“ชาขององค์หญิงหกดีที่สุดจริง ๆ คงน่าเสียดายแย่หากเหล่าองค์ชายมิได้ลิ้มลอง!”จ้าวเจินเจินก็กล่าวยิ้มน้อย ๆ องค์ชายคังตอบอย่างรู้กัน “เช่นนั้นก็ต้องลิ้มลองสักหน่อย! ขอเชิญท่านอ๋องผิงหนาน พระชายาผิงหนานและพวกรัฐทายาทอันมาด้วยกันเถิด! มีสิ่งดี ๆ ก็ต้องแบ่งปันทุกคน!”เซียวทงพลันให้นางกำนัลไปเชิญคน และในไม่ช้า คนกลุ่มใหญ่ก็ติดตามนางกำนัลมาแล้วเดิมทีหลิงหว่านกับอันซินไม่อยากมา นางกำนัลเจาะจงบอกว่าองค์หญิงหกมีเรื่องอยากคุยกับพวกนาง พวกนางจึงจำใจต้องตามมา“ที่เรือนด้านหลังข้าให้คนเตรียมของว่างน้ำชาสุดประณีตไว้แล้ว มันช่างเข้ากับชาดียิ่งนัก ต้องทำให้พวกเจ้าดื่มจนสบายอารมณ์แน่นอน!”เซียวทงตั้งใจให้นางกำนัลเชิญฉินซานมาเช่นกัน นางกล่าวยิ้ม ๆ ต่อฉินซาน“ที่งานชมบุปผาในวันนี้ของตัวข้าจัดขึ้นได้สำเร็จโดยไร้การจลาจล เป็นเพราะความแข็งขันของแม่ทัพฉินมิเสื่อมคลาย!”“แม่ทัพฉิน ประเดี๋ยวข้าขอรินชาให้ท่านเพื่อแสดงความขอบคุณด้วยตัวข้าเอง!”ฉินซานตอบอย่างใจเย็น “นี่คือหน้าที่ของกระหม่อม กระหม่อมมิควรได้รับคำขอบคุณเช่นนี้จากองค์หญิงพ่ะย่ะค่ะ!”กลุ่มคนคุยเฮฮากันพลางเดินเข้าสวนดอกไม้เล็ก ๆ เมื่อมาถึงห
“สวรรค์! พระชายาอ๋องอี้ผู้สง่า คิดมิถึงเลยว่าจะกระทำเรื่องต่ำช้าเช่นนี้ในตอนกลางวันแสก ๆ!”ไม่รู้ว่าเป็นเสียงผู้ใดร้องทักหลิงหว่านที่ตามหลังอย่างใกล้ชิดเมื่อได้ยินก็ตกใจไปทันที!นางหมายฝ่ากลุ่มคมเบียดเข้าไปดู แต่รู้สึกกระวนกระวายใจนักที่กลับถูกคนมากมายขวางข้างหน้าไว้!เมื่อเซียวทงเห็นหลิงอวี๋ผมเผ้าสยายและอยู่ในสภาพกระอักกระอ่วนใจ จึงอดยกยิ้มย่ามใจมิได้หลิงอวี๋ที่ถูกจับได้ว่ากำลังล่วงประเวณี วันนี้เจ้าจะยังเถียงข้าง ๆ คู ๆ ได้อีกหรือ?“หลิงอวี๋… นางหญิงสำส่อน! เจ้ากระทำเช่นนี้ละอายใจต่อเสด็จพี่สี่หรือไม่?”เซียวทงเรียกขึ้นอย่างปวดใจ “ขนาดอยู่ในงานชมบุปผาของข้า เจ้ายังบังอาจทำสิ่งเลวทรามยิ่งกว่าสัตว์ที่นี่! เจ้า… เจ้าทำให้ราชวงศ์ต้องขายหน้าโดยแท้!”“ท่านปู่เฉิง ท่านต้องตัดสินเพื่อเสด็จพี่สี่เพคะ! วันนี้ต้องสังหารนางชั่วหลิงอวี๋ ไม่อาจให้นางมีชีวิตอยู่ทำราชวงศ์ขายหน้าได้เพคะ!”พระสนมหรงก็กระโจมเข้ามาอย่างเดือดดาล “หลิงอวี๋ นางหญิงสำส่อน… เจ้ากล้าดีอย่างไรมาทำเรื่องโสมมเช่นนี้!”“ท่านอ๋องเฉิง นี่มันช่างคาหนังคาเขายิ่งนัก วันนี้ท่านต้องให้ความเป็นธรรมกับเทียนเอ๋อร์นะเพคะ สังหารห
