บทที่ 6
โลกกลม
ระหว่างนั่งรถกลับฉันก็เอาแต่นิ่งเงียบ เอียงหน้าไปมองข้างทางเพราะไม่อยากเห็นใบหน้าหล่อที่ซ่อนความเป็นร้ายกาจเอาไว้ เขาขับรถฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี ทำให้ฉันรู้สึกหมั่นไส้ซะเต็มประดา อยากมีปืนสักกระบอกเพื่อยิงแสกหน้าให้ตายลงตรงนี้เสีย
“จอดหน้าปากซอยข้างหน้านี้ละค่ะ” เมื่อรถเคลื่อนล้อใกล้จะถึงหน้าปากซอยเข้าบ้าน ฉันจึงเอ่ยบอกก่อนที่เขาจะขับเลยไป
“บ้านเธออยู่ในซอยนี้เหรอ” เขาตีไฟเลี้ยวเพื่อจะขับเข้าไปในซอย
“บอกว่าให้จอดไม่ได้ให้เลี้ยวเข้าไป เฮ้อ!!” ฉันเริ่มหงุดหงิดกับความกวนตีนของเขาซะเหลือเกิน
“บ้านหลังไหนบอกมาสิ” เขาตีหน้านิ่งขับไปเรื่อยๆ อย่างไร้จุดหมาย นั่นทำให้ฉันยิ่งรู้สึกโมโหเข้าไปใหญ่
“อยากจะรู้ไปทำไมคะ”
“ก็อยากเห็นว่าบ้านคนจนมันเป็นยังไง ตั้งแต่เกิดฉันไม่เคยเข้ามาในชุมชนแออัดอย่างนี้มาก่อน มันก็น่าตื่นเต้นดีนะ” เขากระตุกยิ้มร้ายขับรถเข้ามาในหมู่บ้านฉันเรียบร้อยแล้ว เมื่อฉันไม่ยอมบอกเขาก็ขับวนไปอยู่อย่างนั้น จนเด็กๆ ในหมู่บ้านเริ่มสนใจกับรถหรูคันนี้เสียแล้ว
“เฮ้อ!! เลยไปอีกซอยนึงบ้านไม้สองชั้นฝั่งซ้ายมือ หน้าบ้านเปิดร้านขายข้าวแกง” ฉันจำใจบอกเขาอย่างเซ็งๆ ถ้าแม่รู้ว่ามีคนขับรถหรูมาส่งคงจะตาโตเป็นไข่ห่านแน่ๆ ฉันคงจะโดนซักถามหนักพอสมควรเพราะหายไปกับเขาทั้งคืน
“บ้านเธอดูโทรมดีนะ อยู่กันเข้าไปได้ยังไง” เขาว่าหลังจากได้จอดรถที่หน้าบ้านฉันเรียบร้อยแล้ว แม่และน้องสาวรีบจ้องเข้ามาในรถเพื่อดูว่าเป็นใคร
ฉันถอนหายใจเฮือกใหญ่เพื่อขจัดความกังวลในใจ ไม่รู้จะตอบคำถามคนทั้งสองยังไงดีว่าเมื่อคืนไปทำอะไรมา จากนั้นก็ปลดเข็มขัดนิรภัยออกก่อนจะเอื้อมมือไปเปิดประตูรถ
“เดี๋ยว!”
“มีอะไรอีกคะ” ฉันกระแทกเสียงใส่เขา
“เธอจะตอบคำถามแม่เธอว่ายังไง ให้ฉันลงไปยืนยันด้วยไหมว่าเมื่อคืนเราไปทำอะไรกันมา” เขากระตุกยิ้มร้ายหลังจากกล่าวจบ
“ถ้าคิดคำพูดดีๆ ไม่เป็นก็ไปตายเถอะค่ะบอส” ฉันด่าทิ้งท้ายก่อนจะเปิดประตูรถลงไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อแม่รู้ว่าเป็นฉันนางก็ยิ้มกว้าง แทนที่จะพ่นคำก่นด่าออกมา เพราะฉันได้หายไปกับผู้ชายทั้งคืน ส่วนบอสก็ขับรถออกไปหลังจากนั้นไม่นาน
“นังดาวววว!! ใครมาส่งแกบอกฉันมาเดี๋ยวนี้ แล้วทำไมไม่ชวนเขาลงมากินน้ำกินท่าก่อนล่ะ” แม่รีบเดินมาเกาะแขนฉันทำท่าทีดีอกดีใจจนออกนอกหน้า
“แทนที่แม่จะถามฉันว่าไปทำอะไรมา แต่กลับดีอกดีใจไม่ห่วงฉันบ้างเลยรึไง” ฉันทำหน้าเซ็งๆ
“ถ้าแกนั่งวินกลับมาฉันก็ว่าจะด่าอยู่หรอก แต่นี่นั่งรถเบนซ์มาใครจะด่าลงยะ แถมไม่ห่วงด้วยถ้าแกไปกับคนรวยๆ นั่นรถแฟนแกใช่ไหมบอกฉันมาเดี๋ยวนี้”
“ไม่ใช่...นั่นเจ้านายฉัน”
“เมื่อคืนพวกแกไปทำอะไรกันมา บอกฉันมาเดี๋ยวนี้”
“เอ่อ...ฉันไปทำงานต่างจังหวัดมา มันงานด่วนน่ะแม่เลยไม่มีเวลาโทรมาบอก แค่นี้ก่อนนะฉันขอตัวขึ้นห้องก่อน” พูดจบฉันก็รีบเดินเข้าบ้านไปก่อนที่แม่จะถามไปมากกว่านี้
เมื่อเข้ามาในห้องแล้วฉันก็ทิ้งตัวลงบนเตียงนอน นอนหลับตาเพื่อพักสมองครู่หนึ่งก่อนจะลืมตาขึ้นมาอีกครั้งเพราะมีคนเคาะประตูห้อง
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
“พี่นี่ฉันเองเปิดประตูให้หน่อย”
“ฉันอยากอยู่คนเดียว”
“เปิดเถอะนะฉันมีเรื่องจะคุยด้วย”
“เออๆ เปิดก็ได้” ฉันถอนหายใจด้วยความรำคาญน้องสาว จากนั้นจึงเดินไปเปิดประตูให้มันอย่างจำใจ “มีอะไรว่ามาฉันจะพักผ่อน”
