“หยุด!”เซียวหลินเทียนเห็นภาพนี้ก็ตกใจ แล้วรีบกระโดดขึ้นไปเหยียบบนหลังเสือปีกกาฬเขาออกแรงที่เท้า แล้วเสือปีกกาฬก็ถูกเขาเหยียบจนล้มไปกลางอากาศลงไปที่พื้น“โฮก… โฮก…”เสือปีกกาฬคำรามออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว และดิ้นรนอย่างมิยอม ทั้งยังบิดตัวอย่างบ้าคลั่งด้วย พยายามที่จะสลัดเซียวหลินเทียนออกไปแต่เซียวหลินเทียนก็โน้มตัวไปจับขนที่คอของมัน แล้วดึงอย่างแรงพร้อมทั้งตะคอกออกมา“เฮยอี้ เจ้าทำร้ายนางมิได้ หากเจ้ากล้าทำร้ายนาง ข้าก็จะฆ่าเจ้าเสีย!”“โฮก… โฮก…”เสือปีกกาฬดูเหมือนจะมิเห็นด้วยกับคำพูดของเซียวหลินเทียน จึงคำรามออกมาอย่างโกรธเคืองขาหน้าทั้งสองข้างของมันกระโจนขึ้นไปในอากาศ และพยายามจะพุ่งเข้าใส่หลิงอวี๋ผู้รอบรู้ดึงหลิงอวี๋ถอยหลังไปหลายก้าวแล้ว แต่เสือปีกกาฬยังคงพยายามดิ้นให้หลุดจากการควบคุมของเซียวหลินเทียนอย่างมิยอมแพ้ และจะพุ่งใส่หลิงอวี๋ดินโคลนที่พื้นถูกขาทั้งสี่ของมันตะกุยจนกระเด็นไปทั่ว แม้แต่เผยอวี้เห็นเช่นนั้นก็ตกใจและวิ่งไปตรงหน้าหลิงอวี๋พลันชักกระบี่ออกมาเตรียมตั้งรับตามสัญชาตญาณเมื่อเซียวหลินเทียนเห็นเช่นนั้นก็ชักกระบี่ออกมาเช่นกัน แล้วกระโดดลงมาจากหลังของเสือปีกก
หลิงอวี๋รักษาอาการบาดเจ็บให้เซียวหลินเทียนด้วยความรู้สึกสับสนในหัวของนางกำลังสับสนวุ่นวาย ภาพการเผชิญหน้าของเซียวหลินเทียนกับเสือปีกกาฬยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของนางตลอดเวลาเขาใช้กระบี่แทงตัวเขาเองเพื่อมิให้เสือปีกกาฬทำร้ายนาง!นี่คือสิ่งที่คนที่ต้องการสังหารนางจะทำหรือ?หลิงอวี๋นึกถึงสิ่งที่ป้าวซวนเคยพูดไว้ในตอนแรกว่า คำพูดของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยนั้นมิสามารถเชื่อได้!นางเองก็มิอยากจะเชื่อคำพูดของจ้าวหรุ่ยหรุ่ย แต่ภาพที่วนเวียนอยู่ในหัวของตนก็เป็นเรื่องจริง!เซียวหลินเทียนปล่อยให้คนรับใช้เหยียดหยามตนจริง ๆ ทั้งยังสั่งให้คนเฆี่ยนตีตนอีกด้วย!แล้วจะอธิบายภาพเหล่านี้ว่าอย่างไร?ดูเหมือนว่าจะต้องให้ผู้รอบรู้ไปสืบเรื่องอดีตของตนโดยเร็วที่สุดแล้ว นางต้องรู้ให้ชัดว่าความสัมพันธ์ของนางกับเซียวหลินเทียนคืออะไร!“พี่ใหญ่ ท่านยังเดินไหวหรือไม่? พวกเราควรจะหาทางกลับไปได้แล้ว มิฉะนั้นฉินซานกับเถาจื่อจะลงมาตามหาพวกเรากันหมด!”เผยอวี้มองไปทางเซียวหลินเทียนอย่างกังวล“ข้าเดินได้!”เซียวหลินเทียนลุกขึ้นมา การบาดเจ็บจากกระบี่ทำให้เขาเดินกะโผลกกะเผลก เดินไปได้สองก้าวก็เห็นเสือปีกกาฬวิ่งมาข้างหน้าเขา