องค์ชายคังยิ้มกล่าวย่ามใจ “น้องสี่ ทุกคนตาสว่างแล้ว! หลิงอวี๋กระทำสิ่งเลวทรามเช่นนี้นั้นมิคู่ควรกับมงกุฎดอกโบตั๋นเสียเลย!”“การเดิมพันในวันนี้เป็นเจ้าแพ้! ม้ากีบขาวของข้ามิขอส่งให้เจ้า… เจ้าอย่าลืมส่งดาบสามมังกรให้ข้าด้วยแล้วกัน!”ขณะที่เซียวทงกับคนอื่น ๆ กำลังพากันวิพากษ์วิจารณ์หลิงอวี๋ ทันใดนั้นก็เกิดเสียงเหยียดหยามแผ่มาข้างหลังของทุกคน“อ้าว… หากเดิมพันก็ต้องยอมรับพ่ายสิ ขนาดเด็กยังรู้ความเลย!”“ทำไม องค์ชายคังแพ้ไม่เป็นรึ เลยหาคนมาใส่ไคล้ตัวข้า?”หลิงอวี๋?เมื่อได้ยินเสียงนี้กะทันหัน คนจำนวนมากพลันตกใจราวเห็นผี!เสียง… เสียงนี้ทำไมถึงดังมาจากข้างหลังพวกเขาเล่า?หลิงอวี๋กำลังฟุบกับพื้นแกล้งหมูตายหน้าด้าน ๆ อยู่มิใช่รึ?เซียวหลินเทียนหันหน้ามาคนแรกและหลังจากพบว่าเป็นหลิงอวี๋ มุมริมฝีปากของเขาจึงเผยรอยยิ้มขึ้นทันทีเป็นไปตามคาด!หลิงอวี๋มิใช่สตรีโง่เขลาอย่างที่เคยเป็นอีกต่อไป!นางในยามนี้ ไม่เพียงฉลาดปราดเปรื่อง แต่ยังงดงามมีสง่า นางจะเล่นชู้ได้อย่างไร!ที่เขานิ่งเงียบ เป็นเพราะอยากให้โอกาสคนพวกนี้แสดงละครเท่านั้น!ก่อนหน้านี้เซียวหลินเทียนก็สงสัยว่าอาจมีเล่ห์อยู่เบื้องห
คราวนี้เซียวทงถูกตีจนมึน หลังจากที่ตั้งสติได้ นางก็จ้องหลิงอวี๋อย่างคับแค้นใจพลางตะโกน“หลิงอวี๋ เจ้าตีข้าด้วยเหตุใด? หากวันนี้เจ้ามิให้ข้าตีคืน ข้าจะฆ่าเจ้า!”หลิงอวี๋หัวเราะเยาะพลางเอ่ย “ท่านยังมีหน้ามาถามหม่อมฉันอีกหรือ? หม่อมฉันเป็นพี่สะใภ้ของท่าน! ท่านเอ่ยวาจาให้ร้ายข้าว่าลักลอบเป็นชู้โดยไม่มีหลักฐาน หม่อมฉันยังตีท่านมิได้อีกหรือ!?”“เซียวทง ท่านบอกหม่อมฉันมาว่าสิ่งใดคือการที่บอกว่า เห็น ๆ อยู่ว่าคนข้างในคือหม่อมฉัน?”“เหตุใดท่านจึงมั่นใจนักว่าคนที่อยู่ข้างในน่าจะเป็นหม่อมฉัน?”“หรือว่า... ที่นางกำนัลเชิญหม่อมฉันมาดื่มชากับท่านนี่เป็นแผนของท่านใช่หรือไม่! ที่เสิ่นจวนทำน้ำชาหกเปียกชุดของหม่อมฉันก็เป็นแผนของท่าน! ที่จัดแจงให้หม่อมฉันไปเปลี่ยนอาภรณ์ที่เรือนด้านหลังก็เป็นแผนของท่าน! ภาพที่คนสองคนข้างในแอบทำอะไรกันนั่นอีก ทั้งหมดนี้มันเป็นแผนของท่านใช่หรือไม่!?”“บอกมา! เรื่องในวันนี้เป็นแผนการที่ท่านจัดวางขึ้นมาเอง หรือว่าสมคบคิดกับคนอื่นแล้วทำด้วยกัน?!”หลิงอวี๋ก้าวไปข้างหน้า ดวงตาเต็มไปด้วยความเยือกเย็นและกลิ่นอายสังหารร้ายแรง ทำให้เซียวทงถอยหลังไปโดยไม่รู้ตัวนี่เป็นครั้งแร
