เซียวหลินเทียนยังคงเอ่ยถามอย่างใจเย็น “เช่นนั้นแม่นมจูรู้หรือไม่ว่าหลิงอวี๋มิได้กลับเรือนตอนกลางคืนนั้น นางไปพบใคร?”“แม่นมจูบอกว่ามิรู้ แต่นางมีหลักฐานพ่ะย่ะค่ะ...”จ้าวซวนหยิบจดหมายออกมาส่งให้เซียวหลินเทียนเซียวหลินเทียนรับมาเอาออกมาดู มันเป็นจดหมายของจางเฉินเหนียน เป็นจดหมายรัก...ในจดหมายไม่มีการเรียกชื่อ เนื้อหาข้างในเต็มไปด้วยคำรัก มันเลี่ยนเกินกว่าจะอ่านได้!เขามองอย่างรังเกียจ พวกคำที่บอกข้าชอบมองรอยยิ้มของเจ้า ตั้งแต่ที่ชอบเจ้า เรื่องอื่น ๆ ก็ไม่สำคัญ เพราะหัวใจของข้าถูกเจ้าครอบครองไปแล้ว...ช่วงนี้เซียวหลินเทียนคุ้นเคยกับลายมือของหลิงอวี๋มาก แค่มองปราดเดียวก็ยืนยันได้เลยว่าเป็นลายมือของหลิงอวี๋เขาขยำจดหมายอย่างโมโห!หลิงอวี๋ เจ้ากล้าทำเรื่องน่าอับอายเช่นนี้กับข้าหรือ!!เมื่อเซียวหลินเทียนนึกถึงที่หลิงอวี๋พาลูกของคนอื่นมาแต่งงานกับเขา ก็โกรธมากจนอยากจะบีบคอหลิงอวี๋ให้ตายยังมิทันที่เขาจะคิดว่าจะทำเยี่ยงไรกับหลิงอวี๋ดี องครักษ์ก็ตะโกนจากข้างนอก “พระชายามาแล้ว...”ทันทีที่จ้าวซวนได้ยินสิ่งนี้ก็เอ่ยอย่างกังวลใจ “ท่านอ๋อง เวลานี้ยังมิใช่เวลาชำระบัญชีกับหลิงอวี๋! ท่านอ
เป็นเวลาสองวันแล้วที่หลิงอวี๋มิได้ไปที่เรือนริมวารี ในทุกวันนางจะพาหลิงซวนกับเถาจื่อไปนั่งตรวจที่โรงเหยียนหลิง หรือไปซื้อเครื่องยาสมุนไพรกับเกิ่งเสี่ยวหาวการค้าของเกิ่งเสี่ยวหาวเริ่มเป็นรูปเป็นร่างแล้ว เขาไม่เพียงแต่คุ้นเคยกับทุกหมู่บ้านภายในรัศมีร้อยลี้จากเมืองหลวงเท่านั้น เขายังคุ้นเคยกับเครื่องยาสมุนไพรที่มีในภูเขาทุกแห่งในพื้นที่ด้วย“ท่านพี่ คราที่ข้าออกไปเดินดูรอบ ๆ ถึงได้พบว่าใต้หล้านี้กว้างใหญ่มาก มีคนยากจนมากมาย สงครามในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ทำลายบ้านเรือนของผู้คนไปมิน้อยเลย!”“ท่านพี่ต้องไม่เชื่อแน่ ๆ ว่าบางคนยังอาศัยอยู่ในถ้ำอยู่เลย! ชีวิตของพวกเขายากลำบากนัก!”เกิ่งเสี่ยวหาวถอนหายใจพลางเอ่ย “ข้าอยากช่วยเหลือพวกเขา แต่ข้าก็ช่วยคนมากถึงเพียงนั้นมิได้!”พอได้ยินสิ่งนี้หลิงอวี๋จึงเอ่ย “ถ้าอย่างนั้นสามารถช่วยได้เท่าไหร่ก็เท่านั้นเลย! อีกอย่าง เสี่ยวหาว การหาปลามาให้เขากินนั้นมิดีเท่าสอนเขาตกปลาหรอก...”หลิงอวี๋เห็นว่าเกิ่งเสี่ยวหาวไม่เข้าใจ จึงอธิบายอย่างเข้าใจง่ายให้เขาฟัง“เจ้าช่วยพวกเขา ให้เงินพวกเขา แต่เงินมันก็ต้องหมดไป แต่หากเจ้าสอนวิธีหาเงินกับพวกเขา นั่นต่างหากที
