แชร์

บทที่ 1807

ผู้เขียน: กานเฟย
หัวใจของเซียวหลินเทียนนั้นตื่นเต้นเสียจนแทบจะกระโดดออกมาแล้ว

ในขณะที่เขากำลังครุ่นคิดอยู่ว่ากระบี่คุนอู๋เล่มนี้จะดูดเลือดของตนไปอีกเท่าไร เขาก็ได้ยินเสียงคนพูดมาจากไกล ๆ

“ขันทีโม่ เจ้ารู้สึกได้หรือไม่? ที่นี่มีคลื่นพลังวิญญาณ หรือว่าท่านสี่จะอยู่ข้างหน้านี้?”

นั่นเสียงของเก๋อเฟิ่งฉิง!

เซียวหลินเทียนมองที่กระบี่คนอู๋ ของวิเศษเช่นนี้จะให้เก๋อเฟิ่งฉิงรู้เรื่องมิได้

เซียวหลินเทียนจับด้ามกระบี่คุนอู๋เอาไว้แน่น จากนั้นก็ออกแรงทั้งหมดชักกระบี่ออกมา...

วินาทีต่อมา เซียวหลินเทียนก็หงายหลังลงไปที่พื้นเนื่องด้วยออกแรงมากไป

ส่วนกระบี่คุนอู๋ก็ถูกเขาชักออกมาได้อย่างสบาย ๆ

ดวงตาที่ตื่นเต้นของเซียวหลินเทียนนิ่งค้างไป กระบี่คุนอู๋ยอมรับเขาแล้ว!

มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นับพันปีชิ้นนี้ยอมรับเขาเป็นเจ้านายแล้ว!

“ท่านสี่? ใช่ท่านหรือไม่?”

เสียงของเก๋อเฟิ่งฉิงใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ แล้ว

เซียวหลินเทียนรีบลุกขึ้นยืนแล้วเก็บกระบี่คุนอู๋ไว้ในแหวนพระสุเมรุ ขณะที่เขากำลังคิดจะไปหาพวกเก๋อเฟิ่งฉิง สายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นว่า ก้อนน้ำแข็งที่ฝั่งกระบี่คุนอู๋เอาไว้เมื่อครู่นั้นแตกออกเป็นชิ้น ๆ แล้ว

ส่วนก้อนน้ำแข
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1808

    ขันทีโม่เหลือบมองเซียวหลินเทียนด้วยความสงสัย เซียวหลินเทียนนั้นเชื่อขันทีโม่ที่ช่วยเหลือพวกเขามาโดยตลอดอย่างไร้เงื่อนไขอยู่แล้ว เขาจึงขยิบตาให้กับขันทีโม่ไปขันทีโม่เข้าใจในทันทีว่า มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นั้นตกอยู่ในมือของเซียวหลินเทียนแล้วแม้ว่าขันทีโม่เองก็คิดมิตกเช่นกันว่า เซียวหลินเทียนทำให้มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เชื่อฟังเขาในเวลาเพียงมินานได้อย่างไร แต่ก็ยังคงช่วยเขาพูดอยู่ดี“หากว่าไม่มีชีวิตอยู่แล้ว ต่อให้มอบมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ของตระกูลหลงให้ข้าก็เปล่าประโยชน์! คลื่นพลังวิญญาณนั้นอาจจะเป็นคลื่นที่เกิดจากการที่ภูเขาน้ำแข็งถล่มก็ได้!”เซียวหลินเทียนก็เอ่ยขึ้นมาเช่นกัน “น่าจะใช่กระมัง ก็เหมือนกับที่ป่าแห่งนั้นในเมืองซานต้งที่ก่อนหน้านี้ก็ไม่มีอะไรแปลก แต่เมื่อถูกเผาทำลายไปก็รู้สึกได้ถึงคลื่นพลังวิญญาณขึ้นมา!”เก๋อเฟิ่งฉิงขาหักจึงมิสะดวกที่จะค้นหา เมื่อได้ยินคำพูดของทั้งสองคนนั้น นางครุ่นคิดดูแล้วก็รู้สึกว่าน่าจะเป็นเช่นนั้น จึงมิได้เอ่ยถึงเรื่องที่ให้ทั้งสองค้นหามหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์อีก“ท่านสี่ ข้าคาดว่าพวกเราน่าจะตกลงมาหลายสิบเมตรทีเดียว เมื่อครู่ข้าค้นหามาตลอดทางแต่ก็มิพบเส้นท

