จ้าวซวนเป็นชายร่างสูง ทั้งยังอยู่ในวัยหนุ่มด้วยในช่วงสองวันมานี้เขาใกล้ชิดกับหลิงอวี๋มาก เขาคิดว่าตนกับหลิงอวี๋บริสุทธิ์ใจ แต่ก็ทนมิได้กับการใส่ร้ายเช่นนี้จ้าวซวนโกรธมากจนหน้าแดง แต่อีกฝ่ายคือพระชายาหรงในองค์จักรพรรดิ เขาจะตบพระชายาหรงได้หรือ?หลิงอวี๋ในแง่มุมของตระกูลเสิ่นนั้น ต่างถูกกล่าวหาจากคนนั้นทีคนนี้ทีว่าสมคบคิดที่จะสังหารเซียวหลินเทียนเพื่อยึดทรัพย์สินของครอบครัวก่อนหน้านี้นางแค่อยากให้เซียวหลินเทียนปลอดภัย มิได้อยากจะถือสาหาความกับตระกูลเสิ่น!บัดนี้เห็นพระชายาหรงที่นานไปก็ยิ่งทำเกินไปเช่นนี้ ทั้งยังทำลายชื่อเสียงตนหาว่ามีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวอีก แล้วยังจะทนต่อไปได้เยี่ยงไร!ตระกูลเสิ่นคิดว่าจะรังแกตนเองได้ง่าย ๆ หรือ?หลิงอวี๋ตะคอกด้วยความโกรธ “พระชายาหรงโปรดระวังวาจาด้วย! ข้ากับพี่จ้าวบริสุทธิ์ใจ พระชายามาใส่ร้ายพวกเราส่ง ๆ เช่นนี้ หมายความเยี่ยงไร?”“ข้าเคารพท่านในฐานะผู้อาวุโส แต่ท่านผู้เป็นผู้อาวุโสกลับมาใส่ร้ายผู้อื่นง่าย ๆ โดยไม่มีหลักฐานใดเช่นนี้ มันได้หรือ?”“องครักษ์จ้าวสละชีวิตช่วยท่านอ๋อง ในช่วงหลายวันมานี้เขามิสนใจพักผ่อนแล้ว เอาแต่ออกไปหายาแก้พิษให
หลิงอวี๋พูดไม่ออก มองตระกูลเสิ่นที่เข้ามาแบบเอิกเกริก แต่กลับทิ้งเสิ่นจวนไว้ ที่แท้นี่ก็คือเป้าหมายสุดท้ายของพวกเขานี่เอง!เสิ่นจวนผู้นี้ ดูเหมือนจะเปลี่ยนไปมากทีเดียว แต่หลิงอวี๋ไม่เชื่อเด็ดขาดว่านางจะแค่อยู่ดูแลเซียวหลินเทียนเท่านั้นนี่ต้องมาเพราะจุดประสงค์ในการแต่งงานกับเซียวหลินเทียนเป็นแน่!มิฉะนั้นสตรีที่ยังมิได้แต่งงาน ดูแลผู้ชายอยู่ข้างกายเช่นนี้ มันมีเหตุผลหรือ?“ท่านพี่ ท่านพี่ต้องกระหายน้ำแน่! หม่อมฉันเอาน้ำให้!”เสิ่นจวนไม่สนใจสิ่งที่ทุกคนคิด นางเข้าสู่บทบาททันที เข้ามาดูแลเซียวหลินเทียนอย่างขยันขันแข็งเมื่อเห็นคนเหล่านี้ไม่ออกไปข้างนอก เสิ่นจวนจึงเอ่ยอย่างไม่พอใจ “พวกเจ้าออกไปกันให้หมด ข้าดูแลท่านพี่ก็พอแล้ว!”“ท่านพี่เพิ่งฟื้นต้องการพักผ่อนให้มาก พวกเจ้าอยู่กันมากเพียงนี้ จักรบกวนเขาท่านพี่!”นางรับใช้ที่เสิ่นจวนพามาสองคนร่วมมือกันไล่พวกเขาออกไปทันทีหลิงอวี๋เหลือบมองเซียวหลินเทียน เห็นว่าเขาดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่จึงเอ่ย“ท่านอ๋องพักผ่อนเถิด อีกเดี๋ยวหม่อมฉันมาดูท่านอีก!”นางเดินนำออกไป แม้ว่าจุดประสงค์ของเสิ่นจวนจะไม่บริสุทธิ์ แต่ก็ไม่มีทางทำร้ายเซียวหลินเทียนห
