หลิงอวี๋ในยุคปัจจุบันก็ชอบตัวอักษรหวัด ตอนนางเข้าวังไปถวายยาบำรุงให้ไทเฮา พระองค์เห็นว่านางชอบจดหมายสั้นของจักรพรรดิสูงสุดจึงมอบให้เป็นรางวัลเมื่อครู่หลิงอวี๋ใจคล้อยตามคิดว่าแบบอักษรประเภทนี้เหมาะกับลักษณะของตัวเองยิ่งนักเลยนำมาใช้!มันก็ถือว่าฉวยจังหวะเอารัดเอาเปรียบอยู่หรอก ทว่าหลิงอวี๋ไม่รู้สึกละอายเลยแม้แต่น้อยเมื่อต้องรับมือกับการกลั่นแกล้งของจ้าวเจินเจินและองค์หญิงหก นางจะเผชิญหน้าได้อย่างไร หากนางไม่ตาต่อตา ฟันต่อฟันกับพวกนาง!“ประมุขซุน ตัวข้ารู้ว่าเจ้ามักพกจดหมายสั้นที่จักรพรรดิสูงสุดมอบให้ติดตัวไว้ จงนำออกมาให้คนตาบอดพวกนี้ได้เปิดหูเปิดตาเสีย!”เมื่อท่านอ๋องเฉิงโมโหเสร็จก็หัวเราะหยันกล่าวคำประมุขซุนคลี่ยิ้มอ่อนพลางสั่งให้เด็กรับใช้ของตัวเองนำจดหมายสั้นมาประมุขซุนเป็นคนสนิทของจักรพรรดิสูงสุดเช่นกัน เขามีจดหมายสั้นของจักรพรรดิสูงสุดสองฉบับขณะที่กางจดหมายสั้นออก ทุกคนที่กำลังคุกเข่าต่างก็มองเห็นชัดเจนรูปแบบอักษรที่พวกเขาเรียกว่า มิอาจทนดูไหวนั้นคล้ายกันกับแบบอักษรที่หลิงอวี๋ใช้ประมุขซุนคลี่ยิ้มอ่อนกล่าวคำ “ลองดูให้ดี เมื่อครู่ข้าก็บอกว่าแบบอักษรของพระชายาอ๋องอี้
“โปรดวางใจ ตัวข้าจะส่งคนไปมอบให้เจ้า!”จ้าวเจินเจินจ้องหลิงอวี๋เขม็ง และไม่คิดปิดบังความแค้นในแววตาของตนแล้วเช่นกันนางโน้มเข้าใกล้หลิงอวี๋พลางกล่าวเหี้ยม “เจ้าฉวยโอกาสเอาเปรียบชนะข้าได้ นั่นไม่นับว่ามีความสามารถหรอกนะ เจ้าเอาหอริมธาราไปได้อย่างไร วันหน้าเจ้าก็ต้องคืนมันให้ข้าอย่างนั้น!”นี่คือการหักหน้าตนอย่างโจ่งแจ้งงั้นหรือ?หลิงอวี๋ไม่หวั่นการยั่วยุของจ้าวเจินเจินพลางหัวเราะหยันเสียงต่ำ“พระชายาคังนี่วัวลืมตีนจริง ๆ! ทั้งนางกำนัลสาดหมึกและพู่กันหัก หรือว่านั่นมิใช่เล่ห์เหลี่ยมของพวกเจ้ากัน?”“หากเจ้ามิฉวยโอกาสเอาเปรียบด้วยภาพวาดที่ถูกทอดทิ้งแบบนั้น มันความหมายว่าอะไร? นั่นมิใช่ว่าอยากให้เซียวหลินเทียนกับอันเจ๋อสงสารเจ้าและลงคะแนนให้เจ้าหรอกหรือ?”“องค์ชายคังล้วนเห็นซึ้งแต่พระองค์ยังตั้งใจลงคะแนนให้เจ้า นั่นช่างใจกว้างยิ่งนัก!”“หากครั้งนี้เจ้าชนะ องค์ชายคังคงเผยรอยยิ้มแห่งความใจกว้างได้! แต่ตอนนี้เจ้าพ่ายแล้ว…ข้าอยากรู้นัก องค์ชายคังจักคิดบัญชีย้อนหลังกับเจ้าหรือไม่!”หลิงอวี๋เดาเจตนาของจ้าวเจินเจินได้ทันทีตั้งแต่เห็นภาพวาดของนางนางอุตส่าห์ออมมือไม่เปิดโปงจ้าวเจินเจิน ทว