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1809

    หวงฝู่หลินพาปี้ซงออกจากวังเทพไป เมื่อลงไปได้ถึงครึ่งภูเขา ก็พบกับกลุ่มคนจากตระกูลเฉียวที่กำลังขึ้นเขามาอย่างช้า ๆยิ่งเข้าไปใกล้วังเทพมากขึ้นเท่าไร กับดักและค่ายกลที่หวงฝู่หลินวางเอาไว้ก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้นตระกูลเฉียวสามารถฝ่ากับดักเหล่านั้นขึ้นมาจนถึงครึ่งภูเขาได้ก็น่ายกย่องแล้วแต่หวงฝู่หลินมิคิดว่า พวกเขาจะสามารถมาเยือนเขตของวังเทพได้อย่างราบรื่นสวรรค์มีเส้นทางให้ไปเจ้ามิไป แต่นรกไม่มีประตูเจ้ากลับฝ่าเข้ามาหวงฝู่หลินยิ้มอย่างเย็นชา สำหรับคนที่มาทำลายถิ่นฐานของตนเหล่านี้ เขาจะมิปล่อยไปแม้แต่คนเดียวรอรับการโจมตีได้เลย!กลุ่มของเฉียวไป๋กำลังเดินตามนายใหญ่เฉียวขึ้นไปบนเขา การที่สามารถมาได้ถึงครึ่งภูเขาเช่นนี้ ทั้งยังกำจัดคุณหนูใหญ่ตระกูลเก๋อกับเซียวหลินเทียนไปได้ ทำให้คนของตระกูลเฉียวตื่นเต้นกันยิ่งนักกอปรกับที่สามารถมองเห็นตำหนักของวังเทพได้ราง ๆ แล้วด้วย จึงทำให้พวกของเฉียวไป๋รู้สึกนับถือนายใหญ่เฉียวมากทางด้านนายใหญ่เฉียว เมื่อได้รับสายตาที่เคารพนับถือเหล่านั้นก็ยิ่งรู้สึกปลาบปลื้ม และนำทุกคนเข้าสู่ค่ายกลที่หวงฝู่หลินวางไว้ด้วยความมุ่งมั่นก่อนหน้านี้พวกเขาได้ทลายค่ายกล

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1810

    เมื่อเฉียวไป๋ได้ยินดังนั้นก็รู้สึกว่าท่านอาเฉียวพูดออกมาอย่างสมเหตุสมผล ความรู้ในเรื่องค่ายกลของเขามิได้ลึกซึ้งเท่ากับที่ท่านอาเฉียวมี“ได้ เช่นนั้นข้าจะเข้าไปเอง!”เฉียวไป๋จะเข้าไปในทันทีแต่ท่านอาเฉียวก็คว้าตัวเขาเอาไว้ก่อน “ฉีกผ้ามาอุดหูเจ้าเอาไว้ แล้วจำไว้ว่า ทุกสิ่งที่เห็นล้วนเป็นภาพลวงตา แค่เดินตรงไปทางขวาตลอดก็พอแล้ว!”เฉียวไป๋พยักหน้า แล้วฉีกเศษผ้ามาอุดหูทั้งสองข้างเอาไว้​ จากนั้นก็เดินเข้าไปท่านอาเฉียวมองเฉียวไป๋ที่เดินเข้าไปแล้วเคลื่อนไหวอยู่ในยอดน้ำแข็งนั้นอย่างกังวล​ ​แต่ทั้งที่เห็น​ ๆ​ อยู่ว่าเฉียวไป๋อยู่ห่างจากนายใหญ่เฉียวแค่เพียงเอื้อมมือเท่านั้น แต่ดูเหมือนว่าทั้งสองจะมองมิเห็นอีกฝ่ายเฉียวไป๋หันไปหันมาอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ชักกระบี่ออกมาฟันมั่ว​ ๆ​ ไปที่ยอดน้ำแข็ง​ ท่าทางที่บ้าคลั่งเช่นนั้นเหมือนกับนายใหญ่เฉียวไม่มีผิดหัวใจของท่านอาเฉียวเต้นรัวขึ้นมา ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็หมายความว่าวิธีการของตนนั้นใช้การมิได้หากปล่อยให้เฉียวไป๋กับนายใหญ่เฉียวฟันมั่ว ๆ เช่นนี้ต่อไป มิช้าก็เร็วพวกเขาจะต้องพบกันและฟันกันและกันจนตายในที่สุดในเวลานี้ท่านอาเฉียวเข้าใจแล้วว่า ตนม

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1

    “หลิงอวี๋!” “ในปีนั้นเจ้าวางแผนการชั่วร้ายใส่ข้าอย่างไร้ยางอาย… จากนั้นยังใช้ป้ายทองอาญาสิทธิ์ที่องค์จักรพรรดิพระราชทานให้มาบีบบังคับให้ข้าแต่งงานกับเจ้า...” “มาตอนนี้ยังลอบขโมยของล้ำค่าที่เสด็จแม่ของข้าทิ้งเอาไว้ เพื่อเติมเต็มสิ่งที่เจ้าขาดหายไป! ยิ่งไปกว่านั้นคือทำร้ายเฮยจื่อเสียจนปางตาย!” “หากว่าข้ายังไว้ชีวิตเจ้าอีก ข้าก็คงจะไม่แซ่เซียวแล้ว!” ใคร? ใครกำลังพูดอยู่กัน ขณะที่เธอกึ่งหลับกึ่งตื่นอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงแส้ “เพียะ!” ดังขึ้น ทั่วทั้งตัวของหลิงอวี๋เจ็บปวดจนสั่นสะท้าน จนต้องลืมตาขึ้นมาทันที... จากนั้นเมื่อมองเห็นด้านหน้าของเธอ มีชายหนุ่มหล่อเหลา สูงส่งราวกับเทพเจ้านั่งอยู่บนรถเข็น จ้องมองยังเธออย่างแข็งกร้าว “โบย! ห้าสิบแส้! อย่าให้ขาดแม้แต่หนึ่ง!” “โบยให้ตาย แล้วจงลากไปโยนทิ้งที่สุสานรวมซะ!” เพียะ! เพียะ! เพียะ! เสียงแส้ดังออกมาพร้อมกับเสียงลมครั้งแล้วครั้งเล่ากระแทกลงบนกายของหลิงอวี๋ หลิงอวี๋เจ็บปวดจนดวงตามืดมน อีกเพียงนิดเกือบจะเป็นลมไป... หลิงอวี๋ที่เกือบจะสิ้นลมไป เธอนึกไม่ออกว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น? ท่านอ๋องอะไรกัน? เฮยจื่ออะไร? เมื่อคร

