“เฉี่ยวเหลียน เฮยจื่อยอมรับเรื่องใส่ร้ายตัวข้าผู้เป็นพระชายาแล้ว! เจ้าว่าอย่างไรเล่า? เจ้ายังยืนหยัดจะแก้ต่างหรือไม่?”หลิงอวี๋มองทางเฉี่ยวเหลียนถากถางหลังของเฉี่ยวเหยียนเปี่ยมเหงื่อกาฬ นางอ้าปากลิ้นเป็นปม(1) ผ่านไปครู่ใหญ่ถึงโขกหัวคำนับกล่าวคำ“พระชายา บ่าวรู้ความผิดแล้วเจ้าค่ะ! มิควรเล่นละครกับคุณชายเฮยใส่ร้ายพระชายา!”“บ่าวสับสนไปชั่วขณะ! บ่าวมีความผิด! แต่ได้โปรดท่านอ๋องเห็นแก่ที่บ่าวอุทิศหัวใจและวิญญาณเถิดเพคะ อภัยโทษบ่าวครั้งนี้ครั้งเดียวเถิด! ภายหน้าบ่าวจะมิขวัญกล้าทำอีกแล้วเพคะ!”“แค่เรื่องใส่ร้ายน่ะหรือ?”หลิงอวี๋ไม่รอให้เซียวหลินเทียนเอื้อนเอ่ยก็กล่าวยกตนข่มท่านเร็วพลัน“ตัวข้าผู้เป็นพระชายามิได้โง่งม ถ้าเจ้าพูดไม่สมเหตุสมผล ข้าจะยอมให้พวกเจ้าใส่ร้ายตัวเองหาปะไร?”“กล้าล่อตัวข้าผู้เป็นพระชายาไปเรือนพวกเจ้า ทำให้คนสงสัยว่าข้าเฉดหัวเฮยจื่อไป!”“แถมระยะห่างจากเรือนของเฮยจื่อถึงคอกม้ามีความเหมาะเจาะนัก เฮยจื่อหนีไปไม่มีคนพบเห็นอย่างเหนือคาด!”“เจ้าเป็นแค่นางใช้ตัวเล็ก ๆ คนเดียวจะมีความสามารถปิดฟ้าป้องตะวันเลยรึ? เจ้ามีสมองวางอุบายนี้ทั้งหมดเชียวหรือ?”“พูดสิ ผู้ใดบงกา
หลิงอวี๋พูดเหยียดเสร็จก็หันไปทางชิวเหวินซวง ยิ้มหยันกล่าวว่า“ชิวเหวินซวง เจ้าดูสิ ท่านอ๋องของพวกเจ้าซักถามข้าในฐานะพระชายาได้! ข้าพระชายาอ๋องอี้ผู้สง่าถามเจ้าสองประโยค เจ้าก็พูดว่าข้าทำให้เจ้าลำบากใจ!”“เจ้ามีหนึ่งก็บอกมีหนึ่ง(1)ก็พอแล้ว! แสร้งทำเป็นน้อยใจให้ใครมองรึ?”“ตำหนักอ๋องอี้ของพวกเจ้าคนมากถึงเพียงนี้ ไม่ทำให้ตัวข้าต้องยุ่งยากก็อมิตาพุทธแล้ว ไฉนข้าจะยังกล้าทำเรื่องยากให้พวกเจ้า!”“ตัวข้าได้รับความไม่เป็นธรรม เจ้ามีค่ากว่าข้าหรือไร? ทนความน้อยเนื้อต่ำใจนิดเดียวก็มิได้รึ? ไม่ทันไรก็พูดเรื่องมอบอำนาจดูแลเรือนชั้นใน นี่คือขู่ผู้ใดงั้นรึ?”“คนของตัวข้าข้าเลี้ยงเอง ไม่เคยใช้เงินตำหนักอ๋องอี้พวกเจ้าสักเฟินดียว! ฉะนั้นอำนาจดูแลเรือนชั้นในอะไรนั่นข้าไม่สนใจเช่นกัน เจ้าเก็บไว้เองเถอะ!”“ชิวเหวินซวง ทีหลังอย่าพูดว่าจะไปบ่อย ๆ! การยอมถอยเพื่อชนะใช้ได้หนเดียว! ใช้ถี่ก็ไม่ได้ผลแล้ว!”เหล่าคนรับใช้ได้ฟังคำพูดของหลิงอวี๋พลันมองชิวเหว่นซวงแปลกไปทันที พระชายาอ๋องอี้ยังไม่เคยสอดมือเรื่องดูแลจัดการเรือนชั้นในเลย!การพูดว่าพระชายาอ๋องอี้ต้องการดูแลเรือนชั้นในจึงสร้างความลำบากใจให้นาง นี่มิ
