“สืบเงียบ ๆ!”หลิงอวี๋เห็นจ้าวซวนตื่นตัวพลันกระซิบ“สองวันนี้ข้าจักทำเรื่องแม่บ้านแทนชั่วคราว… ข้าทำสิ่งใจบ้างแล้วจักบอกเจ้า!”“พวกเราแบ่งปันความจริงกันแล้ว แม้ชิวเหวินซวงวางกลป้ายสีข้า ในใจเจ้าก็ต้องตระหนัก!”จ้าวซวนมิกล้ามองเป็นเรื่องเล็ก ความกังวลของหลิงอวี๋มิได้ไร้เหตุผล!หากชิวเหวินซวงกระทำเรื่องอย่างกับเดรัจฉานเช่นนี้จริง เช่นนั้นยังจะมีเรื่องใดที่นางทำไม่ได้อีก!“ขอรับ พระชายา ข้าจักเตรียมองครักษ์หญิงเงาให้ท่านสองคน!”จ้าวซวนกล่าวจริงจังรอบคอบ “พวกนางจักปกป้องท่านในที่ลับ ครั้นเวลาสำคัญเป็นพยานให้ท่านได้ด้วยขอรับ!”หลิงอวี๋มิคุ้นกับการมีคนจับตาดูตัวเองเงียบ ๆ มิติลับของนางมิอาจเปิดเผยได้นางเพิ่งคิดปฏิเสธ แต่เมื่อเห็นเซียวหลินเทียนหมดสติบนตั่งเตียง หลิงอวี๋ก็เปลี่ยนใจ“ได้ แต่แค่สองวันที่ข้าเป็นแม่บ้านเท่านั้น! ผ่านสองวันไป เจ้าต้องถอนพวกนางออก!”“ขอรับ! ข้าจักไปเตรียมเดี๋ยวนี้ขอรับ!”จ้าวซวนจากไปอย่างหนักอกหนักใจหลิงอวี๋กำลังจะวิจัยต่อ ทันใดนั้นก็มีเสียงเบา ๆ ในลานเรือนหลิงอวี๋ตระหนกครู่หนึ่ง เพิ่งคิดจะออกไปดูก็ได้ยินเสียงเรียกเบา ๆ ของปี้ไห่เฟิงที่ปากประตู “พระ
“พี่จ้าว อย่าได้สงสัยในทักษะทางการแพทย์ของข้าเลย ขอเพียงเจ้าหาปลิงน้ำจืดมาให้ข้าเพียงพอ พรุ่งนี้เจ้าจักได้เห็นท่านอ๋องของพวกเจ้ายิ้มให้เจ้าแล้ว!”หลิงอวี๋เอ่ยอย่างมั่นใจ“ขอรับ ข้าจักไปจัดการประเดี๋ยวนี้!”ขอเพียงยังมีความหวังริบหรี่ที่จะช่วยท่านอ๋องได้ จ้าวซวนก็จะไม่ยอมแพ้ ไม่ว่ามันจะสมเหตุสมผลหรือไม่ก็ตาม ไปหามันมาก่อนแล้วค่อยว่ากันจ้าวซวนรีบไปจัดการทันทีหลิงซวนเองก็รีบเข้ามาเช่นกัน เมื่อเข้ามาเห็นปี้ไห่เฟิงที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่ หลิงซวนก็ตกใจเช่นกัน“คุณหนูเจ้าคะ พี่ปี้ได้ข่าวอันใดมาจริง ๆ หรือเจ้าคะ?” หลิงซวนเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง“อืม เขาเอาข่าวดีมาให้!”หลิงอวี๋ปิดประตู แล้วสั่งให้หลิงซวนช่วยพยุงปี้ไห่เฟิงไปที่เก้าอี้ที่หลิงอวี๋พักมาสองวันแล้ว“พี่ปี้ ข้าใช้หมาเฟ่ยซาน(1)กับเจ้า มิต้องกังวล เมื่อเจ้าฟื้นขึ้นมา การผ่าตัดของข้าจักเสร็จเรียบร้อยแล้ว!”หลิงอวี๋อธิบายกระบวนการผ่าตัดให้ปี้ไห่เฟิงฟังอย่างง่าย ๆปี้ไห่เฟิงได้รับบาดเจ็บสาหัส ได้ยินเพียงเสียงที่ทำให้คนฟังสบายใจของหลิงอวี๋เท่านั้น“หลังการผ่าตัดเจ้าก็ดูแลตัวเองให้ดี หากหายดีแล้ว หลังจากนั้นหนึ่งเดือนจักสามารถค
