ฉินรั่วซือใจร้ายขึ้นมาทันที พลางเอ่ย “องค์หญิงหก องค์หญิงก็รู้ว่าก่อนที่ท่านพี่หม่อมฉันจะไปสนามรบนั้นก็ไปเรียนวรยุทธกับท่านอดีตเสนาบดีอยู่ตลอด เขามักจะไปที่จวนเสนาบดีเจิ้นหย่วนอยู่บ่อยครั้ง!”“ไปมาหาสู่กันบ่อยครั้งเข้า หลิงอวี๋คนชั้นต่ำนั่นก็ชอบท่านพี่ของหม่อมฉัน แล้วก็เกาะแกะท่านพี่หม่อมฉันมาตลอด อยากจะแต่งงานกับท่านพี่หม่อมฉัน!”เซียวทงเบิกตาโตอย่างประหลาดใจ เป็นครั้งแรกที่นางได้ฟังเรื่องนี้หลิงอวี๋ วันนั้นที่งานฉลองวันพระราชสมภพไทเฮาก็พยายามทำตัวเด่น เซียวทงจดจำนางได้ดีเลย“ท่านพี่รำคาญที่ถูกนางเกาะแกเหลือทนเพคะ จึงไปเข้าร่วมกองทัพเพื่อที่จะสลัดนางออกให้ได้!”“แต่คนชั้นต่ำเยี่ยงหลิงอวี๋นั้น แต่งงานแล้วก็ยังมิวาย! พอรู้ว่าท่านพี่กลับมา ก็คิดวิธีจะเข้าใกล้ท่านพี่เพคะ!”ตอนที่ฉินรั่วซือมาก็คิดเอาไว้อย่างดีแล้ว เพื่อที่จะให้ฉินซานได้แต่งงานกับองค์หญิงหก นางจะพูดเรื่องที่ฉินซานยังเฝ้าคิดถึงหลิงอวี๋ไม่ได้เป็นอันขาดดังนั้น จึงทำได้เพียงแก้เป็นหลิงอวี๋เฝ้าคิดถึงฉินซานแทน“องค์หญิงก็รู้ว่าท่านพี่หม่อมฉันเป็นคนซื่อตรง ไม่มีทางไปมีอะไรกับคนชั้นต่ำเยี่ยงหลิงอวี๋ได้หรอกเพคะ!”“แต่ท่าน
เมื่อฉินรั่วซือเอ่ยถึงอนาคตของฉินซาน ความลังเลของเซียวทงก็หายไปในทันทีนางหลงรักฉินซานจากใจจริง จะไม่ช่วยเขาได้เยี่ยงไร จะปล่อยให้เรื่องของฉินรั่วซือกระทบต่ออนาคตของฉินซานได้หรือ!นางเอ่ยขึ้นมาทันที "เอาเถิด ข้าจะช่วยเจ้าเอง! ข้าจะไปเข้าเฝ้าไทเฮาแล้วรับผิดในเรื่องนี้!"“องค์หญิงหก… เรื่องนี้จะไม่ทำให้องค์หญิงลำบากจริง ๆ หรือเพคะ?”เมื่อฉินรั่วซือเห็นว่าบรรลุเป้าหมายแล้ว ก็แสดงความเป็นห่วงจอมปลอมทันทีเซียวทงเม้มริมฝีปาก ไม่อยากให้ฉินรั่วซือดูถูกตนเอง นางจึงเอ่ย“เรื่องเล็กน้อยเอง มีอะไรลำบากกันเล่า? ไทเฮาเป็นท่านย่าของข้า พระนางจะลงโทษข้าเหตุเพราะคนนอกได้รึ?”"ลุกขึ้นเถิด!" เซียวทงช่วยพยุงฉินรั่วซือให้ลุกขึ้นนางเกิดมาในราชวงศ์ แม้ว่าจะอ่อนประสบการณ์ แต่ก็ยังคงมีอุบายเฉกเช่นหญิงในวังอยู่ก่อนหน้านี้เซียวทงบอกเป็นนัยอยู่หลายครั้งแล้วเรื่องที่ตนเองชอบฉินซาน แต่ฉินรั่วซือไม่เคยมีท่าทีใด ๆ เลยวันนี้นางช่วยฉินรั่วซือแล้ว ฉินรั่วซือไม่มีทางที่จะเมินเฉยได้อีกต่อไปแล้ว!เซียวทงยิ้มพลางเอ่ย "อีกประเดี๋ยวประตูวังก็จะปิดแล้ว คืนนี้เจ้าไม่ต้องออกจากวัง! อยู่คุยกับข้าในวังแล้วกัน!"“ข้
