หลี่ว์เซียงส่งหลิงอวี๋ออกมา แถมขออภัยแทนความเสียมารยาทของหลี่ว์ฟางฟางอย่างจริงจังอีกหลิงอวี๋มองความถ่อมตัวเช่นนี้ของหลี่ว์เซียง ยิ่งเคารพหลี่ว์เซียงมากขึ้นนางนึกถึงเซียวหลินเทียนกำลังรอพูดคุยกับหลี่ว์เซียง พลันกล่าว“ท่านลุง คืนนี้ท่านอ๋องอี้เสด็จมาเป็นเพื่อนข้ามีเรื่องอยากคุยกับท่าน! ท่านลุงก็คุยกับเขาดูเถิดเจ้าค่ะ!”หลี่ว์เซียงได้ยินสีหน้าพลันมืดลงทันใดเห็นแก่หลิงอวี๋เพิ่งรักษาโรคให้มารดาตน หลี่ว์เซียงไม่อยากให้หลิงอวี๋เสียหน้า จึงดึงหน้าพลางเดินเข้าห้องรับรองพร้อมกับหลิงอวี๋หลี่ว์จงเจ๋อรู้สึกได้ถึงความโกรธของบิดา หวั่นหลิงอวี๋ถูกเซียวหลินเทียนข้องเกี่ยวจึงเดินตามเข้าไป“ท่านอัครเสนาบดีหลี่ว์!”เซียวหลินเทียนรอมาค่อนวันแล้วถึงเห็นหลี่ว์เซียงมา เขายิ้มเล็กน้อยพลางเอ่ยทักทายก่อน“พระชายาอ๋องอี้พูดว่าท่านอ๋องทรงมีเรื่องอยากคุยกับกระหม่อม!”อัครเสนาบดีหลี่ว์นั่งลงกล่าวตรงไปตรงมา “ท่านอ๋อง หากเป็นเกี่ยวเนื่องถึงการโต้แย้งแบ่งพรรคพวก นั่นท่านอ๋องก็มิต้องตรัสแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”“กระหม่อมจงรักภักดีแค่กับองค์จักรพรรดิ! ฝ่าบาทประสงค์แต่งตั้งผู้ใดเป็นรัชทายาท กระหม่อมย่อมสนับสนุนผู้น
คำพูดของหลี่ว์จงเจ๋อทำให้หลี่ว์เซียงโกรธทันที เดิมคิดรีบไล่เขาไป หลี่ว์จงเจ๋อรู้เรื่องลับเช่นนี้ยิ่งน้อยเท่าไรยิ่งปลอดภัยเท่านั้นทว่าหลี่ว์เซียงลังเลครู่หนึ่ง ยังคงมิได้พูดให้หลี่ว์จงเจ๋อออกไปเด็กโตขึ้นตนไม่อาจปกป้องเขาได้ชั่วชีวี ครั้นมีโอกาสให้เขาเติบโตก็คว้าโอกาสสอนเขาเถอะ!หลิงอวี๋เล่าเรื่องที่นางวางยาทหาร ปลุกปั่นช่างตีเหล็กหลบหนีต่อหลี่ว์เซียงกับหลี่ว์จงเจ๋อ กระทั่งเซียวหลินเทียนต่างฟังจนอ้าปากตาค้างชายร่างใหญ่ทั้งสามไม่คิดฝันว่าหลิงอวี๋กล้าหาญมากถึงเพียงนี้!นางไม่ใช่แค่คิดแผนหลบหนีในคืนเดียวแม้แต่ภายใต้การเฝ้าดูของทหารหลายนาย ไม่คาดว่าจะมีความสามารถวางยาสลบในน้ำแกงของพวกเขาได้!ไม่พบสามวันกลายเป็นอื่น!(1) เซียวหลินเทียนผ่านประสบการณ์ความหลักแหลมของหลิงอวี๋แล้ว แต่ยังนึกไม่ถึงว่าหลิงอวี๋จะเจ้าปัญญาเช่นนี้!หลี่ว์จงเจ๋อฟังแล้วแววตาที่มองหลิงอวี๋ก็ผิดแผกไปความเลื่อมใส ความเคารพเหล่านี้ไม่พอมาบรรยายความชื่นชมที่เขามีต่อหลิงอวี๋…ท่ามกลางการว่อกแว่ก นัยย์ตาเขามีแต่หลิงอวี๋!เขารู้สึกว่าแม้เซียวหลินเทียนเป็นท่านอ๋องสูงส่ง เขาก็มิคู่ควรกับหลิงอวี๋ที่มีทั้งความกล้าห
