ริมฝีปากของจ้าวเจินเจินสั่นเทาพูดมิออกนางแพ้จริงหรือ?อีกทั้งยังแพ้ให้หลิงอวี๋?การจู่โจมจ้าวเจินเจินครั้งนี้มิใช่แค่แพ้เกมหมากล้อมเท่านั้น แต่ยังแพ้คนทั้งคนอีกด้วย!หลายปีมานี้จ้าวเจินเจินได้เป็นแบบอย่างของสตรีผู้สูงศักดิ์ในเมืองหลวง ผู้ใดบ้างจะไม่บอกว่านางฉลาด งดงาม และมีความสามารถเหนือใคร ๆ!แต่เมื่อครู่กู่ฉินนางก็แพ้หลิงอวี๋ บัดนี้ก็มาแพ้หมากล้อมหลิงอวี๋อีก!นาง… นางรู้สึกอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนีขึ้นมาทันที!“เป็นไปมิได้! หลวงจีนอวี๋ ท่านต้องดูผิดไปแน่ ๆ!”องค์ชายคังตะคอก “ท่านลองดูดี ๆ อีกทีสิ...”หลวงจีนอวี๋โกรธจัดขึ้นมาทันที เป็นถึงองค์ชายคังแล้วเยี่ยงไรเล่า ความจริงก็คือความจริง เขาคิดจะใช้อำนาจมาบีบบังคับให้ตนเองกลับคำพูดหรือ?“หากองค์ชายคังสงสัยในสายตาของกระหม่อม เช่นนั้นก็ลงคะแนนเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”หลวงจีนอวี๋หัวเราะเยาะพลางเอ่ย “หากคณะกรรมการตัดสินสิบคนยังมิเพียงพอ ก็เรียกให้ทุกคนในที่นี้มาดูและให้มีส่วนร่วมในการลงคะแนนได้...”“หากวันนี้กระหม่อมตัดสินผิด กระหม่อมจะไม่แตะต้องหมากล้อมอีกต่อไปในชีวิตนี้!”คำสาบานนี้รุนแรงมาก มีผู้ใดบ้างที่ไม่รู้ว่าหลวงจีนอวี๋เป็นผู้คลั
จ้าวเจินเจินตื่นตระหนก นางมิรู้ว่าองค์ชายสองกับเซียวหลินเทียนมีเดิมพันยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้!แต่นางรู้ดีถึงความโลภสามีของตนที่มีต่อดาบสามมังกร!อีกทั้งความรักที่มีต่อม้ากีบขาวด้วย!หากตนพ่ายแพ้ แล้วองค์ชายคังสูญเสียม้ากีบขาวไป องค์ชายคังจะต้องโกรธตนมากแน่!แต่นางก็บ่ายเบี่ยงมิได้จริง ๆ!ความจริงก็คือความจริง!จ้าวเจินเจินเงยหน้าขึ้นมองอย่างสิ้นหวัง ทันใดนั้นก็เห็นลูกพี่ลูกน้องของตนหลายคนอยู่ด้านล่าง แล้วดวงตาของนางก็เป็นประกายขึ้นมายังไม่อับจนหนทาง!นางยังมีความหวังที่จะกู้หน้าคืนมาได้!“ข้าขอโทษ...เมื่อครู่ข้าครุ่นคิดเรื่องหมากล้อมอยู่จึงลืมตอบไป...”“ตานี้… น้องสี่ชนะแล้ว!”จ้าวเจินเจินยิ้มอ่อนโยน “ทักษะหมากล้อมของน้องสี่ยอดเยี่ยมมาก ที่แท้เมื่อก่อนก็หลบซ่อนเอาไว้นี่เอง!”เมื่อองค์ชายคังเห็นจ้าวเจินเจินยอมรับเองว่าพ่ายแพ้ก็โกรธมากจนหันหลังเดินออกไปจ้าวเจินเจินรีบตามเขาไปพลางกระซิบบางอย่างกับเขา จากนั้นสีหน้าองค์ชายคังจึงดูดีขึ้นเขาหันกลับมาพร้อมรอยยิ้ม พลางเอ่ยกับเซียวหลินเทียน“ยังมีอักษรศิลป์กับการวาดภาพอีกมิใช่หรือ? วันนี้เจินเจินของข้าโชคไม่ดีนิดหน่อย… แต่ข้ามิเชื
