นายทหารมองพิจารณาหลิงอวี๋ด้วยสีหน้าเคร่งขรึมไม่มั่นใจ ราวกับว่ากำลังตัดสินว่าสิ่งที่นางพูดนั้นเป็นเรื่องจริงหรือเท็จหลิงอวี๋ “ตัวสั่น” ท่าทีเหมือนกำลังขอร้องนายทหารขมวดคิ้ว แล้วตะโกนออกมาอย่างรำคาญ“พานางกลับไป! คอยเฝ้าไว้อย่างใกล้ชิด รอจนกว่าจะจับตัวผู้หญิงพวกนั้นได้ แล้วค่อยจัดการพร้อมกัน!”“ขอรับ!”ทหารสองคนก้าวไปข้างหน้า จับตัวหลิงอวี๋อย่างหยาบคายแล้วเดินไปหลิงอวี๋ลอบถอนหายใจ การถ่วงเวลาไว้ครู่หนึ่งนี้ หวังว่าพวกจางเหมยจะหนีไปได้อย่างราบรื่นสำหรับตนเอง ก็ทำได้เพียงค่อยเป็นค่อยไป ดำเนินการไปตามสถานการณ์กระทั่งหลิงอวี๋ถูกพาไปที่ตีนเขา ก็เห็นว่าผู้หญิงสองคนที่มิได้มานั้น รวมถึงครอบครัวของพวกเขาล้วนถูกพาตัวมาหมดแล้วผู้หญิงคนหนึ่งในนั้นเห็นหลิงอวี๋ ก็ตะโกนขึ้นมาอย่างไม่พอใจ“ทั้งหมดเป็นเพราะเจ้า! หากไม่เชื่อเจ้าแล้วหนีกันออกมา ครอบครัวของข้าก็คงไม่ถูกร่างแหไปด้วย!”“เจ้ามันเป็นตัวหายนะ! ท่านอู๋ นางเจ้าค่ะ นางคือคนที่เผาหมู่บ้านตระกูลอู๋!”จางเสี่ยวอิง?หลิงอวี๋พูดไม่ออกเลยคิดว่าจางเสี่ยวอิงที่ทรยศตนเองจะได้รับผลประโยชน์อะไรบ้าง แต่ดูท่าทีในตอนนี้แล้ว นางก็มิได้รับผล
หลิงอวี๋ไม่รู้ว่าตนเองหมดสติไปนานแค่ไหน จนกระทั่งเสียงสะอึกสะอื้นดังอยู่ข้างหู นางถึงได้ฟื้นขึ้นมาตรงหน้ามืดสนิท นางทำได้เพียงมองผ่านช่องว่างระหว่างรั้วกั้น ไปเห็นตะเกียงน้ำมันที่แขวนอยู่บนเสาไกล ๆ กระทั่งปรับสายตาได้แล้ว หลิงอวี๋ก็เห็นจางเสี่ยวเยี่ยนนั่งคุดคู้อยู่ตรงมุม ชุดของนางขาดรุ่งริ่ง เผยให้เห็นผิวหนังไปมากหัวใจของหลิงอวี๋บีบแน่น หรือว่าจางเสี่ยวเยี่ยนจะถูกทำให้เป็นมลทินแล้ว?เด็กหญิงผู้นี้ดูแล้วเพิ่งจะอายุเพียงสิบสี่ปี ในยุคปัจจุบันนางยังเรียนอยู่เลยนะ!หลิงอวี๋ขยับ ทันทีที่ขยับทั้งร่างกายก็เจ็บไปหมด นางเห็นว่าจางเสี่ยวเยี่ยนจมอยู่กับความเศร้าโศก ไม่สนใจตัวเอง ก็รีบเข้าไปในมิตินางเร่งจัดการกับบาดแผลของตนเอง ไม่สนใจรอยฟกช้ำทั่วร่างกาย แล้วกินช็อกโกแลตไปสองสามชิ้นและดื่มน้ำกลูโคสสองขวดหลิงอวี๋หาของสองสามอย่างมาป้องกันตัวแล้วออกจากมิติทันทีที่ออกมา หลิงอวี๋ก็ตกใจ เห็นจางเสี่ยวเยี่ยนถอดเข็มขัดออก แล้วเอาเข็มขัดผูกไว้กับรั้วและกำลังสอดคอของนางเข้าไป“เสี่ยวเยี่ยน… นี่เจ้าจะทำกระไร!”หลิงอวี๋รีบปีนขึ้นไปกอดนางเอาไว้จางเสี่ยวเยี่ยนดิ้นรนไปพลางร้องไห้ไปด้วย “ให้ข้าตาย
