บทที่ 7
รอยยิ้มเจ้าเล่ห์
ฉันรีบหันขวับกลับมาเมื่อรู้ว่าเป็นบอส จะทำยังไงดีหากเจอหน้าเขา ฉันกลัวว่าบอสจะเล่นอะไรพิเรนทร์ๆ แกล้งให้อับอายขายขี้หน้าอีกน่ะสิ
“มาช้าจริงเฮีย” เมื่อบอสเดินมาถึงตองจึงเอ่ยกับพี่ชายตัวเอง เขายังคงยืนอยู่ด้านหลังไม่รู้ว่าฉันเป็นใคร
“ก็บอกว่ามีธุระมาให้ก็บุญโขแล้ว ต้องทำอะไรบ้างล่ะ”
“งั้นเฮียไปเปลี่ยนชุดด้านโน้นก่อนนะ หล่อระดับเฮียค่อยมาตบแป้งเบาๆ ก็พอ”
“โอเคๆ รีบๆ หน่อยละกัน” ฟังจากน้ำเสียงแล้วคงจะถูกบังคับมา หากรู้ว่าคนที่นั่งอยู่ตรงนี้คือฉัน เขาจะทำหน้ายังไงนะ
หลังจากบอสเดินไปแล้วฉันก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก จนตองขมวดคิ้วมองมาอย่างสงสัย
“พี่ดาวถอนหายใจทำไมคะ”
“เอ่อ...พี่ตื่นเต้นน่ะไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน”
“ไม่ต้องตื่นเต้นขนาดนั้นหรอกค่ะ ถ่ายไม่นานหรอก แถมยังไม่มีบทพูดทำตามที่ผู้กำกับสั่งก็พอ”
“น้องตองคะ...ช่วยแต่งหน้าพี่แบบว่า...ให้คนอื่นจำไม่ได้ มันพอจะเป็นไปได้ไหม”
“เดี๋ยวตองจัดให้เลยค่ะ รับรองว่าสวยจนแม้แต่ไอ้ฟ้าก็จำไม่ได้แน่นอน” ตองเอ่ยกับฉันด้วยความมั่นใจ ฉันเชื่อว่าเด็กคนนี้ทำได้อย่างที่พูดแน่นอน
“ขอบใจจ้ะ”
จากนั้นตองก็ลงมือแต่งหน้าให้ฉัน อุปกรณ์ที่วางอยู่บนโต๊ะถูกนำขึ้นมาแต่งแต้มสีสันบนใบหน้าให้อย่างบรรจง ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงงานศิลป์บนใบหน้าก็เสร็จสิ้น พร้อมกับรูปลักษณ์ใหม่ที่ฉันก็แทบจำตัวเองไม่ได้
“สวยมากกกก...” ตองเอ่ยชมหลังจากฉันลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ นั่นเพราะขนตาปลอมที่หนาเป็นแพทำให้ความไม่คุ้นชินบังเกิดขึ้น รู้สึกหนักตาราวกับคนง่วงนอนพร้อมจะหลับได้ทุกเมื่ออะไรเทือกนั้น
ฉันหยิบกระจกขึ้นมายลโฉมตัวเองก็ถึงกับตกใจ จากคนที่ไม่ชอบเรื่องการแต่งหน้าพอได้แต่งแล้วก็แทบจำตัวเองไม่ได้ นี่ฉันจริงๆ เหรอเนี่ย
“นะ...นี่พี่จริงๆ ใช่ไหมจ๊ะ”
“ใช่ค่ะพี่ดาวสวยมากจริงๆ ถ้าคนรู้จักได้มาเห็นรับรองว่าจำไม่ได้แน่ๆ”
“น้องตองเก่งมาเลยอ่ะทำผีให้เป็นนางฟ้าได้ขนาดนี้”
“ใครบอกว่าผี พี่ดาวสวยอยู่แล้วต่างหากล่ะยิ่งได้แต่งหน้ายิ่งสวยเข้าไปใหญ่ แต่ถ้าจะให้ดีห้ามใส่แว่นอีกนะคะ แล้วก็หัดแต่งหน้าทำผมจะได้สวยทุกวัน” ตองแนะนำ
“พี่ไม่ชินอ่ะ แต่กลับไปบ้านจะลองดูละกันนะ”
“พี่มีเครื่องสำอางไหมคะ”
“ไม่มีจ๊ะ พี่ไม่ชอบแต่งหน้า”
“ถ้างั้นเอาของพวกนี้ไปเลยตองให้ ที่บ้านตองมีอีกเยอะแยะเลย”
“ไม่เอาพี่เกรงใจ”
“จะเกรงใจทำไมคะ พี่ดาวเป็นพี่สาวเพื่อนตองนี่นา นะนะเอาไปเถอะ” เห็นสีหน้าจริงจังของตองฉันก็เริ่มใจอ่อน เอาก็เอาบ้านนางรวยขนาดนั้นแค่นี้ขนหน้าแข้งไม่ร่วงหรอก แต่ก็งงเล็กน้อยเพราะแบรนด์เครื่องสำอางที่ใช้เป็นแบรนด์นอก ไม่มีแบรนด์ที่บริษัทเลยสักอย่าง
“ถ้างั้นขอบใจนะจ๊ะ ถ้ามีโอกาสไปที่บ้านพี่นะจะทำกับข้าวเลี้ยงเป็นการตอบแทน”
“ค่ะพี่ดาว เอาไว้ว่างๆ หนูจะไปเยี่ยมที่บ้าน ตอนนี้เราไปเปลี่ยนชุดกันก่อนนะคะ”
“โอเคจ้ะ”
ดูท่าทางตองจะเป็นคนติดดิน ไม่ถือตัว ไม่ดูถูกคนจน ไม่หยิ่งเหมือนกับพี่ชายเลยสักนิด เป็นพี่น้องแท้ๆ กันหรือเปล่าเนี่ย
เราทั้งสองเดินไปเปลี่ยนชุดที่ห้องเปลี่ยนชุดเคลื่อนที่ซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก ตองเลือกชุดที่แขวนอยู่บนราวมาจากนั้นยื่นมาให้ฉันเข้าไปเปลี่ยน มันคือชุดเดรสเกาะอกสีชมพู กระโปรงฟูฟ่องพลิ้วไหวเมื่อยามต้องลม ฉันไม่เคยใส่อะไรแบบนี้มาก่อนมันก็ดูดีไปอีกแบบ
“ว้าววว!!! สวยมากเลยค่ะพี่ดาว” เมื่อฉันออกมาจากห้องเปลี่ยนชุด ตองก็ถึงกับตะลึงเมื่อเห็นภาพที่อยู่ตรงหน้า คนที่ชอบแต่งตัวเชยๆ อย่างฉันพอเปลี่ยนไปแบบนี้มันคงจะน่าตกใจมากสินะ
“ขอบใจจ้ะตอง เริ่มถ่ายกันตอนนี้เลยไหม”
“ตอนนี้เลยค่ะตอนนี้เฮียคงรออยู่แล้ว”
เราทั้งสองเดินไปยังสถานที่ถ่ายทำ ซึ่งอยู่ริมทะเลสาบขนาดใหญ่กลางสวนสาธารณะ บรรยากาศที่นี่ค่อนข้างดีมาก แม้ว่าแดดจะแรงไปนิดแต่ทว่ากลับมีลมโกรกโชยพัดมาเรื่อยๆ ทำให้รู้สึกเย็นได้บ้าง
เมื่อเดินไปถึงก็พบว่าบอสยืนรออยู่ก่อนแล้ว เขาสวมเสื้อเชิ๊ตเข้ารูปสีเดียวกับชุดฉันไม่ผิดเพี้ยน ติดกระดุมทุกเม็ดจนถึงต้นคอ มีสายเอี้ยมสีดำคาดบ่าทั้งสองดูเป็นคุณชายนิดๆ
นี่มันถ่ายเอ็มวีหรือพรีเวดดิ้งกันแน่เนี่ยยยย!!!