“มันก็แค่ประลองการละเล่นเอง เหตุใดเจ้าต้องบีบคั้นคนเยี่ยงนี้!”“เจ้ารู้แจ้งว่ากระโปรงนั่นน่าอับอาย ไยเจ้าต้องทำร้ายลูกข้าเช่นนี้!”ฮูหยินลั่วตะโกนเสียงสูงบ้างต่ำบ้างเซียวทงขมวดคิ้วพลางช่วยพูดสนับสนุนเช่นกัน “ช่างเถิด ให้นางดื่มสุราลงทัณฑ์ก็พอ!”จ้าวเจินเจินโกรธแค้นหลิงอวี๋ที่แย่งมงกุฎดอกโบตั๋นของตนไปได้ กอปรกับวาจาพวกนั้นของหลิงอวี๋ในเมื่อครู่ นางไม่อยากปล่อยหลิงอวี๋ไปง่าย ๆ แบบนี้ จึงช่วยพูดเช่นกัน“ใช่! น้องสะใภ้สี่ ให้อภัยได้ก็ให้อภัยไปเสีย แค่การละเล่นเท่านั้น เหตุใดต้องสร้างความลำบากใจเพียงนั้น!”“หากเจ้าบังคับลั่วอวี้จูสวมกระโปรงแบบนั้นอยู่ นั่นมิใช่คือเจตนาทำร้ายผู้อื่นหรอกหรือ? ไยเจ้าถึงโหดร้ายถึงเพียงนี้!”“น่าขันสิ้นดี!” หลิงอวี๋จ้องฮูหยินลั่วกับจ้าวเจินเจินเขม็ง พลันด่าเสียงเฉียบขาดทันที“ไฉนเป็นตัวข้าโหดร้ายเล่า? กระโปรงตัวนี้มิใช่เป็นองค์หญิงหกเตรียมไว้หรือไร? แล้วกฎนี้ก็ไม่ใช่พวกเจ้าตั้งเองหรอกหรือ?”“ไฉนคราวนี้ถึงรู้แล้วว่ากระโปรงตัวนี้มันน่าอับอาย? ก่อนหน้านี้พระชายาผิงหนานก็ตรัสว่ากระโปรงนี้มิเหมาะเป็นบทลงโทษ พวกเจ้ามีผู้ใดว่ากระไรสักคนด้วยหรือ?”“ฮูหยินจู ท
เมื่อนึกถึงก่อนการประลอง องค์หญิงหกกับแม่ลูกลั่วอวี้จูและคนอื่น ๆ ได้ตั้งกฎลงโทษอย่างบีบบังคับ นั่นมิใช่เพราะคิดว่าหลิงอวี๋ไร้วิชาความรู้ และต้องพ่ายในที่สุดหรอกหรือ?หากหลิงอวี๋ได้ที่สุดท้าย องค์หญิงหกกับพวกลั่วอวี้จูจักต้องบีบคั้นให้หลิงอวี๋สวมกระโปรงตัวนั้นเต้นรำแน่นอน!เซียวหลินเทียนเชิดริมฝีปากยิ้มเยาะหยัน พลางกล่าวเสียงเฉียบขาด“กล้าเดิมพันก็ต้องยอมรับผล! ใครก็ได้ ทำให้นางผลัดเป็นกระโปรงตัวนั้นแล้วเต้นรำให้ทุกคนชมซะ!”ลั่วอวี้จูทรุดตัวนั่งกับพื้นทันทีเมื่อได้ยินสิ่งนี้ พลางมองทางองค์หญิงหกกับจ้าวเจินเจินอย่างวิงวอน“องค์หญิงหกเพคะ พระชายาคัง พวกท่านช่วยหม่อมฉันด้วย…”แต่จ้าวเจินเจินถูกหลิงอวี๋ด่าจนหน้าแดงจรดหูไปแล้ว และมีคนข้างล่างเวทีไม่น้อยกำลังคอยจับผิดนางอยู่ ทั้งต่างวิพากษ์วิจารณ์กันเซ็งแซ่นางกับหลิงอวี๋คือคนในราชวงศ์เหมือนกัน ตอนตั้งกฎไม่รักษาความยุติธรรม ตอนนี้กลับพูดว่าหลิงอวี๋โหดร้ายไม่ยกโทษให้ลั่วอวี้จูจ้าวเจินเจินไม่จำต้องฟังคำวิจารณ์ข้างล่างกับหูก็เดาได้ว่าผู้คนกำลังว่าตนเลือกปฏิบัติและจอมปลอม!ไฉนนางจะกล้าขอความเมตตาเพื่อลั่วอวี้จูอีกได้เล่า!องค์หญิงหกก็
ฮูหยินลั่วกลัวจนรีบดึงลั่วอวี้จูไว้ลั่วอวี้จูกล่าวทั้งร่ำไห้ว่า “มิใช่ท่านพ่อบงการนะเพคะ! เป็นตัวหม่อมฉันทำกระไรเลอะเลือนเอง! ท่านอ๋องอี้ หม่อมฉันขอขมาท่าน ได้โปรดปล่อยหม่อมฉันไปเถิดเพคะ!”ฮูหยินลั่วก็กล่าวเช่นกัน “ท่านอ๋องอี้เพคะ เป็นหม่อมฉันสอนลูกมิถูกวิธี ไม่เกี่ยวกับสามีหม่อมฉันเลยเพคะ ท่านนั้นสุภาพใจดีพึงมีพระทัยกว้าง ได้โปรดยกโทษให้พวกเราเถิดเพคะ!”ฮูหยินลั่วพลางดึงลั่วอวี้จูมาโขกหัวคำนับให้เซียวหลินเทียนด้วยกันลั่วอวี้จูสำนึกผิดเต็มทรวง เหตุใดนางต้องพูดมากปากเสียด้วย!