กระทั่งเซียวหลินเทียนปีนขึ้นไป เขาคิดว่าหลิงอวี๋จะไปแล้ว ไหนเลยจะคิดว่านางจะยังอยู่“พี่ใหญ่ เถาจื่อไปตรวจสอบมาแล้ว จ้าวหรุ่ยหรุ่ยนำคนของตระกูลเฉียวมาเป็นจำนวนมาก ทั้งยังมีคนของมหาปราชญ์ด้วย และพวกเขาก็ปิดกั้นทางลงจากภูเขาไปหมดแล้ว!”ฉินซานเอ่ยรายงาน “ทุกคนที่ลงจากภูเขาไปจะต้องถูกตรวจสอบ คาดว่าหน้ากากผิวหนังมนุษย์คงมิสามารถปกปิดได้ขอรับ!”เซียวหลินเทียนขมวดคิ้ว แล้วมองไปทางหลิงอวี๋โดยสัญชาตญาณหลิงอวี๋ขึ้นมาก่อน นางได้ฟังเถาจื่อบอกเรื่องนี้ไปแล้ว เมื่อนางเห็นว่าเซียวหลินเทียนมองมาทางตน จึงเอ่ยออกไปเรียบ ๆ “ข้าสามารถช่วยพวกเจ้าคิดวิธีปลอมตัวได้ ข้ามีความมั่นใจอยู่เจ็ดส่วนว่าจ้าวหรุ่ยหรุ่ยจะตรวจมิพบใบหน้าที่แท้จริงของพวกเจ้า!”“สำหรับอีกสามส่วนที่เหลือนั้น ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถในการรับมือของพวกเจ้าเอง!”หลิงอวี๋มิอยากติดหนี้บุญคุณเซียวหลินเทียนที่แทงตัวเขาเองเพื่อมิให้เฮยอี้ทำร้ายตน หลิงอวี๋จึงอาศัยโอกาสนี้ตอบแทนบุญคุณของเซียวหลินเทียนไปเสีย“แม่นางสิง ขอบคุณมาก!”เมื่อเซียวหลินเทียนได้ยินว่าหลิงอวี๋ยินดีช่วยเหลือ เขาก็เดาเจตนาของนางออกทันทีเขายิ้มอย่างขมขื่นอยู่ในใจ นี่คือนิ
“หลิงอวี๋!” “ในปีนั้นเจ้าวางแผนการชั่วร้ายใส่ข้าอย่างไร้ยางอาย… จากนั้นยังใช้ป้ายทองอาญาสิทธิ์ที่องค์จักรพรรดิพระราชทานให้มาบีบบังคับให้ข้าแต่งงานกับเจ้า...” “มาตอนนี้ยังลอบขโมยของล้ำค่าที่เสด็จแม่ของข้าทิ้งเอาไว้ เพื่อเติมเต็มสิ่งที่เจ้าขาดหายไป! ยิ่งไปกว่านั้นคือทำร้ายเฮยจื่อเสียจนปางตาย!” “หากว่าข้ายังไว้ชีวิตเจ้าอีก ข้าก็คงจะไม่แซ่เซียวแล้ว!” ใคร? ใครกำลังพูดอยู่กัน ขณะที่เธอกึ่งหลับกึ่งตื่นอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงแส้ “เพียะ!” ดังขึ้น ทั่วทั้งตัวของหลิงอวี๋เจ็บปวดจนสั่นสะท้าน จนต้องลืมตาขึ้นมาทันที... จากนั้นเมื่อมองเห็นด้านหน้าของเธอ มีชายหนุ่มหล่อเหลา สูงส่งราวกับเทพเจ้านั่งอยู่บนรถเข็น จ้องมองยังเธออย่างแข็งกร้าว “โบย! ห้าสิบแส้! อย่าให้ขาดแม้แต่หนึ่ง!” “โบยให้ตาย แล้วจงลากไปโยนทิ้งที่สุสานรวมซะ!” เพียะ! เพียะ! เพียะ! เสียงแส้ดังออกมาพร้อมกับเสียงลมครั้งแล้วครั้งเล่ากระแทกลงบนกายของหลิงอวี๋ หลิงอวี๋เจ็บปวดจนดวงตามืดมน อีกเพียงนิดเกือบจะเป็นลมไป... หลิงอวี๋ที่เกือบจะสิ้นลมไป เธอนึกไม่ออกว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น? ท่านอ๋องอะไรกัน? เฮยจื่ออะไร? เมื่อคร