เซียวหลินเทียนมองหลิงอวี๋ลึกซึ้ง พลางจ้องเฉี่ยวเหลียนใบหน้าเคร่งขรึม“พระชายาพูดถูกต้อง เฉี่ยวเหลียน เจ้าเป็นแค่นางรับใช้ตัวเล็ก ๆ คนเดียว ไม่อาจคิดวิธีใส่ร้ายคนละเอียดรอบคอบเช่นนี้ได้เด็ดขาด!”“ตัวข้าผู้เป็นอ๋องให้โอกาสเจ้าหนเดียว! จงพูดคนที่บงการเจ้าเสีย… ข้าคิดว่าเจ้ายังเด็กไม่รู้ความ โทษอาจผ่อนปรนได้!”“ไม่เช่นนั้น… เหอะ...”เซียวหลินเทียนส่งเสียง ‘เหอะ’ เย็นชาลู่หนานกำลังวางมือบนด้ามดาบพลางลงมือร่วมข่มขู่กับเซียวหลินเทียน ตะคอกว่า “พูด...”เฉี่ยวเหลียนกลัวจนทั่วร่างสั่นเทิ้ม นางมิกล้ามองคนอีกเลย คลานกับพื้นพลางกล่าวทั้งน้ำตา“ท่านอ๋องได้โปรดไว้ชีวิต! ไม่… ไม่มีคนบงการบ่าวเพคะ ล้วนเป็นผีหลงสติปัญญา(1)ของบ่าวทั้งสิ้นที่คิดถึงความโหดร้ายของพระชายาที่ทำร้ายทุบตีเฉี่ยวชุนเพคะ!”“บ่าวเป็นห่วงคุณชายเฮยจื่อจะถูกพระชายารังแกภายภาคหน้า บ่าวทนมิได้จึงยุยงเฮยจื่อหนีไปเพคะ!”“บ่าวคิดไม่ถึงว่าคุณชายเฮยจื่อจะถูกคนลักพาตัวไปจริง ๆ! หากบ่าวรู้ บ่าวจะไม่ปล่อยเฮยจื่อจากไปเป็นแน่เพคะ!”จนถึงตอนนี้เซียวหลินเทียนพบว่า เฉี่ยวเหลียนยังไม่ยอมจำนน พลางขมวดคิ้วอย่างเดียดฉันท์เขาเอ่ยเสียงเย้ยหยั
ครั้นเฉี่ยวเหลียนเอ่ยจบ พลางมองเซียวหลินเทียนทั้งน้ำตาอย่างคาดหวังเซียวหลินเทียนพยักหน้าเล็กน้อย พ่อบ้านฟั่นแอบถอนหายใจ ท่านอ๋องเชื่อคำแก้ตัวนี้ของเฉี่ยวเหลียนหรือไม่?นิ้วชี้เซียวหลินเทียนกำลังเคาะเบา ๆ ที่แขนเก้าอี้ล้อ พลางเกิดเสียง ‘ก๊อกก๊อก’ แผ่วเบาเสียงเคาะคลื่นนี้ไม่ได้ดัง แต่กลับทำให้ทุกคนต่างไม่กล้าส่งเสียงหลิงอวี๋กำลังมองดูด้วยนัยน์ตาเยือกเย็น พลันเห็นเซียวหลินเทียนเลิกปกป้องพ่อบ้านฟั่นกับชิวเหวินซวงทันใดยังคงไต่สวนต่อ!คำแก้ตัวรอบนี้ของเฉี่ยวเหลียนมีช่องโหว่เต็มไปหมด นางไม่เชื่อว่าเซียวหลินเทียนจะดูไม่ออก“เฉี่ยวเหลียน เจ้ายังมีอะไรเพิ่มเติมหรือไม่?”ในที่สุดเซียวหลินเทียนก็เปิดปากกล่าวเฉี่ยวเหลียนปาดน้ำตาพลางส่ายศีรษะตะลีตะลาน “บ่าวไม่มีอะไรเพิ่มเติมแล้ว! บ่าวพูดความจริงทั้งหมดแล้วเพคะ!”“ความจริง?”เซียวหลินเทียนเผยริมฝีปากหัวเราะเย้ยหยัน เสียงไม่ดังไม่เบา“เฉี่ยวเหลียน ตัวข้าผู้เป็นอ๋องพูดไปเมื่อครู่ ขอแค่เจ้าสารภาพตามตรง ข้าอาจผ่อนปรนโทษให้เจ้าได้!”“แต่เหมือนว่า… เจ้าไม่ได้ใส่ใจคำพูดของตัวข้า!”เซียวหลินเทียนน้ำเสียงผกผันพลางกล่าวเฉียบขาดว่า“ทุกคนคิด