“พี่ไปทำอะไรมาหรือว่า...” ฉันรู้ว่ามันกำลังคิดอะไรอยู่ เด็กอะไรแก่แดดชะมัด
“หุบปากไปเลย...แกชักจะแก่แดดเกินไปแล้วนะ สรุปว่ามีธุระอะไรจะคุยกับฉัน”
“พรุ่งนี้มีเรื่องให้ช่วยอ่ะ”
“ไม่ว่าง” ฉันตอบโดยไม่ต้องคิดอะไรเลย เพราะเพลียร่างจนแทบไม่อยากจะลุกขึ้นมากินข้าวเสียด้วยซ้ำ
“ช่วยฉันหน่อยนะพี่ ฉันต้องทำงานกลุ่มส่งอาจารย์อ่ะ เป็นมิวสิควิดีโอสั้นๆ เองนะ” อิงฟ้าเข้ามากอดฉันอย่างออดอ้อน
“ห๊ะ! จะให้ฉันไปแสดงหน้ากล้องงั้นเหรอ ไม่มีทางย่ะ น่าอายจะตาย” ฉันเคยทำแบบนั้นซะที่ไหนกันล่ะ
“แต่ฉันเสนอตัวว่าจะให้พี่ไปเป็นนางเอกแล้วนะ ไม่นานหรอกสงสารเด็กตาดำๆ ด้วยเถอะนะพี่”
“ไม่นานจริงนะ” ในเมื่อมันอ้อนขนาดนี้แล้วฉันจะปฏิเสธได้อย่างไรกันล่ะ ที่ทำทุกวันนี้ก็เพื่อน้องสาวอยู่แล้ว
“จริงสิไม่นานหรอก สรุปว่าพี่โอเคแล้วใช่ป่ะ” ยัยน้องสาวตัวแสบเริ่มยิ้มออก
“อือๆ ไปก็ไป...กี่โมงล่ะ”
“บ่ายโมง”
“โอเค แกออกไปได้แล้วฉันจะนอน”
“ไปก็ได้ ว่าแต่พี่ไปทำอะไรกับผู้ชายคนนั้นมาถึงได้ดูเพลียๆ อย่างนี้” พูดจบมันก็รีบวิ่งออกไปจากห้องทันที
“นังน้องบ้า! นังเด็กแก่แดด!” แม้ว่าจะตะโกนตามหลังแต่มันก็ไม่ได้ยินแล้วล่ะ
เมื่ออยู่คนเดียวในห้องฉันก็เริ่มคิดถึงเรื่องบอสขึ้นมาอีกครั้ง เกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย เวลาเจอหน้ากันที่บริษัทฉันจะทำตัวยังไง หรือว่าฉันควรจะหางานใหม่เพื่อจะได้ไม่ต้องเครียดกับเรื่องนี้อีกแล้ว
“โอ๊ยยยย!!! ยิ่งคิดยิ่งเครียด ฉันไม่น่ามาชอบคนอย่างนายเลยจริงๆ” ฉันระบายออกมาเป็นคำพูดแล้วก็ฟุบตัวลงนอนบนเตียงอีกครั้ง
*-*-*-*-*-*-*
วันรุ่งขึ้นฉันกับน้องสาวออกเดินทางไปที่สวนสาธารณะแห่งหนึ่ง เมื่อไปถึงก็พบกับกลุ่มเพื่อนของอิงฟ้า ฉันเพิ่งรู้ว่าเด็กมัธยมสมัยนี้จะทำงานกันอย่างมืออาชีพขนาดนี้ เครื่องไม้เครื่องมือสำหรับถ่ายทำครบเซต ก็อย่างว่าล่ะเด็กโรงเรียนนี้มีแต่รวยๆ กันทั้งนั้นยกเว้นก็แต่น้องสาวฉันนี่ล่ะ
“ฉันพานางเอกเอ็มวีมาแล้วจ้า นี่พี่ดาวพี่สาวฉันเอง” เมื่อไปถึงน้องสาวฉันก็เข้าไปทักทายเพื่อนๆ
“สวัสดีค่ะ/ สวัสดีครับ”
“สวัสดีจ้ะทุกคน”
ฉันรับไหว้น้องๆ ทุกคนด้วยรอยยิ้ม
“สวัสดีค่ะพี่ดาว หนูตองนะคะ เชิญพี่ไปแต่งหน้าทำผมด้านนี้เลยค่ะ พอพระเอกมาเราจะได้เริ่มถ่ายกันเลย” เมื่อได้ยินอย่างนั้นฉันก็หันไปมองน้องสาวตัวแสบทันที
“เพื่อนฉันแต่งหน้าเก่งเว่อร์รับรองพี่ต้องสวยแน่ๆ” ยัยฟ้าเอ่ยอย่างมั่นใจในตัวเพื่อน
ฉันไม่ตอบเพียงแต่พยักหน้าให้ จากนั้นตองก็รีบดึงตัวฉันไปนั่งที่ม้าหินอ่อน ที่มีกล่องอุปกรณ์สำหรับแต่งหน้าวางอยู่ก่อนแล้ว ดูท่าทางคงจะหลายตังค์น่าดู ลูกคนรวยก็งี้อยากได้อะไรก็ได้ไม่ต้องพยายามอะไรมากเหมือนลูกคนจนอย่างฉัน
ฉันมองซ้ายมองขวาแต่ก็ไม่พบว่ามีคนอื่นๆ ไหนว่าจะมาถ่ายเอ็มวีแต่ไหงกลับมีแค่ฉันคนเดียว อ้อ! ยังมีพระเอกอีกคนนี่นา ต้องขอบใจยัยฟ้าที่ทำให้ฉันได้เป็นนางเอกกับเขาสักครั้งในชีวิต อิอิ
“พี่ดาวถอดแว่นก่อนนะคะ” ตองบอกฉันหลังจากขนอุปกรณ์แต่งหน้าออกจากกล่องเรียบร้อยแล้ว
“แล้วเวลาถ่ายพี่ต้องใส่ไหมอ่ะ”
“ต้องถอดนะคะเวลาถ่ายจะได้สวยๆ”
“อ้าว! แล้วพี่จะมองเห็นได้ไง พี่สายตาสั้นนะ”
“ไม่มีปัญหาค่ะ เพราะวันนี้หนูเตรียมไอ้นี่มาให้ด้วย” ตองชูกล่องอะไรบางอย่างขึ้นมาให้ดู มันเป็นกล่องวงกลมเล็กๆ
“นี่มันกล่องอะไรจ๊ะ”