“พระชายา ตั๋วเงินนี่มิได้ใช้ ข้าคืนขอรับ!”เขายื่นตั๋วเงินให้หลิงอวี๋ หลิงอวี๋รับมันมา ดึงออกมาสองใบแล้วมอบให้ปี้ไห่เฟิง“พี่ปี้เก็บเงินส่วนนี้ไว้เถิด ฝากขอบคุณพี่น้องของเจ้าแทนข้าด้วย หากไม่มีข่าวดีที่เจ้านำมา ข้าก็คงคิดหาวิธีช่วยท่านอ๋องมิได้!”“เงินเล็กน้อยนี้เอาไปให้พวกเขาซื้อเหล้ากินเถิด!”ปี้ไห่เฟิงลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วรับมาสองปีมานี้เขาตกต่ำ มิสนใจอะไรไปมากกว่าการที่เขากินอิ่มและทั้งครอบครัวไม่หิว!แต่ครั้งนี้ตนหนีรอดมาได้เพราะพวกพี่น้องเสี่ยงชีวิตช่วยไว้ เงินจำนวนนี้ เอาไปให้ครอบครัวของพวกพี่น้องก็แล้วกัน!ปี้ไห่เฟิงแอบตัดสินใจ พระชายาดีกับเขาถึงเพียงนี้ เขาสาบานว่าจะภักดีต่อพระชายาไปจนตายอย่างแน่นอน!กระทั่งแม่นมลี่นำไข่ต้มน้ำตาลทรายแดงกับเสื้อผ้ามาให้ ปี้ไห่เฟิงก็กินมันจนหมด สวมเสื้อผ้าที่สะอาดไว้ข้างนอกแล้วออกไปหลิงอวี๋ไม่สนใจเรื่องการพักผ่อน จ้าวซวนกลับมาแล้วพร้อมกับองครักษ์และปลิงน้ำจืดตะกร้าใหญ่“พระชายา ดูสิ หากยังมิพอพวกเราจักไปจับมาอีกขอรับ!”หลิงซวนเห็นปลิงจำนวนมากเบียดเสียดกันอยู่ ก็แทบจะอาเจียนออกมาอย่างขยะแขยงแต่หลิงอวี๋กลับราวกับได้เห็นสมบัติพลางเอ
“เหตุใดท่านอ๋องยังมิตื่น?”หลังจากจ้องมองมาเป็นเวลานาน เซียวหลินเทียนก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะตื่นเลยลู่หนานเอ่ยถามอย่างทนไม่ไหว “พระชายา ยาเหล่านั้นมิได้ผลใช่หรือไม่ขอรับ?”“รีบร้อนกระไรกัน! หัวใจของเซียวหลินเทียนเต้นช้า ข้าให้ยาแรงกับเขามิได้ การให้น้ำเกลือนี้จะทำให้เขาค่อย ๆ ปรับตัว!”หลิงอวี๋เหลือบมองขวดอย่างเหนื่อยล้าพลางสั่ง “เจ้าดูขวดนี้ไว้ ยาหยดหมดแล้วก็ไปเรียกข้าเถอะ!”“หากเซียวหลินเทียนไม่มีปฏิกิริยาต่อต้านยาขวดนี้ ข้าจักเพิ่มขนาดยาในขวดต่อไป จากนั้นอีกขวดหนึ่งเขาก็น่าจะฟื้นขึ้นมาแล้ว!”ทันทีที่จ้าวซวนได้ยินสิ่งนี้ก็รีบเอ่ย “นี่เป็นเรื่องเล็กน้อย ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพวกเราเถิด! พระชายาไปพักผ่อนสักหน่อยเถิดขอรับ!”หลิงอวี๋ทนไม่ไหวจึงพยักหน้าแล้วเดินไปที่ประตูห้องถัดไป นอนลงบนเก้าอี้ ปิดเปลือกตาลงแล้วหลับไปภายในไม่กี่วินาทีในขณะที่กำลังสะลึมสะลือ ก็ได้ยินเสียงคนพูดคุยกันอยู่ข้างนอก“พี่จ้าว ยาของข้าสามารถช่วยท่านอ๋องได้อย่างแน่นอน! เจ้าให้ท่านอ๋องกินแล้วท่านอ๋องจักฟื้นทันที!”“ยาของพระชายานี่เกือบจะหมดขวดแล้ว ท่านอ๋องก็ยังมิฟื้น เช่นนั้นมันคงมิได้ผลแน่นอน!”“พี่จ้าว ห
