เมื่อนึกถึงก่อนการประลอง องค์หญิงหกกับแม่ลูกลั่วอวี้จูและคนอื่น ๆ ได้ตั้งกฎลงโทษอย่างบีบบังคับ นั่นมิใช่เพราะคิดว่าหลิงอวี๋ไร้วิชาความรู้ และต้องพ่ายในที่สุดหรอกหรือ?หากหลิงอวี๋ได้ที่สุดท้าย องค์หญิงหกกับพวกลั่วอวี้จูจักต้องบีบคั้นให้หลิงอวี๋สวมกระโปรงตัวนั้นเต้นรำแน่นอน!เซียวหลินเทียนเชิดริมฝีปากยิ้มเยาะหยัน พลางกล่าวเสียงเฉียบขาด“กล้าเดิมพันก็ต้องยอมรับผล! ใครก็ได้ ทำให้นางผลัดเป็นกระโปรงตัวนั้นแล้วเต้นรำให้ทุกคนชมซะ!”ลั่วอวี้จูทรุดตัวนั่งกับพื้นทันทีเมื่อได้ยินสิ่งนี้ พลางมองทางองค์หญิงหกกับจ้าวเจินเจินอย่างวิงวอน“องค์หญิงหกเพคะ พระชายาคัง พวกท่านช่วยหม่อมฉันด้วย…”แต่จ้าวเจินเจินถูกหลิงอวี๋ด่าจนหน้าแดงจรดหูไปแล้ว และมีคนข้างล่างเวทีไม่น้อยกำลังคอยจับผิดนางอยู่ ทั้งต่างวิพากษ์วิจารณ์กันเซ็งแซ่นางกับหลิงอวี๋คือคนในราชวงศ์เหมือนกัน ตอนตั้งกฎไม่รักษาความยุติธรรม ตอนนี้กลับพูดว่าหลิงอวี๋โหดร้ายไม่ยกโทษให้ลั่วอวี้จูจ้าวเจินเจินไม่จำต้องฟังคำวิจารณ์ข้างล่างกับหูก็เดาได้ว่าผู้คนกำลังว่าตนเลือกปฏิบัติและจอมปลอม!ไฉนนางจะกล้าขอความเมตตาเพื่อลั่วอวี้จูอีกได้เล่า!องค์หญิงหกก็
ฮูหยินลั่วกลัวจนรีบดึงลั่วอวี้จูไว้ลั่วอวี้จูกล่าวทั้งร่ำไห้ว่า “มิใช่ท่านพ่อบงการนะเพคะ! เป็นตัวหม่อมฉันทำกระไรเลอะเลือนเอง! ท่านอ๋องอี้ หม่อมฉันขอขมาท่าน ได้โปรดปล่อยหม่อมฉันไปเถิดเพคะ!”ฮูหยินลั่วก็กล่าวเช่นกัน “ท่านอ๋องอี้เพคะ เป็นหม่อมฉันสอนลูกมิถูกวิธี ไม่เกี่ยวกับสามีหม่อมฉันเลยเพคะ ท่านนั้นสุภาพใจดีพึงมีพระทัยกว้าง ได้โปรดยกโทษให้พวกเราเถิดเพคะ!”ฮูหยินลั่วพลางดึงลั่วอวี้จูมาโขกหัวคำนับให้เซียวหลินเทียนด้วยกันลั่วอวี้จูสำนึกผิดเต็มทรวง เหตุใดนางต้องพูดมากปากเสียด้วย!เซียวหลินเทียนมองทั้งสองคนที่โขกหัวจนเลือดออกอย่างเฉยเมย พลางยิ้มหยันกล่าวคำ“พวกเจ้าขอโทษผิดคนหรือไม่? พวกเจ้าล่วงเกินพระชายาของข้า คนที่จำเป็นต้องขอโทษก็คือนาง!”“วันนี้ อาอวี๋ของข้าไม่ยกโทษให้พวกเจ้า พวกเจ้าก็โขกหัวคำนับตรงหน้าข้าให้ตายไปเสีย เพราะข้าก็ไม่ยกโทษให้พวกเจ้าเช่นกัน!”เซียวหลินเทียนพูดอย่างไร้ความปรานี “อาอวี๋ สิทธิ์การลงโทษเป็นของเจ้า! แม้เจ้าหมายฆ่าพวกนาง ข้าก็จะสนับสนุนเจ้าเช่นกัน!”ทุกคนตะลึงตาค้าง นี่ท่านอ๋องอี้กำลังหนุนหลังพระชายาอ๋องอี้งั้นหรือ?ช่างเป็นน้ำเสียงเด็ดขาดยิ่งนัก!หลิ