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 2

    “อย่าตีท่านแม่ของข้า...” หลังจากที่เสี่ยวเมาล้มบนพื้น กระอักเลือดออกมาแล้วก็คลานเข้าไปหาหลิงอวี๋อย่างไม่ยินยอม ยังคิดที่จะใช้ร่างกายที่อ่อนแอของตนช่วยรับแส้ให้กับนางอีก หลิงอวี๋มองไปยังมุมปากของเสี่ยวเมาที่ยังคงมีเลือดไหลซึม ในใจก็ยิ่งสั่นสะท้านขึ้นมา… ในความทรงจำนั้น หลิงอวี๋ใส่ใจเสี่ยวเมาน้อยนัก ทำให้เสี่ยวเมาที่คลอดมาแข็งแรงมาก กลับยิ่งเลี้ยงดูก็ยิ่งผอมบาง... “ท่านอ๋อง… นี่? โบยต่อหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?” มือเฆี่ยนเอ่ยถามออกมาอย่างระมัดระวัง “ลากลูกนอกสมรสนั่นออกไป โบยต่อ!” ชายหนุ่มสูงส่งราวกับเทพเจ้านั้น ถึงแม้ว่าจะเห็นเสี่ยวเมากระอักเลือดออกมา ก็ยังคงดูเฉยชาไร้ซึ่งอารมณ์ดั่งเก่า “เสี่ยวเมา ไปเถอะ ปกตินางก็ไม่ได้ดูแลเจ้าดีนัก เจ้ายังสนใจว่านางจะเป็นตายไปเพื่อเหตุอันใด!” หญิงชราคนหนึ่งวิ่งเข้ามา เมื่ออุ้มเสี่ยวเมาได้ก็ออกไป “อย่าตีท่านแม่… ปล่อยข้า!” เสี่ยวเมายังคงร้องตะโกนออกมาอย่างเศร้าโศก ไม่สนใจว่าตรงมุมปากของตนจะมีเลือดไหลออกมา ดิ้นรนอย่างแรงอยู่ในอ้อมแขนของหญิงชรา หญิงชรากอดเขาเอาไว้แน่น มือเฆี่ยนยังคงโบยแส้ลงไปบนกายของหลิงอวี๋ เสี่ยวเมาเองก็ไม่รู้ว่าไปเอาแรง

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 3

    “ตึกตึก… ตึก...” ไม่รู้ว่าสลบไปนานเท่าใด หลิงอวี๋ได้ยินเสียงนาฬิกาดังตึกตึกแว่ว ๆ จนลืมตาขึ้นมา... ทันใดนั้น ดวงตาของหลิงยวี่ก็สว่างขึ้น เธอพบว่าตัวเองอยู่ในห้องทดลองอิสระของตนที่วิทยาลัยแพทย์ หรือว่าตนจะเดินทางข้ามเวลากลับมาแล้ว? หลิงอวี๋ลุกขึ้นมาอย่างตื่นเต้นขึ้นมา ทว่าเพียงเคลื่อนไหวร่างกายก็รู้สึกได้ว่าทั่วทั้งร่างเจ็บปวด และยังมีเลือดสดไหลออกมา... เธอก้มหัวลงไปมองก็พบว่าร่องรอยบาดเจ็บของแส้ก็ถูกนำกลับมาด้วย! เธออดทนต่อความเจ็บปวดตามหากล่องยา แล้วฉีดยาบาดทะยักให้กับตนเอง ก่อนจะรีบจัดการบาดแผลอย่างรวดเร็ว มีรอยแส้มากมายอยู่ตรงหน้าอก แผ่นหลัง และบนใบหน้า ล้วนแต่ลึกลงสู่ผิวหนัง มองดูแล้วช่างน่าหวาดกลัวและโหดร้าย ขณะที่หลิงอวี๋กำลังจัดการอาการบาดเจ็บบนร่างกายอยู่ทางนี้นั้น ก็ก่นด่าสาปแช่งเซียวหลินเทียนไปพลาง สาปแช่งให้เขาไม่ได้ตายดี ขาดลูกหลานสืบสกุล... เมื่อคำด่า “ขาดลูก” สองคำนี้ออกมา ก็คิดถึงเสี่ยวเมาที่ปกป้องตนจนไม่อาจสาปแช่งต่อไปได้ เธอไม่ได้หวังให้เสี่ยวเมาตายไป! บาดแผลของหลิงอวี๋เพิ่งจะใส่ยาลงไป ขณะที่กำลังสวมเสื้อผ้าอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังลอยมา เ