“หลิงซิน เจ้ามือเท้าง่อย เจ้าอย่าชั่วช้าโจมตีใส่ร้ายคน! ข้ามิเคยทำเรื่องประเภทนั้นกับเจ้า!”พ่อบ้านฟั่นตะโกนลนลานว่า “เจ้าแค้นข้าที่ไม่ย้ายเจ้าออกเรือนพระชายาเป็นแน่จึงใส่ไคล้ข้า!”“ท่านอ๋อง เมื่อก่อนหลิงซินเคยมาหาข้า พูดว่าไม่อยากทุกข์ยากติดตามพระชายา ขอให้กระหม่อมผลัดนางไปที่อื่น กระหม่อมไม่รับปาก! เพราะเรื่องนี้นางจึงใส่ไคล้กระหม่อมแน่เลยพ่ะย่ะค่ะ!”หลิงซินส่งเสียง ‘ถุย’ พลางด่า “ถ่างตาพูดส่งเดช(1)คือเจ้าเถอะ! คุณหนูข้าดีต่อข้าขนาดนี้! ไยข้าต้องผลัดไปที่อื่น!”พ่อบ้านฟั่นชี้หลิงหลานพลางเรียก “พระชายามิจ่ายเงินเดือนให้พวกเจ้าหลายเดือนแล้ว หลิงหลานยืนยันได้! พระชายาปล่อยให้พวกเจ้ากินไม่อิ่มจะดีต่อพวกเจ้าได้เช่นไร?”หลิงซินมองหลิงหลานเยาะเย้ยพลางยิ้มตอบ “หลิงหลานพูดคือเรื่องเมื่อก่อน คุณหนูของเราเคยเป็นหนี้เงินเดือนเราจริง!”“แต่ไม่กี่วันก่อนคุณหนูชดเชยเงินเดือนให้พวกเราครบแล้ว! ทั้งหมดห้าร้อยตำลึงเงิน!”ห้าร้อยตำลึง? ข้ารับใช้เหล่านั้นเบิกตากว้างตกตะลึง จะเป็นไปได้อย่างไร!เพื่อจะให้เกียรติหลิงอวี๋ หลิงซินก็พิสูจน์คำพูดของตนพลางกล่าวภาคภูมิใจ“จะเชื่อหรือไม่ นี่ไงเล่า ตั๋วเงิ
“เงียบ!”เมื่อดูนางรับใช้เหล่านั้นพูดเหมือน ๆ กันแล้ว จ้าวซวนยกมือกล่าวคำ “ขอให้ท่านอ๋องโปรดไต่สวนต่อพ่ะย่ะค่ะ!”คนรับใช้เหล่านั้นต่างเงียบ มองเซียวหลินเทียนอย่างคาดหวังสีหน้าเซียวหลินเทียนดำทะมึน เมื่อครู่เขากำลังพิจารณาตัวเอง ตำหนักแห่งนี้เกิดเรื่องขึ้นมากเพียงนี้ คาดไม่ถึงว่าเขาจะไม่รู้อะไรเลย!นี่ท่านอ๋องอี้ผู้นี้หัวทึบแค่ไหนกันแน่?เขาไม่มีหน้าโยนความผิดให้พ่อบ้านฟั่น การถูกหลอกคือความอัปยศของเขา! และเป็นความโง่เขลาของเขาเช่นกัน!เซียวหลินเทียนหลับตาลง พลางลืมตาอีกครั้งก็ตัดสินใจแล้วความผิดเกิดขึ้นแล้ว ภายหน้าเขาจะใช้เรื่องนี้เตือนสติตัวเองเสมอแล้วกัน ความผิดแบบนี้จะได้ไม่เกิดขึ้นซ้ำอีกในอนาคต!“พ่อบ้านฟั่น เจ้ามีอะไรจะพูดอีกหรือไม่?”เซียวหลินเทียนเอ่ยถามเสียงเย็นชา“กระ… กระหม่อม...”พ่อบ้านฟั่นพูดอึกอัก ในที่สุดก็หักใจคุกเข่ากับพื้นอย่างแน่วแน่“เป็นกระหม่อมโง่เขลาแล้ว! ละทิ้งความไว้วางใจของท่านอ๋อง! สมควรประหารกระหม่อมหมื่นครั้ง!”“เจ้ายอมรับความของนางรับใช้เหล่านี้หรือไม่?”เซียวหลินเทียนเอ่ยถามพ่อบ้านฟั่นก้มหน้าพลางกล่าวสำนึกเสียใจ “กระหม่อมมิใช่คน เป็นเดรั