พระชายาหรงเป็นน้องสาวของพระชายาอวิ๋นในองค์จักรพรรดิผู้เป็นแม่ของเซียวหลินเทียน นายท่านเสิ่นเป็นท่านตาของเซียวหลินเทียน ส่วนท่านลุงเสิ่นเป็นลุงของเซียวหลินเทียนและคุณหนูใหญ่ตระกูลเสิ่นก็คือเสิ่นจวนที่ต่อต้านตนมาโดยตลอด!ก่อนหน้านี้คนในตระกูลเสิ่นไม่เคยมาที่ถึงที่ตำหนักมาก่อน นี่ก็ไม่รู้ว่าลมอะไรหอบมากันได้!หลิงอวี๋ทำได้เพียงพาพวกจ้าวซวนออกไปต้อนรับกับพระายาหรงเคยได้พบกันที่งานฉลองในวังเมื่อครั้งที่แล้ว ตอนนั้นนางเออออไปกับคำพูดของพระชายาผิงหยาง ให้เซียวหลินเทียนหย่ากับตนเอง หลิงอวี๋ไม่มีความประทับใจที่ดีต่อนางสักเท่าไหร่ส่วนกับนายท่านสิ่นนี่หลิงอวี๋ได้พบกับเขาเป็นครั้งแรก แล้วก็เห็นว่าผมของนายท่านผู้นี้ถูกหวีอย่างพิถีพิถันมาก ไม่มีผมตรงไหนยุ่งเลยแม้แต่น้อยเขามีรูปร่างเตี้ย ใบหน้าอวบอ้วน และมีเคราแพะตรงคางท่านลุงเสิ่นที่อยู่ข้างหลังนายท่านเสิ่น มีหนวดกระจุกสั้น ๆ และดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้นก็จมลึกตรงเบ้าตาเขาเป็นคนสูง ไหล่กว้าง มีท่าทีเศร้าหมอง มองปราดเดียวก็รู้ว่าเขามิใช่คนที่จะเข้ากับใครง่าย!เสิ่นจวนยืนอยู่ข้างหลังพวกเขา ใบหน้าของนางดูซีดเซียวเล็กน้อยหลังจากถูกไทเฮาตำหนิ
ท่านลุงเสิ่นมิได้ใจแคบเหมือนนายท่านเสิ่น เขามาด้วยสองจุดประสงค์หากได้รับการยืนยันว่าเซียวหลินเทียนช่วยชีวิตมิได้แล้ว เช่นนั้นก็จะใช้ข้ออ้างว่าหลิงอวี๋จงใจมิช่วยเซียวหลินเทียน ไปขอให้องค์จักรพรรดิทำการหย่าหลิงอวี๋ แล้วยึดทรัพย์สินในตำหนักอ๋องอี้แต่หากได้รับการยืนยันว่าเซียวหลินเทียนยังคงช่วยชีวิตได้ เช่นนั้นก็หาโอกาสให้เสิ่นจวนแต่งงานกับเซียวหลินเทียนเสิ่นจวนถูกไทเฮาตำหนิ ชื่อเสียงของนางถูกทำลาย มิสามารถไปหาคนดี ๆ ในเมืองหลวงได้อีกแล้ว!แต่ขอเพียงเซียวหลินเทียนยังมีชีวิตอยู่ และสามารถแย่งโครงการก่อสร้างฟื้นฟูร้านค้ากลับคืนมาได้ ตระกูลเสิ่นก็จะได้ผลประโยชน์ไปด้วย!โครงการก่อสร้างฟื้นฟูร้านค้าใหญ่ถึงเพียงนั้น สามารถสร้างเงินมหาศาลได้!แม้ว่าขาของเซียวหลินเทียนจะพิการ ไม่มีวาสนาได้เป็นองค์รัชทายาท แต่หากเขาสามารถช่วยทำเงินให้ตระกูลเสิ่นได้ เขาก็จะตายไม่ได้!ทันทีที่ได้ยินว่ามียาแก้พิษ ดวงตาของท่านลุงเสิ่นก็เป็นประกายลุกวาว พลางตะโกนด้วยความโกรธ“หลิงอวี๋ เจ้ามีเจตนาอันใดกัน? มียาแก้พิษกลับมิให้เทียนเอ๋อร์ใช้รักษา เจ้าจักฆ่าเทียนเอ๋อร์ใช่หรือไม่?”“หมอว่าน เอายาแก้พิษไปให้เทียนเ
จ้าวซวนเป็นชายร่างสูง ทั้งยังอยู่ในวัยหนุ่มด้วยในช่วงสองวันมานี้เขาใกล้ชิดกับหลิงอวี๋มาก เขาคิดว่าตนกับหลิงอวี๋บริสุทธิ์ใจ แต่ก็ทนมิได้กับการใส่ร้ายเช่นนี้จ้าวซวนโกรธมากจนหน้าแดง แต่อีกฝ่ายคือพระชายาหรงในองค์จักรพรรดิ เขาจะตบพระชายาหรงได้หรือ?หลิงอวี๋ในแง่มุมของตระกูลเสิ่นนั้น ต่างถูกกล่าวหาจากคนนั้นทีคนนี้ทีว่าสมคบคิดที่จะสังหารเซียวหลินเทียนเพื่อยึดทรัพย์สินของครอบครัวก่อนหน้านี้นางแค่อยากให้เซียวหลินเทียนปลอดภัย มิได้อยากจะถือสาหาความกับตระกูลเสิ่น!