“ท่านเอ้อร์!”หลิงอวี๋เดินเข้าไป ถึงได้พบว่านอกจากท่านกวนเอ้อร์แล้ว ยังมีผู้คุ้มกันที่แข็งแกร่งอีกสองคนอยู่ข้างในด้วย“พระชายาอ๋องอี้เชิญนั่งเถิด!”พอท่านกวนเอ้อร์เห็นหลิงอวี๋มองผู้คุ้มกันทั้งสอง ก็เอ่ยขึ้นมา “นี่คือคนสนิทของข้า พระชายาอย่าได้ถือสา!”“อ๋อ!”หลิงอวี๋นั่งลง พลางเอ่ยถาม “ท่านเอ้อร์ ยาแก้พิษที่ข้าส่งไปให้มิได้ผลหรือ?”“พระชายาวางใจได้ ยาแก้พิษนั้นดีมาก นายท่านกวนสบายดีแล้ว!”ท่านกวนเอ้อร์ยิ้มเล็กน้อย ผู้คุ้มกันคนหนึ่งเดินเข้ามารินน้ำชาให้ทั้งสองคน“พระชายา ที่แซ่กวนมาที่นี่ในวันนี้ก็ตั้งใจมาขอบคุณพระชายาขอรับ! หากไม่มีพระชายา นายท่านก็คงอยู่ได้ไม่นาน!”“นี่เป็นของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อแสดงความเคารพต่อพระชายา พระชายาโปรดรับไว้ด้วยเถิด!”ท่านกวนเอ้อร์หยิบกล่องหนึ่งกล่องออกมา แล้วผลักมาให้หลิงอวี๋หลิงอวี๋รีบเอ่ย “ท่านเอ้อร์เกรงใจกันเกินไป เท่านให้รางวัลข้ามาแล้ว หลิงอวี๋มีหรือจักต้องการมากมาย! ท่านเอ้อร์เก็บกลับไปเถิด!”ท่านกวนเอ้อร์ไม่คะยั้นคะยอ ยิ้มพลางเอ่ย “ข้าให้คนยกอาหารมาแล้ว พระชายาดื่มชาก่อนเถิด อีกเดี๋ยวก็เสร็จแล้ว!”หลิงอวี๋เหนื่อยมาทั้งวัน นางจึงหยิบ
“หลิงอวี๋… นังสารเลว!”กวนอิ่งพุ่งเข้ามาด้วยท่าทางดุดัน ยกมือขึ้นแล้วเหวี่ยงไปที่หน้าหลิงอวี๋อย่างแรงขณะที่หลิงอวี๋กำลังจะหลบ ผู้คุ้มกันสองคนก็คว้าแขนของนางไว้เพียะ เพียะ เพียะ…กวนอิ่งง้างมือซ้ายทีขวาด้วยความโกรธ แล้วตบไปหลายครั้งจนหลิงอวี๋เวียนหัว“หมาบ้า เจ้าบ้าไปแล้วหรือ? กล้าทุบตีข้า เจ้าไม่กลัวว่าข้าจะลงโทษเจ้ารึ?”หลิงอวี๋มึนงง นางกับกวนอิ่งมีความแค้นกันฝังลึกแค่ไหนกัน กวนอิ่งถึงได้บ้าถึงเพียงนี้?“เจ้าทำอะไร? เจ้ามิรู้รึ? เจ้าทำร้ายข้า… ข้าจักมิเสียเวลาพูดกับเจ้าอีก...”กวนอิ่งจิกผมของหลิงอวี๋พลางเอ่ยอย่างชั่วร้าย“วันนี้ข้าจักทำให้เจ้ารู้ว่าอะไรที่เรียกว่าตายทั้งเป็น!”“สำหรับความเจ็บปวดที่ข้าได้รับ ข้าจักทำให้เจ้าชดใช้เป็นสิบเท่าร้อยเท่า!”กวนอิ่งเตะเข่าของหลิงอวี๋อย่างแรง หลิงอวี๋จึงคุกเข่าลงด้วยความเจ็บปวด“กวนอิ่ง เจ้าทำบ้าอะไร? เซียวหลินเทียนไม่มีทางปล่อยเจ้าไปแน่!”หลิงอวี๋ตะคอกด้วยความโกรธ “กวนอิ่ง เจ้ากล้ามีเรื่องกับข้าเช่นนี้ ข้าไม่มีทางปล่อยเจ้าไปแน่นอน!”“เอายาให้นาง!”“สารเลว! หากเจ้ามีชีวิตอยู่รอดพ้นคืนนี้ไปได้ เจ้าค่อยมาพูดคำโหดร้ายเช่นนี้ใหม่!”