“นี่มันหมายความว่าเยี่ยงไร? หมายความว่าพระชายาอ๋องอี้มิใช่คนไร้การศึกษาไร้ความสามารถเลย!”ฮูหยินที่อยู่ข้าง ๆ นางหัวเราะเบา ๆ พลางเอ่ย “มิใช่คนไร้การศึกษาไร้ความสามารถ แต่กลับมีชื่อเสียงแพร่ออกไปแย่มาก...ช่างน่าสนใจจริง ๆ!”“ไม่สิ ไม่แน่อาจเป็นหวางซือเองก็ได้ที่เผยแพร่ข่าวออกไป! มิฉะนั้นใครจะรู้ว่าพระชายาอ๋องอี้ไร้การศึกษาและความสามารถเล่า!”“แม่เลี้ยงก็คือแม่เลี้ยง เพื่อลูก ๆ ของตนแล้วคงมิลังเลที่จะทำลายชื่อเสียงของพระชายาอ๋องอี้!”พวกฮูหยินมองหน้ากัน พลางยิ้มอย่างรู้กันหลังจากที่หวางซือได้ยินอยู่ไม่ไกลนัก นางก็ยิ่งโกรธมากอีกด้านหนึ่ง หลิงหว่านก็ก้าวขึ้นไปบนเวทีอย่างตื่นเต้น นางรับอุปกรณ์อักษรศิลป์และวาดภาพ แล้วก็ขึ้นไปกับอันซิน“ท่านพี่หลิงหลิง ท่านพี่สุดยอดยิ่ง! ข้ายังกังวลแทนท่านพี่อยู่ข้างล่างอยู่เลย มิคิดเลยว่าท่านพี่จักทำให้ข้าประหลาดใจ!”หลิงหว่านรู้แล้วว่าทักษะการเล่นดนตรีกับหมากล้อมของหลิงอวี๋นั้น ได้เรียนรู้อย่างจริงจังหลังจากที่เซียวหลินเทียนเมินเฉยนางนางรู้สึกว่าหลิงอวี๋สามารถยืนหยัดได้อย่างแข็งแกร่ง เปลี่ยนมุมมองของทุกคนที่มีต่อนางได้ นางเองก็ต้องเรียนรู้จากหล
รองประมุขเฉินกับประมุขซุนประกาศว่าการแข่งขันทั้งสองรายการจะแข่งขันในเวลาเดียวกันหลิงอวี๋กับอันซินยอมรับมันอย่างมีความสุขแต่จูเหวินกับลั่วอวี้จูกลับตะโกนอย่างไม่พอใจ“องค์หญิงหก หากการแข่งขันทั้งสองรายการจะจัดขึ้นในเวลาเดียวกัน เราก็มิได้ว่ากระไร แต่จะนับการลงโทษเยี่ยงไรเล่า? หากอันดับสุดท้ายดื่มสุราลงโทษเพียงสามจอกมันจะเบาเกินไปกระมัง!”เซียวทงรู้ดีว่าพวกนางกลัวว่าหากหลิงอวี๋แพ้แล้วจะได้ดื่มสุราลงโทษเพียงสามจอก ไม่ต้องใส่ชุดกระโปรงเต้นรำ นางจึงยิ้มพลางเอ่ย“ในเมื่อการแข่งขันทั้งสองจัดขึ้นในเวลาเดียวกัน เช่นนั้นบทลงโทษก็ย่อมมิใช่แค่ดื่มสุราลงโทษสามจอกแล้ว ตามกฎเมื่อครู่ คนที่ได้อันดับสุดท้ายบทลงโทษจะเพิ่มเป็นสองเท่า และต้องสวมชุดกระโปรงนั้นเต้นรำด้วย!”ลั่วอวี้จูเหลือบมองพวกองค์ชายที่ขึ้นมาดูหมากล้อมบนเวทีเมื่อครู่แล้วยังไม่ลงจากเวที โดยเฉพาะเซียวหลินเทียนพลางเอ่ย“องค์หญิง ในเมื่อเป็นกฎ เช่นนั้นผู้แพ้จะไม่สามารถหาข้อแก้ตัวเพื่อหลบหนีการลงโทษได้นะ!”เมื่อฮูหยินลั่วแม่ของลั่วอวี้จูเห็นสิ่งนี้ ก็อยากจะกอบกู้ที่บุตรีของตนทำให้เสียหน้าก่อนหน้านี้ จึงเอ่ยขึ้นมาอย่างคลุมเครือเช่นกัน
องค์ชายสามรุ่ยเป็นคนสุภาพเรียบร้อย เขามิได้โดดเด่นมากนักในบรรดาองค์ชาย เห็นได้ชัดว่าดูธรรมดามากเพราะองค์ชายสามมิได้มีแม่เป็นฮองเฮาเว่ยเยี่ยงองค์ชายใหญ่ และไม่ได้มีภูมิหลังทางครอบครัวร่ำรวยเยี่ยงพระชายาเส้าแม่ขององค์ชายสอง!เบื้องหลังขององค์ชายห้าก็มีพระสนมฮุ่ย หรือแม้แต่เซียวหลินเทียน แม้ว่าพระสนมอวิ๋นจะตายไปแล้ว แต่เพราะก่อนตายพระสนมอวิ๋นเฟยเป็นที่โปรดปรานจักรพรรดิอู่อัน เซียวหลินเทียนจึงอยู่ในสายตาของจักรพรรดิอู่อันมาโดยตลอด!