ขณะหลิงหว่านมองฮูหยินลั่วรีบพาลั่วอวี้จูจากไปก็พลันกล่าวต่อหลิงอวี๋เสียงต่ำ“ท่านพี่ ฮูหยินลั่วผู้นี้มิใช่คนประเภทที่กลับเนื้อกลับตัว ท่านมิเห็นหรือว่านางจ้องท่านอย่างโหดเหี้ยมก่อนจากไป? ท่านระวังนางมาล้างแค้นท่านทีหลังนะเจ้าค่ะ!”หลิงอวี๋ส่ายศีรษะพลางกล่าวเสียงแผ่ว “ข้ารู้ว่านางคือคนสันดอนขุดง่าย สันดานขุดยาก!”“ข้าเพียงยืนในจุดยืนของมารดา จึงให้โอกาสนางสักครั้ง!”เพราะหลิงอวี๋จำแม่นมลี่ในตอนแรกได้ว่าเคยโขกหัวคำนับเพื่อขอให้ไป่สือช่วยหลิงเยวี่ยนจนเลือดอาบเต็มหน้าแม้ฮูหยินลั่วพูดจาทิ่มแทง แต่กลับดูเป็นความรักของแม่ที่มีลั่วอวี้จูจากใจจริงหากฮูหยินลั่วเข้าใจโอกาสอันล้ำค่านี้ก็คงจะพิจารณาตัวเองให้ดี ชี้แนะลั่วอวี้จูอย่างดี นั่นคือเรื่องอันดีนัก!หากยังกล้ามายั่วยุตนอีก หลิงอวี๋จะไม่คุยดี ๆ ด้วยขนาดนี้แล้ว!เซียวทงกับจ้าวเจินเจินจ้องหลิงอวี๋เหี้ยม คนดีใจกว้างล้วนเป็นหลิงอวี๋กระทำ เมื่อเทียบกับพวกนางแล้วทั้งคู่ดูโหดร้ายอย่างยิ่ง!แล้วจะให้กลืนความแค้นนี้ลงไปได้อย่างไร!จ้าวเจินเจินมองทางหลิงอวี๋พลางยกยิ้มชั่วร้าย มันยังมีอุบายสุดท้ายอยู่เถอะ!หลิงอวี๋ หากเจ้าออกจากงานชมบุปผาใน
หลิงอวี๋กล่าวต่อเซียวหลินเทียนอย่างจนปัญญาว่า “เช่นนั้นหม่อมฉันขอไปดื่มชาก่อนค่อยกลับเพคะ!”เซียวหลินเทียนพยักศีรษะพลางมองหลิงอวี๋เดินจากไปพระสนมหรงนั่งในศาลาที่สวนดอกไม้ โดยมีเสิ่นจวนค่อยรับใช้อยู่ข้าง ๆ องค์หญิงหกก็อยู่ด้วยเช่นเดียวกัน“หลิงอวี๋ขอเข้าเฝ้าพระสนมหรงเพคะ!”หลิงอวี๋โค้งคารวะพระสนมหรงปรายมองนางอย่างไม่ร้อนไม่หนาวพลางพยักหน้าเล็กน้อย “นั่งเถอะ!”หลิงอวี๋พลันนั่งลงที่เก้าอี้ข้าง ๆ“พี่สะใภ้ ดื่มชาเจ้าค่ะ!”เสิ่นจวนถือถ้วยชามารินชาให้หลิงอวี๋ และรินให้องค์หญิงหกกับพระสนมหรงด้วยเช่นกัน“นี่คือชาเม็ดแตงแห่งลู่อัน(1)ที่องค์จักรพรรดิทรงมอบแก่องค์หญิงหกในคราก่อนหรือเพคะ? ช่างหอมนัก!”พระสนมหรงยกชามาดมแล้วพลันร้องทักอย่างแปลกใจ“ว่ากันว่าองค์จักรพรรดิมีเพียงสองขวดโหล และยังมอบให้องค์หญิงขวดโหลหนึ่ง! องค์หญิงหกเพคะ องค์จักรพรรดิช่างโปรดปรานท่านโดยแท้!”เซียวทงกล่าวภูมิใจและเหิมใจว่า “นั่นแน่นอน! หลังตัวข้ารับมาก็ตัดใจดื่มมิได้เสียที วันนี้นำมาเพราะอยากต้อนรับแขกผู้มีเกียรติ!”พระสนมหรงพูดยิ้ม ๆ อย่างเอาใจ “หากเป็นเช่นนั้นข้าต้องดื่มเพิ่มสักสองถ้วยแล้ว ชาเม็ดแตงแห่งลู