“นางเอกมาแล้วจ้า!!!” ตองตะโกนบอกกับทุกคน
ฉันพยายามก้มหน้าไม่อยากให้เขาได้เห็นถนัดตา แต่ทว่าอีกฝ่ายกลับจ้องเขม็งมาที่ฉัน ขมวดคิ้วมองอย่างสงสัย
“กรี๊ดดดด!!! นี่พี่สาวฉันจริงๆ เหรอเนี่ย” ยัยอิงฟ้ารีบวิ่งเข้ามาหาฉัน จับเนื้อตัวพลิกไปมาราวกับตัวประหลาด
นี่พี่สาวแกนะไม่ใช่เอเลี่ยนย่ะ!!!
“เป็นไงสวยล่ะสิ”
“มากกก!! ต่อไปนี้ลืมยัยเฉิ่มคนเก่าไปเลยนะ แบบนี้สิถึงจะมีแฟนกับเขาได้สักที”
“ฉันไม่อยากมีเองต่างหากไม่เห็นเกี่ยวเลย” ฉันก็พูดให้ดูดีไปอย่างนั้นเองละค่ะ ที่จริงแล้วยังไม่เคยมีใครมาจีบจริงๆ นั่นล่ะ
“ทุกอย่างพร้อมแล้วเริ่มถ่ายทำกันได้” เสียงน้องผู้ชายคนหนึ่งเอ่ยขึ้น เข้าใจว่าน่าจะเป็นผู้กำกับ
ทุกคนเริ่มเข้าประจำจุดทำหน้าที่ของตัวเอง ส่วนฉันถูกนำตัวให้ไปยืนข้างๆ บอส ถึงตอนนี้ก็เอาแต่ก้มหน้าไม่ยอมสบตาเขาเช่นเคย กลัวว่าอีกฝ่ายจะจำได้
“สวัสดีครับ...ไม่ทราบว่าเราเคยเจอกันมาก่อนรึเปล่า” บอสก้มหน้าลงมาเอ่ยถามฉันอย่างสงสัย แต่ทว่าฉันกลับเอียงหน้าหนีไปอีกทาง
“เอ่อ...ไม่เคยค่ะฉันเพิ่งเคยเจอคุณเป็นครั้งแรก”
“ถ้างั้นยินดีที่ได้รู้จักนะครับ”
“ค่ะ”
ในระหว่างที่เราสองคนกำลังทำความรู้จักกันอยู่นั้น เสียงน้องผู้กำกับก็ตะโกนดังเข้ามาอีกครั้ง
“ทั้งสองยืนจ้องหน้าแล้วยิ้มหวานให้กันครับ”
เมื่อได้ยินคำสั่งเราทั้งสองก็หันหน้าเข้าหากัน จากนั้นฉันก็ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นไปสบตาเขาอย่างกล้าๆ กลัวๆ เขาจะจำฉันได้ไหมนะอยู่ใกล้กันขนาดนี้แล้ว
“ใกล้อีกครับ” เมื่อได้ยินอย่างนั้นเราทั้งสองก็ขยับตัวเข้าหากันเรื่อยๆ จนกว่าผู้กำกับจะสั่งหยุด จนตอนนี้ใบหน้าห่างกันแค่นิดเดียวจนปลายจมูกจะสัมผัสกันอยู่แล้ว
“พอแล้วครับ พี่ผู้ชายเอื้อมมือไปกอดเอวพี่ผู้หญิงไว้ กระชับตัวเข้ามาแนบชิด จากนั้นก็สวมกอดกันอย่างช้าๆ ครับ”
ตึก! ตึก! ตึก!
เสียงหัวใจฉันเต้นแรงเมื่อได้ยินคำสั่งนั่น ทำไมจะต้องรู้สึกเขินอายมากขนาดนี้ด้วยนะ ทั้งที่ก่อนหน้ารู้สึกโกรธเกลียดเขามากเหลือเกิน กลิ่นน้ำหอมจากตัวเขาโชยเข้าจมูก มันช่างปลุกเร้าความกำหนัดในตัวฉันได้เป็นอย่างดี เขามีเสน่ห์เหลือล้นจนผู้หญิงที่ได้อยู่ใกล้ไม่อาจห้ามความรู้สึกตัวเองได้ แต่ฉันจะพยายามฝืนตัวเองเพื่อไม่ต้องตกเป็นเหยื่อเขาอีกแล้ว
“ตอนแรกฉันก็แค่สงสัย แต่พอได้กลิ่นตัวเธอฉันจำได้ดีเลยล่ะอิงดาว” เขาเอ่ยกระซิบข้างใบหูฉันเมื่อเราทั้งสองสวมกอดกันแล้ว เราต้องกอดกันอยู่อย่างนั้นจนกว่าผู้กำกับจะสั่งคัท
“คัท!”
เมื่อได้ยินเสียงสวรรค์นั่นฉันก็โล่งใจ พยายามจะผละตัวออกจากอ้อมกอดแต่ทว่าอีกฝ่ายกลับไม่ยอมง่ายๆ
“ปล่อยเดี๋ยวนี้นะบอส”
“ไม่ปล่อย”
“เด็กๆ กำลังมองไม่อายบ้างรึไง”
“อายทำไมในเมื่อมากกว่านี้เรายังเคยทำกันมาแล้ว”
เมื่อไม่ยอมฉันจึงใช้มือหยิกที่หน้าท้องเขาเต็มแรง
“โอ๊ย!”