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 4

    หลิงอวี๋คิดที่จะหยิบเครื่องมือและยาเพื่อไปช่วยรักษาเสี่ยวเมา ทว่าประตูห้องใหญ่ก็ถูกเปิดขึ้นในทันที นางรับใช้แม่นมที่อยู่ด้านนอกอาจจะเข้ามาได้ทุกเมื่อ หลิงอวี๋จึงไม่กล้าที่จะทำอะไรผลีผลาม ทำได้เพียงแต่สงบนิ่งรอคอยเวลา พ่อบ้านฟั่นด้านนอกนั้นถูกแม่นมลี่ถามไถ่จนรู้สึกรำคาญใจ จึงใช้เท้าเตะแม่นมลี่ แล้วเอ่ยออกมาอย่างเย็นชาไร้ปรานี “ไสหัวไป สุนัขดี ๆ จะต้องไม่มาขวางทาง” เมื่อหลิงอวี๋มองออกไป ก็พบว่าแม่นมลี่ถูกผลักจนล้มลงบนพื้นอย่างแรง ดูเหมือนว่า แม่นมลี่เองก็คงจะถูกแส้หวดมาก่อน เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง บนใบหน้ายังมีคราบเลือดอยู่ไม่น้อย... “แม่นมลี่ เจ้าอย่ามามัวเสียเวลาอีกเลย รีบจัดการเก็บกวาดอยู่ในเรือนบุหงาเสียดี ๆ เถิด!” นางรับใช้ที่ดูหยิ่งยโสคนหนึ่งยืนอยู่ด้านหน้าของแม่นมลี่ เอ่ยออกมาอย่างได้ใจ “พ่อบ้านฟั่นได้เลื่อนขั้นให้ข้าเป็นนางรับใช้ใหญ่แล้ว ต่อไปทุกคนในเรือนบุหงาจะต้องอยู่ภายใต้การดูแลของข้า” “ท่านอ๋องทรงรับสั่งมาแล้วว่า หากพวกเจ้ายังจะไม่เชื่อฟัง ข้าก็มีอำนาจทีจะทุบตีพวกเจ้าจนตายได้!” “หลิงผิง เจ้าเป็นนางรับใช้ข้างกายของพระชายา สัญญาทาสยังอยู่ในมือของพระชายา เจ้าม

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 5

    หลิงอวี๋ฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง ก็พบว่าตนเองนอนอยู่บนหลุมธรรมดา มีตะเกียงน้ำมันแสงสลัวแขวนอยู่บนกำแพงดินเก่า ๆ ส่วนเสี่ยวเมาที่นอนข้างกายเธอนั้น อาการบาดเจ็บก็สาหัสมากยิ่งขึ้น! หลิงอวี๋รู้สึกได้ว่าเจ็บปวดตรงหน้าอก นี่เป็นความรู้สึกของเสี่ยวเมาที่เธอรับรู้ได้! หลิงอวี๋คุ้นชินกับความรับรู้ที่เหนือธรรมชาติของตนเองได้แล้ว จึงได้คลานไปอย่างต้องการจะช่วยเสี่ยวเมาตรวจอาการอีกสักครั้ง ในเวลานี้ เธอได้ยินเสียงของคนพูดคุยกันอยู่ด้านนอก น้ำเสียงดูเขินอาย “พี่หลิงหลาน พี่ช่วยไปขอร้องพี่หลิงผิง ให้นางช่วยตามหมอมาให้กับคุณชายน้อยและแม่นมลี่ทีเถิด! แม่นมลี่อายุมากแล้ว นางไม่มีทางทนได้!” หลิงหลานเอ่ยออกมาด้วยความโมโห “แม่นมลี่และข้าถูกเจ้าหมูโง่นั่นทำให้ลำบากแล้ว ต่างก็ถูกเฆี่ยนกันคนละสามสิบครั้ง ทั่วทั้งร่างกายของข้าล้วนแต่เต็มไปด้วยบาดแผล! จะมีหมอที่ไหนมาดูพวกเรากัน! ท่านหมอที่มีชื่อในเมืองหลวงล้วนแต่ถูกท่านอ๋องเรียกไปทางด้านของเฮยจื่อหมดแล้ว!” “ข้าเพิ่งจะได้ยินมาว่า หมอเหล่านั้นเองก็มิอาจทำอะไรกับอาการบาดเจ็บของเฮยจื่อได้เลย คุณชายเฮยจื่อหากว่าไม่อาจมีชีวิตอยู่ต่อได้ พวกเราทั้งหมดคงจะต้องถ

