หน้ากากผิวหนังมนุษย์นั้นเมื่อตรวจสอบก็เปิดเผยออกมาทันที เมื่อแม่นมหน้าเหมือนม้าผู้นั้นฉีกหน้ากากออกจากใบหน้าของหลิงอวี๋ ก็เผยให้เห็นใบหน้าของหลิงอวี๋ที่เต็มไปด้วยรอยบาดแผลจากมีด“เหอะ ๆ รีบไปบอกนายใหญ่เสียว่า ข้าเจอคนที่เขาตามหาแล้ว!”แม่นมหน้าเหมือนม้าส่งหน้ากากผิวหนังมนุษย์ให้แม่นมอีกคนอย่างพึงพอใจ จากนั้นแม่นมผู้นั้นก็รีบวิ่งออกไปแจ้งข่าวหลิงซินถูกแม่นมคนหนึ่งกดอยู่ที่พื้นจนมิสามารถเคลื่อนไหวได้ และนางก็มองคุณหนูที่ตนเพิ่งจะรู้จักมิถึงสองวันดีกลายเป็นอีกคนไปอย่างตกตะลึงหลังจากที่หลิงอวี๋ถูกเปิดเผยตัวตนแล้ว ทางด้านแม่นมหน้าเหมือนม้าก็มิได้ทำให้นางต้องลำบากอีก จึงให้พวกแม่นมปล่อยหลิงอวี๋พวกนางเพียงแค่ต้องเฝ้าหลิงอวี๋เอาไว้ มิให้นางหนีไปได้ก็พอแล้วเมื่อหลิงอวี๋ถูกพยุงขึ้นมา หัวใจที่ว้าวุ่นของนางก็ค่อย ๆ สงบลงหวงฝู่หลินไม่มีทางให้ตนตายไปก่อนที่เขาจะได้ตำรับยาห้ามเลือดไปหรอก!บางทีตนอาจจะยังสามารถพึ่งพายันต์ช่วยชีวิตนี้ทำให้หวงฝู่หลินปล่อยตนไปได้อยู่เรื่องการขโมยนั้นมีคำสารภาพของหัวหน้าเสิ่นอยู่ ก็น่าจะสามารถอธิบายให้ชัดเจนได้หลิงอวี๋ยิ่งคิดก็ยิ่งมีความมั่นใจ จึงนั่งลงไป
ทางด้านเถ้าแก่เจียง ท่านป้าวบอกว่าจะช่วยหลิงอวี๋ตามหาน้องสาว จึงจะให้หลิงอวี๋อยู่ที่นี่สักสองสามวัน เขาเห็นว่าหลิงอวี๋ก็ดูท่าทางเห็นด้วยเช่นกัน จึงมิได้ใส่ใจ ให้หลิงอวี๋อยู่ที่นี่ส่วนตนก็พาเสี่ยวซานเอ๋อร์กลับในตอนที่ยังมิรู้ถึงบทบาทของหลิงอวี๋ที่มีต่อหวงฝู่หลินอย่างแน่ชัดนี้ ท่านป้าวจึงจัดให้หลิงอวี๋ไปอยู่ที่เรือนทางสวนด้านหลังที่อยู่ห่างออกไป แต่แม้ว่าจะห่างไกลก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน มิได้เพิกเฉยหลิงอวี๋ไปท่านป้าวมิได้เอ่ยถึงเรื่องที่จะช่วยหลิงอวี๋ตามหาน้องสาว หลิงอวี๋ก็มิอยากจะพูดเช่นกัน นางรู้สึกว่าตนตกอยู่ในเงื้อมมือของหวงฝู่หลินเพียงคนเดียวก็เพียงพอแล้วหากตามหาน้องสาวเจอ ก็จะเป็นการเพิ่มคนที่หวงฝู่หลินจะนำมาข่มขู่ตนมากขึ้นอีกคนหลังจากนี้เมื่อตนสามารถหลุดพ้นออกมาได้ ก็ค่อยไปตามหาน้องสาวแล้วกันหลิงซินเห็นว่าหลิงอวี๋จัดการเพียงชั่วครู่ ก็ทำให้ท่านป้าวที่เป็นดั่งหอคอยเหล็กผู้นั้นเปลี่ยนท่าทีที่มีต่อนางไปได้แล้ว ความหวาดกลัวในใจก็ลดลงไปมากนางรู้สึกว่า ความสามารถของคุณหนูผู้นี้มีมากกว่าเถ้าแก่เจียงอีก การติดตามนางดูน่าจะไม่มีอันตรายใด ๆกระทั่งเถ้าแก่เจียงกลับไปแล้ว หล