หลิงอวี๋เห็นท่าทางเร่งรีบของจางเสี่ยวเยี่ยนก็ยิ้มออกมา“มิต้องรีบร้อน ข้าจะให้ยาพิษกับเจ้า! แต่เราต้องวางแผนกันในระยะยาว!”หลิงอวี๋เอ่ยปลอบใจ “เป้าหมายของเรามิใช่แค่การวางยาพิษฆ่าพวกเขาเท่านั้น แต่ยังต้องช่วยครอบครัวของเจ้าออกมาด้วย!”“เสี่ยวเยี่ยน ขอเพียงเจ้าฟังข้า ข้ารับรองว่าจะช่วยเจ้าแก้แค้น และจะพาพวกเจ้าออกไปจากที่นี่!”ความเกลียดชังแน่นอยู่เต็มหน้าอกของจางเสี่ยวเยี่ยน นางนึกขึ้นได้ว่าหลิงอวี๋กล้าแม้กระทั่งเผาหมู่บ้านตระกูลอู๋ ก็กัดฟันพลางเอ่ย“ได้ แม่นางอวี๋ ข้าจักฟังเจ้า! เจ้าให้ข้าทำเช่นไรข้าก็จะทำเช่นนั้น!”“เจ้าพูดถูก ข้าตายไปพวกเขาก็มิได้เสียหายอันใดเลย!”“แต่พ่อแม่ของข้าและน้องชายน้องสาวของข้าจักต้องตายในถ้ำหมาป่าที่แสนโหดเหี้ยมนี้!”“ถึงข้าจักตาย ข้าก็ต้องช่วยพวกเขาออกมาให้ได้!”ดีมาก มีจิตวิญญาณนักสู้เช่นนี้ก็พอแล้ว!หลิงอวี๋พยักหน้า “เหมือนเดิมเช่นนั้นแล พวกเราต้องรู้ให้แน่ชัดว่าพวกเขามีกันกี่คน! แล้ววางแผนเส้นทางหลบหนีให้ดี!”หลิงอวี๋พูดไปก็คิดอะไรได้บางอย่าง จึงเอ่ยถาม“จางเหมยบอกว่าในเหมืองมีผู้ชายหลายคนจากหมู่บ้านของเจ้าที่ทำงานเป็นช่างตีเหล็กอยู่ที่นี่
ไม่ช้าหลิงอวี๋ก็ถูกพามาถึงค่ายทหารพี่จูที่เถาเฉิงเอ่ยถึงอาศัยอยู่ที่เรือนเดี่ยวหลังหนึ่ง หลิงอวี๋เดาจากเรื่องที่มีความพิเศษนี้ พี่จูผู้นี้น่าจะเป็นนายทหารชั้นผู้ใหญ่กระทั่งเข้าไป ก็เห็นทหารสองนายจับชายร่างสูงคนหนึ่งอยู่ที่หน้าเตียงชายคนนั้นน้ำลายฟูมปาก ทั้งยังกำลังชักอยู่ด้วย“พี่เถา พี่กลับมาแล้ว เจอหมอหลินหรือไม่ อาการของทหารจูร้ายแรงมาก! เมื่อครู่เขากระอักเลือดด้วย!”ทหารคนหนึ่งเอ่ยอย่างตื่นตระหนก“หมอหลินลงเขาไปแล้ว แต่ข้าเจอผู้หญิงที่มีทักษะทางการแพทย์!”เถาเฉิงผลักหลิงอวี๋ไปข้างหน้าอย่างหยาบคาย พลางบอก “รีบดูพี่ข้าสิ!”หลิงอวี๋เห็นว่าตรงหน้าเตียงมีอาเจียนที่ในนั้นมีลิ่มเลือดปนอยู่จริง ๆนางพูดไม่ออกเลย ดื่มมากถึงเพียงนี้ อยากดื่มจนตายเลยหรือไร?หลิงอวี๋นั่งลงหน้าเตียง จับชีพจร พลางเอ่ย "มีน้ำส้มสายชูหรือไม่? หามาให้ข้าสักสองสามขวด!"“รีบไปหาน้ำส้มสายชู!”เถาเฉิงไม่พูดพร่ำทำเพลงสั่งให้ทหารไปเอามาหลิงอวี๋อาศัยร่างกายปกปิดไว้ หยิบเข็มฉีดยาออกมา ฉีดคลอร์โปรมาซีนไปที่แขนของทหารจูกระทั่งทหารนำน้ำส้มสายชูมา หลิงอวี๋ก็หยิบขวดสารละลายโซเดียมไบคาร์บอเนตออกมาอย่างเปิดเผย
ทหารจูดื่มน้ำส้มสายชูไป ครั้งนี้ไม่อาเจียนแล้ว จากนั้นก็หลับไปอย่างไร้เรี่ยวแรงหลิงอวี๋ทนกลิ่นเหม็นในห้องไม่ไหวจริง ๆ จึงเอ่ย “ข้าจักออกไปยืนข้างนอกสักพัก อีกครึ่งชั่วยามข้าค่อยมาตรวจชีพจรเขา!”นางเอ่ยจบแล้วเดินออกไปเถาเฉิงเองก็ทนกลิ่นไม่พึงประสงค์นี้มิได้เช่นกัน จึงสั่งให้ทหารสองนายทำความสะอาด แล้วก็เดินตามออกไปหลิงอวี๋จดจำที่ทางโดยรอบได้แล้ว พอเห็นเถาเฉิงออกมา ก็แสร้งทำเป็นเอ่ยถามอย่างกังวล“พี่ชาย เจ้าพบเรื่องอันใดที่มีความสุขหรือ? ดื่มเสียจนเป็นเช่นนี้! เจ้าควรเตือนเขาหนา เช่นนี้จะตายเอาได้!”