หลิงอวี๋มิได้ยินเสียงน่ารัก ๆ ของเยวี่ยเยวี่ยมาหลายวันแล้ว นางจึงถือโอกาสนี้คุยกับหลิงเยวี่ย“ท่านตาทวดซื้ออาหารอร่อย ๆ ให้เยวี่ยเยวี่ยมากหลาย! ท่านตาทวดยังเล่าเรื่องนิทานให้เยวี่ยเยวี่ยฟังมาก ๆ ด้วย!”หลิงเยวี่ยเล่าเรื่องหลายวันมานี้ที่ไปพักอยู่ที่จวนเสนาบดีเจิ้นหย่วนให้หลิงอวี๋ฟังอย่างเจื้อยแจ้วหลิงอวี๋ได้ยินว่าเด็กน้อยกับท่านอดีตเสนาบดีเข้ากันได้ดี ใจก็รู้สึกมีความสุขนักหลิงหว่านพูดถูก การที่มีเด็กร่าเริงแจ่มใสอย่างเยวี่ยเยวี่ยอยู่กับท่านอดีตเสนาบดี ท่านอดีตเสนาบดีอารมณ์ดีขึ้นมากเลย!จากที่หลิงเยวี่ยเล่าให้ฟัง หลิงอวี๋รู้สึกได้ว่าท่านอดีตเสนาบดีฟื้นตัวได้ดีทีเดียว!ขณะที่สองแม่ลูกเกาะก่ายกันอยู่บนเตียง ก็ได้ยินแม่นมลี่เอ่ยเสียงแข็งอยู่ข้างนอก“การจัดเตรียมอาหารเป็นงานของชิวเหวินซวง เกี่ยวอันใดกับคุณหนูของเราด้วย?”“คุณหนูของเรามิสนใจเรื่องของตำหนักอ๋องอี้ ไปเสียเถิด อย่ามารบกวนคุณหนูของเรา!”ทันทีที่หลิงอวี้ได้ยินสิ่งนี้ก็นึกขึ้นได้ว่าจ้าวซวนขอให้ตนเป็นคนจัดการเรื่องในตำหนัก จึงลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว“แม่นม ใครมาหาข้าหรือ?”“นางรับใช้ของคุณหนูเสิ่นเจ้าค่ะ ขอให้คุณหนูอธิบาย
หลิงอวี๋กระซิบบอกแผนของตนให้แม่นมลี่ฟัง แม่นมลี่ฟังแล้วก็ยิ้มอย่างมีความสุข“ได้เจ้าค่ะ จักทำตามที่คุณหนูบอกเจ้าค่ะ!”“เรื่องโง่เขลาเช่นนี้ คิดตบตาเรา เช่นนั้นเราจักตบหน้าให้ดู!”แม่นมลี่ไปทำตามคำสั่งของหลิงอวี๋อย่างมีความสุขหลิงซวนได้ยินเข้าก็อดหัวเราะไม่ได้พลางเอ่ย“อาจารย์ ท่านหลักแหลมยิ่ง หากเป็นเช่นนี้เราจ่ายเงินเล็กน้อยก็สามารถยุแยงพวกเขาได้แล้ว!”หลิงอวี๋ส่ายหัวพลางเอ่ย “แผนการนี้ทำได้แค่ทำให้พวกที่ไม่มีจุดยืนเป็นของตัวเอง บางคนหันมาหาเราชั่วคราวเท่านั้น แต่พวกที่ภักดีต่อชิวเหวินซวง พวกเขาไม่มีทางโอนอ่อนให้ง่าย ๆ เช่นนั้นหรอก!”“มิกลัวหรอกเจ้าค่ะ อาจารย์ของเราเก่งที่สุดอยู่แล้ว ต้องจัดการพวกเขาได้อย่างแน่นอน!”หลิงซวนเคารพนับถือหลิงอวี๋อย่างมาก นางยกย่องหลิงอวี๋อย่างร่าเริงหลิงอวี๋มิได้มองโลกในแง่ดีเหมือนนาง หากชิวเหวินซวงกล้ามอบสิทธิ์ดูแลตำหนักไว้ให้ชั่วคราวเช่นนี้ คงต้องวางกับดักไว้ให้ตนมิน้อยแน่!นางต้องระมัดระวัง เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา!นางมิกลัวปัญหา แต่นางเกลียดที่ต้องรับมือกับปัญหาเหล่านี้ครั้งแล้วครั้งเล่าเวลาของนางมีค่านัก นางมิอยากเสียเวลาไปกับคนเหล่านี้!
