บทที่ 5
แลกค่าตัว
ฉันเริ่มรู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงเพลงสากลดังแว่วเข้ามาในหู เปลือกตาเริ่มคลี่ขึ้นมาอย่างช้าๆ ก็พบกับเพดานห้องที่ไม่คุ้นตา ฉันขมวดคิ้วแล้วเอียงหน้ามองซ้ายขวา จากนั้นจึงพยายามดันตัวลุกขึ้น แต่ก็รู้สึกเจ็บจี๊ดที่ศีรษะจนต้องทำหน้าเหยเกล้มตัวลงนอนอีกครั้ง
“โอ๊ย! ทำไมปวดอย่างนี้เนี่ย” ไม่เพียงแค่นั้นฉันยังรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว รู้สึกได้ว่าตัวเองกำลังเป็นไข้
ที่นี่มันคือที่ไหนกันนะ?
มองไปยังชุดโฮมเธียเตอร์ขนาดใหญ่ก็พบว่ามันถูกเปิดทิ้งไว้ เป็นช่องรายการเพลงของสถานีต่างประเทศนั่นเอง แต่ทว่ากลับไม่เห็นแม้แต่เงาของผู้เป็นเจ้าของห้อง
“ตื่นสักที...ฉันนึกว่าเธอจะตายแล้วซะอีก” เมื่อได้ยินเสียงทุ้มฉันก็หันขวับไปมองทันที เป็นเขาคนนั้น คนที่ทำให้ฉันต้องเดินตากฝนจนไม่สบายตัวอย่างนี้
“บอสพาหนูมาที่นี่ทำไม”
“คำแรกที่เธอควรพูดคือคำว่าขอบคุณ ถ้าฉันไม่พาเธอมาที่นี่ป่านนี้คงจะหนาวตายข้างถนนไปแล้วมั้ง” เขาเอ่ยอย่างไม่ยี่หระ มีเพียงผ้าเช็ดตัวสีขาวพันรอบเอวไว้ มีหยดน้ำเกาะตามผิวกายประปราย บ่งบอกว่าเขาเพิ่งจะอาบน้ำมาหยก ๆ
“จะขอบคุณทำไมในเมื่อคนที่ทำให้หนูต้องเป็นอย่างนี้ก็คือบอส” พูดจบฉันก็พยายามหยัดตัวลุกขึ้นจากเตียง หยิบแว่นที่วางอยู่โต๊ะข้างเตียงขึ้นมาใส่ แต่ทว่าเมื่อมองเข้าไปในผ้าห่มกลับพบว่าตัวเองกำลังเปลือยกายล่อนจ้อน เห็นอย่างนี้แล้วฉันจึงหันขวับไปมองเขาอย่างอาฆาตแค้น
“ถ้ามีปัญญากลับก็กลับไปสิหึ ๆ” เขาทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ปลดผ้าเช็ดตัวออกพาดบนบ่าแล้วเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าอย่างหน้าไม่อาย
เมื่อเห็นอีกฝ่ายเปลือยกายอย่างนั้นฉันจึงหันหน้าหนีไปอีกทาง แม้ว่าจะเพิ่งเคยเห็นมันมาเมื่อวานแล้วก็ตามที แต่มันก็ยังไม่คุ้นชินอยู่ดี
“บอสเอาเสื้อผ้าหนูไปไว้ที่ไหน”
“ทิ้งไปแล้ว” เขาเอ่ยขณะสวมใส่กางเกงบอล
“ทิ้งไปแล้ว! แล้วอย่างนี้หนูจะใส่อะไรกลับเนี่ย จะจองเวรจองกรรมกันไปถึงไหน ทำกับหนูเมื่อวานยังไม่พอใจอีกเหรอ” บ่อน้ำตาฉันเริ่มแตกอีกครั้ง เมื่อรู้ว่าไม่มีทางสู้อะไรเขาได้เลยสักนิด
“ใจกล้าหน้าด้านไม่ใช่เหรอ ก็เดินออกไปทั้งอย่างนี้เลยสิ”
“มันจะมากไปแล้วนะ แค่หนูบอกชอบบอสมันผิดมากขนาดนั้นเลยเหรอ ทำไมถึงได้แกล้งกันอย่างนี้ ฮึก...”
“เธอผิดตั้งแต่ชอบฉันแล้วล่ะ คนอย่างเธอมันไม่ได้คู่ควรกับฉันแม้แต่น้อย แต่ถ้าเธอต้องการฉันมากขนาดนี้ฉันอาจจะสงเคราะห์ให้ได้นะ ถ้าเธอ....มาเป็นเมียบำเรอฉัน” บอสเดินมาที่ปลายเตียง ทำหน้ากวนๆ ราวกับปีศาจร้ายที่มีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว ผิดกับภาพลักษณ์ที่เห็นในบริษัทมากเหลือเกิน
“คิดเหรอว่าหนูจะยอม แค่ครั้งเดียวมันก็มากเกินพอแล้ว หนูไม่เสียใจเลยถ้าจะเสียความบริสุทธิ์เพื่อจะได้รู้สันดานคนเลวๆ” พูดจบฉันก็ลุกขึ้นพร้อมกับผ้าห่ม นำมันมาพันรอบตัวไว้เพื่อเดินไปหาเสื้อผ้าพอที่จะใส่ได้ ไม่งั้นวันนี้คงไม่ได้ออกไปจากที่นี่แน่ โชคดีที่วันนี้เป็นวันหยุดไม่งั้นมีหวังพี่ที่ทำงานได้โทรตามแล้วแน่นอน