“คอนแทคเลนส์ค่ะ ฟ้ามันบอกว่าพี่สายตาสั้นหนูเลยเตรียมมาไว้ให้ พี่ต้องใส่มันก่อนแต่งหน้านะคะ” ตองยื่นให้ฉัน
“พี่ไม่เคยใส่เลยอ่ะ”
“มานี่เดี๋ยวหนูใส่ให้เอง พี่ดาวเป็นคนสวยนะคะ ถ้าถอดแว่นแล้วแต่งหน้านิดๆ หน่อยๆ ยิ่งสวย”
“ชมแบบนี้พี่ก็เขินแย่เลย” เมื่อได้รับคำชมฉันก็ยิ้มรับอย่างไม่ถ่อมตัว
หลังจากนั้นตองก็ใส่คอนแทคเลนส์ให้ฉันอย่างบรรจง ตอนแรกก็รู้สึกแปลกๆ ขัดลูกตาแต่ทว่าเมื่อปรับสภาพได้กลับรู้สึกเหมือนไม่ได้มีอะไรในตาเลยสักนิด แถมยังมองเห็นชัดแจ๋วอีกต่างหาก
“เสร็จแล้วเรามาแต่งหน้ากันดีกว่า วันนี้ตองจะทำให้พี่สวยที่สุดจนพระเอกจะต้องตะลึงเลยค่ะ”
“ว่าแต่ทำไมพระเอกยังไม่มาอีกล่ะจ๊ะ”
“อ๋อ...พี่ติณณ์กำลังมาค่ะ”
“พี่ติณณ์” ฉันทวนคำพูดของตองอีกครั้ง ทำไมต้องมาเจอคนชื่อติณณ์ด้วยนะ ฉันเกลียดชื่อนี้ที่สุด
“พี่ติณณ์เป็นพี่ชายหนูเองล่ะ ตอนแรกแกก็ไม่ยอมมาเหมือนพี่นั่นล่ะ แต่พอเจอลูกอ้อนเข้าหน่อยก็ยอมตอบตกลง” ตองเอ่ยพลางลงรองพื้นให้ฉันไปด้วย ดูท่าทางคงจะเก่งเรื่องแต่งหน้าน่าดู คล่องแคล่วและมีความมั่นใจ ต่างจากฉันที่แทบจะไม่มีเครื่องสำอางในห้องเลยสักอย่าง ทั้งที่ทำงานอยู่ในบริษัทผลิตเครื่องสำอางแท้ๆ
“พี่ชายหนูคงจะหล่อเนอะ เพราะหนูออกจะน่ารักขนาดนี้”
“หล่อมากค่ะ ควงสาวไม่ซ้ำหน้า เจ้าชู้สุดๆ” ตอนแรกก็ดีอยู่หรอกแต่หลังๆ มาราวกับตองกำลังนินทาพี่ชายตัวเองให้ฉันฟังซะงั้น
“สงสัยจะหล่อมากจริงๆ” ฉันเอ่ยขำๆ ออกไป
“โอ๊ะ! มาโน่นพอดีเลย พี่ติณณ์ทางนี้ค่ะ”
เมื่อได้ยินอย่างนั้นฉันก็ลังเลใจเล็กน้อยว่าจะหันไปมองไหม แต่ถึงยังไงก็จะได้ทำงานร่วมกันอยู่แล้ว ถือซะว่าเป็นการทักทายกัน
คุณพระช่วย! หล่อมากจริงๆ หล่อบัดซบที่สุด หล่อเหี้ยๆ ทำไมถึงได้ซวยอย่างนี้เนี่ย ไอ้เราก็นึกว่าแค่คนชื่อเหมือนกันแต่ที่ไหนได้มาตัวเป็นๆ เลย...บอสติณณภพ
บทที่ 7รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ฉันรีบหันขวับกลับมาเมื่อรู้ว่าเป็นบอส จะทำยังไงดีหากเจอหน้าเขา ฉันกลัวว่าบอสจะเล่นอะไรพิเรนทร์ๆ แกล้งให้อับอายขายขี้หน้าอีกน่ะสิ“มาช้าจริงเฮีย” เมื่อบอสเดินมาถึงตองจึงเอ่ยกับพี่ชายตัวเอง เขายังคงยืนอยู่ด้านหลังไม่รู้ว่าฉันเป็นใคร“ก็บอกว่ามีธุระมาให้ก็บุญโขแล้ว ต้องทำอะไรบ้างล่ะ”“งั้นเฮียไปเปลี่ยนชุดด้านโน้นก่อนนะ หล่อระดับเฮียค่อยมาตบแป้งเบาๆ ก็พอ”“โอเคๆ รีบๆ หน่อยละกัน” ฟังจากน้ำเสียงแล้วคงจะถูกบังคับมา หากรู้ว่าคนที่นั่งอยู่ตรงนี้คือฉัน เขาจะทำหน้ายังไงนะหลังจากบอสเดินไปแล้วฉันก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก จนตองขมวดคิ้วมองมาอย่างสงสัย“พี่ดาวถอนหายใจทำไมคะ”“เอ่อ...พี่ตื่นเต้นน่ะไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน”“ไม่ต้องตื่นเต้นขนาดนั้นหรอกค่ะ ถ่ายไม่นานหรอก แถมยังไม่มีบทพูดทำตามที่ผู้กำกับสั่งก็พอ”“น้องตองคะ...ช่วยแต่งหน้าพี่แบบว่า...ให้คนอื่นจำไม่ได้ มันพอจะเป็นไปได้ไหม”“เดี๋ยวตองจัดให้เลยค่ะ รับรองว่าสวยจนแม้แต่ไอ้ฟ้าก็จำไม่ได้แน่นอ