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ท่านอ๋องเฉิงก็มององค์หญิงหกกับองค์ชายคัง แล้วใบหน้าก็มืดมนลงหากเมื่อครู่เขายังมิเข้าใจ เช่นนั้นบัดนี้ท่านอ๋องเฉิงก็เข้าใจความจริงของเรื่องนี้จากคำพูดของหลิงอวี๋แล้ว!ทุกเรื่องที่องค์หญิงหกทำในวันนี้ล้วนนำความอับอายมาสู่ราชวงศ์ทั้งสิ้น!ก่อนหน้านี้ที่มุ่งเป้าไปที่หลิงอวี๋ในระหว่างการแข่งขันความสามารถ เขายังเห็นว่ามันเป็นแค่ความแค้นกับแผนการของพวกสตรีเท่านั้น!แต่เรื่องของการลอบเป็นชู้มันเป็นอันตรายต่อเกียรติของราชวงศ์ยิ่ง!องค์หญิงผู้สง่างาม! ใช้เรื่องเช่นนี้วางแผนจัดการกับคนอื่นได้เยี่ยงไร!และองค์ชายคังผู้นี้ แม้มิใช่ผู้บงการแต่ก็เป็นผู้สมรู้ร่วมคิด!ดูเหมือนว่าเขาจำเป็นจะต้องกราบทูลเรื่องนี้ต่อจักรพรรดิอู่อันเสียหน่อยแล้ว!ฉินซานมององค์หญิงหกอย่างเย็นชา บอกว่าอยากจะรินชาเพื่อขอบคุณตน ที่แท้ก็เป็นเรื่องโกหกทั้งเพ!จุดประสงค์ขององค์หญิงหกคือการพาพวกเขาไปเห็นกับตาว่าหลิงอวี๋ลอบเป็นชู้ และทำลายชื่อเสียงของหลิงอวี๋กระทั่งจะประหารหลิงอวี๋!องค์ชายคังพูดมิออก แต่เมื่อคิดได้ว่าเซียวหลินเทียนไม่มีหลักฐาน เขาก็สงบลง พลางเอ่ยอย่างเย็นชา“น้องสี่ ไม่มีหลักฐานก็อย
คำพูดประนีประนอมของจ้าวเจินเจินเปลี่ยนท่าทีของทุกคนในทันที มีคนกระซิบกระซาบกัน“ใช่! ที่จริงเรื่องนี้จะมาโทษที่เราเข้าใจผิดก็มิได้ ก่อนหน้านี้พระชายาอ๋องอี้ชื่อเสียงแย่มาก นี่มิใช่เรื่องที่นางได้ที่หนึ่งในวันนี้แล้วจะชะล้างมันออกไปได้!”“ใช่ เรื่องนี้โทษคนอื่นคงมิได้กระมัง? เพราะว่าพวกคุณชายทำให้ทุกคนเข้าใจผิด พอนึกย้อนถึงชื่อเสียงก่อนหน้านี้ของพระชายาอ๋องอี้ดู การที่ทุกคนเข้าใจผิดมันก็เรื่องที่ปกตินัก…”เซียวทงเห็นว่าทิศทางของลมหันมาทางตนอย่างรวดเร็ว ความเย่อหยิ่งก็เพิ่มขึ้นทันที นางมองหลิงอวี๋อย่างดุร้ายพลางเอ่ย“ใช่! พี่สะใภ้สี่ เจ้ามิดูเล่าว่าชื่อเสียงของเจ้าแย่เพียงใด!”“ที่ข้าเข้าใจเจ้าผิดก็เป็นเรื่องปกติมากไม่ใช่หรือไร? เมื่อครู่ข้ามิได้รู้สึกผิดหวังเลย! ข้าแค่รู้สึกแปลกใจเท่านั้น จึงแสดงท่าทีเกินจริงไป!”“แต่เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาตบข้าเล่า!? ข้าโตมาถึงเพียงนี้เสด็จพ่อยังมิเคยตีข้าเลยนะ! เจ้าเป็นแค่พระชายาต่ำต้อย เจ้าเก่งกาจมากกว่าเสด็จพ่อของข้าเช่นนั้นรึ!”แม้ว่าคำพูดขององค์หญิงหกอาจฟังดูฝืน ๆ แต่ก็ไม่สามารถบอกได้ว่ามันไม่แทงใจ!อันซินกับหลิงหว่านมองหน้ากันแล้วต่างก็เห็นควา
เจิงจื่ออวี้กับจูเหวินแอบบ่นอย่างข่มขื่น พวกนางติดตามองค์หญิงหกมาช่วยจับเรื่องชู้ มีหรือจะนึกถึงว่าหลิงอวี๋มิได้อยู่ในนั้น!แต่เมื่อพูดออกไปแล้ว ก็ไม่มีทางที่จะปฏิเสธได้เจิงจื่ออวี้ก้าวไปข้างหน้าพลางเอ่ย “พระชายาอ๋องอี้ พวกเราได้ยินคุณชายผู้นั้นบอกว่าเป็นพระชายาอ๋องอี้ ก็คิดว่าเป็นพระชายา… มิคิดเลยว่าจะเป็นเพียงแค่ความเข้าใจผิด! ข้าขออภัยพระชายา!”