เอ๋!!! แล้วแม่ฉันล่ะ เมื่อคืนไม่ได้กลับบ้านนี่นา ป่านนี้คงจะเป็นห่วงแย่แล้ว
“จะรีบไปไหน” เขาเดินตรงมาหาฉันแล้วจับไหล่ทั้งสองข้างไว้ พยายามจะซุกใบหน้าลงมาที่ซอกคอ
“ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ ไหนบอกว่าสภาพอย่างหนูไม่คู่ควรกับบอสไงคะ แล้วจะมาเกลือกกลั้วกับคนต่ำ ๆ ทำไม”
“ปากดีนักนะ เห็นหนิม ๆ ติ๋ม ๆ ไม่นึกเลยว่าจะแรดอย่างนี้”
“แรดตรงไหนคะ หนูไม่ได้มั่วกับผู้ชายเหมือนอย่างที่บอสทำกับผู้หญิงคนอื่นๆ หรอก” ฉันไม่มีอะไรจะเสียแล้วนี่ ตอนนี้ไม่ได้อยู่ในบริษัทฉันมีสิทธิ์ที่จะต่อปากต่อคำกับเขา
“อวดเก่ง!” เขาจ้องเขม็งมาที่ฉัน จากนั้นก็พยายามดึงผ้าห่มออกจากตัว เรายื้อยุดฉุดกระชากกันอยู่สักพัก มันก็ปลิวออกจากตัวฉัน จากนั้นเขาก็ทุ่มตัวฉันลงไปที่เตียงอีกครั้ง
“ปล่อยนะคะบอสหนูจะกลับบ้าน ถ้ายังทำอย่างนี้อีกหนูจะไปแจ้งตำรวจว่าถูกบอสข่มขืน” แม้ว่าตอนนี้เขาจะคร่อมตัวฉันไว้ก็ตามที แต่ทว่าต้องหาวิธีออกไปจากที่นี่ให้ได้เร็วๆ ฉันกลัวว่าแม่จะไปแจ้งความคนหายน่ะสิ
“หึๆ ๆ ข่มขืนงั้นเหรอ เธอสมยอมฉันเองต่างหาก ถ้าอยากดังก็เชิญเลย คิดเหรอว่าตำรวจจะทำอะไรฉันได้ แค่โยนเศษเงินนิดๆ หน่อยๆ ให้ คดีก็เงียบแล้วคิดให้ดีๆ นะ” พูดจบเขาก็โน้มใบหน้าหล่อลงมาประกบจูบฉันอย่างดูดดื่ม ส่งลิ้นเข้ามาในโพรงปากตวัดเลียอย่างหื่นกระหาย
มือทั้งสองข้างบีบเคล้นเนินอกฉันแรงๆ ทำเอาอาการไข้กระเจิงหนีหายไปเป็นปลิดทิ้ง เขาใช้ท่อนขาแข็งแรงบดเบียดขาเรียวฉันให้แยกออกจากกัน จากนั้นจึงละมือข้างหนึ่งลงไปดึงกางเกงบอลลงเพื่อให้ท่อนเอ็นตัวเขื่องออกมาทำงาน
ฉันกำมือทุบไปที่แผ่นหลังเขาสุดแรง แต่ทว่าอีกฝ่ายกลับไม่สะทกสะท้าน ยิ่งฉันออกแรงขัดขืนเขายิ่งบดจูบหนักหน่วงมากขึ้นเป็นเท่าตัว
“อื้อ....”
ในระหว่างนั้นบอสก็จ่อปลายหัวเห็ดไปที่ร่องสวาท ถูไถเพื่อเรียกน้ำหล่อลื่นจนฉ่ำแฉะ เมื่อทุกอย่างพร้อมเขาก็ยัดเยียดมันเข้าไปในรูสวาท ออกแรงกระแทกดันมันเข้าไปจนสุดลำ
พรวดดด
“อื้อ...” ฉันเบิกตาโพลงเมื่อความเจ็บปวดพลุ่งพล่านไปทั่วทั้งร่าง ความระบมจากการถูกรุกรานยังไม่จางหาย แต่กลับโดนกระทำย่ำยีซ้ำอีกครั้ง ความรู้สึกไม่ต่างจากเมื่อวานเลยสักนิดเดียว
เขาไม่ยอมเปิดปากให้ฉันได้พูดอะไรเลย เมื่อแก่นกายเข้าไปได้สำเร็จบอสก็เริ่มขยับตัว กระแทกกระทั้นความใหญ่โตเข้าไปในรูสวาทอย่างไม่ปรานี ฉันจำต้องอ้าขาออกให้อีกฝ่ายบดเบียดลำตัวแข็งแกร่งทับทาบอย่างจำยอม
ความเจ็บปวดถูกแทนที่ด้วยความเสียวซ่าน มือที่เคยทุบตีแผ่นหลังเขาเริ่มเปลี่ยนมาเกาะกุมไว้แน่น ความช่ำชองของเขาทำให้ผู้หญิงทั้งโลกยอมสยบได้อย่างง่ายดาย...ตอนนี้ก็รวมถึงตัวฉันด้วย
ปับ! ปับ! ปับ!
“ซี๊ดดดด!!! ตอดโคตรๆ แม่งงงง...” บอสผละใบหน้าออกแล้วสูดปากเสียว สบถคำหยาบออกมาต่อหน้าฉัน สีหน้าอันบิดเบี้ยวของเขาทำให้ฉันแทบไม่อยากจะมอง มันทำให้ฉันละอายใจเพราะตัวเองก็รู้สึกดีไม่น้อยทั้งที่เอ่ยปฏิเสธในตอนแรก
ฉันเอียงหน้าหนีไม่แม้แต่จะมองหน้าเขา บอสยกขาฉันขึ้นพาดบนบ่า จากนั้นก็ค้ำยันมือไว้บนเตียงเพื่อส่งแรกกระแทกเข้ามาให้แรงและเร็วขึ้น
ปับ! ปับ! ปับ! ....