แม่นมเกาให้แม่ครัวคนหนึ่งไปเอารายการอาหารมาให้หลิงอวี๋เปิดดู มาตรฐานอาหารของเซียวหลินเทียนคืออาหาร 5 อย่างกับน้ำแกง 1 อย่าง มาตรฐานอาหารขององครักษ์คืออาหาร 3 อย่างกับน้ำแกง 1 อย่าง ส่วนมาตรฐานอาหารของคนรับใช้ในตำหนักคืออาหาร 2 อย่างกับน้ำแกง 1 อย่างมาตรฐานเช่นนี้สำหรับท่านอ๋องอย่างเซียวหลินเทียน ถือเป็นการจัดการที่ค่อนข้างดูปอน ๆ เกินไปแต่ถึงกระนั้น หลิงอวี๋ก็มิคิดว่าเซียวหลินเทียนจะกินได้หมด มันสิ้นเปลืองเกินไปจริง ๆ!หลิงอวี๋นึกถึงอาหารบนโต๊ะของแม่นมเกา ที่เต็มไปด้วยอาหารเจ็ดแปดอย่าง แล้วนางก็ยกมุมปากยิ้มเยาะอาหารมื้อนี้กินดีกว่าของท่านอ๋องอย่างเซียวหลินเทียนอีก!หลิงอวี๋มิได้พูดโพล่งขึ้นมาทันที ในใจก็คำนวณจำนวนคนที่กินอาหารอยู่ในตำหนักอ๋องอี้เป็นประจำ ตั้งแต่เซียวหลินเทียนไปจนถึงองครักษ์ในตำหนักมีเกือบร้อยคนแล้วเตรียมอาหารให้คนเกือบร้อยคนทุกวัน ในครัวมีคนมากถึงเพียงนี้ก็ไม่นับว่ามากเพียงแต่หลิงอวี๋นึกถึงอาหารที่โลหิตจางอย่างปี้ไห่เฟิงสามารถกินได้ ในครัวนี้สามารถทำอาหารอย่างเท่าเทียมได้จริงหรือ?นางดูสมุดบัญชีการจ่ายตลาด บัญชีเป็นระเบียบมาก แต่เมื่อดูอย่างละเอียด หลิงอ
เด็กคนหนึ่งคว้าชามอาหารแล้วเริ่มโยนใส่หลิงอวี๋หลิงซวนรีบดึงหลิงอวี๋หลบทันทีเด็กอีกคนก็คว้าชามอาหารแล้วโยนใส่หลิงอวี๋อีกเช่นกันพวกเขาทั้งสองคนโยนมาจากทั้งซ้ายและขวา ชามอาหารถูกโยนเข้ามากระทบกันเกิดเสียงดังหลิงซวนป้องกันหลิงอวี๋ไว้ ไม่ได้หลบไปไหน น้ำมันในชามสาดมาใส่กระโปรงของนางเป็นคราบทันที“ลูกใครกัน หยุด หากมิหยุดอย่ามาหาว่าข้ามิเกรงใจ!”หลิงอวี๋ตะคอกด้วยความโกรธ“พระชายา.. .หากพระชายาโกรธก็มาลงที่บ่าวเจ้าค่ะ จะตีหรือจะฆ่าก็สุดแล้วแต่พระชายา อย่าตีหลานชายของบ่าวเลยเจ้าค่ะ!”แม่นมเการีบวิ่งเข้าไปกอดขาของหลิงอวี๋ไว้แน่น พลางเอ่ยอย่างเศร้า ๆ“พระชายา บ่าวผิดไปแล้วเจ้าค่ะ บ่าวขออภัยพระชายา พระชายาปล่อยหลานชายของบ่าวเถิดเจ้าค่ะ!”“เด็ก ๆ ยังเด็ก อย่าลงมือกับพวกเขาเลยหนาเจ้าคะ!”คนรับใช้ในครัวต่างลุกขึ้นเดินเข้ามา แล้วคุกเข่าลงกับพื้น“พระชายาโปรดไว้ชีวิตเถิด! อย่าฆ่าเด็ก ๆ เลย! พวกเขายังเด็กไม่รู้ความ! อย่าถือสาพวกเขาเลยเจ้าค่ะ!”หลิงซวนเห็นพฤติกรรมเลวร้ายของคนเหล่านี้ก็โกรธจนตัวสั่น นางกับหลิงอวี๋ยังมิได้ทำอะไรเลย แต่คนเหล่านี้กลับมาย้อนเล่นงานพวกนาง!พูดจาเหลวไหลไร้สาระ