เถาเฉิงเม้มริมฝีปาก พลางย้อนถาม “เจ้ามิใช่คนของหมู่บ้านเยี่ยนเจียงใช่หรือไม่ ฟังจากสำเนียงของเจ้าแล้ว เป็นคนจากเมืองหลวง!”“เจ้าไปทำเยี่ยงไรให้ทหารเฉาขุ่นเคืองจนถูกจับมาที่นี่ได้เล่า?”หลิงอวี๋ยิ้มอย่างขมขื่น “ข้ามาตามหาญาติ แต่ตกลงจากภูเขา แล้วหลงทางไปที่หมู่บ้านเยี่ยนเจียง!”“ข้าแค่อยากจะอาศัยอยู่สักหนึ่งคืน มีหรือจะรู้ว่าจะถูกอู๋เอ้อร์โก่วจับตัวมา!”“ทหารเฉาที่เจ้าพูดถึงนั่น ข้าไม่เคยเจอเขามาก่อน จะไปทำให้เขาขุ่นเคืองได้เยี่ยงไร!”เถาเฉิงยิ้มอย่างเย็นชา เห็นได้ชัดว่าเชื่อคำพูด
แม้ว่าน้ำเสียงของทหารจูจะไม่ดีนัก แต่การได้รับความปรารถนาดีจากเถาเฉิง หลิงอวี๋ก็รู้สึกว่าการเดินทางครั้งนี้ไม่สูญเปล่าเถาเฉิงส่งหลิงอวี๋กลับไป เมื่อเห็นว่านางกับจางเสี่ยวเยี่ยนถูกขังอยู่ในคุกไม้ ก็บอกผู้ใต้บังคับบัญชา“ทางห้องครัวมีห้องว่างอยู่มิใช่หรือ? ให้พวกนางย้ายไปเถิด!”ทหารเอ่ยอย่างลำบากใจ “ท่านเถา ทหารเฉาบอกว่าต้องขังพวกนางไว้ ทำเช่นนี้คงมิดีกระมัง!”เถาเฉิงสีหน้าเรียบนิ่ง พลางเอ่ยอย่างเย็นชา "ที่นี่แม้แต่นกสักตัวก็ไม่สามารถบินออกไปได้ เจ้ายังกังวลว่าพวกนางจักหนีไปได้อีกหรือ?"“ในครัวขาดแคลนกำลังคน ข้าส่งคนสองคนไปช่วยมิได้รึ?”“เช่นนั้นย่อมได้ วันพรุ่งพวกเจ้าก็ไม่ต้องกินข้าว!”เห็นเถาเฉิงอารมณ์เสีย ทหารก็เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มทันที“ท่านเถาว่ากระไรก็ว่าตามนั้นเถิด! ข้าจักจัดการส่งพวกนางไปเอง!”เขาเปิดประตูห้องขัง ดวงตาแหลมคมของหลิงอวี๋ เห็นจางเสี่ยวอิงเดินตามจางเสี่ยวเยี่ยนออกมา นางก็ตะโกน“ข้ารู้จักแค่จางเสี่ยวเยี่ยน ข้าไม่รู้จักใครอื่นเลย!”จางเสี่ยวอิงได้ยินก็กังวลขึ้นมา พลางตะโกน “แม่นางอวี๋ เจ้าก็พาข้าไปด้วยเถิด! ข้าผิดไปแล้ว ข้าไม่ควรทรยศเจ้า!”“ข้ายอมโขกหัวคำนับ
เซียวหลินเทียนให้อิ๋นฮู๋ไปหาว่ายังมีใครกำลังตามหาหลิงอวี๋อยู่บ้างเวลานี้เขากำลังรอข่าวจากอิ๋นฮู๋อยู่ด้านนอก ชิวเหวินซวงยกอาหารมื้อดึกมานางยืนอยู่ที่หน้าประตู ดูความเรียบร้อยของกิ๊บติดผม และจัดชุด ก่อนที่จะเปิดประตูเดินเข้าไปเซียวหลินเทียนนั่งที่หน้าโต๊ะหนังสือ กำลังอ่านหนังสือเกี่ยวกับยุทธวิธีการทหารอยู่“ท่านอ๋อง ท่านอ๋องเสวยอาหารเย็นไปไม่เท่าไร หิวหรือไม่เพคะ? หม่อมฉันทำมื้อดึกมาให้ เสวยหน่อยเถิดเพคะ!”ชิวเหวินซวงหยิบถาดมาวางบนโต๊ะหนังสือของเซียวหลินเทียนนางแสร้งเอ่ยอย่างเผด็จการ “หม่อมฉันทำด้วยตัวเองเลยเพคะ! ท่านอ๋อง หากท่านอ๋องไม่เสวย หม่อมฉันไม่ยอมเพคะ!”