“ซี๊ดดดด...แม่งตอดดีเหลือเกิน”
ฉันหลับตาพริ้ม ขบริมฝีปากล่างไว้แน่น เพื่อบังคับตัวเองไม่ให้ส่งเสียงออกไปให้อีกฝ่ายได้ยิน เพราะกำลังจะถึงจุดหมายปลายทางแล้ว
“แม่งงงง...ไม่ไหวแล้ว ซี๊ดดดด!!! ตะ...แตกแล้ววววว”
บอสกระเด้าระรัวสูดปากส่งเสียงเสียวดังระงมท่วมห้อง จากนั้นจึงถอนแก่นกายออกมาแล้วรูดขึ้นลงแรงๆ สามสี่ครั้งจนน้ำรักสีขาวขุ่นพุ่งออกมาจนเลอะเต็มหน้าท้องฉัน
ฉันหลับตาพริ้ม ขบริมฝีปากล่างไว้แน่น เพื่อบังคับตัวเองไม่ให้ส่งเสียงออกไปให้อีกฝ่ายได้ยิน เพราะกำลังจะถึงจุดหมายปลายทางแล้ว
“ลุกออกจากตัวหนูเดี๋ยวนี้”
“ทำไมล่ะ ไม่ชอบฉันแล้วเหรอ” ฉันรู้ว่าเขาพูดจาเยาะเย้ยให้ฉันเจ็บปวดมากขึ้นไปอีก จากที่รักเคยรักมากวันนี้เขาได้ทำให้ฉันเกลียดมากเช่นเดียวกัน
“ไม่! หนูเกลียดบอส เกลียดที่สุดในโลก เกลียดยิ่งกว่าไส้เดือนกิ้งกือเสียอีก”
“นี่ล่ะที่ฉันต้องการ ฉันอยากให้เธอเกลียดฉันให้มากๆ ฉันไม่ชอบผู้หญิงที่เข้าหาผู้ชายก่อนอย่างนี้ มันบ่งบอกว่าเธอไม่ต่างจากผู้หญิงคนอื่นๆ ที่ฉันเคยเห็นมา ลุกขึ้นไปอาบน้ำเดี๋ยวฉันจะไปส่งที่บ้าน” เขาว่าพลางลุกออกจากตัวฉัน
“ไม่ต้อง! หนูกลับเองได้”
“ก็ฉันบอกจะไปส่งยังไงล่ะ! ถือว่าซะว่าแลกกับค่าตัวเธอก็แล้วกัน เลือกเอาระหว่างถูกขังอยู่ที่นี่หรือจะกลับบ้าน” เขาเริ่มพูดเสียงแข็งมากขึ้น
ฉันไม่ตอบอะไรเพียงแต่รีบลุกขึ้นเดินไปเข้าห้องน้ำ นั่งร้องไห้อยู่สักพักจึงรีบชำระล้างร่างกายให้สะอาด ถึงแม้ว่าคราบสวาทที่เขาทำไว้มันจะล้างออกได้ แต่ทว่ารอยมลทินที่อยู่ในใจฉันมันกลับไม่สามารถล้างออกไปได้ จากที่เคยชอบผู้ชายรวยๆ ตอนนี้ฉันกลับรู้สึกเกลียดและขยะแขยงเข้าไส้ซะแล้ว
บทที่ 6โลกกลมระหว่างนั่งรถกลับฉันก็เอาแต่นิ่งเงียบ เอียงหน้าไปมองข้างทางเพราะไม่อยากเห็นใบหน้าหล่อที่ซ่อนความเป็นร้ายกาจเอาไว้ เขาขับรถฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี ทำให้ฉันรู้สึกหมั่นไส้ซะเต็มประดา อยากมีปืนสักกระบอกเพื่อยิงแสกหน้าให้ตายลงตรงนี้เสีย“จอดหน้าปากซอยข้างหน้านี้ละค่ะ” เมื่อรถเคลื่อนล้อใกล้จะถึงหน้าปากซอยเข้าบ้าน ฉันจึงเอ่ยบอกก่อนที่เขาจะขับเลยไป“บ้านเธออยู่ในซอยนี้เหรอ” เขาตีไฟเลี้ยวเพื่อจะขับเข้าไปในซอย“บอกว่าให้จอดไม่ได้ให้เลี้ยวเข้าไป เฮ้อ!!” ฉันเริ่มหงุดหงิดกับความกวนตีนของเขาซะเหลือเกิน“บ้านหลังไหนบอกมาสิ” เขาตีหน้านิ่งขับไปเรื่อยๆ อย่างไร้จุดหมาย นั่นทำให้ฉันยิ่งรู้สึกโมโหเข้าไปใหญ่“อยากจะรู้ไปทำไมคะ”“ก็อยากเห็นว่าบ้านคนจนมันเป็นยังไง ตั้งแต่เกิดฉันไม่เคยเข้ามาในชุมชนแออัดอย่างนี้มาก่อน มันก็น่าตื่นเต้นดีนะ” เขากระตุกยิ้มร้ายขับรถเข้ามาในหมู่บ้านฉันเรียบร้อยแล้ว เมื่อฉันไม่ยอมบอกเขาก็ขับวนไปอยู่อย่างนั้น จนเด็กๆ ในหมู่บ้านเริ่มสนใจกับรถหรูคันนี้เสียแล้ว“เ
บทที่ 7รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ฉันรีบหันขวับกลับมาเมื่อรู้ว่าเป็นบอส จะทำยังไงดีหากเจอหน้าเขา ฉันกลัวว่าบอสจะเล่นอะไรพิเรนทร์ๆ แกล้งให้อับอายขายขี้หน้าอีกน่ะสิ“มาช้าจริงเฮีย” เมื่อบอสเดินมาถึงตองจึงเอ่ยกับพี่ชายตัวเอง เขายังคงยืนอยู่ด้านหลังไม่รู้ว่าฉันเป็นใคร“ก็บอกว่ามีธุระมาให้ก็บุญโขแล้ว ต้องทำอะไรบ้างล่ะ”“งั้นเฮียไปเปลี่ยนชุดด้านโน้นก่อนนะ หล่อระดับเฮียค่อยมาตบแป้งเบาๆ ก็พอ”“โอเคๆ รีบๆ หน่อยละกัน” ฟังจากน้ำเสียงแล้วคงจะถูกบังคับมา หากรู้ว่าคนที่นั่งอยู่ตรงนี้คือฉัน เขาจะทำหน้ายังไงนะหลังจากบอสเดินไปแล้วฉันก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก จนตองขมวดคิ้วมองมาอย่างสงสัย“พี่ดาวถอนหายใจทำไมคะ”“เอ่อ...