“พี่สะใภ้ นี่คือชาดีที่หาดื่มได้ยากนัก!”เสิ่นจวนกล่าวอย่างมีไมตรี “เมื่อครู่เจ้าคงร่วมการประลองเหนื่อยแล้วเป็นแน่ ดื่มเพิ่มอีกสองถ้วยพลางชื่นชมบุปผาสนุกให้เต็มที่สักหน่อยเถอะ!”หลิงอวี๋คลี่ยิ้มน้อย ๆ ชายมองเสิ่นจวน และถือถ้วยชากล่าวว่า “เจ้าอย่ามัวแต่รินชาให้เรา เจ้าก็นั่งลงดื่มด้วยเถิด!”“เจ้าพักอยู่ตำหนักอ๋องอี้มานานนัก และช่วยดูแลสามีข้าอย่างยากลำบาก ถ้วยนี้แด่เจ้า!”หลิงอวี๋รินชาหนึ่งถ้วยให้เสิ่นจวน เสิ่นจวนตะลึงไปชั่วขณะ พลางมองทางองค์หญิงหกอย่างลำบากใจอยู่บ้างเซียวทงปรายมองนางเย็นชา เสิ่นจวนไร้ทางเลือกทำได้เพียงยกชามาดื่มหลิงอวี๋เชิดยิ้มหยันโดยยากจะสังเกตพบ และนั่งลงที่เดิมเสิ่นจวนรู้สึกกระสับกระส่าย ลุกขึ้นพรวดพลางกล่าวว่า “พี่สะใภ้เจ้าคะ ข้าขอเติมน้ำให้ท่าน!”“มิต้องแล้ว…!”มือของเสิ่นจวนสั่นเทาในขณะที่หลิงอวี๋กำลังบ่ายเบี่ยง กาน้ำชาจึงเอนเอียงจนทำให้ชาหกใส่กระโปรงหลิงอวี๋กะทันหันหลิงอวี๋โดนลวกจนเกือบสะดุ้งเมื่อเสิ่นจวนเห็นเหตุการณ์จึงวางกาน้ำชาลงใกล้ ๆ อย่างตะลีตะลาน“พี่สะใภ้ ข้าขอโทษเจ้าค่ะ… ท่านมีแผลน้ำลวกหรือไม่เจ้าคะ?”เสิ่นจวนล้วงผ้าเช็ดหน้าออกมาช่วยเช
มุมปากหลิงอวี๋เชิดยิ้มหยัน แม้องค์หญิงหกจะเสียของล้ำค่าไปสามชิ้นก็ยังไม่ได้เรียนรู้บทเรียน!ยังบังอาจยั่วยุตนอีก!นี่คงจะใช้ชีวิตจนเบื่อแล้วจริง ๆ!ยังมีเสิ่นจวนอีกคน ช่วงที่นางพักอยู่ตำหนักอ๋องอี้ ตอนแรกก็คึกคักกระโดดโลดเต้น แต่ต่อมาก็สงบเสงี่ยมเจียมตัวหลิงอวี๋ไม่เคยเชื่อว่าเสิ่นจวนจะกลับเนื้อกลับตัวจริง ๆ และนางคอยเสิ่นจวนเคลื่อนไหวมาตลอดแต่คิดไม่ถึงเลยว่าวิธีเคลื่อนไหวของเสิ่นจวนจะช่วยคนเลวทำชั่วเยี่ยงนี้!ตำแหน่งพระชายาอ๋องอี้มันหอมหวานขนาดนั้นเชียวหรือ?เพิ่งจบกับชิวเหวินซวง เสิ่นจวนก็มาอีกคน!หลิงอวี๋บ่ายหน้าไปพลางคลี่ยิ้มเย็นชา และพบกับตั่งเตียงอันเรียบง่ายอยู่ในห้อง!องค์หญิงหกกับเสิ่นจวนหมายจับตนกับชายสักคนให้อยู่บนเตียงด้วยกันหรือ?เรื่องนี้จ้าวเจินเจินกับพระสนมหรงก็รู้เบื้องลึกสินะ!ดี… ดีมาก!บัญชีนี้นางจะจำไว้ หากมีโอกาสจะชำระพวกนางไปทีละคนแน่!หลิงอวี๋พบว่าประตูถูกลงกลอนจึงไปตรวจสอบหน้าต่าง หน้าต่างก็ถูกปิดไว้จากข้างนอกอย่างแน่นหนา ผลักไม่ออกโดยสิ้นเชิง“เถาจื่อ…!”หลิงอวี๋เริ่มร้อนใจ ตอนเถาจื่อไปเอาน้ำ หากองค์หญิงหกกับเสิ่นจวนทำร้ายตน ตัวนางเองสามารถรับมือ
“ชาขององค์หญิงหกดีที่สุดจริง ๆ คงน่าเสียดายแย่หากเหล่าองค์ชายมิได้ลิ้มลอง!”จ้าวเจินเจินก็กล่าวยิ้มน้อย ๆ องค์ชายคังตอบอย่างรู้กัน “เช่นนั้นก็ต้องลิ้มลองสักหน่อย! ขอเชิญท่านอ๋องผิงหนาน พระชายาผิงหนานและพวกรัฐทายาทอันมาด้วยกันเถิด! มีสิ่งดี ๆ ก็ต้องแบ่งปันทุกคน!”