สิ้นเสียงร้องโอดโอยเราทั้งสองก็ผละออกจากกัน ฉันรีบเดินออกห่างจากตัวเขาไปหาผู้กำกับ
“เป็นยังไงบ้างน้องโอเคไหม”
“โอเคครับ ว่าแต่เมื่อครู่ผมสั่งคัทแล้วทำไมพวกพี่ยังไม่ยอมแยกจากกัน มีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ”
“เอ่อ...พอดีมีปัญหานิดหน่อยจ๊ะ กระดุมเสื้อพระเอกมันติดที่ชุดพี่”
“ถ้างั้นถ่ายฉากต่อไปได้เลยครับพี่ ไปยืนรอสแตนด์บายที่เดิมได้เลย”
ฉันพยักหน้ารับ จากนั้นตองก็เดินมาซับหน้าให้
“พี่ดาวโอเคไหมคะ เฮียทำตัวรุ่มร่ามกับพี่มากเกินไปรึเปล่า”
“เปล่าหรอกจ้ะไม่มีอะไร” ฉันยิ้มให้ตองราวกับไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น
“ถ้างั้นสู้ๆ นะคะ”
“ขอบใจจ้ะ”
หลังจากนั้นก็เริ่มถ่ายทำฉากใหม่ คราวนี้ฉันต้องเป็นฝ่ายนั่งพับเพียบให้บอสนอนหนุนตัก ฉันต้องก้มมองหน้าเขาด้วยรอยยิ้ม ราวกับรักผู้ชายคนนี้มากที่สุดในโลก
“มองหน้าแล้วยิ้มหวานให้กันครับ ยิ้มไปเรื่อยๆ จากนั้นก็พูดคุยกันไปเรื่อยๆ จนกว่าผมจะสั่งคัทครับ”
ผู้กำกับสั่งมาอีกระลอก เราทั้งสองจ้องหน้ากันอย่างหวานซึ้ง เขาแสดงได้เก่งมากจนฉันเชื่อว่าเราทั้งสองเป็นคู่รักกันจริงๆ สายตาที่เขามองมานั้นช่างเต็มไปด้วยแรงเสน่หา บ่งบอกว่ากำลังต้องการตัวฉันมากเหลือเกิน รอยยิ้มแห่งมัจจุราชฉายออกมาให้เห็น สื่อว่าฉันกำลังจะตกเป็นเหยื่อของเขาในอีกไม่ช้า
“โดนฉันฟันแล้วทิ้งถึงกับอยากเปลี่ยนแปลงตัวเองเลยงั้นเหรอยัยเฉิ่ม”
“อย่าคิดว่าตัวเองจะมีอิทธิพลกับผู้หญิงทั้งโลก บอสมันก็แค่ผู้ชายที่เห็นแก่ได้เท่านั้นล่ะ”
“ปากดีขึ้นนี่สงสัยอยากโดนอีก ไม่เข็ดรึไง”
“มั่นหน้า! คิดว่าตัวเองหล่อมากขนาดนั้นเหรอ วินแถวหน้าบ้านหนูหล่อกว่านี้ตั้งเยอะแยะ” ฉันก็พูดเอาชนะเขาไปอย่างนั้นเอง แต่ที่จริงแล้วเขาคือผู้ชายที่หล่อที่สุดตั้งแต่ฉันเคยเห็นมา
เสียตัวไม่ว่าแต่เสียหน้าไม่ได้...
“อย่างน้อยวินพวกนั้นก็ไม่ได้แอ้มเธอเหมือนฉัน หรือว่าเธออ้าขาให้จนครบเกือบทุกคนแล้วหึๆ” เมื่อได้ยินอย่างนั้นฉันก็ชักสีหน้าใส่เขาอย่างไม่พอใจ กำลังจะพ่นคำก่นด่าออกไปแต่ทว่าอีกฝ่ายเตือนสติเอาไว้ก่อน
“อยากด่าก็ด่าเลย ฉันรู้นะว่าเธออยากอยู่ใกล้ฉันอย่างนี้นานๆ” คำพูดของเขาทำให้ฉันยิ้มหวานเหมือนเดิม เพราะไม่อยากจะโดนสั่งคัทแล้วเริ่มต้นถ่ายใหม่อีกครั้ง
“หลงตัวเอง สิ่งที่ผิดพลาดที่สุดในชีวิตหนูก็คือบอกรักบอสในวันนั้นจำไว้ด้วย”
“สิ่งที่ผิดพลาดในชีวิตฉันก็คือมีอะไรกับผู้หญิงอย่างเธอเหมือนกัน”
“สาธุ...โชคดีจังที่บอสคิดอย่างนี้ หนูจะได้สบายใจว่าจะไม่มีปีศาจตนไหนมาทำร้ายหนูอีก”
เขากำลังจะตอบกลับมาแต่ทว่าผู้กำกับได้สั่งคัทเสียก่อน
“คัท!”
ได้ยินอย่างนั้นฉันก็รีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว จนทำให้ศีรษะของบอสหล่นกระแทกบนพื้นหญ้า จากนั้นก็เดินสะบัดตูดกลับมาหาน้องสาวตัวแสบที่ยืนยิ้มให้ฉันอยู่แล้ว
“ใกล้เสร็จรึยัง ฉันอยากกลับแล้ว” ฉันกระซิบเบาๆ กับยัยอิงฟ้า กลัวว่าเพื่อนของมันจะได้ยินเข้า เดี๋ยวจะหาว่าฉันเรื่องมากอีก
“อีกสองสามฉากอ่ะพี่ ทนเอาอีกนิดนะ”
“โอเคๆ”
บอสเดินเข้ามาหาเราตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ อิงฟ้าส่งยิ้มข้ามศีรษะฉันไป เมื่อมองไปก็เจอกับพระเอกหน้าหล่อส่งยิ้มให้น้องสาวฉันอยู่นั่นเอง
“น้องเป็นน้องสาวของอิงดาวเหรอครับ”
“ใช่ค่ะ หนูไม่นึกเลยว่าพี่ชายของตองจะหล่อขนาดนี้” ดูท่าทางน้องสาวฉันจะติดกับผู้ชายคนนี้อีกคนไปแล้ว กลับบ้านจะต้องอบรมสั่งสอนกันให้เข็ดหลาบเลยคอยดู
“ขอบคุณครับน้อง ว่าแต่เราเคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่าน้า พี่คุ้นหน้าน้องมากๆ เลย” เขาปรายตามองมาที่ฉันอย่างร้ายกาจ ฉันจ้องเขม็งเพื่อสั่งห้ามให้เขาปากมากพูดถึงเรื่องเมื่อวาน
“เปล่านะคะหนูเพิ่งเคยเห็นหน้าพี่ติณณ์” อิงฟ้าขมวดคิ้ว ทำท่าคิดไปด้วย
“ยัยฟ้าเราไปคุยกันที่อื่นดีกว่า” ฉันรีบดึงตัวน้องสาวให้ออกไปจากตรงนั้น แต่ทว่าบอสกลับเอ่ยประโยคนั้นออกมาจนได้