บทที่ 8เป็นเมียฉันก็ต้องรักฉันสิขณะนั่งรอรถอยู่นั้นก็มีใครบางคนมาดึงแขนฉุดให้ลุกขึ้น ฉันจึงรีบสะบัดแขนทันที กำลังจะหันไปด่า แต่ทว่าคำพูดมันกลับจุกอยู่ที่คอหอยเพราะเขาคนนั้นคือบอสนั่นเอง“บอส!”“เดี๋ยวฉันไปส่ง”“ไม่ไป! หนูกลับเองได้”“ก็ฉันบอกว่าจะไปส่งไงล่ะ อย่าเล่นตัวไปหน่อยน่า”“ไหนบอกว่ารังเกียจคนจนอย่างหนูมากไงคะ ทำไมถึงได้ตามก้นมาอย่างนี้ อย่าบอกนะว่าบอสเริ่มติดใจหนูแล้ว” ฉันยิ้มเยาะให้เขารู้ตัวว่ากำลังจะกลืนน้ำลายตัวเอง ปากก็บอกว่าฉันไม่คู่ควรแต่การกระทำกลับไม่ใช่เลย“อย่าหลงตัวเองไปหน่อยเลย คนอย่างเธอมันก็เป็นได้แค่ของเล่นฉันเท่านั้นล่ะ มานี่!” เขากึ่งลากกึ่งดึงฉันให้เดินไปที่รถ ที่จอดอยู่ห่างจากป้ายรถเมล์ไม่ไกลคนที่เดินผ่านไปมาต่างก็มองด้วยความตกใจ บางคนมองบอสราวกับเป็นผู้ร้าย ฉันจึงพยายามร้องขอให้เขาช่วย“ช่วยด้วยค่ะนายคนนี้กำลังจะฉุดฉัน”“แค่ผัวไม่ทำการบ้านทำเป็นงอนนะที่รัก เมียผมก็งี้ล่ะครับงอนบ่อยๆ ชอบให้ผมง้อด้วยวิธีนี้ เธอไม่ค่อยจะเต็มน่ะครับอ
บทที่ 9โสดค่ะเช้าวันทำงานที่น่าเบื่อเหมือนทุกวันวนกลับมาอีกครั้ง ฉันรีบเดินเข้ามาในบริษัทด้วยความเร่งรีบเพื่อสแกนนิ้วให้ทันเวลา ความเร่งรีบทำให้ฉันลืมตัวไปว่าไม่ได้มาในรูปลักษณ์เดิม วันนี้ฉันตื่นตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อให้ยัยฟ้าแต่งหน้าทำผมให้ และผลที่ออกมาก็น่าพอใจเป็นที่สุด“พนักงานใหม่รึเปล่าเนี่ยสวยมากอ่ะแก”“ฉันว่าไม่ใช่หรอกนี่ว่าหน้าคุ้นๆ อยู่นะ แต่นึกชื่อไม่ออก”“เออว่ะ คุ้นหน้าจริงๆ”เสียงพนักงานสาวสองคนที่ยืนอยู่ไม่ไกลเอ่ยนินทาในระยะเผาขน ตอนแรกเข้าใจว่าพูดถึงคนอื่น แต่พอปรายตาไปมองก็พบว่าเจ้าหล่อนทั้งสองกำลังจ้องมองมาที่ฉัน เมื่ออีกฝ่ายรู้ตัวก็รีบเดินหนีไปอีกทางโดยเร็ว“สงสัยต้องแต่งหน้าทำผมมาทุกวันซะแล้วสิ” ฉันยิ้มอย่างภาคภูมิใจกับตัวเอง จากนั้นจึงรีบเดินเข้าไปยังแผนก กะจะไปเซอร์ไพรซ์พวกพี่ๆ สักหน่อยในระหว่างทางพนักงานคนอื่นๆ ต่างก็มองมาที่ฉันพร้อมกับมีเครื่องหมายคำถามบนใบหน้า หนุ่มๆ ที่เคยเมินต่างก็จ้องตาเป็นมัน ราวกับฉันเป็นดอกไม้แรกแย้มที่น่าเชยชมเป็นที่
บทที่ 10หนูเกลียดบอสก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!“ขออนุญาตเข้าห้องค่ะ”“เชิญ”มือน้อยๆ ของฉันหมุนลูกบิดประตูเปิดเข้าไปในห้อง ใบหน้าหล่อปรากฏรอยยิ้มของมัจจุราชจนฉันรู้สึกหวั่นใจ บอสกำลังนั่งไขว่ห้างเอนหลังบนเก้าอี้อย่างสบายใจ ราวกับตั้งใจรอต้อนรับฉันโดยเฉพาะ“ไม่ทราบว่าบอสมีธุระอะไรกับหนูเหรอคะ” ฉันยืนตรงหน้าโต๊ะทำงานเขาในท่าทีสุภาพ ทำตัวราวกับเรื่องเมื่อวานไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน“ทำไมต้องทำตัวเหินห่างอย่างนั้นด้วยล่ะ”“นี่คือที่ทำงานค่ะ รีบพูดธุระของบอสมาเถอะหนูจะได้รีบกลับไปทำงาน”“สงสัยปีนี้ต้องยกตำแหน่งพนักงานดีเด่นให้เธอซะแล้วล่ะ เก่งทั้งเรื่องงานและเรื่องอย่างว่าหึๆ” เขาหัวเราะในลำคอเบาๆ“แต่คงไม่เก่งเหมือนอย่างบอสหรอกนะคะ เรื่องการเอาเปรียบผู้หญิง”“อย่าคิดว่าสวยแล้วจะปากดีใส่ฉันได้ คืนนี้เธอต้องไปค้างที่คอนโดฉัน”นี่สินะธุระที่เขาจะบอก ไร้สาระสิ้นดี“เรื่องอย่างนี้บอสส่งไลน์บอกก็ได้มั้งคะ ไม่จำเป็นต้องเรียกหนูเข้ามาถึงในห้อง เพราะหนูไม่อยากใ
บทที่ 11มัดมือชกใครจะรู้ว่าหลังจากวันนั้นฉันก็เริ่มฮอตขึ้นมาทันที จากตอนแรกที่ไม่คิดว่าจะมีหนุ่มๆ สนใจ แต่กลับตรงกันข้าม จนตอนนี้ไม่รู้ว่าจะเลือกคบกับใครดี อาจจะดูเหมือนเกินจริงแต่ทว่ามันได้เกิดขึ้นแล้วตอนนี้ฉันกำลังเดินหอบเอกสารปึกใหญ่ เข้าไปในห้องทำลายเอกสารเพียงลำพัง เนื่องจากฉันเป็นน้องเล็กสุดเรื่องอะไรพวกนี้จึงตกมาเป็นหน้าที่อย่างช่วยไม่ได้ เมื่อเดินเข้าไปในห้องก็พบว่ามีช่างกำลังซ่อมแอร์อยู่ ฉันจึงชะงักเล็กน้อยแล้ววางเอกสารไว้บนโต๊ะ“อ้าว! แอร์เสียหรอกเหรอคะเนี่ย”“ต้องรออีกแปบนะครับคนสวย ผมเปิดหน้าต่างไว้แล้วน่าจะช่วยระบายอากาศได้บ้าง” ชายหนุ่มที่กำลังนั่งอยู่บนบันไดหันมาเอ่ยด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม สวมชุดหมีสีกรมท่าดูแล้วคงจะอยู่ฝ่ายวิศวกรรม ใบหน้าเขาหล่อไม่น้อย ฉันเพิ่งรู้ว่ามีคนหล่อเทียบเท่าบอสในบริษัทด้วยแฮะ“ไม่มีปัญหาค่ะ ซ่อมตามสบายเลยค่ะพี่” ฉันยิ้มให้เขา จากนั้นก็หันมาสนใจงานของตัวเองบ้าง เสียบปลั๊กแล้วก็เปิดเครื่อง หย่อนเอกสารลงไปในช่องเพื่อเข้าสู่กระบวนการทำลายในระหว่างนั้น
บทที่ 12ความอ่อนโยนเมื่อรถหรูเคลื่อนล้อมาจอดเทียบหน้าบ้านแล้ว ฉันยังคงนั่งนิ่งไม่ยอมขยับเขยื้อนตัว นั่นเพราะไม่อยากให้เขาเข้าไปในบ้านด้วยเลยสักนิด แม่เดินมายืนจ้องๆ มองๆ ที่หน้ารถเพื่อดูว่าเป็นใคร ก่อนจะยิ้มแก้มฉีกเมื่อเห็นฉันนั่งอยู่ในรถด้วย“จะลงไม่ลง” เขาเอียงหน้ามาถามด้วยสีหน้าเรียบเฉย ทำเป็นทองไม่รู้ร้อน แม้จะเห็นว่าตอนนี้หน้าฉันกำลังบึ้งตึงมากแค่ไหน“บอสจะค้างจริงๆ เหรอคะ แค่ทานข้าวเย็นก็พอแล้วมั้ง”“ฉันจะค้าง” เขาเอ่ยเสียงเข้มขึ้น สายตาคมที่มองมาราวกับกำลังสะกดจิตให้ฉันยอมศิโรราบ“เฮ้อ! เอาแต่ใจจริงๆ คอยดูเถอะหนูจะหางานใหม่ บอสจะได้ไม่ต้องบังคับหนูได้อีก”“ถึงเธอจะไปทำงานที่อื่นก็อย่าหวังว่าจะหนีฉันได้ ฉะนั้นอย่าแม้แต่จะคิด จะลงไปได้หรือยังแม่เธอยิ้มน้อยยิ้มใหญ่รออยู่แล้วโน่น”เมื่อหันไปมองก็เป็นอย่างที่บอสพูดจริงๆ ลงจากรถไปแล้วคงจะปูพรมแดงต้อนรับบอสซะดิบดีเลยล่ะสิท่า“อย่าทำตัวรุ่มร่ามละกันหนูขอแค่น
บทที่ 13สาบานว่าเธอไม่ได้โกหกหลังจากวันที่บอสมานอนค้างบ้านฉัน เขาก็เริ่มเทียวไปหาแม่บ่อยขึ้นแต่ไม่ได้ค้างคืนเหมือนวันนั้น แม่และน้องสาวฉันปลื้มเขามาก จนอยากจะยกตำแหน่งลูกเขยและพี่เขยให้ซะเต็มประดา แต่ฉันกลับไม่เข้าใจว่าเหตุใดบอสต้องทำอย่างนี้ ทั้งๆ ที่เขายังคงเย็นชากับฉัน เห็นเป็นแค่ที่ระบายความใคร่ ราวกับทำไปเพื่อต้องการเอาชนะฉัน ต้องการเอาชนะผู้หญิง ซึ่งฉันเองก็ไม่รู้ว่าเขามีความแค้นฝังใจกับผู้หญิงมาก่อนหรือเปล่าฉันกำลังนั่งรอรถเมล์เหมือนเช่นทุกวัน พลางนึกถึงเรื่องราวระหว่างฉันกับบอสไปด้วย ในระหว่างนั้นก็มีรถบิ๊กไบค์คันหนึ่งขับมาจอดตรงหน้า ชุดที่เขาสวมใส่ดูคุ้นตาราวกับชุดหมีของฝ่ายวิศวกรรม เมื่ออีกฝ่ายถอดหมวกกันน็อกออกมา ก็พบว่าคือพี่มาร์คนั่นเอง เขาส่งยิ้มหล่อมาให้ทำเอาใจฉันแทบจะละลาย“อ้าว! พี่มาร์คสวัสดีค่ะ” ฉันยกมือไหว้เขา“สวัสดีครับ ขึ้นรถเร็วไปกับพี่”“ไม่เป็นไรค่ะเดี๋ยวรถเมล์ก็มาแล้ว”“มาเถอะพี่อุตส่าห์จอดรับขนาดนี้แล้ว”“ก็ได้ค่ะ ขอบคุณนะคะ” ฉันจำต้องยอมรับน้ำใจพี่มา
บทที่ 14แขกไม่ได้รับเชิญ“ก็หนูนี่ไงคะไม่ได้ชอบผู้ชายรวยๆ” ฉันอยากให้พี่มาร์ครู้ว่ายังมีฉันคนหนึ่ง ที่ไม่ได้มองผู้ชายแค่ความรวย (แม้ว่าจะเคยหลงผิดมาช่วงหนึ่งก็ตามที)“ที่พูดออกมาสาบานว่าเธอไม่ได้โกหก!”นั่นไม่ใช่เสียงพี่มาร์คนะคะ แต่เป็นเสียงบอสที่กำลังเดินตรงมาหาเราที่โต๊ะ แถมไม่ได้มาคนเดียวอีกต่างหาก มียัยหมิวเดินยิ้มปลอมๆ ข้างกายเขาอีกด้วย บอสรู้ได้อย่างไรว่าฉันกับพี่มาร์คมาทานข้าวที่ร้านนี้ ถ้าไม่ได้ตามพวกเรามา จะตามจองเวรจองกรรมกันไปถึงไหนนะผู้ชายคนนี้“อ้าว! บอสมาได้ไงครับ” เมื่อรู้ว่าเป็นบอสพี่มาร์คก็ตกใจเล็กน้อย เพราะคงไม่คิดว่าระดับผู้บริหารจะมาทานอาหารริมทางอย่างนี้“พอดีว่าหมิวชวนมาทานข้าวน่ะ ขอร่วมโต๊ะด้วยคนนายคงไม่มีปัญหานะ” ขอนั่งร่วมโต๊ะแต่ทว่าน้ำเสียงกลับแข็งกระด้าง ไม่มีมารยาทเอาซะเลย“เชิญเลยครับบอส” พี่มาร์คขยับเก้าอี้ให้บอส ส่วนหมิวก็เดินมานั่งฝั่งเดียวกับฉัน นางยังคงยิ้มให้ราวกับนางฟ้าผู้มีจิตใจโอบอ้อมอารี มีเมตตาต่อสัตว์โลกเมื่อทุกคนนั่งร่วมโต๊ะกันแล้วกลับไ