บัดนี้เห็นพระชายาหรงที่นานไปก็ยิ่งทำเกินไปเช่นนี้ ทั้งยังทำลายชื่อเสียงตนหาว่ามีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวอีก แล้วยังจะทนต่อไปได้เยี่ยงไร!ตระกูลเสิ่นคิดว่าจะรังแกตนเองได้ง่าย ๆ หรือ?หลิงอวี๋ตะคอกด้วยความโกรธ “พระชายาหรงโปรดระวังวาจาด้วย! ข้ากับพี่จ้าวบริสุทธิ์ใจ พระชายามาใส่ร้ายพวกเราส่ง ๆ เช่นนี้ หมายความเยี่ยงไร?”“ข้าเคารพท่านในฐานะผู้อาวุโส แต่ท่านผู้เป็นผู้อาวุโสกลับมาใส่ร้ายผู้อื่นง่าย ๆ โดยไม่มีหลักฐานใดเช่นนี้ มันได้หรือ?”“องครักษ์จ้าวสละชีวิตช่วยท่านอ๋อง ในช่วงหลายวันมานี้เขามิสนใจพักผ่อนแล้ว เอาแต่ออกไปหายาแก้พิษให
หลิงอวี๋พูดไม่ออก มองตระกูลเสิ่นที่เข้ามาแบบเอิกเกริก แต่กลับทิ้งเสิ่นจวนไว้ ที่แท้นี่ก็คือเป้าหมายสุดท้ายของพวกเขานี่เอง!เสิ่นจวนผู้นี้ ดูเหมือนจะเปลี่ยนไปมากทีเดียว แต่หลิงอวี๋ไม่เชื่อเด็ดขาดว่านางจะแค่อยู่ดูแลเซียวหลินเทียนเท่านั้นนี่ต้องมาเพราะจุดประสงค์ในการแต่งงานกับเซียวหลินเทียนเป็นแน่!มิฉะนั้นสตรีที่ยังมิได้แต่งงาน ดูแลผู้ชายอยู่ข้างกายเช่นนี้ มันมีเหตุผลหรือ?“ท่านพี่ ท่านพี่ต้องกระหายน้ำแน่! หม่อมฉันเอาน้ำให้!”เสิ่นจวนไม่สนใจสิ่งที่ทุกคนคิด นางเข้าสู่บทบาททันที เข้ามาดูแลเซียวหลินเทียนอย่างขยันขันแข็งเมื่อเห็นคนเหล่านี้ไม่ออกไปข้างนอก เสิ่นจวนจึงเอ่ยอย่างไม่พอใจ “พวกเจ้าออกไปกันให้หมด ข้าดูแลท่านพี่ก็พอแล้ว!”“ท่านพี่เพิ่งฟื้นต้องการพักผ่อนให้มาก พวกเจ้าอยู่กันมากเพียงนี้ จักรบกวนเขาท่านพี่!”นางรับใช้ที่เสิ่นจวนพามาสองคนร่วมมือกันไล่พวกเขาออกไปทันทีหลิงอวี๋เหลือบมองเซียวหลินเทียน เห็นว่าเขาดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่จึงเอ่ย“ท่านอ๋องพักผ่อนเถิด อีกเดี๋ยวหม่อมฉันมาดูท่านอีก!”นางเดินนำออกไป แม้ว่าจุดประสงค์ของเสิ่นจวนจะไม่บริสุทธิ์ แต่ก็ไม่มีทางทำร้ายเซียวหลินเทียนห
ต่งเฉิงมองหลิงอวี๋พลางพยักหน้ารัว ๆ แล้วพูดด้วยรอยยิ้มพร้อมกับลูบเคราของตัวเองว่า “สาวน้อยนางนี้รู้จักเครื่องยาสมุนไพรมากมายเช่นนี้นับว่าหายาก!”เครื่องยาสมุนไพรเหล่านี้มิใช่สมุนไพรธรรมดาทั้งหมด นอกจากเครื่องยาสมุนไพรที่ใช้ในการกลั่นโอสถระดับต้นแล้ว ยังมีระดับกลางและระดับสูงจำนวนเล็กน้อยอีกด้วยโดยทั่วไป ผู้เข้าสอบที่ตอบได้เจ็ดสิบถึงแปดสิบชนิดก็ถือว่ายอดเยี่ยมมากแล้ว ทว่าหลิงอวี๋สามารถตอบได้มากกว่าหนึ่งร้อยชนิด ถือว่าเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์สูงเลยทีเดียวเพิ่งเข้ามาก็ทำคะแนนได้ดีถึงเพียงนี้ หากนางได้เรียนอย่างเป็นระบบก็คงแซงหน้าบัณฑิตคนอื่นได้ในมิช้า“ตึง ตึง ตึง!”