เซียวหลินเทียนมองทั้งสองคนที่โขกหัวจนเลือดออกอย่างเฉยเมย พลางยิ้มหยันกล่าวคำ“พวกเจ้าขอโทษผิดคนหรือไม่? พวกเจ้าล่วงเกินพระชายาของข้า คนที่จำเป็นต้องขอโทษก็คือนาง!”“วันนี้ อาอวี๋ของข้าไม่ยกโทษให้พวกเจ้า พวกเจ้าก็โขกหัวคำนับตรงหน้าข้าให้ตายไปเสีย เพราะข้าก็ไม่ยกโทษให้พวกเจ้าเช่นกัน!”เซียวหลินเทียนพูดอย่างไร้ความปรานี “อาอวี๋ สิทธิ์การลงโทษเป็นของเจ้า! แม้เจ้าหมายฆ่าพวกนาง ข้าก็จะสนับสนุนเจ้าเช่นกัน!”ทุกคนตะลึงตาค้าง นี่ท่านอ๋องอี้กำลังหนุนหลังพระชายาอ๋องอี้งั้นหรือ?ช่างเป็นน้ำเสียงเด็ดขาดยิ่งนัก!หลิ
ขณะหลิงหว่านมองฮูหยินลั่วรีบพาลั่วอวี้จูจากไปก็พลันกล่าวต่อหลิงอวี๋เสียงต่ำ“ท่านพี่ ฮูหยินลั่วผู้นี้มิใช่คนประเภทที่กลับเนื้อกลับตัว ท่านมิเห็นหรือว่านางจ้องท่านอย่างโหดเหี้ยมก่อนจากไป? ท่านระวังนางมาล้างแค้นท่านทีหลังนะเจ้าค่ะ!”หลิงอวี๋ส่ายศีรษะพลางกล่าวเสียงแผ่ว “ข้ารู้ว่านางคือคนสันดอนขุดง่าย สันดานขุดยาก!”“ข้าเพียงยืนในจุดยืนของมารดา จึงให้โอกาสนางสักครั้ง!”เพราะหลิงอวี๋จำแม่นมลี่ในตอนแรกได้ว่าเคยโขกหัวคำนับเพื่อขอให้ไป่สือช่วยหลิงเยวี่ยนจนเลือดอาบเต็มหน้าแม้ฮูหยินลั่วพูดจาทิ่มแทง แต่กลับดูเป็นความรักของแม่ที่มีลั่วอวี้จูจากใจจริงหากฮูหยินลั่วเข้าใจโอกาสอันล้ำค่านี้ก็คงจะพิจารณาตัวเองให้ดี ชี้แนะลั่วอวี้จูอย่างดี นั่นคือเรื่องอันดีนัก!หากยังกล้ามายั่วยุตนอีก หลิงอวี๋จะไม่คุยดี ๆ ด้วยขนาดนี้แล้ว!เซียวทงกับจ้าวเจินเจินจ้องหลิงอวี๋เหี้ยม คนดีใจกว้างล้วนเป็นหลิงอวี๋กระทำ เมื่อเทียบกับพวกนางแล้วทั้งคู่ดูโหดร้ายอย่างยิ่ง!แล้วจะให้กลืนความแค้นนี้ลงไปได้อย่างไร!จ้าวเจินเจินมองทางหลิงอวี๋พลางยกยิ้มชั่วร้าย มันยังมีอุบายสุดท้ายอยู่เถอะ!หลิงอวี๋ หากเจ้าออกจากงานชมบุปผาใน
หลิงอวี๋กล่าวต่อเซียวหลินเทียนอย่างจนปัญญาว่า “เช่นนั้นหม่อมฉันขอไปดื่มชาก่อนค่อยกลับเพคะ!”เซียวหลินเทียนพยักศีรษะพลางมองหลิงอวี๋เดินจากไปพระสนมหรงนั่งในศาลาที่สวนดอกไม้ โดยมีเสิ่นจวนค่อยรับใช้อยู่ข้าง ๆ องค์หญิงหกก็อยู่ด้วยเช่นเดียวกัน“หลิงอวี๋ขอเข้าเฝ้าพระสนมหรงเพคะ!”หลิงอวี๋โค้งคารวะพระสนมหรงปรายมองนางอย่างไม่ร้อนไม่หนาวพลางพยักหน้าเล็กน้อย “นั่งเถอะ!”หลิงอวี๋พลันนั่งลงที่เก้าอี้ข้าง ๆ“พี่สะใภ้ ดื่มชาเจ้าค่ะ!”เสิ่นจวนถือถ้วยชามารินชาให้หลิงอวี๋ และรินให้องค์หญิงหกกับพระสนมหรงด้วยเช่นกัน“นี่คือชาเม็ดแตงแห่งลู่อัน(1)ที่องค์จักรพรรดิทรงมอบแก่องค์หญิงหกในคราก่อนหรือเพคะ? ช่างหอมนัก!”