กระทั่งเซียวหลินเทียนปีนขึ้นไป เขาคิดว่าหลิงอวี๋จะไปแล้ว ไหนเลยจะคิดว่านางจะยังอยู่“พี่ใหญ่ เถาจื่อไปตรวจสอบมาแล้ว จ้าวหรุ่ยหรุ่ยนำคนของตระกูลเฉียวมาเป็นจำนวนมาก ทั้งยังมีคนของมหาปราชญ์ด้วย และพวกเขาก็ปิดกั้นทางลงจากภูเขาไปหมดแล้ว!”ฉินซานเอ่ยรายงาน “ทุกคนที่ลงจากภูเขาไปจะต้องถูกตรวจสอบ คาดว่าหน้ากากผิวหนังมนุษย์คงมิสามารถปกปิดได้ขอรับ!”เซียวหลินเทียนขมวดคิ้ว แล้วมองไปทางหลิงอวี๋โดยสัญชาตญาณหลิงอวี๋ขึ้นมาก่อน นางได้ฟังเถาจื่อบอกเรื่องนี้ไปแล้ว เมื่อนางเห็นว่าเซียวหลินเทียนมองมาทางตน จึงเอ่ยออกไปเรียบ ๆ “ข้าสามารถช่วยพวกเจ้าคิดวิธีปลอมตัวได้ ข้ามีความมั่นใจอยู่เจ็ดส่วนว่าจ้าวหรุ่ยหรุ่ยจะตรวจมิพบใบหน้าที่แท้จริงของพวกเจ้า!”“สำหรับอีกสามส่วนที่เหลือนั้น ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถในการรับมือของพวกเจ้าเอง!”หลิงอวี๋มิอยากติดหนี้บุญคุณเซียวหลินเทียนที่แทงตัวเขาเองเพื่อมิให้เฮยอี้ทำร้ายตน หลิงอวี๋จึงอาศัยโอกาสนี้ตอบแทนบุญคุณของเซียวหลินเทียนไปเสีย“แม่นางสิง ขอบคุณมาก!”เมื่อเซียวหลินเทียนได้ยินว่าหลิงอวี๋ยินดีช่วยเหลือ เขาก็เดาเจตนาของนางออกทันทีเขายิ้มอย่างขมขื่นอยู่ในใจ นี่คือนิ
เซียวหลินเทียนมิได้พูดอะไรมากนัก แต่คำพูดเหล่านั้นได้สร้างความปั่นป่วนในใจของหลิงอวี๋ขึ้นแล้วนางมิได้เกิดขึ้นมาจากรอยแยกของก้อนหิน นางเองก็มีครอบครัว สหายและพ่อแม่อยู่เช่นกัน!แต่นางลืมไปหมดแล้ว!เหตุใดจึงจำได้แต่ภาพเหล่านั้นกันนะ? แล้วญาติพี่น้องและมิตรสหายไปไหนกันหมดเล่า?เผยอวี้ขึ้นมาเป็นคนสุดท้าย หลิงอวี๋ได้ทำการปลอมตัวให้พวกเซียวหลินเทียนเรียบร้อยแล้ว ต่อไปก็คือการปลอมตัวให้เผยอวี้ในขณะที่หลิงอวี๋กำลังยุ่งอยู่นั้น เซียวหลินเทียนก็ให้ฉินซานกับเถาจื่อโยนบันไดที่ทำมาจากเถาวัลย์ลงหน้าผาไปผู้รอบรู้ยังคิดอยู่ว่าอีกประเดี๋ยวจะไปเก็บสมุนไพรเพิ่ม เมื่อเขาเห็นการกระทำของฉินซานจึงอยากจะไปห้ามเซียวหลินเทียนจึงเอ่ยออกมาเรียบ ๆ “ข้างล่างคือบ้านของเฮยอี้ มันมิอยากให้มีคนลงไปรบกวนมันอีก!”“ยิ่งไปกว่านั้น การมีบันไดก็หมายความว่าที่นี่จะต้องถูกผู้อื่นค้นพบ และเครื่องยาสมุนไพรเหล่านั้นก็อาจจะอยู่มิถึงตอนที่เจ้ามาเก็บ!”ผู้รอบรู้นึกถึงสัตว์เทพตัวนั้นแล้วก็มิพูดอะไรออกมาตอนนี้เฮยอี้ถูกเซียวหลินเทียนฝึกให้เชื่องแล้ว มิแน่ว่าอาจจะเฝ้าอยู่ด้านล่างหน้าผาตามคำสั่งของเซียวหลินเทียน และเมื่อเห
หลิงอวี๋กลั้นหายใจไว้อย่างประหม่า และพยายามควบคุมตนเองไว้มิให้แสดงท่าทีผิดปกติออกไปส่วนเซียวหลินเทียนที่อยู่ด้านหลัง เมื่อเห็นว่าแม่นมของตระกูลเฉียวไปสัมผัสที่กระดูกเชิงกรานของหลิงอวี๋ หัวใจของเขาก็กังวลไปด้วยเช่นกันแม้ว่าเขาจะมิได้รู้เรื่องของสตรีมากนัก แต่เรื่องความแตกต่างระหว่างสตรีที่ผ่านการคลอดลูกมากับเด็กสาวนั้น เซียวหลินเทียนก็พอจะเคยได้ยินมาบ้างเขามิได้คาดคิดว่าแม้การแปลงโฉมบนใบหน้าของหลิงอวี๋จะไม่มีปัญหา แต่ปัญหากลับมาเกิดขึ้นตรงนี้อีก“น้องชาย เจ้าว่าครั้งนี้ที่ข้ามาจะสามารถจับสัตว์เทพตัวนั้นได้หรือไม่? มันทรงพลังมากจริง ๆ หากข้าสามารถฝึกมันให้เชื่องได้ เช่นนั้นมันก็จะเป็นสัตว์วิญญาณที่ไม่มีอะไรมาเทียบได้ในเมืองหลวงแดนเทพ!”