เมื่อเสียงกลองดังขึ้นสามครั้ง การสอบแข่งขันของกลุ่มนี้ก็สิ้นสุดลง“หนึ่งร้อยยี่สิบเจ็ดคะแนน!”กลองหยุดลงแล้ว และบนใบหน้าของศิษย์พี่หญิงก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้นเป็นครั้งแรก นางหยิบป้ายส่งให้หลิงอวี๋พร้อมรอยยิ้ม“การสอบแข่งขันรอบต่อไปจะจัดขึ้นในช่วงบ่าย! ความสามารถในการจำแนกเครื่องยาสมุนไพรของเจ้าดีที่สุดในรอบนี้ ทำให้ดีล่ะ!”“ขอบคุณศิษย์พี่หญิง!”หลิงอวี๋รับป้ายมาด้วยความตื่นเต้น พลางหันไปดูผู้เข้าสอบคนอื่น ๆ ที่กำลังมองนางด้
เป็นไปตามคาด หลิงอวี๋เห็นใบหน้าที่งดงามทว่าโหดร้ายนั้น และนั่นก็คือศัตรูที่นางมิอาจลืมเลือน...จ้าวหรุ่ยหรุ่ย!ชั่วขณะนั้นดวงตาของหลิงอวี๋เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว พลางนึกอยากจะรุดเข้าไปฉีกจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเป็นชิ้น ๆ เพียงหลับตา นางก็มิอาจควบคุมตนมิให้นึกถึงฉากที่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยเตะต่อยตนความเจ็บปวดและเลือดสด ๆ อีกทั้งความทุกข์ทรมานจากการสูญเสียลูกไปทำให้หลิงอวี๋มิอาจลืมความเกลียดชังที่ตนมีต่อจ้าวหรุ่ยหรุ่ยได้เลย!คาดมิถึงว่าศัตรูจะปรากฏตัวต่อหน้าตนเช่นนี้!หลิงอวี๋ตื่นตัวมากจนร่างกายสั่นเทา แต่นางก็ยังสามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ได้นางมิใช่คู่ต่อสู้ของจ้าวหรุ่ยหรุ่ย การวู่วามลงมือมีแต่จะเป็นการรนหาที่ตายเท่านั้นหลิงอวี๋สูดหายใจเข้าลึกพลางมองเด็กสาวที่ประกาศสงครามกับจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเด็กสาวคนนี้ดูอายุราว ๆ สิบหกสิบเจ็ดปี มีรูปร่างสูง ใบหน้ารูปไข่ คิ้วโค้งเหมือนพระจันทร์เสี้ยว และดวงตาแวววาวสดใสผมสีดำสนิทของนางถูกแสกกลางและถักเป็นเปียยาวสองข้างพันไว้รอบมวยผม ข้าง ๆ มวยผมนั้นมีปิ่นมุกปักประดับอยู่สองอันเด็กสาวสวมชุดกระโปรงสีม่วงควันธูป และเมื่อดูจากเนื้อผ้าแล้ว นางน่าจะเป็นค
ข่าวที่สือหรงนำมาให้เซียวหลินเทียนมิใช่ข่าวดี จ้าวหรุ่ยหรุ่ยยังคงอยู่ในตำหนักเทียนจีและมิได้มาลงทะเบียนด้วยตนเองหากอยากพบกับจ้าวหรุ่ยหรุ่ย ก็ทำได้แค่ต้องรอจนถึงวันคัดเลือกรอบแรกเท่านั้นแต่เซียวหลินเทียนก็มิย่อท้อ ถึงอย่างไรขอเพียงจ้าวหรุ่ยหรุ่ยปรากฏตัว เขาก็จะไม่มีทางปล่อยนางหนีไปอีกแน่ ให้นางเป็นอิสระอีกสักสองสามวันก็คงมิเป็นไร!