“ท่านแม่ ผู้หญิงคนนี้คุณหนูใหญ่สั่งเป็นการส่วนตัวว่าให้ดูแลให้ดี คืนนี้อย่าปล่อยให้นางอยู่เฉย ๆ…”เสียงหัวเราะลามกของผู้คุ้มกันมาจากประตูหลิงอวี๋ลืมตาขึ้น เห็นว่าผู้คุ้มกันหันหลังให้ตน นางรีบเข้าไปในมิติ หยิบเข็มยาสลบและยาถอนพิษออกมายาที่ทำให้มึนเมาเช่นนี้ หลิงอวี๋เคยศึกษามาก่อนจึงพยายามเตรียมยาแก้พิษนางรีบฉีดยาให้ตน แต่ก่อนที่จะดึงเข็มออก นางก็ได้ยินผู้คุ้มกันอีกคนพูด“พี่… ให้พวกเรามาสนุกกันก่อนดีกว่า แทนที่จะเสียเปรียบคนอื่น สู้พวกเราได้ก่อนดีกว่า!”ผู้คุ้มกันตรงหน้าลังเล “หากคุณหนูใหญ่รู้เข้า...”“เหอะ นางแค่ให้เราดูผู้หญิงคนนี้ไม่ให้หนีไปไหน นางจะรู้หรือว่าเราทำอะไร?”เมื่อกี้เขาพาหลิงอวี๋มา ร่างกายที่อ่อนนุ่มของหลิงอวี๋ทำให้ผู้คุ้มกันไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ทันทีที่ได้ยินสิ่งที่น้องชายพูด ก็หวั่นไหวทันที!“ท่านแม่ เช่นนั้นท่านลงไปก่อนเถิด! พวกเราเสร็จแล้วจะเรียก!”พูดแล้วผู้คุ้มกันทั้งสองก็ปิดประตู แล้วเดินไปหาหลิงอวี๋ด้วยรอยยิ้มหลิงอวี๋บีบเข็มยาสลบแน่น แอบดีใจที่ผู้คุ้มกันสองคนนี้กล้าพอที่จะมาพร้อมกัน ไม่เช่นนั้นคงเป็นเรื่องยากสำหรับตนที่จะจัดการกับพวกเขาทีละคน
รถม้ามุ่งกลับไปยังตำหนักอ๋องอี้ระหว่างทาง หลิงอวี๋ผลัดผ้าเปลี่ยนเป็นอาภรณ์ที่หลิงซวนเตรียมไว้ให้นาง ให้ดูแล้วไม่ได้ดูแย่อะไรกระทั่งมาถึงตำหนักอ๋องอี้ หลิงอวี๋ก็พาคนสองสามคนวิ่งไปที่เรือนริมวารีที่ประตูมีองครักษ์ที่ไม่คุ้นเคยสองคนอยู่ หลิงอวี๋ไม่รู้จัก เมื่อเห็นว่าไฟในเรือนยังสว่างอยู่ จึงเอ่ย “ข้าต้องการพบท่านอ๋อง!”องครักษ์คนหนึ่งเอ่ยอย่างเย็นชา “พระชายาอ๋องอี้ ท่านอ๋องบรรทมแล้ว! ท่านรับสั่งมิอนุญาตให้ผู้ใดไปรบกวน!”หลิงอวี๋ขมวดคิ้ว แต่ยังคงเอ่ยอย่างอดทน“รบกวนพวกเจ้าไปรายงานทีว่าข้ามีเรื่องด่วนมากจะพูดกับท่านอ๋อง!”องครักษ์อีกคนหัวเราะอย่างดูถูก“พระชายาล้อเล่นหรือ! ชิวเหวินซวงกลับมาแล้ว ท่านมิต้องดูแลบ้านแล้ว ยังจะมีเรื่องด่วนมากอันใดอีก!”“พระชายา โปรดกลับไปเถิด! อย่าทำให้พวกเราลำบากเลย!”หลิงอวี๋อยากจะพูดอีก แต่ก็เห็นไฟในห้องนอนของเซียวหลินเทียนดับลง!นี่หมายความว่าเซียวหลินเทียนไม่เต็มใจที่จะพบนางใช่หรือไม่?หลิงอวี๋นึกถึงวันที่นางฝังเข็มให้เซียวหลินเทียนได้ เขามิยอมให้ตนสัมผัสเขา!หัวใจของนางเย็นวาบทันที!คิดไม่ถึงว่าเซียวหลินเทียนจะแยกเรื่องอื่นกับเรื่องส่วนตัว
