำในโรงแรมสุดหรู“คืนนี้นายทุนใหญ่หลายคนอยากพบเธอเป็นการส่วนตัว เธอเป็นเหมือนตัวชูโรงของงานนี้เลยนะซูมี่” ลิซ่า ผู้จัดการส่วนตัวของเธอพูดขึ้นระหว่างที่พวกเขากำลังเดินไปยังห้องจัดเลี้ยงซูมี่พยักหน้ารับ แม้เธอจะยิ้ม แต่ลึกๆ เธอกลับรู้สึกไม่สบายใจ ราวกับมีเงาแห่งอันตรายวนเวียนอยู่รอบตัวลิซ่าอดไม่ได้ที่จะสังเกตถึงสายตาของอลิซาเบธที่จับจ้องมาทางพวกเธอ สีหน้าของอีกฝ่ายเต็มไปด้วยความอาฆาต“ซูมี่ ฉันว่าเธอควรระวังตัวหน่อยนะ อลิซาเบธดูไม่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-25
  • ย้อนกลับมาเปลี่ยนชะตาของนางร้าย (ยุค70)   ปุ๊บปั๊บ…รับโชค

    หลังจากเหตุการณ์ที่ลู่เฉิงช่วยชีวิตหยางซูมี่จากการตกน้ำ เรื่องนี้ก็แพร่กระจายไปราวกับโรคระบาด ในหมู่บ้านเล็กๆ แห่งนี้ ต่างพูดถึงเหตุการณ์นี้ไม่หยุดในขณะที่บ้านหยางสายรองกำลังทำงานในแปลงนาอยู่นั้น ก็ต้องหยุดชะงักลงเพราะได้ยินเสียงชาวบ้านคนหนึ่งพูดถึงเรื่องที่ลู่เฉิงอุ้มซูมี่ที่หมดสติตัวเปียกปอนกลับมาที่บ้าน "แบบนี้เรียกผิดผี ผิดธรรมเนียมแล้ว อย่างไรลูกชายสามบ้านลู่ต้องรับผิดชอบ ถึงซูมี่จะมีนิสัยร้ายกาจขนาดไหนก็ตาม ห้ามปล่อยเรื่องนี้ไปเด็ดขาด" ชาวบ้านอีกคนพูดขึ้นเมื่อมีคนพูดเรื่องนี้มา ทุกคนต่างพากันคิดตาม และพยักหน้าเห็นด้วยและเริ่มพากันพูดเสียงดัง ซู่เม่ยหันไปหาสามีสามีทันที เพื่อขอความคิดเห็น"เรื่องนี้เป็นแค่การช่วยชีวิตซูมี่ด้วยความจำเป็นและบริสุทธิ์ใจ อย่ามาผูกมัดกันด้วยเรื่องนี้เลย" หยางเหวินเทาพูดเพื่อปกป้องลูกและไม่อยากไปผูกมัดลู่เฉิงด้วยเรื่องนี้"ได้อย่างไร แม้จะเป็นการช่วยชีวิตก็เถอะ"อีกคนพูดพร้อมกับมองไปที่บ้านลู่ซึ่งทำงานอยู่ไกลออกไปแน่นอนว่าไม่มีทางได้ยินสิ่งที่ทุกคนพูดส่วนทางลู่เฉิงก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ตัวเขาคิดไว้แล้วว่าการแต่งงานมันต้องมีขึ้นอย่างแน่นอน เขาคิดไว้ว่าแต

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-25
  • ย้อนกลับมาเปลี่ยนชะตาของนางร้าย (ยุค70)   แผนการร้าย