ในช่วงวันเวลาที่เหลือ หลายคนเก็บตัวอยู่แต่ในบ้านเช่นเดียวกับหลิงอวี๋ พวกเขาอ่านตำราอย่างหนักและเพิ่มพูนความรู้ที่ขาดไป เพื่อที่จะผ่านการคัดเลือกและได้เข้าเรียนที่สำนักศึกษาชิงหลงทว่าหลิงอวี๋มิรู้เลยว่าศัตรูของตนมาถึงเมืองหลวงแดนเทพแล้ว หลังจากเอาแต่ปิดห้องอ่านตำราเป็นเวลาหลายวันนางก็มาที่สำนักศึกษาชิงหลงที่อยู่นอกเมืองในวันแห่งการคัดเลือก โดยมีผู้รอบรู้เรื่องร่วมเดินทางด้วยหน้าทางเข้าสำนักศึกษาชิงหลงเต็มไปด้วยผู้คนทั้งบุรุษและสตรี ทั้งเด็กและผู้ใหญ่รวมกันนับพันคนผู้รอบรู้เห็นเช่นนั้นก็ทึ่งจนพูดมิออก และอ้ำอึ้งพูดออกไปว่า “รู้เช่นนี้ข้าน่าจะมาลงทะเบียนเข้าเรียนที่สำนักศึกษาชิงหลงกับเจ้าด้วย เฮ้อ ตอนนี้มันสายไปเสียแล้ว!”หลิงอวี๋ยิ้ม นางรู้ว่าผู้รอบร
“เถาจื่อ หานอวี้ วันพรุ่งพวกเจ้าไปลงทะเบียนเสีย!”เซียวหลินเทียนทำการตัดสินใจและกำชับว่า “ลงทะเบียนในชื่อของน้องสาวข้า!”“เผยอวี้ ฉินซาน พวกเจ้าสองคนก็ไปลงทะเบียนสาขาที่ตนเองชื่นชอบด้วย พวกเจ้าทั้งคู่บอกแค่ว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องของข้าก็พอ!”เมื่อได้ยินเช่นนั้น พวกเขาทุกคนก็หัวเราะอย่างมีความสุข พลางพยักหน้าและจัดลำดับอาวุโสกันให้เซียวหลินเทียนเป็นพี่ใหญ่ของทุกคน เถาจื่อเป็นพี่หญิงใหญ่ หานเหมยเป็นพี่น้องคนที่สาม และหานอวี้เป็นคนที่สี่เซียวหลินเทียนได้บอกจุดประสงค์ของภารกิจให้พวกเขาทราบแล้ว เถาจื่อกับหานอวี้ต้องให้ความสำคัญกับฝั่งของสตรีวันรุ่งขึ้น เถาจื่อและหานอวี้ไปลงทะเบียน และทั้งคู่ก็เลือกวิชาปรุงโอสถเนื่องจากก่อนหน้านี้พวกนางเคยตามหลิงอวี๋ไปจำแนกเครื่องยาสมุนไพรหลายชนิด ในความคิดของพวกนาง การกลั่นโอสถเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการผ่านการประเมินมีชั้นเรียนที่สอนการกลั่นโอสถเพียงสองแห่งเท่านั้น ดังนั้นเถาจื่อและหานอวี้จึงต้องลงทะเบียนเรียนคนละชั้นเรียนและเถาจื่อก็ได้ลงทะเบียนเรียนชั้นเรียนของหอโอสถซ่างกู่เซียวหลินเทียน เผยอวี้และคนอื่น ๆ ก็ไปลงทะเบียนด้วยเซียวหลินเทียนลงทะ
เผยอวี้เหลียวซ้ายแลขวาไปรอบ ๆ เมืองหลวงแดนเทพที่เจริญรุ่งเรืองราวกับคนบ้านนอก ทำเอาเขาอดมิได้ที่จะถอนหายใจ“มิแปลกใจที่ทุกคนล้วนพูดว่าเมืองหลวงแดนเทพเจริญรุ่งเรือง เพราะที่นี่เจริญจริง ๆ ดังคำกล่าว นายท่านอู่ เมืองหลวงแดนเทพแห่งนี้ใหญ่กว่าเมืองหลวงในฉินตะวันตกของพวกเราหลายเท่านัก!”เซียวหลินเทียนวางแผนใช้คำในชื่อจักรพรรดิเซิ่งอู่ของตนเป็นแซ่ ดังนั้น เผยอวี้และคนอื่น ๆ จึงได้เปลี่ยนมาเรียกเซียวหลินเทียนว่านายท่านอู่หานอวี้กับเถาจื่อและคนอื่น ๆ ที่ได้รีบมารวมตัวกับกลุ่มของเซียวหลินเทียนต่างพยักหน้าเห็นด้วยอย่างเงียบ ๆทว่าเซียวหลินเทียนกลับรู้สึกเบื่อหน่ายขึ้นมา เมืองหลวงแดนเทพเจริญรุ่งเรืองแล้วอย่างไร?