หลี่ว์เซียงไม่อยากฟังอีกต่อไปพลางลุกขึ้นยืนตรงกล่าวว่า“พระชายาอ๋องอี้ ท่านอ๋องอี้ ดึกดื่นแล้ว พวกท่านควรกลับไปพักผ่อน!”“ท่านพ่อ อย่ารีบขอรับ! น้องหลิงยังพูดไม่จบเลย!”ความอยากรู้อยากเห็นของหลี่ว์จงเจ๋อปะทุขึ้นพลางกล่าวเร่ง “น้องหลิง ข้าทายถูกหรือไม่?”หลิงอวี๋มองหลี่ว์เซียงหมายถอนตัวกลางคัน ไฉนจะปล่อยเขาสมหวังเล่า!นี่ไม่ใช่แค่เรื่องของตนคนเดียว!นี่เกี่ยวข้องถึงตำหนักอ๋องอี้และประชาชนมากมายที่ร้องทุกข์ไม่ได้ในหมู่บ้านเยี่ยนเจียง ความเป็นความตายมีค่าเท่ากัน!หลิงอวี๋ไม่ให้โอกาสหลี่ว์เซียงเปิดปากไล่อีก พลันกล่าวในพรวดเดียว“มิใช่ชุดฉลองพระองค์!”“เป็นศพ!”“ทั้งหลุมแร่เต็มไปด้วยศพกระดูกขาวกองแน่นขนัดหลุม!”“ทหารจูพูดว่าตอนที่เขาไปเหมืองก็มีกองกระดูกขาวมหาศาลในบ่อแร่อยู่แล้ว! เขาเพิ่งผ่านไปครึ่งปีร่างเพิ่มขึ้นเจ็ดสิบแปดศพ!”“พี่ใหญ่หลี่ว์ พวกเขาคือราษฎรของฉินตะวันตก แม้ด้านในจะมีนักโทษประหารชีวิต แต่ก็คือคนเป็น ๆ ทั้งนั้นเลย!”หลิงอวี๋นึกถึงฉากน่าสะพรึงนั้นก็เคืองขึ้น“ชายผู้หนึ่งคือเสาหลักครอบครัวหนึ่ง! ซากกระดูกมหาศาลนั่นสื่อว่าครอบครัวกว่าร้อยสูญเสียเสาหลักไป!”“สามีขอ
“เกิดเรื่องกราบทูล สิ้นเรื่องออกราชสำนัก…”ณ ตำหนักกระดิ่งทองขันทีเซี่ยโค้งคารวะตามธรรมเนียมเหล่าขุนนางน้อยใหญ่ทั้งบุ๋นและบู๊ก้มหน้าก้มตา รอขันทีเซี่ยออกราชสำนักเงียบงันพลางคิดจากไปทันใดแต่มีบางคนสัมผัสเฉียบแหลม กลับแอบมองชุดฉลองพระองค์สีม่วงเข้มบนร่างเซียวหลินเทียนที่นั่งตัวตรงอยู่เก้าอี้ล้อหลังจากสองขาท่านอ๋องอี้พิการ ท่านอ๋องอี้ก็ไม่เคยขึ้นราชสำนักเลยวันนี้ลมอะไรพัดเขามาเล่า?หรือว่าฝ่าบาททรงประสงค์ใช้ท่านอ๋องอี้แล้ว?“ฝ่าบาท กระหม่อมมีสาส์นกราบทูลพ่ะย่ะค่ะ!”หลี่ว์เซียงสูดหายใจลึก ๆ พลางก้าวยาวออกแถว“เสด็จพ่อ กระหม่อมมีสาส์นกราบทูลพ่ะย่ะค่ะ!”เซียวหลินเทียนก็ด่วนออกแถวตามทันใดนั้นเหล่าขุนนางน้อยใหญ่ทั้งบุ๋นและบู๊เกิดความวุ่นวายพลางกระซิบกระซาบ“เกิดเรื่องอันใดขึ้น?”“เหตุใดหลี่ว์เซียงกับท่านอ๋องอี้ยื่นสาส์นกราบทูลร่วมกัน?”“หรือว่าหลี่ว์เซียงหมายร่วมกับท่านอ๋องอี้?”“ลือว่าพระชายาอ๋องอี้รับปากไปรักษาฮูหยินใหญ่หลี่ว์ ผลสุดท้ายกลับแค่พลั้งปาก! หรือว่าหลี่ว์เซียงใจแค้นเคืองต่อท่านอ๋องอี้เพราะเหตุนี้?”เดิมทีเป็นเพราะท่านอ๋องเฉิงตื่นแต่เช้า ต่อมาสองตาเลยปิดงีบหล