มีเพียงองค์ชายสามเท่านั้นที่ไม่มีภูมิหลังทางครอบครัวและไม่มีผู้อยู่เบื้องหลัง!เพราะว่าแม่ของเขาไม่มีแม้แต่ตำแหน่งพระสนม นางเป็นสตรีธรรมดาสามัญที่ดูโดดเด่นคนหนึ่งที่จักรพรรดิอู่อันตกหลุมรักเมื่อเขาออกไปข้างนอกจักรพรรดิอู่อันพานางกลับมาที่วัง แต่ในวังมีสตรีงดงามโดดเด่นอยู่มากมาย ทันทีที่ความรู้สึกแปลกใหม่หมดไป จักรพรรดิอู่อันก็ลืมนางไปแม่ขององค์ชายสามให้กำเนิดเขาได้ไม่กี่ปี ก็เสียชีวิตเพราะเศร้าหมองจากการมิได้รับความโปรดปรานหากมิใช่เพราะการไหว้บรรพบุรุษประจำปีกับงานเลี้ยงในวังที่องค์ชายสามจะต้องเข้าร่วม แม้แต่จักรพรรดิอู่อันเองก็จำไม่ได้แล้วว่าเขายังมี
หลิงอวี๋เหลือบมองนางกำนัลอย่างไม่แยแส ยิ้มเย็นชา และยังคงไม่ลงมือทุกคนด้านล่างเห็นดังนั้นก็พูดคุยกันอย่างเงียบ ๆ “มิใช่ว่าพระชายาอ๋องอี้มิรู้การเขียนอักษรศิลป์กับวาดภาพจริง ๆ หรอกกระมัง! เวลามีเพียงธูปดอกเดียวเท่านั้นเอง หากนางมิลงมือก็มิทันแล้ว!”พวกคุณชายตระกูลจ้าวก็เอ่ยขึ้นมาอย่างไม่เกรงกลัวเช่นกันมีคนเอ่ยขึ้นมา “พระชายาคังลูกพี่ลูกน้องของข้าเริ่มเรียนดนตรี หมากล้อม อักษรศิลป์และการวาดภาพมาตั้งแต่เด็ก จนถึงวันนี้ยังไม่มีสตรีใดเก่งเกินนางได้เลย!”“พระชายาอ๋องอี้ผู้นี้เมื่อครู่ก็แค่มีโชคถึงเอาชนะนางได้ พอเอาเข้าจริงก็ขี้ขลาด!”อีกคนเอ่ยขึ้นมาอีก “พระชายาอ๋องอี้มิเคยเรียนอักษรศิลป์และการวาดภาพจากผู้ใดเลย ยังกล้ามาแสดงฝีมือต่อหน้าผู้ที่เชี่ยวชาญอีก ช่างน่าขำเสียจริง!”“การเรียนอักษรศิลป์และการวาดภาพต้องจิตใจสงบ หากมิสั่งสมมาเป็นสิบปีก็เขียนได้มิดีหรอก!”“พวกเจ้าลองนึกดูสิว่าช่วงหลายปีมานี้พระชายาอ๋องอี้ทำสิ่งใด นางใช้เวลาทั้งหมดไปกับการไล่ตามบุรุษ และจับจ่ายซื้ออาภรณ์เครื่องประดับ นางจักเขียนอักษรศิลป์และวาดภาพได้เยี่ยงไรกัน!”“ฮ่า ๆ...”พอคุณชายตระกูลจ้าวพูด คุณชายหลายคนก็
“หว่านเอ๋อร์ มิต้องหรอก เจ้ารีบวาดเถิด ข้าแก้ไขได้!”หลิงอวี๋ไม่อยากถ่วงเวลาของหลิงหว่าน จึงทำท่าทางให้กำลังใจนาง“หว่านเอ๋อร์สู้ ๆ เรามาพยายามไปด้วยกันนะ!”เมื่อเห็นธูปเผาไหม้ไปอย่างไร้ความปรานี หลิงหว่านก็หายใจเข้าลึก ๆ แล้วรีบก้มหน้าวาดภาพคนตระกูลหลิงจะแพ้ทุกอย่างไม่ได้ อย่างไรนางก็จะต่อสู้เพื่อตระกูลหลิง!“ขอโทษพระชายาอ๋องอี้ เมื่อครู่บ่าวมือลื่นเจ้าค่ะ!”นางกำนัลเห็นว่าหลิงอวี๋เปลี่ยนกระดาษไม่ได้ก็ยิ้มอย่างภาคภูมิใจ แล้วจะฝนหมึกให้หลิงอวี๋อีกครั้งเซียวหลินเทียนเห็นภาพนี้ก็หัวเราะออกมาทันที แต่รอยยิ้มนั้นไม่มีความอบอุ่นอยู่เลย“เหอะ ๆ… นางกำนัลของน้องหกนี่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีจริง ๆ!”