“อ้อ! จำได้แล้วเมื่อวานที่ไปส่งอิงดาวที่บ้านไง ว่าอยู่คุ้นๆ หน้า”
“อ้าว! โลกกลมจังเลยนะคะไม่นึกว่าพี่ชายตองจะเป็นเจ้านายของพี่ดาวนี่เอง”
“ใช่แล้วครับ โลกกลมสุดๆ” ฉันเกลียดรอยยิ้มเจ้าเล่ห์นี้เหลือเกิน
“วันนั้นพวกพี่ไปทำอะไรกันมาคะ หนูถามพี่ดาวก็ไม่ยอมบอก” เอาแล้วไงยัยน้องบ้า หาเรื่องให้ฉันต้องอับอายขายขี้หน้าอีกแล้ว ถ้าผีเจาะปากเขาให้พูดตรงๆ ออกมา มีหวังฉันต้องเอาปี๊บคลุมหัวเดินกลับบ้านแน่ๆ
“เข้าฉากกันได้แล้วครับ”
เมื่อได้ยินเสียงผู้กำกับฉันก็โล่งใจราวกับได้ยกภูเขาออกจากอก รีบเดินออกไปจากตรงนั้น โดยไม่ลืมที่จะจูงแขนบอสไปด้วย เพราะกลัวว่าจะหว่านเสน่ห์ใส่น้องสาวฉันอีกคน
จากนั้นเราก็เริ่มถ่ายทำกันต่อ ถ่ายไปได้อีกสามฉากก็ถือเป็นอันเสร็จสิ้นกระบวนการ ฉันรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อจะได้รีบกลับบ้าน ร่ำลาเพื่อนๆ ของยัยอิงฟ้าแล้วก็เดินไปที่ถนนใหญ่เพื่อนั่งรถเมล์กลับ โดยไม่สนใจว่าบอสเลยสักนิด
บทที่ 8เป็นเมียฉันก็ต้องรักฉันสิขณะนั่งรอรถอยู่นั้นก็มีใครบางคนมาดึงแขนฉุดให้ลุกขึ้น ฉันจึงรีบสะบัดแขนทันที กำลังจะหันไปด่า แต่ทว่าคำพูดมันกลับจุกอยู่ที่คอหอยเพราะเขาคนนั้นคือบอสนั่นเอง“บอส!”“เดี๋ยวฉันไปส่ง”“ไม่ไป! หนูกลับเองได้”“ก็ฉันบอกว่าจะไปส่งไงล่ะ อย่าเล่นตัวไปหน่อยน่า”“ไหนบอกว่ารังเกียจคนจนอย่างหนูมากไงคะ ทำไมถึงได้ตามก้นมาอย่างนี้ อย่าบอกนะว่าบอสเริ่มติดใจหนูแล้ว” ฉันยิ้มเยาะให้เขารู้ตัวว่ากำลังจะกลืนน้ำลายตัวเอง ปากก็บอกว่าฉันไม่คู่ควรแต่การกระทำกลับไม่ใช่เลย“อย่าหลงตัวเองไปหน่อยเลย คนอย่างเธอมันก็เป็นได้แค่ของเล่นฉันเท่านั้นล่ะ มานี่!” เขากึ่งลากกึ่งดึงฉันให้เดินไปที่รถ ที่จอดอยู่ห่างจากป้ายรถเมล์ไม่ไกลคนที่เดินผ่านไปมาต่างก็มองด้วยความตกใจ บางคนมองบอสราวกับเป็นผู้ร้าย ฉันจึงพยายามร้องขอให้เขาช่วย“ช่วยด้วยค่ะนายคนนี้กำลังจะฉุดฉัน”“แค่ผัวไม่ทำการบ้านทำเป็นงอนนะที่รัก เมียผมก็งี้ล่ะครับงอนบ่อยๆ ชอบให้ผมง้อด้วยวิธีนี้ เธอไม่ค่อยจะเต็มน่ะครับอ
บทที่ 9โสดค่ะเช้าวันทำงานที่น่าเบื่อเหมือนทุกวันวนกลับมาอีกครั้ง ฉันรีบเดินเข้ามาในบริษัทด้วยความเร่งรีบเพื่อสแกนนิ้วให้ทันเวลา ความเร่งรีบทำให้ฉันลืมตัวไปว่าไม่ได้มาในรูปลักษณ์เดิม วันนี้ฉันตื่นตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อให้ยัยฟ้าแต่งหน้าทำผมให้ และผลที่ออกมาก็น่าพอใจเป็นที่สุด“พนักงานใหม่รึเปล่าเนี่ยสวยมากอ่ะแก”“ฉันว่าไม่ใช่หรอกนี่ว่าหน้าคุ้นๆ อยู่นะ แต่นึกชื่อไม่ออก”“เออว่ะ คุ้นหน้าจริงๆ”เสียงพนักงานสาวสองคนที่ยืนอยู่ไม่ไกลเอ่ยนินทาในระยะเผาขน ตอนแรกเข้าใจว่าพูดถึงคนอื่น แต่พอปรายตาไปมองก็พบว่าเจ้าหล่อนทั้งสองกำลังจ้องมองมาที่ฉัน เมื่ออีกฝ่ายรู้ตัวก็รีบเดินหนีไปอีกทางโดยเร็ว“สงสัยต้องแต่งหน้าทำผมมาทุกวันซะแล้วสิ” ฉันยิ้มอย่างภาคภูมิใจกับตัวเอง จากนั้นจึงรีบเดินเข้าไปยังแผนก กะจะไปเซอร์ไพรซ์พวกพี่ๆ สักหน่อยในระหว่างทางพนักงานคนอื่นๆ ต่างก็มองมาที่ฉันพร้อมกับมีเครื่องหมายคำถามบนใบหน้า หนุ่มๆ ที่เคยเมินต่างก็จ้องตาเป็นมัน ราวกับฉันเป็นดอกไม้แรกแย้มที่น่าเชยชมเป็นที่
บทที่ 10หนูเกลียดบอสก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!“ขออนุญาตเข้าห้องค่ะ”“เชิญ”มือน้อยๆ ของฉันหมุนลูกบิดประตูเปิดเข้าไปในห้อง ใบหน้าหล่อปรากฏรอยยิ้มของมัจจุราชจนฉันรู้สึกหวั่นใจ บอสกำลังนั่งไขว่ห้างเอนหลังบนเก้าอี้อย่างสบายใจ ราวกับตั้งใจรอต้อนรับฉันโดยเฉพาะ“ไม่ทราบว่าบอสมีธุระอะไรกับหนูเหรอคะ” ฉันยืนตรงหน้าโต๊ะทำงานเขาในท่าทีสุภาพ ทำตัวราวกับเรื่องเมื่อวานไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน“ทำไมต้องทำตัวเหินห่างอย่างนั้นด้วยล่ะ”“นี่คือที่ทำงานค่ะ รีบพูดธุระของบอสมาเถอะหนูจะได้รีบกลับไปทำงาน”“สงสัยปีนี้ต้องยกตำแหน่งพนักงานดีเด่นให้เธอซะแล้วล่ะ เก่งทั้งเรื่องงานและเรื่องอย่างว่าหึๆ” เขาหัวเราะในลำคอเบาๆ“แต่คงไม่เก่งเหมือนอย่างบอสหรอกนะคะ เรื่องการเอาเปรียบผู้หญิง”“อย่าคิดว่าสวยแล้วจะปากดีใส่ฉันได้ คืนนี้เธอต้องไปค้างที่คอนโดฉัน”นี่สินะธุระที่เขาจะบอก ไร้สาระสิ้นดี“เรื่องอย่างนี้บอสส่งไลน์บอกก็ได้มั้งคะ ไม่จำเป็นต้องเรียกหนูเข้ามาถึงในห้อง เพราะหนูไม่อยากใ