พระสนมหรงยกชามาดมแล้วพลันร้องทักอย่างแปลกใจ“ว่ากันว่าองค์จักรพรรดิมีเพียงสองขวดโหล และยังมอบให้องค์หญิงขวดโหลหนึ่ง! องค์หญิงหกเพคะ องค์จักรพรรดิช่างโปรดปรานท่านโดยแท้!”เซียวทงกล่าวภูมิใจและเหิมใจว่า “นั่นแน่นอน! หลังตัวข้ารับมาก็ตัดใจดื่มมิได้เสียที วันนี้นำมาเพราะอยากต้อนรับแขกผู้มีเกียรติ!”พระสนมหรงพูดยิ้ม ๆ อย่างเอาใจ “หากเป็นเช่นนั้นข้าต้องดื่มเพิ่มสักสองถ้วยแล้ว ชาเม็ดแตงแห่งลู
“พี่สะใภ้ นี่คือชาดีที่หาดื่มได้ยากนัก!”เสิ่นจวนกล่าวอย่างมีไมตรี “เมื่อครู่เจ้าคงร่วมการประลองเหนื่อยแล้วเป็นแน่ ดื่มเพิ่มอีกสองถ้วยพลางชื่นชมบุปผาสนุกให้เต็มที่สักหน่อยเถอะ!”หลิงอวี๋คลี่ยิ้มน้อย ๆ ชายมองเสิ่นจวน และถือถ้วยชากล่าวว่า “เจ้าอย่ามัวแต่รินชาให้เรา เจ้าก็นั่งลงดื่มด้วยเถิด!”“เจ้าพักอยู่ตำหนักอ๋องอี้มานานนัก และช่วยดูแลสามีข้าอย่างยากลำบาก ถ้วยนี้แด่เจ้า!”หลิงอวี๋รินชาหนึ่งถ้วยให้เสิ่นจวน เสิ่นจวนตะลึงไปชั่วขณะ พลางมองทางองค์หญิงหกอย่างลำบากใจอยู่บ้างเซียวทงปรายมองนางเย็นชา เสิ่นจวนไร้ทางเลือกทำได้เพียงยกชามาดื่มหลิงอวี๋เชิดยิ้มหยันโดยยากจะสังเกตพบ และนั่งลงที่เดิมเสิ่นจวนรู้สึกกระสับกระส่าย ลุกขึ้นพรวดพลางกล่าวว่า “พี่สะใภ้เจ้าคะ ข้าขอเติมน้ำให้ท่าน!”“มิต้องแล้ว…!”มือของเสิ่นจวนสั่นเทาในขณะที่หลิงอวี๋กำลังบ่ายเบี่ยง กาน้ำชาจึงเอนเอียงจนทำให้ชาหกใส่กระโปรงหลิงอวี๋กะทันหันหลิงอวี๋โดนลวกจนเกือบสะดุ้งเมื่อเสิ่นจวนเห็นเหตุการณ์จึงวางกาน้ำชาลงใกล้ ๆ อย่างตะลีตะลาน“พี่สะใภ้ ข้าขอโทษเจ้าค่ะ… ท่านมีแผลน้ำลวกหรือไม่เจ้าคะ?”เสิ่นจวนล้วงผ้าเช็ดหน้าออกมาช่วยเช
รองแม่ทัพจางยังคงกล่าวพลางยิ้มแย้ม “ท่านหญิงฉางเล่อมามิถูกจังหวะ วันนี้ฮองเฮาพร้อมด้วยท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นพาคุณชายน้อยทั้งหลายเสด็จไปชมดอกไม้ที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์พ่ะย่ะค่ะ!”ว่ากระไรนะ?หลงเพ่ยเพ่ยนิ่งอึ้งไป ท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นล้วนเป็นธิดาของเจ้าแห่งทะเล และเป็นลูกพี่ลูกน้องของหลงเพ่ยเพ่ยด้วยเหตุใดพวกนางถึงมิไปชมดอกไม้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้เล่า แต่กลับเลือกไปชมดอกไม้ในตอนที่ตนต้องการความช่วยเหลือจากเสด็จย่าพอดีนี่น่ะหรือ?“ไปนานเท่าใดแล้ว?”หลงเพ่ยเพ่ยสงสัยว่านี่เป็นการจัดฉากโดยเจตนาของชายาเจ้าแห่งทะเล“สองชั่วยามแล้วพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้น่าจะอยู่ในภูเขาศักดิ์สิทธิ์แล้วขอรับ!”รองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้มหลงเพ่ยเพ่ยอยากจะชกหน้ายิ้ม ๆ ของรองแม่ทัพจางเสียสักหมัด เหตุใดนางมองรอยยิ้มของรองแม่ทัพจางแล้วเหมือนกำลังสมน้ำหน้าตนอยู่เลยเล่า“เจ้ามิได้หลอกข้าใช่หรือไม่?”