เซียวทงพลันให้นางกำนัลไปเชิญคน และในไม่ช้า คนกลุ่มใหญ่ก็ติดตามนางกำนัลมาแล้วเดิมทีหลิงหว่านกับอันซินไม่อยากมา นางกำนัลเจาะจงบอกว่าองค์หญิงหกมีเรื่องอยากคุยกับพวกนาง พวกนางจึงจำใจต้องตามมา“ที่เรือนด้านหลังข้าให้คนเตรียมของว่างน้ำชาสุดประณีตไว้แล้ว มันช่างเข้ากับชาดียิ่งนัก ต้องทำให้พวกเจ้าดื่มจนสบายอารมณ์แน่นอน!”เซียวทงตั้งใจให้นางกำนัลเชิญฉินซานมาเช่นกัน นางกล่าวยิ้ม ๆ ต่อฉินซาน“ที่งานชมบุปผาในวันนี้ของตัวข้าจัดขึ้นได้สำเร็จโดยไร้การจลาจล เป็นเพราะความแข็งขันของแม่ทัพฉินมิเสื่อมคลาย!”“แม่ทัพฉิน ประเดี๋ยวข้าขอรินชาให้ท่านเพื่อแสดงความขอบคุณด้วยตัวข้าเอง!”ฉินซานตอบอย่างใจเย็น “นี่คือหน้าที่ของกระหม่อม กระหม่อมมิควรได้รับคำขอบคุณเช่นนี้จากองค์หญิงพ่ะย่ะค่ะ!”กลุ่มคนคุยเฮฮากันพลางเดินเข้าสวนดอกไม้เล็ก ๆ เมื่อมาถึงห
“สวรรค์! พระชายาอ๋องอี้ผู้สง่า คิดมิถึงเลยว่าจะกระทำเรื่องต่ำช้าเช่นนี้ในตอนกลางวันแสก ๆ!”ไม่รู้ว่าเป็นเสียงผู้ใดร้องทักหลิงหว่านที่ตามหลังอย่างใกล้ชิดเมื่อได้ยินก็ตกใจไปทันที!นางหมายฝ่ากลุ่มคมเบียดเข้าไปดู แต่รู้สึกกระวนกระวายใจนักที่กลับถูกคนมากมายขวางข้างหน้าไว้!เมื่อเซียวทงเห็นหลิงอวี๋ผมเผ้าสยายและอยู่ในสภาพกระอักกระอ่วนใจ จึงอดยกยิ้มย่ามใจมิได้หลิงอวี๋ที่ถูกจับได้ว่ากำลังล่วงประเวณี วันนี้เจ้าจะยังเถียงข้าง ๆ คู ๆ ได้อีกหรือ?“หลิงอวี๋… นางหญิงสำส่อน! เจ้ากระทำเช่นนี้ละอายใจต่อเสด็จพี่สี่หรือไม่?”เซียวทงเรียกขึ้นอย่างปวดใจ “ขนาดอยู่ในงานชมบุปผาของข้า เจ้ายังบังอาจทำสิ่งเลวทรามยิ่งกว่าสัตว์ที่นี่! เจ้า… เจ้าทำให้ราชวงศ์ต้องขายหน้าโดยแท้!”“ท่านปู่เฉิง ท่านต้องตัดสินเพื่อเสด็จพี่สี่เพคะ! วันนี้ต้องสังหารนางชั่วหลิงอวี๋ ไม่อาจให้นางมีชีวิตอยู่ทำราชวงศ์ขายหน้าได้เพคะ!”พระสนมหรงก็กระโจมเข้ามาอย่างเดือดดาล “หลิงอวี๋ นางหญิงสำส่อน… เจ้ากล้าดีอย่างไรมาทำเรื่องโสมมเช่นนี้!”“ท่านอ๋องเฉิง นี่มันช่างคาหนังคาเขายิ่งนัก วันนี้ท่านต้องให้ความเป็นธรรมกับเทียนเอ๋อร์นะเพคะ สังหารห
ในเวลานี้ เย่หรงผู้มิเอาไหนที่เย่ซื่อเจียงเกลียดชังก็กำลังเตรียมตัวอยู่กับเผยอวี้และฉินซานเพื่อเตรียมที่จะเข้าไปในบ้านตระกูลเหมียวแล้วหลอกเอาเงินที่พวกเขาจะให้ไป่หลี่ไห่ไปถึงแม้ว่าเผยอวี้และฉินซานจะมีประสบการณ์ในการรบมามากมาย แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่พวกเขาทำเรื่องเช่นนี้ จึงค่อนข้างกังวลเย่หรงแต่งตัวเป็นพ่อบ้านของไป่หลี่ไห่ และดูคล้ายกับตัวจริงมากเขาจึงเอ่ยปลอบใจทั้งสองคน “อย่าได้กังวลไปเลย รอหลังจากหลอกเอาเงินออกมาและเปลี่ยนรถม้าไปแล้ว จากนั้นพวกเราจะรีบไปที่สำนักศึกษาชิงหลง เช่นนี้ก็จะไม่มีผู้ใดสงสัยในตัวพวกเราแล้ว!”