บทที่ 11มัดมือชกใครจะรู้ว่าหลังจากวันนั้นฉันก็เริ่มฮอตขึ้นมาทันที จากตอนแรกที่ไม่คิดว่าจะมีหนุ่มๆ สนใจ แต่กลับตรงกันข้าม จนตอนนี้ไม่รู้ว่าจะเลือกคบกับใครดี อาจจะดูเหมือนเกินจริงแต่ทว่ามันได้เกิดขึ้นแล้วตอนนี้ฉันกำลังเดินหอบเอกสารปึกใหญ่ เข้าไปในห้องทำลายเอกสารเพียงลำพัง เนื่องจากฉันเป็นน้องเล็กสุดเรื่องอะไรพวกนี้จึงตกมาเป็นหน้าที่อย่างช่วยไม่ได้ เมื่อเดินเข้าไปในห้องก็พบว่ามีช่างกำลังซ่อมแอร์อยู่ ฉันจึงชะงักเล็กน้อยแล้ววางเอกสารไว้บนโต๊ะ“อ้าว! แอร์เสียหรอกเหรอคะเนี่ย”“ต้องรออีกแปบนะครับคนสวย ผมเปิดหน้าต่างไว้แล้วน่าจะช่วยระบายอากาศได้บ้าง” ชายหนุ่มที่กำลังนั่งอยู่บนบันไดหันมาเอ่ยด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม สวมชุดหมีสีกรมท่าดูแล้วคงจะอยู่ฝ่ายวิศวกรรม ใบหน้าเขาหล่อไม่น้อย ฉันเพิ่งรู้ว่ามีคนหล่อเทียบเท่าบอสในบริษัทด้วยแฮะ“ไม่มีปัญหาค่ะ ซ่อมตามสบายเลยค่ะพี่” ฉันยิ้มให้เขา จากนั้นก็หันมาสนใจงานของตัวเองบ้าง เสียบปลั๊กแล้วก็เปิดเครื่อง หย่อนเอกสารลงไปในช่องเพื่อเข้าสู่กระบวนการทำลายในระหว่างนั้น
บทที่ 12ความอ่อนโยนเมื่อรถหรูเคลื่อนล้อมาจอดเทียบหน้าบ้านแล้ว ฉันยังคงนั่งนิ่งไม่ยอมขยับเขยื้อนตัว นั่นเพราะไม่อยากให้เขาเข้าไปในบ้านด้วยเลยสักนิด แม่เดินมายืนจ้องๆ มองๆ ที่หน้ารถเพื่อดูว่าเป็นใคร ก่อนจะยิ้มแก้มฉีกเมื่อเห็นฉันนั่งอยู่ในรถด้วย“จะลงไม่ลง” เขาเอียงหน้ามาถามด้วยสีหน้าเรียบเฉย ทำเป็นทองไม่รู้ร้อน แม้จะเห็นว่าตอนนี้หน้าฉันกำลังบึ้งตึงมากแค่ไหน“บอสจะค้างจริงๆ เหรอคะ แค่ทานข้าวเย็นก็พอแล้วมั้ง”“ฉันจะค้าง” เขาเอ่ยเสียงเข้มขึ้น สายตาคมที่มองมาราวกับกำลังสะกดจิตให้ฉันยอมศิโรราบ“เฮ้อ! เอาแต่ใจจริงๆ คอยดูเถอะหนูจะหางานใหม่ บอสจะได้ไม่ต้องบังคับหนูได้อีก”“ถึงเธอจะไปทำงานที่อื่นก็อย่าหวังว่าจะหนีฉันได้ ฉะนั้นอย่าแม้แต่จะคิด จะลงไปได้หรือยังแม่เธอยิ้มน้อยยิ้มใหญ่รออยู่แล้วโน่น”เมื่อหันไปมองก็เป็นอย่างที่บอสพูดจริงๆ ลงจากรถไปแล้วคงจะปูพรมแดงต้อนรับบอสซะดิบดีเลยล่ะสิท่า“อย่าทำตัวรุ่มร่ามละกันหนูขอแค่น
บทที่ 13สาบานว่าเธอไม่ได้โกหกหลังจากวันที่บอสมานอนค้างบ้านฉัน เขาก็เริ่มเทียวไปหาแม่บ่อยขึ้นแต่ไม่ได้ค้างคืนเหมือนวันนั้น แม่และน้องสาวฉันปลื้มเขามาก จนอยากจะยกตำแหน่งลูกเขยและพี่เขยให้ซะเต็มประดา แต่ฉันกลับไม่เข้าใจว่าเหตุใดบอสต้องทำอย่างนี้ ทั้งๆ ที่เขายังคงเย็นชากับฉัน เห็นเป็นแค่ที่ระบายความใคร่ ราวกับทำไปเพื่อต้องการเอาชนะฉัน ต้องการเอาชนะผู้หญิง ซึ่งฉันเองก็ไม่รู้ว่าเขามีความแค้นฝังใจกับผู้หญิงมาก่อนหรือเปล่าฉันกำลังนั่งรอรถเมล์เหมือนเช่นทุกวัน พลางนึกถึงเรื่องราวระหว่างฉันกับบอสไปด้วย ในระหว่างนั้นก็มีรถบิ๊กไบค์คันหนึ่งขับมาจอดตรงหน้า ชุดที่เขาสวมใส่ดูคุ้นตาราวกับชุดหมีของฝ่ายวิศวกรรม เมื่ออีกฝ่ายถอดหมวกกันน็อกออกมา ก็พบว่าคือพี่มาร์คนั่นเอง เขาส่งยิ้มหล่อมาให้ทำเอาใจฉันแทบจะละลาย“อ้าว! พี่มาร์คสวัสดีค่ะ” ฉันยกมือไหว้เขา“สวัสดีครับ ขึ้นรถเร็วไปกับพี่”“ไม่เป็นไรค่ะเดี๋ยวรถเมล์ก็มาแล้ว”“มาเถอะพี่อุตส่าห์จอดรับขนาดนี้แล้ว”“ก็ได้ค่ะ ขอบคุณนะคะ” ฉันจำต้องยอมรับน้ำใจพี่มา