หลงเพ่ยเพ่ยถามเสียงเย็นรองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้ม “ท่านหญิงฉางเล่อพูดเล่นแล้ว ไหนเลยข้าน้อยจะกล้าหลอกท่านหญิง! หากมิเชื่อท่านลองถามใครดูก็ได้ว่าที่ข้าน้อยพูดเป็นเรื่องจริงหรือไม่!”“หากท่านหญิงมีธุระด่วนจร
หลิงอวี๋ฟังแล้วก็อดอมยิ้มมิได้ เซียวหลินเทียนใช้คนตระกูลเก๋อมาจัดการชายาเจ้าแห่งทะเล กลอุบายนี้ช่างเด็ดขาดนักรถม้ามาถึงจวนเจ้าแห่งทะเล เมื่อหลิงอวี๋ลงจากรถก็มองไปยังคฤหาสน์หลังใหม่ที่กำลังก่อสร้างอีกครั้ง กำแพงล้อมรอบสร้างเสร็จแล้ว ดูจากขนาดแล้วใหญ่โตมากจริง ๆนางอดสงสัยมิได้ ข้างในมีเรือนบุหงาแบบเดียวกับตำหนักอ๋องอี้ของตนอย่างที่เถาจื่อบอกจริงหรือ?นางอยากเข้าไปดู อยากเห็นเหลือเกินว่าบ้านในอดีตของตนเป็นอย่างไร!“คุณหนูสิง เชิญ!”พ่อบ้านเว่ยเห็นหลิงอวี๋มองคฤหาสน์ฝั่งตรงข้ามก็ร้องเรียกอย่างมิอดทนหลิงอวี๋หันกลับมา เห็นประตูใหญ่หนาทึบของจวนเจ้าแห่งทะเลเปิดอ้าอยู่ ข้างในลานเรือนซับซ้อนลึกล้ำ มองสุดตามิเห็นปลายทางนี่คือที่ที่เต็มไปด้วยอันตรายโดยแท้!หลิงอวี๋ลอบสูดหายใจลึก ๆ แล้วเดินเข้าไป“ปัง!”ประตูใหญ่หนาทึบปิดลงด้านหลังนางหลิงอวี๋มิได้หันกลับไปมอง เพราะนั่นจะดูมิสง่างามนางรอให้พ่อบ้านเว่ยนำทางอยู่ข้างหน้า เพื่อหลีกเลี่ยงการเดินผิดทางแล้วถูกพ่อบ้านเว่ยหาเรื่องผิดพลาดมาตำหนิขณะเดียวกัน หลงเพ่ยเพ่ยก็ได้พาเย่หรงมุ่งหน้าไปยังวังหลวงแล้ว“อุบายนี้ของชายาเจ้าแห่งทะเลช่างร้า
จวนเจ้าแห่งทะเลตั้งอยู่ในย่านคหบดีและสูงศักดิ์ของเมืองหลวงแดนเทพ อันที่จริงอยู่ห่างจากคฤหาสน์อู่เพียงมิกี่ช่วงถนนเท่านั้นรถม้าวิ่งไปตามทางเรื่อย ๆ เถาจื่อพลันนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงกระซิบข้างหูหลิงอวี๋เบา ๆ“คุณหนู อีกประเดี๋ยวท่านจะเห็นคฤหาสน์หลังใหญ่ที่กำลังสร้างอยู่ตรงข้ามจวนเจ้าแห่งทะเล ที่นั่นฝ่าบาททรงสร้างให้ท่านเจ้าค่ะ!”“คราแรกที่พวกเรามาตามหาท่านในเมืองหลวงแดนเทพนั้นมิรู้ว่าจะต้องเสียเวลานานเท่าใด ฝ่าบาทจึงทรงให้สือหรงซื้อคฤหาสน์แถวนี้ไว้ล่วงหน้าแล้วรื้อสร้างใหม่ทั้งหมด!”“ฝ่าบาทตรัสว่า เจ้าแห่งทะเลคือบิดาของท่าน ในเมื่อเขามิยอมรับท่าน ฝ่าบาทก็จะทำให้เขาเห็นว่า ใช่ว่าท่านไม่มีบ้านเสียหน่อย แม้จวนเจ้าแห่งทะเลไม่มีที่ให้ท่าน ฝ่าบาทก็จะสร้างจวนหลังที่ใหญ่กว่าจวนเจ้าแห่งทะเลให้!”“คุณหนู ข้างในมีเรือนหลังหนึ่ง สร้างตามแบบเรือนบุหงาที่ตำหนักอ๋องอี้ในฉินตะวันตกของท่านไม่มีผิดเพี้ยน หากท่านได้เห็นจะต้องชอบอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ!”ก่อนหน้านี้หลิงอวี๋เคยได้ยินเผยอวี้พูดถึงคฤหาสน์หลังใหม่ที่พวกเขาสร้างแล้ว ตอนนั้นยังรู้สึกแปลกใจว่าเซียวหลินเทียนคิดจะอยู่เมืองหลวงแดนเทพเป็นการถาวรหรืออย่