“อย่าตีท่านแม่ของข้า...” หลังจากที่เสี่ยวเมาล้มบนพื้น กระอักเลือดออกมาแล้วก็คลานเข้าไปหาหลิงอวี๋อย่างไม่ยินยอม ยังคิดที่จะใช้ร่างกายที่อ่อนแอของตนช่วยรับแส้ให้กับนางอีก หลิงอวี๋มองไปยังมุมปากของเสี่ยวเมาที่ยังคงมีเลือดไหลซึม ในใจก็ยิ่งสั่นสะท้านขึ้นมา… ในความทรงจำนั้น หลิงอวี๋ใส่ใจเสี่ยวเมาน้อยนัก ทำให้เสี่ยวเมาที่คลอดมาแข็งแรงมาก กลับยิ่งเลี้ยงดูก็ยิ่งผอมบาง... “ท่านอ๋อง… นี่? โบยต่อหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?” มือเฆี่ยนเอ่ยถามออกมาอย่างระมัดระวัง “ลากลูกนอกสมรสนั่นออกไป โบยต่อ!” ชายหนุ่มสูงส่งราวกับเทพเจ้านั้น ถึงแม้ว่าจะเห็นเสี่ยวเมากระอักเลือดออกมา ก็ยังคงดูเฉยชาไร้ซึ่งอารมณ์ดั่งเก่า “เสี่ยวเมา ไปเถอะ ปกตินางก็ไม่ได้ดูแลเจ้าดีนัก เจ้ายังสนใจว่านางจะเป็นตายไปเพื่อเหตุอันใด!” หญิงชราคนหนึ่งวิ่งเข้ามา เมื่ออุ้มเสี่ยวเมาได้ก็ออกไป “อย่าตีท่านแม่… ปล่อยข้า!” เสี่ยวเมายังคงร้องตะโกนออกมาอย่างเศร้าโศก ไม่สนใจว่าตรงมุมปากของตนจะมีเลือดไหลออกมา ดิ้นรนอย่างแรงอยู่ในอ้อมแขนของหญิงชรา หญิงชรากอดเขาเอาไว้แน่น มือเฆี่ยนยังคงโบยแส้ลงไปบนกายของหลิงอวี๋ เสี่ยวเมาเองก็ไม่รู้ว่าไปเอาแรง
“ตึกตึก… ตึก...” ไม่รู้ว่าสลบไปนานเท่าใด หลิงอวี๋ได้ยินเสียงนาฬิกาดังตึกตึกแว่ว ๆ จนลืมตาขึ้นมา... ทันใดนั้น ดวงตาของหลิงยวี่ก็สว่างขึ้น เธอพบว่าตัวเองอยู่ในห้องทดลองอิสระของตนที่วิทยาลัยแพทย์ หรือว่าตนจะเดินทางข้ามเวลากลับมาแล้ว? หลิงอวี๋ลุกขึ้นมาอย่างตื่นเต้นขึ้นมา ทว่าเพียงเคลื่อนไหวร่างกายก็รู้สึกได้ว่าทั่วทั้งร่างเจ็บปวด และยังมีเลือดสดไหลออกมา... เธอก้มหัวลงไปมองก็พบว่าร่องรอยบาดเจ็บของแส้ก็ถูกนำกลับมาด้วย! เธออดทนต่อความเจ็บปวดตามหากล่องยา แล้วฉีดยาบาดทะยักให้กับตนเอง ก่อนจะรีบจัดการบาดแผลอย่างรวดเร็ว มีรอยแส้มากมายอยู่ตรงหน้าอก แผ่นหลัง และบนใบหน้า ล้วนแต่ลึกลงสู่ผิวหนัง มองดูแล้วช่างน่าหวาดกลัวและโหดร้าย ขณะที่หลิงอวี๋กำลังจัดการอาการบาดเจ็บบนร่างกายอยู่ทางนี้นั้น ก็ก่นด่าสาปแช่งเซียวหลินเทียนไปพลาง สาปแช่งให้เขาไม่ได้ตายดี ขาดลูกหลานสืบสกุล... เมื่อคำด่า “ขาดลูก” สองคำนี้ออกมา ก็คิดถึงเสี่ยวเมาที่ปกป้องตนจนไม่อาจสาปแช่งต่อไปได้ เธอไม่ได้หวังให้เสี่ยวเมาตายไป! บาดแผลของหลิงอวี๋เพิ่งจะใส่ยาลงไป ขณะที่กำลังสวมเสื้อผ้าอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังลอยมา เ