“วันนี้มือลื่นทำลายกระดาษของพระชายาอ๋องอี้ได้ วันข้างหน้าก็มือลื่นฆ่าน้องหกได้กระมัง… นางกำนัลเช่นนี้มิต้องมีหรอก ลู่หนาน หักมือของนางเสีย!”ยังมิทันที่องค์หญิงหกจะได้โต้ตอบ ลู่หนานก็พุ่งเข้าไป ยกมือไปบีบข้อมือของนางกำนัลแล้วทันใดนั้น คนที่วาดภาพอยู่บนเวทีทั้งหมดก็ได้ยินเสียงกระดูกของนางกำนัลหัก“พี่… พี่สี่… ผู้ใดให้พี่มาแตะต้องนางกำนัลของข้า!”เซียวทงกระโดดขึ้นด้วยความโกรธเซียวหล
หลิงอวี๋กำลังยุ่งอยู่กับการวาดภาพ ทุกคนเห็นเพียงว่าประเดี๋ยวนางก็ฝนหมึก ประเดี๋ยวนางก็ใช้พู่กันที่หักมาวาดภาพเซียวหลินเทียนมิกล้ามอง เขาเลิกหวังว่าหลิงอวี๋จะเป็นผู้ชนะแล้ว เขาแค่คิดว่าอีกประเดี๋ยวจะช่วยหลิงอวี๋แก้ไขปัญหาเรื่องสวมกระโปรงนั้นได้เยี่ยงไร!ฮูหยินลั่วรู้สึกภูมิใจ แล้วยิ้มให้ฮูหยินที่อยู่รอบ ๆ พลางเอ่ย“พระชายาอ๋องอี้ผู้นี้นี่จริง ๆ เลย แพ้ก็ยอมรับความพ่ายแพ้ไปเสียสิ เหตุใดจึงต้องทนยื้อต่อไปเล่า!”“น่าสงสารนางกำนัลผู้นั้น นางก็มิได้ตั้งใจ แต่ถูกท่านอ๋องอี้หักมือไปแล้ว… ท่านอ๋องอี้คงจะแพ้ไม่เป็นจึงได้กริ้ว!”มีฮูหยินคนหนึ่งมิกล้าพูดวาจาไม่ดีกับท่านอ๋องอี้ จึงเออออตามไป“พระชายาอ๋องอี้ไม่รู้ตัวเอง มิเกี่ยวอะไรกับท่านอ๋องอี้ คาดว่าท่านอ๋องอี้คงมิอยากให้นางทำให้พระองค์อับอาย!”พระสนมหรงได้ยินคำพูดของทั้งสองคนก็หัวเราะเยาะพลางเอ่ย“เทียนเอ๋อร์ของข้าถูกหลิงอวี๋ทำลายชื่อเสียงไปมากแล้ว พวกเจ้าอย่าเอาพวกเขาไปเหมารวมกันเลย เทียนเอ๋อร์ก็คือเทียนเอ๋อร์ นางก็คือนาง!”ฮูหยินลั่วมองพระสนมหรง แล้วจู่ ๆ ดวงตาก็เป็นประกายประเดี๋ยวหากหลิงอวี๋แพ้ก็ต้องสวมกระโปรงเช่นนั้นเต้นรำแล้วทำใ
รองแม่ทัพจางยังคงกล่าวพลางยิ้มแย้ม “ท่านหญิงฉางเล่อมามิถูกจังหวะ วันนี้ฮองเฮาพร้อมด้วยท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นพาคุณชายน้อยทั้งหลายเสด็จไปชมดอกไม้ที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์พ่ะย่ะค่ะ!”ว่ากระไรนะ?หลงเพ่ยเพ่ยนิ่งอึ้งไป ท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นล้วนเป็นธิดาของเจ้าแห่งทะเล และเป็นลูกพี่ลูกน้องของหลงเพ่ยเพ่ยด้วยเหตุใดพวกนางถึงมิไปชมดอกไม้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้เล่า แต่กลับเลือกไปชมดอกไม้ในตอนที่ตนต้องการความช่วยเหลือจากเสด็จย่าพอดีนี่น่ะหรือ?“ไปนานเท่าใดแล้ว?”หลงเพ่ยเพ่ยสงสัยว่านี่เป็นการจัดฉากโดยเจตนาของชายาเจ้าแห่งทะเล“สองชั่วยามแล้วพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้น่าจะอยู่ในภูเขาศักดิ์สิทธิ์แล้วขอรับ!”รองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้มหลงเพ่ยเพ่ยอยากจะชกหน้ายิ้ม ๆ ของรองแม่ทัพจางเสียสักหมัด เหตุใดนางมองรอยยิ้มของรองแม่ทัพจางแล้วเหมือนกำลังสมน้ำหน้าตนอยู่เลยเล่า“เจ้ามิได้หลอกข้าใช่หรือไม่?”หลงเพ่ยเพ่ยถามเสียงเย็นรองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้ม “ท่านหญิงฉางเล่อพูดเล่นแล้ว ไหนเลยข้าน้อยจะกล้าหลอกท่านหญิง! หากมิเชื่อท่านลองถามใครดูก็ได้ว่าที่ข้าน้อยพูดเป็นเรื่องจริงหรือไม่!”“หากท่านหญิงมีธุระด่วนจร
หลิงอวี๋ฟังแล้วก็อดอมยิ้มมิได้ เซียวหลินเทียนใช้คนตระกูลเก๋อมาจัดการชายาเจ้าแห่งทะเล กลอุบายนี้ช่างเด็ดขาดนักรถม้ามาถึงจวนเจ้าแห่งทะเล เมื่อหลิงอวี๋ลงจากรถก็มองไปยังคฤหาสน์หลังใหม่ที่กำลังก่อสร้างอีกครั้ง กำแพงล้อมรอบสร้างเสร็จแล้ว ดูจากขนาดแล้วใหญ่โตมากจริง ๆนางอดสงสัยมิได้ ข้างในมีเรือนบุหงาแบบเดียวกับตำหนักอ๋องอี้ของตนอย่างที่เถาจื่อบอกจริงหรือ?นางอยากเข้าไปดู อยากเห็นเหลือเกินว่าบ้านในอดีตของตนเป็นอย่างไร!“คุณหนูสิง เชิญ!”พ่อบ้านเว่ยเห็นหลิงอวี๋มองคฤหาสน์ฝั่งตรงข้ามก็ร้องเรียกอย่างมิอดทนหลิงอวี๋หันกลับมา เห็นประตูใหญ่หนาทึบของจวนเจ้าแห่งทะเลเปิดอ้าอยู่ ข้างในลานเรือนซับซ้อนลึกล้ำ มองสุดตามิเห็นปลายทางนี่คือที่ที่เต็มไปด้วยอันตรายโดยแท้!หลิงอวี๋ลอบสูดหายใจลึก ๆ แล้วเดินเข้าไป“ปัง!”ประตูใหญ่หนาทึบปิดลงด้านหลังนางหลิงอวี๋มิได้หันกลับไปมอง เพราะนั่นจะดูมิสง่างามนางรอให้พ่อบ้านเว่ยนำทางอยู่ข้างหน้า เพื่อหลีกเลี่ยงการเดินผิดทางแล้วถูกพ่อบ้านเว่ยหาเรื่องผิดพลาดมาตำหนิขณะเดียวกัน หลงเพ่ยเพ่ยก็ได้พาเย่หรงมุ่งหน้าไปยังวังหลวงแล้ว“อุบายนี้ของชายาเจ้าแห่งทะเลช่างร้า
จวนเจ้าแห่งทะเลตั้งอยู่ในย่านคหบดีและสูงศักดิ์ของเมืองหลวงแดนเทพ อันที่จริงอยู่ห่างจากคฤหาสน์อู่เพียงมิกี่ช่วงถนนเท่านั้นรถม้าวิ่งไปตามทางเรื่อย ๆ เถาจื่อพลันนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงกระซิบข้างหูหลิงอวี๋เบา ๆ“คุณหนู อีกประเดี๋ยวท่านจะเห็นคฤหาสน์หลังใหญ่ที่กำลังสร้างอยู่ตรงข้ามจวนเจ้าแห่งทะเล ที่นั่นฝ่าบาททรงสร้างให้ท่านเจ้าค่ะ!”“คราแรกที่พวกเรามาตามหาท่านในเมืองหลวงแดนเทพนั้นมิรู้ว่าจะต้องเสียเวลานานเท่าใด ฝ่าบาทจึงทรงให้สือหรงซื้อคฤหาสน์แถวนี้ไว้ล่วงหน้าแล้วรื้อสร้างใหม่ทั้งหมด!”“ฝ่าบาทตรัสว่า เจ้าแห่งทะเลคือบิดาของท่าน ในเมื่อเขามิยอมรับท่าน ฝ่าบาทก็จะทำให้เขาเห็นว่า ใช่ว่าท่านไม่มีบ้านเสียหน่อย แม้จวนเจ้าแห่งทะเลไม่มีที่ให้ท่าน ฝ่าบาทก็จะสร้างจวนหลังที่ใหญ่กว่าจวนเจ้าแห่งทะเลให้!”“คุณหนู ข้างในมีเรือนหลังหนึ่ง สร้างตามแบบเรือนบุหงาที่ตำหนักอ๋องอี้ในฉินตะวันตกของท่านไม่มีผิดเพี้ยน หากท่านได้เห็นจะต้องชอบอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ!”ก่อนหน้านี้หลิงอวี๋เคยได้ยินเผยอวี้พูดถึงคฤหาสน์หลังใหม่ที่พวกเขาสร้างแล้ว ตอนนั้นยังรู้สึกแปลกใจว่าเซียวหลินเทียนคิดจะอยู่เมืองหลวงแดนเทพเป็นการถาวรหรืออย่