สาส์นกราบทูลของหลี่ว์เซียงทรงพลังกว่าเซียวหลินเทียนมากนักเริ่มแรกจักรพรรดิอู่อันอ่านคราเดียวสิบบรรทัด ทว่าเมื่อเห็นการสร้างอาวุธเถื่อนที่เหมือง สีหน้าจักรพรรดิอู่อันพลันมืดครึ้มสร้างอาวุธเถื่อน?นอกจากเจตนาสุมหัวก่อกบฏ ยังจะมีประโยชน์อันใด?ความเร็วการอ่านของจักรพรรดิอู่อันช้าลง อ่านไปสมองก็ปั่นป่วนเร็วรี่เซียวหลินเยี่ยนองค์ชายเว่ยลอบดูสีหน้าจักรพรรดิอู่อันอย่างอกสั่นขวัญแขวน ขัดแค้นหลี่ว์เซียงกับเซียวหลินเทียนภายในใจ!แต่เขามิกล้าออกอาการ!ที่ปรึกษาของเซียวหลินเยี่ยน หานหลินวิเคราะห์เรื่องทั้งหมดอย่างถี่ถ้วนให้เขาแล้วเซียวหลินเทียน แม่ทัพเฉินกับอันเจ๋อรู้เรื่องราวที่เหมืองหมดแล้ว เห็นชัดว่าเก็บงำเรื่องนี้มิได้อีกต่อไป!เรื่องสำคัญเร่งด่วนมีแต่คน นักรบผู้กล้าตัดข้อมือ(1) เสียเรือเพื่อรักษาขุน!โยนให้แม่ทัพหลูเป็นแพะรับบาป ขัดขวางหลี่ว์เซียงกับเซียวหลินเทียนสืบสวนต่อ!ขุนนางน้อยใหญ่ทั้งบุ๋นและบู๊ข้างล่างก็รู้สึกถึงการผกผันของอารมณ์จักรพรรดิอู่อัน ทุกคนเกิดความประหวั่นคาดเดาในใจว่าครานี้ผู้ใดจะดวงซวย!ภายใต้ความเงียบสงัดในพระที่นั่งได้ยินแม้กระทั่งเสียงเข็มหล่นในที่สุดจ
มีจิตใจระแวงแล้ว จักรพรรดิอู่อันมองเหล่าองค์ชายเหมือนคนที่มีเจตนาร้ายอยู่ในใจเขาจะวางใจมอบคดีสำคัญขนาดนี้ให้พวกเขาได้อย่างไร!สีหน้าจักรพรรดิอู่อันมืดครึ้มไม่กล่าวคำ ขุนนางน้อยใหญ่ทั้งบุ๋นและบู๊ข้างล่างก็ยิ่งมิกล้าแทรกเอ่ยเซียวหลินเทียนรู้ว่าพฤติกรรมตนมิเหมาะสม แต่เคยพูดกับอันเจ๋อก่อนหน้าว่าเขาจะไม่เป็นอ๋องไร้ประโยชน์อีกต่อไป!เหตุการณ์คดีนี้ทั้งหลิงอวี๋หายตัวไปกับเหมืองแร่ก็ทำให้เซียวหลินเทียนรู้เหมือนกันว่า หากเขาไม่ปลูกฝังอิทธิพลตัวเอง เขากับพี่น้องของตนยังมีคนของตำหนักอ๋องอี้จะทำได้แค่ปล่อยคนให้โดนกดขี่!ภายใต้การรักษาของหลิงอวี๋สองขาของเซียวหลินเทียนทุเลาแล้ว ไม่ช้าก็เร็วเขาจะทิ้งเก้าอี้ล้อกับไม้เท้าแล้วลุกยืนขึ้นเขาต้องวางแผนกลยุทธ์ในกระโจมค่าย(2)เพื่อตนเองในอนาคตแล้ว!ครั้นเห็นเสด็จพ่อมีใจระแวง เซียวหลินเทียนเลยไม่ก้าวอีกขึ้น ทำเพียงคอยโอกาสที่เหมาะสมค่อยกล่าวอีกหลี่ว์เซียงเข้าใจจักรพรรดิอู่อันอย่างยิ่ง เมื่อเห็นเขากำลังไตร่ตรองไม่กล่าวคำก็กล่าวว่า“ฝ่าบาท บรรดาองค์ชายต่างยินดีแบกรับหน้าที่ใหญ่ยิ่ง ขจัดภยันตรายแบ่งเบาความทุกข์เพื่อพระองค์ นี่คือวาสนาของพระองค์พ่ะย่ะ