เซียวหลินเทียนมองมิเห็นคนของตระกูลเฉียว เพราะถูกยอดภูเขาน้ำแข็งเหล่านี้บดบังสายตาอยู่“ทุกคนระวังด้วย! ดูแลกันเข้าไว้!”เซียวหลินเทียนกำชับพวกฉินซานให้ใส่ใจในเรื่องความปลอดภัย ส่วนตนกับขันทีโม่ก็อาศัยว่ามีวรยุทธ์ที่สูงกว่าพวกเขา จึงไปค้นหาเส้นทางอยู่ทางด้านหน้าเก๋อเฟิ่งฉิงมิปล่อยให้โอกาสในการได้ใกล้ชิดกับเซียวหลินเทียนหลุดลอยไป นางจึงตามไปเช่นกันก่อนหน้านี้เก๋อเฟิ่งเจียวทำให้เก๋อเฟิ่งฉิงเสียเรื่อง ดังนั้นในการเข้ามาที่ภูเขาหิมะครั้งนี้ เก๋อเฟิ่งฉิงจึงมิได้พาเก๋อเฟิ่งเจียวมาด้วยทางด้านหานอวี้ตั้งใจจะสร้างโอกาสให้ฉินซานกับพี่สาวของตน จึงลากเถาจื่อไปพลางเอ่ยออกมา “เราสองคนไปด้วยกัน จะได้ดูแลกันและกัน!”ดังนั้นคนที่เหลือก็มีเพียงแค่ฉินซานกับหานเหมยแล้ว ฉินซานจึงเอ่ยขึ้นมาอย่างใจดี “เช่นนั้นข้าก็อยู่กลุ่มเดียวกับหานเหมย!”เขาจึงคว้าแขนของหานเหมยไว้ จากนั้นก็ตามไปพร้อมกันหานเหมยหน้าแดงขึ้นมา แต่ก็มิได้สะบัดมือฉินซานออกไปหานอวี้บอกกับนางว่า การที่นางหายตัวไปครั้งนี้นั้นฉินซานกระวนกระวายมาก และตั้งใจที่จะมาตามหานาง“พี่หญิง การที่เจ้ามีความทะเยอทะยานก็เป็นเรื่องที่ดี แต่เรื่องแต
ฉินซานเห็นว่าเซียวหลินเทียน ขันทีโม่และเก๋อเฟิ่งฉิงร่วงลงไปกันอย่างรวดเร็วปานนั้น ต่อให้ตนกระโดดลงไปก็มิสามารถช่วยเซียนหลินเทียนขึ้นมาได้แล้ว เขาจึงกระโดดตามหานเหมยออกมาจากหุบเขาส่วนซูจู๋นางรับใช้ของเก๋อเฟิ่งฉิง เมื่อเห็นว่าสถานการณ์มิดีก็หนีออกไปพร้อมกับคนรับใช้คนอื่น ๆ นานแล้วทุกคนหนีออกมาค่อนข้างไกลแล้วและมายืนอยู่ข้างนอกหุบเขา แต่ก็ยังได้ยินเสียงของก้อนน้ำแข็งเหล่านั้นดังสนั่นอยู่“พวกเขา… คุณหนูยังมีชีวิตอยู่หรือไม่?”ซูจู๋ตกใจเสียจนตาค้างไปหมด ผ่านเวลาไปสักพักจึงเรียกสติกลับคืนมาได้ นางจึงเอ่ยถามด้วยเสียงสั่นเทาทั้งหานเหมยและฉินซานเองก็ไม่มีอารมณ์ที่จะตอบคำถามของนาง พวกเขามองภาพที่ภูเขาหิมะถล่มลงมาอย่างตื่นตระหนก มิเข้าใจเลยว่าคนของตระกูลเฉียวทำลงได้อย่างไร!พวกเฉียวไป๋ยืนอยู่บนยอดเขาตรงกันข้าม แล้วจ้องมองภาพหิมะถล่มนั้นอย่างเย็นชาหลังจากที่ได้รู้ว่าเซียวหลินเทียนคือสามีของหลิงอวี๋ พ่อของเฉียวไป๋ ผู้ซึ่งเป็นนายใหญ่ตระกูลเฉียวผู้นำตระกูลคนปัจจุบันก็วางแผนที่จะแก้แค้นแทนบุตรชายของตนนี่เป็นเพียงแค่ขั้นแรกในการแก้แค้นของนายใหญ่เฉียวเท่านั้นสังหารคนหนุนหลังของหลิงอวี๋ไป
ก้อนน้ำแข็งแตกจำนวนนับมิถ้วนพากันกระแทกเข้ามา แม้ว่าเซียวหลินเทียนจะมีวรยุทธ์ไร้เทียมทาน แต่ก็มิอาจหนีพ้นการแก้แค้นที่รุนแรงของธรรมชาติเช่นนี้ไปได้เขาเบี่ยงหลบไปทางซ้ายทีขวาที แต่เพราะว่าหล่นลงมารวดเร็วจนเกินไป จึงมิอาจหลบพ้นก้อนน้ำแข็งเหล่านั้นที่พากันกระแทกเข้ามาได้ก้อนน้ำแข็งก้อนหนึ่งกระแทกเข้ามาที่หัวของเซียวหลินเทียน เซียวหลินเทียนรู้สึกว่าหัวของตนมีเลือดไหลออกมา แต่ยังมิทันจะได้ยื่นมือไปสัมผัส ก็มีก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่มากก้อนหนึ่งกระแทกเข้ามาอีก เซียวหลินเทียนรู้สึกว่าตรงหน้ามืดลงไปทันที และมองก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่นั้นพุ่งเข้ามาใส่ตนอย่างสิ้นหวังคราวนี้จะต้องตายอยู่ในภูเขาหิมะแห่งนี้จริง ๆ หรือ?