    ลู่เฉิงเดินมาหยุดหน้าบ้านของซูมี่ในเช้าวันหนึ่ง เพื่อมาบอกลาซูมี่ก่อนเดินทางกลับค่ายทหาร เขายืนอยู่ที่ลานหน้าบ้าน มองเธอด้วยแววตาอบอุ่น“ฉันคงต้องไปแล้ว” ลู่เฉิงพูด พร้อมยื่นมือมาลูบศีรษะเธอเบาๆ“เดินทางปลอดภัยนะคะ” ซูมี่ตอบพลางส่งรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความห่วงใยหยางหลินที่บังเอิญเดินผ่านมาได้ยินบทสนทนานั้นเต็มสองหู เธอกำหมัดแน่นด้วยความโกรธพลางกัดฟันกรอด“ฉันคิดว่าลู่เฉิงจะอยู่นานกว่านี้… ทำไมเขาต้องรีบกลับค่ายด้วย” หยางหลินพึมพำในใจแต่เมื่อความโกรธเริ่มคลายลง รอยยิ้มร้ายกาจกลับปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ “แต่ช่างเถอะ แผนฉันยังไม่ล่มเสียทีเดียว” เธอคิด ก่อนจะรีบเดินออกไปจากตรงนั้น หยางหลินเดินเลียบถนนในหมู่บ้าน ทิ้งสายตาดูถูกใส่บ้านเรือนที่ดูเก่าคร่ำคร่า จนกระทั่งเธอเดินลึกไปจนถึงท้ายหมู่บ้าน สถานที่ที่ผู้คนไม่อยากยุ่งเกี่ยว เพราะเป็นที่อยู่ของ “ชายพิการขี้เมา” ชื่อว่า “เหลียงฟู่”เหลียงฟู่เป็นชายพิการที่ขาเสียจากอุบัติเหตุ และใช้ชีวิตไปวันๆ ด้วยการดื่มเหล้าจนเมามาย ไม่มีใครในหมู่บ้านให้ความสนใจเขาแม้แต่น้อย หยางหลินหยุดยืนหน้ากระท่อมเก่าๆ ของเหลียงฟู่ เธอตะโกนเรียกเสียงดัง“เหลียงฟู่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-25
  • ย้อนกลับมาเปลี่ยนชะตาของนางร้าย (ยุค70)   หยางซูมี่ นางพญารันเวย์

    ค่ำคืนที่เต็มไปด้วยแสงสีและเสียงดนตรีจากแฟชั่นโชว์ระดับโลก ณ Grand Palais Paris สถานที่จัดงานอันหรูหราซึ่งเหล่าดีไซเนอร์ชั้นนำจากทั่วโลกต่างมารวมตัวกันเพื่อเปิดตัวคอลเลกชันใหม่ของพวกเขา เวทีที่ประดับด้วยแชนเดอเลียร์คริสตัลส่องประกายระยิบระยับ ราวกับเป็นดินแดนแห่งเทพนิยาย ภายในงาน บรรดาแขกผู้ทรงอิทธิพลในวงการแฟชั่น นักออกแบบระดับโลก และเซเลบริตี้ชั้นนำต่างจับจ้องไปที่รันเวย์ ในขณะที่เสียงดนตรีอันทรงพลังดังกระหึ่มขึ้น และในที่สุด…เธอก็ปรากฏตัว หยางซูมี่ ย่างก้าวออกมาอย่างสง่างาม ดวงตาคมดั่งนิลจับจ้องไปข้างหน้า เสื้อผ้าทอด้วยผ้าไหมสีทองประดับด้วยคริสตัล Swarovski นับร้อยสะท้อนแสงไฟทุกย่างก้าวของเธอ ทำให้เธอดูราวกับเจ้าหญิงในเทพนิยาย ชุดราตรีจากแบรนด์ระดับตำนาน “Maison de Lumière” ถูกออกแบบมาเพื่อเธอโดยเฉพาะ เสียงแฟลชจากกล้องถ่ายรูปดังระรัว นักข่าวและช่างภาพพากันถ่ายภาพของเธออย่างไม่หยุดหย่อน เสียงกระซิบชื่นชมดังกระหึ่มไปทั่วงาน “เธอสง่างามจริงๆ …เหมือนนางพญาที่ก้าวออกจากจอภาพยนตร์” “หยางซูมี่คือราชินีแห่งวงการแฟชั่นของยุคนี้” “ไม่มีใครเทียบเธอได้เลย” เธอยิ้มเพียงเล็กน้อย รั