บทล่าสุด

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1810

    เมื่อเฉียวไป๋ได้ยินดังนั้นก็รู้สึกว่าท่านอาเฉียวพูดออกมาอย่างสมเหตุสมผล ความรู้ในเรื่องค่ายกลของเขามิได้ลึกซึ้งเท่ากับที่ท่านอาเฉียวมี“ได้ เช่นนั้นข้าจะเข้าไปเอง!”เฉียวไป๋จะเข้าไปในทันทีแต่ท่านอาเฉียวก็คว้าตัวเขาเอาไว้ก่อน “ฉีกผ้ามาอุดหูเจ้าเอาไว้ แล้วจำไว้ว่า ทุกสิ่งที่เห็นล้วนเป็นภาพลวงตา แค่เดินตรงไปทางขวาตลอดก็พอแล้ว!”เฉียวไป๋พยักหน้า แล้วฉีกเศษผ้ามาอุดหูทั้งสองข้างเอาไว้​ จากนั้นก็เดินเข้าไปท่านอาเฉียวมองเฉียวไป๋ที่เดินเข้าไปแล้วเคลื่อนไหวอยู่ในยอดน้ำแข็งนั้นอย่างกังวล​ ​แต่ทั้งที่เห็น​ ๆ​ อยู่ว่าเฉียวไป๋อยู่ห่างจากนายใหญ่เฉียวแค่เพียงเอื้อมมือเท่านั้น แต่ดูเหมือนว่าทั้งสองจะมองมิเห็นอีกฝ่ายเฉียวไป๋หันไปหันมาอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ชักกระบี่ออกมาฟันมั่ว​ ๆ​ ไปที่ยอดน้ำแข็ง​ ท่าทางที่บ้าคลั่งเช่นนั้นเหมือนกับนายใหญ่เฉียวไม่มีผิดหัวใจของท่านอาเฉียวเต้นรัวขึ้นมา ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็หมายความว่าวิธีการของตนนั้นใช้การมิได้หากปล่อยให้เฉียวไป๋กับนายใหญ่เฉียวฟันมั่ว ๆ เช่นนี้ต่อไป มิช้าก็เร็วพวกเขาจะต้องพบกันและฟันกันและกันจนตายในที่สุดในเวลานี้ท่านอาเฉียวเข้าใจแล้วว่า ตนม

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1809

    หวงฝู่หลินพาปี้ซงออกจากวังเทพไป เมื่อลงไปได้ถึงครึ่งภูเขา ก็พบกับกลุ่มคนจากตระกูลเฉียวที่กำลังขึ้นเขามาอย่างช้า ๆยิ่งเข้าไปใกล้วังเทพมากขึ้นเท่าไร กับดักและค่ายกลที่หวงฝู่หลินวางเอาไว้ก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้นตระกูลเฉียวสามารถฝ่ากับดักเหล่านั้นขึ้นมาจนถึงครึ่งภูเขาได้ก็น่ายกย่องแล้วแต่หวงฝู่หลินมิคิดว่า พวกเขาจะสามารถมาเยือนเขตของวังเทพได้อย่างราบรื่นสวรรค์มีเส้นทางให้ไปเจ้ามิไป แต่นรกไม่มีประตูเจ้ากลับฝ่าเข้ามาหวงฝู่หลินยิ้มอย่างเย็นชา สำหรับคนที่มาทำลายถิ่นฐานของตนเหล่านี้ เขาจะมิปล่อยไปแม้แต่คนเดียวรอรับการโจมตีได้เลย!กลุ่มของเฉียวไป๋กำลังเดินตามนายใหญ่เฉียวขึ้นไปบนเขา การที่สามารถมาได้ถึงครึ่งภูเขาเช่นนี้ ทั้งยังกำจัดคุณหนูใหญ่ตระกูลเก๋อกับเซียวหลินเทียนไปได้ ทำให้คนของตระกูลเฉียวตื่นเต้นกันยิ่งนักกอปรกับที่สามารถมองเห็นตำหนักของวังเทพได้ราง ๆ แล้วด้วย จึงทำให้พวกของเฉียวไป๋รู้สึกนับถือนายใหญ่เฉียวมากทางด้านนายใหญ่เฉียว เมื่อได้รับสายตาที่เคารพนับถือเหล่านั้นก็ยิ่งรู้สึกปลาบปลื้ม และนำทุกคนเข้าสู่ค่ายกลที่หวงฝู่หลินวางไว้ด้วยความมุ่งมั่นก่อนหน้านี้พวกเขาได้ทลายค่ายกล