พี่ตื่นเต้นน่ะไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน”“ไม่ต้องตื่นเต้นขนาดนั้นหรอกค่ะ ถ่ายไม่นานหรอก แถมยังไม่มีบทพูดทำตามที่ผู้กำกับสั่งก็พอ”“น้องตองคะ...ช่วยแต่งหน้าพี่แบบว่า...ให้คนอื่นจำไม่ได้ มันพอจะเป็นไปได้ไหม”“เดี๋ยวตองจัดให้เลยค่ะ รับรองว่าสวยจนแม้แต่ไอ้ฟ้าก็จำไม่ได้แน่นอ
บทที่ 8เป็นเมียฉันก็ต้องรักฉันสิขณะนั่งรอรถอยู่นั้นก็มีใครบางคนมาดึงแขนฉุดให้ลุกขึ้น ฉันจึงรีบสะบัดแขนทันที กำลังจะหันไปด่า แต่ทว่าคำพูดมันกลับจุกอยู่ที่คอหอยเพราะเขาคนนั้นคือบอสนั่นเอง“บอส!”“เดี๋ยวฉันไปส่ง”“ไม่ไป! หนูกลับเองได้”“ก็ฉันบอกว่าจะไปส่งไงล่ะ อย่าเล่นตัวไปหน่อยน่า”“ไหนบอกว่ารังเกียจคนจนอย่างหนูมากไงคะ ทำไมถึงได้ตามก้นมาอย่างนี้ อย่าบอกนะว่าบอสเริ่มติดใจหนูแล้ว” ฉันยิ้มเยาะให้เขารู้ตัวว่ากำลังจะกลืนน้ำลายตัวเอง ปากก็บอกว่าฉันไม่คู่ควรแต่การกระทำกลับไม่ใช่เลย“อย่าหลงตัวเองไปหน่อยเลย คนอย่างเธอมันก็เป็นได้แค่ของเล่นฉันเท่านั้นล่ะ มานี่!” เขากึ่งลากกึ่งดึงฉันให้เดินไปที่รถ ที่จอดอยู่ห่างจากป้ายรถเมล์ไม่ไกลคนที่เดินผ่านไปมาต่างก็มองด้วยความตกใจ บางคนมองบอสราวกับเป็นผู้ร้าย ฉันจึงพยายามร้องขอให้เขาช่วย“ช่วยด้วยค่ะนายคนนี้กำลังจะฉุดฉัน”“แค่ผัวไม่ทำการบ้านทำเป็นงอนนะที่รัก เมียผมก็งี้ล่ะครับงอนบ่อยๆ ชอบให้ผมง้อด้วยวิธีนี้ เธอไม่ค่อยจะเต็มน่ะครับอ
บทที่ 9โสดค่ะเช้าวันทำงานที่น่าเบื่อเหมือนทุกวันวนกลับมาอีกครั้ง ฉันรีบเดินเข้ามาในบริษัทด้วยความเร่งรีบเพื่อสแกนนิ้วให้ทันเวลา ความเร่งรีบทำให้ฉันลืมตัวไปว่าไม่ได้มาในรูปลักษณ์เดิม วันนี้ฉันตื่นตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อให้ยัยฟ้าแต่งหน้าทำผมให้ และผลที่ออกมาก็น่าพอใจเป็นที่สุด“พนักงานใหม่รึเปล่าเนี่ยสวยมากอ่ะแก”“ฉันว่าไม่ใช่หรอกนี่ว่าหน้าคุ้นๆ อยู่นะ แต่นึกชื่อไม่ออก”“เออว่ะ คุ้นหน้าจริงๆ”เสียงพนักงานสาวสองคนที่ยืนอยู่ไม่ไกลเอ่ยนินทาในระยะเผาขน ตอนแรกเข้าใจว่าพูดถึงคนอื่น แต่พอปรายตาไปมองก็พบว่าเจ้าหล่อนทั้งสองกำลังจ้องมองมาที่ฉัน เมื่ออีกฝ่ายรู้ตัวก็รีบเดินหนีไปอีกทางโดยเร็ว“สงสัยต้องแต่งหน้าทำผมมาทุกวันซะแล้วสิ” ฉันยิ้มอย่างภาคภูมิใจกับตัวเอง จากนั้นจึงรีบเดินเข้าไปยังแผนก กะจะไปเซอร์ไพรซ์พวกพี่ๆ สักหน่อยในระหว่างทางพนักงานคนอื่นๆ ต่างก็มองมาที่ฉันพร้อมกับมีเครื่องหมายคำถามบนใบหน้า หนุ่มๆ ที่เคยเมินต่างก็จ้องตาเป็นมัน ราวกับฉันเป็นดอกไม้แรกแย้มที่น่าเชยชมเป็นที่
บทที่ 10หนูเกลียดบอสก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!“ขออนุญาตเข้าห้องค่ะ”“เชิญ”มือน้อยๆ ของฉันหมุนลูกบิดประตูเปิดเข้าไปในห้อง ใบหน้าหล่อปรากฏรอยยิ้มของมัจจุราชจนฉันรู้สึกหวั่นใจ บอสกำลังนั่งไขว่ห้างเอนหลังบนเก้าอี้อย่างสบายใจ ราวกับตั้งใจรอต้อนรับฉันโดยเฉพาะ“ไม่ทราบว่าบอสมีธุระอะไรกับหนูเหรอคะ” ฉันยืนตรงหน้าโต๊ะทำงานเขาในท่าทีสุภาพ ทำตัวราวกับเรื่องเมื่อวานไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน“ทำไมต้องทำตัวเหินห่างอย่างนั้นด้วยล่ะ”“นี่คือที่ทำงานค่ะ รีบพูดธุระของบอสมาเถอะหนูจะได้รีบกลับไปทำงาน”“สงสัยปีนี้ต้องยกตำแหน่งพนักงานดีเด่นให้เธอซะแล้วล่ะ เก่งทั้งเรื่องงานและเรื่องอย่างว่าหึๆ” เขาหัวเราะในลำคอเบาๆ“แต่คงไม่เก่งเหมือนอย่างบอสหรอกนะคะ เรื่องการเอาเปรียบผู้หญิง”“อย่าคิดว่าสวยแล้วจะปากดีใส่ฉันได้ คืนนี้เธอต้องไปค้างที่คอนโดฉัน”นี่สินะธุระที่เขาจะบอก ไร้สาระสิ้นดี“เรื่องอย่างนี้บอสส่งไลน์บอกก็ได้มั้งคะ ไม่จำเป็นต้องเรียกหนูเข้ามาถึงในห้อง เพราะหนูไม่อยากใ