วิธีนี้ของหลิงอวี๋เป็นวิธีเดียวที่จะช่วยนางได้ในยามนี้ ด้วยเซียวหลินเทียนและคนอื่น ๆ ก็ยังคิดหาวิธีที่ดีกว่านี้มิออกเย่หรงกล่าวขึ้นทันที “ข้าจะไปหาหลงเพ่ยเพ่ย บอกนางมิต้องมาแล้ว ให้เข้าวังไปทูลขอเข้าเฝ้าฮองเฮาได้เลย!”“พี่หญิงหลิงหลิง ท่านต้องยื้อจนกว่าพวกเราจะมาช่วยท่านให้ได้นะ!”พูดจบ เย่หรงก็รีบร้อนออกไปเก๋อเฟิ่งฉิงมองหลิงอวี๋ด้วยสายตาซับซ้อน นางหวังให้หลิงอวี๋เข้าจวนเจ้าแห่งทะเลไปแล้วออกมามิได้แต่เรื่องนี้ก็พัวพันถึงความเป็นความตายของเซียวหลินเทียน นางมิอยากให้เซียวหลินเทียนต้องเกิดเรื่อง!ช่างขัดแย้งในใจเสียจริง!“อาอวี๋ เจ้าไปก่อนเถอะ... วางใจได้ ต่อให้ต้องก่อความวุ่นวายครั้งใหญ่ในเมืองหลวงแดนเทพ ข้าก็จะพาเจ้ากลับบ้านให้ได้!”เซียวหลินเทียนกล่าวอย่างหนักแน่นเขายังมีแผ่นป้ายไม้ที่ขันทีโม่ให้มา สามารถใช้ขอความช่วยเหลือจากแม่ทัพฝ่ายซ้ายได้ เซียวหลินเทียนตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะใช้แผ่นป้ายไม้นี้ช่วยหลิงอวี๋ขันทีโม่เคยบอกว่า เพียงอาศัยแผ่นป้ายไม้นี้ ก็สามารถทำให้แม่ทัพฝ่ายซ้ายช่วยตนทำเรื่องหนึ่งเรื่องได้หากแม่ทัพฝ่ายซ้ายสามารถช่วยคนได้เพียงคนเดียว เช่นนั้นเขาก็ยอมตายเ
เผยอวี้และคนอื่น ๆ ต่างมองหน้ากันอย่างจนปัญญา นึกว่ามหาปราชญ์และเจ้าแห่งทะเลกลับไปแล้วพวกตนจะรอดพ้นจากครั้งนี้ไปได้ คาดมิถึงว่าชายาเจ้าแห่งทะเลจะใช้ไม้นี้อีกภายนอกดูเหมือนเป็นการเชิญ แต่จริง ๆ แล้วจะปฏิเสธมิไปได้หรือ?เซียวหลินเทียนสามารถแสร้งป่วยได้ แต่หลิงอวี๋เพิ่งจะปรากฏตัวต่อหน้าเจ้าแห่งทะเลไปเมื่อครู่ ตอนนี้ย่อมมิอาจใช้การแสร้งป่วยมาหลีกเลี่ยงได้อีกแล้ว“บอกไปว่าคุณหนูสิงกำลังรักษาอาการป่วยให้ข้าอยู่ เดี๋ยวค่อยไป!”ในสถานการณ์กะทันหันเช่นนี้เซียวหลินเทียนทำได้เพียงถ่วงเวลาไปก่อนแล้วค่อยคิดหาวิธี“เผยอวี้ เจ้าส่งคนไปแจ้งหลงเพ่ยเพ่ยกับเจ้าแห่งทิศใต้ ให้หลงเพ่ยเพ่ยไปเป็นเพื่อนอาอวี๋!”เป็นเรื่องความเป็นความตายของหลิงอวี๋ เผยอวี้รีบให้คนไปแจ้งหลงเพ่ยเพ่ยทันทีหลิงอวี๋นิ่งเงียบ นั่งคิดอยู่ข้าง ๆเพื่อชิงหยกหล้าสุขาวดีกลับคืนมา ในเวลานั้นชายาเจ้าแห่งทะเลสามารถลงมืออำมหิตกับหลานฮุ่ยจวนที่กำลังตั้งครรภ์ได้ครั้งนี้นางส่งพ่อบ้านมาเชิญตนไปจวนเจ้าแห่งทะเล พูดไปพูดมาก็เพื่อหยกหล้าสุขาวดีบนตัวนางนั่นเองส่วนการที่จะนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาได้นั้นต้องใช้วิธีสลายโลหิตละลายกระดูก หรือว่าช