เซียวหลินเทียนจงใจพูดกับเผยอวี้ขึ้นมาเผยอวี้ก็เข้าใจในทันทีว่า เซียวหลินเทียนต้องการจะช่วยเบี่ยงเบนความสนใจให้หลิงอวี๋เขาจึงร่วมด้วยทันที “พี่ใหญ่ ท่านได้รับบาดเจ็บเพราะจะจับตัวมัน ท่านยังจะอยากได้มันอีกหรือ? ข้าว่าพวกเราคงจะสิ้นชีวิตกันทั้งหมด นั่นเป็นสัตว์เทพเชียวนะ! นอกเสียจากว่าท่านจะมีพลังที่แข็งแกร่ง มิฉะนั้นก็มิสามารถฝึกมันให้เชื่องได้หร
เมื่อขุนนางชั้นผู้ใหญ่ผู้นั้นเห็นมหาปราชญ์ก็เข้ามาต้อนรับ และตำหนิเซียวหลินเทียน “เจ้ามิได้ยินที่มหาปราชญ์ถามรึ? ยังมิรีบตอบอีก!”เผยอวี้จึงรีบเอ่ย “เรียนท่านมหาปราชญ์ ข้าจำได้มิชัดเจนขอรับ ตอนนั้นมืดจนเกินไป และพวกเราก็ถูกเสือตัวนั้นวิ่งไล่จนต้องหนีไปทั่ว พวกเราจำได้เพียงว่าเป็นหุบเขาแห่งหนึ่งขอรับ!”เซียวหลินเทียนก็พยักหน้าเออออตามไปด้วยเผยอวี้ประคองเซียวหลินเทียนไว้ จากนั้นก็ยิ้มแล้วเอ่ยออกมา “พี่ใหญ่ของข้าก็ได้รับบาดเจ็บเพราะเหตุนี้ขอรับ พวกเรากำลังจะลงจากภูเขาเพื่อพาเขาไปรักษา!”“อ้อ อยู่ตรงทิศทางใดก็จำมิได้รึ?”มหาปราชญ์ยังคงมิยอมแพ้ เขาจ้องมองพลางเอ่ยถามขึ้นมา“จำได้ขอรับ ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ บริเวณโดยรอบมีบ่อน้ำอยู่ด้วยขอรับ!”เผยอวี้หวังเพียงให้ผ่านไปได้อย่างราบรื่น จึงเปิดเผยเบาะแสไปเล็กน้อยมหาปราชญ์มองไปทางภูเขาที่อยู่ไกล ๆ พลางครุ่นคิดแล้วก็เอ่ยออกมาด้วยเสียงทุ้ม “พวกเจ้ามากันหลายคนมิใช่หรือ? ข้าจะให้ทหารพาลูกพี่ลูกน้องของเจ้าลงเขาไปรับการรักษา ส่วนพวกเจ้าก็อยู่สักสองคนแล้วพาข้าไปหาบ่อน้ำนั่นที!”เผยอวี้บ่นอยู่ในใจทันที นี่หากต้องไปตามหาเฮยอี้กับมหาปราชญ์ มิช้าก
ประโยคสุดท้ายเก๋อเฟิ่งฉิงไปพูดที่ข้างหูของเซียวหลินเทียน นอกจากพวกเขาทั้งสองแล้ว ก็ไม่มีผู้ใดได้ยินทั้งนั้นเซียวหลินเทียนตัวแข็งทื่อ คำพูดของเก๋อเฟิ่งฉิงมิใช่การหยั่งเชิง แต่เป็นการพูดด้วยความมั่นใจเป็นอย่างมากความคิดมากมายผุดขึ้นมาในหัวของเซียวหลินเทียนทันที เขาอยากจะปฏิเสธ ทว่าหากเขาฉีกหน้าเก๋อเฟิ่งฉิงไป ดูจากรูปแบบของมหาปราชญ์แล้ว เขาคงยอมสังหารคนผิดดีกว่าปล่อยพวกเขาไป!ถึงเวลานั้นมิเพียงแต่ตนจะหนีมิได้เท่านั้น แต่พวกหลิงอวี๋ก็จะหนีมิพ้นเช่นกันทว่าหากเขายอมรับไป เช่นนั้นจะตกหลุมพรางของเก๋อเฟิ่งฉิงหรือไม่!