นางพูดไปก็หยิบหนังสือการทหารของเซียวหลินเทียนออกไปวางไว้ข้าง ๆ ไปด้วยเซียวหลินเทียนไม่เคยมองว่าชิวเหวินซวงเป็นนางรับใช้จริง ๆ เลย!นางกล้าทำเช่นนี้ ก็เพราะกำลังวางตัวเองอยู่ในฐานะน้องสาวที่ห่วงใยพี่ชาย!เซียวหลินเทียนเคยชินกับท่าทีเช่นนี้ของนางแล้ว จึงมิได้แสดงความไม่พอใจใด ๆ!เขายกมือขึ้นกุมขมับ พลางเอ่ยเรียบ ๆ “ไม่อยากกิน เจ้ายกมันออกไปให้พวกจ้าวซวนกินเถิด!”“ทำเช่นนั้นมิได้หนาเพคะ! ท่านอ๋อง หม่อมฉันรู้ว่าท่าน
“พอแล้ว!”“ข้าทำเอง!”เซียวหลินเทียนสะบัดมือของชิวเหวินซวงด้วยสีหน้าไม่พอใจ พลางเอ่ยเรียบ ๆ “มันไม่ได้ลวก!”“เจ้าลืมไปแล้วหรือ? ขาของข้าไม่มีความรู้สึกอันใด หากรู้สึกเจ็บจริง ๆ เหตุใดข้าต้องไปหาหมอไปทั่วทุกที่ด้วยเล่า!”เซียวหลินเทียนมองอาหารบนโต๊ะ ไม่มีอารมณ์จะกินแล้ว“เจ้าลงไปก่อนเถอะ!”ชิวเหวินซวงเอ่ยอย่างไม่สบายใจ “ท่านอ๋อง เป็นความผิดของหม่อมฉันที่ซุ่มซ่าม! หม่อมฉันจักไปเอาอาภรณ์มาให้ท่านอ๋องเปลี่ยนเพคะ!”“ลู่หนานไปเอาได้ เจ้าออกไปเถอะ!”เสียงของเซียวหลินเทียนเย็นชาเล็กน้อยชิวเหวินซวงหน้าแดง พลางเอ่ยเบา ๆ “ท่านอ๋อง หม่อมฉันใจร้อน พูดผิดไป หม่อมฉันจะไปเรียกพี่ลู่หนานประเดี๋ยวนี้เลยเพคะ!”นางรีบร้อนเดินออกไปเรียกลู่หนานให้เข้ามาหลังจากที่ปิดห้องไป ชิวเหวินซวงก็ไม่รีบร้อนแล้ว นางยืนอยู่ข้างนอกฟังความเคลื่อนไหวข้างในลู่หนาน น้ำเสียงเคร่งเครียด “ท่านอ๋อง น้ำแกงลวกหรือพ่ะย่ะค่ะ? เหตุใดวันนี้เหวินซวงถึงไม่ระมัดระวังเยี่ยงนี้!”เซียวหลินเทียนเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่แยแส “ไม่เป็นไร นางก็มิได้ระวังเช่นกัน! เปลี่ยนแล้วก็ไม่เป็นไรแล้ว!”“ที่ตำหนักมีเหวินซวงช่วยจัดการดูแลอยู่ พวกเ
เผยอวี้และคนอื่น ๆ ต่างมองหน้ากันอย่างจนปัญญา นึกว่ามหาปราชญ์และเจ้าแห่งทะเลกลับไปแล้วพวกตนจะรอดพ้นจากครั้งนี้ไปได้ คาดมิถึงว่าชายาเจ้าแห่งทะเลจะใช้ไม้นี้อีกภายนอกดูเหมือนเป็นการเชิญ แต่จริง ๆ แล้วจะปฏิเสธมิไปได้หรือ?เซียวหลินเทียนสามารถแสร้งป่วยได้ แต่หลิงอวี๋เพิ่งจะปรากฏตัวต่อหน้าเจ้าแห่งทะเลไปเมื่อครู่ ตอนนี้ย่อมมิอาจใช้การแสร้งป่วยมาหลีกเลี่ยงได้อีกแล้ว“บอกไปว่าคุณหนูสิงกำลังรักษาอาการป่วยให้ข้าอยู่ เดี๋ยวค่อยไป!”ในสถานการณ์กะทันหันเช่นนี้เซียวหลินเทียนทำได้เพียงถ่วงเวลาไปก่อนแล้วค่อยคิดหาวิธี“เผยอวี้ เจ้าส่งคนไปแจ้งหลงเพ่ยเพ่ยกับเจ้าแห่งทิศใต้ ให้หลงเพ่ยเพ่ยไปเป็นเพื่อนอาอวี๋!”เป็นเรื่องความเป็นความตายของหลิงอวี๋ เผยอวี้รีบให้คนไปแจ้งหลงเพ่ยเพ่ยทันทีหลิงอวี๋นิ่งเงียบ นั่งคิดอยู่ข้าง ๆเพื่อชิงหยกหล้าสุขาวดีกลับคืนมา ในเวลานั้นชายาเจ้าแห่งทะเลสามารถลงมืออำมหิตกับหลานฮุ่ยจวนที่กำลังตั้งครรภ์ได้ครั้งนี้นางส่งพ่อบ้านมาเชิญตนไปจวนเจ้าแห่งทะเล พูดไปพูดมาก็เพื่อหยกหล้าสุขาวดีบนตัวนางนั่นเองส่วนการที่จะนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาได้นั้นต้องใช้วิธีสลายโลหิตละลายกระดูก หรือว่าช