หลิงอวี๋คิดที่จะหยิบเครื่องมือและยาเพื่อไปช่วยรักษาเสี่ยวเมา ทว่าประตูห้องใหญ่ก็ถูกเปิดขึ้นในทันที นางรับใช้แม่นมที่อยู่ด้านนอกอาจจะเข้ามาได้ทุกเมื่อ หลิงอวี๋จึงไม่กล้าที่จะทำอะไรผลีผลาม ทำได้เพียงแต่สงบนิ่งรอคอยเวลา พ่อบ้านฟั่นด้านนอกนั้นถูกแม่นมลี่ถามไถ่จนรู้สึกรำคาญใจ จึงใช้เท้าเตะแม่นมลี่ แล้วเอ่ยออกมาอย่างเย็นชาไร้ปรานี “ไสหัวไป สุนัขดี ๆ จะต้องไม่มาขวางทาง” เมื่อหลิงอวี๋มองออกไป ก็พบว่าแม่นมลี่ถูกผลักจนล้มลงบนพื้นอย่างแรง ดูเหมือนว่า แม่นมลี่เองก็คงจะถูกแส้หวดมาก่อน เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง บนใบหน้ายังมีคราบเลือดอยู่ไม่น้อย... “แม่นมลี่ เจ้าอย่ามามัวเสียเวลาอีกเลย รีบจัดการเก็บกวาดอยู่ในเรือนบุหงาเสียดี ๆ เถิด!” นางรับใช้ที่ดูหยิ่งยโสคนหนึ่งยืนอยู่ด้านหน้าของแม่นมลี่ เอ่ยออกมาอย่างได้ใจ “พ่อบ้านฟั่นได้เลื่อนขั้นให้ข้าเป็นนางรับใช้ใหญ่แล้ว ต่อไปทุกคนในเรือนบุหงาจะต้องอยู่ภายใต้การดูแลของข้า” “ท่านอ๋องทรงรับสั่งมาแล้วว่า หากพวกเจ้ายังจะไม่เชื่อฟัง ข้าก็มีอำนาจทีจะทุบตีพวกเจ้าจนตายได้!” “หลิงผิง เจ้าเป็นนางรับใช้ข้างกายของพระชายา สัญญาทาสยังอยู่ในมือของพระชายา เจ้าม
หลิงอวี๋ฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง ก็พบว่าตนเองนอนอยู่บนหลุมธรรมดา มีตะเกียงน้ำมันแสงสลัวแขวนอยู่บนกำแพงดินเก่า ๆ ส่วนเสี่ยวเมาที่นอนข้างกายเธอนั้น อาการบาดเจ็บก็สาหัสมากยิ่งขึ้น! หลิงอวี๋รู้สึกได้ว่าเจ็บปวดตรงหน้าอก นี่เป็นความรู้สึกของเสี่ยวเมาที่เธอรับรู้ได้! หลิงอวี๋คุ้นชินกับความรับรู้ที่เหนือธรรมชาติของตนเองได้แล้ว จึงได้คลานไปอย่างต้องการจะช่วยเสี่ยวเมาตรวจอาการอีกสักครั้ง ในเวลานี้ เธอได้ยินเสียงของคนพูดคุยกันอยู่ด้านนอก น้ำเสียงดูเขินอาย “พี่หลิงหลาน พี่ช่วยไปขอร้องพี่หลิงผิง ให้นางช่วยตามหมอมาให้กับคุณชายน้อยและแม่นมลี่ทีเถิด! แม่นมลี่อายุมากแล้ว นางไม่มีทางทนได้!” หลิงหลานเอ่ยออกมาด้วยความโมโห “แม่นมลี่และข้าถูกเจ้าหมูโง่นั่นทำให้ลำบากแล้ว ต่างก็ถูกเฆี่ยนกันคนละสามสิบครั้ง ทั่วทั้งร่างกายของข้าล้วนแต่เต็มไปด้วยบาดแผล! จะมีหมอที่ไหนมาดูพวกเรากัน! ท่านหมอที่มีชื่อในเมืองหลวงล้วนแต่ถูกท่านอ๋องเรียกไปทางด้านของเฮยจื่อหมดแล้ว!” “ข้าเพิ่งจะได้ยินมาว่า หมอเหล่านั้นเองก็มิอาจทำอะไรกับอาการบาดเจ็บของเฮยจื่อได้เลย คุณชายเฮยจื่อหากว่าไม่อาจมีชีวิตอยู่ต่อได้ พวกเราทั้งหมดคงจะต้องถ