หลิงอวี๋ออกจากตำหนักอ๋องอี้ แล้วตรงไปหาเกิ่งเสี่ยวหาวนางนำยาทาหลายหลอดมาให้เปียวจื่อ ถือเป็นของขวัญขอบคุณเหล่าพี่น้องของเปียวจื่อที่ช่วยกันช่วยชีวิตหลิงเยวี่ยเอาไว้ทันทีที่เห็นเปียวจื่อก็มีความสุขมาก ๆ เมื่อขอบคุณหลิงอวี๋แล้วก็รีบไปหาเกิ่งเสี่ยวหาวทันทีหลิงอวี๋เองก็ไม่เกรงใจเกิ่งเสี่ยวหาว บอกไปตรง ๆ ว่าให้เกิ่งเสี่ยวหาวช่วยหาผู้ชายที่มีวรยุทธให้สักสองคนเกิ่งเสี่ยวหาวรับปากมันที ทั้งยังเอ่ยอย่างกระตือรือร้นด้วย“ท่านพี่ เช่นนั้นข้าให้นางรับใช้ที่รู้วรยุทธที่ข้าซื้อมาให้สองคนด้วยดีกว่า! เพื่อเลี่ยงไม่ให้เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นอีก!”“เรื่องนี้ไม่ได้เร่งด่วนอันใด ไว้ค่อยคุยกันทีหลังเถิด!”หลิงอวี๋คิดว่านางจะออกจากตำหนักอ๋องอี้ได้ทุกเมื่อ จึงเอ่ย“เจ้าช่วยข้าเสาะหาบ้านก่อนก็ได้ รอให้ข้ากับเซียวหลินเทียนแยกทางกัน ตอนที่ข้าย้ายข้าวของออกจะได้มีที่อยู่!”เกิ่งเสี่ยวหาวได้ยินเรื่องที่สองสามีภรรยาตำหนักอ๋องอี้ไม่ลงรอยกันมานานแล้ว เขาเองก็รู้สึกเช่นกันว่าเซียวหลินเทียนไม่คู่ควรกับหลิงอวี๋ จึงพยักหน้ารับปากช่วยทั้งสองหารือกันเกี่ยวกับแผนการผลิตยาทา หลิงอวี๋คิดเรื่องที่จะซ่อมแซมเรือนบุ
ในเมื่อเข้ามาแล้วก็ต้องอยู่ในความสงบ ขณะที่ยังไม่ได้รู้แน่ถึงเจตนาของจ้าวซวน หลิงอวี๋ก็แสร้งทำเป็นไม่รู้แล้วนั่งลงบนเก้าอี้ในห้องตำราไปก่อนห้องตำรามีขนาดใหญ่มาก มีตู้หนังสือเรียงเป็นแถวชิดกับกำแพง และมีโต๊ะหนังสือขนาดใหญ่อยู่ที่ริมหน้าต่างข้าง ๆ โต๊ะหนังสือเป็นอ่างเซรามิกโบราณที่บรรจุภาพวาดไว้ห้องตำราเก็บกวาดสะอาดสะอ้าน มีการจัดวางอย่างเป็นระเบียบ มีเพียงบนโต๊ะหนังสือที่มีหนังสือวางกองเต็มไปหมด“พระชายา ดูเถิดขอรับ ท่านอ๋องให้ข้าตรวจสอบสมุดบัญชีของพ่อบ้านฟั่น! แต่ข้าเป็นคนค่อนข้างจะสะเพร่า ไม่สามารถทำงานเช่นนี้ได้ขอรับ!”จ้าวซวนถือสมุดบัญชีหลายเล่มเข้ามา พลางเอ่ยด้วยสีหน้าขมขื่น“นี่คือสมุดบัญชีในช่วงสองสามปีมานี้ แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่ของเรือนชั้นในเท่านั้น แต่มีความสำคัญยิ่ง ไม่สามารถขอให้คนนอกมาช่วยตรวจสอบได้ขอรับ!”“พระชายา โปรดช่วยดูหน่อยเถิดขอรับ ข้าจะจัดการกับสมุดบัญชีเหล่านี้เยี่ยงไรดีหรือขอรับ?”ทันทีที่หลิงอวี๋ได้ยินว่าเป็นเรื่องเล็กเช่นนี้ ก็คลายความระมัดระวังที่มีต่อจ้าวซวนลง แล้วรับมาดูทันทีที่เห็นก็อธิบายได้คำเดียวเลยว่า… เละเทะ!นางเรียนแพทย์ แต่หลักการบัญชีง