“องครักษ์จ้าว บ่าวถูกใส่ร้ายอย่างมิยุติธรรม!”“บ่าวไม่ได้โกงเลย… นี่คงเป็นแผนการใส่ร้ายบ่าวของพระชายาเพื่อขับไล่บ่าวออกไป!”“พระชายายังต้องจำคำพูดไม่ดีที่บ่าวต่อว่าหลิงซินเมื่อคราที่แล้วได้ และนี่เป็นการมาล้างแค้นให้หลิงซิน!”หัวใจของหลิงอวี๋เต้นตึกตัก นางรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว ที่แท้นี่ก็เป็นกับดักที่ชิวเหวินซวงกับแม่นมเกาวางไว้จริง ๆ!สมุดบัญชีเป็นของปลอม หากแม่นมเกามิได้โกง การที่ตนต่อว่านางเช่นนี้ คนรับใช้ในตำหนักก็จะคิดว่าตนเอาอำนาจมาใช้ในการแก้แค้น!หลิงซวนตกตะลึง นางไม่เคยคิดเลยว่าแม่นมเกาจะมาไม้นี้หลิงซวนตะโกนอย่างร้อนใจ "พี่จ้าว นางเป็นคนให้สมุดบัญชีนี้พวกเรา พวกเรามิได้สับเปลี่ยน! จะใส่ร้ายนางได้เยี่ยงไร!"“องครักษ์จ้าว พระชายาสับเปลี่ยนสมุดบัญชีของแม่นมเกาจริง ๆ เจ้าค่ะ! เราทุกคนเห็นกับตา สมุดบัญชีที่แม่นมเกาหยิบออกมาไม่ใช่เล่มนี้!”“สมุดบัญชีครัวแม่นมเกาบันทึกเองทั้งหมด ลายมือของแม่นมเกาจะต้องบิดเบี้ยว เรียบร้อยเช่นนี้ที่ไหนกัน!”แม่ครัวที่มีไฝดำอยู่ตรงจมูกก้าวเข้ามาช่วยคนรับใช้คนอื่น ๆ ในครัวก็เอ่ยขึ้นอย่างร่วมมือกัน“องครักษ์จ้าว พระชา
แม้ว่าองครักษ์ผู้นั้นจะไม่พอใจที่หลิงอวี๋ทำให้คนรับใช้ต้องเดือดร้อน แต่เห็นจ้าวซวนจ้องมองตนอยู่ ก็มิกล้าขัดคำสั่ง ดังนั้นเขาจึงก้าวไปข้างหน้า พลางเอ่ยเรียบ ๆ“หมูตุ๋นวุ้นเส้น แตงกวาตุ๋นซี่โครง เต้าหู้หม้อไฟ และน้ำแกงกะหล่ำปลีขอรับ!”หลิงอวี๋ชี้ไปที่โต๊ะของแม่นมเกา “เจ้าไปดูว่าสิ่งที่พวกเขากินคืออะไร?”องครักษ์เดินไปดูอาหารบนโต๊ะของครอบครัวแม่นมเกา สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยองครักษ์ก้าวถอยหลังมา มองหลิงอวี๋ หากหลิงอวี๋มิเอ่ยถาม เขาก็มิกล้าพูดออกไป“พวกเจ้าทุกคน ผลัดกันเข้ามาดู!”พวกองครักษ์หลายคนพร้อมทั้งจ้าวซวนก้าวไปอย่างสงสัย หลังจากมองไปรอบ ๆ สีหน้าของทุกคนก็ดูไม่มีความสุข แต่ไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมา“ทุกคนในครัวต่างบอกว่าข้าสับเปลี่ยนบัญชี! ก็อาจจะเป็นข้าเองที่สับเปลี่ยนบัญชีก็ได้!”"แต่ข้าก็มิได้เก่งถึงขนาดที่ข้ากับหลิงซวนจักจงใจเอาอาหารจำนวนมากมาสับเปลี่ยนอาหารบนโต๊ะของพวกเขาได้หรอกใช่หรือไม่?”พวกองครักษ์พูดไม่ออกแล้ว หากจะทำเช่นนั้นมันเป็นเรื่องใหญ่! จะเป็นไปได้เยี่ยงไร!หลิงอวี๋หัวเราะเยาะ “เมื่อครู่แม่นมเกาเพิ่งบอกกับข้าว่า อาหารพวกนี้องครักษ์อย่างพวกเจ้ากินมิหมด
จ้าวฮุยได้ยินคำสั่งนี้ก็ตะลึงไปทันที ถึงจะเป็นในความฝันเขาก็มิคาดคิดว่าเซียวหลินเทียนจะส่งตนออกไปแคว้นพันและแคว้นเฉิงนี้อยู่ห่างจากเมืองหลวงไปหลายพันลี้ การเดินทางไปกลับนั้นอย่าว่าแต่ห่างไกลและลำบากเลย หากไม่มีตนอยู่คอยช่วยองค์ชายคังอยู่ที่เมืองหลวง กระทั่งตนไปกลับใช้เวลาหลายเดือนนี้ สถานการณ์ในราชสำนักจะเป็นอย่างไรเล่า?“ฝ่าบาท...”