หลิงอวี๋เดินกลับเข้ามา และบังเอิญได้ยินคำพูดของเย่ซงเฉิงเข้าพอดี“พวกเราต้องเตรียมรับมือสำหรับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด หากหวงฝู่หลินกลับไปแล้ว มิสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ถึงกาลนั้นใครจะมารับมือการแก้แค้นของฝูไห่ต่อตระกูลหลงและตระกูลอื่น ๆ อีกหลายตระกูลเล่า?”เจ้าแห่งทิศใต้มองไปยังเย่หรง และกล่าวเสียงเข้ม “เลี่ยวหงเสีย มารดาของเย่หรงอาจจะรู้วิธี!”“ปรมาจารย์เย่ ก่อนหน้านี้ข้าอยากจะพบเลี่ยวหงเสียเพื่อสอบถามสถานการณ์จึงไปที่คุกน้ำมา แต่ข้ากลับมิสามารถพบนางได้!”“คำกล่าวของท่านมีน้ำหนักเมื่ออยู่ต่อหน้าพระพักตร์เสด็จพ่อ บางทีท่านอาจจะสามารถทูลขอเสด็จพ่อให้ทรงอนุญาตท่านเข้าพบเลี่ยวหงเสียได้!”เย่ซงเฉิงขมวดคิ้ว “เจ้าแห่งทิศใต้ก็มิสามารถพบเลี่ยวหงเสียได้เช่นกันหรือพ่ะย่ะค่ะ?”เจ้าแห่งทิศใต้พยักหน้า “แม่ทัพหลี่ผู้เฝ้าประตูบอกว่า นอกเสียจากจะมีพระราชโองการของมหาเทพ มิฉะนั้นก็มิอนุญาตให้ข้าพบเลี่ยวหงเสีย!”เย่ซงเฉิงยิ้มอย่างขมขื่น “เรื่องนี้ข้าน้อยเคยทูลต่อเสด็จพ่อของท่านแล้ว เสด็จพ่อของท่านมิทรงยินยอม ความนับหน้าถือตาของตาเฒ่าผู้นี้ใช้มิได้ผลต่อหน้าพระพักตร์เสด็จพ่อของท่านแล้ว!”ทุกคนต่
หวงฝู่หลินมิรู้จักคนทั้งสองนี้เลย คิดอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “ตอนนั้นนอกจากพวกท่านกับตระกูลเฉียวแล้ว ก็มีคนของตระกูลจงเจิ้งที่เข้าไปในภูเขาหิมะ ข้ามิเห็นคนทั้งสองที่ท่านพูดถึงในภูเขาหิมะ!”“บางทีปี้ซงอาจจะเคยเห็น เดี๋ยวลองเรียกเขามาถามดู!”เผยอวี้จึงไปเรียกปี้ซงมาอีกครั้งปี้ซงอุ้มหวงฝู่หมิงจูเข้ามา หลิงอวี๋ก็รับนางมาอุ้มไว้เซียวหลินเทียนมองหวงฝู่หมิงจูกอดคอหลิงอวี๋ด้วยท่าทางสนิทสนม ในใจรู้สึกซับซ้อนอย่างบอกมิถูกหวงฝู่หลินเล่าคำถามให้ปี้ซงฟังอีกครั้งปี้ซงคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “ชายชราผู้นั้นข้าพอจำได้ราง ๆ ตอนนั้นเขาเดินวนเวียนอยู่ในภูเขาหิมะอยู่หลายวัน ต่อมาก็จากไป ข้าคิดว่าเขาไม่มีอันตรายอะไรจึงมิได้ใส่ใจ!”“ส่วนแม่นมอู ข้าไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับนางเลย มิเคยเห็นนางในภูเขาหิมะ!”เก๋อเฟิ่งฉิงยืนฟังอยู่ข้าง ๆ ตลอด ได้ยินดังนั้นก็กล่าวว่า “อันที่จริงตอนนั้นที่ภูเขาหิมะ นอกจากพวกเราแล้ว น่าจะยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่ง”“ข้าก็มาพบพวกนางหลังจากลงจากเขาแล้ว ตอนนั้นยังคิดว่าพวกนางแค่ผ่านทางมา แต่พอลองคิดดูตอนนี้ พวกนางต้องเคยไปภูเขาหิมะแน่นอน แม่นมอูน่าจะถูกพวกนางพาตัวไป!”“พวกเข