บทที่ 11มัดมือชกใครจะรู้ว่าหลังจากวันนั้นฉันก็เริ่มฮอตขึ้นมาทันที จากตอนแรกที่ไม่คิดว่าจะมีหนุ่มๆ สนใจ แต่กลับตรงกันข้าม จนตอนนี้ไม่รู้ว่าจะเลือกคบกับใครดี อาจจะดูเหมือนเกินจริงแต่ทว่ามันได้เกิดขึ้นแล้วตอนนี้ฉันกำลังเดินหอบเอกสารปึกใหญ่ เข้าไปในห้องทำลายเอกสารเพียงลำพัง เนื่องจากฉันเป็นน้องเล็กสุดเรื่องอะไรพวกนี้จึงตกมาเป็นหน้าที่อย่างช่วยไม่ได้ เมื่อเดินเข้าไปในห้องก็พบว่ามีช่างกำลังซ่อมแอร์อยู่ ฉันจึงชะงักเล็กน้อยแล้ววางเอกสารไว้บนโต๊ะ“อ้าว! แอร์เสียหรอกเหรอคะเนี่ย”“ต้องรออีกแปบนะครับคนสวย ผมเปิดหน้าต่างไว้แล้วน่าจะช่วยระบายอากาศได้บ้าง” ชายหนุ่มที่กำลังนั่งอยู่บนบันไดหันมาเอ่ยด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม สวมชุดหมีสีกรมท่าดูแล้วคงจะอยู่ฝ่ายวิศวกรรม ใบหน้าเขาหล่อไม่น้อย ฉันเพิ่งรู้ว่ามีคนหล่อเทียบเท่าบอสในบริษัทด้วยแฮะ“ไม่มีปัญหาค่ะ ซ่อมตามสบายเลยค่ะพี่” ฉันยิ้มให้เขา จากนั้นก็หันมาสนใจงานของตัวเองบ้าง เสียบปลั๊กแล้วก็เปิดเครื่อง หย่อนเอกสารลงไปในช่องเพื่อเข้าสู่กระบวนการทำลายในระหว่างนั้น
บทที่ 12ความอ่อนโยนเมื่อรถหรูเคลื่อนล้อมาจอดเทียบหน้าบ้านแล้ว ฉันยังคงนั่งนิ่งไม่ยอมขยับเขยื้อนตัว นั่นเพราะไม่อยากให้เขาเข้าไปในบ้านด้วยเลยสักนิด แม่เดินมายืนจ้องๆ มองๆ ที่หน้ารถเพื่อดูว่าเป็นใคร ก่อนจะยิ้มแก้มฉีกเมื่อเห็นฉันนั่งอยู่ในรถด้วย“จะลงไม่ลง” เขาเอียงหน้ามาถามด้วยสีหน้าเรียบเฉย ทำเป็นทองไม่รู้ร้อน แม้จะเห็นว่าตอนนี้หน้าฉันกำลังบึ้งตึงมากแค่ไหน“บอสจะค้างจริงๆ เหรอคะ แค่ทานข้าวเย็นก็พอแล้วมั้ง”“ฉันจะค้าง” เขาเอ่ยเสียงเข้มขึ้น สายตาคมที่มองมาราวกับกำลังสะกดจิตให้ฉันยอมศิโรราบ“เฮ้อ! เอาแต่ใจจริงๆ คอยดูเถอะหนูจะหางานใหม่ บอสจะได้ไม่ต้องบังคับหนูได้อีก”“ถึงเธอจะไปทำงานที่อื่นก็อย่าหวังว่าจะหนีฉันได้ ฉะนั้นอย่าแม้แต่จะคิด จะลงไปได้หรือยังแม่เธอยิ้มน้อยยิ้มใหญ่รออยู่แล้วโน่น”เมื่อหันไปมองก็เป็นอย่างที่บอสพูดจริงๆ ลงจากรถไปแล้วคงจะปูพรมแดงต้อนรับบอสซะดิบดีเลยล่ะสิท่า“อย่าทำตัวรุ่มร่ามละกันหนูขอแค่น
บทที่ 13สาบานว่าเธอไม่ได้โกหกหลังจากวันที่บอสมานอนค้างบ้านฉัน เขาก็เริ่มเทียวไปหาแม่บ่อยขึ้นแต่ไม่ได้ค้างคืนเหมือนวันนั้น แม่และน้องสาวฉันปลื้มเขามาก จนอยากจะยกตำแหน่งลูกเขยและพี่เขยให้ซะเต็มประดา แต่ฉันกลับไม่เข้าใจว่าเหตุใดบอสต้องทำอย่างนี้ ทั้งๆ ที่เขายังคงเย็นชากับฉัน เห็นเป็นแค่ที่ระบายความใคร่ ราวกับทำไปเพื่อต้องการเอาชนะฉัน ต้องการเอาชนะผู้หญิง ซึ่งฉันเองก็ไม่รู้ว่าเขามีความแค้นฝังใจกับผู้หญิงมาก่อนหรือเปล่าฉันกำลังนั่งรอรถเมล์เหมือนเช่นทุกวัน พลางนึกถึงเรื่องราวระหว่างฉันกับบอสไปด้วย ในระหว่างนั้นก็มีรถบิ๊กไบค์คันหนึ่งขับมาจอดตรงหน้า ชุดที่เขาสวมใส่ดูคุ้นตาราวกับชุดหมีของฝ่ายวิศวกรรม เมื่ออีกฝ่ายถอดหมวกกันน็อกออกมา ก็พบว่าคือพี่มาร์คนั่นเอง เขาส่งยิ้มหล่อมาให้ทำเอาใจฉันแทบจะละลาย“อ้าว! พี่มาร์คสวัสดีค่ะ” ฉันยกมือไหว้เขา“สวัสดีครับ ขึ้นรถเร็วไปกับพี่”“ไม่เป็นไรค่ะเดี๋ยวรถเมล์ก็มาแล้ว”“มาเถอะพี่อุตส่าห์จอดรับขนาดนี้แล้ว”“ก็ได้ค่ะ ขอบคุณนะคะ” ฉันจำต้องยอมรับน้ำใจพี่มา