วันรุ่งขึ้น หลิงอวี๋เปลี่ยนชุดตามความเหมาะสม แล้วออกไปพร้อมกับยาบำรุงร่างกายที่เตรียมไปให้ไทเฮาครั้งนี้เซียวหลินเทียนไม่ได้ออกไปคนเดียวเหมือนกับงานเลี้ยงในวังครั้งที่แล้ว เขากับลู่หนานมารออยู่ที่หน้าประตูตำหนักหลิงอวี๋พาหลิงซินออกมา โค้งคำนับให้เขาแล้วขึ้นรถไป“ประเดี๋ยวเข้าวังไปแล้ว เจ้าไปเข้าเฝ้าไทเฮาที่ตำหนักเหยียนฝูนะ ข้าจะไปหาท่านพ่อ จะไปรับเจ้าที่ตำหนักเหยียนฝูช้าสักหน่อย!” เซียวหลินเทียนเอ่ย“เพคพ!” หลิงอวี๋พยักหน้าครั้งที่แล้วเข้าวังไปมีปัญหาเข้ามาไม่ขาดสาย ใจจริงหลิงอวี๋ไม่ชอบเข้าไปในวังเลย ดังนั้นจึงทำตามแผนการของเซียวหลินเทียน!กระทั่งเข้าไปในวัง ไป่ซุ่ยจากตำหนักไทเฮาก็รออยู่ที่ประตูแล้ว แล้วพาหลิงอวี๋และบ่าวไปเมื่อหลิงอวี๋เห็นว่าเป็นไป่ซุ่ย ก็ยัดขวดเล็ก ๆ ไปให้นางอย่างเงียบ ๆ พลางกระซิบ“คราวที่แล้วข้าเห็นเจ้าเป็นสิว ยาทานี้เอาไว้ทาเมื่อเป็นสิวนะ ไม่มีทางทิ้งรอยสิวไว้ให้เห็นแน่นอน!”“ขอบคุณพระชายาเจ้าค่ะ!” ไป่ซุ่ยรับขวดเล็ก ๆ นั้นมาอย่างมีความสุข“พระชายา ไทเฮาเชิญพระชายามาวันนี้ เพราะว่าเมื่องานฉลองครั้งก่อนได้ละเลยพระชายาไป จึงจะชดเชยให้เจ้าค่ะ!”ไป่ซุ่ยเอ่
ที่ด้านหน้าตำหนักเหยียนฝู มีสวนดอกไม้ขนาดใหญ่ อยู่ใกล้กับริมทะเลสาบสวนดอกไม้ได้รับการดูแลอย่างดี ดอกไม้ที่งามสะพรั่งเต็มสวนทำให้ทั้งสวนดูมีชีวิตชีวาหลิงอวี๋สูดอากาศบริสุทธิ์ มองดอกไม้ที่เห็นแล้วชื่นตาชื่นใจเหล่านี้ ยืนรอเซียวหลินเทียนอยู่กับหลิงซินที่ริมทางของสวนดอกไม้ไป่ซุ่ยไปส่งพวกนาง แต่พวกนางยังไม่ออกไปจึงทำได้เพียงอยู่กับพวกนางไปด้วย และพูดคุยถึงวิธีการดูแลผิวพรรณกับหลิงอวี๋ไม่รู้ว่าเป็นเวลาเท่าใด จู่ ๆ ก็มีเสียงโวยวายดังมาจากที่ไกล ๆ เสียงนั้นดังขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้เป็นการยากที่พวกนางจะไม่สนใจเสียงนั้น“นังสารเลว ท่านหญิงให้เจ้าเก็บดอกไม้เพราะว่าท่านเห็นความสำคัญของเจ้า! เจ้ายังกล้าตำหนิท่านหญิงอีกหรือ!”“ทำให้ท่านหญิงน้อยตกใจ เจ้ามีกี่ชีวิตก็ไม่พอหรอกนะ! เหตุใดยังไม่รีบไปเก็บดอกไม้ให้ท่านหญิงอีกเล่า!”จากนั้นเสียงเล็ก ๆ เสียงหนึ่งก็เอ่ยขึ้นมา "ข้าอยากได้ดอกที่ใหญ่ที่สุดตรงกิ่งนั้น! ข้าอยากจะเอาไปถวายท่านย่าทวดไทเฮา!"“ท่านหญิง มันสูงเกินไปเพคะ! บ่าวปีนขึ้นไปมิได้เพคะ!”เมื่อหลิงอวี๋ได้ยินดังนั้น ก็หันไปมองอย่างสงสัยด้านหน้าไม่ไกลนัก มีคนหลายคนรวมตัวกันอยู่ที่ใต้ต้นด
"ลุกขึ้น!"หลิงอวี๋พุ่งเข้าไป เอื้อมมือไปดึงชุ่ยเอ๋อร์ขึ้นมาโดยไม่พูดพร่ำทำเพลงตอนนั้นเองกลุ่มคนที่รวมตัวกันอยู่ใต้ต้นไม้ถึงได้สังเกตเห็นว่าหลิงอวี๋มา“พระชายาอ๋องอี้ หมายความว่าเยี่ยงไรเจ้าคะ?”ทันใดนั้นสีหน้าของเซี่ยเฉียวก็เปลี่ยนไป นางขมวดคิ้วพลางเอ่ยถาม“ข้าก็อยากถามเจ้าอยู่เช่นกัน! เซี่ยเฉียว นางกำนัลผู้นี้ไปกระทำให้พวกเจ้าขุ่นเคืองด้วยเหตุอัรใด? นางเป็นห่วงพี่น้องของตนเจึงบอกให้ระวัง มันไม่ถูกหรือ?”หลิงอวี๋ยิ้มเยาะ "เจ้าง้างมือออกไปตบนาง! หรือว่าฮองเฮาสอนเจ้าเช่นนี้หรือ?"