วิธีนี้ของหลิงอวี๋เป็นวิธีเดียวที่จะช่วยนางได้ในยามนี้ ด้วยเซียวหลินเทียนและคนอื่น ๆ ก็ยังคิดหาวิธีที่ดีกว่านี้มิออกเย่หรงกล่าวขึ้นทันที “ข้าจะไปหาหลงเพ่ยเพ่ย บอกนางมิต้องมาแล้ว ให้เข้าวังไปทูลขอเข้าเฝ้าฮองเฮาได้เลย!”“พี่หญิงหลิงหลิง ท่านต้องยื้อจนกว่าพวกเราจะมาช่วยท่านให้ได้นะ!”พูดจบ เย่หรงก็รีบร้อนออกไปเก๋อเฟิ่งฉิงมองหลิงอวี๋ด้วยสายตาซับซ้อน นางหวังให้หลิงอวี๋เข้าจวนเจ้าแห่งทะเลไปแล้วออกมามิได้แต่เรื่องนี้ก็พัวพันถึงความเป็นความตายของเซียวหลินเทียน นางมิอยากให้เซียวหลินเทียนต้องเกิดเรื่อง!ช่างขัดแย้งในใจเสียจริง!“อาอวี๋ เจ้าไปก่อนเถอะ... วางใจได้ ต่อให้ต้องก่อความวุ่นวายครั้งใหญ่ในเมืองหลวงแดนเทพ ข้าก็จะพาเจ้ากลับบ้านให้ได้!”เซียวหลินเทียนกล่าวอย่างหนักแน่นเขายังมีแผ่นป้ายไม้ที่ขันทีโม่ให้มา สามารถใช้ขอความช่วยเหลือจากแม่ทัพฝ่ายซ้ายได้ เซียวหลินเทียนตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะใช้แผ่นป้ายไม้นี้ช่วยหลิงอวี๋ขันทีโม่เคยบอกว่า เพียงอาศัยแผ่นป้ายไม้นี้ ก็สามารถทำให้แม่ทัพฝ่ายซ้ายช่วยตนทำเรื่องหนึ่งเรื่องได้หากแม่ทัพฝ่ายซ้ายสามารถช่วยคนได้เพียงคนเดียว เช่นนั้นเขาก็ยอมตายเ
เผยอวี้และคนอื่น ๆ ต่างมองหน้ากันอย่างจนปัญญา นึกว่ามหาปราชญ์และเจ้าแห่งทะเลกลับไปแล้วพวกตนจะรอดพ้นจากครั้งนี้ไปได้ คาดมิถึงว่าชายาเจ้าแห่งทะเลจะใช้ไม้นี้อีกภายนอกดูเหมือนเป็นการเชิญ แต่จริง ๆ แล้วจะปฏิเสธมิไปได้หรือ?เซียวหลินเทียนสามารถแสร้งป่วยได้ แต่หลิงอวี๋เพิ่งจะปรากฏตัวต่อหน้าเจ้าแห่งทะเลไปเมื่อครู่ ตอนนี้ย่อมมิอาจใช้การแสร้งป่วยมาหลีกเลี่ยงได้อีกแล้ว“บอกไปว่าคุณหนูสิงกำลังรักษาอาการป่วยให้ข้าอยู่ เดี๋ยวค่อยไป!”ในสถานการณ์กะทันหันเช่นนี้เซียวหลินเทียนทำได้เพียงถ่วงเวลาไปก่อนแล้วค่อยคิดหาวิธี“เผยอวี้ เจ้าส่งคนไปแจ้งหลงเพ่ยเพ่ยกับเจ้าแห่งทิศใต้ ให้หลงเพ่ยเพ่ยไปเป็นเพื่อนอาอวี๋!”เป็นเรื่องความเป็นความตายของหลิงอวี๋ เผยอวี้รีบให้คนไปแจ้งหลงเพ่ยเพ่ยทันทีหลิงอวี๋นิ่งเงียบ นั่งคิดอยู่ข้าง ๆเพื่อชิงหยกหล้าสุขาวดีกลับคืนมา ในเวลานั้นชายาเจ้าแห่งทะเลสามารถลงมืออำมหิตกับหลานฮุ่ยจวนที่กำลังตั้งครรภ์ได้ครั้งนี้นางส่งพ่อบ้านมาเชิญตนไปจวนเจ้าแห่งทะเล พูดไปพูดมาก็เพื่อหยกหล้าสุขาวดีบนตัวนางนั่นเองส่วนการที่จะนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาได้นั้นต้องใช้วิธีสลายโลหิตละลายกระดูก หรือว่าช