ดูเหมือนว่าเก๋อเฟิ่งฉิงจะรู้สึกได้ถึงความสับสนของเซียวหลินเทียน จึงกระซิบที่หูของเซียวหลินเทียนอีกครั้ง “พี่ใหญ่ ข้าไม่มีทางทรยศพวกท่านหรอก!”“เชื่อข้า ข้าตามหาที่อยู่ของพวกท่านเจอนานแล้ว หากข้าคิดจะทรยศพวกท่าน ข้าก็คงทำไปนานแล้ว!”“ทุกคนในคฤหาสน์อู่ล้วนเป็นคนของท่าน ข้าไม่มีทางทำเรื่องน่ารังเกียจเช่นนั้นหรอก!”เมื่อเอ่ยถึงคฤหาสน์อู่ เซียวหลินเทียนก็รู้ว่าเก๋อเฟิ่งฉิงจำตนได้แล้วจริง ๆหานเหมย หลิงเฟิง จ้าวซวนและคนอื่น ๆ ยังคงอยู่ที่คฤหาสน์ หากเขาปฏิเสธไป ทั้งคฤหาสน์อู่ก
เซียวหลินเทียนใจเต้นรัว เขามิอาจเชื่อได้ว่าเฮยอี้จะสูญเสียพลังการต่อสู้ไปเช่นกันเมื่อเซียวหลินเทียนนึกถึงการกระทำของตนก่อนหน้านี้ เขาก็เข้าใจทันที หรือว่าหม้อมังกรศักดิ์สิทธิ์ทำให้เฮยอี้สูญเสียพลังการต่อสู้ไป?เพื่อเป็นการยืนยันการคาดเดาของตน เซียวหลินเทียนจึงถูแหวนอีกสองสามครั้ง และผลก็คือเฮยอี้ลงไปกลิ้งกับพื้นด้วยความเจ็บปวด แล้วขาหน้าของมันก็กุมหัวตนเองไว้ราวกับเด็กเมื่อเซียวหลินเทียนหยุดถู เฮยอี้ก็หยุดกลิ้ง กระทั่งได้พลังคืนมาแล้ว มันก็พุ่งเข้าหาเซียวหลินเทียนด้วยท่าทางดุร้ายเซียวหลินเทียนจึงถูต่อ แล้วเฮยอี้ก็ลงไปกลิ้งกับพื้นอย่างเจ็บปวดอีกครั้งหลังจากทำเช่นนี้อยู่หลายครั้ง ในตอนที่เฮยอี้ลุกขึ้นยืนก็ถูกเซียวหลินเทียนฝึกจนเชื่อง หมอบลงบนพื้นอย่างเชื่อฟัง และแสดงท่าทีของการยอมจำนนเมื่อเซียวหลินเทียนลองเดินเข้าไปลูบหัวของเฮยอี้ เฮยอี้ก็ได้แต่มองหม้อมังกรศักดิ์สิทธิ์ในมือของเขาอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็ก้มหัวลงให้เซียวหลินเทียนลูบมันก่อนหน้านี้ตอนที่เซียวหลินเทียนปีนขึ้นบันได เขาก็ลองใช้วิธีถูแหวนเรียกเฮยอี้ดูแล้ว และเพียงแค่สิบวินาทีเท่านั้น เฮยอี้ก็มาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าเข
รองแม่ทัพจางยังคงกล่าวพลางยิ้มแย้ม “ท่านหญิงฉางเล่อมามิถูกจังหวะ วันนี้ฮองเฮาพร้อมด้วยท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นพาคุณชายน้อยทั้งหลายเสด็จไปชมดอกไม้ที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์พ่ะย่ะค่ะ!”ว่ากระไรนะ?หลงเพ่ยเพ่ยนิ่งอึ้งไป ท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นล้วนเป็นธิดาของเจ้าแห่งทะเล และเป็นลูกพี่ลูกน้องของหลงเพ่ยเพ่ยด้วยเหตุใดพวกนางถึงมิไปชมดอกไม้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้เล่า แต่กลับเลือกไปชมดอกไม้ในตอนที่ตนต้องการความช่วยเหลือจากเสด็จย่าพอดีนี่น่ะหรือ?“ไปนานเท่าใดแล้ว?”หลงเพ่ยเพ่ยสงสัยว่านี่เป็นการจัดฉากโดยเจตนาของชายาเจ้าแห่งทะเล“สองชั่วยามแล้วพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้น่าจะอยู่ในภูเขาศักดิ์สิทธิ์แล้วขอรับ!”รองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้มหลงเพ่ยเพ่ยอยากจะชกหน้ายิ้ม ๆ ของรองแม่ทัพจางเสียสักหมัด เหตุใดนางมองรอยยิ้มของรองแม่ทัพจางแล้วเหมือนกำลังสมน้ำหน้าตนอยู่เลยเล่า“เจ้ามิได้หลอกข้าใช่หรือไม่?”หลงเพ่ยเพ่ยถามเสียงเย็นรองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้ม “ท่านหญิงฉางเล่อพูดเล่นแล้ว ไหนเลยข้าน้อยจะกล้าหลอกท่านหญิง! หากมิเชื่อท่านลองถามใครดูก็ได้ว่าที่ข้าน้อยพูดเป็นเรื่องจริงหรือไม่!”“หากท่านหญิงมีธุระด่วนจร
หลิงอวี๋ฟังแล้วก็อดอมยิ้มมิได้ เซียวหลินเทียนใช้คนตระกูลเก๋อมาจัดการชายาเจ้าแห่งทะเล กลอุบายนี้ช่างเด็ดขาดนักรถม้ามาถึงจวนเจ้าแห่งทะเล เมื่อหลิงอวี๋ลงจากรถก็มองไปยังคฤหาสน์หลังใหม่ที่กำลังก่อสร้างอีกครั้ง กำแพงล้อมรอบสร้างเสร็จแล้ว ดูจากขนาดแล้วใหญ่โตมากจริง ๆนางอดสงสัยมิได้ ข้างในมีเรือนบุหงาแบบเดียวกับตำหนักอ๋องอี้ของตนอย่างที่เถาจื่อบอกจริงหรือ?นางอยากเข้าไปดู อยากเห็นเหลือเกินว่าบ้านในอดีตของตนเป็นอย่างไร!“คุณหนูสิง เชิญ!”พ่อบ้านเว่ยเห็นหลิงอวี๋มองคฤหาสน์ฝั่งตรงข้ามก็ร้องเรียกอย่างมิอดทนหลิงอวี๋หันกลับมา เห็นประตูใหญ่หนาทึบของจวนเจ้าแห่งทะเลเปิดอ้าอยู่ ข้างในลานเรือนซับซ้อนลึกล้ำ มองสุดตามิเห็นปลายทางนี่คือที่ที่เต็มไปด้วยอันตรายโดยแท้!หลิงอวี๋ลอบสูดหายใจลึก ๆ แล้วเดินเข้าไป“ปัง!”ประตูใหญ่หนาทึบปิดลงด้านหลังนางหลิงอวี๋มิได้หันกลับไปมอง เพราะนั่นจะดูมิสง่างามนางรอให้พ่อบ้านเว่ยนำทางอยู่ข้างหน้า เพื่อหลีกเลี่ยงการเดินผิดทางแล้วถูกพ่อบ้านเว่ยหาเรื่องผิดพลาดมาตำหนิขณะเดียวกัน หลงเพ่ยเพ่ยก็ได้พาเย่หรงมุ่งหน้าไปยังวังหลวงแล้ว“อุบายนี้ของชายาเจ้าแห่งทะเลช่างร้า
จวนเจ้าแห่งทะเลตั้งอยู่ในย่านคหบดีและสูงศักดิ์ของเมืองหลวงแดนเทพ อันที่จริงอยู่ห่างจากคฤหาสน์อู่เพียงมิกี่ช่วงถนนเท่านั้นรถม้าวิ่งไปตามทางเรื่อย ๆ เถาจื่อพลันนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงกระซิบข้างหูหลิงอวี๋เบา ๆ“คุณหนู อีกประเดี๋ยวท่านจะเห็นคฤหาสน์หลังใหญ่ที่กำลังสร้างอยู่ตรงข้ามจวนเจ้าแห่งทะเล ที่นั่นฝ่าบาททรงสร้างให้ท่านเจ้าค่ะ!”“คราแรกที่พวกเรามาตามหาท่านในเมืองหลวงแดนเทพนั้นมิรู้ว่าจะต้องเสียเวลานานเท่าใด ฝ่าบาทจึงทรงให้สือหรงซื้อคฤหาสน์แถวนี้ไว้ล่วงหน้าแล้วรื้อสร้างใหม่ทั้งหมด!”“ฝ่าบาทตรัสว่า เจ้าแห่งทะเลคือบิดาของท่าน ในเมื่อเขามิยอมรับท่าน ฝ่าบาทก็จะทำให้เขาเห็นว่า ใช่ว่าท่านไม่มีบ้านเสียหน่อย แม้จวนเจ้าแห่งทะเลไม่มีที่ให้ท่าน ฝ่าบาทก็จะสร้างจวนหลังที่ใหญ่กว่าจวนเจ้าแห่งทะเลให้!”“คุณหนู ข้างในมีเรือนหลังหนึ่ง สร้างตามแบบเรือนบุหงาที่ตำหนักอ๋องอี้ในฉินตะวันตกของท่านไม่มีผิดเพี้ยน หากท่านได้เห็นจะต้องชอบอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ!”ก่อนหน้านี้หลิงอวี๋เคยได้ยินเผยอวี้พูดถึงคฤหาสน์หลังใหม่ที่พวกเขาสร้างแล้ว ตอนนั้นยังรู้สึกแปลกใจว่าเซียวหลินเทียนคิดจะอยู่เมืองหลวงแดนเทพเป็นการถาวรหรืออย่
วิธีนี้ของหลิงอวี๋เป็นวิธีเดียวที่จะช่วยนางได้ในยามนี้ ด้วยเซียวหลินเทียนและคนอื่น ๆ ก็ยังคิดหาวิธีที่ดีกว่านี้มิออกเย่หรงกล่าวขึ้นทันที “ข้าจะไปหาหลงเพ่ยเพ่ย บอกนางมิต้องมาแล้ว ให้เข้าวังไปทูลขอเข้าเฝ้าฮองเฮาได้เลย!”“พี่หญิงหลิงหลิง ท่านต้องยื้อจนกว่าพวกเราจะมาช่วยท่านให้ได้นะ!”พูดจบ เย่หรงก็รีบร้อนออกไปเก๋อเฟิ่งฉิงมองหลิงอวี๋ด้วยสายตาซับซ้อน นางหวังให้หลิงอวี๋เข้าจวนเจ้าแห่งทะเลไปแล้วออกมามิได้แต่เรื่องนี้ก็พัวพันถึงความเป็นความตายของเซียวหลินเทียน นางมิอยากให้เซียวหลินเทียนต้องเกิดเรื่อง!ช่างขัดแย้งในใจเสียจริง!“อาอวี๋ เจ้าไปก่อนเถอะ... วางใจได้ ต่อให้ต้องก่อความวุ่นวายครั้งใหญ่ในเมืองหลวงแดนเทพ ข้าก็จะพาเจ้ากลับบ้านให้ได้!”เซียวหลินเทียนกล่าวอย่างหนักแน่นเขายังมีแผ่นป้ายไม้ที่ขันทีโม่ให้มา สามารถใช้ขอความช่วยเหลือจากแม่ทัพฝ่ายซ้ายได้ เซียวหลินเทียนตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะใช้แผ่นป้ายไม้นี้ช่วยหลิงอวี๋ขันทีโม่เคยบอกว่า เพียงอาศัยแผ่นป้ายไม้นี้ ก็สามารถทำให้แม่ทัพฝ่ายซ้ายช่วยตนทำเรื่องหนึ่งเรื่องได้หากแม่ทัพฝ่ายซ้ายสามารถช่วยคนได้เพียงคนเดียว เช่นนั้นเขาก็ยอมตายเ
เผยอวี้และคนอื่น ๆ ต่างมองหน้ากันอย่างจนปัญญา นึกว่ามหาปราชญ์และเจ้าแห่งทะเลกลับไปแล้วพวกตนจะรอดพ้นจากครั้งนี้ไปได้ คาดมิถึงว่าชายาเจ้าแห่งทะเลจะใช้ไม้นี้อีกภายนอกดูเหมือนเป็นการเชิญ แต่จริง ๆ แล้วจะปฏิเสธมิไปได้หรือ?เซียวหลินเทียนสามารถแสร้งป่วยได้ แต่หลิงอวี๋เพิ่งจะปรากฏตัวต่อหน้าเจ้าแห่งทะเลไปเมื่อครู่ ตอนนี้ย่อมมิอาจใช้การแสร้งป่วยมาหลีกเลี่ยงได้อีกแล้ว“บอกไปว่าคุณหนูสิงกำลังรักษาอาการป่วยให้ข้าอยู่ เดี๋ยวค่อยไป!”ในสถานการณ์กะทันหันเช่นนี้เซียวหลินเทียนทำได้เพียงถ่วงเวลาไปก่อนแล้วค่อยคิดหาวิธี“เผยอวี้ เจ้าส่งคนไปแจ้งหลงเพ่ยเพ่ยกับเจ้าแห่งทิศใต้ ให้หลงเพ่ยเพ่ยไปเป็นเพื่อนอาอวี๋!”เป็นเรื่องความเป็นความตายของหลิงอวี๋ เผยอวี้รีบให้คนไปแจ้งหลงเพ่ยเพ่ยทันทีหลิงอวี๋นิ่งเงียบ นั่งคิดอยู่ข้าง ๆเพื่อชิงหยกหล้าสุขาวดีกลับคืนมา ในเวลานั้นชายาเจ้าแห่งทะเลสามารถลงมืออำมหิตกับหลานฮุ่ยจวนที่กำลังตั้งครรภ์ได้ครั้งนี้นางส่งพ่อบ้านมาเชิญตนไปจวนเจ้าแห่งทะเล พูดไปพูดมาก็เพื่อหยกหล้าสุขาวดีบนตัวนางนั่นเองส่วนการที่จะนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาได้นั้นต้องใช้วิธีสลายโลหิตละลายกระดูก หรือว่าช