หลิงอวี๋เดินกลับเข้ามา และบังเอิญได้ยินคำพูดของเย่ซงเฉิงเข้าพอดี“พวกเราต้องเตรียมรับมือสำหรับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด หากหวงฝู่หลินกลับไปแล้ว มิสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ถึงกาลนั้นใครจะมารับมือการแก้แค้นของฝูไห่ต่อตระกูลหลงและตระกูลอื่น ๆ อีกหลายตระกูลเล่า?”เจ้าแห่งทิศใต้มองไปยังเย่หรง และกล่าวเสียงเข้ม “เลี่ยวหงเสีย มารดาของเย่หรงอาจจะรู้วิธี!”“ปรมาจารย์เย่ ก่อนหน้านี้ข้าอยากจะพบเลี่ยวหงเสียเพื่อสอบถามสถานการณ์จึงไปที่คุกน้ำมา แต่ข้ากลับมิสามารถพบนางได้!”“คำกล่าวของท่านมีน้ำหนักเมื่ออยู่ต่อหน้าพระพักตร์เสด็จพ่อ บางทีท่านอาจจะสามารถทูลขอเสด็จพ่อให้ทรงอนุญาตท่านเข้าพบเลี่ยวหงเสียได้!”เย่ซงเฉิงขมวดคิ้ว “เจ้าแห่งทิศใต้ก็มิสามารถพบเลี่ยวหงเสียได้เช่นกันหรือพ่ะย่ะค่ะ?”เจ้าแห่งทิศใต้พยักหน้า “แม่ทัพหลี่ผู้เฝ้าประตูบอกว่า นอกเสียจากจะมีพระราชโองการของมหาเทพ มิฉะนั้นก็มิอนุญาตให้ข้าพบเลี่ยวหงเสีย!”เย่ซงเฉิงยิ้มอย่างขมขื่น “เรื่องนี้ข้าน้อยเคยทูลต่อเสด็จพ่อของท่านแล้ว เสด็จพ่อของท่านมิทรงยินยอม ความนับหน้าถือตาของตาเฒ่าผู้นี้ใช้มิได้ผลต่อหน้าพระพักตร์เสด็จพ่อของท่านแล้ว!”ทุกคนต่
หวงฝู่หลินมิรู้จักคนทั้งสองนี้เลย คิดอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “ตอนนั้นนอกจากพวกท่านกับตระกูลเฉียวแล้ว ก็มีคนของตระกูลจงเจิ้งที่เข้าไปในภูเขาหิมะ ข้ามิเห็นคนทั้งสองที่ท่านพูดถึงในภูเขาหิมะ!”“บางทีปี้ซงอาจจะเคยเห็น เดี๋ยวลองเรียกเขามาถามดู!”เผยอวี้จึงไปเรียกปี้ซงมาอีกครั้งปี้ซงอุ้มหวงฝู่หมิงจูเข้ามา หลิงอวี๋ก็รับนางมาอุ้มไว้เซียวหลินเทียนมองหวงฝู่หมิงจูกอดคอหลิงอวี๋ด้วยท่าทางสนิทสนม ในใจรู้สึกซับซ้อนอย่างบอกมิถูกหวงฝู่หลินเล่าคำถามให้ปี้ซงฟังอีกครั้งปี้ซงคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “ชายชราผู้นั้นข้าพอจำได้ราง ๆ ตอนนั้นเขาเดินวนเวียนอยู่ในภูเขาหิมะอยู่หลายวัน ต่อมาก็จากไป ข้าคิดว่าเขาไม่มีอันตรายอะไรจึงมิได้ใส่ใจ!”“ส่วนแม่นมอู ข้าไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับนางเลย มิเคยเห็นนางในภูเขาหิมะ!”เก๋อเฟิ่งฉิงยืนฟังอยู่ข้าง ๆ ตลอด ได้ยินดังนั้นก็กล่าวว่า “อันที่จริงตอนนั้นที่ภูเขาหิมะ นอกจากพวกเราแล้ว น่าจะยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่ง”“ข้าก็มาพบพวกนางหลังจากลงจากเขาแล้ว ตอนนั้นยังคิดว่าพวกนางแค่ผ่านทางมา แต่พอลองคิดดูตอนนี้ พวกนางต้องเคยไปภูเขาหิมะแน่นอน แม่นมอูน่าจะถูกพวกนางพาตัวไป!”“พวกเข