“ข้าไม่เชื่อว่าโลกกว้างใหญ่ถึงเพียงนี้ จะไม่มีสักคนที่จะสามารถช่วยเหลือเฮยจื่อได้!” “ออกไปตามหามาให้ข้า! ของเพียงแค่ช่วยชีวิตเฮยจื่อเอาไว้ได้ ข้าจะให้รางวัลอย่างงาม!” เมื่อเวลาผ่านไปหนึ่งชั่วยาม เมื่อมองเห็นลมหายใจของเฮยจื่อขาดช่วง ใบหน้าซีดขาวราวกับกระดาษ มีท่านหมอหลายคนที่พากันถอดใจไปแล้ว ต่างก็หาคำอ้างเพื่อทูลลา เมื่อเห็นว่าท่านหมอพากันจากไป เซียวหลินเทียนเองก็ไม่อาจควบคุมอารมณ์เอาไว้ได้อีก ตบลงบนที่พักแขนของรถเข็นคำรามด้วยความกรุ่นโกรธขึ้นมา “กลุ่มคนเศษสวะ!” ลู่หนาน ทหารองค์รักษ์ที่มีใบหน้าเหลี่ยมคิ้วหนาดวงตาโตที่ยืนอยู่ด้านข้างนั้น เขาติดตามเซียวหลินเทียนมาหลายปี ลักษณะนิสัยดูสงบนิ่ง จงรักภักดีต่อเซียวหลินเทียนอย่างมาก และได้รับความไว้วางใจจากเซียวหลินเทียนเป็นที่สุด เมื่อเขาเห็นว่าทุกคนไม่กล้าที่จะเอ่ยอะไรออกมา จึงทำได้เพียงฝืนตนกล้าเดินก้าวออกมา เอ่ยอย่างลำบากใจ “ท่านอ๋อง หมอที่มีชื่อในเมืองหลวงพวกเราต่างก็หากันมาแล้ว เฮยจื่อคราวนี้ เกรงว่าคงไม่อาจจะมีชีวิตอยู่ต่อได้แล้ว...” “ท่านอ๋อง...ข้าจะไปจับตัวหญิงสาวคนนั้นมา ให้นางได้ชดใช้ชีวิตให้กับเฮยจื่อ!” ชิวเฮ่า
เมื่อเห็นเซียวหลินเทียนจ้องมองที่ขวดยาของเธอ หลิงอวี๋ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก การเปิดเผยในคราวนี้ นางใคร่ครวญมาอย่างดีแล้ว ขอเพียงแค่ทำให้เซียวหลินเทียนตกตะลึงก่อนเท่านั้น นางจึงจะมีโอกาสช่วยเฮยจื่อได้! ขณะที่หลิงหยูเงยหน้าขึ้นอย่างมั่นใจ ทันใดนั้น มือของเธอก็ว่างเปล่า ขวดยาถูกชิวเฮ่าแย่งไปแล้ว ชิวเฮ่าวิ่งกลับไปที่ด้านข้าง เซียวหลินเทียนเพียงแค่ไม่กี่ก้าว ก่อนจะส่งขวดยาให้อย่างภาคภูมิใจ "ท่านอ๋อง ข้าได้รับยาลับมาแล้ว รีบไปช่วยเฮยจื่อเถิดพ่ะย่ะค่ะ!" เซียวหลินเทียนยิ้มเย้ยหยันออกมา หยิบมันขึ้นมาและมอบให้กับหมอในตำหนัก ไป๋สือที่ติดตามเขามาหลายปี เมื่อเห็นว่าทุกคนกำลังจะเข้าไปในห้อง หลิงอวี๋ก็กัดฟันเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ยาลับสามารถห้ามเลือดของเฮยจื่อได้เท่านั้น แต่ข้าได้ยินมาว่า ซี่โครงของเฮยจื่อหัก และเสียบเข้าไปในปอดของเขา ถ้าไม่ดึงซี่โครงออกมา เขาก็ยังคงตายไปอยู่ดี!” “หมอของพวกเจ้าจะช่วยได้หรือ? ถ้าไม่ ข้าจะรอเจ้ามาขอร้องข้า! เมื่อถึงเวลานั้นข้าจะเจรจาเงื่อนไขด้วย!” “เฮยจื่อ เป็นเพราะเจ้าที่ทำร้ายเขา… เจ้ายังกล้าเจรจาข้อตกลงกับท่านอ๋องของพวกเรา
กระทั่งเซียวหลินเทียนปีนขึ้นไป เขาคิดว่าหลิงอวี๋จะไปแล้ว ไหนเลยจะคิดว่านางจะยังอยู่“พี่ใหญ่ เถาจื่อไปตรวจสอบมาแล้ว จ้าวหรุ่ยหรุ่ยนำคนของตระกูลเฉียวมาเป็นจำนวนมาก ทั้งยังมีคนของมหาปราชญ์ด้วย และพวกเขาก็ปิดกั้นทางลงจากภูเขาไปหมดแล้ว!”ฉินซานเอ่ยรายงาน “ทุกคนที่ลงจากภูเขาไปจะต้องถูกตรวจสอบ คาดว่าหน้ากากผิวหนังมนุษย์คงมิสามารถปกปิดได้ขอรับ!”