หลิงอวี๋เดินกลับเข้ามา และบังเอิญได้ยินคำพูดของเย่ซงเฉิงเข้าพอดี“พวกเราต้องเตรียมรับมือสำหรับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด หากหวงฝู่หลินกลับไปแล้ว มิสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ถึงกาลนั้นใครจะมารับมือการแก้แค้นของฝูไห่ต่อตระกูลหลงและตระกูลอื่น ๆ อีกหลายตระกูลเล่า?”เจ้าแห่งทิศใต้มองไปยังเย่หรง และกล่าวเสียงเข้ม “เลี่ยวหงเสีย มารดาของเย่หรงอาจจะรู้วิธี!”“ปรมาจารย์เย่ ก่อนหน้านี้ข้าอยากจะพบเลี่ยวหงเสียเพื่อสอบถามสถานการณ์จึงไปที่คุกน้ำมา แต่ข้ากลับมิสามารถพบนางได้!”“คำกล่าวของท่านมีน้ำหนักเมื่ออยู่ต่อหน้าพระพักตร์เสด็จพ่อ บางทีท่านอาจจะสามารถทูลขอเสด็จพ่อให้ทรงอนุญาตท่านเข้าพบเลี่ยวหงเสียได้!”เย่ซงเฉิงขมวดคิ้ว “เจ้าแห่งทิศใต้ก็มิสามารถพบเลี่ยวหงเสียได้เช่นกันหรือพ่ะย่ะค่ะ?”เจ้าแห่งทิศใต้พยักหน้า “แม่ทัพหลี่ผู้เฝ้าประตูบอกว่า นอกเสียจากจะมีพระราชโองการของมหาเทพ มิฉะนั้นก็มิอนุญาตให้ข้าพบเลี่ยวหงเสีย!”เย่ซงเฉิงยิ้มอย่างขมขื่น “เรื่องนี้ข้าน้อยเคยทูลต่อเสด็จพ่อของท่านแล้ว เสด็จพ่อของท่านมิทรงยินยอม ความนับหน้าถือตาของตาเฒ่าผู้นี้ใช้มิได้ผลต่อหน้าพระพักตร์เสด็จพ่อของท่านแล้ว!”ทุกคนต่
หวงฝู่หลินมิรู้จักคนทั้งสองนี้เลย คิดอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “ตอนนั้นนอกจากพวกท่านกับตระกูลเฉียวแล้ว ก็มีคนของตระกูลจงเจิ้งที่เข้าไปในภูเขาหิมะ ข้ามิเห็นคนทั้งสองที่ท่านพูดถึงในภูเขาหิมะ!”“บางทีปี้ซงอาจจะเคยเห็น เดี๋ยวลองเรียกเขามาถามดู!”เผยอวี้จึงไปเรียกปี้ซงมาอีกครั้งปี้ซงอุ้มหวงฝู่หมิงจูเข้ามา หลิงอวี๋ก็รับนางมาอุ้มไว้เซียวหลินเทียนมองหวงฝู่หมิงจูกอดคอหลิงอวี๋ด้วยท่าทางสนิทสนม ในใจรู้สึกซับซ้อนอย่างบอกมิถูกหวงฝู่หลินเล่าคำถามให้ปี้ซงฟังอีกครั้งปี้ซงคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “ชายชราผู้นั้นข้าพอจำได้ราง ๆ ตอนนั้นเขาเดินวนเวียนอยู่ในภูเขาหิมะอยู่หลายวัน ต่อมาก็จากไป ข้าคิดว่าเขาไม่มีอันตรายอะไรจึงมิได้ใส่ใจ!”“ส่วนแม่นมอู ข้าไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับนางเลย มิเคยเห็นนางในภูเขาหิมะ!”เก๋อเฟิ่งฉิงยืนฟังอยู่ข้าง ๆ ตลอด ได้ยินดังนั้นก็กล่าวว่า “อันที่จริงตอนนั้นที่ภูเขาหิมะ นอกจากพวกเราแล้ว น่าจะยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่ง”“ข้าก็มาพบพวกนางหลังจากลงจากเขาแล้ว ตอนนั้นยังคิดว่าพวกนางแค่ผ่านทางมา แต่พอลองคิดดูตอนนี้ พวกนางต้องเคยไปภูเขาหิมะแน่นอน แม่นมอูน่าจะถูกพวกนางพาตัวไป!”“พวกเข