จูเหวินเองก็รีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อขอโทษ และพูดในสิ่งที่เหมือนกันฉินรั่วซือเห็นว่าสถานการณ์ไม่ดี กลัวว่าหลิงอวี๋จะตำหนิตนไปด้วย จึงถอยกลับไปอยู่ที่มุมหนึ่งอย่างเงียบ ๆก่อนหน้านี้นางเคยเสียเปรียบมาก่อน วันนี้ระมัดระวังมาก จะไม่พูดเหลวไหลอีกแล้ว!หลิงอวี๋หัวเราะเยาะ “เยี่ยมจริง ๆ! พวกท่านเป็นคุณชายคุณหนูแห่งฉินตะวันตก เป็นบุตรขุนนางคนสำคัญของราชสำนัก!”“ได้ยินเขาบอก พวกท่านก็เชื่ออะไรง่าย ๆ หรือ? หากข้าทำเรื่องผิดจริง ๆ ข้าก็ขอรับโทษจากองค์จักรพรรดิกับไทเฮาเอง! เหตุใดถึงจะให้พวกท่านที่ไม่แม้แต่จะมองแต่กลับกล้ามาใส่ร้ายว่าข้านอกใจ!”หลิงอวี๋หันไปหาท่านอ๋องเฉิง พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ท่านอ๋องเฉิงเพคะ หม่อมฉันสงสัยว่าเจิงจื่ออวี้ จ
“ลู่หนาน ตบปากซะ!”“ใส่ร้ายพระชายา ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงของราชวงศ์ ทุกคนตบปากยี่สิบครั้ง! คนเลวนั่นกล้าเริ่มที่ใส่ร้ายพระชายา ตบปากสี่สิบครั้ง!”ลู่หนานทนไม่ไหวมานานแล้ว หลังจากได้ยินคำสั่งก็รีบพุ่งตัวไปข้างหน้าอย่างแข็งขันเริ่มแรกเขาจับตัวเจิงจื่ออวี้ พลางตบปากนางด้วยเสียงดังฟังชัดลู่หนานลงมืออย่างรวดเร็วและหนักหน่วง ไม่นานก็เสร็จสิ้นไปเมื่อมาตบปากจูเหวิน ฮูหยินจูถึงได้เรียกสติกลับมาได้ นางคุกเข่าลงกับพื้นเสียงดังลั่นพลางเอ่ยขอร้อง“ท่านอ๋องอี้ ทั้งหมดเป็นเพราะหม่อมฉันสอนบุตรีไม่ดีเอง ขอร้องให้ท่านอ๋องอี้โปรดไว้ชีวิตเหวินเหวินของเราด้วยเถิดเพคะ!”เซียวหลินเทียนหัวเราะเยาะ “ใต้เท้าจูเป็นเจ้ากรมฝ่ายพิธีการ แต่สอนบุตรีตนเองได้ไม่ดี เช่นนั้นก็ให้ข้าช่วยสอนให้เขาเถิด!”“ใต้เท้าจูควรจะขอบคุณข้า เมื่อจูเหวินได้รับการสั่งสอนเช่นนี้ในวันนี้ ในภายภาคหน้านางจะควบคุมปากของตนได้ดี มิสร้างปัญหาใหญ่ให้กับใต้เท้าจูอีกต่อไป!”ทันทีที่ลู่หนานได้ยินสิ่งนี้ก็จับจูเหวินพลางเริ่มตบปากนางหลังจากตบปากไปยี่สิบครั้ง ใบหน้าของจูเหวินกับเจิงจื่ออวี้ก็บวมขึ้นมา พลางทรุดลงกับพื้นพร้อมน้ำตาที่ไหลอา
เถ้าแก่เจียงเห็นสถานการณ์เป็นเช่นนั้นก็กำลังคิดจะด่า หลิงอวี๋ก็อุ้มเจียงหย่งมาและหันหลังให้ตนแล้วสองมือของนางกอดรัดอยู่ตรงช่วงท้องของเจียงหย่ง มือหนึ่งกำหมัดแล้ววางด้านหัวแม่มือของกำปั้นนั้นอยู่ที่ตรงอกและตรงท้องของเจียงหย่งส่วนมืออีกข้างของหลิงอวี๋ก็จับมือที่กำหมัดไว้แล้วรีบกระทุ้งที่ช่วงท้องของเจียงหย่งอย่างแรงการกระทำนี้ทำเอาเถ้าแก่เจียงโกรธจนกำหมัดไปทุบที่หัวของหลิงอวี๋“ให้ตายสิ นี่เป็นการช่วยเหลือหรือทำร้ายกันแน่ วางลูกชายข้าลงเดี๋ยวนี้ มิเช่นนั้นข้าจะฆ่าเจ้า”หลิงอวี๋อุ้มเจียงหย่งหลบมา พลางตะคอกใส่เถ้าแก่เจียง “ข้ากำลังช่วยลูกท่านอยู่ ท่านมิเห็นหรือว่าเขากำลังจะตายแล้ว?”