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1808

    ขันทีโม่เหลือบมองเซียวหลินเทียนด้วยความสงสัย เซียวหลินเทียนนั้นเชื่อขันทีโม่ที่ช่วยเหลือพวกเขามาโดยตลอดอย่างไร้เงื่อนไขอยู่แล้ว เขาจึงขยิบตาให้กับขันทีโม่ไปขันทีโม่เข้าใจในทันทีว่า มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นั้นตกอยู่ในมือของเซียวหลินเทียนแล้วแม้ว่าขันทีโม่เองก็คิดมิตกเช่นกันว่า เซียวหลินเทียนทำให้มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เชื่อฟังเขาในเวลาเพียงมินานได้อย่างไร แต่ก็ยังคงช่วยเขาพูดอยู่ดี“หากว่าไม่มีชีวิตอยู่แล้ว ต่อให้มอบมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ของตระกูลหลงให้ข้าก็เปล่าประโยชน์! คลื่นพลังวิญญาณนั้นอาจจะเป็นคลื่นที่เกิดจากการที่ภูเขาน้ำแข็งถล่มก็ได้!”เซียวหลินเทียนก็เอ่ยขึ้นมาเช่นกัน “น่าจะใช่กระมัง ก็เหมือนกับที่ป่าแห่งนั้นในเมืองซานต้งที่ก่อนหน้านี้ก็ไม่มีอะไรแปลก แต่เมื่อถูกเผาทำลายไปก็รู้สึกได้ถึงคลื่นพลังวิญญาณขึ้นมา!”เก๋อเฟิ่งฉิงขาหักจึงมิสะดวกที่จะค้นหา เมื่อได้ยินคำพูดของทั้งสองคนนั้น นางครุ่นคิดดูแล้วก็รู้สึกว่าน่าจะเป็นเช่นนั้น จึงมิได้เอ่ยถึงเรื่องที่ให้ทั้งสองค้นหามหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์อีก“ท่านสี่ ข้าคาดว่าพวกเราน่าจะตกลงมาหลายสิบเมตรทีเดียว เมื่อครู่ข้าค้นหามาตลอดทางแต่ก็มิพบเส้นท

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1807

    หัวใจของเซียวหลินเทียนนั้นตื่นเต้นเสียจนแทบจะกระโดดออกมาแล้วในขณะที่เขากำลังครุ่นคิดอยู่ว่ากระบี่คุนอู๋เล่มนี้จะดูดเลือดของตนไปอีกเท่าไร เขาก็ได้ยินเสียงคนพูดมาจากไกล ๆ “ขันทีโม่ เจ้ารู้สึกได้หรือไม่? ที่นี่มีคลื่นพลังวิญญาณ หรือว่าท่านสี่จะอยู่ข้างหน้านี้?”นั่นเสียงของเก๋อเฟิ่งฉิง!เซียวหลินเทียนมองที่กระบี่คนอู๋ ของวิเศษเช่นนี้จะให้เก๋อเฟิ่งฉิงรู้เรื่องมิได้เซียวหลินเทียนจับด้ามกระบี่คุนอู๋เอาไว้แน่น จากนั้นก็ออกแรงทั้งหมดชักกระบี่ออกมา...วินาทีต่อมา เซียวหลินเทียนก็หงายหลังลงไปที่พื้นเนื่องด้วยออกแรงมากไปส่วนกระบี่คุนอู๋ก็ถูกเขาชักออกมาได้อย่างสบาย ๆดวงตาที่ตื่นเต้นของเซียวหลินเทียนนิ่งค้างไป กระบี่คุนอู๋ยอมรับเขาแล้ว!มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นับพันปีชิ้นนี้ยอมรับเขาเป็นเจ้านายแล้ว!“ท่านสี่? ใช่ท่านหรือไม่?”เสียงของเก๋อเฟิ่งฉิงใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ แล้วเซียวหลินเทียนรีบลุกขึ้นยืนแล้วเก็บกระบี่คุนอู๋ไว้ในแหวนพระสุเมรุ ขณะที่เขากำลังคิดจะไปหาพวกเก๋อเฟิ่งฉิง สายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นว่า ก้อนน้ำแข็งที่ฝั่งกระบี่คุนอู๋เอาไว้เมื่อครู่นั้นแตกออกเป็นชิ้น ๆ แล้วส่วนก้อนน้ำแข

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1806

    กระบี่คุนอู๋?หรือว่านี่จะเป็นกระบี่เทพในตำนาน?เซียวหลินเทียนเป็นคนที่รักกระบี่ เมื่อก่อนตอนที่เป็นอ๋องอี้ก็สะสมกระบี่ที่มีชื่อเสียงไว้มิน้อยแต่กระบี่ที่มีชื่อเสียงเหล่านั้น หากมาเทียบกับกระบี่คุนอู๋เล่มนี้ก็ล้วนเป็นขยะไปทั้งหมดนี่คือกระบี่คุนอู๋จริงหรือ?เซียวหลินเทียนมิอยากจะเชื่อว่านี่คือกระบี่โบราณอายุกว่าพันปี ซึ่งคนในใต้หล้ามิเคยได้เห็นมาก่อน ดังนั้นแม้ว่าเซียวหลินเทียนจะรู้จักกระบี่คุนอู๋ แต่ก็คิดว่าเป็นเพียงเทพนิยายที่คนในใต้หล้าแต่งขึ้นมาเอง!ตำนานกล่าวไว้ว่า กระบี่คุนอู๋เกิดจากกระดูกสันหลัง การบำเพ็ญตนเป็นเวลาร้อยปีและพลังวิญญาณอันแข็งแกร่งของผานกู่บรรพบุรุษผู้บุกเบิกที่ผสานรวมกับพลังชีวิตของฟ้าดินตามตำนานกล่าวไว้ว่า หลังจากที่ผานกู่หลอมกระบี่คุนอู๋สำเร็จแล้ว เขาก็มิสามารถควบคุมมันได้ เนื่องด้วยพลังวิญญาณของกระบี่เล่มนี้แข็งแกร่งมาก สุดท้ายจึงทำได้เพียงเก็บรวบรวมพลังชีวิตและพลังวิญญาณทั้งหมดไว้ในกระบี่คุนอู๋นี้กระบี่คุนอู๋เป็นบรรพบุรุษของกระบี่ ความคมของกระบี่นั้นสามารถทำลายฟ้าดินได้เลยทีเดียวหากว่านี่คือกระบี่คุนอู๋ในตำนานจริง ๆ เช่นนั้นก็ต้องอยู่ในสามอันดับแร