“ท่าน… ช่วยข้าด้วย…”ฮูหยินกวนกู่ร้องเศร้าสลด เสียงอันเจ็บปวดดุจมีดกรีดหัวใจท่านกวนเอ้อร์!เขาพยายามดิ้นให้หลุดจากเชือกที่มัดตัวเองไว้ แต่เชือกหนังวัวโชกไปด้วยน้ำ เขายิ่งดิ้นรนก็ยิ่งมัดแน่นขึ้นเรื่อย ๆ!“กวนอิ่ง เจ้าเดรัจฉาน เจ้ามันมิใช่มนุษย์…”ท่านกวนเอ้อร์คำรามเสียงแหบ “เจ้าจะฆ่าจะแทงก็มาลงที่กวนผิง ไยเจ้าไปลงที่สตรี?”“เหอะ… บัดนี้ปวดใจแล้วหรือ? แล้วตั้งนานเจ้ามั่วทำกระไร?”กวนอิ่งยิ้มหยันกล่าว “หากเจ้าเชื่อฟ้าคำพูดข้า ให้หลิงอวี๋ดื่มชาถ้วยนั้น ทุกอย่างคงหาได้เกิดขึ้นไม่?”“เจ้ามันไร้เมตตาธรรม ยังคิดให้ข้าไว้ชีวิตครอบครัวเจ้าอีกรึ?”“ตัวข้าพูดไปแล้ว หากทำให้หลิงอวี๋เจ็บปวดไม่ได้ งั้นก็ให้ฮูหยินของเจ้าเจ็บปวดเถอะ!”ท่านกวนเอ้อร์กู่คำราม “อย่าพูดให้ดูดีนักเลย! กวนอิ่ง แม้ข้าจะเชื่อฟังเจ้า เจ้าก็ไม่ละเว้นครอบครัวข้า!”“ฮิฮิ กวนผิง เจ้าฉลาดนี่! แต่เจ้ามาตอกกลับเอาตอนนี้ ไม่สายไปหน่อยรึ?”กวนอิ่งใช้แส้หวดใบหน้าท่านกวนเอ้อร์ กล่าวเสียงเหี้ยม“เป็นแค่เด็กเก็บมาเลี้ยง บังอาจแย่งทรัพย์สมบัติของพ่อข้า! ในเมื่อนายท่านรักเจ้านัก เจ้าก็ลงไปอยู่กับเขาเถอะ!”หัวใจท่านกวนเอ้อร์หมดหวัง
“ฮ่าฮ่า… เจ้าคลานมาให้ข้าดูซิ!”“พวกเจ้าได้ยินรึยัง? กวนผิงยอมรับว่าตัวเองเป็นสุนัขของตระกูลกวนแล้ว! ฮ่าฮ่า!”กวนอิ่งระเบิดหัวร่ออย่างเหิมใจพลางชี้ยังผู้คุ้มกันคนหนึ่ง “ไปเอาสายจูงสุนัขมาคล้องให้เขาเสีย เมื่อเขาคลานจนข้าพอใจแล้ว ข้าจักปล่อยฮูหยินเขาไป!”ผู้คุ้มกันคนนั้นเอาสายจูงสุนัขมาคล้องคอของท่านกวนเอ้อร์จริง ๆผู้คุ้มกันคนหนึ่งปลดเชือก และเท้าข้างหนึ่งก็เตะท่านกวนเอ้อร์หงายพื้น“คลาน… คลานไว ๆ…”ท่านกวนเอ้อร์กระอักเลือดสดเต็มปาก เนื่องจากขบฟันอย่างแรง…ทันทีที่เขาลุกนั่ง แส้ของกวนอิ่งก็ทักทายบนหน้าทันทีเพียะ…การหวดด้วยแส้ทำให้ใบหน้าท่านกวนเอ้อร์เนื้อปริในทันใด“คลานไว ๆ… มิเช่นนั้นข้าจักพิ่มผู้ชายอีกสองคนให้ฮูหยินเจ้าเสีย…”ท่านกวนเอ้อร์จ้องกวนอิ่งเขม็ง สุดท้ายก็คุกเข่าลงอย่างอัปยศ“ท่าน…”ฮูหยินกวนเอ้อร์มองสามีชายชาติเสือของตน ยอมต้อยต่ำเช่นนี้เพื่อชีวิตรอดของนางกับลูก แล้วนางก็รู้สึกดุจมีดกรีดหัวใจขณะนั้นเอง ฮูหยินกวนเอ้อร์ก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป ตนถูกคนข่มขืนไปแล้ว นางจะมีหน้าใช้ชีวิตอยู่บนโลกได้อย่างไร!แม้เพื่อช่วยท่านกวนเอ้อร์ นางก็มิอาจมีชีวิตอย่างไร้ความหมายไ
“ตกลง ข้าจะเข้าร่วมการประลอง!”หลิงอวี๋เอ่ยออกมาอย่างแน่วแน่เย่ซื่อฝานและท่านผู้เฒ่าเย่ต่างสบตากัน พวกเขารู้ดีว่าเสี่ยวชีหนีมิพ้นการประลองในครั้งนี้ ทว่าเสี่ยวชีจะชนะได้จริงหรือ?หลายปีมานี้ตระกูลเย่กับหอโอสถไป๋เป่าต่อสู้กันอย่างเปิดเผย และพวกเขาก็รู้จักคนของไป่หลี่ไห่ดีที่สุดการประลองที่ดูเปิดเผยนี้ ลับหลังอาจจะซ่อนเจตนาฆ่ามิรู้จบเอาไว้ก็ได้!