หลิงอวี๋เดินกลับเข้ามา และบังเอิญได้ยินคำพูดของเย่ซงเฉิงเข้าพอดี“พวกเราต้องเตรียมรับมือสำหรับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด หากหวงฝู่หลินกลับไปแล้ว มิสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ถึงกาลนั้นใครจะมารับมือการแก้แค้นของฝูไห่ต่อตระกูลหลงและตระกูลอื่น ๆ อีกหลายตระกูลเล่า?”เจ้าแห่งทิศใต้มองไปยังเย่หรง และกล่าวเสียงเข้ม “เลี่ยวหงเสีย มารดาของเย่หรงอาจจะรู้วิธี!”“ปรมาจารย์เย่ ก่อนหน้านี้ข้าอยากจะพบเลี่ยวหงเสียเพื่อสอบถามสถานการณ์จึงไปที่คุกน้ำมา แต่ข้ากลับมิสามารถพบนางได้!”“คำกล่าวของท่านมีน้ำหนักเมื่ออยู่ต่อหน้าพระพักตร์เสด็จพ่อ บางทีท่านอาจจะสามารถทูลขอเสด็จพ่อให้ทรงอนุญาตท่านเข้าพบเลี่ยวหงเสียได้!”เย่ซงเฉิงขมวดคิ้ว “เจ้าแห่งทิศใต้ก็มิสามารถพบเลี่ยวหงเสียได้เช่นกันหรือพ่ะย่ะค่ะ?”เจ้าแห่งทิศใต้พยักหน้า “แม่ทัพหลี่ผู้เฝ้าประตูบอกว่า นอกเสียจากจะมีพระราชโองการของมหาเทพ มิฉะนั้นก็มิอนุญาตให้ข้าพบเลี่ยวหงเสีย!”เย่ซงเฉิงยิ้มอย่างขมขื่น “เรื่องนี้ข้าน้อยเคยทูลต่อเสด็จพ่อของท่านแล้ว เสด็จพ่อของท่านมิทรงยินยอม ความนับหน้าถือตาของตาเฒ่าผู้นี้ใช้มิได้ผลต่อหน้าพระพักตร์เสด็จพ่อของท่านแล้ว!”ทุกคนต่
หวงฝู่หลินมิรู้จักคนทั้งสองนี้เลย คิดอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “ตอนนั้นนอกจากพวกท่านกับตระกูลเฉียวแล้ว ก็มีคนของตระกูลจงเจิ้งที่เข้าไปในภูเขาหิมะ ข้ามิเห็นคนทั้งสองที่ท่านพูดถึงในภูเขาหิมะ!”“บางทีปี้ซงอาจจะเคยเห็น เดี๋ยวลองเรียกเขามาถามดู!”เผยอวี้จึงไปเรียกปี้ซงมาอีกครั้งปี้ซงอุ้มหวงฝู่หมิงจูเข้ามา หลิงอวี๋ก็รับนางมาอุ้มไว้เซียวหลินเทียนมองหวงฝู่หมิงจูกอดคอหลิงอวี๋ด้วยท่าทางสนิทสนม ในใจรู้สึกซับซ้อนอย่างบอกมิถูกหวงฝู่หลินเล่าคำถามให้ปี้ซงฟังอีกครั้งปี้ซงคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “ชายชราผู้นั้นข้าพอจำได้ราง ๆ ตอนนั้นเขาเดินวนเวียนอยู่ในภูเขาหิมะอยู่หลายวัน ต่อมาก็จากไป ข้าคิดว่าเขาไม่มีอันตรายอะไรจึงมิได้ใส่ใจ!”“ส่วนแม่นมอู ข้าไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับนางเลย มิเคยเห็นนางในภูเขาหิมะ!”เก๋อเฟิ่งฉิงยืนฟังอยู่ข้าง ๆ ตลอด ได้ยินดังนั้นก็กล่าวว่า “อันที่จริงตอนนั้นที่ภูเขาหิมะ นอกจากพวกเราแล้ว น่าจะยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่ง”“ข้าก็มาพบพวกนางหลังจากลงจากเขาแล้ว ตอนนั้นยังคิดว่าพวกนางแค่ผ่านทางมา แต่พอลองคิดดูตอนนี้ พวกนางต้องเคยไปภูเขาหิมะแน่นอน แม่นมอูน่าจะถูกพวกนางพาตัวไป!”“พวกเข