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1805

    ก้อนน้ำแข็งแตกจำนวนนับมิถ้วนพากันกระแทกเข้ามา แม้ว่าเซียวหลินเทียนจะมีวรยุทธ์ไร้เทียมทาน แต่ก็มิอาจหนีพ้นการแก้แค้นที่รุนแรงของธรรมชาติเช่นนี้ไปได้เขาเบี่ยงหลบไปทางซ้ายทีขวาที แต่เพราะว่าหล่นลงมารวดเร็วจนเกินไป จึงมิอาจหลบพ้นก้อนน้ำแข็งเหล่านั้นที่พากันกระแทกเข้ามาได้ก้อนน้ำแข็งก้อนหนึ่งกระแทกเข้ามาที่หัวของเซียวหลินเทียน เซียวหลินเทียนรู้สึกว่าหัวของตนมีเลือดไหลออกมา แต่ยังมิทันจะได้ยื่นมือไปสัมผัส ก็มีก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่มากก้อนหนึ่งกระแทกเข้ามาอีก เซียวหลินเทียนรู้สึกว่าตรงหน้ามืดลงไปทันที และมองก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่นั้นพุ่งเข้ามาใส่ตนอย่างสิ้นหวังคราวนี้จะต้องตายอยู่ในภูเขาหิมะแห่งนี้จริง ๆ หรือ?อาอวี๋ ข้าจะยังได้พบเจ้าหรือไม่?เซียวหลินเทียนยังมิทันได้ย้อนรำลึกถึงช่วงชีวิตนี้ เขาก็ได้ยินเสียงดังลั่น จากนั้นก็รู้สึกได้ว่าร่างกายตนกระเทือนแล้วตกลงไปในความมืดมิรู้ว่าเซียวหลินเทียนสลบไปนานเท่าไรก่อนที่จะได้สติขึ้นมา ยังมิทันที่เขาจะลืมตา ก็รู้สึกได้ว่าเจ็บปวดไปทั้งตัวราวกับว่าตัวจะแตกออกเป็นเสี่ยง ๆในเมื่อรู้สึกเจ็บปวดได้ก็แสดงว่าตนยังคงมีชีวิตอยู่ เซียวหลินเทียนลืมตาขึ้นอ

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1804

    ฉินซานเห็นว่าเซียวหลินเทียน ขันทีโม่และเก๋อเฟิ่งฉิงร่วงลงไปกันอย่างรวดเร็วปานนั้น ต่อให้ตนกระโดดลงไปก็มิสามารถช่วยเซียนหลินเทียนขึ้นมาได้แล้ว เขาจึงกระโดดตามหานเหมยออกมาจากหุบเขาส่วนซูจู๋นางรับใช้ของเก๋อเฟิ่งฉิง เมื่อเห็นว่าสถานการณ์มิดีก็หนีออกไปพร้อมกับคนรับใช้คนอื่น ๆ นานแล้วทุกคนหนีออกมาค่อนข้างไกลแล้วและมายืนอยู่ข้างนอกหุบเขา แต่ก็ยังได้ยินเสียงของก้อนน้ำแข็งเหล่านั้นดังสนั่นอยู่“พวกเขา… คุณหนูยังมีชีวิตอยู่หรือไม่?”ซูจู๋ตกใจเสียจนตาค้างไปหมด ผ่านเวลาไปสักพักจึงเรียกสติกลับคืนมาได้ นางจึงเอ่ยถามด้วยเสียงสั่นเทาทั้งหานเหมยและฉินซานเองก็ไม่มีอารมณ์ที่จะตอบคำถามของนาง พวกเขามองภาพที่ภูเขาหิมะถล่มลงมาอย่างตื่นตระหนก มิเข้าใจเลยว่าคนของตระกูลเฉียวทำลงได้อย่างไร!พวกเฉียวไป๋ยืนอยู่บนยอดเขาตรงกันข้าม แล้วจ้องมองภาพหิมะถล่มนั้นอย่างเย็นชาหลังจากที่ได้รู้ว่าเซียวหลินเทียนคือสามีของหลิงอวี๋ พ่อของเฉียวไป๋ ผู้ซึ่งเป็นนายใหญ่ตระกูลเฉียวผู้นำตระกูลคนปัจจุบันก็วางแผนที่จะแก้แค้นแทนบุตรชายของตนนี่เป็นเพียงแค่ขั้นแรกในการแก้แค้นของนายใหญ่เฉียวเท่านั้นสังหารคนหนุนหลังของหลิงอวี๋ไป