อาอวี๋ ข้าจะยังได้พบเจ้าหรือไม่?เซียวหลินเทียนยังมิทันได้ย้อนรำลึกถึงช่วงชีวิตนี้ เขาก็ได้ยินเสียงดังลั่น จากนั้นก็รู้สึกได้ว่าร่างกายตนกระเทือนแล้วตกลงไปในความมืดมิรู้ว่าเซียวหลินเทียนสลบไปนานเท่าไรก่อนที่จะได้สติขึ้นมา ยังมิทันที่เขาจะลืมตา ก็รู้สึกได้ว่าเจ็บปวดไปทั้งตัวราวกับว่าตัวจะแตกออกเป็นเสี่ยง ๆในเมื่อรู้สึกเจ็บปวดได้ก็แสดงว่าตนยังคงมีชีวิตอยู่ เซียวหลินเทียนลืมตาขึ้นอ
กระบี่คุนอู๋?หรือว่านี่จะเป็นกระบี่เทพในตำนาน?เซียวหลินเทียนเป็นคนที่รักกระบี่ เมื่อก่อนตอนที่เป็นอ๋องอี้ก็สะสมกระบี่ที่มีชื่อเสียงไว้มิน้อยแต่กระบี่ที่มีชื่อเสียงเหล่านั้น หากมาเทียบกับกระบี่คุนอู๋เล่มนี้ก็ล้วนเป็นขยะไปทั้งหมดนี่คือกระบี่คุนอู๋จริงหรือ?เซียวหลินเทียนมิอยากจะเชื่อว่านี่คือกระบี่โบราณอายุกว่าพันปี ซึ่งคนในใต้หล้ามิเคยได้เห็นมาก่อน ดังนั้นแม้ว่าเซียวหลินเทียนจะรู้จักกระบี่คุนอู๋ แต่ก็คิดว่าเป็นเพียงเทพนิยายที่คนในใต้หล้าแต่งขึ้นมาเอง!ตำนานกล่าวไว้ว่า กระบี่คุนอู๋เกิดจากกระดูกสันหลัง การบำเพ็ญตนเป็นเวลาร้อยปีและพลังวิญญาณอันแข็งแกร่งของผานกู่บรรพบุรุษผู้บุกเบิกที่ผสานรวมกับพลังชีวิตของฟ้าดินตามตำนานกล่าวไว้ว่า หลังจากที่ผานกู่หลอมกระบี่คุนอู๋สำเร็จแล้ว เขาก็มิสามารถควบคุมมันได้ เนื่องด้วยพลังวิญญาณของกระบี่เล่มนี้แข็งแกร่งมาก สุดท้ายจึงทำได้เพียงเก็บรวบรวมพลังชีวิตและพลังวิญญาณทั้งหมดไว้ในกระบี่คุนอู๋นี้กระบี่คุนอู๋เป็นบรรพบุรุษของกระบี่ ความคมของกระบี่นั้นสามารถทำลายฟ้าดินได้เลยทีเดียวหากว่านี่คือกระบี่คุนอู๋ในตำนานจริง ๆ เช่นนั้นก็ต้องอยู่ในสามอันดับแร
หัวใจของเซียวหลินเทียนนั้นตื่นเต้นเสียจนแทบจะกระโดดออกมาแล้วในขณะที่เขากำลังครุ่นคิดอยู่ว่ากระบี่คุนอู๋เล่มนี้จะดูดเลือดของตนไปอีกเท่าไร เขาก็ได้ยินเสียงคนพูดมาจากไกล ๆ “ขันทีโม่ เจ้ารู้สึกได้หรือไม่? ที่นี่มีคลื่นพลังวิญญาณ หรือว่าท่านสี่จะอยู่ข้างหน้านี้?”นั่นเสียงของเก๋อเฟิ่งฉิง!เซียวหลินเทียนมองที่กระบี่คนอู๋ ของวิเศษเช่นนี้จะให้เก๋อเฟิ่งฉิงรู้เรื่องมิได้เซียวหลินเทียนจับด้ามกระบี่คุนอู๋เอาไว้แน่น จากนั้นก็ออกแรงทั้งหมดชักกระบี่ออกมา...วินาทีต่อมา เซียวหลินเทียนก็หงายหลังลงไปที่พื้นเนื่องด้วยออกแรงมากไปส่วนกระบี่คุนอู๋ก็ถูกเขาชักออกมาได้อย่างสบาย ๆดวงตาที่ตื่นเต้นของเซียวหลินเทียนนิ่งค้างไป กระบี่คุนอู๋ยอมรับเขาแล้ว!มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นับพันปีชิ้นนี้ยอมรับเขาเป็นเจ้านายแล้ว!“ท่านสี่? ใช่ท่านหรือไม่?”เสียงของเก๋อเฟิ่งฉิงใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ แล้วเซียวหลินเทียนรีบลุกขึ้นยืนแล้วเก็บกระบี่คุนอู๋ไว้ในแหวนพระสุเมรุ ขณะที่เขากำลังคิดจะไปหาพวกเก๋อเฟิ่งฉิง สายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นว่า ก้อนน้ำแข็งที่ฝั่งกระบี่คุนอู๋เอาไว้เมื่อครู่นั้นแตกออกเป็นชิ้น ๆ แล้วส่วนก้อนน้ำแข
ขันทีโม่เหลือบมองเซียวหลินเทียนด้วยความสงสัย เซียวหลินเทียนนั้นเชื่อขันทีโม่ที่ช่วยเหลือพวกเขามาโดยตลอดอย่างไร้เงื่อนไขอยู่แล้ว เขาจึงขยิบตาให้กับขันทีโม่ไปขันทีโม่เข้าใจในทันทีว่า มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นั้นตกอยู่ในมือของเซียวหลินเทียนแล้วแม้ว่าขันทีโม่เองก็คิดมิตกเช่นกันว่า เซียวหลินเทียนทำให้มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เชื่อฟังเขาในเวลาเพียงมินานได้อย่างไร แต่ก็ยังคงช่วยเขาพูดอยู่ดี“หากว่าไม่มีชีวิตอยู่แล้ว ต่อให้มอบมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ของตระกูลหลงให้ข้าก็เปล่าประโยชน์! คลื่นพลังวิญญาณนั้นอาจจะเป็นคลื่นที่เกิดจากการที่ภูเขาน้ำแข็งถล่มก็ได้!”เซียวหลินเทียนก็เอ่ยขึ้นมาเช่นกัน “น่าจะใช่กระมัง ก็เหมือนกับที่ป่าแห่งนั้นในเมืองซานต้งที่ก่อนหน้านี้ก็ไม่มีอะไรแปลก แต่เมื่อถูกเผาทำลายไปก็รู้สึกได้ถึงคลื่นพลังวิญญาณขึ้นมา!”เก๋อเฟิ่งฉิงขาหักจึงมิสะดวกที่จะค้นหา เมื่อได้ยินคำพูดของทั้งสองคนนั้น นางครุ่นคิดดูแล้วก็รู้สึกว่าน่าจะเป็นเช่นนั้น จึงมิได้เอ่ยถึงเรื่องที่ให้ทั้งสองค้นหามหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์อีก“ท่านสี่ ข้าคาดว่าพวกเราน่าจะตกลงมาหลายสิบเมตรทีเดียว เมื่อครู่ข้าค้นหามาตลอดทางแต่ก็มิพบเส้นท
รองแม่ทัพจางยังคงกล่าวพลางยิ้มแย้ม “ท่านหญิงฉางเล่อมามิถูกจังหวะ วันนี้ฮองเฮาพร้อมด้วยท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นพาคุณชายน้อยทั้งหลายเสด็จไปชมดอกไม้ที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์พ่ะย่ะค่ะ!”ว่ากระไรนะ?หลงเพ่ยเพ่ยนิ่งอึ้งไป ท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นล้วนเป็นธิดาของเจ้าแห่งทะเล และเป็นลูกพี่ลูกน้องของหลงเพ่ยเพ่ยด้วยเหตุใดพวกนางถึงมิไปชมดอกไม้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้เล่า แต่กลับเลือกไปชมดอกไม้ในตอนที่ตนต้องการความช่วยเหลือจากเสด็จย่าพอดีนี่น่ะหรือ?“ไปนานเท่าใดแล้ว?”หลงเพ่ยเพ่ยสงสัยว่านี่เป็นการจัดฉากโดยเจตนาของชายาเจ้าแห่งทะเล“สองชั่วยามแล้วพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้น่าจะอยู่ในภูเขาศักดิ์สิทธิ์แล้วขอรับ!”รองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้มหลงเพ่ยเพ่ยอยากจะชกหน้ายิ้ม ๆ ของรองแม่ทัพจางเสียสักหมัด เหตุใดนางมองรอยยิ้มของรองแม่ทัพจางแล้วเหมือนกำลังสมน้ำหน้าตนอยู่เลยเล่า“เจ้ามิได้หลอกข้าใช่หรือไม่?”หลงเพ่ยเพ่ยถามเสียงเย็นรองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้ม “ท่านหญิงฉางเล่อพูดเล่นแล้ว ไหนเลยข้าน้อยจะกล้าหลอกท่านหญิง! หากมิเชื่อท่านลองถามใครดูก็ได้ว่าที่ข้าน้อยพูดเป็นเรื่องจริงหรือไม่!”“หากท่านหญิงมีธุระด่วนจร
หลิงอวี๋ฟังแล้วก็อดอมยิ้มมิได้ เซียวหลินเทียนใช้คนตระกูลเก๋อมาจัดการชายาเจ้าแห่งทะเล กลอุบายนี้ช่างเด็ดขาดนักรถม้ามาถึงจวนเจ้าแห่งทะเล เมื่อหลิงอวี๋ลงจากรถก็มองไปยังคฤหาสน์หลังใหม่ที่กำลังก่อสร้างอีกครั้ง กำแพงล้อมรอบสร้างเสร็จแล้ว ดูจากขนาดแล้วใหญ่โตมากจริง ๆนางอดสงสัยมิได้ ข้างในมีเรือนบุหงาแบบเดียวกับตำหนักอ๋องอี้ของตนอย่างที่เถาจื่อบอกจริงหรือ?นางอยากเข้าไปดู อยากเห็นเหลือเกินว่าบ้านในอดีตของตนเป็นอย่างไร!“คุณหนูสิง เชิญ!”พ่อบ้านเว่ยเห็นหลิงอวี๋มองคฤหาสน์ฝั่งตรงข้ามก็ร้องเรียกอย่างมิอดทนหลิงอวี๋หันกลับมา เห็นประตูใหญ่หนาทึบของจวนเจ้าแห่งทะเลเปิดอ้าอยู่ ข้างในลานเรือนซับซ้อนลึกล้ำ มองสุดตามิเห็นปลายทางนี่คือที่ที่เต็มไปด้วยอันตรายโดยแท้!หลิงอวี๋ลอบสูดหายใจลึก ๆ แล้วเดินเข้าไป“ปัง!”ประตูใหญ่หนาทึบปิดลงด้านหลังนางหลิงอวี๋มิได้หันกลับไปมอง เพราะนั่นจะดูมิสง่างามนางรอให้พ่อบ้านเว่ยนำทางอยู่ข้างหน้า เพื่อหลีกเลี่ยงการเดินผิดทางแล้วถูกพ่อบ้านเว่ยหาเรื่องผิดพลาดมาตำหนิขณะเดียวกัน หลงเพ่ยเพ่ยก็ได้พาเย่หรงมุ่งหน้าไปยังวังหลวงแล้ว“อุบายนี้ของชายาเจ้าแห่งทะเลช่างร้า
จวนเจ้าแห่งทะเลตั้งอยู่ในย่านคหบดีและสูงศักดิ์ของเมืองหลวงแดนเทพ อันที่จริงอยู่ห่างจากคฤหาสน์อู่เพียงมิกี่ช่วงถนนเท่านั้นรถม้าวิ่งไปตามทางเรื่อย ๆ เถาจื่อพลันนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงกระซิบข้างหูหลิงอวี๋เบา ๆ“คุณหนู อีกประเดี๋ยวท่านจะเห็นคฤหาสน์หลังใหญ่ที่กำลังสร้างอยู่ตรงข้ามจวนเจ้าแห่งทะเล ที่นั่นฝ่าบาททรงสร้างให้ท่านเจ้าค่ะ!”“คราแรกที่พวกเรามาตามหาท่านในเมืองหลวงแดนเทพนั้นมิรู้ว่าจะต้องเสียเวลานานเท่าใด ฝ่าบาทจึงทรงให้สือหรงซื้อคฤหาสน์แถวนี้ไว้ล่วงหน้าแล้วรื้อสร้างใหม่ทั้งหมด!”“ฝ่าบาทตรัสว่า เจ้าแห่งทะเลคือบิดาของท่าน ในเมื่อเขามิยอมรับท่าน ฝ่าบาทก็จะทำให้เขาเห็นว่า ใช่ว่าท่านไม่มีบ้านเสียหน่อย แม้จวนเจ้าแห่งทะเลไม่มีที่ให้ท่าน ฝ่าบาทก็จะสร้างจวนหลังที่ใหญ่กว่าจวนเจ้าแห่งทะเลให้!”“คุณหนู ข้างในมีเรือนหลังหนึ่ง สร้างตามแบบเรือนบุหงาที่ตำหนักอ๋องอี้ในฉินตะวันตกของท่านไม่มีผิดเพี้ยน หากท่านได้เห็นจะต้องชอบอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ!”ก่อนหน้านี้หลิงอวี๋เคยได้ยินเผยอวี้พูดถึงคฤหาสน์หลังใหม่ที่พวกเขาสร้างแล้ว ตอนนั้นยังรู้สึกแปลกใจว่าเซียวหลินเทียนคิดจะอยู่เมืองหลวงแดนเทพเป็นการถาวรหรืออย่