จ้าวฮุยรู้สึกสับสนวุ่นวายในทันที หากเขาอ้างว่าป่วยมิไป เซียวหลินเทียนเองก็มิอาจบังคับให้ตนไปได้ทว่าเซียวหลินเทียนอาจจะใช้เรื่องที่ตนอ้างว่าป่วยมาบีบให้ตนพักผ่อนและถือโอกาสผลักตนออกไปได้และเพียงชั่วครู่ จ้าวฮุยก็ได้ทำการตัดสินใจเขาก้าวออกไปเอ่ยเสียงเรียบ “การผลักดันห่วงโซ่อุตสาหกรรมวัวนมเป็นเรื่องดีที่เป็นประโยชน์ต่อแคว้นและราษฎร ฝ่าบาทมอบหมายเรื่องสำคัญเช่นนี้ให้กระหม่อมทำ กระหม่อมก็จะตั้งใจทำงานนี้อย่างดีเพื่อฝ่าบาท ให้สมกับความไว้วางพระทัยของฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”“กระหม่อมรับพระบัญชา!”องค์ชายคังได้ยินดังนั้นก็รู้สึกกังวลมาก นี่เซียวหลินเทียนกำลังตัดกำลังของตนให้อ่อนแอลงทีละขั้น!จ้าวฮุยรับปากว่าจะไป เหตุใดจึงได้โง่เช่นนี้!“ฝ่าบาท อัครเสนาบดีจ้าว
องค์ชายคังถูกกดอยู่ก็พยายามใช้ลิ้นดันออกออกมาอย่างหวาดกลัว แต่มินานยาก็ละลายอยู่ในปากของเขาองค์ชายคังค่อนข้างงุนงง เขาเห็นจ้าวหรุ่ยหรุ่ยโน้มตัวลงมาหาตน แล้วสายตาของนางก็มีแสงที่ดูประหลาด“ข้าเป็นเจ้านายของเจ้า ข้าพูดอะไรเจ้าต้องทำตามนั้น! พูดตาม!”องค์ชายคังมองแสงหลากหลายที่เคลื่อนไหวอยู่ตรงหน้าของตนอย่างหลงใหลแล้วเขาก็เอ่ยราวกับเครื่องกล “ท่านเป็นเจ้านายของข้า ท่านพูดอะไรข้าต้องทำตามนั้น!”“ดีมาก!”จ้าวหรุ่ยหรุ่ยยกเท้าออกอย่างพอใจแล้วพยุงเขาขึ้นมา“องครักษ์เหล่านั้นมิเคารพข้า โบยทุกคนคนละสามสิบไม้!”องค์ชายคังหมุนตัวราวกับเครื่องกลเดินไปที่ประตูแล้วตะโกนออกไป “ใครก็ได้ เอาตัวพวกเขาไปที พวกเขามิให้ความเคารพต่อพระชายา ให้โบยคนละสามสิบไม้!”องครักษ์ของตำหนักองค์ชายคังพากันวิ่งเข้ามา แม้ว่าจะแปลกใจกับท่าทีที่เปลี่ยนไปขององค์ชายคัง แต่ก็ลากตัวองครักษ์ที่หมดสติเหล่านั้นออกไปโบยหนานฮุ่ยกับสุ่ยเหอผู้เป็นนางรับใช้ข้างกายของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเห็นภาพนั้นก็มิได้ประทับใจแม้แต่น้อย“คุณหนู น่าเสียดายที่ครานี้จับหลิงอวี๋มิได้ มิเช่นนั้นคุณหนูก็คงจะบรรลุฝ่าดินแดนที่เจ็ดไปได้อย่างราบรื่นแล้ว
เซียวหลินเทียนได้เติมเต็มความปรารถนาและได้กอดคนงาม แต่องค์ชายคังแห่งตำหนักองค์ชายคังกลับอยากจะสังหารจ้าวหรุ่ยหรุ่ยใส่ร้ายหลิงอวี๋ครานี้ แต่หลิงอวี๋กลับรอดพ้นไปได้อย่างสมบูรณ์ ทั้งยังทำให้หลิงเสียงกังรอดออกมาอีกองค์ชายคังตกใจเมื่อได้ยินจากผู้ใต้บังคับบัญชามารายงานว่าการผ่าตัดของหลิงเสียงกังสำเร็จและเขาก็สามารถลุกเดินได้แล้วแม้ว่าเรื่องที่ปล้นเงินเบี้ยหวัดทหารในตอนนั้นจะถูกจักรพรรดิอู่อันกดเอาไว้แล้ว แต่องค์ชายคังรู้ว่าเสด็จพ่อสงสัยตนเพียงแต่เรื่องนี้จบลงไปภายใต้การจัดการของจ้าวฮุยและพระชายาเส้าทว่ายามนี้อำนาจอยู่ในมือเซียวหลินเทียน หากหลิงเสียงกังไปฟ้องร้อง จากความเกลียดที่เซียวหลินเทียนมีต่อตน เช่นนั้นจะมิช่วยเขาพลิกคดีได้หรือ!