เมื่อฟังคำพูดของเย่ซงเฉิงจบ หลิงอวี๋ หลงเพ่ยเพ่ยและเผยอวี้ก็ร้องอุทานออกมาพร้อมกัน“เจ้าสำนักซิงหลัวเป็นสตรี! หรือว่านางคือตงกู่อวี้ที่กลับชาติมาเกิด?”หวงฝู่หลินก็นึกขึ้นได้ ตอนที่ทุกคนรุมล้อมโจมตีเจ้าสำนักซิงหลัว เผยอวี้ใช้กระบี่เดียวตัดเชือกรัดผมที่มัดผมของเจ้าสำนักซิงหลัวขาดตอนนั้นผมสลวยของนางสยายลงมาบดบังดวงตาของนางทุกคนมัวแต่ยุ่งอยู่กับการรับมือ จึงมิทันได้คิดให้ลึกซึ้งเมื่อเย่ซงเฉิงพูดเช่นนี้ ทุกคนจึงได้นึกถึงสภาพการณ์ในยามนั้นขึ้นมา“ตงกู่อวี้กลับชาติมาเกิดจริง ๆ หรือ?”ในฐานะลูกหลานตระกูลหลง เจ้าแห่งทิศใต้จะมิรู้ได้อย่างไรว่าในใต้หล้านี้มีวิชาลับเช่นนี้อยู่จริง ทันใดนั้นก็ตกใจจนเหงื่อเย็นไหลซึมหลงจิ้งและหลงเพ่ยเพ่ยก็ตกใจเช่นกัน วรยุทธ์ของสตรีนางนั้นสูงส่งกว่ามหาปราชญ์เสียอีก แต่ก่อนหน้านี้พวกเขามิเคยรู้มาก่อนเลยว่าสำนักซิงหลัวยังมียอดฝีมือเช่นนี้อยู่“ท่านพ่อ ยามนั้นเจ้าวังหวงฝู่พร้อมด้วยท่านเซียวและพวกเราช่วยกันรุมล้อมโจมตีนางก็ยังมิสามารถสังหารนางได้ ลูกดูจากวรยุทธ์ของนางแล้ว เกรงว่าจะมีเพียงท่านอาเจ้าแห่งทะเลเท่านั้นที่พอจะต่อกรกับนางได้!”หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวด้วย
หลงจิ้งยังคงยากที่จะเชื่อ “คำพูดของตระกูลเหล่านั้นก็มิได้ผลหรือพ่ะย่ะค่ะ?”เจ้าแห่งทิศใต้ส่ายหน้าอย่างหดหู่ “เสด็จปู่ของเจ้าตรัสว่าจะตรวจสอบให้ จึงส่งเจ้าแห่งทะเลไปตรวจสอบ แต่ผลที่ได้จากเจ้าแห่งทะเลก็มิสามารถสรุปอะไรได้เลย หรือกระทั่ง...”กระทั่งเจ้าแห่งทะเลอาจจะใช้ขี้ผึ้งหอม ควบคุมบุตรหลานของตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือตนเอง!เซียวหลินเทียน หลงจิ้งและหลิงอวี๋ต่างก็เข้าใจความหมายที่เจ้าแห่งทิศใต้ยังพูดมิจบใจของหลงจิ้งพลันหล่นวูบ เช่นนั้นเรื่องที่ตนไปเผาขี้ผึ้งหอมก็เท่ากับมิได้ช่วยใครเลย กลับยิ่งทำให้อำนาจของเจ้าแห่งทะเลเพิ่มทวีคูณขึ้นงั้นหรือ?หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวอย่างมิยอม “หรือว่าหัวหน้าตระกูลใหญ่เหล่านั้นล้วนเลอะเลือนไปแล้ว? ไยจึงปล่อยให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลควบคุมชะตากรรมของพวกเขาเช่นนี้?”เซียวหลินเทียนขมวดคิ้ว มิน่าแปลกใจที่เมื่อครู่เจ้าแห่งทะเลยอมถอยกลับไปง่าย ๆ ที่แท้ก็มีแผนการเช่นนี้เองก่อนที่จะควบคุมตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือ เจ้าแห่งทะเลย่อมมิอาจแตกหักกับเจ้าแห่งทิศใต้ได้ในยามนี้แต่เมื่อใดที่เขาควบคุมตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือได้แล้ว เจ้าแห่งทะเลย่อมมิปล่อยเจ้าแห่งทิศใต