“พวกเจ้าทั้งสองมิต้องพูดอะไร แค่ฟังข้าก็พอ!”เมื่อทุกอย่างเตรียมพร้อมเรียบร้อยแล้ว เย่หรงก็นำทุกคนมุ่งไปที่บ้านตระกูลเหมียวเผยอวี้ให้ลู่หนานไปสืบข้อมูลมาแล้วว่า สามีภรรยาตระกูลเหมียวพาเหมียวหยางไปที่สำนักศึกษาชิงหลงแล้ว จึงรู้สึกสบายใจมากขึ้นพวกเขาจึงเดินทางมาที่บ้านตระกูลเหมียวอย่างสบาย ๆ เย่หรงก็อาศัยใบหน้าของพ่อบ้านไป่หลี่ไห่พาทุกคนเข้าไปได้อย่างราบรื่นเมื่อพ่อบ้านเหมียวได้ยินข่าวก็ออกมาต้อนรับ แล้วเอ่ยถามด้วยใบหน้าสงสัย “ท่านพ่อบ้านใหญ่ ตกลงกันไว้ว่าต
ท่านผู้เฒ่าเย่เข้าใจทันทีแล้วมองไปทางห้องปรุงโอสถอย่างครุ่นคิดนี่คือหลักการเข้าใจลึกซึ้งถึงธรรมชาติของมนุษย์ที่เย่ซื่อฝานบอกไว้กระมัง!ไป่หลี่ไห่เชื่อมั่นว่าตนเป็นปรมาจารย์และรู้มากกว่าสิงอวี๋ แต่จากตัวอย่างของหยางหงหนิงแล้ว เขาก็ยังป้องกันมิให้หลิงอวี๋เปลี่ยนยาแก้พิษของเขาให้กลายเป็นยาพิษได้ด้วยการที่มีสิ่งที่ต้องป้องกันมากเกินไป นั่นก็คือข้อจำกัด...ขอเพียงหลิงอวี๋เข้าใจลักษณะนิสัยของไป่หลี่ไห่ นางก็จะสามารถใช้จุดแข็งของตนวางกับดักไป่หลี่ไห่ซ้ำ ๆ ได้แล้ว...เหอะ ๆ!ท่านผู้เฒ่าเย่ยิ้มออกมา และมีความคิดอยากจะผูกมิตรกับพ่อแม่และปู่ของหลิงอวี๋เสียหน่อยครอบครัวแบบใดกัน จึงสามารถเลี้ยงเด็กสาวมาได้ฉลาดหลักแหลมถึงเพียงนี้?“ซื่อเจียง หากครานี้เสี่ยวชีสามารถเอาชนะได้ ข้าจะตัดสินใจพูดกับนางให้นางมาเป็นภรรยาของเย่หรง!”ท่านผู้เฒ่าเย่มองไปทางเย่ซื่อเจียงเขาเป็นพ่อของเย่หรง และเรื่องการแต่งงานก็จำเป็นต้องได้รับความเห็นชอบจากเย่ซื่อเจียงด้วยเย่ซื่อเจียงตะลึงไปครู่หนึ่ง เขามิให้ความสำคัญกับลูกนอกสมรสที่มิเอาไหนผู้นี้มาโดยตลอด และมิสนิทกับเย่หรงด้วย เขาจึงเอ่ยออกไปโดยสัญชาตญาณ“หากเ
กฎการประลองที่ต่งเฉิงประกาศมานั้นที่จริงแล้วยังมีช่องโหว่อยู่ แต่โดยทั่วไปก็มีความยุติธรรม ท่านผู้เฒ่าเย่และเย่ซื่อฝานจึงมิได้เสนอแนะใด ๆห้องปรุงโอสถทั้งสองห้องเป็นห้องที่จัดเตรียมขึ้นมาชั่วคราวอยู่ทางฝั่งตะวันตกของหอปรุงโอสถ หลังจากที่ระฆังการประลองดังขึ้น หลิงอวี๋และไป่หลี่ไห่ต่างก็เดินเข้าไปในห้องปรุงโอสถคนละห้องในห้องเป็นเช่นเดียวกับห้องปรุงโอสถอื่น ๆ ตรงผนังก็เต็มไปด้วยตู้ยา และหน้าต่างก็ถูกปิดไว้เพื่อป้องกันมิให้มีคนแอบดูหลิงอวี๋ดูเครื่องยาสมุนไพรทั้งหมดก่อนหนึ่งรอบ จากนั้นก็ออกแบบยาพิษของตนในใจก่อนที่จะเริ่มปรุงเนื่องจากเวลาในการปรุงคือสองชั่วยาม บรรดาคนที่มาดูบางส่วนจึงรอมิไหวแล้วเดินไปเดินมารอบ ๆ บางส่วนก็มาหาเจ้าสำนักศึกษาจินเพราะอยากได้คำชี้แนะแต่เจ้าสำนักศึกษาจินกลับลากท่านซ่งสหายของเขาไปหาห้องจิบชาเดิมทีท่านผู้เฒ่าเย่อยากจะพูดกับเจ้าสำนักศึกษาจินสักสองสามประโยค แต่เมื่อเห็นท่าทีเช่นนี้เขาจึงมิเข้าไปรบกวนเย่ซื่อฝานและเย่ซื่อเจียงออกไปเดินกับท่านผู้เฒ่าเย่ เมื่อเดินออกจากกลุ่มคนมาเย่ซื่อเจียงก็เอ่ยถามไปตามตรง “ท่านพ่อ ท่านซ่งผู้นั้นคือใครหรือขอรับ?”นี่ก็คือสิ
ไป่หลี่ไห่ตะลึง สายตาของเขามองไปทางตาเฒ่าประหลาดเทียนซูและสามีภรรยาตระกูลเจียวโดยมิรู้ตัวคนที่เข้าใจเรื่องเครื่องยาสมุนไพรต่างก็รู้ว่า เครื่องยาสมุนไพรแต่ละชนิดล้วนมีสรรพคุณแตกต่างกัน แม้ว่าจะเป็นพิษ แต่พิษกับพิษเจอกันก็ออกฤทธิ์ต้านกันได้แม้ว่าพวกเขาจะสามารถผสมพิษหลายชนิดเข้าด้วยกันได้ แต่สูงที่สุดก็คือสิบชนิด เป็นไปมิได้ที่ยาพิษหนึ่งตำรับจะมีพิษหลายสิบชนิดอยู่ด้วยกัน!สิงอวี๋ สตรีที่เพิ่งมาใหม่ผู้นี้ นางสามารถทำได้อย่างนั้นหรือ?“นางกำลังพูดโอ้อวดอยู่กระมัง! จะมีพิษที่ร้ายแรงเช่นนี้ได้อย่างไรกัน?”มีคนอดมิได้ที่จะตะโกนขึ้นมา“ต้องเป็นการขู่ให้กลัวแน่ ๆ! อยากจะชนะครั้งหนึ่งเพราะโชคช่วยจึงได้บอกว่าจะยอมประลองเพียงแค่รอบเดียว!”“ประลองสามรอบสิ สิงอวี๋ หากเจ้าสามารถชนะได้ทั้งสามรอบ พวกเราจึงจะยอมรับ!”ท่านผู้เฒ่าเย่มองพวกที่สนับสนุนไป่หลี่ไห่ในการประลองสามรอบ แล้วเอ่ยกับเจ้าสำนักศึกษาจินอย่างเย็นชา“เหล่าจิน ข้าคิดว่าที่สิงอวี๋พูดมาก็มีเหตุผล เรื่องที่สามารถทำได้ในรอบเดียวเหตุใดต้องทำถึงสามรอบด้วยเล่า! แค่รอบเดียวก็ตัดสินแพ้ชนะได้แล้วมิใช่หรือ!”เจ้าสำนักศึกษาจินพยักหน้า “คำพู
หลิงอวี๋เอ่ยออกไปอย่างเยาะเย้ย “นี่ยังมิทันได้เริ่มการประลอง แต่ละคนก็โจมตีข้าราวกับกลัวว่าข้าจะชนะเสียแล้ว โจมตีข้าก็มิเป็นไรหรอก แต่ยังจะโจมตีอาจารย์ของข้าอีก!”“ไยเล่า จากความคิดสกปรกของพวกเจ้า ขอเพียงแค่รับศิษย์ที่เป็นสตรีก็คือมีเจตนามิดีแล้วรึ เช่นนั้นปรมาจารย์ไป่หลี่ ศิษย์ที่ท่านรับมีมากกว่าอาจารย์ของข้าสองเท่ากระมังเจ้าคะ!”“ศิษย์ที่เป็นสตรีก็มีมากกว่าอาจารย์ของข้า หรือว่าความสัมพันธ์ระหว่างอาจารย์กับศิษย์ของพวกท่านมิปกติกันหนอ? บางทีศิษย์ของท่านอาจจะเห็นท่านทำเรื่องเช่นนั้น ดังนั้นจึงได้ใช้ความคิดสกปรกเช่นนี้ไปตัดสินผู้อื่น!”ไป่หลี่ไห่โกรธจนตัวสั่น แล้วเอ่ยขึ้นมาอย่างโมโห “เจ้าพูดไร้สาระอะไร! หากกล้าใส่ร้ายข้าอีก ข้าจะมิปล่อยเจ้าไปแน่!”หลิงอวี๋หัวเราะออกมา “ปรมาจารย์ไป่หลี่ร้อนใจเสียแล้วหรือเจ้าคะ ท่านเป็นแบบอย่างของอาจารย์ ศิษย์ของท่านใส่ร้ายอาจารย์ของข้า ท่านมิเห็นจะห้ามปราม!”“แล้วเหตุใดเล่า ข้าเพียงเปรียบเทียบท่านก็ร้อนใจแล้วหรือ? หรือว่าข้าพูดถูกจริง ๆ ดังนั้นท่านจึงอับอายจนโกรธ?”“ท่านก็อายุปูนนี้แล้ว มิรู้หลักการที่ว่า ตนมิชอบสิ่งใดก็จงอย่าทำกับผู้อื่นหรือ?”หลง