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1803

    เซียวหลินเทียนมองมิเห็นคนของตระกูลเฉียว เพราะถูกยอดภูเขาน้ำแข็งเหล่านี้บดบังสายตาอยู่“ทุกคนระวังด้วย! ดูแลกันเข้าไว้!”เซียวหลินเทียนกำชับพวกฉินซานให้ใส่ใจในเรื่องความปลอดภัย ส่วนตนกับขันทีโม่ก็อาศัยว่ามีวรยุทธ์ที่สูงกว่าพวกเขา จึงไปค้นหาเส้นทางอยู่ทางด้านหน้าเก๋อเฟิ่งฉิงมิปล่อยให้โอกาสในการได้ใกล้ชิดกับเซียวหลินเทียนหลุดลอยไป นางจึงตามไปเช่นกันก่อนหน้านี้เก๋อเฟิ่งเจียวทำให้เก๋อเฟิ่งฉิงเสียเรื่อง ดังนั้นในการเข้ามาที่ภูเขาหิมะครั้งนี้ เก๋อเฟิ่งฉิงจึงมิได้พาเก๋อเฟิ่งเจียวมาด้วยทางด้านหานอวี้ตั้งใจจะสร้างโอกาสให้ฉินซานกับพี่สาวของตน จึงลากเถาจื่อไปพลางเอ่ยออกมา “เราสองคนไปด้วยกัน จะได้ดูแลกันและกัน!”ดังนั้นคนที่เหลือก็มีเพียงแค่ฉินซานกับหานเหมยแล้ว ฉินซานจึงเอ่ยขึ้นมาอย่างใจดี “เช่นนั้นข้าก็อยู่กลุ่มเดียวกับหานเหมย!”เขาจึงคว้าแขนของหานเหมยไว้ จากนั้นก็ตามไปพร้อมกันหานเหมยหน้าแดงขึ้นมา แต่ก็มิได้สะบัดมือฉินซานออกไปหานอวี้บอกกับนางว่า การที่นางหายตัวไปครั้งนี้นั้นฉินซานกระวนกระวายมาก และตั้งใจที่จะมาตามหานาง“พี่หญิง การที่เจ้ามีความทะเยอทะยานก็เป็นเรื่องที่ดี แต่เรื่องแต

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1802

    ทางด้านเถ้าแก่เจียง ท่านป้าวบอกว่าจะช่วยหลิงอวี๋ตามหาน้องสาว จึงจะให้หลิงอวี๋อยู่ที่นี่สักสองสามวัน เขาเห็นว่าหลิงอวี๋ก็ดูท่าทางเห็นด้วยเช่นกัน จึงมิได้ใส่ใจ ให้หลิงอวี๋อยู่ที่นี่ส่วนตนก็พาเสี่ยวซานเอ๋อร์กลับในตอนที่ยังมิรู้ถึงบทบาทของหลิงอวี๋ที่มีต่อหวงฝู่หลินอย่างแน่ชัดนี้ ท่านป้าวจึงจัดให้หลิงอวี๋ไปอยู่ที่เรือนทางสวนด้านหลังที่อยู่ห่างออกไป แต่แม้ว่าจะห่างไกลก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน มิได้เพิกเฉยหลิงอวี๋ไปท่านป้าวมิได้เอ่ยถึงเรื่องที่จะช่วยหลิงอวี๋ตามหาน้องสาว หลิงอวี๋ก็มิอยากจะพูดเช่นกัน นางรู้สึกว่าตนตกอยู่ในเงื้อมมือของหวงฝู่หลินเพียงคนเดียวก็เพียงพอแล้วหากตามหาน้องสาวเจอ ก็จะเป็นการเพิ่มคนที่หวงฝู่หลินจะนำมาข่มขู่ตนมากขึ้นอีกคนหลังจากนี้เมื่อตนสามารถหลุดพ้นออกมาได้ ก็ค่อยไปตามหาน้องสาวแล้วกันหลิงซินเห็นว่าหลิงอวี๋จัดการเพียงชั่วครู่ ก็ทำให้ท่านป้าวที่เป็นดั่งหอคอยเหล็กผู้นั้นเปลี่ยนท่าทีที่มีต่อนางไปได้แล้ว ความหวาดกลัวในใจก็ลดลงไปมากนางรู้สึกว่า ความสามารถของคุณหนูผู้นี้มีมากกว่าเถ้าแก่เจียงอีก การติดตามนางดูน่าจะไม่มีอันตรายใด ๆกระทั่งเถ้าแก่เจียงกลับไปแล้ว หล

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status