เซียวหลินเทียนขมวดคิ้ว แล้วมองไปทางหลิงอวี๋โดยสัญชาตญาณหลิงอวี๋ขึ้นมาก่อน นางได้ฟังเถาจื่อบอกเรื่องนี้ไปแล้ว เมื่อนางเห็นว่าเซียวหลินเทียนมองมาทางตน จึงเอ่ยออกไปเรียบ ๆ “ข้าสามารถช่วยพวกเจ้าคิดวิธีปลอมตัวได้ ข้ามีความมั่นใจอยู่เจ็ดส่วนว่าจ้าวหรุ่ยหรุ่ยจะตรวจมิพบใบหน้าที่แท้จริงของพวกเจ้า!”“สำหรับอีกสามส่วนที่เหลือนั้น ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถในการรับมือของพวกเจ้าเอง!”หลิงอวี๋มิอยากติดหนี้บุญคุณเซียวหลินเทียนที่แทงตัวเขาเองเพื่อมิให้เฮยอี้ทำร้ายตน หลิงอวี๋จึงอาศัยโอกาสนี้ตอบแทนบุญคุณของเซียวหลินเทียนไปเสีย“แม่นางสิง ขอบคุณมาก!”เมื่อเซียวหลินเทียนได้ยินว่าหลิงอวี๋ยินดีช่วยเหลือ เขาก็เดาเจตนาของนางออกทันทีเขายิ้มอย่างขมขื่นอยู่ในใจ นี่คือนิ
หลิงอวี๋รักษาอาการบาดเจ็บให้เซียวหลินเทียนด้วยความรู้สึกสับสนในหัวของนางกำลังสับสนวุ่นวาย ภาพการเผชิญหน้าของเซียวหลินเทียนกับเสือปีกกาฬยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของนางตลอดเวลาเขาใช้กระบี่แทงตัวเขาเองเพื่อมิให้เสือปีกกาฬทำร้ายนาง!นี่คือสิ่งที่คนที่ต้องการสังหารนางจะทำหรือ?หลิงอวี๋นึกถึงสิ่งที่ป้าวซวนเคยพูดไว้ในตอนแรกว่า คำพูดของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยนั้นมิสามารถเชื่อได้!นางเองก็มิอยากจะเชื่อคำพูดของจ้าวหรุ่ยหรุ่ย แต่ภาพที่วนเวียนอยู่ในหัวของตนก็เป็นเรื่องจริง!เซียวหลินเทียนปล่อยให้คนรับใช้เหยียดหยามตนจริง ๆ ทั้งยังสั่งให้คนเฆี่ยนตีตนอีกด้วย!แล้วจะอธิบายภาพเหล่านี้ว่าอย่างไร?ดูเหมือนว่าจะต้องให้ผู้รอบรู้ไปสืบเรื่องอดีตของตนโดยเร็วที่สุดแล้ว นางต้องรู้ให้ชัดว่าความสัมพันธ์ของนางกับเซียวหลินเทียนคืออะไร!“พี่ใหญ่ ท่านยังเดินไหวหรือไม่? พวกเราควรจะหาทางกลับไปได้แล้ว มิฉะนั้นฉินซานกับเถาจื่อจะลงมาตามหาพวกเรากันหมด!”เผยอวี้มองไปทางเซียวหลินเทียนอย่างกังวล“ข้าเดินได้!”เซียวหลินเทียนลุกขึ้นมา การบาดเจ็บจากกระบี่ทำให้เขาเดินกะโผลกกะเผลก เดินไปได้สองก้าวก็เห็นเสือปีกกาฬวิ่งมาข้างหน้าเขา
“หยุด!”เซียวหลินเทียนเห็นภาพนี้ก็ตกใจ แล้วรีบกระโดดขึ้นไปเหยียบบนหลังเสือปีกกาฬเขาออกแรงที่เท้า แล้วเสือปีกกาฬก็ถูกเขาเหยียบจนล้มไปกลางอากาศลงไปที่พื้น“โฮก… โฮก…”เสือปีกกาฬคำรามออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว และดิ้นรนอย่างมิยอม ทั้งยังบิดตัวอย่างบ้าคลั่งด้วย พยายามที่จะสลัดเซียวหลินเทียนออกไปแต่เซียวหลินเทียนก็โน้มตัวไปจับขนที่คอของมัน แล้วดึงอย่างแรงพร้อมทั้งตะคอกออกมา“เฮยอี้ เจ้าทำร้ายนางมิได้ หากเจ้ากล้าทำร้ายนาง ข้าก็จะฆ่าเจ้าเสีย!”