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-08

บทล่าสุด

  • ย้อนกลับมาเปลี่ยนชะตาของนางร้าย (ยุค70)   แผนการร้าย

    ลู่เฉิงเดินมาหยุดหน้าบ้านของซูมี่ในเช้าวันหนึ่ง เพื่อมาบอกลาซูมี่ก่อนเดินทางกลับค่ายทหาร เขายืนอยู่ที่ลานหน้าบ้าน มองเธอด้วยแววตาอบอุ่น“ฉันคงต้องไปแล้ว” ลู่เฉิงพูด พร้อมยื่นมือมาลูบศีรษะเธอเบาๆ“เดินทางปลอดภัยนะคะ” ซูมี่ตอบพลางส่งรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความห่วงใยหยางหลินที่บังเอิญเดินผ่านมาได้ยินบทสนทนานั้นเต็มสองหู เธอกำหมัดแน่นด้วยความโกรธพลางกัดฟันกรอด“ฉันคิดว่าลู่เฉิงจะอยู่นานกว่านี้… ทำไมเขาต้องรีบกลับค่ายด้วย” หยางหลินพึมพำในใจแต่เมื่อความโกรธเริ่มคลายลง รอยยิ้มร้ายกาจกลับปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ “แต่ช่างเถอะ แผนฉันยังไม่ล่มเสียทีเดียว” เธอคิด ก่อนจะรีบเดินออกไปจากตรงนั้น หยางหลินเดินเลียบถนนในหมู่บ้าน ทิ้งสายตาดูถูกใส่บ้านเรือนที่ดูเก่าคร่ำคร่า จนกระทั่งเธอเดินลึกไปจนถึงท้ายหมู่บ้าน สถานที่ที่ผู้คนไม่อยากยุ่งเกี่ยว เพราะเป็นที่อยู่ของ “ชายพิการขี้เมา” ชื่อว่า “เหลียงฟู่”เหลียงฟู่เป็นชายพิการที่ขาเสียจากอุบัติเหตุ และใช้ชีวิตไปวันๆ ด้วยการดื่มเหล้าจนเมามาย ไม่มีใครในหมู่บ้านให้ความสนใจเขาแม้แต่น้อย หยางหลินหยุดยืนหน้ากระท่อมเก่าๆ ของเหลียงฟู่ เธอตะโกนเรียกเสียงดัง“เหลียงฟู่

  • ย้อนกลับมาเปลี่ยนชะตาของนางร้าย (ยุค70)   ปุ๊บปั๊บ…รับโชค

    หลังจากเหตุการณ์ที่ลู่เฉิงช่วยชีวิตหยางซูมี่จากการตกน้ำ เรื่องนี้ก็แพร่กระจายไปราวกับโรคระบาด ในหมู่บ้านเล็กๆ แห่งนี้ ต่างพูดถึงเหตุการณ์นี้ไม่หยุดในขณะที่บ้านหยางสายรองกำลังทำงานในแปลงนาอยู่นั้น ก็ต้องหยุดชะงักลงเพราะได้ยินเสียงชาวบ้านคนหนึ่งพูดถึงเรื่องที่ลู่เฉิงอุ้มซูมี่ที่หมดสติตัวเปียกปอนกลับมาที่บ้าน "แบบนี้เรียกผิดผี ผิดธรรมเนียมแล้ว อย่างไรลูกชายสามบ้านลู่ต้องรับผิดชอบ ถึงซูมี่จะมีนิสัยร้ายกาจขนาดไหนก็ตาม ห้ามปล่อยเรื่องนี้ไปเด็ดขาด" ชาวบ้านอีกคนพูดขึ้นเมื่อมีคนพูดเรื่องนี้มา ทุกคนต่างพากันคิดตาม และพยักหน้าเห็นด้วยและเริ่มพากันพูดเสียงดัง ซู่เม่ยหันไปหาสามีสามีทันที เพื่อขอความคิดเห็น"เรื่องนี้เป็นแค่การช่วยชีวิตซูมี่ด้วยความจำเป็นและบริสุทธิ์ใจ อย่ามาผูกมัดกันด้วยเรื่องนี้เลย" หยางเหวินเทาพูดเพื่อปกป้องลูกและไม่อยากไปผูกมัดลู่เฉิงด้วยเรื่องนี้"ได้อย่างไร แม้จะเป็นการช่วยชีวิตก็เถอะ"อีกคนพูดพร้อมกับมองไปที่บ้านลู่ซึ่งทำงานอยู่ไกลออกไปแน่นอนว่าไม่มีทางได้ยินสิ่งที่ทุกคนพูดส่วนทางลู่เฉิงก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ตัวเขาคิดไว้แล้วว่าการแต่งงานมันต้องมีขึ้นอย่างแน่นอน เขาคิดไว้ว่าแต