บทที่ 14แขกไม่ได้รับเชิญ“ก็หนูนี่ไงคะไม่ได้ชอบผู้ชายรวยๆ” ฉันอยากให้พี่มาร์ครู้ว่ายังมีฉันคนหนึ่ง ที่ไม่ได้มองผู้ชายแค่ความรวย (แม้ว่าจะเคยหลงผิดมาช่วงหนึ่งก็ตามที)“ที่พูดออกมาสาบานว่าเธอไม่ได้โกหก!”นั่นไม่ใช่เสียงพี่มาร์คนะคะ แต่เป็นเสียงบอสที่กำลังเดินตรงมาหาเราที่โต๊ะ แถมไม่ได้มาคนเดียวอีกต่างหาก มียัยหมิวเดินยิ้มปลอมๆ ข้างกายเขาอีกด้วย บอสรู้ได้อย่างไรว่าฉันกับพี่มาร์คมาทานข้าวที่ร้านนี้ ถ้าไม่ได้ตามพวกเรามา จะตามจองเวรจองกรรมกันไปถึงไหนนะผู้ชายคนนี้“อ้าว! บอสมาได้ไงครับ” เมื่อรู้ว่าเป็นบอสพี่มาร์คก็ตกใจเล็กน้อย เพราะคงไม่คิดว่าระดับผู้บริหารจะมาทานอาหารริมทางอย่างนี้“พอดีว่าหมิวชวนมาทานข้าวน่ะ ขอร่วมโต๊ะด้วยคนนายคงไม่มีปัญหานะ” ขอนั่งร่วมโต๊ะแต่ทว่าน้ำเสียงกลับแข็งกระด้าง ไม่มีมารยาทเอาซะเลย“เชิญเลยครับบอส” พี่มาร์คขยับเก้าอี้ให้บอส ส่วนหมิวก็เดินมานั่งฝั่งเดียวกับฉัน นางยังคงยิ้มให้ราวกับนางฟ้าผู้มีจิตใจโอบอ้อมอารี มีเมตตาต่อสัตว์โลกเมื่อทุกคนนั่งร่วมโต๊ะกันแล้วกลับไ
บทที่ 15เธอได้โดนแน่ยัยเด็กดื้อ“มะ...” กำลังจะเรียกแม่อีกครั้ง แต่ทว่าฉันกลับจุกในลำคอแทบพูดไม่ออก เมื่อเห็นบอสนั่งหน้าสลอนอยู่กับแม่และน้องสาว ทั้งหมดกำลังจ้องมองมาราวกับว่าฉันเป็นผู้ร้ายฆ่าคนตายซะอย่างนั้น ส่วนเขาน่ะเหรอยิ้มมุมปากราวกับซาตานร้ายก็ไม่ปาน จะเล่นงานอะไรฉันอีกล่ะเนี่ย ครั้งนี้จะไม่ยอมแล้วนะ!“ทำไม? เห็นฉันถึงกับพูดไม่ออกเลยเหรอ” เขายิ้มมุมปากราวกับซาตานร้ายก็ไม่ปาน“บอสมาที่นี่ทำไม แล้วมาฟ้องอะไรแม่หนู” ฉันเดินตรงไปหาทุกคน วางถุงขนมเบื้องไว้บนโต๊ะ ก่อนจะหย่อนก้นนั่งลงข้างน้องสาว ทำตัวเป็นปกติเหมือนไม่ได้สะทกสะท้านกับสิ่งที่แม่เอ่ยก่อนหน้านี้“แกไม่ต้องไปว่าให้คุณเขาเลย มีแฟนทำไมไม่บอกฉัน ถ้าเจ้านายแกไม่มาบอกฉันคงไม่รู้” แม่ต่อว่าฉันเสียงดัง จนอยากจะเดินขึ้นไปบนห้องแต่ทว่าฉันไม่ยอมแพ้เขาหรอก จะต้องอยู่เผชิญหน้าจนกว่าสงครามจะจบ“เรื่องแค่นี้ทำไมบอสต้องมาบอกแม่หนูด้วย”“ก็ฉันหวังดียังไงล่ะ และอีกอย่างคุณแม่คงไม่อยากได้ลูกเขยคนนี้อย่างแน่นอน” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงสุภาพ เพื่อร
บทที่ 16จบสิ้นกันที@คอนโดคุณบอสเข้ามาในห้องแล้วบอสก็ลากตัวฉันไปที่โซฟาหน้าจอทีวีขนาดยักษ์ ฉันนั่งหน้างองุ้มทำเป็นไม่มองเขา นั่นเพราะความโกรธแค้นยังไม่ลดดีกรีลงเลยสักนิด หลังจากเปิดทีวีแล้วบอสก็นั่งลงข้างกัน ทั้งที่โซฟามีพื้นที่เหลือตั้งเยอะแยะ ไม่รู้ทำไมต้องทำให้ฉันรู้สึกอึดอัดด้วยก็ไม่รู้“จะมาเบียดทำไมเนี่ยยยย!!!” ฉันชักสีหน้าใส่บอส ก่อนจะผลักต้นแขนเขาสุดแรงเพื่อให้ออกห่างจากตัว“ก็อยากนั่งใกล้มีปัญหารึไง” เขาตีหน้านิ่งยิ้มร้ายๆ อย่างน่าหมั่นไส้“มีสิ! หนูไม่อยากนั่งใกล้คนเลวๆ อย่างบอส สิ่งที่บอสทำมันมากเกินกว่าจะอภัยให้รู้ไว้ด้วย”“จะให้ฉันทำยังไงเธอถึงจะยอมหายโกรธล่ะ” เขาเขยิบก้นเข้ามาใกล้อีกรอบ ทำหน้ายียวนกวนประสาท คงหวังจะให้ฉันยอมใจอ่อนล่ะสิท่า ไม่มีทางหรอก ต่อให้เขาทำดีแค่ไหน ฉันก็ไม่มีทางยอมยกโทษให้เด็ดขาด“ไม่มีทาง! ความรู้สึกคนเรามันเสียไปแล้วเอาคืนมาไม่ได้หรอก รู้ไหมว่าตั้งแต่เกิดมาหนูกับแม่เราไม่เคยทะเลาะกันเลย แม่ไม่เคยตบหนูเลยสักครั้ง ตั้งแต่บอสเข้ามาในครอบครัวเร
บทที่ 15เธอได้โดนแน่ยัยเด็กดื้อ“มะ...” กำลังจะเรียกแม่อีกครั้ง แต่ทว่าฉันกลับจุกในลำคอแทบพูดไม่ออก เมื่อเห็นบอสนั่งหน้าสลอนอยู่กับแม่และน้องสาว ทั้งหมดกำลังจ้องมองมาราวกับว่าฉันเป็นผู้ร้ายฆ่าคนตายซะอย่างนั้น ส่วนเขาน่ะเหรอยิ้มมุมปากราวกับซาตานร้ายก็ไม่ปาน จะเล่นงานอะไรฉันอีกล่ะเนี่ย ครั้งนี้จะไม่ยอมแล้วนะ!“ทำไม? เห็นฉันถึงกับพูดไม่ออกเลยเหรอ” เขายิ้มมุมปากราวกับซาตานร้ายก็ไม่ปาน“บอสมาที่นี่ทำไม แล้วมาฟ้องอะไรแม่หนู” ฉันเดินตรงไปหาทุกคน วางถุงขนมเบื้องไว้บนโต๊ะ ก่อนจะหย่อนก้นนั่งลงข้างน้องสาว ทำตัวเป็นปกติเหมือนไม่ได้สะทกสะท้านกับสิ่งที่แม่เอ่ยก่อนหน้านี้“แกไม่ต้องไปว่าให้คุณเขาเลย มีแฟนทำไมไม่บอกฉัน ถ้าเจ้านายแกไม่มาบอกฉันคงไม่รู้” แม่ต่อว่าฉันเสียงดัง จนอยากจะเดินขึ้นไปบนห้องแต่ทว่าฉันไม่ยอมแพ้เขาหรอก จะต้องอยู่เผชิญหน้าจนกว่าสงครามจะจบ“เรื่องแค่นี้ทำไมบอสต้องมาบอกแม่หนูด้วย”“ก็ฉันหวังดียังไงล่ะ และอีกอย่างคุณแม่คงไม่อยากได้ลูกเขยคนนี้อย่างแน่นอน” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงสุภาพ เพื่อร