เมื่อฟังคำพูดของเย่ซงเฉิงจบ หลิงอวี๋ หลงเพ่ยเพ่ยและเผยอวี้ก็ร้องอุทานออกมาพร้อมกัน“เจ้าสำนักซิงหลัวเป็นสตรี! หรือว่านางคือตงกู่อวี้ที่กลับชาติมาเกิด?”หวงฝู่หลินก็นึกขึ้นได้ ตอนที่ทุกคนรุมล้อมโจมตีเจ้าสำนักซิงหลัว เผยอวี้ใช้กระบี่เดียวตัดเชือกรัดผมที่มัดผมของเจ้าสำนักซิงหลัวขาดตอนนั้นผมสลวยของนางสยายลงมาบดบังดวงตาของนางทุกคนมัวแต่ยุ่งอยู่กับการรับมือ จึงมิทันได้คิดให้ลึกซึ้งเมื่อเย่ซงเฉิงพูดเช่นนี้ ทุกคนจึงได้นึกถึงสภาพการณ์ในยามนั้นขึ้นมา“ตงกู่อวี้กลับชาติมาเกิดจริง ๆ หรือ?”ในฐานะลูกหลานตระกูลหลง เจ้าแห่งทิศใต้จะมิรู้ได้อย่างไรว่าในใต้หล้านี้มีวิชาลับเช่นนี้อยู่จริง ทันใดนั้นก็ตกใจจนเหงื่อเย็นไหลซึมหลงจิ้งและหลงเพ่ยเพ่ยก็ตกใจเช่นกัน วรยุทธ์ของสตรีนางนั้นสูงส่งกว่ามหาปราชญ์เสียอีก แต่ก่อนหน้านี้พวกเขามิเคยรู้มาก่อนเลยว่าสำนักซิงหลัวยังมียอดฝีมือเช่นนี้อยู่“ท่านพ่อ ยามนั้นเจ้าวังหวงฝู่พร้อมด้วยท่านเซียวและพวกเราช่วยกันรุมล้อมโจมตีนางก็ยังมิสามารถสังหารนางได้ ลูกดูจากวรยุทธ์ของนางแล้ว เกรงว่าจะมีเพียงท่านอาเจ้าแห่งทะเลเท่านั้นที่พอจะต่อกรกับนางได้!”หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวด้วย
หลงจิ้งยังคงยากที่จะเชื่อ “คำพูดของตระกูลเหล่านั้นก็มิได้ผลหรือพ่ะย่ะค่ะ?”เจ้าแห่งทิศใต้ส่ายหน้าอย่างหดหู่ “เสด็จปู่ของเจ้าตรัสว่าจะตรวจสอบให้ จึงส่งเจ้าแห่งทะเลไปตรวจสอบ แต่ผลที่ได้จากเจ้าแห่งทะเลก็มิสามารถสรุปอะไรได้เลย หรือกระทั่ง...”กระทั่งเจ้าแห่งทะเลอาจจะใช้ขี้ผึ้งหอม ควบคุมบุตรหลานของตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือตนเอง!เซียวหลินเทียน หลงจิ้งและหลิงอวี๋ต่างก็เข้าใจความหมายที่เจ้าแห่งทิศใต้ยังพูดมิจบใจของหลงจิ้งพลันหล่นวูบ เช่นนั้นเรื่องที่ตนไปเผาขี้ผึ้งหอมก็เท่ากับมิได้ช่วยใครเลย กลับยิ่งทำให้อำนาจของเจ้าแห่งทะเลเพิ่มทวีคูณขึ้นงั้นหรือ?หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวอย่างมิยอม “หรือว่าหัวหน้าตระกูลใหญ่เหล่านั้นล้วนเลอะเลือนไปแล้ว? ไยจึงปล่อยให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลควบคุมชะตากรรมของพวกเขาเช่นนี้?”เซียวหลินเทียนขมวดคิ้ว มิน่าแปลกใจที่เมื่อครู่เจ้าแห่งทะเลยอมถอยกลับไปง่าย ๆ ที่แท้ก็มีแผนการเช่นนี้เองก่อนที่จะควบคุมตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือ เจ้าแห่งทะเลย่อมมิอาจแตกหักกับเจ้าแห่งทิศใต้ได้ในยามนี้แต่เมื่อใดที่เขาควบคุมตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือได้แล้ว เจ้าแห่งทะเลย่อมมิปล่อยเจ้าแห่งทิศใต