หน้าของชุ่ยเอ๋อร์บวมขึ้นแล้ว เซี่ยเฉียวตบนางแรงมากเซี่ยเฉียวเหลือบมองชุ่ยเอ๋อร์อย่างดูถูก พลางเอ่ยอย่างเย็นชา "นางทำผิด ก็สมควรถูกตบ!"“พระชายาอ๋องอี้ ที่นี่ไม่ใช่ตำหนักอ๋องอี้ ข้าขอแนะนำว่าพระชายาอย่าเข้ามายุ่งเลยจะดีกว่า!”ท่านหญิงจ่างหนิงมองหลิงอวี๋อย่างสงสัย แล้วดึงอาภรณ์ของเซี่ยเฉียวพลางเอ่ยถาม "พี่เซี่ยเฉียว ผู้หญิงจอมยุ่งผู้นี้คือผู้ใดกัน?"“นางหรือเจ้าคะ… นางก็คือพระชายาของลุงสี่ของท่านหญิงเจ้าค่ะ!”เซี่ยเฉียวก้มลงกระซิบอะไรบางอย่างที่หูของจ่างหนิงหลังจากฟังเสร็จท่านหญิงจ่างหนิงก็จ้องหลิ
“หญิงสารเลว! เจ้ากล้ามายุ่งเรื่องของข้า!”จ่างหนิงรู้สึกหงุดหงิดทันที นางฉลาดมาตั้งแต่เด็ก ทั้งยังเป็นที่รักของพระชายาเว่ยเพราะว่านางเหมือนฮองเฮาเว่ยทุกประการ นางจึงได้รับความโปรดปรานอย่างมากจากฮองเฮาเว่ยอยู่ในวัง พวกนางกำนัล ขันทีและแม่นมที่ไม่กล้าทำให้ฮองเฮาเว่ยขุ่นเคืองเหล่านั้น ใครเห็นนาง ต่างก็ปฏิบัติต่อนางอย่างเคารพกันหมดไม่ใช่หรือ?สถานะของจ่างหนิง อาจกล่าวได้ว่าไม่ใช่องค์หญิง แต่ก็ชนะเหนือกว่าองค์หญิงแล้ว!นี่เป็นครั้งแรกที่นางเห็นคนกล้าเข้ามายุ่งเรื่องของตน ศักดิ์ศรีของนางถูกท้าทาย นางจึงโกรธขึ้นมา“พวกเจ้าลากนางออกไป ดึงนางลงแล้วทุบตีนางให้แรง ๆ ซะ!”ในเรือนพระชายาเว่ยลงโทษบ่าวที่ทำผิดเช่นนี้ ตอนนี้จ่างหนิงก็กำลังทำตามแบบเดียวกัน!นางไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าตัวตนของพระชายาอ๋องอี้คืออะไร มีหรือที่นางอยากจะทุบตีก็ทำได้ทุกเมื่อ!แม้ว่าเซียวหลินเทียนจะรู้ว่านางกำนัลในวังไม่กล้าลงมือทำอะไรกับหลิงอวี๋ แต่เขาก็ยังตกใจกับภาพนี้อยู่ดีขาทั้งสองของเขาพิการ หรือว่าพระชายาของเขาเองจะถูกทำให้อับอายเช่นนี้ในวังอย่างนั้นหรือ?เขาจำได้ว่าตอนนั้น หลังจากที่แม่ของเขาเสียชีวิต องค์ชาย
หลิงอวี๋ยิ้มออกมา ต่อให้นางใจดีแค่ไหนก็มีขอบเขตของตน ในเมื่อรู้อยู่แก่ใจว่าเป็นกับดักแล้วตนจะพาตัวเองเข้าไปได้อย่างไรกัน!หากตนรู้จักฮูหยินเฉิง บางทีอาจจะเสี่ยงไปช่วยชีวิตนาง!แต่ตนกับฮูหยินเฉิงมิได้รู้จักกัน มิรู้ด้วยซ้ำว่านางเป็นคนดีหรือคนเลวแม้ว่าจะเห็นใจฮูหยินเฉิงที่ต้องประสบความทรมานของการเจ็บป่วย แต่นางก็มิใช่แม่พระ มิสามารถไปช่วยชีวิตทุกคนที่เจ็บป่วยได้หรอก!หลิงอวี๋ครุ่นคิดแล้วเอ่ยกับเย่หรง “ในช่วงสองวันนี้ท่านคอยติดตามอาการป่วยของฮูหยินเฉิงไว้ และไปตรวจสอบตัวตนของแม่ทัพเฉิงให้ละเอียดอีกสักหน่อย!”“หากเขาสามารถเป็นสายลับให้ท่านไปช่วยมารดาของท่านออกมาได้จริง ๆ ข้าจะหาวิธีตามหาหลิงอวี๋มาช่วยชีวิตนาง!”