  • ย้อนกลับมาเปลี่ยนชะตาของนางร้าย (ยุค70)   การจากลาแบบคาดไม่ถึง

    เสียงเพลงในงานแฟชั่นโชว์ยังคงดังก้อง พร้อมแสงไฟที่วูบวาบจับไปยังนางแบบคนดังที่เดินออกมาจากรันเวย์อย่างสง่างาม “หยางซูมี่” คือชื่อที่ทุกคนพูดถึงในค่ำคืนนี้ เธอคือดวงดาวที่ส่องแสงเหนือใครทั้งในสายตาของผู้ชมและเหล่านักออกแบบ แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นเป้าหมายของความอิจฉาริษยา“เธอสมบูรณ์แบบจนเหมือนภาพวาด…” ใครบางคนพึมพำเบาๆ ในฝูงชนในอีกมุมหนึ่งของงาน “อลิซาเบธ” ยืนมองด้วยสายตาเย็นชา หญิงสาวผู้เป็นทั้งคู่แข่งและศัตรูตลอดกาลของซูมี่ เธอคลี่ยิ้มบางๆ ที่ซ่อนความคิดลึกซึ้งไว้เบื้องหลังหลังจบโชว์ เจ้าของงานได้เชิญซูมี่ พร้อมนางแบบและทีมงานคนอื่นๆ เข้าร่วมงานเลี้ยงมื้อค่ำในโรงแรมสุดหรู“คืนนี้นายทุนใหญ่หลายคนอยากพบเธอเป็นการส่วนตัว เธอเป็นเหมือนตัวชูโรงของงานนี้เลยนะซูมี่” ลิซ่า ผู้จัดการส่วนตัวของเธอพูดขึ้นระหว่างที่พวกเขากำลังเดินไปยังห้องจัดเลี้ยงซูมี่พยักหน้ารับ แม้เธอจะยิ้ม แต่ลึกๆ เธอกลับรู้สึกไม่สบายใจ ราวกับมีเงาแห่งอันตรายวนเวียนอยู่รอบตัวลิซ่าอดไม่ได้ที่จะสังเกตถึงสายตาของอลิซาเบธที่จับจ้องมาทางพวกเธอ สีหน้าของอีกฝ่ายเต็มไปด้วยความอาฆาต“ซูมี่ ฉันว่าเธอควรระวังตัวหน่อยนะ อลิซาเบธดูไม่

  • ย้อนกลับมาเปลี่ยนชะตาของนางร้าย (ยุค70)   ตัดสินใจบอกครอบครัว

    หลังจากกลับจากประเทศจีน หยางซูมี่รู้สึกว่าหัวใจเธอหนักอึ้ง แม้ทุกอย่างดูเหมือนจะเป็นเพียงเรื่องเหนือธรรมชาติที่ยากจะอธิบาย แต่กำไลหยกขาวที่พระรูปนั้นให้มาทำให้เธอปฏิเสธความจริงไม่ได้ซูมี่นัดพ่อแม่และหยางเหว่ย พี่ชายของเธอ ทานข้าวที่บ้านในค่ำวันหนึ่ง บรรยากาศเป็นไปอย่างอบอุ่น อาหารจีนจานโปรดถูกจัดเรียงเต็มโต๊ะ ทั้งเป็ดย่าง เกี๊ยวน้ำ และผัดหมี่ที่อาม่าทำให้กินตั้งแต่เด็ก“ซูมี่ กลับมาจากจีน ดูเหมือนจะมีเรื่องอะไรในใจนะ” แม่ถามพลางมองหน้าลูกสาวด้วยความเป็นห่วงซูมี่เม้มปาก ก่อนสูดลมหายใจลึก “หนูมีเรื่องสำคัญจะบอกค่ะ… มันอาจฟังดูเหมือนเรื่องแต่ง แต่หนูอยากให้พ่อแม่กับพี่เชื่อหนู”“อะไรกันล่ะ” พ่อมองด้วยสายตาสงสัย แต่เปิดใจฟังซูมี่ดึงกำไลหยกขาวออกมาและวางไว้กลางโต๊ะ “ตอนหนูไปวัดในจีน พระรูปหนึ่งให้กำไลนี้กับหนู แล้วบอกว่าหนูต้อง ‘หวนคืน’ และ… หนูก็พบว่ามันไม่ใช่กำไลธรรมดา”หยางเหว่ยหัวเราะเบาๆ “กำไลมิติ? เดี๋ยวนี้ดูหนังไซไฟเยอะไปหรือเปล่า ”“พี่ ฟังหนูก่อน” ซูมี่เถียงพลางมองหน้าพี่ชายอย่างจริงจัง “ตอนหนูกำลังจะกลับไทย หนูลองใส่ของลงไปในกำไลโดยไม่ตั้งใจ แล้วมัน…หายไป หายไปจริงๆ! เหมือนกำ