หากไม่มีหลิงอวี๋อยู่เคียงข้าง มิว่าทิวทัศน์จะสวยงามเพียงใดมันก็ไร้ประโยชน์ยิ่งเมืองหลวงแดนเทพเจริญรุ่งเรืองและมีขนาดใหญ่มากเท่าไร การตามหาหลิงอวี๋ก็จะยิ่งยากมากเท่านั้นท่ามกลางฝูงชนมหาศาลนี้เขาจะหาตัวหลิงอวี๋ของเขาพบได้อย่างไร?ฉินซาน หานเหมยและสือหรงล่วงหน้ากันไปก่อน ในช่วงที่ยังสร้างตำหนักปีกเงินแห่งใหม่มิเสร็จนี้ ทั้งสามคนได้ซื้อที่ดินใหญ่ที่มีหกส่วนเพื่อให้ทุกคนใช้เป็นที่อย
หลิงอวี๋เห็นด้วยกับผู้รอบรู้ เพื่อป้องกันมิให้คนอื่นสงสัยว่านางกับผู้รอบรู้มิใช่พี่น้องกันแท้ ๆ นางจึงเปลี่ยนแซ่ของตนเป็นแซ่เดียวผู้รอบรู้และใช้นามว่า สิงอวี๋วันรุ่งขึ้น หลิงอวี๋ไปที่ห้องโถงหลักของหอโอสถซ่างกู่เพื่อลงทะเบียน ที่ทางเข้าหอโอสถซ่างกู่นั้นมีทั้งบุรุษและสตรีต่อแถวยาวเป็นหางว่าวหลิงอวี๋รู้สึกเวียนหัวขึ้นมาเมื่อเห็นแถวยาวถึงเพียงนี้ ต้องต่อแถวไปถึงเมื่อไรกว่าตนจะได้ลงทะเบียนเล่านี่!แต่เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ เพื่ออนาคตของตนในวันข้างหน้า นางก็ทำได้เพียงต่อแถวต่อไปอย่างว่าง่ายเท่านั้นคุณหนูและนายน้อยบางส่วนมิได้มาด้วยตนเอง แต่ส่งสาวใช้และคนรับใช้ไปต่อแถวให้เด็กสาวท่าทางเหมือนคุณหนูที่อยู่ข้างหลังหลิงอวี๋เห็นเช่นนั้นก็ยิ้มเยาะขึ้นมา“แม้แต่มาต่อแถวก็ยังไม่มีความจริงใจ แต่กลับอยากเป็นศิษย์ของอาจารย์เย่น่ะหรือ คนเช่นนี้สมควรถูกปัดตกไปเสีย!”สาวใช้ด้านหน้าหลิงอวี๋ที่มาต่อแถวแทนเจ้านายได้ยินเช่นนั้นก็พูดอย่างดูถูกว่า “ไม่มีใครตั้งกฎว่าห้ามสาวใช้มาต่อแถวให้นี่! ตระกูลเหลยของท่านขัดสนมากจนไม่มีเงินจ้างสาวใช้หรืออย่างไร?”เหลยเหวินโกรธจัดและตะโ
หลิงอวี๋มิได้ถือโทษผู้รอบรู้และกล่าวว่า “พี่ใหญ่มิต้องกังวลไป กินข้าวกันก่อนเถิด ท่านซื้อตำรับกลั่นโอสถมิได้ก็ช่างมัน ข้ามีที่เรียนแล้ว!”ในขณะที่กำลังกินข้าวหลิงอวี๋ก็เล่าให้ผู้รอบรู้ฟังว่าสำนักศึกษาชิงหลงกำลังรับสมัครบัณฑิตวิชาปรุงโอสถ“วันพรุ่งข้าจะไปลงทะเบียน หากข้าได้ที่หนึ่ง ข้าก็จะได้เรียนวิชาปรุงโอสถโดยมิต้องเสียเงินแม้แต่แดงเดียว!”แต่แม้จะมิได้ที่หนึ่งหลิงอวี๋ก็คิดว่าตนสามารถหาเงินห้าหมื่นอีแปะจากการขายตำรับยาเพียงมิกี่เล่ม นางจึงมิได้เก็บมาใส่ใจ“พี่ใหญ่ ตอนที่ลงทะเบียนมีปรมาจารย์ให้เลือกเรียนด้วยสองคน ข้ามิรู้ว่าควรจะเลือกปรมาจารย์คนไหน วันพรุ่งท่านช่วยไปสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับนิสัยของแต่ละคนให้ข้าหน่อยนะ!”เมื่อผู้รอบรู้ได้ยินว่า นักปรุงโอสถแห่งหอโอสถไป๋เป่าและซ่างกู่จะรับหน้าที่เป็นครู เขาก็พูดโดยมิลังเลว่า “มิจำเป็นต้องไปสอบถามหรอก เลือกครูของหอโอสถซ่างกู่สิ!”“เพราะเหตุใดหรือ?” หลิงอวี๋ถามด้วยความอยากรู้ผู้รอบรู้ยิ้มหยัน “คนของหอโอสถไป๋เป่าเหล่านั้นเป็นพวกยโสชอบดูถูกคนอื่น! เพราะคนที่อยู่เบื้องหลังหอโอสถของพวกเขาคือฮูหยินของเจ้าแห่งทะเลของตระกูลหลงอย่างไรเล่า!”“