สำหรับเย่หรงแล้ว คนที่สำคัญที่สุดนั้นคือมารดาของเขาหากมั่นใจได้ว่าแม่ทัพเฉิงยินดีจะช่วยเป็นสายลับให้เย่หรง ต่อให้หลิงอวี๋ต้องเสี่ยงอันตรายก็จะช่วยเย่หรงทำสิ่งนี้“เจ้ามีวิธีตามหานางหรือ?”เย่หรงเอ่ยถามอย่างประหลาดใจ“พี่ชายข้าเก่งเรื่องการสืบหาข่าวมาก บางทีคนที่ผู้อื่นหามิเจอ เขาอาจจะตามหาเจอก็ได้!”หลิงอวี๋ยิ้มแล้วเอ่ยออกมา “เอาตามนี้ก่อนแล้วกัน หากแม่ทัพเฉิงมิควรเชื่อ
วันรุ่งขึ้นเมื่อหลิงอวี๋ไปที่บ้านตระกูลเย่ นางก็บอกเรื่องหลงเพ่ยเพ่ยกับเย่ซื่อฝานในบ้านตระกูลเย่นั้นเย่ซื่อฝานจัดการเพียงแค่การปรุงโอสถเท่านั้น มิได้จัดการเรื่องการบริหาร เนื่องจากการบริหารเป็นเรื่องของผู้นำตระกูลแต่ในฐานะที่เย่ซื่อฝานเป็นสมาชิกตระกูลเย่ เขาก็รู้เรื่องภายในบางส่วนเช่นกันเขาจึงเอ่ยขึ้นมาอย่างจริงจัง “เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดเจ้าแห่งทิศใต้จึงให้หลงเพ่ยเพ่ยมาแสดงความปรารถนาดีต่อเจ้าในเวลานี้?”“ก่อนหน้านี้เขามิได้สนใจการต่อสู้ระหว่างหอโอสถไป๋เป่าและหอโอสถซ่างกู่ เขาแค่หวังว่าหอโอสถไป๋เป่าจะกดหอโอสถซ่างกู่ลงไปให้ถึงจุดต่ำสุดเสียก่อน จากนั้นก็ค่อยยื่นไมตรี เช่นนี้ก็จะเป็นการช่วยเหลือในยามลำบาก แล้วกูลเย่ของข้าก็จะจงรักภักดีต่อเขาอย่างสุดหัวใจ!”เมื่อหลิงอวี๋ได้ยินเช่นนั้น จึงเอ่ยขึ้นมา “หากท่านอาจารย์รู้สึกว่ามิเหมาะสม เช่นนั้นข้าก็จะรักษาระยะห่างกับหลงเพ่ยเพ่ยเจ้าค่ะ!”ถึงอย่างไรตอนนี้หลิงอวี๋ก็เป็นศิษย์ของเย่ซื่อฝาน นางจะมิละทิ้งสำนักไปทำดีกับศัตรูของอาจารย์เพื่อความปลอดภัยของตน“ไม่! มิต้อง!”เย่ซื่อฝานส่ายหัวแล้วเอ่ย “เมื่อเทียบกับเจ้าแห่งทะเละชายาเจ้าแห่งทะเล
จงเจิ้งเฟยได้ยินเช่นนั้น ก็เอ่ยขึ้นมา “ใช่แล้ว เมื่อขัดแย้งกันก็ควรจะแก้ปัญหามิใช่สร้างความบาดหมาง ท่านพ่อท่านแม่หลายตระกูลล้วนเป็นมิตรสนิทกัน ไม่มีใครอยากให้คนรุ่นหลังทะเลาะกันอย่างเอาเป็นเอาตายหรอก!”“ศิษย์พี่หญิง เย่หรงกับเจ้ามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เจ้าก็ไปโน้มน้าวเขาด้วยเถิด แม้ว่าจะมิยอมแต่งงานกับหยางหงหนิง ก็อย่าได้ทะเลาะกันจนตึงเครียดเกินไปนัก!”เมื่อหลิงอวี๋เห็นว่าทั้งสองคนล้วนเอ่ยเช่นนี้ นางก็คิดแล้วเอ่ยออกมา “ข้าจะไปคุยกับเย่หรงดู ขอเพียงมิบังคับให้เขาแต่งงานกับหยางหงหนิง ข้าคิดว่าเขาก็น่าจะยอมคืนดี!”“ใช่ แตงที่ฝืนเด็ดจากต้นย่อมมิหวาน พวกเราล้วนรู้เหตุผลข้อนี้ดี เราไม่มีทางไปบังคับให้เย่หรงทำเรื่องเช่นนั้นแน่!”หลงเพ่ยเพ่ยพยักหน้าแล้วเอ่ย “เจ้ากลับไปโน้มน้าวเย่หรงดูก่อน ประเดี๋ยววันหลังข้าจะจัดงานเลี้ยง เมื่อทุกคนมารวมตัวกัน เช่นนี้พวกเขาก็จะมิอึดอัด แล้วก็ปรับความเข้าใจกันได้!”“อืม!”หลิงอวี๋พยักหน้า และกำลังจะเดินไป หลงเพ่ยเพ่ยก็เรียกนางไว้อีก “สิงอวี๋ ข้าได้ยินมาว่าเจ้ากับเหมียวหยางผู้เป็นศิษย์ของปรมาจารย์ไป่หลี่ก็ทะเลาะกันหรือ?”“เรื่องนี้ข้าจะยืนอยู่ข้างเจ้า