บทที่ 31อวสานแม้ว่าแก๊งสาวโสดแผนกบัญชี จะเคยมาเยี่ยมเยียนที่บ้านหลายต่อหลายครั้ง ทว่ากลับไม่เคยบอกเรื่องที่ฉันคืนดีกับบอสแล้ว วันนี้จึงตั้งใจจะเข้าไปบริษัทพร้อมกับเขา เปิดตัวในฐานะแฟนอย่างเป็นทางการ ไม่ได้อยากจะโอ้อวดแต่อยากจะเซอร์ไพรซ์คนที่เคยนินทาและดูถูก และที่สำคัญอยากจะเห็นหน้าหมิว ตอนที่นางเห็นฉันเดินควงคู่มากับบอส คิดแล้วก็รู้สึกสะใจบอสมารับฉันที่บ้านตั้งแต่เช้าตรู่ ก่อนจะใส่บาตรด้วยกัน แล้วช่วยแม่ขายของอยู่พักหนึ่ง จากนั้นจึงออกมาจากบ้านพร้อมกันเมื่อรถจอดสนิทในลานจอดรถของบริษัท ฉันก็หันไปยิ้มให้เขา อีกฝ่ายยิ้มตอบเอื้อมมาจับมือฉันไว้“ไม่คิดอยากจะกลับมาทำงานเหรอ”“จะให้ฉันกลับมาทำในตำแหน่งอะไรล่ะคะ”“ก็...เลขาส่วนตัวฉันไง”“ไม่เอาฉันไม่อยากไปแย่งตำแหน่งใครมาอีกแล้ว ฉันขอเป็นแม่ค้าขายข้าวแกงอยู่ที่บ้านดีกว่า หวังว่าคุณคงจะไม่รังเกียจแม่ค้าจนๆ อย่างฉันนะคะ”“ใครจะไปรังเกียจเมียตัวเองได้ลงคอล่ะครับ” ว่าแล้วเขาก็โน้มใบหน้ามาใกล้ หมายใจจะหอมแก้มแต่ทว่าฉันรีบเอื้อมมือไ
บทที่ 30คุณบอสสุดที่รักวันนี้เป็นวันหยุดบอสจึงมาช่วยขายข้าวแกงตั้งแต่เช้าตรู่ ตั้งใจทำคะแนนพิชิตใจแม่ เอาใจท่านราวกับเจ้าหญิงก็ไม่ปานหลังจากการขายของในช่วงเช้าผ่านไปแล้ว ก็ถึงเวลาพักผ่อนของแม่ค้าอย่างเราๆ ตอนนี้ฉันกับแม่นั่งดูทีวีอยู่ในบ้าน ส่วนอิงฟ้าออกไปเที่ยวกับเพื่อนข้างนอก“เจ้านายแกกลับไปแล้วเหรอ ฉันว่าแล้วอยู่ได้ไม่นานหรอก” แม่เอ่ยพลางกวาดสายตามองไปรอบบ้าน แต่ก็ไม่เจอแม้แต่เงาของแขกผู้มาเยือน“เปล่านะแม่ เห็นบอกว่าจะไปเอาอะไรที่รถน่ะ”“อ้าวเหรอ…ฉันก็นึกว่ากลับไปแล้วซะอีก” แม่พยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะหันไปสนใจหน้าจอทีวีต่อหลังจากนั้นไม่นานชายหนุ่มร่างสูงโปร่ง ใบหน้าหล่อเหลาราวกับเทพบุตรก็เดินเข้ามา ในมือเขามีถุงอะไรบางอย่างมาด้วย เห็นอย่างนั้นฉันก็มองหน้าเขา ขมวดคิ้วเล็กน้อยเชิงถามว่ามันคืออะไร อีกฝ่ายเอาแต่ยิ้มแล้วเดินนำมาวางไว้บนโต๊ะกระจกกลางวงโซฟา“อะไรเหรอคุณ?”“ฉันซื้อของมาฝากคุณแม่น่ะ” เขาตอบก่อนจะหันไปเอ่ยกับแม่ต่อทันที “คุณแม่ครับผมซื้อของมาฝาก”แม่ค่อ
บทที่ 29เขาคือคนที่ใช่ที่สุดแล้วหลังจากแยกทางกับพี่มาร์คแล้ว ฉันก็เดินออกมาหาบอสที่หน้าห้างตามสัญญา เมื่อมาถึงฉันก็ยืนอยู่ลานหน้าห้าง มองไปรอบตัวเพื่อหาเขาคนนั้น คนไม่เยอะแต่กลับหาไม่เจอแม้แต่เงาหมับ!รู้สึกตัวอีกทีก็มีใครบางคนมาสวมกอดจากด้านหลัง ด้วยความตกใจจึงพยายามดิ้น และแกะมือหนานั้นออกทันที“ปล่อยนะไอ้โรคจิต!”“อ้าว! เธอมีแฟนเป็นคนโรคจิตงั้นเหรอ” เสียงทุ้มเอ่ยข้างใบหูทำให้ฉันหยุดชะงัก แล้วยืนนิ่งทันที“บอส!!! ปล่อยเดี๋ยวนี้เลยนะ คนมองกันใหญ่แล้วนั่น” ใครจะไม่อายล่ะในเมื่อตอนนี้ฉันยืนอยู่ตรงกลางลานเลยล่ะฟอดด!!!“ไม่แกล้งแล้วครับ ต่อไปนี้จะตามใจเมียทุกอย่าง” ก่อนจะคลายอ้อมแขนเขาก็ไม่ลืมหาเศษหาเลย โดยการหอมแก้มฟอดใหญ่ฉันพลิกตัวหันไปมองหน้าเขาหลังจากนั้น ก่อนจะยู่หน้าใส่อย่างเอาเรื่อง“ใครเป็นเมียคุณไม่ทราบ!”“ก็เธอไงล่ะ”“เอาใหญ่แล้วนะเรา” ทำไมฉันจะต้องยิ้มเขินด้วยนะ ทำไมฉันจะต้องหลบตาเขา เกลียดตัวเองที่ไม่สามารถปกปิดความรู้สึกตัวเองได้เล