ครั้นองค์ชายคังรู้ว่าจ้าวหรุ่ยหรุ่ยจับตัวหลิงเสียงกังไปก็ย้ำแล้วย้ำอีกให้จ้าวหรุ่ยหรุ่ยสังหารหลิงเสียงกังไปเสีย ไหนเลยจะคิดว่าสุดท้ายจ้าวหรุ่ยหรุ่ยจะเสียท่าให้หลิงเสียงกังรอดไปได้“เจ้าทำงานมิสำเร็จทั้งยังทำให้เสียงานอีก… เจ้ารับรองกับข้ามิใช่หรือว่าจะต้องกำจัดหลิงอวี๋กับหลิงเสียงกังได้อย่างแน่นอน?”องค์ชายคังเดือดดาลใส่จ้าวหรุ่ยหรุ่ย “เจ้าดูสถานการ
เซียวหลินเทียนเชื่อฟังราวกับเด็ก เขาดึงหลิงอวี๋ลุกขึ้นแล้วหยิบจอกหนึ่งส่งให้หลิงอวี๋เป็นครั้งแรกที่หลิงอวี๋ได้เห็นพิธีการดื่มสุรามงคลแบบโบราณ ภาชนะที่ใส่สุรามงคลนี้คือน้ำเต้าที่ผ่าครึ่งเป็นสองส่วน แล้วบ่าวสาวจะต้องดื่มเป็นคู่กันคนละจอกน้ำเต้านี้จะมีขนาดเล็กและมีความประณีต ตรงกลางจะมีเชือกสีแดงผูกเอาไว้ หลิงอวี๋กำลังสงสัยอยู่ว่าสุรามงคลเป็นเช่นนี้เองหรือ ก็ถูกเซียวหลินเทียนเกี่ยวแขนดึงกลับมาจากความคิดที่เลื่อนลอยออกไป“ดื่มสุรามงคลแล้ว นับตั้งแต่นี้ไปท่านทั้งสองก็จะเป็นหนึ่งเดียว จากนี้ไปต้องจับมือร่วมทุกข์ร่วมสุขไปด้วยกัน...”บรรดานางรับใช้พากันส่งเสียงโห่ร้องเซียวหลินเทียนมองหลิงอวี๋อย่างลึกซึ้ง แล้วเกี่ยวมือของหลิงอวี๋ให้ยกสุรามมงคลขึ้นสายตานี้ชนะคำพูดนับพันนับหมื่น หลิงอวี๋มองดวงตาที่งดงามของเขา พลันใจลอยไปเล็กน้อย จากนี้ไป คนผู้นี้จะเป็นของตนโดยสมบูรณ์แล้วหรือ?นางยกน้ำเต้าไปอยู่ที่ริมฝีปากตามสัญชาตญาณแล้วดื่มพร้อมกันกับเซียวหลินเทียน“เสร็จพิธีเพคะ พวกบ่าวมิรบกวนเวลาความรักของท่านมทั้งสองแล้วเพคะ...”พวกนางรับใช้หายไปกันหมดในทันที ทั้งยังปิดประตูให้ทั้งสองคนอย่างเอาใส
หลิงอวี๋กวาดสายตาผ่านผ้าคลุมหน้าไปรอบ ๆ ทั่วทั้งสถานที่ล้วนเป็นญาติสนิทมิตรสหายของพวกเขา พวกเขาเป็นพยานในการเริ่มต้นชีวิตใหม่ของตนกับเซียวหลินเทียนนับตั้งแต่นี้ไป นางมิใช่วิญญาณที่หลงทางจากโลกอื่นอีกแล้ว นางเป็นส่วนหนึ่งของฉินตะวันตกอย่างแท้จริงแล้ว“คารวะบุพการี...”หลิงอวี๋คารวะไปตามเสียงของท่านอ๋องเฉิง“สามีภรรยาคารวะกันและกัน!”หลิงอวี๋จับผ้าสีแดงที่อยู่ในมือแล้วหันไปทางเซียวหลินเทียนร่างสูงใหญ่นั้นเห็นเพียงแค่รูปร่างแต่นางรู้ว่าต่อไปคนผู้นี้จะเป็นที่พึ่งให้ตนได้แม้ว่าในภายภาคหน้าจะมีการทะเลาะเบาะแว้ง หรือมีเรื่องขัดแย้งกัน แต่นางก็เชื่อว่าพวกเขาจะต้องใช้ชีวิตของพวกเขาได้อย่างดี!