บทที่ 31อวสานแม้ว่าแก๊งสาวโสดแผนกบัญชี จะเคยมาเยี่ยมเยียนที่บ้านหลายต่อหลายครั้ง ทว่ากลับไม่เคยบอกเรื่องที่ฉันคืนดีกับบอสแล้ว วันนี้จึงตั้งใจจะเข้าไปบริษัทพร้อมกับเขา เปิดตัวในฐานะแฟนอย่างเป็นทางการ ไม่ได้อยากจะโอ้อวดแต่อยากจะเซอร์ไพรซ์คนที่เคยนินทาและดูถูก และที่สำคัญอยากจะเห็นหน้าหมิว ตอนที่นางเห็นฉันเดินควงคู่มากับบอส คิดแล้วก็รู้สึกสะใจบอสมารับฉันที่บ้านตั้งแต่เช้าตรู่ ก่อนจะใส่บาตรด้วยกัน แล้วช่วยแม่ขายของอยู่พักหนึ่ง จากนั้นจึงออกมาจากบ้านพร้อมกันเมื่อรถจอดสนิทในลานจอดรถของบริษัท ฉันก็หันไปยิ้มให้เขา อีกฝ่ายยิ้มตอบเอื้อมมาจับมือฉันไว้“ไม่คิดอยากจะกลับมาทำงานเหรอ”“จะให้ฉันกลับมาทำในตำแหน่งอะไรล่ะคะ”“ก็...เลขาส่วนตัวฉันไง”“ไม่เอาฉันไม่อยากไปแย่งตำแหน่งใครมาอีกแล้ว ฉันขอเป็นแม่ค้าขายข้าวแกงอยู่ที่บ้านดีกว่า หวังว่าคุณคงจะไม่รังเกียจแม่ค้าจนๆ อย่างฉันนะคะ”“ใครจะไปรังเกียจเมียตัวเองได้ลงคอล่ะครับ” ว่าแล้วเขาก็โน้มใบหน้ามาใกล้ หมายใจจะหอมแก้มแต่ทว่าฉันรีบเอื้อมมือไ
บทที่ 30คุณบอสสุดที่รักวันนี้เป็นวันหยุดบอสจึงมาช่วยขายข้าวแกงตั้งแต่เช้าตรู่ ตั้งใจทำคะแนนพิชิตใจแม่ เอาใจท่านราวกับเจ้าหญิงก็ไม่ปานหลังจากการขายของในช่วงเช้าผ่านไปแล้ว ก็ถึงเวลาพักผ่อนของแม่ค้าอย่างเราๆ ตอนนี้ฉันกับแม่นั่งดูทีวีอยู่ในบ้าน ส่วนอิงฟ้าออกไปเที่ยวกับเพื่อนข้างนอก“เจ้านายแกกลับไปแล้วเหรอ ฉันว่าแล้วอยู่ได้ไม่นานหรอก” แม่เอ่ยพลางกวาดสายตามองไปรอบบ้าน แต่ก็ไม่เจอแม้แต่เงาของแขกผู้มาเยือน“เปล่านะแม่ เห็นบอกว่าจะไปเอาอะไรที่รถน่ะ”“อ้าวเหรอ…ฉันก็นึกว่ากลับไปแล้วซะอีก” แม่พยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะหันไปสนใจหน้าจอทีวีต่อหลังจากนั้นไม่นานชายหนุ่มร่างสูงโปร่ง ใบหน้าหล่อเหลาราวกับเทพบุตรก็เดินเข้ามา ในมือเขามีถุงอะไรบางอย่างมาด้วย เห็นอย่างนั้นฉันก็มองหน้าเขา ขมวดคิ้วเล็กน้อยเชิงถามว่ามันคืออะไร อีกฝ่ายเอาแต่ยิ้มแล้วเดินนำมาวางไว้บนโต๊ะกระจกกลางวงโซฟา“อะไรเหรอคุณ?”“ฉันซื้อของมาฝากคุณแม่น่ะ” เขาตอบก่อนจะหันไปเอ่ยกับแม่ต่อทันที “คุณแม่ครับผมซื้อของมาฝาก”แม่ค่อ
บทที่ 29เขาคือคนที่ใช่ที่สุดแล้วหลังจากแยกทางกับพี่มาร์คแล้ว ฉันก็เดินออกมาหาบอสที่หน้าห้างตามสัญญา เมื่อมาถึงฉันก็ยืนอยู่ลานหน้าห้าง มองไปรอบตัวเพื่อหาเขาคนนั้น คนไม่เยอะแต่กลับหาไม่เจอแม้แต่เงาหมับ!รู้สึกตัวอีกทีก็มีใครบางคนมาสวมกอดจากด้านหลัง ด้วยความตกใจจึงพยายามดิ้น และแกะมือหนานั้นออกทันที“ปล่อยนะไอ้โรคจิต!”“อ้าว! เธอมีแฟนเป็นคนโรคจิตงั้นเหรอ” เสียงทุ้มเอ่ยข้างใบหูทำให้ฉันหยุดชะงัก แล้วยืนนิ่งทันที“บอส!!! ปล่อยเดี๋ยวนี้เลยนะ คนมองกันใหญ่แล้วนั่น” ใครจะไม่อายล่ะในเมื่อตอนนี้ฉันยืนอยู่ตรงกลางลานเลยล่ะฟอดด!!!“ไม่แกล้งแล้วครับ ต่อไปนี้จะตามใจเมียทุกอย่าง” ก่อนจะคลายอ้อมแขนเขาก็ไม่ลืมหาเศษหาเลย โดยการหอมแก้มฟอดใหญ่ฉันพลิกตัวหันไปมองหน้าเขาหลังจากนั้น ก่อนจะยู่หน้าใส่อย่างเอาเรื่อง“ใครเป็นเมียคุณไม่ทราบ!”“ก็เธอไงล่ะ”“เอาใหญ่แล้วนะเรา” ทำไมฉันจะต้องยิ้มเขินด้วยนะ ทำไมฉันจะต้องหลบตาเขา เกลียดตัวเองที่ไม่สามารถปกปิดความรู้สึกตัวเองได้เล