“ท่านอย่ามารบกวนข้า หากข้ารักษาเขาตาย ข้าจะชดใช้เขาด้วยชีวิต!”แม้ว่าฮูหยินเจียงจะดูมิเข้าใจวิธีการช่วยเหลือของหลิงอวี๋ แต่ลูกชายใกล้จะตายแล้วจริง ๆ ขอเพียงมีความหวังเพียงเล็กน้อยนางก็จะไม่มีทางยอมแพ้นางดึงเถ้าแก่เจียงไว้หลิงอวี๋ก็ใช้วิธีเดิมกระทุ้งเข้าที่ช่วงท้องของเจียงหย่งต่อไปหลังจากทำเช่นนี้ไปสามครั้ง เจียงหย่งก็ไอแค่ก ๆ แล้วถั่วลิสงเม็ดหนึ่งที่มีเลือดติดอยู่ก็หลุดออกมาจากปากเขาและกระเด็นลงส
เสี่ยวซานเอ๋อร์จึงพาหลิงอวี๋ไปขายกำไลหยก ระหว่างทางเสี่ยวซานเอ๋อร์ก็ยังเล่าเรื่องอื่น ๆ ในเมื่อนี้ให้หลิงอวี๋ฟังอีกหลิงอวี๋เอ่ยถามไปอย่างอ้อม ๆ “เสี่ยวซานเอ๋อร์ ข้ามากับน้องสาว แต่น้องสาวข้าหายตัวไปแล้ว ได้ยินว่าป้าวเฉิงเจ้าถิ่นที่นี่เก่งเรื่องตามหาคน หากข้าไปขอให้เขาช่วย จะต้องใช้เงินเท่าใดหรือ?”เสี่ยวซานเอ๋อร์ขมวดคิ้ว “คุณหนูใหญ่ แม้ว่านายใหญ่ป้าวจะเก่งเรื่องตามหาคน แต่ก็มิใช่ว่าจะช่วยใครง่าย ๆ! หากจะไปขอร้องเขาแล้วมีเงินมิถึงหลักพันเขาก็มิสนใจหรอก!”“สองพันพอหรือไม่?”หลิงอวี๋นึกถึงที่หัวหน้าเสิ่นบอกว่ากำไลหยกนี้สามารถขายได้สองพันตำลึงจึงเอ่ยถาม“แล้วแต่คน!”เสี่ยวซานเอ๋อร์คิดว่าหลิงอวี๋ใจกว้างกับตนมากจึงเอ่ยขึ้นมา “ข้ารู้จักกับผู้ดูแลหมู่บ้านตระกูลป้าว ข้าจะไปคุยกับเขาดู เขาน่าจะช่วยได้!”“เช่นนั้นขอร้องเจ้าด้วย! รอให้ขายกำไลหยก จากนั้นเจ้าก็ค่อยพาข้าไปหาเขา ข้าจะมิให้เจ้าขาดทุนอย่างแน่นอน!”หลิงอวี๋ใจชื้นขึ้นมา เงินทองเป็นของนอกกาย ขอเพียงตามหาเสี่ยวอวี้เจอ และพวกนางได้ใช้ชีวิตด้วยกัน เรื่องความจนก็มิกลัวหรอกกระทั่งมาถึงที่บ้านเถ้าแก่เจียงที่รับซื้อกำไลหยก ทั้งสองยังม
“ไปหาสมบัติที่ภูเขาหิมะหรือ? อยากตายนักหรือไรกัน! ภูเขาหิมะนั่นกินคนมิเหลือแม้กระดูก!”แขกคนหนึ่งส่ายหน้าแล้วเอ่ย“คนเหล่านี้แตกต่างไป พวกเขาแต่ละคนมีวรยุทธ์แก่กล้า อีกทั้งยังพาคนเข้าไปตั้งมากมาย มิน่าจะเป็นเหมือนเมื่อก่อนแล้วกระมัง!”“พวกเราเองก็ตามไปหากำไรเล็ก ๆ น้อย ๆ บ้างดีหรือไม่!”แขกอีกคนหนึ่งยิ้มออกมาแล้วเอ่ย “เจ้าน่ะหรือ อย่าไปเลย ถึงตอนนั้นอย่าว่าแต่กำไรเล็ก ๆ น้อย ๆ เลย จะกลับกลายเป็นว่าเอาชีวิตไปทิ้งอยู่ข้างในนั้นน่ะสิ!”“เสี่ยวซานเอ๋อร์ หากเจ้าอยากจะร่ำรวยจริง ๆ พี่ชี้ช่องทางให้ดีหรือไม่?”