บทที่ 14แขกไม่ได้รับเชิญ“ก็หนูนี่ไงคะไม่ได้ชอบผู้ชายรวยๆ” ฉันอยากให้พี่มาร์ครู้ว่ายังมีฉันคนหนึ่ง ที่ไม่ได้มองผู้ชายแค่ความรวย (แม้ว่าจะเคยหลงผิดมาช่วงหนึ่งก็ตามที)“ที่พูดออกมาสาบานว่าเธอไม่ได้โกหก!”นั่นไม่ใช่เสียงพี่มาร์คนะคะ แต่เป็นเสียงบอสที่กำลังเดินตรงมาหาเราที่โต๊ะ แถมไม่ได้มาคนเดียวอีกต่างหาก มียัยหมิวเดินยิ้มปลอมๆ ข้างกายเขาอีกด้วย บอสรู้ได้อย่างไรว่าฉันกับพี่มาร์คมาทานข้าวที่ร้านนี้ ถ้าไม่ได้ตามพวกเรามา จะตามจองเวรจองกรรมกันไปถึงไหนนะผู้ชายคนนี้“อ้าว! บอสมาได้ไงครับ” เมื่อรู้ว่าเป็นบอสพี่มาร์คก็ตกใจเล็กน้อย เพราะคงไม่คิดว่าระดับผู้บริหารจะมาทานอาหารริมทางอย่างนี้“พอดีว่าหมิวชวนมาทานข้าวน่ะ ขอร่วมโต๊ะด้วยคนนายคงไม่มีปัญหานะ” ขอนั่งร่วมโต๊ะแต่ทว่าน้ำเสียงกลับแข็งกระด้าง ไม่มีมารยาทเอาซะเลย“เชิญเลยครับบอส” พี่มาร์คขยับเก้าอี้ให้บอส ส่วนหมิวก็เดินมานั่งฝั่งเดียวกับฉัน นางยังคงยิ้มให้ราวกับนางฟ้าผู้มีจิตใจโอบอ้อมอารี มีเมตตาต่อสัตว์โลกเมื่อทุกคนนั่งร่วมโต๊ะกันแล้วกลับไ
บทที่ 13สาบานว่าเธอไม่ได้โกหกหลังจากวันที่บอสมานอนค้างบ้านฉัน เขาก็เริ่มเทียวไปหาแม่บ่อยขึ้นแต่ไม่ได้ค้างคืนเหมือนวันนั้น แม่และน้องสาวฉันปลื้มเขามาก จนอยากจะยกตำแหน่งลูกเขยและพี่เขยให้ซะเต็มประดา แต่ฉันกลับไม่เข้าใจว่าเหตุใดบอสต้องทำอย่างนี้ ทั้งๆ ที่เขายังคงเย็นชากับฉัน เห็นเป็นแค่ที่ระบายความใคร่ ราวกับทำไปเพื่อต้องการเอาชนะฉัน ต้องการเอาชนะผู้หญิง ซึ่งฉันเองก็ไม่รู้ว่าเขามีความแค้นฝังใจกับผู้หญิงมาก่อนหรือเปล่าฉันกำลังนั่งรอรถเมล์เหมือนเช่นทุกวัน พลางนึกถึงเรื่องราวระหว่างฉันกับบอสไปด้วย ในระหว่างนั้นก็มีรถบิ๊กไบค์คันหนึ่งขับมาจอดตรงหน้า ชุดที่เขาสวมใส่ดูคุ้นตาราวกับชุดหมีของฝ่ายวิศวกรรม เมื่ออีกฝ่ายถอดหมวกกันน็อกออกมา ก็พบว่าคือพี่มาร์คนั่นเอง เขาส่งยิ้มหล่อมาให้ทำเอาใจฉันแทบจะละลาย“อ้าว! พี่มาร์คสวัสดีค่ะ” ฉันยกมือไหว้เขา“สวัสดีครับ ขึ้นรถเร็วไปกับพี่”“ไม่เป็นไรค่ะเดี๋ยวรถเมล์ก็มาแล้ว”“มาเถอะพี่อุตส่าห์จอดรับขนาดนี้แล้ว”“ก็ได้ค่ะ ขอบคุณนะคะ” ฉันจำต้องยอมรับน้ำใจพี่มา
บทที่ 12ความอ่อนโยนเมื่อรถหรูเคลื่อนล้อมาจอดเทียบหน้าบ้านแล้ว ฉันยังคงนั่งนิ่งไม่ยอมขยับเขยื้อนตัว นั่นเพราะไม่อยากให้เขาเข้าไปในบ้านด้วยเลยสักนิด แม่เดินมายืนจ้องๆ มองๆ ที่หน้ารถเพื่อดูว่าเป็นใคร ก่อนจะยิ้มแก้มฉีกเมื่อเห็นฉันนั่งอยู่ในรถด้วย“จะลงไม่ลง” เขาเอียงหน้ามาถามด้วยสีหน้าเรียบเฉย ทำเป็นทองไม่รู้ร้อน แม้จะเห็นว่าตอนนี้หน้าฉันกำลังบึ้งตึงมากแค่ไหน“บอสจะค้างจริงๆ เหรอคะ แค่ทานข้าวเย็นก็พอแล้วมั้ง”“ฉันจะค้าง” เขาเอ่ยเสียงเข้มขึ้น สายตาคมที่มองมาราวกับกำลังสะกดจิตให้ฉันยอมศิโรราบ“เฮ้อ! เอาแต่ใจจริงๆ คอยดูเถอะหนูจะหางานใหม่ บอสจะได้ไม่ต้องบังคับหนูได้อีก”“ถึงเธอจะไปทำงานที่อื่นก็อย่าหวังว่าจะหนีฉันได้ ฉะนั้นอย่าแม้แต่จะคิด จะลงไปได้หรือยังแม่เธอยิ้มน้อยยิ้มใหญ่รออยู่แล้วโน่น”เมื่อหันไปมองก็เป็นอย่างที่บอสพูดจริงๆ ลงจากรถไปแล้วคงจะปูพรมแดงต้อนรับบอสซะดิบดีเลยล่ะสิท่า“อย่าทำตัวรุ่มร่ามละกันหนูขอแค่น