“โฮก… โฮก…”เสือปีกกาฬดูเหมือนจะมิเห็นด้วยกับคำพูดของเซียวหลินเทียน จึงคำรามออกมาอย่างโกรธเคืองขาหน้าทั้งสองข้างของมันกระโจนขึ้นไปในอากาศ และพยายามจะพุ่งเข้าใส่หลิงอวี๋ผู้รอบรู้ดึงหลิงอวี๋ถอยหลังไปหลายก้าวแล้ว แต่เสือปีกกาฬยังคงพยายามดิ้นให้หลุดจากการควบคุมของเซียวหลินเทียนอย่างมิยอมแพ้ และจะพุ่งใส่หลิงอวี๋ดินโคลนที่พื้นถูกขาทั้งสี่ของมันตะกุยจนกระเด็นไปทั่ว แม้แต่เผยอวี้เห็นเช่นนั้นก็ตกใจและวิ่งไปตรงหน้าหลิงอวี๋พลันชักกระบี่ออกมาเตรียมตั้งรับตามสัญชาตญาณเมื่อเซียวหลินเทียนเห็นเช่นนั้นก็ชักกระบี่ออกมาเช่นกัน แล้วกระโดดลงมาจากหลังของเสือปีกก
หลิงอวี๋เหนื่อยล้ามาทั้งวัน ทั้งยังเดินมาอีกครึ่งวัน นางทนมิไหวแล้วจริง ๆ จึงหลับตาลงแล้วผล็อยหลับไปรู้สึกว่าเพิ่งนอนหลับไปสักพัก ก็ได้ยินเสียงของเผยอวี้ “ฟ้าสางแล้ว! รีบตื่นเร็วเข้า! พวกเราไปช่วยพี่ใหญ่ของข้ากัน!”หลิงอวี๋แอบกลอกตาใส่เขา นางรู้สึกว่าทั้งร่างกายนี้ราวกับถูกบดขยี้มา นางปวดเมื่อยและอ่อนแรงมากนางลืมตาขึ้นก็เห็นแสงลอดผ่านกิ่งไม้และส่องลงมาที่บนตัวพวกเขาเป็นลายไปหมด“แม่นางสิง ข้าไปดูบริเวณรอบ ๆ มาแล้ว หาได้มีเส้นทางอื่นไม่ ถ้ำงูนั้นเป็นทางเดียวที่สามารถผ่านไปที่ภูเขาด้านหลังได้!”เผยอวี้เอ่ยอย่างหงุดหงิด “ข้ายังแอบไปตรวจสอบดูที่ทางถ้ำงูมาด้วย งูพวกนั้นมีอยู่มากกว่าที่พวกเราเห็นเมื่อคืนนี้เสียอีก!”ผลลัพธ์อยู่ในการคาดเดาของหลิงอวี๋อยู่แล้ว นางจึงมิได้รู้สึกตกใจอะไร“ข้าจะไปดูเสียหน่อย!”หลิงอวี๋ลุกขึ้นไปตรวจสอบเมื่อคืนมืดมาก มองเห็นป่าลึกแห่งนี้ได้มิชัด วันนี้เมื่อหลิงอวี๋อาศัยแสงสว่างมองไป ก็เห็นว่าป่าไม้ไม่มีที่สิ้นสุดเหล่านั้นมองมิเห็นจุดสิ้นสุดจริง ๆหากคิดจะหาเส้นทางอ้อมไปใหม่ ก็เป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปมิได้!“เจ้าคาดว่าถ้ำงูจะมีขนาดใหญ่แค่ไหน?”หลิงอวี๋
เผยอวี้ตะลึงไปเล็กน้อย และกำลังจะเอ่ยถามออกไป แต่ก็ถูกหลิงอวี๋แย่งคบเพลิงไปเสียแล้วหลิงอวี๋ถือคบเพลิงส่องไปด้านข้าง แล้วเผยอวี้ก็เห็นว่าเถาวัลย์หนาเส้นหนึ่งเคลื่อนไหวอยู่เล็กน้อยเขายังคิดว่าตนเองตาฝาด ที่นี่ก็ไม่มีลม แล้วเถาวัลย์จะเคลื่อนไหวได้อย่างไรกัน?หลิงอวี๋จึงหมุนคบเพลิงไปโดยรอบ และสิ่งที่สายตาของนางมองเห็นก็ทำให้นางรู้สึกหายใจติดขัดเถาวัลย์ที่ห้อยลงมาจากต้นไม้ใหญ่เหล่านั้นมิใช่เถาวัลย์ แต่เห็นได้ชัดว่าเป็นงูพิษฝูงงูที่อยู่กันอย่างหนาแน่นนั้น บางตัวก็มีขนาดเท่าปากชาม และลวดลายบนตัวก็มีสีคล้ายกับเถาวัลย์ หากมิสังเกตก็จะคิดว่าเป็นเถาวัลย์“นั่นงูหรือ?”เสียงของผู้รอบรู้ลดต่ำลงทันที และเริ่มสั่นเครือขึ้นมาโดยมิรู้ตัว “สวรรค์ งูมากถึงเพียงนั้น นี่… นี่… นี่ต้องเป็นหมื่นตัวกระมัง!”