หลิงอวี๋เหลือบมองเสี่ยวซานเอ๋อร์ผู้นั้น เขาเป็นวัยรุ่นอายุประมาณยี่สิบ ดูผอมและอ่อนแอมาก การแต่งกายก็ดูเรียบง่ายธรรมดาเครื่องหน้างดงาม ทว่าดวงตาค่อนข้างแปลก ดูเหมือนมองคนแล้วมิสามารถมองให้ชัดเจนได้สงสัยจะตาเหล่กระมัง!เสี่ยวซานเอ๋อร์ตาเป็นประกายขึ้นมาทันที “พี่หาน ช่องทางอะไรหรือ? รีบบอกมาเร็วเข้า หากข้าร่ำรวยแล้วจะไม่มีทางลืมเจ้าแน่นอน!”“ไปเป็นผู้ค้ามนุษย์อย่างหม่าเฉียงอย่างไรเล่า! เจ้ามิเห็นหรือว่าทาสหญิงหนึ่งเกวียนของเขาขายไปได้สี่แสนหกหมื่น? การค้าขายนี้ง่ายดายกว่าที่เจ
หัวหน้าเสิ่นถูกปู้ติงจ้องมองอยู่ด้วยสายตาดุร้ายก็ไม่มีทางเลือก จึงต้องเขียนหนังสือยอมรับผิด เขาขอแค่เพียงหลบหนีไปได้ อย่างก็อื่นค่อยว่ากันทีหลัง“หัวหน้าเสิ่น หากจะตามหาคนคนหนึ่งควรเริ่มจากที่ใด?”สุดท้ายหลิงอวี๋ก็ถามหัวหน้าเสิ่นไปหนึ่งคำถามหัวหน้าเสิ่นยิ้มขมขื่น “หากแม่นางจะตามหาคน ป้าวเฉิงคนที่ข้าพูดถึงเมื่อครู่คือคนที่มีความสามารถเก่งกาจยิ่งนัก เขามีลูกน้องมากมาย อีกทั้งคนในหมู่บ้านที่อยู่รอบ ๆ นี้ก็เชื่อฟังเขาด้วย”“หากเจ้าจะตามหาคน ขอเพียงมีเงินมากพอ เขาก็จะช่วยตามหาคนให้ได้เร็วที่สุด!”หลิงอวี๋อยากจะตามหาเสี่ยวอวี้น้องสาวของตน เมื่อได้ยินดังนั้นก็สนใจขึ้นมาแต่ตนไม่มีเงินติดตัวสักแดง จะไปพูดให้ป้าวเฉิงตามหาคนให้ตนได้อย่างไรกัน!“หัวหน้าเสิ่น เอาของมีค่าที่ท่านน้าหลินให้มาให้ข้าสักชิ้นเถิด!”หลิงอวี๋เอ่ยออกไปตามตรง “ข้าไม่มีเงินติดตัวสักแดง เจ้าก็ถือว่าทำบุญแล้วกัน!”ต่อให้หลิงอวี๋จะต้องการของมีค่าทั้งหมดของหัวหน้าเสิ่น หัวหน้าเสิ่นก็มิกล้าบอกว่าไม่ นับประสาอะไรกับหนึ่งชิ้นเล่า!หัวหน้าเสิ่นรีบเปิดห่อของตนแล้วหันหลังให้หลิงอวี๋หยิบกำไลหยกออกมาหนึ่งชิ้น!“แม่นาง กำไลหยก
“อย่า… อย่าฆ่าข้า!”หัวหน้าเสิ่นกลัวจนร้องออกมาเสียงสั่นเขาเชื่อมั่นในวรยุทธ์ของตนว่าจะสามารถหนีไปได้อย่างราบรื่น ไหนเลยจะคิดว่าจะหนีมิพ้นหมาป่าตัวนี้!“หึ! ข้าบอกไปแล้วว่า นอกเสียจากเจ้าจะเร็วกว่าปู้ติง มิเช่นนั้นก็ให้เชื่อฟังคำของข้า! เจ้าอยากจะทนทุกข์ก่อนจึงจะยอมฟังหรือไร?”หลิงอวี๋ยิ้มเยาะพลางเดินเข้าไป เรี่ยวแรงที่ตัวนางกลับคืนมาแล้วลูกปัดสีเขียวนี้มหัศจรรย์จริง ๆ!แต่หลิงอวี๋มิได้มีความคิดที่จะครอบครองเป็นของตน นี่คือของของแม่หมาป่า ในเมื่อให้ปู้ติงไปแล้วเช่นนั้นก็เป็นของปู้ติง“ปู้ติง! ปล่อยเขาเถิด!”ปู้ติงจึงปล่อยหัวหน้าเสิ่นอย่างเชื่อฟัง หลิงอวี๋ก็ลูบหัวมันอย่างเอ็นดู จากนั้นก็เอาลูกปัดสีเขียวยัดเข้าปากมันไป“เสี่ยวเจียง ปิดประตู!”หลิงอวี๋เอ่ยกับเสี่ยวเจียงที่กลัวจนสั่นมิหยุดเสี่ยวเจียงมองขาที่เลือดไหลของหัวหน้าเสิ่น เมื่อครู่หมาป่าตัวนั้นรวดเร็วมาก เขาหนีมิได้เลยมีหรือเสี่ยวเจียงจะกล้ามิฟังคำพูดของหลิงอวี๋ เขาจึงเดินไปปิดประตูด้วยความหวาดกลัวจนตัวสั่น“ข้าถามอะไรเจ้าก็ตอบสิ่งนั้น มิเช่นนั้นครั้งต่อไปที่ปู้ติงกัดจะมิใช่ขาของเจ้า แต่เป็นคอ เข้าใจหรือไม่?”หลิ