เมื่อฟังคำพูดของเย่ซงเฉิงจบ หลิงอวี๋ หลงเพ่ยเพ่ยและเผยอวี้ก็ร้องอุทานออกมาพร้อมกัน“เจ้าสำนักซิงหลัวเป็นสตรี! หรือว่านางคือตงกู่อวี้ที่กลับชาติมาเกิด?”หวงฝู่หลินก็นึกขึ้นได้ ตอนที่ทุกคนรุมล้อมโจมตีเจ้าสำนักซิงหลัว เผยอวี้ใช้กระบี่เดียวตัดเชือกรัดผมที่มัดผมของเจ้าสำนักซิงหลัวขาดตอนนั้นผมสลวยของนางสยายลงมาบดบังดวงตาของนางทุกคนมัวแต่ยุ่งอยู่กับการรับมือ จึงมิทันได้คิดให้ลึกซึ้งเมื่อเย่ซงเฉิงพูดเช่นนี้ ทุกคนจึงได้นึกถึงสภาพการณ์ในยามนั้นขึ้นมา“ตงกู่อวี้กลับชาติมาเกิดจริง ๆ หรือ?”ในฐานะลูกหลานตระกูลหลง เจ้าแห่งทิศใต้จะมิรู้ได้อย่างไรว่าในใต้หล้านี้มีวิชาลับเช่นนี้อยู่จริง ทันใดนั้นก็ตกใจจนเหงื่อเย็นไหลซึมหลงจิ้งและหลงเพ่ยเพ่ยก็ตกใจเช่นกัน วรยุทธ์ของสตรีนางนั้นสูงส่งกว่ามหาปราชญ์เสียอีก แต่ก่อนหน้านี้พวกเขามิเคยรู้มาก่อนเลยว่าสำนักซิงหลัวยังมียอดฝีมือเช่นนี้อยู่“ท่านพ่อ ยามนั้นเจ้าวังหวงฝู่พร้อมด้วยท่านเซียวและพวกเราช่วยกันรุมล้อมโจมตีนางก็ยังมิสามารถสังหารนางได้ ลูกดูจากวรยุทธ์ของนางแล้ว เกรงว่าจะมีเพียงท่านอาเจ้าแห่งทะเลเท่านั้นที่พอจะต่อกรกับนางได้!”หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวด้วย
หลงจิ้งยังคงยากที่จะเชื่อ “คำพูดของตระกูลเหล่านั้นก็มิได้ผลหรือพ่ะย่ะค่ะ?”เจ้าแห่งทิศใต้ส่ายหน้าอย่างหดหู่ “เสด็จปู่ของเจ้าตรัสว่าจะตรวจสอบให้ จึงส่งเจ้าแห่งทะเลไปตรวจสอบ แต่ผลที่ได้จากเจ้าแห่งทะเลก็มิสามารถสรุปอะไรได้เลย หรือกระทั่ง...”กระทั่งเจ้าแห่งทะเลอาจจะใช้ขี้ผึ้งหอม ควบคุมบุตรหลานของตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือตนเอง!เซียวหลินเทียน หลงจิ้งและหลิงอวี๋ต่างก็เข้าใจความหมายที่เจ้าแห่งทิศใต้ยังพูดมิจบใจของหลงจิ้งพลันหล่นวูบ เช่นนั้นเรื่องที่ตนไปเผาขี้ผึ้งหอมก็เท่ากับมิได้ช่วยใครเลย กลับยิ่งทำให้อำนาจของเจ้าแห่งทะเลเพิ่มทวีคูณขึ้นงั้นหรือ?หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวอย่างมิยอม “หรือว่าหัวหน้าตระกูลใหญ่เหล่านั้นล้วนเลอะเลือนไปแล้ว? ไยจึงปล่อยให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลควบคุมชะตากรรมของพวกเขาเช่นนี้?”เซียวหลินเทียนขมวดคิ้ว มิน่าแปลกใจที่เมื่อครู่เจ้าแห่งทะเลยอมถอยกลับไปง่าย ๆ ที่แท้ก็มีแผนการเช่นนี้เองก่อนที่จะควบคุมตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือ เจ้าแห่งทะเลย่อมมิอาจแตกหักกับเจ้าแห่งทิศใต้ได้ในยามนี้แต่เมื่อใดที่เขาควบคุมตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือได้แล้ว เจ้าแห่งทะเลย่อมมิปล่อยเจ้าแห่งทิศใต