กระทั่งเดินตามจงเจิ้งเฟยมาถึงในศาลาแห่งหนึ่งของสำนักศึกษาชิงหลง หลงเพ่ยเพ่ยก็รออยู่ที่นั่นแล้วเมื่อเห็นหลิงอวี๋ นางก็มองพิจารณาหลิงอวี๋อย่างสงสัยใคร่รู้อยู่หลายครั้ง ก่อนจะยิ้มแล้วเอ่ยออกมา “ข้าได้ยินมาว่า หงหนิงแพ้การประลองปรุงยากับเจ้า ฮ่า ๆ นางหยิ่งทะนงมาโดยตลอด ควรจะมีคนมาทำให้นางรับรู้ได้แล้วว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคนอีก!”“สิงอวี๋ เรื่องสาเหตุและขั้นตอนในการประลองของเจ้ากับหงหนิงนั้นข้ารู้ทั้งหมดแล้ว ข้ามิได้เข้าข้างผู้ใด ข้าคิดว่าเจ้าทำถูกต้องแล้ว หากใครมาใส่ร้ายข้าเช่นนี้ ข้าก็จะสู้กับนางจนถึงที่สุดเช่นกัน!”หลิงอวี๋ย่อมมิเชื่อหลงเพ่ยเพ่ยเสียทั้งหมดเพราะคำพูดมิกี่คำอยู่แล้ว“คุณหนูหลงมาหาข้ามีธุระอันใดหรือไม่?” หลิงอวี๋เอ่ยถามไปตามตรงหลงเพ่ยเพ่ยยิ้มแล้วเอ่ยออกมา “ข้าชอบผูกมิตร และนิสัยของเจ้าก็ถูกใจข้ายิ่งนัก!”“แน่นอนว่าสิ่งสำคัญที่สุดก็คือ ข้ายังอยากให้เจ้ากับหงหนิงปรับความเข้าใจกันอยู่ หงหนิงมิใช่คนเลว เพียงแต่นางหลงเย่หรงจนหน้ามืดตามัว จึงได้ทำเรื่องโง่ ๆ เหล่านั้นไป!”“ควรจะหาทางแก้ไขมิใช่สร้างความบาดหมางต่อกัน เจ้าเห็นแก่ข้าเถิด อย่าได้ถือสาหาความกับนางเล
เมื่อหลิงอวี๋เห็นหยางหงหนิงก็ตะลึงไปเล็กน้อย แล้วก็นึกถึงคำขู่ที่หยางหงหนิงบอกว่าจะทำให้เย่หรงแต่งงานกับนางให้ได้ภายในหนึ่งเดือนหรือว่าหยางหงหนิงทำมิได้ ในตอนนี้จึงคิดจะมาทำให้ตนลำบาก?“สิงอวี๋ เจ้าจะเป็นศัตรูกับข้าจริง ๆ หรือ?”เป็นดังที่คาด ทันทีที่เอ่ยปากหยางหงหนิงก็เอ่ยขึ้นมาอย่างก้าวร้าว “เจ้าก็รู้อยู่ว่าข้าชอบเย่หรง เจ้ายังกล้าชวนเขาไปที่ภูเขาหมางหลิ่งด้วยกันอีก เจ้ายังจะเถียงว่าเจ้ามิชอบเขาอีกหรือ!”“ข้าขอเตือนเจ้า อยู่ให้ห่างจากเย่หรง มิฉะนั้นข้าจะมิเกรงใจเจ้าแน่!”หลิงอวี๋หมดคำพูดไปทันที ตนมาที่สำนักศึกษาชิงหลงเพื่อศึกษาเล่าเรียน มิใช่มาแย่งชิงบุรุษกับผู้ใด!ในหัวของหยางหงหนิงนั้นนอกจากเรื่องระหว่างบุรุษกับสตรีแล้ว ก็ไม่มีเรื่องอื่นเลยหรือ?“คุณหนูหยาง ข้าได้แสดงทัศนคติของจ้าไปอย่างชัดเจนแล้ว เย่หรงเป็นผู้ใหญ่แล้ว เขาจะชอบใครก็เป็นอิสระของเขา!”“ข้ามิได้ตั้งใจจะแย่งเขากับเจ้า เจ้าก็อย่ามายุ่งกับข้าเช่นกัน!”หลิงอวี๋เอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้ม “ก่อนหน้านี้ข้าก็เคยบอกไปแล้วว่า เจ้าอย่าได้ผลักเขาให้ไกลออกไปเรื่อย ๆ แล้วเจ้าดูพฤติกรรมของเจ้าในตอนนี้สิ แพ้แล้วก็มิรักษาคำพูด แล้ว