ไป่หลี่ไห่ได้สูญเสียคนไปแล้วครั้งหนึ่ง ดังนั้นหากมิได้เตรียมตัวมาอย่างดีเขาไม่มีทางเสนอการประลองเช่นนี้เป็นอันขาด!หลงเพ่ยเพ่ยออกไปก่อน แต่พ่อลูกตระกูลเย่ยังอยู่ ทั้งสองต่างก็มองหลิงอวี๋ด้วยความกังวลหลังจากผ่านไปสักพัก ท่านผู้เฒ่าเย่ก็เอ่ยขึ้นก่อน “เสี่ยวชี เจ้าต้องเตรียมใจเอาไว้ด้วย นี่มิใช่การประลองที่ยุติธรรมเป็นแน่!”“ไป่หลี่ไห่มีกลอุบายมากมาย หากเขามิมั่นใจว่าจะสามารถเอาชนะเจ้าได้เขาไม่มีทางเสนอการประลองหรอก!”หลิงอวี๋คิดเอาไว้แล้ว นางจึงเอ่ยออกไปเรียบ ๆ “ท่านผู้อาวุโส ข้ารู้ แต่ข้าไม่มีทางให้ถอยแล้วเจ้าค่ะ!”หากมิเข้าร่วมก็จะมิได้เห็ดหยก ทั้งยังต้องชดใช้เหมียวหยางด้วยชีวิตอีกนางสามารถต่อสู้กับเหมียวหยางได้ และสามารถต่อสู้กับไ
หลิงอวี๋จึงบอกการคาดเดาของตนให้พ่อลูกตระกูลเย่ฟังทั้งหมดท่านผู้เฒ่าเย่หมดคำพูดไปเลยทีเดียว ทรัพย์สินของตระกูลเหมียวไป่หลี่ไห่ก็จับจ้องอยู่เช่นกัน คนผู้นี้ช่างไม่มีขอบเขตของความเป็นคนเอาเสียเลย!“ท่านผู้อาวุโส ท่านอาจารย์ ข้าคาดว่าการประลองครั้งนี้คงมิอาจหลีกเลี่ยงได้ เพราะเหมียวหยางเหลือเวลาอีกเพียงสามวันเท่านั้นเจ้าค่ะ!”หลิงอวี๋เอ่ยด้วยเสียงทุ้ม “ไป่หลี่ไห่กล้าเสนอข้อเรียกร้องที่ไร้เหตุผลเช่นนี้ เขามั่นใจว่าจะบีบข้าลงได้แน่นอน! เพียงแต่ข้ามิรู้ว่าเขาจะใช้วิธีใด!”ท่านผู้เฒ่าเย่หัวเราะเยาะออกมา “เขาจะใช้วิธีใดได้อีกเล่า… อำนาจของเจ้าแห่งทะเลและความโปรดปรานของมหาเทพหลงก็เพียงพอที่จะทำให้เขาทำทุกอย่างที่ต้องการได้แล้ว!”“เขาสามารถทำได้แม้กระทั่งขอพระราชโองการบีบให้เจ้ามอบยาแก้พิษให้ แต่นี่จะเป็นการทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่จนเกินไป หากเขายังคิดที่จะอยู่ในเมืองหลวงแดนเทพ เขาก็น่าจะมิทำเช่นนั้น!”หลงเพ่ยเพ่ยเพิ่งเข้าประตูมาก็ได้ยินประโยคนี้เข้า นางจึงอดมิได้ที่จะเอ่ยขัดจังหวะขึ้นมา“ท่านผู้เฒ่าเย่ ท่านคิดผิดไปแล้ว… ไป่หลี่ไห่จะทำเช่นนั้นจริง ๆ เจ้าค่ะ!”“ว่ากระไรนะ?”ท่านผู้เ
หลังจากที่หลงอิงไปแล้ว เรือนเล็กก็เงียบสงบลง แต่หลิงอวี๋รู้ว่านี่เป็นเพียงความสงบภายนอกเท่านั้นในเมื่อไป่หลี่ไห่มีความคิดเช่นนี้แล้ว เช่นนั้นเขาจะต้องหาวิธีมาบีบให้ตนประลองกับเขาอย่างแน่นอนเหมียวหยางเหลือเวลาอีกเพียงแค่สามวัน ก่อนที่ร่างกายของเขาจะเน่าเปื่อยและตายไป ดังนั้นไป่หลี่ไห่จึงเหลือเวลาอยู่มิมากแล้วหลิงอวี๋ทำอาหารกลางวันแล้วกินพร้อมกับมู่ตงและไป๋อวี้นางต้มโจ๊กที่มีคุณค่าทางโภชนาแยกให้กับผู้รอบรู้ และเมื่อป้อนโจ๊กให้ผู้รอบรู้เสร็จแล้วเย่ซื่อฝานกับท่านผู้เฒ่าตระกูลเย่ก็มาเยี่ยมผู้รอบรู้ถึงที่เมื่อหลิงอวี๋เห็นว่าเย่ซื่อฝานกับท่านผู้เฒ่าเย่มา ในใจของนางก็พลันรู้สึกซาบซึ้งขึ้นมา พวกเขามาเยี่ยมผู้รอบรู้ถึงที่ ก็นับว่าเป็นการมาสนับสนุนตนเช่นกัน!