หลิงอวี๋กุมใบหน้าตนเองอย่างสิ้นหวัง นางมิเชื่อว่าปู้ติงจะทิ้งตนไปจะต้องเป็นเพราะที่นี่อยู่ไกลจากวังเทพมากเกินไปอย่างแน่นอน ปู้ติงจึงมิได้ยินเสียงขอความช่วยเหลือของตนในขณะที่หลิงอวี๋กำลังคิดที่จะพยายามกลับไปบนเตียงก็ได้ยินเสียงโหวกเหวกดังมาจากด้านล่าง“นั่นคือหมาป่าหรือ? ข้ามิได้ตาฝาดไปใช่หรือไม่!”“เจ้าตาฝาดแล้ว ที่นี่จะมีหมาป่ามาจากที่ใดกัน!”“แต่ข้าเห็นหมาป่าที่เป็นสีขาวราวกับหิมะทั้งตัววิ่งไปจากบนหลังคาจริง ๆ นะ...”หมาป่าตัวสีขาวราวหิมะ?หลิงอวี๋กำลังจะวางมือก็เห็นว่ามีสายฟ้าสีขาวพุ่งเข้ามาจากหน้าต่างอย่างรวดเร็วหลิงอวี๋ยังมิทันได้เห็นชัด สายฟ้านั้นก็พุ่งเข้ามาในอ้อมแขนของนาง แล้วตัวที่เป็นขนปุกปุยก็ทำให้ทั้งตัวของนางอบอุ่นขึ้นมาหลิงอวี๋ก้มหน้าลงก็เห็นดวงตาสีเขียวของหมาป่าน้อยที่มีขนตาสีขาวข้างหนึ่งดำข้างหนึ่งปู้ติง!ปู้ติงจริง ๆ ด้วย!มิเจอกันหลายวัน ปู้ติงโตขึ้นอีกแล้วและดูแข็งแรงขึ้นด้วย!หลิงอวี๋กอดปู้ติงอย่างดีใจแล้วก็จุ๊บมันไปแล้วหัวใจที่จมลงสู่ก้นบึ้งก็กลับมามีชีวิตชีวาขึ้นทันที“ปู้ติง ข้าถูกคนวางแผนทำร้าย ตัวข้าไม่มีแรงเลย เจ้าหายาแก้พิษให้ข้าหน่อยได้ห
เด็กหนุ่มผอมบางเช่นนี้น่าจะมิใช่คู่ต่อสู้ของตน!หลิงอวี๋หลับตาลงอีกครั้งพลางครุ่นคิดท่านน้าหลิน เสวี่ยเหมยและอี้เหวินให้หัวหน้าเสิ่นที่เป็นผู้ส่งเสบียงพาตนลงจากเขามา จะต้องเป็นเพราะตนได้รับการยกย่องจากหวงฝู่หมิงจูจึงไปดึงดูดความอิจฉาริษยาของพวกนางเป็นแน่นางมิเชื่อว่าท่านน้าหลินเพียงแค่ต้องการให้ตนออกจากวังเทพอย่างเดียวเท่านั้นเมื่อคิดเชื่อมโยงถึงเรื่องเครื่องประดับเหล่านั้นที่หัวหน้าเสิ่นพูดถึง ทั้งยังมีเรื่องที่อี้เหวินอาศัยว่าจะให้ตนดูแลจัดการงานภายในของวังเทพแล้วพาตนไปดูโกดัง อีกทั้งยังบอกตนเรื่องที่หวงฝู่หมิงจูมีจี้หยกราตรีน้ำเงินอีกหลิงอวี๋จึงได้กล้าคาดเดาอะไรเช่นนี้ท่านน้าหลินจะต้องติดสินบนหัวหน้าเสิ่นให้พาตนลงมาจากภูเขา จากนั้นก็ใส่ร้ายว่าตนขโมยเครื่องประดับแล้วหนีไปอย่างแน่นอนขอเพียงมีหนึ่งในเครื่องประดับหนึ่งชิ้นตกหล่นหายไป หวงฝู่หลินก็จะยิ่งเชื่อว่าตนเป็นคนขโมยจากนั้นหัวหน้าเสิ่นก็จะสังหารตนหัวหน้าเสิ่นออกไปแล้ว เสี่ยวเจียงผู้นี้ก็มิใช่คู่ต่อสู่ของตน หากมิหนีเวลานี้แล้วยังจะรออะไรอีกเล่า!หลิงอวี๋คิดแล้วขยับมือเท้าอย่างเงียบ ๆมือเท้ามิได้ถูกมัดไว้ แต่ขยับเ