“ฮูหยินเฉียว นอกจากนี้แล้ว พวกเราต้องตามหาป้าวซวนให้เจอโดยเร็วที่สุดด้วย!”นี่คือสิ่งที่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยนึกขึ้นได้ตอนที่ถูกเซียวหลินเทียนซักถาม แม้ว่าตอนนั้นจะเป็นการรับมือกับเซียวหลินเทียน แต่หลังจากนั้นจ้าวหรุ่ยหรุ่ยก็รู้สึกว่าคำโกหกที่ตนพูดไปนั้นสามารถนำมาใช้ได้เช่นกันหลิงอวี๋เป็นคนที่ให้ความสำคัญกับมิตรภาพและศีลธรรม นางกับป้าวซวนร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน หากจับตัวป้าวซวนไว้ จะต้องล่อให้หลิงอวี๋มาติดกับได้อย่างแน่นอนเป็นดังที่นางบอกกับเซียวหลินเทียนไว้ว่า ป้าวซวนมิได้ฉลาดเท่าหลิงอวี๋ นางไม่มีทางหนีการไล่ล่าของตำหนักหมาป่าสวรรค์ได้อย่างแน่นอน“ฮูหยินเฉียว ข้าเคยบอกเซียวหลินเทียนไว้ว่า หลิงอวี๋จะไปช่วยป้าวซวน เซียวหลินเทียนจะต้องมิอยากให้หลิงอวี๋ตกอยู่ในอันตรายแน่นอน ขอเพียงพวกเราปล่อยข่าวออกไปว่าป้าวซวนอยู่ในมือพวกเรา เซียวหลินเทียนจะต้องชิงมาช่วยป้าวซวนก่อนหลิงอวี๋เป็นแน่!”“เมื่อเป็นเช่นนี้ มิว่าใครจะมาช่วย พวกเราก็จะสามารถหนึ่งในนั้นได้แล้ว!”กลยุทธ์ของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยได้รับการชื่นชมจากฮูหยินเฉียว ฮูหยินเฉียวจึงให้คนออกไปแพร่ข่าวลือในทันทีในขณะเดียวกันก็วางกับดักไว้อย่างรัดกุม
หลิงอวี๋คิดตามความคิดนี้ต่อไป ก่อนหน้านี้เถาจื่อขอให้ตนช่วย และบอกไว้ว่าหากตัวตนของเซียวหลินเทียนถูกเปิดเผยออกไป ชีวิตของคนนับร้อยในคฤหาสน์อู่อาจตกอยู่ในอันตรายนั่นก็คือปัจจัยที่เซียวหลินเทียนกังวลเซียวหลินเทียนมิได้เปิดเผยตัวตนของตน ก็แค่มิอยากเปิดโปงตนให้ผู้อื่นรู้เขาต้องการเก็บหยกหล้าสุขาวดีไว้ผู้เดียว!นี่ก็หมายความว่า ในตอนที่เซียวหลินเทียนยังคลี่คลายวิกฤตมิได้นั้น นางจะปลอดภัยอยู่ก่อนชั่วคราวหลิงอวี๋บอกสิ่งที่ตนนึกได้กับผู้รอบรู้ แล้วสุดท้ายก็เอ่ยออกมา “พวกเรายังมีเวลา กระทั่งงานประมูลตอนปลายเดือนจัดขึ้น แล้วจะได้รับเงินจากการประมูลโสมเก้าคด จากนั้นพวกเราก็จะหาวิธีออกไปจากเมืองหลวงแดนเทพกัน!”“ตอนนี้เซียวหลินเทียนไม่มีทางทำให้พวกเราลำบากแน่ หากเขากล้าทำอะไรหุนหันพลันแล่น พวกเราก็จะกระจายข่าวเรื่องเสือปีกกาฬออกไปเพื่อดึงดูดความสนใจของตระกูลเหล่านั้น!”หลิงอวี๋นึกถึงคำพูดของเย่หรงเมื่อครู่ ในเมื่อนางกับเย่หรงมีโชคชะตาของเมื่อชาติที่แล้ว เช่นนั้นก่อนจากไปนางจะต้องช่วยให้เขาช่วยมารดาของเขาออกมาให้ได้“พี่ใหญ่ ท่านช่วยข้าสืบอีกสักหน่อยเถิดว่า ในเกวียนทาสหญิงที่เซียวหลินเที