“เสี่ยวชี พี่ชายเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”ท่านผู้เฒ่าเย่เดินเข้าประตูมาก็เอ่ยถามอย่างเป็นห่วงหลิงอวี๋ยิ้มขมขื่น “ยังดีที่ช่วยเหลือกลับมาได้ทันเวลา มิเช่นนั้นก็คงสิ้นชีพไปแล้วเจ้าค่ะ!”ท่านผู้เฒ่าเย่สีหน้ามืดมนลง แล้วเดินเข้าไปในห้องของผู้รอบรู้พร้อมกับหลิงอวี๋ด้วยผู้รอบรู้นอนอยู่บนเตียง ยังมิสามารถขยับตัวได้ จมูกช้ำและใบหน้าบวม ร
หลิงอวี๋เห็นว่าสีหน้าหลงอิงดูจริงใจ จึงจะเชื่อนางไปก่อน“เจ้ารู้เรื่องที่พี่ชายของข้าถูกตระกูลเหมียวแก้แค้นแล้ว เช่นนั้นอาจารย์ของเจ้าก็ต้องรู้แล้วเช่นกัน แล้วเขามีท่าทีอย่างไร?”หลิงอวี๋เอ่ยถามออกไปหลงอิงรู้สึกปวดหัวขึ้นมา จากนั้นเอ่ยออกไปด้วยใจแน่วแน่ “เสี่ยวอวี๋ ข้าจะพูดกับเจ้าตามความจริงก็แล้วกัน ท่านอาจารย์ของข้ามิอยากรับเงื่อนไขการขับไล่เหมียวหยางออกจากสำนักอีกต่อไปแล้ว เขาบอกว่าเดิมทีแล้วนี่เป็นการประลองระหว่างคนรุ่นหลัง มิได้หมายความว่าเขาไร้ความสามารถ!”“เขาต้องการประลองกับเจ้าดูสักครั้ง เป็นการประลองปรุงยาพิษต่อหน้าธารกำนัล หากว่าเขาแพ้ เขาจะตอบตกลงในเงื่อนไขทั้งหมดของเจ้า!”“แต่หากว่าเจ้าแพ้ เจ้าจะต้องมอบยาแก้พิษให้เหมียวหยาง!”หลิงอวี๋อดมิได้ที่จะหัวเราะออกมา “มิได้หมายความว่าเขาไร้ความสามารถงั้นหรือ? ปรมาจารย์ไป่หลี่ก็สามารถพูดคำเช่นนี้ออกมาได้ ข้านับถือเขาเสียจนอยากจะโขกหัวคารวะให้เสียจริง ๆ!”“ข้าให้เวลาเขาสิบวัน เขาปรุงยาแก้พิษมิได้ แล้วยังมิยอมรับว่าเขาไร้ความสามารถอีกหรือ? ในเมื่อนี่เป็นการประลองของคนรุ่นหลัง ในฐานะที่เขาเป็นผู้อาวุโสจะมาประลองกับข้า เช่นนี้จะ
เย่หรงได้ยินคำถามของหลิงอวี๋ก็เอ่ยตอบไป “เรื่องนี้ข้ารู้ดีทีเดียว ตระกูลเหมียวมีฐานะขึ้นมาจากการพึ่งพาเครื่องยาสมุนไพร เนื่องจัดหาสมุนไพรให้หอโอสถไป๋เป่าอยู่บ่อยครั้ง กอปรกับที่เหมียวหยางค่อนข้างมีพรสวรรค์ในการแยกแยะเครื่องยาสมุนไพรด้วย ไป่หลี่ไห่จึงรับไปเป็นศิษย์!”“หลายปีมานี้ด้วยอำนาจของไป่หลี่ไห่ ตระกูลเหมียวจึงมีสถานะที่สูงขึ้นตามไปด้วย แล้วก็ค่อย ๆ ขึ้นไปเป็นตระกูลที่มีฐานะร่ำรวย!”มิน่า!หลิงอวี๋นึกถึงเงื่อนไขที่ตนเสนอให้หลงอิงก่อนหน้านี้ว่า ให้ไป่หลี่ไห่ขับไล่เขาออกจากสำนักเวลานั้นหลิงอวี๋มิรู้ถึงความแข็งแกร่งของตระกูลเหมียว คิดว่านี่เป็นการกระทำที่จะรักษาชื่อเสียงของไป่หลี่ไห่เอาไว้ตอนนี้เมื่อได้รู้ฐานะของตระกูลเหมียวแล้ว หลิงอวี๋จึงได้รู้ว่าเหตุใดตระกูลเหมียวจึงใช้ผู้รอบรู้แก้แค้นตนฐานะระดับตระกูลเหมียวนี้เรื่องเงินเป็นเพียงแค่เรื่องเล็กน้อย แต่เรื่องเกียรติต่างหากที่เป็นเรื่องใหญ่หากเหมียวหยางถูกไป่หลี่ไห่ขับไล่ออกจากสำนัก ตระกูลเหมียวจะต้องเสียทั้งเกียรติทั้งศักดิ์ศรี อีกทั้งยังหมายความว่า นับจากนี้จะไม่มีไป่หลี่ไห่คอยสนับสนุนพวกเขาอีกต่อไปด้วยเช่นกันสำหรับตระก