มหาปราชญ์มองไปยังเจ้าแห่งทะเลอย่างมิยินยอม เจ้าแห่งทะเลกล่าวเสียงเข้ม “คนเขามิยอมรับวิธีการรักษาของท่าน ก็ให้พวกเขาไปหาคนที่เก่งกว่านี้เถอะ!”“อย่าให้เป็นเพราะบุตรบุญธรรมคนเดียวต้องมาทำให้ความเป็นพี่น้องของพวกเราต้องบาดหมางกัน!”เจ้าแห่งทะเลพูดจบก็นำหน้าเดินออกไปท่าทีของเจ้าแห่งทิศใต้เช่นนี้ชัดเจนว่า หากพวกเขามิยอมถอยก็จะใช้กำลัง เจ้าแห่งทะเลยังมิอาจแตกหักกับเจ้าแห่งทิศใต้ได้ในตอนนี้ ทำได้เพียงยอมถอยไปก่อนชั่วคราวเท่านั้นวิธีนี้ใช้มิได้ผล เช่นนั้นก็ค่อยเปลี่ยนวิธีใหม่“มิขอส่ง!”เจ้าแห่งทิศใต้กล่าวด้วยสีหน้าท่าทีฟึดฟัดใส่เจ้าแห่งทะเล เป็นการแสดงออกถึงความมิพอใจของตนเผยอวี้และฉินซานก็มองส่งมหาปราชญ์และเจ้าแห่งทะเลอย่างโกรธเคืองเช่นกันเก๋อเฟิ่งฉิงรีบวิ่งไปยังเงาร่างที่ขดตัวอยู่ในความมืดนั้น“พี่ใหญ่ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง? บาดเจ็บตรงไหน?”“คุณหนูสิง เจ้าก็รู้ดีอยู่แล้วว่าพี่ใหญ่ข้าใช้กำลังภายในมิได้ เหตุใดจึงคิดวิธีการเช่นนี้ออกมา นี่มิเท่ากับทำร้ายพี่ใหญ่ข้าหรอกหรือ?”เก๋อเฟิ่งฉิงมองหลิงอวี๋อย่างตำหนิหลิงอวี๋เดินเข้ามา พลางร้องเรียก “ลู่หนาน เปิดม่าน!”“หรงเกอเอ๋อร์ เจ้าบ
“อ๊าว อ๊าว...”มหาปราชญ์ได้ยินเสียงกระแทกอย่างบ้าคลั่งดังขึ้นในห้องอีกครั้ง เขาซัดฝ่ามือออกไปยังทิศทางต้นเสียง ทว่าร่างนั้นกลับจู่โจมเข้ามาหาเขาแทนมหาปราชญ์กลัวว่าจะถูกคว้ามือได้อีกจึงรีบถอยหลังไป แต่ในห้องเต็มไปด้วยเครื่องเรือนที่ถูกทำลายเสียหาย เท้าของเขาสะดุดเข้าจนล้มลงกับพื้นเกือบจะพร้อมกันนั้น ดวงตาสีแดงคู่นั้นก็พุ่งเข้าใส่ร่างตน อ้าปากกัดเข้าที่ลำคอของเขาซี๊ด!มหาปราชญ์เจ็บปวดจนใช้มือข้างหนึ่งบีบเข้าที่ลำคอเขา หมายจะบีบกระดูกคอให้แหลกแต่ร่างนั้นกลับดิ้นหลุดพรวดไปเหมือนปลาไหล พุ่งหลบไปไกลหลายเมตรในพริบตา เก็บเศษไม้จากเครื่องเรือนที่แตกหักขว้างปาใส่มหาปราชญ์ดังโครมคราม“มหาปราชญ์ ท่านรีบออกมาเร็ว! ระวังพี่ชายข้าทำร้ายท่าน!”เผยอวี้กังวลมากกว่าว่ามหาปราชญ์จะทำร้ายเซียวหลินเทียนเซียวหลินเทียนใช้กำลังภายในมิได้ หากถูกทำให้ลำบากเช่นนี้ เซียวหลินเทียนจะต้องตายแน่เก๋อเฟิ่งฉิงก็รู้สึกเช่นเดียวกัน จึงกล่าวอย่างร้อนรน “ท่านน้าเขย ท่านออกมาเถิดเจ้าค่ะ ท่านอย่าทำร้ายเขาเลย!”“เขามิได้ตั้งใจโจมตีท่าน ตอนนี้เขาสิ้นสติไปแล้ว ท่านอย่าถือสาเขาเลย!”มหาปราชญ์เกิดจิตสังหารขึ้นแล้ว