“เย่หรง!”หลิงอวี๋เรียกงึมงำ และกำลังคิดว่าจะบอกเรื่องภาพที่ตนเห็นกับเย่หรงเพื่อยืนยันสักหน่อย แล้วก็ได้ยินเสียงประตูใหญ่ดังมาแย่แล้ว!หรือว่ามีคนแอบฟัง?หลิงอวี๋ตกใจจนเด้งตัวลุกขึ้นทันที เย่หรงเองก็ชักกระบี่ออกมาอย่างรวดเร็วเช่นกัน“น้องหญิง ข้ากลับมาแล้ว!”เสียงของผู้รอบรู้ดังขึ้นมา เมื่อหลิงอวี๋ได้ยินว่าเป็นผู้รอบรู้จึงได้ถอนหายใจโล่งอก แล้วเก็บแผนที่ไปอย่างรวดเร็ว“พี่ชายข้ามิรู้ว่าท่านกำลังวางแผนเรื่องพวกนี้ อย่าได้หลุดปากไปนะ ข้ามิอยากลากเขาเข้ามาเกี่ยวด้วย!”เย่หรงพยักหน้าแล้วซ่อนแผนที่ไว้ในมิติ“น้องหญิง…”ผู้รอบรู้พุ่งเข้ามา เมื่อเขาเห็นเย่หรงก็ตะลึงไปเล็กน้อย แล้วกวาดสายตามองทั้งสองคนอย่างสงสัย“เสี่ยวชี ข้ามีธุระอื่นอีก ข้าไปก่อนนะ ไว้วันหลังข้าค่อยมาพาเจ้าไปงานประมูล!”เย่หรงรีบบอกกับหลิงอวี๋แล้วเดินจากไป“เขามาทำอะไร?”ผู้รอบรู้เอ่ยถามออกมา“มาหารือกับข้าเรื่องขายเครื่องยาสมุนไพร!”หลิงอวี๋ตอบออกไปแล้วเปลี่ยนหัวข้อ "ท่านสืบได้ข่าวอะไรมาหรือไม่?”ผู้รอบรู้เห็นว่ามีชาอยู่บนโต๊ะ จึงดื่มไปรวดเดียว ก่อนจะเอ่ยออก “น้องหญิง พวกเราต้องออกจากเมืองหลวงแดนเทพโดยเร็ว
“เย่หรง จ้าวหรุ่ยหรุ่ยอ้างว่าเคยจับตัวหลิงอวี๋ได้มิใช่หรือ? เหตุใดนางมิสังหารหลิงอวี๋แล้วชิงหยกหล้าสุขาวดีไปเล่า?”หลิงอวี๋ถามคำถามที่ตนคิดมิตกออกไปเย่หรงจึงหัวเราะเยาะออกมา “ข้ารู้เหตุผลในเรื่องนี้!”“ข้าได้ยินมาว่า หยกหล้าสุขาวดีเป็นมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ที่มีวิญญาณ ต้องใช้ยาสลายเลือดเนื้อของผู้ครอบครองในขณะที่คนผู้นั้นยังมีชีวิตอยู่จึงจะนำมันไปได้ มิเช่นนั้นหยกหล้าสุขาวดีจะตายไปพร้อมกับความตายของผู้ครอบครอง!”“เครื่องยาสมุนไพรที่พิเศษนี้ก็มีเพียงที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น และเมื่อขุดเครื่องยาสมุนไพรนี้ออกมาแล้วจะต้องใช้ภายในครึ่งชั่วยาม มิเช่นนั้นก็จะเฉาตายไป!”“ดังนั้น จ้าวหรุ่ยหรุ่ยจึงทำได้เพียงต้องพาหลิงอวี๋กลับมาที่เมืองหลวงแดนเทพ และเข้าสู่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เพื่อหาเครื่องยาสมุนไพรนั้น จึงจะสามารถนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาจากตัวหลิงอวี๋ได้!”หลิงอวี๋ฟังแล้วก็ขนลุกซู่ เข้าใจเหตุผลแล้วว่าเหตุใดจ้าวหรุ่ยหรุ่ยจึงมิสังหารตน!จริงสิ หรือว่านี่จะเป็นสาเหตุที่เซียวหลินเทียนมิสังหารนางเช่นกัน?เขาเองก็อยากได้หยกหล้าสุขาวดีที่ตัวนางด้วยใช่หรือไม่?แต่เมื่อคิดอีกแง่หนึ่ง หลิงอวี๋ก็รู้ส