“ท่านสี่ เราทำอาหารกันค่อนข้างมาก จึงนำมาให้ท่านสักหน่อย!”เก๋อเฟิ่งฉิงเห็นพวกฉินซานเรียกเซียวหลินเทียนว่าท่านสี่จึงเรียกเซียวหลินเทียนเช่นนั้นตามเซียวหลินเทียนมิแม้แต่จะมองถาดของนางแล้วยกอาหารแห้งในมือขึ้น พร้อมกับเอ่ยเรียบ ๆ “ขอบคุณมาก แต่ข้ากินอิ่มแล้ว!”เขายัดอาหารแห้งที่เหลือใส่ปากแล้วเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อยเก๋อเฟิ่งฉิงเองก็มิได้ท้อ นางวางถาดไว้ตรงหน้าเขาแล้วเอ่ยยิ้ม ๆ “กินอิ่มแล้วก็กินน้ำแกงผักสักหน่อยก็ได้! จะแบ่งให้ลูกน้องของท่านก็ได้!”หลังจากพูดจบ เก๋อเฟิ่งฉิงก็หันหลังเดินไปคนที่มีตาก็ล้วนมองออกว่าเก๋อเฟิ่งฉิงกำลังเอาใจเซียวหลินเทียนอยู่สตรีพรหมจรรย์นางหนึ่งเอาใจบุรุษคนหนึ่งเช่นนี้ จะเป็นเพราะเหตุใดไปได้เล่า!“ขันทีโม่ ท่านกินเถิด!”เซียวหลินเทียนดันถาดไปให้ขันทีโม่ขันทีโม่มองอาหารตรงหน้า มีเนื้อมีผัก ดูคุณค่าทางอาหารสมบูรณ์มาก เขาจึงยิ้มแล้วเอ่ย“คุณหนูใหญ่ตระกูลเก๋อคงยังมิยอมถอดใจจากท่านเลยนะ! ท่านสี่ เช่นนั้น ยินดีรับไว้ดีหรือไม่?”ขันทีโม่ก็เหมือนกับคนจำนวนมากที่คิดว่าการที่เซียวหลินเทียนจะมีสนมมากมายนั้นเป็นเรื่องปกติแม้ว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลเก๋อผู้นี้จะแสร
กลุ่มของเก๋อเฟิ่งฉิงกับเซียวหลินเทียนเข้าไปในเขาด้วยกันแล้วก็เห็นคนของตระกูลเฉียว แต่ทุกคนก็ต่างคนต่างไปการปะทะกันในเวลานี้มิใช่เรื่องที่ฉลาด เพราะว่าการลงมือในถิ่นของหวงฝู่หลินนั้นอาจจะทำให้หวงฝู่หลินโกรธได้แม้ว่าตระกูลหวงฝู่จะอยู่อย่างสันโดษมาหลายชั่วอายุคน แต่ในฐานะของผู้สืบทอดของตระกูลหวงฝู่หลินก็มีความเป็นไปได้ที่พลังจะสูงกว่าพวกเขาทั้งหลายสำหรับหวงฝู่หลิน ผู้นำของทั้งสองตระกูลต่างก็เสนอจุดประสงค์ที่จะดึงมาให้เป็นพวกเดียวกัน ดังนั้นหากมิถึงคราวจำใจจริง ๆ เก๋อเฟิ่งฉิงกับเฉียวไป๋ไม่มีทางทำเรื่องที่จะทำให้หวงฝู่หลินขุ่นเคืองแน่เมื่อเข้าไปในภูเขาหิมะ เริ่มแรกยังมีเส้นทาง แต่เดินไปได้สิบกว่าลี้ก็ไม่มีเส้นทางแล้วทั่วทุกที่ล้วนเป็นสีขาวโพลน แม้ว่าหานเหมยจะเคยมาที่ภูเขาหิมะ แต่เมื่อเห็นสีขาวโพลนนี้นางก็หลงทางเช่นกัน มิรู้ว่าภูเขาแห่งนั้นคือภูเขาที่มีวังเทพอยู่“มิต้องรีบร้อน ค่อย ๆ หาไป ขอเพียงฮูหยินอยู่ที่วังเทพ พวกเราจะต้องตามหานางพบแน่นอน!”ต่อหน้าเก๋อเฟิ่งฉิง เซียวหลินเทียนจึงเรียกหลิงอวี๋ว่าฮูหยินหานเหมยอยากจะร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา ก่อนหน้านี้นางบอกอย่างมั่นใจว่าตนรู้เส้น