บทที่ 11มัดมือชกใครจะรู้ว่าหลังจากวันนั้นฉันก็เริ่มฮอตขึ้นมาทันที จากตอนแรกที่ไม่คิดว่าจะมีหนุ่มๆ สนใจ แต่กลับตรงกันข้าม จนตอนนี้ไม่รู้ว่าจะเลือกคบกับใครดี อาจจะดูเหมือนเกินจริงแต่ทว่ามันได้เกิดขึ้นแล้วตอนนี้ฉันกำลังเดินหอบเอกสารปึกใหญ่ เข้าไปในห้องทำลายเอกสารเพียงลำพัง เนื่องจากฉันเป็นน้องเล็กสุดเรื่องอะไรพวกนี้จึงตกมาเป็นหน้าที่อย่างช่วยไม่ได้ เมื่อเดินเข้าไปในห้องก็พบว่ามีช่างกำลังซ่อมแอร์อยู่ ฉันจึงชะงักเล็กน้อยแล้ววางเอกสารไว้บนโต๊ะ“อ้าว! แอร์เสียหรอกเหรอคะเนี่ย”“ต้องรออีกแปบนะครับคนสวย ผมเปิดหน้าต่างไว้แล้วน่าจะช่วยระบายอากาศได้บ้าง” ชายหนุ่มที่กำลังนั่งอยู่บนบันไดหันมาเอ่ยด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม สวมชุดหมีสีกรมท่าดูแล้วคงจะอยู่ฝ่ายวิศวกรรม ใบหน้าเขาหล่อไม่น้อย ฉันเพิ่งรู้ว่ามีคนหล่อเทียบเท่าบอสในบริษัทด้วยแฮะ“ไม่มีปัญหาค่ะ ซ่อมตามสบายเลยค่ะพี่” ฉันยิ้มให้เขา จากนั้นก็หันมาสนใจงานของตัวเองบ้าง เสียบปลั๊กแล้วก็เปิดเครื่อง หย่อนเอกสารลงไปในช่องเพื่อเข้าสู่กระบวนการทำลายในระหว่างนั้น
บทที่ 10หนูเกลียดบอสก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!“ขออนุญาตเข้าห้องค่ะ”“เชิญ”มือน้อยๆ ของฉันหมุนลูกบิดประตูเปิดเข้าไปในห้อง ใบหน้าหล่อปรากฏรอยยิ้มของมัจจุราชจนฉันรู้สึกหวั่นใจ บอสกำลังนั่งไขว่ห้างเอนหลังบนเก้าอี้อย่างสบายใจ ราวกับตั้งใจรอต้อนรับฉันโดยเฉพาะ“ไม่ทราบว่าบอสมีธุระอะไรกับหนูเหรอคะ” ฉันยืนตรงหน้าโต๊ะทำงานเขาในท่าทีสุภาพ ทำตัวราวกับเรื่องเมื่อวานไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน“ทำไมต้องทำตัวเหินห่างอย่างนั้นด้วยล่ะ”“นี่คือที่ทำงานค่ะ รีบพูดธุระของบอสมาเถอะหนูจะได้รีบกลับไปทำงาน”“สงสัยปีนี้ต้องยกตำแหน่งพนักงานดีเด่นให้เธอซะแล้วล่ะ เก่งทั้งเรื่องงานและเรื่องอย่างว่าหึๆ” เขาหัวเราะในลำคอเบาๆ“แต่คงไม่เก่งเหมือนอย่างบอสหรอกนะคะ เรื่องการเอาเปรียบผู้หญิง”“อย่าคิดว่าสวยแล้วจะปากดีใส่ฉันได้ คืนนี้เธอต้องไปค้างที่คอนโดฉัน”นี่สินะธุระที่เขาจะบอก ไร้สาระสิ้นดี“เรื่องอย่างนี้บอสส่งไลน์บอกก็ได้มั้งคะ ไม่จำเป็นต้องเรียกหนูเข้ามาถึงในห้อง เพราะหนูไม่อยากใ
บทที่ 9โสดค่ะเช้าวันทำงานที่น่าเบื่อเหมือนทุกวันวนกลับมาอีกครั้ง ฉันรีบเดินเข้ามาในบริษัทด้วยความเร่งรีบเพื่อสแกนนิ้วให้ทันเวลา ความเร่งรีบทำให้ฉันลืมตัวไปว่าไม่ได้มาในรูปลักษณ์เดิม วันนี้ฉันตื่นตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อให้ยัยฟ้าแต่งหน้าทำผมให้ และผลที่ออกมาก็น่าพอใจเป็นที่สุด“พนักงานใหม่รึเปล่าเนี่ยสวยมากอ่ะแก”“ฉันว่าไม่ใช่หรอกนี่ว่าหน้าคุ้นๆ อยู่นะ แต่นึกชื่อไม่ออก”“เออว่ะ คุ้นหน้าจริงๆ”เสียงพนักงานสาวสองคนที่ยืนอยู่ไม่ไกลเอ่ยนินทาในระยะเผาขน ตอนแรกเข้าใจว่าพูดถึงคนอื่น แต่พอปรายตาไปมองก็พบว่าเจ้าหล่อนทั้งสองกำลังจ้องมองมาที่ฉัน เมื่ออีกฝ่ายรู้ตัวก็รีบเดินหนีไปอีกทางโดยเร็ว“สงสัยต้องแต่งหน้าทำผมมาทุกวันซะแล้วสิ” ฉันยิ้มอย่างภาคภูมิใจกับตัวเอง จากนั้นจึงรีบเดินเข้าไปยังแผนก กะจะไปเซอร์ไพรซ์พวกพี่ๆ สักหน่อยในระหว่างทางพนักงานคนอื่นๆ ต่างก็มองมาที่ฉันพร้อมกับมีเครื่องหมายคำถามบนใบหน้า หนุ่มๆ ที่เคยเมินต่างก็จ้องตาเป็นมัน ราวกับฉันเป็นดอกไม้แรกแย้มที่น่าเชยชมเป็นที่
บทที่ 8เป็นเมียฉันก็ต้องรักฉันสิขณะนั่งรอรถอยู่นั้นก็มีใครบางคนมาดึงแขนฉุดให้ลุกขึ้น ฉันจึงรีบสะบัดแขนทันที กำลังจะหันไปด่า แต่ทว่าคำพูดมันกลับจุกอยู่ที่คอหอยเพราะเขาคนนั้นคือบอสนั่นเอง“บอส!”“เดี๋ยวฉันไปส่ง”“ไม่ไป! หนูกลับเองได้”“ก็ฉันบอกว่าจะไปส่งไงล่ะ อย่าเล่นตัวไปหน่อยน่า”“ไหนบอกว่ารังเกียจคนจนอย่างหนูมากไงคะ ทำไมถึงได้ตามก้นมาอย่างนี้ อย่าบอกนะว่าบอสเริ่มติดใจหนูแล้ว” ฉันยิ้มเยาะให้เขารู้ตัวว่ากำลังจะกลืนน้ำลายตัวเอง ปากก็บอกว่าฉันไม่คู่ควรแต่การกระทำกลับไม่ใช่เลย“อย่าหลงตัวเองไปหน่อยเลย คนอย่างเธอมันก็เป็นได้แค่ของเล่นฉันเท่านั้นล่ะ มานี่!” เขากึ่งลากกึ่งดึงฉันให้เดินไปที่รถ ที่จอดอยู่ห่างจากป้ายรถเมล์ไม่ไกลคนที่เดินผ่านไปมาต่างก็มองด้วยความตกใจ บางคนมองบอสราวกับเป็นผู้ร้าย ฉันจึงพยายามร้องขอให้เขาช่วย“ช่วยด้วยค่ะนายคนนี้กำลังจะฉุดฉัน”“แค่ผัวไม่ทำการบ้านทำเป็นงอนนะที่รัก เมียผมก็งี้ล่ะครับงอนบ่อยๆ ชอบให้ผมง้อด้วยวิธีนี้ เธอไม่ค่อยจะเต็มน่ะครับอ