นี่คือสิ่งที่หลิงอวี๋กำลังคิดอยู่ในใจ แต่ผู้รอบรู้กลับมองออกหลิงอวี๋อ้าปากค้างอย่างงุนงง มิรู้ว่าควรจะไปต่ออย่างไร“น้องหญิง วันนั้นพี่ใหญ่เห็นเจ้าตากฝนตัวเปียกโชก แล้วก็เห็นบ้านของเราถูกทำลายพังยับเยิน!”“ตอนนั้นข้าก็รู้สึกเช่นเดียวกับเจ้า… หากข้ามีความสามารถ ข้าก็จะไปทุบบ้านของเหมียวหยางเช่นกัน!”“หากข้าวางยาพิษเป็น ก็คงมิต้องให้เจ้าลงมือหรอก ข้าจะวางยาพิษเขาด้วยตัวข้าเอง!”ผู้รอบรู้เอ่ยออกมาอย่างแน่วแน่ “ดังนั้น ข้ามิได้รับเคราะห์แทนเจ้า และมิได้ถูกเจ้าทำให้เดือดร้อนด้วย เจ้ามิต้องรู้สึกผิด!”“พี่ใหญ่!”ดวงตาของหลิงอวี๋มีน้ำตาคลอขึ้นอย่างอธิบายมิถูก“ข้าเป็นเด็กกำพร้ามาตั้งแต่เด็ก หลังจากแยกอาจารย์ข้าก็เตร็ดเตร่อยู่ในยุทธภพเพียงลำพัง ไม่มีครอบครัว และไม่มีเป้าหมายใด!”ผู้รอบรู้เอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “หลังจากที่ได้รู้จักเจ้า ข้าจึงได้มีบ้านและครอบครัว! ข้าออกไปไหนก็มิต้องกังวลแล้วว่าจะไม่มีบ้านให้กลับ และเมื่อกลับมาก็ยังมีเจ้ารอข้ากินข้าวอยู่!”“น้องหญิง ข้าชอบครอบครัวที่พวกเราสร้างขึ้นมา มันทำให้ข้ารู้สึกว่าข้าก็มีความห่วงใยและมีเป้าหมายอยู่เช่นกัน ข้าหวังว่าจะหาเงินได้ม
“พี่ใหญ่มู่ เห็ดหยกนี้มีอยู่ที่ภูเขาใดหรือ?”หลิงอวี๋หันไปเอ่ยถามเขาหากซื้อมิได้นางก็จะไปเก็บด้วยตนเอง มิว่าจะยากลำบากแค่ไหน นางจะต้องหาเห็ดหยกมารักษาสิงจั๋วให้จงได้“ภูเขาศักดิ์สิทธิ์!”มู่ตงมองหลิงอวี๋ “เจ้าคงมิคิดจะไปเก็บที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์กระมัง! เป็นไปมิได้หรอก!”“มีหลายสาเหตุทีเดียว ประการแรก ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เป็นของราชวงศ์ มิอนุญาตให้ผู้ใดเข้าไปเก็บสมุนไพรได้ง่าย ๆ!”“ประการที่สอง แม้ว่าท่านหญิงของข้าจะสามารถพูดให้เจ้าและให้เจ้าเข้าไปในภูเขาศักดิ์สิทธิ์ได้ แต่เจ้ารู้หรือว่าจะต้องไปเก็บที่ใด?”“ภูเขาศักดิ์สิทธิ์มีอยู่สิบแปดยอดเขา ซึ่งแต่ละยอดเขาก็จะมีความสูงชันและอันตรายมากขึ้นเรื่อย ๆ แม้แต่พวกตระกูลอู่ที่คอยเฝ้าภูเขาศักดิ์สิทธิ์อยู่ ก็ยังมิสามารถสำรวจยอดเขาครบทั้งสิบแปดยอดเขาได้ เจ้าไม่มีทางที่จะหาเห็ดหยกเจอท่ามกลางยอดเขามากมายถึงเพียงนั้นหรอก!”ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ มิได้มีเพียงแค่มู่ตงผู้เดียวที่เอ่ยถึงความลึกลับของภูเขาศักดิ์สิทธิ์นี้กับตนวันนั้นเย่หรงก็บอกกับตนว่า จ้าวหรุ่ยหรุ่ยต้องการพานางไปที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ เพื่อหาเครื่องยาสมุนไพรมาสลายเลือดเนื้อของนางและก่อน