เมื่อฟังคำพูดของเย่ซงเฉิงจบ หลิงอวี๋ หลงเพ่ยเพ่ยและเผยอวี้ก็ร้องอุทานออกมาพร้อมกัน“เจ้าสำนักซิงหลัวเป็นสตรี! หรือว่านางคือตงกู่อวี้ที่กลับชาติมาเกิด?”หวงฝู่หลินก็นึกขึ้นได้ ตอนที่ทุกคนรุมล้อมโจมตีเจ้าสำนักซิงหลัว เผยอวี้ใช้กระบี่เดียวตัดเชือกรัดผมที่มัดผมของเจ้าสำนักซิงหลัวขาดตอนนั้นผมสลวยของนางสยายลงมาบดบังดวงตาของนางทุกคนมัวแต่ยุ่งอยู่กับการรับมือ จึงมิทันได้คิดให้ลึกซึ้งเมื่อเย่ซงเฉิงพูดเช่นนี้ ทุกคนจึงได้นึกถึงสภาพการณ์ในยามนั้นขึ้นมา“ตงกู่อวี้กลับชาติมาเกิดจริง ๆ หรือ?”ในฐานะลูกหลานตระกูลหลง เจ้าแห่งทิศใต้จะมิรู้ได้อย่างไรว่าในใต้หล้านี้มีวิชาลับเช่นนี้อยู่จริง ทันใดนั้นก็ตกใจจนเหงื่อเย็นไหลซึมหลงจิ้งและหลงเพ่ยเพ่ยก็ตกใจเช่นกัน วรยุทธ์ของสตรีนางนั้นสูงส่งกว่ามหาปราชญ์เสียอีก แต่ก่อนหน้านี้พวกเขามิเคยรู้มาก่อนเลยว่าสำนักซิงหลัวยังมียอดฝีมือเช่นนี้อยู่“ท่านพ่อ ยามนั้นเจ้าวังหวงฝู่พร้อมด้วยท่านเซียวและพวกเราช่วยกันรุมล้อมโจมตีนางก็ยังมิสามารถสังหารนางได้ ลูกดูจากวรยุทธ์ของนางแล้ว เกรงว่าจะมีเพียงท่านอาเจ้าแห่งทะเลเท่านั้นที่พอจะต่อกรกับนางได้!”หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวด้วย
หลงจิ้งยังคงยากที่จะเชื่อ “คำพูดของตระกูลเหล่านั้นก็มิได้ผลหรือพ่ะย่ะค่ะ?”เจ้าแห่งทิศใต้ส่ายหน้าอย่างหดหู่ “เสด็จปู่ของเจ้าตรัสว่าจะตรวจสอบให้ จึงส่งเจ้าแห่งทะเลไปตรวจสอบ แต่ผลที่ได้จากเจ้าแห่งทะเลก็มิสามารถสรุปอะไรได้เลย หรือกระทั่ง...”กระทั่งเจ้าแห่งทะเลอาจจะใช้ขี้ผึ้งหอม ควบคุมบุตรหลานของตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือตนเอง!เซียวหลินเทียน หลงจิ้งและหลิงอวี๋ต่างก็เข้าใจความหมายที่เจ้าแห่งทิศใต้ยังพูดมิจบใจของหลงจิ้งพลันหล่นวูบ เช่นนั้นเรื่องที่ตนไปเผาขี้ผึ้งหอมก็เท่ากับมิได้ช่วยใครเลย กลับยิ่งทำให้อำนาจของเจ้าแห่งทะเลเพิ่มทวีคูณขึ้นงั้นหรือ?หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวอย่างมิยอม “หรือว่าหัวหน้าตระกูลใหญ่เหล่านั้นล้วนเลอะเลือนไปแล้ว? ไยจึงปล่อยให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลควบคุมชะตากรรมของพวกเขาเช่นนี้?”เซียวหลินเทียนขมวดคิ้ว มิน่าแปลกใจที่เมื่อครู่เจ้าแห่งทะเลยอมถอยกลับไปง่าย ๆ ที่แท้ก็มีแผนการเช่นนี้เองก่อนที่จะควบคุมตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือ เจ้าแห่งทะเลย่อมมิอาจแตกหักกับเจ้าแห่งทิศใต้ได้ในยามนี้แต่เมื่อใดที่เขาควบคุมตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือได้แล้ว เจ้าแห่งทะเลย่อมมิปล่อยเจ้าแห่งทิศใต