ไป่หลี่ไห่เผชิญกับความดูถูกของหลิงอวี๋ แต่สีหน้าก็ยังคงมิเปลี่ยนแปลง“สิงอวี๋ เจ้าต้องรู้ว่าการประลองของข้ากับเจ้านั้นแตกต่างจากการประลองอื่น คนที่เข้าใจเครื่องยาสมุนไพรต่างก็รู้กันดีว่ายามีทั้งคุณและโทษ เมื่อกินยาพิษเข้าไป อาจจะเกิดผลข้างเคียงได้แม้ว่าจะแก้พิษไปแล้วก็ตาม!”“ดังนั้นหากเจ้ากลัว ข้าจะให้โอกาสเจ้าสักครั้ง!”“ขอเพียงเจ้ายอมรับผิดต่อหน้าธารกำนัล แล้วมอบยาแก้พิษให้เหมียวหยาง การประลองวันนี้ก็จะจบลงตรงนี้!”“ถึงอย่างไรเจ้าก็ได้เห็ดหยกไปแล้ว เมื่อมีโอกาสก็ควรหยุดก่อนจะสาย!”ไป่หลี่ไห่จ้องมองบีบบังคับหลิงอวี๋ด้วยสายตาดุร้าย เขามิเชื่อว่าหลิงอวี๋จะโง่เขลาทั้งที่เห็นอยู่ว่าตาเฒ่าประหลาดแห่งวังเทียนซูและสามีภรรยาตระกูลเจียวยืนอยู่ข้างตน แล้วจะยังต้องการประลองกับตนโดยมิรู้ว่าจะเป็นหรือตายหลิงอวี๋มองไป่หลี่ไห่แล้วยิ้มอย่างเย็นชานี่ไป่หลี่ไห่กำลังชี้แจงเรื่องยาพิษของเขาล่วงหน้าอยู่หรือไร?หลังจากนี้หากเขาวางยาพิษตนจนตาย ก็สามารถพูดได้ว่าเขาเตือนตนไปแล้ว!นางจึงเอ่ยด้วยเสียงทุ้ม “ปรมาจารย์ไป่หลี่ นับตั้งแต่ข้าเข้ามาในสำนักศึกษาชิงหลง ข้าก็ปฏิบัติต่อท่านดังเช่นอาจารย์ของข้า
บุรุษผู้นี้เมินเฉยต่อทุกสิ่งรอบตัวแล้วเดินตามเจ้าสำนักศึกษาจินตรงไปข้างหน้าเมื่อตาเฒ่าประหลาดเทียนซูและเจียวหัวกับภรรยาเห็นเจ้าสำนักศึกษาจินปรากฏตัวก็ลุกยืนขึ้น เจ้าสำนักศึกษาจินเป็นที่เคารพนับถืออย่างยิ่งยวดในเมืองหลวงแดนเทพ และพวกเขาทั้งสามคนก็มิจำเป็นต้องไปทำให้เจ้าสำนักศึกษาจินขุ่นเคืองทั้งสามคนทักทายเจ้าสำนักศึกษาจิน สายตามองไปทางบุรุษที่สวมหน้ากากด้วยความสงสัย และรอฟังคำแนะนำจากเจ้าสำนักศึกษาจินเจ้าสำนักศึกษาจินเอ่ยออกมาเพียงประโยคเดียวเท่านั้น “เขาเป็นสหายของข้า พวกเจ้าเรียกเขาว่าท่านซ่งก็แล้วกัน!”ท่านซ่ง?ตาเฒ่าประหลาดเทียนซูดึงเปียเล็ก ๆ ที่เคราของตนอย่างมิพอใจ เขาก็แก่แล้ว ยังต้องเรียกบุรุษแปลกหน้าว่าท่านอีกหรือนี่?หรือว่าบุรุษผู้นี้อายุมากกว่าตน?เจียวหัวเองก็รู้สึกมิค่อยพอใจเช่นกัน ถึงอย่างไรตนก็เป็นเจ้าวังคนหนึ่ง เมื่อออกมาข้างนอกก็เป็นที่เคารพนับถือของทุกคน แต่บุรุษผู้นี้แม้แต่หน้าตาก็มิเปิดเผย จะให้ตนเรียกเขาว่าท่านหรือ?แต่ทั้งสองคนคิดแล้วคิดอีกก็ยังคิดมิออกว่าในเมืองหลวงแดนเทพนี้มีผู้ที่มีความสามารถแก่กล้าที่สกุลซ่งด้วยหรือรองเจ้าสำนักศึกษาต่งเฉิงและเจ้า