วิธีนี้ของหลิงอวี๋เป็นวิธีเดียวที่จะช่วยนางได้ในยามนี้ ด้วยเซียวหลินเทียนและคนอื่น ๆ ก็ยังคิดหาวิธีที่ดีกว่านี้มิออกเย่หรงกล่าวขึ้นทันที “ข้าจะไปหาหลงเพ่ยเพ่ย บอกนางมิต้องมาแล้ว ให้เข้าวังไปทูลขอเข้าเฝ้าฮองเฮาได้เลย!”“พี่หญิงหลิงหลิง ท่านต้องยื้อจนกว่าพวกเราจะมาช่วยท่านให้ได้นะ!”พูดจบ เย่หรงก็รีบร้อนออกไปเก๋อเฟิ่งฉิงมองหลิงอวี๋ด้วยสายตาซับซ้อน นางหวังให้หลิงอวี๋เข้าจวนเจ้าแห่งทะเลไปแล้วออกมามิได้แต่เรื่องนี้ก็พัวพันถึงความเป็นความตายของเซียวหลินเทียน นางมิอยากให้เซียวหลินเทียนต้องเกิดเรื่อง!ช่างขัดแย้งในใจเสียจริง!“อาอวี๋ เจ้าไปก่อนเถอะ... วางใจได้ ต่อให้ต้องก่อความวุ่นวายครั้งใหญ่ในเมืองหลวงแดนเทพ ข้าก็จะพาเจ้ากลับบ้านให้ได้!”เซียวหลินเทียนกล่าวอย่างหนักแน่นเขายังมีแผ่นป้ายไม้ที่ขันทีโม่ให้มา สามารถใช้ขอความช่วยเหลือจากแม่ทัพฝ่ายซ้ายได้ เซียวหลินเทียนตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะใช้แผ่นป้ายไม้นี้ช่วยหลิงอวี๋ขันทีโม่เคยบอกว่า เพียงอาศัยแผ่นป้ายไม้นี้ ก็สามารถทำให้แม่ทัพฝ่ายซ้ายช่วยตนทำเรื่องหนึ่งเรื่องได้หากแม่ทัพฝ่ายซ้ายสามารถช่วยคนได้เพียงคนเดียว เช่นนั้นเขาก็ยอมตายเ
เผยอวี้และคนอื่น ๆ ต่างมองหน้ากันอย่างจนปัญญา นึกว่ามหาปราชญ์และเจ้าแห่งทะเลกลับไปแล้วพวกตนจะรอดพ้นจากครั้งนี้ไปได้ คาดมิถึงว่าชายาเจ้าแห่งทะเลจะใช้ไม้นี้อีกภายนอกดูเหมือนเป็นการเชิญ แต่จริง ๆ แล้วจะปฏิเสธมิไปได้หรือ?เซียวหลินเทียนสามารถแสร้งป่วยได้ แต่หลิงอวี๋เพิ่งจะปรากฏตัวต่อหน้าเจ้าแห่งทะเลไปเมื่อครู่ ตอนนี้ย่อมมิอาจใช้การแสร้งป่วยมาหลีกเลี่ยงได้อีกแล้ว“บอกไปว่าคุณหนูสิงกำลังรักษาอาการป่วยให้ข้าอยู่ เดี๋ยวค่อยไป!”ในสถานการณ์กะทันหันเช่นนี้เซียวหลินเทียนทำได้เพียงถ่วงเวลาไปก่อนแล้วค่อยคิดหาวิธี“เผยอวี้ เจ้าส่งคนไปแจ้งหลงเพ่ยเพ่ยกับเจ้าแห่งทิศใต้ ให้หลงเพ่ยเพ่ยไปเป็นเพื่อนอาอวี๋!”เป็นเรื่องความเป็นความตายของหลิงอวี๋ เผยอวี้รีบให้คนไปแจ้งหลงเพ่ยเพ่ยทันทีหลิงอวี๋นิ่งเงียบ นั่งคิดอยู่ข้าง ๆเพื่อชิงหยกหล้าสุขาวดีกลับคืนมา ในเวลานั้นชายาเจ้าแห่งทะเลสามารถลงมืออำมหิตกับหลานฮุ่ยจวนที่กำลังตั้งครรภ์ได้ครั้งนี้นางส่งพ่อบ้านมาเชิญตนไปจวนเจ้าแห่งทะเล พูดไปพูดมาก็เพื่อหยกหล้าสุขาวดีบนตัวนางนั่นเองส่วนการที่จะนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาได้นั้นต้องใช้วิธีสลายโลหิตละลายกระดูก หรือว่าช