นางคำนับลงไปเซียวหลินเทียนมองหลิงอวี๋ที่มีผ้าคลุมหน้าอยู่ก็พลันตัวสั่นเล็กน้อยอย่างตื่นเต้นนับแต่นี้ไป หลิงอวี๋ก็คือภรรยาของตน อดีตที่เลวร้ายเหล่านั้นเขาไม่มีหน้าจะเอ่ยถึงอีกแล้วชีวิตนี้เขาจะต้องรักนางให้มากเท่าที่จะทำได้ จะปกป้องนาง จะให้สิ่งที่ดีที่สุดแก่นาง ทำให้นางเป็นสตรีที่มีความสุขที่สุดในใต้หล้า!เซียวหลินเทียนเองก็คำนับลงไปเช่นกัน“เสร็จสิ้นพิธี!”ท่านอ๋องเฉิงยังคงยืนอยู่ต่อหน้
หลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนจัดงานแต่งงานคารวะฟ้าดินกันใหม่ เมื่อพวกหลิงซวนรู้เข้าก็ดีใจเป็นอย่างยิ่งกว่าจะเปลี่ยนจากความโกรธเกลียดมาเป็นสามีภรรยาอย่างแท้จริงได้ หลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนข้ามผ่านเส้นทางนี้กันมาอย่างยากลำบากจนนับมิถ้วน!เมื่อเทียบกับงานแต่งที่เหลวไหลเมื่อคราก่อน ครานี้เซียวหลินเทียนขอหลิงอวี๋แต่งงานอย่างจริงใจกำไลหยกเขียวมรกตได้ชดเชยเรื่องสินสอดในคราก่อนไปแล้ว เรื่องพิธีหลิงอวี๋ขอให้เป็นพิธีเรียบง่ายจัดโต๊ะเพียงมิกี่โต๊ะก็พอแล้วมิได้มีการประกาศออกไป และมิได้เชิญแขกคนอื่น ๆ เชิญเพียงแค่ผู้อาวุโสเช่นท่านอดีตเสนาบดี ไทฮองไทเฮาและท่านอ๋องเฉิงสามคนเท่านั้นท่านอดีตเสนาบดีถูกเชิญเข้าวังมาก็ยังคงสับสนมิรู้ว่าด้วยเรื่องใดไทฮองไทเฮาเองก็เช่นกัน ถูกเชิญมาถึงพระตำหนักคุนหนิงก็ยังมิรู้ว่านี่คือพิธีคารวะฟ้าดินที่จัดขึ้นเพื่อทั้งสองคนท่านอ๋องเฉิงคือคนที่เซียวหลินเทียนเพิ่มเข้ามา เขาเป็นราชสำนักฝ่ายใน ทั้งยังเป็นผู้อาวุโสที่เห็นเส้นทางที่พวกเขาผ่านมาอย่างใกล้ชิดที่สุด เมื่อจัดพิธีแต่งงานขึ้นอีกครั้ง จะขาดคนสำคัญผู้นี้ไปได้อย่างไร!แม่นมลี่เปลี่ยนชุดใหม่แล้วดึงเซียวเยวี่ยที่ใ
หลิงอวี๋ตกใจกับการเกี้ยวพาราสีอย่างกะทันหันของเซียวหลินเทียนจึงหน้าแดงขึ้นมาทันทีนี่… นี่คือการขอจะทำเรื่องเช่นนั้นกับตนหรือ?แต่นางยังมิได้คิดให้ดีเลยนะ!“อาอวี๋ ต่อให้คำสาบานใด ๆ จะสวยหรูสักแค่ไหนก็มิสู้การกระทำ! ข้าก็กำลังพยายามเต็มที่แล้ว!”เซียวหลินเทียนคว้ามือของหลิงอวี๋มาแนบที่หน้าอกของตน “ในนี้มีเพียงแค่เจ้า ชั่วชีวิตนี้ก็จะมีเพียงแค่เจ้าเท่านั้น! ไม่มีผู้ใดสามารถมาแทนที่เจ้าในใจของข้าได้!”“อาอวี๋ เรื่องของเมื่อวานก็ปล่อยให้มันผ่านไปแล้วเหลือแต่เรื่องของวันนี้ เรามาเริ่มต้นกันใหม่เถิด!”หลิงอวี๋ปฏิเสธมิออกหลิงซวนเคยบอกกับนางไว้แล้วให้นางลืมอดีต อย่าได้ปิดกั้นเซียวหลินเทียนอีกเลยนางมิใช่เจ้าของร่าง และมิได้เกลียดเรื่องที่เซียวหลินเทียนเฆี่ยนตีตนในตอนแรกแล้ว!และครานี้เมื่อเกิดเรื่องกับตน เซียวหลินเทียนก็ทำงานหนักเพื่อตนอย่างเต็มที่ นางเห็นความทุ่มเทของเขาทั้งหมดแล้วนางยังจะมีเหตุผลอะไรไปปฏิเสธเขาอีกเล่า?“หม่อมฉัน...”หลิงอวี๋พูดมิออก ปฏิเสธมิออกจริง ๆดูเหมือนว่าเซียวหลินเทียนจะมองความลังเลของนางออก มือทั้งสองของเขาจึงโอบนางไว้แล้วดึงเข้ามาในอ้อมแขนเขาก้มหน้