บทที่ 28พี่ชายการออกเดตในคืนนั้นทำให้คำตอบในใจฉันชัดเจนขึ้น ต้องขอบคุณพี่มาร์คที่ให้ฉันได้มีโอกาสทบทวนตัวเองอีกครั้ง จนได้พูดคุยและปรับความเข้าใจกับบอสจนได้เรานัดเจอกันที่ร้านกาแฟในศูนย์การค้าชื่อดังแห่งหนึ่ง ระหว่างนั่งรอพี่มาร์ค ก็มีสายใครบางคนโทรเข้ามา เมื่อดูหน้าจอมือถือฉันก็ยิ้มน้อยๆ ออกมา คงไม่ใช่ใครที่ไหนหรอกค่ะ...“ว่าไงคะ”(ทำอะไรอยู่ครับคนสวย)“เอ่อ...ฉันมาทำธุระข้างนอกค่ะ”(ธุระอะไร? มากับใคร? ตอนนี้อยู่ที่ไหน?)“ธุระส่วนตัวค่ะ มาคนเดียวที่ห้างแถวบ้านนี่ล่ะ” ถามซะขนาดนี้มาหาเลยดีไหมคะ(ฉันกำลังจะออกจากบริษัทพอดีเลยเดี๋ยวแวะไปหานะ จะได้ขับรถไปส่งที่บ้านด้วย)“ไม่ต้องมาหรอกค่ะ ฉันกลับเองได้และอีกอย่างคุณไม่กลัวแม่จะด่ารึไงกัน”(มาถึงขั้นนี้แล้วจะกลัวทำไมล่ะ ถึงตายฉันก็ยอม...เพื่อเธอ)“ถ้างั้นก็...มารอที่หน้าห้างนะคะ เสร็จธุระแล้วฉันจะโทรหา”(ว่าแต่เธอมาทำธุระอะไรยังไม่ตอบเลยนะ)“วันนี้ฉันนัดกับพี่มาร์คไว้ค่ะ” ฉันตอบตามความจริง
บทที่ 27ฉันรักเธอนะนี่สินะเหตุผลที่แม่เด็กกระเตงลูกสาวมาด้วย เพราะเจ้าหนูคนนี้ช่างพูดช่างเจรจา สามารถเรียกลูกค้าได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว“อ้อนเก่งจังเลยนะเรา” เขาเอื้อมมือไปลูบกลางกระหม่อมเด็กหญิงอย่างเอ็นดู จากนั้นก็หันไปเอ่ยแม่ของเด็กต่อ “งั้นผมขอเหมาหมดเลยนะครับ ทอดแค่สิบไม้นอกนั้นห่อใส่ถุงนะครับ”“ขอบคุณมากๆ นะคะ มาทีไรก็เหมาอย่างนี้ทุกครั้งเลยใจดีสุดๆ”เห็นอย่างนั้นฉันก็อดยิ้มไม่ได้ อาจเป็นเพราะไม่เคยเห็นมุมนี้ของเขามาก่อน ทำให้รู้สึกว่าเขาก็มีความอ่อนโยนอยู่เหมือนกัน แค่ไม่เคยทำอย่างนั้นกับฉันเท่านั้นเอง“วันนี้พี่ติณณ์พาแฟนมาด้วยเหรอคะ” เด็กน้อยถามพลางจ้องมองมาที่ฉันตาแป๋ว“ไม่ใช่หรอกจ้ะพี่เป็นแค่คนรู้จัก” ฉันตอบโดยพยายามไม่มองหน้าเขา“จริงเหรอคะพี่ติณณ์”“อืม...พี่ไม่กล้าตอบอ่ะเพราะพี่ไม่ได้คิดอย่างนั้น” เขาเอ่ยออกมาตรงๆ ทำเอาฉันหน้าร้อนขึ้นมาทันที รู้สึกอายอย่างบอกไม่ถูก ไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าเด็กหญิงคนนั้น“แล้วพี่คิดยังไงล่ะคะ” เด็กน้อยถามเขาต่อ“
บทที่ 26ออกเดตฉันนอนคิดไตร่ตรองมาตลอดทั้งคืน จนได้ข้อสรุปว่าจะให้โอกาสเขาอีกครั้ง แม้จะยังโกรธอยู่ไม่น้อย แต่พอมาคิดดูแล้วทุกอย่างมันก็มีที่มาที่ไป เขาไม่ได้ร้ายกาจโดยเนื้อแท้ แต่เป็นเพราะเคยโดนหักหลังมาก่อนทำให้มีอคติกับผู้หญิง แถมฉันยังไปทำพฤติกรรมเข้าข่ายเป็นผู้หญิงแบบที่เขาเกลียดอีกด้วยก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!“พี่ดาวเปิดประตูให้ฉันหน่อย”กำลังแต่งหน้าอยู่ดีๆ ยัยน้องสาวตัวแสบก็มาเคาะประตูห้อง จะทำอย่างไรดีเนี่ย หากเข้ามาเห็นสภาพฉันในตอนนี้คงจะสงสัยเป็นแน่ เพราะตอนนี้ฉันสวมชุดไปรเวทเตรียมพร้อมออกไปเที่ยวข้างนอก“แกมีอะไร” ฉันตะโกนส่งเสียงออกไปแต่ยังไม่ยอมลุกจากเก้าอี้“ฉันมีอะไรจะพูดด้วย ขอเข้าไปหน่อยดิ”“เอาไว้วันหลังละกัน ตอนนี้ฉันง่วงมากจะนอนแล้ว”“ง่วงอะไรแต่หัวค่ำอย่างนี้ อย่ามาโกหกหน่อยเลยน่า”“ก็บอกว่าง่วงไงยะไม่เข้าใจเหรอ” ยัยน้องสาวบ้า ทำไมถึงได้ดื้อด้านอย่างนี้ ไปซึมซับเอานิสัยคุณติณณภพมาตั้งแต่ตอนไหนเนี่ย“พี่ทำอะไรอยู่กันแน่ ฉันชักจะเริ่มสงสัยซะแล้ว