  • ย้อนกลับมาเปลี่ยนชะตาของนางร้าย (ยุค70)   กำไลหยกขาวแห่งชะตา

    หลังกลับจากงานปารีสแฟชั่นวีค หยางซูมี่ตัดสินใจใช้ช่วงเวลาหยุดพักจากชีวิตที่วุ่นวาย เดินทางกลับไปยังหมู่บ้านชนบทเล็กๆ ในมณฑลเสฉวน ที่ซึ่งอากงและอาม่าของเธอยังคงอาศัยอยู่ สถานที่ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นบ้านของเธอ สถานที่ที่เต็มไปด้วยความทรงจำอันอบอุ่นในวัยเด็ก เธอได้บอกพ่อแม่และชวนพี่ชายมาด้วยกัน แต่ก็ไม่มีใครว่างเลย เหตุเพราะเธอชวนกะทันหันเกินไป ไม่สามารถเคลียงานได้ทัน เธอเลยบินเดี่ยวสู่จีนแผ่นดินใหญ่ด้วยตัวคนเดียว จริงๆพี่ลิซ่าอาสามาเป็นเพื่อนด้วย แต่โดนเธอปฎิเสธไปเพราะเกรงใจ นานๆจะได้มีวันหยุดทั้งที ปล่อยให้พี่ลิซ่าเดทกับคุณสามีไปเถอะ การเดินทางสู่ชนบท เมื่อเครื่องบินแตะพื้นดินในมณฑลใกล้บ้านเกิด ซูมี่ออกเดินทางต่อด้วยรถยนต์ ท่ามกลางภูมิประเทศที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ จากเมืองใหญ่สู่ชนบทที่เงียบสงบ ถนนสายเล็กๆ ลัดเลาะไปตามภูเขาสูงที่เต็มไปด้วยต้นไม้เขียวขจี กลิ่นอายของธรรมชาติและเสียงนกร้องทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อรถแล่นเข้าสู่หมู่บ้านเล็กๆ ที่เธอเคยเรียกว่าบ้านในวัยเด็ก ความทรงจำในอดีตก็พลันหลั่งไหลเข้ามา บ้านไม้หลังเก่าที่เธอเคยวิ่งเล่นยังคงตั้งอยู่กลางลานดินกว้าง ที่น

  • ย้อนกลับมาเปลี่ยนชะตาของนางร้าย (ยุค70)   หยางซูมี่ นางพญารันเวย์

    ค่ำคืนที่เต็มไปด้วยแสงสีและเสียงดนตรีจากแฟชั่นโชว์ระดับโลก ณ Grand Palais Paris สถานที่จัดงานอันหรูหราซึ่งเหล่าดีไซเนอร์ชั้นนำจากทั่วโลกต่างมารวมตัวกันเพื่อเปิดตัวคอลเลกชันใหม่ของพวกเขา เวทีที่ประดับด้วยแชนเดอเลียร์คริสตัลส่องประกายระยิบระยับ ราวกับเป็นดินแดนแห่งเทพนิยาย ภายในงาน บรรดาแขกผู้ทรงอิทธิพลในวงการแฟชั่น นักออกแบบระดับโลก และเซเลบริตี้ชั้นนำต่างจับจ้องไปที่รันเวย์ ในขณะที่เสียงดนตรีอันทรงพลังดังกระหึ่มขึ้น และในที่สุด…เธอก็ปรากฏตัว หยางซูมี่ ย่างก้าวออกมาอย่างสง่างาม ดวงตาคมดั่งนิลจับจ้องไปข้างหน้า เสื้อผ้าทอด้วยผ้าไหมสีทองประดับด้วยคริสตัล Swarovski นับร้อยสะท้อนแสงไฟทุกย่างก้าวของเธอ ทำให้เธอดูราวกับเจ้าหญิงในเทพนิยาย ชุดราตรีจากแบรนด์ระดับตำนาน “Maison de Lumière” ถูกออกแบบมาเพื่อเธอโดยเฉพาะ เสียงแฟลชจากกล้องถ่ายรูปดังระรัว นักข่าวและช่างภาพพากันถ่ายภาพของเธออย่างไม่หยุดหย่อน เสียงกระซิบชื่นชมดังกระหึ่มไปทั่วงาน “เธอสง่างามจริงๆ …เหมือนนางพญาที่ก้าวออกจากจอภาพยนตร์” “หยางซูมี่คือราชินีแห่งวงการแฟชั่นของยุคนี้” “ไม่มีใครเทียบเธอได้เลย” เธอยิ้มเพียงเล็กน้อย รั

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status