เมื่อเห็นบรรยากาศที่แสนจะคึกคัก หลิงอวี๋ก็เข้ามาดูว่าเกิดอะไรขึ้นนางเห็นประกาศว่า สำนักศึกษาชิงหลงกำลังรับสมัครบัณฑิตในหลายสาย เช่น สายนักปรุงโอสถ สายนักสร้างอาวุธ สายนักทำนายดวงดาว สายนักอัญเชิญ และสายจอมยุทธ์ ขณะที่หลิงอวี๋กำลังอ่านประกาศ นางก็ได้ยินผู้คนรอบ ๆ พูดคุยกันจากบทสนทนาของพวกเขา ทำให้หลิงอวี๋ได้รู้ว่า สำนักศึกษาชิงหลงนั้นอยู่ในการดำเนินงานของราชสำนักซึ่งให้การศึกษาด้านการฝึกฝนในระดับสูงผู้ที่ดำรงตำแหน่งเป็นครูคือปรมาจารย์ที่โดดเด่นในด้านต่าง ๆ หากมีบัณฑิตที่มีความเป็นเลิศประจักษ์แก่สายตาของอาจารย์เหล่านี้ พวกเขาก็สามารถรับเป็นศิษย์และเข้าร่วมกับกองทัพของราชสำนัก หรือสำนักใหญ่ ๆ ได้แดนเทพเปิดกว้างมากเรื่องความแตกต่างระหว่างบุรุษและสตรี สตรีนั้นสามารถเข้ามาร่ำเรียนในสำนักศึกษาและได้รับการปฏิบัติเช่นเดียวกับบัณฑิตชายหลิงอวี๋รู้สึกถูกใจในสิ่งที่ได้เห็น การที่ได้ไปร่ำเรียนในสำนักศึกษาเช่นนี้ จะทำให้ตนเข้าใจการปรุงโอสถได้ง่ายขึ้น ดีกว่าลองผิดลองถูกมิใช่หรือ?นางตั้งใจอ่านอีกครั้ง ข้อกำหนดในการลงทะเบียนมิได้เข้มงวดเกินไป และใช้เงินเพียงห้าตำลึงเงินเท่านั้นในการลงทะเบี
หลิงอวี๋และผู้รอบรู้ได้มาถึงเมืองหลวงแดนเทพ เหมือนกับที่ผู้รอบรู้บอก เมืองหลวงแดนเทพเต็มไปด้วยโอกาสเพราะที่นี่มีผู้บำเพ็ญตนมากมายและเต็มไปด้วยกลุ่มคนน้อยใหญ่อยู่ทั่วทุกหนแห่งหลิงอวี๋เองก็รู้สึกทึ่งกับความเจริญรุ่งเรืองของเมืองหลวงแดนเทพ มีร้านค้าอยู่ทั่วทุกมุมและสินค้าที่ขายก็มีความหลากหลายแปลกตาและสวยงามเช่นเดียวกัน ราคาที่อยู่อาศัยในเมืองหลวงแดนเทพก็มีราคาแพงสองวันแรกทั้งสองคนพักที่โรงเตี๊ยมเล็ก ๆ บริเวณชานเมือง ซึ่งมีค่าใช้จ่ายคืนละห้าสิบตำลึงเงินหลังจากใช้ความพยายามอย่างมาก ในที่สุดผู้รอบรู้ก็ได้ซื้อเรือนเล็ก ๆ ของตรอกเล็กในเมืองที่อยู่ไกลออกไปโดยใช้เงินไปเกือบสามหมื่นนี่เทียบเท่ากับการใช้สมบัติของหลิงอวี๋ไปมากกว่าครึ่งหนึ่ง ซึ่งทำให้ผู้รอบรู้รู้สึกปวดใจอยู่นานแต่หลิงอวี๋พอใจแล้ว การซื้อเรือนเล็ก ๆ แห่งนี้ได้ในราคาต่ำเช่นนี้ ถือว่าผู้รอบรู้ก็มีความสามารถ มิเช่นนั้น หากดูตามราคาตลาด เรือนแห่งนี้อาจมีราคาสูงถึงห้าหมื่นด้วยซ้ำ“พี่ใหญ่ เงินหมดก็หาใหม่ได้ มิต้องเสียใจไปหรอก พวกเรามีบ้านแล้วก็สามารถหาอาชีพทำมาหากินได้”หลิงอวี๋พูดปลอบอีกฝ่ายด้วยความมั่นใจเรือนเล็กนี้รวมห