บทที่ 28พี่ชายการออกเดตในคืนนั้นทำให้คำตอบในใจฉันชัดเจนขึ้น ต้องขอบคุณพี่มาร์คที่ให้ฉันได้มีโอกาสทบทวนตัวเองอีกครั้ง จนได้พูดคุยและปรับความเข้าใจกับบอสจนได้เรานัดเจอกันที่ร้านกาแฟในศูนย์การค้าชื่อดังแห่งหนึ่ง ระหว่างนั่งรอพี่มาร์ค ก็มีสายใครบางคนโทรเข้ามา เมื่อดูหน้าจอมือถือฉันก็ยิ้มน้อยๆ ออกมา คงไม่ใช่ใครที่ไหนหรอกค่ะ...“ว่าไงคะ”(ทำอะไรอยู่ครับคนสวย)“เอ่อ...ฉันมาทำธุระข้างนอกค่ะ”(ธุระอะไร? มากับใคร? ตอนนี้อยู่ที่ไหน?)“ธุระส่วนตัวค่ะ มาคนเดียวที่ห้างแถวบ้านนี่ล่ะ” ถามซะขนาดนี้มาหาเลยดีไหมคะ(ฉันกำลังจะออกจากบริษัทพอดีเลยเดี๋ยวแวะไปหานะ จะได้ขับรถไปส่งที่บ้านด้วย)“ไม่ต้องมาหรอกค่ะ ฉันกลับเองได้และอีกอย่างคุณไม่กลัวแม่จะด่ารึไงกัน”(มาถึงขั้นนี้แล้วจะกลัวทำไมล่ะ ถึงตายฉันก็ยอม...เพื่อเธอ)“ถ้างั้นก็...มารอที่หน้าห้างนะคะ เสร็จธุระแล้วฉันจะโทรหา”(ว่าแต่เธอมาทำธุระอะไรยังไม่ตอบเลยนะ)“วันนี้ฉันนัดกับพี่มาร์คไว้ค่ะ” ฉันตอบตามความจริง
บทที่ 27ฉันรักเธอนะนี่สินะเหตุผลที่แม่เด็กกระเตงลูกสาวมาด้วย เพราะเจ้าหนูคนนี้ช่างพูดช่างเจรจา สามารถเรียกลูกค้าได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว“อ้อนเก่งจังเลยนะเรา” เขาเอื้อมมือไปลูบกลางกระหม่อมเด็กหญิงอย่างเอ็นดู จากนั้นก็หันไปเอ่ยแม่ของเด็กต่อ “งั้นผมขอเหมาหมดเลยนะครับ ทอดแค่สิบไม้นอกนั้นห่อใส่ถุงนะครับ”“ขอบคุณมากๆ นะคะ มาทีไรก็เหมาอย่างนี้ทุกครั้งเลยใจดีสุดๆ”เห็นอย่างนั้นฉันก็อดยิ้มไม่ได้ อาจเป็นเพราะไม่เคยเห็นมุมนี้ของเขามาก่อน ทำให้รู้สึกว่าเขาก็มีความอ่อนโยนอยู่เหมือนกัน แค่ไม่เคยทำอย่างนั้นกับฉันเท่านั้นเอง“วันนี้พี่ติณณ์พาแฟนมาด้วยเหรอคะ” เด็กน้อยถามพลางจ้องมองมาที่ฉันตาแป๋ว“ไม่ใช่หรอกจ้ะพี่เป็นแค่คนรู้จัก” ฉันตอบโดยพยายามไม่มองหน้าเขา“จริงเหรอคะพี่ติณณ์”“อืม...พี่ไม่กล้าตอบอ่ะเพราะพี่ไม่ได้คิดอย่างนั้น” เขาเอ่ยออกมาตรงๆ ทำเอาฉันหน้าร้อนขึ้นมาทันที รู้สึกอายอย่างบอกไม่ถูก ไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าเด็กหญิงคนนั้น“แล้วพี่คิดยังไงล่ะคะ” เด็กน้อยถามเขาต่อ“
บทที่ 26ออกเดตฉันนอนคิดไตร่ตรองมาตลอดทั้งคืน จนได้ข้อสรุปว่าจะให้โอกาสเขาอีกครั้ง แม้จะยังโกรธอยู่ไม่น้อย แต่พอมาคิดดูแล้วทุกอย่างมันก็มีที่มาที่ไป เขาไม่ได้ร้ายกาจโดยเนื้อแท้ แต่เป็นเพราะเคยโดนหักหลังมาก่อนทำให้มีอคติกับผู้หญิง แถมฉันยังไปทำพฤติกรรมเข้าข่ายเป็นผู้หญิงแบบที่เขาเกลียดอีกด้วยก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!“พี่ดาวเปิดประตูให้ฉันหน่อย”กำลังแต่งหน้าอยู่ดีๆ ยัยน้องสาวตัวแสบก็มาเคาะประตูห้อง จะทำอย่างไรดีเนี่ย หากเข้ามาเห็นสภาพฉันในตอนนี้คงจะสงสัยเป็นแน่ เพราะตอนนี้ฉันสวมชุดไปรเวทเตรียมพร้อมออกไปเที่ยวข้างนอก“แกมีอะไร” ฉันตะโกนส่งเสียงออกไปแต่ยังไม่ยอมลุกจากเก้าอี้“ฉันมีอะไรจะพูดด้วย ขอเข้าไปหน่อยดิ”“เอาไว้วันหลังละกัน ตอนนี้ฉันง่วงมากจะนอนแล้ว”“ง่วงอะไรแต่หัวค่ำอย่างนี้ อย่ามาโกหกหน่อยเลยน่า”“ก็บอกว่าง่วงไงยะไม่เข้าใจเหรอ” ยัยน้องสาวบ้า ทำไมถึงได้ดื้อด้านอย่างนี้ ไปซึมซับเอานิสัยคุณติณณภพมาตั้งแต่ตอนไหนเนี่ย“พี่ทำอะไรอยู่กันแน่ ฉันชักจะเริ่มสงสัยซะแล้ว