หลิงอวี๋เดินกลับเข้ามา และบังเอิญได้ยินคำพูดของเย่ซงเฉิงเข้าพอดี“พวกเราต้องเตรียมรับมือสำหรับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด หากหวงฝู่หลินกลับไปแล้ว มิสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ถึงกาลนั้นใครจะมารับมือการแก้แค้นของฝูไห่ต่อตระกูลหลงและตระกูลอื่น ๆ อีกหลายตระกูลเล่า?”เจ้าแห่งทิศใต้มองไปยังเย่หรง และกล่าวเสียงเข้ม “เลี่ยวหงเสีย มารดาของเย่หรงอาจจะรู้วิธี!”“ปรมาจารย์เย่ ก่อนหน้านี้ข้าอยากจะพบเลี่ยวหงเสียเพื่อสอบถามสถานการณ์จึงไปที่คุกน้ำมา แต่ข้ากลับมิสามารถพบนางได้!”“คำกล่าวของท่านมีน้ำหนักเมื่ออยู่ต่อหน้าพระพักตร์เสด็จพ่อ บางทีท่านอาจจะสามารถทูลขอเสด็จพ่อให้ทรงอนุญาตท่านเข้าพบเลี่ยวหงเสียได้!”เย่ซงเฉิงขมวดคิ้ว “เจ้าแห่งทิศใต้ก็มิสามารถพบเลี่ยวหงเสียได้เช่นกันหรือพ่ะย่ะค่ะ?”เจ้าแห่งทิศใต้พยักหน้า “แม่ทัพหลี่ผู้เฝ้าประตูบอกว่า นอกเสียจากจะมีพระราชโองการของมหาเทพ มิฉะนั้นก็มิอนุญาตให้ข้าพบเลี่ยวหงเสีย!”เย่ซงเฉิงยิ้มอย่างขมขื่น “เรื่องนี้ข้าน้อยเคยทูลต่อเสด็จพ่อของท่านแล้ว เสด็จพ่อของท่านมิทรงยินยอม ความนับหน้าถือตาของตาเฒ่าผู้นี้ใช้มิได้ผลต่อหน้าพระพักตร์เสด็จพ่อของท่านแล้ว!”ทุกคนต่
หวงฝู่หลินมิรู้จักคนทั้งสองนี้เลย คิดอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “ตอนนั้นนอกจากพวกท่านกับตระกูลเฉียวแล้ว ก็มีคนของตระกูลจงเจิ้งที่เข้าไปในภูเขาหิมะ ข้ามิเห็นคนทั้งสองที่ท่านพูดถึงในภูเขาหิมะ!”“บางทีปี้ซงอาจจะเคยเห็น เดี๋ยวลองเรียกเขามาถามดู!”เผยอวี้จึงไปเรียกปี้ซงมาอีกครั้งปี้ซงอุ้มหวงฝู่หมิงจูเข้ามา หลิงอวี๋ก็รับนางมาอุ้มไว้เซียวหลินเทียนมองหวงฝู่หมิงจูกอดคอหลิงอวี๋ด้วยท่าทางสนิทสนม ในใจรู้สึกซับซ้อนอย่างบอกมิถูกหวงฝู่หลินเล่าคำถามให้ปี้ซงฟังอีกครั้งปี้ซงคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “ชายชราผู้นั้นข้าพอจำได้ราง ๆ ตอนนั้นเขาเดินวนเวียนอยู่ในภูเขาหิมะอยู่หลายวัน ต่อมาก็จากไป ข้าคิดว่าเขาไม่มีอันตรายอะไรจึงมิได้ใส่ใจ!”“ส่วนแม่นมอู ข้าไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับนางเลย มิเคยเห็นนางในภูเขาหิมะ!”เก๋อเฟิ่งฉิงยืนฟังอยู่ข้าง ๆ ตลอด ได้ยินดังนั้นก็กล่าวว่า “อันที่จริงตอนนั้นที่ภูเขาหิมะ นอกจากพวกเราแล้ว น่าจะยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่ง”“ข้าก็มาพบพวกนางหลังจากลงจากเขาแล้ว ตอนนั้นยังคิดว่าพวกนางแค่ผ่านทางมา แต่พอลองคิดดูตอนนี้ พวกนางต้องเคยไปภูเขาหิมะแน่นอน แม่นมอูน่าจะถูกพวกนางพาตัวไป!”“พวกเข