บทที่ 25หรือจะลองเสี่ยงทานมื้อเย็นจนอิ่มหนำสำราญแล้ว ก็ถึงเวลาที่ตองจะต้องกลับบ้าน ฉันกับอิงฟ้าเดินออกมาส่งแขกที่หน้าบ้าน ส่วนแม่ก็ไปอาบน้ำเตรียมตัวเข้านอน“จะกลับยังไงล่ะตอง” เห็นว่าค่ำมืดแล้วฉันก็นึกเป็นห่วง เพราะตองเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กน่ารัก แถมยังเป็นลูกคุณหนูอีกด้วย เกรงว่าหากกลับคนเดียวจะเป็นอันตราย“อ๋อ...ตองให้รถที่บ้านมารับค่ะน่าจะใกล้มาถึงแล้วล่ะ”“ถ้างั้นเดี๋ยวพี่รอเป็นเพื่อนนะ”“ขอบคุณค่ะพี่ดาว” ตองส่งยิ้มให้ก่อนจะหันไปเอ่ยกับเพื่อนรัก “แกฉันขอคุยกับพี่ดาวเป็นการส่วนตัวหน่อยสิ” ตองยักคิ้วให้เพื่อนเหมือนรู้กัน“โอเคๆ งั้นฉันเข้าบ้านก่อนนะไว้เจอกันพรุ่งนี้”“บาย”ฉันเดาว่าเรื่องที่ตองอยากจะคุยด้วยคงไม่พ้นเรื่องของบอสนั่นล่ะ ดีไม่ดีคงได้รับคำสั่งมาจากพี่ชาย ให้มาเจรจากับฉันเป็นแน่“ตองมีอะไรจะคุยกับพี่เหรอ”“เฮียเล่าเรื่องทั้งหมดให้ตองฟังแล้ว ตองเลยอยาก....”นั่นไงคิดเอาไว้ไม่มีผิด...“เปลี่ยนเรื่องได้ไหมพี่ไม่อยากเอ่ยถึงเขาอีกแล้ว”
บทที่ 24แขกผู้น่ารักวันต่อมาร้านขายข้าวแกงก็เข้าสู่ภาวะปกติเหมือนเช่นเคย ไม่มีหน้าม้าที่บอสจ้างมา ทำให้บรรยากาศการขายราบรื่นสบายๆ ไม่ต้องเร่งเหมือนเมื่อวาน ฉันเริ่มสนุกกับการเป็นแม่ค้าขายข้าวแกงซะแล้วสิ แม้จะไม่ได้แต่งตัวอยู่ในห้องแอร์สวยๆ แต่ทว่ากลับรู้สึกมีความสุขทางใจมากมายเหลือเกิน ได้พบเจอพูดคุยกับคนคุ้นเคยในละแวกบ้าน ได้ยิ้ม ได้หัวเราะ ได้อยู่กับคนที่เรารักทุกวัน มันเป็นอะไรที่ฉันไม่เคยนึกว่าจะเกิดขึ้นได้ในชีวิตนี้ช่วงเย็นหลังเลิกงานพี่มาร์คมาหาฉันที่บ้าน แม่จึงตั้งใจทำกับข้าวต้อนรับว่าที่ลูกเขยอย่างสุดฝีมือ ฉันจะเข้าไปช่วยในครัวแต่ก็ไม่ยอม ผลักไสให้ออกมานั่งคุยเป็นเพื่อนพี่มาร์คซะงั้นฉันยกถาดผลไม้พร้อมกับแก้วน้ำเย็น มาวางไว้กลางโต๊ะหินอ่อนหน้าบ้าน ก่อนจะนั่งลงฝั่งตรงข้าม ส่งยิ้มให้เขาเหมือนเช่นเคย พี่มาร์คนั่งเงียบราวกับมีเรื่องอัดอั้นในใจ เห็นอย่างนั้นฉันก็อดเป็นห่วงไม่ได้ อยากรู้ว่าเรื่องอะไรที่ทำให้คนอย่างเขากลัดกลุ้มได้“วันนี้ขายดีไหมครับ”“ก็ดีค่ะ...ปกติแล้วขายหมดทุกวันนั่นล่ะ
บทที่ 23ง้อเช้าวันใหม่ที่สดใสของฉันได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ฉันลุกขึ้นมาตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อช่วยแม่ทำกับข้าว เมื่อเสร็จแล้วก็นำถาดออกมาวางเรียงรายไว้บนโต๊ะหน้าบ้าน ก่อนจะนำถุงแกงที่เตรียมไว้ไปใส่บาตรเพื่อเอาฤกษ์เอาชัย นี่เป็นการตกงานที่มีความสุขที่สุดในโลกเลยล่ะ หลังจากช่วยแม่จัดร้านเรียบร้อยแล้ว ฉันก็ขอตัวขึ้นไปเติมหน้าสักหน่อย เผื่อว่าความสวยของฉันจะช่วยเรียกลูกค้าให้เพิ่มมากขึ้นได้ ฮ่าๆ ๆขณะสาวเท้าเดินขึ้นไปบนห้อง ก็สวนทางกับยัยน้องสาวตัวแสบ นางแต่งชุดนักเรียนลงมาจากห้องเตรียมพร้อมจะออกไปเรียน เมื่อเห็นฉันใส่ชุดไปรเวทก็ขมวดคิ้วจนเป็นปม มองราวกับสงสัยซะเต็มประดา“อ้าว! วันนี้พี่ไม่ไปทำงานเหรอ”“นี่แม่ยังไม่ได้บอกแกเหรอว่าฉันลาออกแล้ว”“ห๊ะ! ลาออกแล้ว ทำไมอ่ะ” อิงฟ้าทำหน้าตกใจอย่างหนักหน่วง เพราะก่อนหน้านี้ฉันไม่เคยบ่นเรื่องงานให้ใครฟังเลย พอมันได้ยินก็ตกใจไม่ต่างจากแม่ในตอนแรก“เบื่อคน” ฉันตอบสั้นๆ“ใคร! เพื่อนที่ทำงานเหรอ”“ไม่ต้องรู้หรอกน่า รีบไปเรียนเถอะฉันจะขึ้นไปแต่งหน