เผยอวี้ก็เห็นอย่างชัดเจนเช่นกัน เมื่อเขาได้ยินคำพูดของผู้รอบรู้ เขาก็รู้สึกขนลุกไปทั่วทั้งตัวทันทีเขาเผชิญหน้ากับกองทัพศัตรูมากมายได้อย่างมิเกรงกลัว แต่งูมากถึงเพียงนี้… เขาจะสังหารได้หมดหรือ?“ตอนนี้จะทำอย่างไรดี?”เสียงของเผยอวี้ก็สั่นขึ้นมาโดยมิรู้ตัวเช่นกัน“ค่อย ๆ ถอยออกไปก่อน! ห้ามส่
ที่จริงแล้วหลิงอวี๋มิได้หลับ แต่นางกำลังครุ่นคิดเรื่องราวหลังจากนี้อยู่เมื่อได้ยินคำตำหนิอย่างโกรธเคืองของเผยอวี้ เปลือกตาของหลิงอวี๋ก็กระตุก แต่ก็มิอยากตามเผยอวี้ไปตามหาเซียวหลินเทียนเซียวหลินเทียนเป็นศัตรูของตน นางอยากจะให้เขาตาย แล้วความเป็นความตายของเขาเกี่ยวอะไรกับตนเล่า!แต่ภาพก่อนหน้านี้ก็แวบขึ้นมาตรงหน้า ภาพที่เซียวหลินเทียนโยนนางไปบนต้นไม้ฝั่งตรงข้าม เพื่อป้องกันมิให้นางตกเข้าไปในปากของสัตว์ประหลาด มิฉะนั้นหากนางตกลงไป หากมิถูกสัตว์ประหลาดกัดตายก็คงถูกสัตว์ประหลาดเหยียบจนตายไปแล้วเมื่อนับเรื่องนี้แล้ว ก็นับว่าเซียวหลินเทียนช่วยตนไว้เช่นกันหลิงอวี๋จึงลืมตาขึ้นมาอย่างหงุดหงิด แล้วเอ่ยออกไป “พี่ใหญ่ พวกเราก็ไปตามหาเขาด้วยเถิด!”เนื่องเซียวหลินเทียนเองก็ลงมาเพื่อตามหาผู้รอบรู้เช่นกัน ดังนั้นผู้รอบรู้จึงมิคัดค้านแล้วพยายามลุกขึ้นเผยอวี้เดินอยู่ข้างหน้า เมื่อเขาได้ยินว่ามีเสียงจากด้านหลัง ก็รู้ว่าพวกหลิงอวี๋เดินตามมาแล้วเช่นนี้แล้วเผยอวี้จึงรู้สึกโล่งใจ อย่างน้อยแม้ฮองเฮาจะสูญเสียความทรงจำไป แต่ก็ยังมีความจิตใจดีอยู่มิเปลี่ยนแปลงเผยอวี้ถือคบเพลิงแล้วเดินไปอย่างช้า
เมื่อผู้รอบรู้ได้ฟังที่เผยอวี้พูดมาก็มิรู้ว่าควรจะเชื่อใครแล้ว“สิงจั๋ว ถึงอย่างไรตอนนี้เราก็ยังไปไหนมิได้อยู่แล้ว เจ้าลองไปถามพี่น้องในอดีตของเจ้าดูก็ได้ว่าความเป็นจริงเป็นเช่นนี้หรือไม่?”เผยอวี้เอ่ยอย่างอดทน “เจี่ยงหัวถูกจักรพรรดิของเราสังหารไปแล้ว เขาทรยศสือหรง และทำให้ครอบครัวของเขาต้องตายอย่างน่าอนาถด้วยน้ำมือของมหาปราชญ์ ครั้งนี้สือหรงก็ติดตามพวกเรามาที่เมืองหลวงแดนเทพเช่นกัน และต้องการจะสร้างตำหนักปีกเงินขึ้นใหม่ที่เมืองหลวงแดนเทพ!”“นอกจากนี้ ข้าก็มีวรยุทธ์สูงกว่าเจ้าด้วย หากข้าเป็นคนเลว เหตุใดข้าต้องอธิบายให้เจ้าฟังด้วย ข้าสังหารเจ้าไปเสียก็จบแล้ว!”ผู้รอบรู้คิดแล้วก็รู้สึกว่าสมเหตุสมผล เขาจึงเอ่ยอย่างโกรธ ๆ “ข้าจะไปสืบดู หากพิสูจน์ได้ว่าเจ้าพูดโกหก ข้าจะไม่มีวันปล่อยพวกเจ้าไปแน่!”“แม้ว่าวรยุทธ์ของข้าจะมิสูงเท่าของเจ้า แต่ข้าจะใช้วิธีของข้าเองแก้แค้นให้อาจารย์ของข้าอย่างแน่นอน!”หลิงอวี๋นั่งฟังอยู่ด้านข้างอย่างเงียบ ๆ ก็รู้สึกตกใจเล็กน้อยหากเป็นเช่นนี้ ก็แสดงว่าคนของตำหนักปีกเงินเหล่านั้นก็ล้วนกลายเป็นคนของเซียวหลินเทียนแล้ว เช่นนั้นเซียวหลินเทียนจะยิ่งแข็งแกร่งขึ้น