หลังจากที่พวกเขารับคำสั่งแล้วก็ออกไป แล้วจู่ ๆ เซียวหลินเทียนก็นึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ จึงตะโกนขึ้นมา “หานเหมย เจ้ารอก่อน!”หานเหมยหยุดชะงัก หานอวี้ก็หยุดเช่นกัน จากนั้นทั้งสองคนก็มองไปทางเซียวหลินเทียนอย่างสงสัย“ตอนที่ข้าจับตัวจ้าวหรุ่ยหรุ่ยได้ที่ภูเขาหมางหลิ่ง นางเผลอหลุดปากออกมาเรื่องหนึ่ง… นางบอกว่านางโกหกหลิงอวี๋ว่าน้องสาวนางถูกจับตัวมาขายที่เมืองหลวงแดนเทพ!”แล้วเซียวหลินเทียนก็เอ่ยด้วยเสียงหนักแน่น “หลิงอวี๋สูญเสียความทรงจำไป และคิดมาตลอดว่าเจ้าคือเสี่ยวอวี้ น้องสาวของนาง! นางมาที่เมืองหลวงแดนเทพก็เพื่อมาตามหาเจ้า!”หานเหมยตะลึง จากนั้นดวงตาก็เป็นประกายขึ้นมา “ฝ่าบาททรงหมายความว่าจะให้หม่อมฉันไปเข้าใกล้ฮองเฮาหรือเพคะ?”“อืม ตอนนี้หลิงอวี๋มีความคลางแคลงใจต่อพวกเรา ทว่ากับเจ้านั้นแตกต่างออกไป หลังจากที่นางสูญเสียความทรงจำไปเจ้าก็อยู่กับนางตลอด! จ้าวหรุ่ยหรุ่ยพูดเช่นนี้แล้ว นางจะต้องเชื่อว่าเป็นจริงแน่ ๆ!”เซียวหลินเทียนมองไปทางหานเหมย “สิ่งที่ข้ามิแน่ใจตอนนี้ก็คือ หลิงอวี๋จำเรื่องอะไรได้บ้าง และนางสงสัยหรือไม่ว่าเจ้ามิใช่น้องสาวของนาง!”“หากเจ้าบุ่มบ่ามไปเข้าใกล้นางเช่นนี้
และหลังจากที่เซียวหลินเทียนรู้เรื่อง สายตาของเขาก็มองไปทางเผยอวี้ ฉินซาน เถาจื่อและคนอื่น ๆ อย่างเย็นชาเมื่อเผยอวี้ถูกมองเช่นนั้นก็รู้สึกหนาวไปทั้งตัว ฉินซานเองก็เหงื่อแตกพลั่กเช่นกันแม้ว่าเซียวหลินเทียนจะมิได้ก่นด่าออกมา แต่พวกเขาต่างก็รู้สึกกระวนกระวายกันไปหมดในที่สุด เซียวหลินเทียนก็เอ่ยขึ้นมา เขาเอ่ยด้วยเสียงเคร่งขรึง “วันนี้คนที่ถูกจับตัวไปคือสิงจั๋ว พวกเจ้ารู้สึกว่าโชคดีใช่หรือไม่… เพราะคนที่ถูกจับตัวไปมิใช่ฮองเฮาของพวกเจ้า!”ไม่มีใครกล้าพูดอะไรทั้งนั้น ทุกคนต่างก็ยืนก้มหน้าอยู่เช่นนั้นพวกเขาเพิ่งจะรู้ข่าวว่าสิงจั๋วถูกหลงเพ่ยเพ่ยส่งกลับไปที่เรือนเล็กหากคนที่ถูกจับตัวไปเป็นหลิงอวี๋ ศัตรูจะรอจนพวกเขารู้ข่าวก่อนแล้วให้ไปช่วยเหลือหรือ?เช่นนั้นจะยังทันหรือ?“ข้ารู้ว่าพวกเจ้าติดตามข้าออกมาหลายเดือนแล้ว พวกเจ้าคิดถึงครอบครัวและชีวิตก่อนหน้านี้!”เซียวหลินเทียนเปลี่ยนเป็นตะคอกเสียงแข็ง “หากพวกเจ้ารู้สึกว่ามิคุ้นเคยกับการอยู่แดนเทพ เช่นนั้นใครอยากจะกลับไป ข้าก็จะมิห้าม!”เผยอวี้เหงื่อตก จากนั้นก็คุกเข่าลงข้างหนึ่ง“ฝ่าบาท พวกกระหม่อมประมาทละเลย สมควรได้รับโทษพ่ะย่ะค่ะ!”