บทที่ 25หรือจะลองเสี่ยงทานมื้อเย็นจนอิ่มหนำสำราญแล้ว ก็ถึงเวลาที่ตองจะต้องกลับบ้าน ฉันกับอิงฟ้าเดินออกมาส่งแขกที่หน้าบ้าน ส่วนแม่ก็ไปอาบน้ำเตรียมตัวเข้านอน“จะกลับยังไงล่ะตอง” เห็นว่าค่ำมืดแล้วฉันก็นึกเป็นห่วง เพราะตองเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กน่ารัก แถมยังเป็นลูกคุณหนูอีกด้วย เกรงว่าหากกลับคนเดียวจะเป็นอันตราย“อ๋อ...ตองให้รถที่บ้านมารับค่ะน่าจะใกล้มาถึงแล้วล่ะ”“ถ้างั้นเดี๋ยวพี่รอเป็นเพื่อนนะ”“ขอบคุณค่ะพี่ดาว” ตองส่งยิ้มให้ก่อนจะหันไปเอ่ยกับเพื่อนรัก “แกฉันขอคุยกับพี่ดาวเป็นการส่วนตัวหน่อยสิ” ตองยักคิ้วให้เพื่อนเหมือนรู้กัน“โอเคๆ งั้นฉันเข้าบ้านก่อนนะไว้เจอกันพรุ่งนี้”“บาย”ฉันเดาว่าเรื่องที่ตองอยากจะคุยด้วยคงไม่พ้นเรื่องของบอสนั่นล่ะ ดีไม่ดีคงได้รับคำสั่งมาจากพี่ชาย ให้มาเจรจากับฉันเป็นแน่“ตองมีอะไรจะคุยกับพี่เหรอ”“เฮียเล่าเรื่องทั้งหมดให้ตองฟังแล้ว ตองเลยอยาก....”นั่นไงคิดเอาไว้ไม่มีผิด...“เปลี่ยนเรื่องได้ไหมพี่ไม่อยากเอ่ยถึงเขาอีกแล้ว”
บทที่ 24แขกผู้น่ารักวันต่อมาร้านขายข้าวแกงก็เข้าสู่ภาวะปกติเหมือนเช่นเคย ไม่มีหน้าม้าที่บอสจ้างมา ทำให้บรรยากาศการขายราบรื่นสบายๆ ไม่ต้องเร่งเหมือนเมื่อวาน ฉันเริ่มสนุกกับการเป็นแม่ค้าขายข้าวแกงซะแล้วสิ แม้จะไม่ได้แต่งตัวอยู่ในห้องแอร์สวยๆ แต่ทว่ากลับรู้สึกมีความสุขทางใจมากมายเหลือเกิน ได้พบเจอพูดคุยกับคนคุ้นเคยในละแวกบ้าน ได้ยิ้ม ได้หัวเราะ ได้อยู่กับคนที่เรารักทุกวัน มันเป็นอะไรที่ฉันไม่เคยนึกว่าจะเกิดขึ้นได้ในชีวิตนี้ช่วงเย็นหลังเลิกงานพี่มาร์คมาหาฉันที่บ้าน แม่จึงตั้งใจทำกับข้าวต้อนรับว่าที่ลูกเขยอย่างสุดฝีมือ ฉันจะเข้าไปช่วยในครัวแต่ก็ไม่ยอม ผลักไสให้ออกมานั่งคุยเป็นเพื่อนพี่มาร์คซะงั้นฉันยกถาดผลไม้พร้อมกับแก้วน้ำเย็น มาวางไว้กลางโต๊ะหินอ่อนหน้าบ้าน ก่อนจะนั่งลงฝั่งตรงข้าม ส่งยิ้มให้เขาเหมือนเช่นเคย พี่มาร์คนั่งเงียบราวกับมีเรื่องอัดอั้นในใจ เห็นอย่างนั้นฉันก็อดเป็นห่วงไม่ได้ อยากรู้ว่าเรื่องอะไรที่ทำให้คนอย่างเขากลัดกลุ้มได้“วันนี้ขายดีไหมครับ”“ก็ดีค่ะ...ปกติแล้วขายหมดทุกวันนั่นล่ะ
บทที่ 23ง้อเช้าวันใหม่ที่สดใสของฉันได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ฉันลุกขึ้นมาตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อช่วยแม่ทำกับข้าว เมื่อเสร็จแล้วก็นำถาดออกมาวางเรียงรายไว้บนโต๊ะหน้าบ้าน ก่อนจะนำถุงแกงที่เตรียมไว้ไปใส่บาตรเพื่อเอาฤกษ์เอาชัย นี่เป็นการตกงานที่มีความสุขที่สุดในโลกเลยล่ะ หลังจากช่วยแม่จัดร้านเรียบร้อยแล้ว ฉันก็ขอตัวขึ้นไปเติมหน้าสักหน่อย เผื่อว่าความสวยของฉันจะช่วยเรียกลูกค้าให้เพิ่มมากขึ้นได้ ฮ่าๆ ๆขณะสาวเท้าเดินขึ้นไปบนห้อง ก็สวนทางกับยัยน้องสาวตัวแสบ นางแต่งชุดนักเรียนลงมาจากห้องเตรียมพร้อมจะออกไปเรียน เมื่อเห็นฉันใส่ชุดไปรเวทก็ขมวดคิ้วจนเป็นปม มองราวกับสงสัยซะเต็มประดา“อ้าว! วันนี้พี่ไม่ไปทำงานเหรอ”“นี่แม่ยังไม่ได้บอกแกเหรอว่าฉันลาออกแล้ว”“ห๊ะ! ลาออกแล้ว ทำไมอ่ะ” อิงฟ้าทำหน้าตกใจอย่างหนักหน่วง เพราะก่อนหน้านี้ฉันไม่เคยบ่นเรื่องงานให้ใครฟังเลย พอมันได้ยินก็ตกใจไม่ต่างจากแม่ในตอนแรก“เบื่อคน” ฉันตอบสั้นๆ“ใคร! เพื่อนที่ทำงานเหรอ”“ไม่ต้องรู้หรอกน่า รีบไปเรียนเถอะฉันจะขึ้นไปแต่งหน