เผยอวี้ช่วยประคองผู้รอบรู้ที่เปียกโชกไปทั้งตัวเดินมา และด้วยความช่วยเหลือของทั้งสองคน หลิงอวี๋จึงลงมาจากต้นไม้ได้อย่างราบรื่นนางปวดร้าวไปทั้งตัว อาภรณ์ที่สวมอยู่บนตัวก็ฉีกขาดไปหมด และตามเนื้อตัวก็มีบาดแผลอยู่มิน้อย“พี่ใหญ่ของข้าเล่า?”เผยอวี้มิเห็นเซียวหลินเทียน จึงเอ่ยถามออกมา“เขาถูกสัตว์ประหลาดตัวนั้นพาตัวไปแล้ว!”หลิงอวี๋จึงเอ่ยปลอบใจ “ข้าว่าลูกพี่ลูกน้องของท่านมีวรยุทธ์สูงมากนะ เขาน่าจะกลับมาได้อย่างปลอดภัย!”“ข้าจะไปดูสักหน่อย พวกเจ้ารออยู่ที่นี่เถิด!”เผยอวี้เป็นห่วงเซียวหลินเทียน ดังนั้นหลังจากที่ทำคบเพลิงให้พวกเขาหนึ่งอันแล้ว เขาก็จะไปตามหาเซียวหลินเทียนตามเส้นทางที่สัตว์ประหลาดทิ้งร่องรอยเอาไว้“ทางที่ดีเจ้าอย่าไปจะดีกว่า มิใช่ว่าข้าจะขู่ให้เจ้ากลัว แต่บริเวณนี้ล้วนเป็นหญ้าพิษและสมุนไพรพิษทั้งนั้น บางชนิดแม้แต่ข้าก็มิรู้ว่ามันคืออะไร!”หลิงอวี๋เอ่ยอย่างมีเจตนาดี “สัตว์ประหลาดตัวนี้เติบโตมาด้วยการกินหญ้าพิษและสมุนไพรพิษ เจ้าช่วยมิได้ก็อย่าไปเพิ่มภาระจะดีกว่า! เชื่อพี่ใหญ่ของเจ้าเถิด เขาจะต้องกลับมาอย่างปลอดภัยแน่นอน!”เผยอวี้ เซียวหลินเทียนและคนอื่น ๆ ล้วนเดาออกว่า
“บริเวณโดยรอบมีต้นไม้สูงใหญ่อยู่มาก ท่านขึ้นไปบนต้นไม้สักต้น พวกเราต้องดูก่อนว่านี่มันคือสัตว์ประหลาดอะไรกันแน่”หลิงอวี๋ชี้แนะเซียวหลินเทียนก็มิพูดพร่ำทำเพลง เขาเชื่อมั่นหลิงอวี๋โดยไม่มีเงื่อนไข แล้วหยิบตะบันไฟออกมาส่งให้หลิงอวี๋ จากนั้นก็อุ้มหลิงอวี๋กระโดดขึ้นไปยืนอยู่บนต้นไม้สูงหลิงอวี๋จึงรีบจุดไฟแล้วมองลงไป สัตว์ประหลาดตัวนั้นไล่ตามมาที่ใต้ต้นไม้แล้ว และมันก็กำลังเงยหน้ามองขึ้นมาด้วยมันเหลือตาเพียงข้างเดียว และกำลังจ้องมองขึ้นมาด้วยสายตาเย็นเยือกแสงสว่างจากตะบันไฟมีอยู่จำกัด หลิงอวี๋มองเห็นเพียงดวงตาที่ถูกซ่อนอยู่ภายใต้ขนที่ยุ่งเหยิงของมันเท่านั้น“ฮึ่ม…”สัตว์ประหลาดส่งเสียงออกมา แล้วก็ถอยหลังไปหลิงอวี๋มองเจตนาของมันออกในทันทีที่สัตว์ประหลาดถอยหลังไปมิได้วางแผนที่จะยอมแพ้ แต่เพื่อรวบรวมพลังจะมาพุ่งชนต้นไม้ให้หักต่างหาก“ที่นี่มิปลอดภัย หนีเร็ว!”ทันทีที่หลิงอวี๋พูดจบ สัตว์ประหลาดตัวนั้นก็พุ่งกลับมา มิรู้ว่ามันเกิดมาพร้อมพลังเหนือธรรมชาติหรืออย่างไร ได้ยินเพียงเสียงไม้หัก...ต้นไม้ต้นหนาถูกสัตว์ประหลาดโจมตีจนหักไปแล้วเมื่อเซียวหลินเทียนได้ยินเสียงร้องของหลิงอวี๋