เมื่อเซียวหลินเทียนพูดออกมา หลิงอวี๋ก็นึกขึ้นได้ว่าเขาเคยเอ่ยถึงใต้เท้าเจี่ยงผู้นี้ว่าหอบรรพบุรุษในตระกูลเขาทำด้วยทองคำก่อนหน้านี้เซียวหลินเทียนส่งคนไปตรวจสอบแล้ว เช่นนั้นหลักฐานก็น่าจะสรุปได้แล้ว“อาอวี๋ เจ้าให้ข้าคิดหาวิธีสักหน่อยว่าจะโจมตีร้านตั๋วเงินสี่หลายอย่างไรโดยมิให้ราษฎรเหล่านั้นได้รับความเสียหาย”ก่อนหน้านี้เซียวหลินเทียนก็อยากจะจัดการใต้เท้าเจี่ยง แต่ก็คิดวิธีดี ๆ ที่จะทำให้ได้ผลดีทั้งสองฝ่ายมิได้ใต้เท้าเจี่ยงกับร้านตั๋วเงินสี่หลายมีความโยงใยกันไปหมด เซียวหลินเทียนกังวลว่าหากไปแตะใต้เท้าเจี่ยงแล้วจะทำให้ราษฎรเหล่านั้นได้รับความเสียหายไปด้วยก่อนหน้านี้หลิงอวี๋มิได้สนใจเรื่องนี้มากนัก แต่นางเป็นคนยุคปัจจุบัน เคยได้ยินได้เห็นธนาคารล้มเหลวมามากมาย การระดมทุนอย่างผิดกฎหมายสร้างความเสียหายให้ราษฎรอย่างหนักหากราชสำนักปล่อยปละละเลยร้านตั๋วเงินเหล่านี้ เช่นนั้นก็คงจะได้เห็นหายนะครั้งใหญ่การที่เซียวหลินเทียนใส่ใจในจุดนี้เป็นการกระโดดเชิงคุณภาพ เป็นกษัตริย์ผู้ทรงปัญญาที่ล้ำหน้ากว่าแคว้นใด ๆแต่เท่านี้ยังมิพอ ตอนนี้เซียวหลินเทียนตระหนักได้เพียงว่าร้านตั๋วเงินสี่หลายเป็นพวก
เซียวหลินเทียนทอดถอนใจพลางเอ่ย “ตอนนั้นเสด็จพ่อยังต้องพึ่งพาท่านอดีตเสนาบดีให้ช่วยพระองค์เฝ้าระวังที่ชายแดน ท่านอดีตเสนาบดีขอร้องให้หลิงเสียงกัง เสด็จพ่อก็มิอยากทำร้ายจิตใจขุนนางเก่าแก่ จึงไว้ชีวิตหลิงเสียงกัง!”หลิงอวี๋ยิ้มเยาะ มีจักรพรรดิสูงสุดเป็นเกราะป้องกันให้องค์ชายคัง มิน่าหลิงเสียงกังอยากจะพลิกคดีแต่กลับยากเย็นนักเกรงว่าตอนนั้นที่หลิงเสียงกังออกจากเมืองหลวงแล้วบอกจะออกไปตามหาความจริงก็คงเพราะมองจุดนี้ออกแล้ว“คดีกล่าวหาท่านลุงของหม่อมฉันคือเสด็จพ่อที่สร้างขึ้น หากตอนนี้ท่านจะพลิกคดีให้เขาก็จะเป็นการตั้งคำถามเสด็จพ่อของท่าน ไม่มีเหตุผลที่จะทำให้เหล่าขุนนางเชื่อมั่น การดึงคดีนี้ขึ้นมาก็จะเป็นการอกตัญญู!”หลิงอวี๋วิเคราะห์ได้ตรงประเด็นมากเซียวหลินเทียนกังวลว่า หลิงอวี๋จะเข้าใจผิดว่าตนมิยินดีจะล้างมลทินชื่อเสียงให้หลิงเสียงกัง จึงรีบเอ่ย “ข้าแค่จะบอกว่าหากต้องการจะพลิกคดีนี้ในเวลามินานนั้นเป็นไปมิได้! มิได้หมายความว่าข้าจะมิยินดีช่วยหลิงเสียงกังพลิกคดี!”“อาอวี๋ เรายังมีพื้นที่ให้จัดการเรื่องนี้!”เซียวหลินเทียนเอ่ยเสียงเรียบ “จนถึงตอนนี้เงินทหารสองล้านตำลึงนั้นก็ยังมิปราก