เมื่อฟังคำพูดของเย่ซงเฉิงจบ หลิงอวี๋ หลงเพ่ยเพ่ยและเผยอวี้ก็ร้องอุทานออกมาพร้อมกัน“เจ้าสำนักซิงหลัวเป็นสตรี! หรือว่านางคือตงกู่อวี้ที่กลับชาติมาเกิด?”หวงฝู่หลินก็นึกขึ้นได้ ตอนที่ทุกคนรุมล้อมโจมตีเจ้าสำนักซิงหลัว เผยอวี้ใช้กระบี่เดียวตัดเชือกรัดผมที่มัดผมของเจ้าสำนักซิงหลัวขาดตอนนั้นผมสลวยของนางสยายลงมาบดบังดวงตาของนางทุกคนมัวแต่ยุ่งอยู่กับการรับมือ จึงมิทันได้คิดให้ลึกซึ้งเมื่อเย่ซงเฉิงพูดเช่นนี้ ทุกคนจึงได้นึกถึงสภาพการณ์ในยามนั้นขึ้นมา“ตงกู่อวี้กลับชาติมาเกิดจริง ๆ หรือ?”ในฐานะลูกหลานตระกูลหลง เจ้าแห่งทิศใต้จะมิรู้ได้อย่างไรว่าในใต้หล้านี้มีวิชาลับเช่นนี้อยู่จริง ทันใดนั้นก็ตกใจจนเหงื่อเย็นไหลซึมหลงจิ้งและหลงเพ่ยเพ่ยก็ตกใจเช่นกัน วรยุทธ์ของสตรีนางนั้นสูงส่งกว่ามหาปราชญ์เสียอีก แต่ก่อนหน้านี้พวกเขามิเคยรู้มาก่อนเลยว่าสำนักซิงหลัวยังมียอดฝีมือเช่นนี้อยู่“ท่านพ่อ ยามนั้นเจ้าวังหวงฝู่พร้อมด้วยท่านเซียวและพวกเราช่วยกันรุมล้อมโจมตีนางก็ยังมิสามารถสังหารนางได้ ลูกดูจากวรยุทธ์ของนางแล้ว เกรงว่าจะมีเพียงท่านอาเจ้าแห่งทะเลเท่านั้นที่พอจะต่อกรกับนางได้!”หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวด้วย
หลงจิ้งยังคงยากที่จะเชื่อ “คำพูดของตระกูลเหล่านั้นก็มิได้ผลหรือพ่ะย่ะค่ะ?”เจ้าแห่งทิศใต้ส่ายหน้าอย่างหดหู่ “เสด็จปู่ของเจ้าตรัสว่าจะตรวจสอบให้ จึงส่งเจ้าแห่งทะเลไปตรวจสอบ แต่ผลที่ได้จากเจ้าแห่งทะเลก็มิสามารถสรุปอะไรได้เลย หรือกระทั่ง...”กระทั่งเจ้าแห่งทะเลอาจจะใช้ขี้ผึ้งหอม ควบคุมบุตรหลานของตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือตนเอง!เซียวหลินเทียน หลงจิ้งและหลิงอวี๋ต่างก็เข้าใจความหมายที่เจ้าแห่งทิศใต้ยังพูดมิจบใจของหลงจิ้งพลันหล่นวูบ เช่นนั้นเรื่องที่ตนไปเผาขี้ผึ้งหอมก็เท่ากับมิได้ช่วยใครเลย กลับยิ่งทำให้อำนาจของเจ้าแห่งทะเลเพิ่มทวีคูณขึ้นงั้นหรือ?หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวอย่างมิยอม “หรือว่าหัวหน้าตระกูลใหญ่เหล่านั้นล้วนเลอะเลือนไปแล้ว? ไยจึงปล่อยให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลควบคุมชะตากรรมของพวกเขาเช่นนี้?”เซียวหลินเทียนขมวดคิ้ว มิน่าแปลกใจที่เมื่อครู่เจ้าแห่งทะเลยอมถอยกลับไปง่าย ๆ ที่แท้ก็มีแผนการเช่นนี้เองก่อนที่จะควบคุมตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือ เจ้าแห่งทะเลย่อมมิอาจแตกหักกับเจ้าแห่งทิศใต้ได้ในยามนี้แต่เมื่อใดที่เขาควบคุมตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือได้แล้ว เจ้าแห่งทะเลย่อมมิปล่อยเจ้าแห่งทิศใต