สุนัขบ้ากัดคน นั่นมิใช่โรคพิษสุนัขบ้าหรอกหรือ?เจ้าแห่งทะเลและมหาปราชญ์ต่างก็รู้จักโรคนี้ ว่ากันว่าเป็นโรคที่รักษามิหาย เมื่อกำเริบก็จะเหมือนสุนัขบ้า สิ้นสติโดยสิ้นเชิง เห็นคนก็จะกัด เมื่อถึงระยะสุดท้ายก็จะเน่าเปื่อยทั้งร่างจนตายหลิงอวี๋หาข้ออ้างนี้ให้เซียวหลินเทียน ครึ่งหนึ่งเป็นเพราะรู้สึกว่าโรคนี้สามารถทำให้เจ้าแห่งทะเลและมหาปราชญ์ตกใจกลัวจนมิกล้าเข้าใกล้เซียวหลินเทียนได้อีกครึ่งหนึ่งก็เป็นความตั้งใจล้วน ๆ เป็นวิธีระบายอารมณ์เล็ก ๆ น้อย ๆ ที่หลิงอวี๋มิพอใจความสัมพันธ์ในฐานะคู่หมั้นคู่หมายของเก๋อเฟิ่งฉิงและเซียวหลินเทียนหลิงอวี๋พูดพลางสำรวจมองเจ้าแห่งทะเลสิ่งที่ทำให้หลิงอวี๋รู้สึกมิสบายใจอยู่บ้างคือ ตนกลับมีหน้าตาคล้ายคลึงกับเจ้าแห่งทะเลอยู่หลายส่วน เจ้าแห่งทะเลผู้นี้คือบิดาของนางจริง ๆ!ส่วนเจ้าแห่งทะเลก็ตั้งใจมองหลิงอวี๋เป็นพิเศษเช่นกันมหาปราชญ์บอกว่าสิงอวี๋ก็คือหลิงอวี๋ บุตรีของหลานฮุ่ยจวน และก็เป็นบุตรีของตนด้วยเจ้าแห่งทะเลมิได้ขาดแคลนบุตรธิดา เมื่อเห็นใบหน้าที่ธรรมดามิโดดเด่นของหลิงอวี๋ ในใจก็รู้สึกผิดหวังอยู่บ้างเขามิได้มาเพื่อยอมรับบุตรสาว จึงเปลี่ยนความสนใจไปท
เจ้าแห่งทิศใต้กล่าวอย่างเจ็บปวดใจนัก “เจ้าสิบเอ็ด พวกเราพี่น้องล้วนเป็นคนตระกูลหลง แม้ปกติจะมิลงรอยกันบ้าง แต่ก็ล้วนเป็นเรื่องหยุมหยิม สามารถหัวเราะแล้วปล่อยผ่านไปได้!”“ทว่าหากมหาปราชญ์และสำนักซิงหลัวลงมือ นั่นก็คือวันล่มสลายของตระกูลหลง เจ้าสิบเอ็ด เจ้าต้องการให้ลูกหลานตระกูลหลงถูกมหาปราชญ์และสำนักซิงหลัวกำจัดจนสิ้นซากจริง ๆ หรือ?”เมื่อเช้าเจ้าแห่งทะเลไปเข้าร่วมประชุมราชสำนัก เห็นตระกูลเหล่านั้นร่วมกันฟ้องร้องมหาปราชญ์และสำนักซิงหลัว จึงได้รู้ว่ามหาปราชญ์แอบทำอะไรลับหลังตนบ้างเขาแอบนึกเสียใจที่ตนวู่วามไป ฟังคำพูดฝ่ายเดียวของมหาปราชญ์ก็ให้รองแม่ทัพของตนนำทหารไปล้อมคฤหาสน์อู่เสียแล้วแต่เสียใจก็ส่วนเสียใจ เจ้าแห่งทะเลคิดว่า มหาปราชญ์บอกว่าเซียวหลินเทียนมีมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์สองชิ้นคือกระบี่คุนอู๋และเสือปีกกาฬ จึงมิได้รู้สึกเสียใจมากนักที่ส่งทหารไปล้อมคฤหาสน์อู่เรื่องที่มหาปราชญ์หลอกใช้ตน บัญชีนี้ค่อยไปสะสางกับเขาทีหลัง เรื่องเร่งด่วนที่สุดในยามนี้คือ การยืนยันว่าเสี่ยวอู่ผู้นี้คือเซียวหลินเทียน และต้องยึดเอามหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองชิ้นในมือเขามาให้ได้ส่วนเรื่องขี้ผึ้งหอมเส