บุรุษผู้นี้ประณีตเกินไปแล้ว!ขณะที่หลิงอวี๋กำลังคิดอยู่นั้น เจียวหัวก็เดินผ่านพวกนางไปข้างหน้าแล้ว หลิงอวี๋สังเกตเห็นจากหางตาว่ามือเรียวยาวของเขายกขึ้นแล้วซ่อนไว้ในแขนเสื้อกว้างแต่ในช่วงเวลานี้ หลิงอวี๋ก็ยิ่งรู้สึกประหลาดใจที่เห็นว่าเล็บของเขาถูกทาสีเป็นสีแดงเลือดเช่นกันสีนั้นตัดกับมือขาว ๆ ของเขา เมื่อดูไปแล้วก็งดงามยิ่งนัก ทว่าหากเป็นสตรีที่ทาสีเล็บ หลิงอวี๋ก็คงมิรู้สึกแปลกใจแต่เมื่อเป็นเจียวหัว ความรู้สึกแรกของหลิงอวี๋ก็คือแปลกประหลาด!นี่เป็นครั้งแรกที่หลิงอวี๋เห็นบุรุษทาสีเล็บในเมืองหลวงแดนเทพ!เหตุใดบุรุษผู้นี้จึงมีลักษณะไปทางสตรีกันนะ?ส่วนเฟิงหลานนั้นดูปกติมาก เนื่องจากดูแลตัวเองเป็นอย่างดีนางจึงมีรูปลักษณ์ที่งดงามนางสวมชุดกระโปรงสีแดงกุหลาบซึ่งช่วยขับให้ผิวของนางดูผ่องใสดวงตาหงส์คู่นั้นดูแวววาวเป็นประกายระยิบ มองไปแล้วดูมีเสน่ห์เหลือหลายคนกลุ่มนี้มาด้วยกัน และเป็นกลุ่มที่แข็งแกร่งมาก เมื่อเทียบกับฝั่งของหลิงอวี๋แล้วก็คือกลุ่มที่มีความเหนือกว่าเถาจื่อเหงื่อตกแทนหลิงอวี๋ ต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่งมากมายเช่นนี้ ฮองเฮาของนางควรจะรับมืออย่างไรดีเล่า!เย่ซื
สิ่งที่เถาจื่อคิดได้ จงเจิ้งเฟยก็คิดได้เช่นกัน นางห้ามมิให้เถาจื่อพูดต่อก็เพราะกังวลว่าหลิงอวี๋จะกลัวหากเป็นเช่นนี้ยังมิทันได้เริ่มการประลอง ขวัญกำลังใจของหลิงอวี๋คงได้ตกต่ำลงไปก่อนแล้วถึงอย่างไรการประลองครั้งนี้ก็มิสามารถเปลี่ยนแปลงได้ เช่นนั้นก็พูดให้น้อยลงหลิงอวี๋จะได้กังวลน้อยลงกลุ่มพวกนางจึงล้อมรอบหลิงอวี๋ไว้แล้วเดินไปทางหอปรุงโอสถหอปรุงโอสถมีคนเบียดเสียดกันจนเต็มพื้นที่ มิเพียงแต่คนของหอปรุงโอสถเท่านั้นที่มาชม แต่คนของหออื่น ๆ ก็มากันทั้งหมดเป็นดังที่เย่หรงคาดเอาไว้ พ่อแม่ของเหมียวหยางก็มาเช่นกัน ทั้งยังใช้เกี้ยวแบกเหมียวหยางเข้ามาด้วยเมื่อเห็นว่าหลิงอวี๋มาแล้วเหล่าบัณฑิตของหอโอสถไป๋เป่าก็ด่าทอขึ้นมา“สิงอวี๋ เหตุใดเจ้าจึงโหดร้ายเช่นนี้ เจ้าดูเสีย เจ้าทำให้ศิษย์พี่ของข้าทรมานจนเป็นอย่างไรไปแล้ว?”“ร่างกายของเขาเน่าเปื่อยไปหมด มีไข้สูงอยู่ตลอด ชีวิตของเขาแขวนอยู่บนเส้นด้ายแล้วเจ้าก็ยังมิยอมให้ยาแก้พิษแก่เขา จิตใจช่างชั่วร้ายนัก!”เกี้ยวที่เหมียวหยางนั่งอยู่เปิดม่านขึ้น เขาเอนตัวนั่งพิง ตุ่มน้ำที่เต็มใบหน้านั้นก็เน่าเปื่อยจนมองมิเห็นถึงสภาพในอดีตแล้วฮูหยินเหมียวอยู