เซียวหลินเทียนใจสั่นขึ้นมา เขาเงยหน้าขึ้น ส่งสัญญาณให้ลู่หนานเข็นตนเองเข้าไปขันทีเซี่ยเดินไปที่ศาลาในสวนด้วย เขาเอ่ยยิ้ม ๆ“เมื่อวานกระหม่อมคุยกับไทเฮา ยังเอ่ยถึงเรื่องที่พระชายาอ๋องอี้ช่วยชีวิตนางกำนัลผู้นั้นไว้อยู่เลย มิทราบว่าร่างกายนางกลับมาแข็งแรงแล้วหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”เซียวหลินเทียนก็นึกถึงตอนนั้นที่หลิงซวนได้รับบาดเจ็บ และท่าทีแปลก ๆ ของขันทีเซี่ยเซียวหลินเทียนจึงเอ่ยหยั่งเชิง “เจ้าหมายถึงหลิงซวนผู้นั้น! นางแข็งแรงดีแล้ว แต่ได้รับบาดเจ็บอีกเล็กน้อย”“หืม เกิดกระไรขึ้นอีกหรือพ่ะย่ะค่ะ?”ขันทีเซี่ยใจบีบแน่น พลางเอ่ยถามอย่างกังวลทันทีที่เซียวหลินเทียนเห็นขันทีเซี่ยห่วงใยหลิงซวนเช่นนี้ ก็ยิ่งรู้สึกว่าความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคนไม่ธรรมดาเขาเล่าเรื่องที่หลิงอวี๋ถูกหลอก และเอ่ยในตอนสุดท้าย“ดีที่หลิงซวนกระโดดลงจากรถม้าได้ทันเวลา แต่มีรอยขีดข่วนที่ผิวหนังเล็กน้อย รักษาสองวันก็ไม่เป็นไรแล้ว!”ได้ฟังเช่นนั้นขันทีเซี่ยก็ถอนหายใจโล่งอก เขาแย้มรอยยิ้มเพื่อปกปิดความกังวลของตนเองเมื่อครู่พลางเอ่ย“เมืองหลวงมีเรื่องที่เป็นการหลอกลวงเช่นนี้ เราจะต้องตรวจสอบกันให้เข้มงวด!”“พระชา
เซียวหลินเทียนเอ่ยไปตรง ๆ อย่างใจร้าย“เสด็จพ่อ กระหม่อมเพิ่งจะเป็นฝ่ายขอเป็นตัวตั้งตัวตีในการสอบสวนคดีเหมืองแร่ กระหม่อมมิอยากไร้ประโยชน์เช่นนี้อีกต่อไปแล้ว!”“เสด็จพ่อคงมิทราบ ไอ้นายทหารเฉาผู้นั้นกล้าเฆี่ยนตีหลิงอวี๋! กระหม่อมทนมิไหวแล้ว!”จักรพรรดิอู่อันค่อย ๆ หันกลับมามองเซียวหลินเทียน“เจ้าอยากจะสอบสวนคดีนี้เพราะหลิงอวี๋ถูกเฆี่ยนตีหรือ?”“พะย่ะค่ะ! เสด็จพ่อรู้จักนิสัยของกระหม่อมดี แม้ว่าขาทั้งสองของกระหม่อมจะพิการไปแล้ว ถึงกระนั้นก็ยังเป็นลูกของเสด็จพ่อ!”“และมีศักดิ์ศรีของความเป็นลูกผู้ชาย!”เซียวหลินเทียนเอ่ยอย่างโกรธเกรี้ยว “มีคนมาเฆี่ยนตีพระชายาของตน หากเปลี่ยนเป็นเสด็จพ่อ จะสามารถทนอยู่ได้หรือพ่ะย่ะค่ะ?”“กระหม่อมถูกคนอื่นพูดกันว่าไร้ประโยชน์แล้ว หญิงของตนยังถูกเฆี่ยนตี จะยังอดทนรับอยู่ได้หรือ?”“หากเป็นเช่นนั้นไม่ใช่แค่กระหม่อมที่เสียหน้า เสด็จพ่อก็จะเสียหน้าไปด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”เซียวหลินเทียนเอ่ยด้วยความตื่นเต้นดูน่าฟัง“กระหม่อมเพียงแค่อยากจะพิสูจน์ว่า กระหม่อมมิใช่คนไร้ประโยชน์ กระหม่อมยังสามารถช่วยเสด็จพ่อทำงานได้!”“หากท่านแม่ยังมีชีวิตอยู่ นางก็คงมิอยากเห็นกระ