“ไป่สือ ไปปลุกเขาเสีย!”เซียวหลินเทียนยังมีคำถามอีก ครั้นเห็นพ่อบ้านฟั่นเป็นลมก็พลันสั่งไป่สือไปข้างหน้าทันทีไป่สือวิ่งรุดไปถึงพบว่าพ่อบ้านฟั่นหน้าดำหน้าแดง โลหิตไหลออกจมูก มุมปากเปี่ยมฟองขาวเขาตระหนกรีบตรวจชีพจรพ่อบ้านฟั่น ชีพจรพ่อบ้านฟั่นสับสน บ้างเร็วบ้างช้า…“ท่านอ๋อง… พ่อบ้านเป็นโรคหลอดเลือดสมองแล้วพ่ะย่ะค่ะ! คาดว่าตกใจมากเกินไป… แม้จะช่วยให้ฟื้นก็อยู่ได้ไม่นานแล้ว!”หลิงอวี๋ฟังแล้วใจสั่นสะท้าน มันบังเอิญขนาดนี้ได้อย่างไร?ขณะกำลังไต่สวนพ่อบ้านฟั่นอาการป่วยเขาพลันกำเริบทันที เป็นไปได้หรือไม่ว่ามีคนวางหมากไว้?นางมองทางชิวเหวินซวงทันควัน พบว่าชิวเหวินซวงห่างกับพ่อบ้านฟั่นไกลห้าหกเมตร แถมมีคนรับใช้กั้นกลางระยะห่างเช่นนี้เรื่องคิดวางอุบายแทบเป็นไปไม่ได้เลย!หลิงอวี๋ครุ่นคิดไม่วางใจลง เดินไปพลางกล่าว “ข้าลองดูหน่อย!”นางนั่งยองข้างพ่อบ้านฟั่น ใช้การสัมผัสของตนตรวจอาการป่วยพ่อบ้านฟั่นจากนั้นหลิงอวี๋ตรวจชีพจรพ่อบ้านฟั่น หัวคิ้วพลันขมวดทันใดลักษณะนี้ของพ่อบ้านฟั่นไม่เหมือนถูกคนวางอุบาย!แต่ก็มิใช่โรคหลอดเลือดสมองทั่วไป นี่ยิ่งเหมือนลักษณะของโรคเลือดออกในสมอง!นางสัมผัส
พ่อบ้านฟั่นอยู่ได้ไม่เกินสองชั่วยามก็พลันสิ้นใจแม่นมลี่ได้ยินข่าวก็วิ่งมาเรียนหลิงอวี๋ให้ทราบทันควันนางถ่มน้ำลายพลางด่าทอ “ตาเฒ่าเดรัจฉานผู้นี้ เขาตายแบบนี้สบายเกินไปแล้ว!”แม่นมลี่ถอนหายใจ เอ่ยอีกว่า “เฒ่าเดรัจฉานถึงตายก็ไม่สาสมต่อความผิด! อย่างไรเสียภรรยากับลูกสะใภ้ของเขาต้องรับโทษตาม! ท่านอ๋องไม่อภัยพวกนางแน่!”หลิงอวี๋นึกถึงสีหน้าเปี่ยมความผันผวนของแม่นางฟั่นก็เอ่ยถามทันใด “ภรรยากับลูกสะใภ้ของเขาเป็นคนเช่นไร?”แม่นมลี่ตอบ “แม่นางฟั่นคือคนซื่อสัตย์ทำตามกฎ เทียบไม่ได้กับความคิดโสมมพวกนั้นของพ่อบ้านฟั่น! พ่อบ้านฟั่นช่วยท่านอ๋องดูแลตำหนักอ๋องอี้ แม่นางฟั่นไม่ได้ทำอะไรเลยไม่มีคนกล้าต่อว่านาง!”“แต่แม่นางฟั่นซื่อสัตย์จริงใจ แต่ไหนมาไม่เคยอวดอำนาจของพ่อบ้านฟั่น หากในตำหนักมีเรื่องอะไรนางล้วนรีบไปทำ!”“นางช่วยปะซ่อมเสื้อผ้าขององครักษ์พวกนั้นด้วย มีคนเจ็บป่วยนางก็จะช่วยต้มยา! พูดได้ว่าหลายคนในตำหนักเคยได้กรุณาคุณจากนางทั้งนั้นเจ้าค่ะ!”หลิงซินพยักหน้าอยู่ข้าง ๆ “แม่นางฟั่นเป็นคนดีนัก! เมื่อก่อนเราไม่มีข้าวกิน แม่นางฟั่นเห็นบ่าวเดินเตร่ที่ห้องครัวยังแอบเคยยัดหมั่นโถวให้บ่าวด้วยเจ้า
เซียวหลินเทียนทอดถอนใจพลางเอ่ย “ตอนนั้นเสด็จพ่อยังต้องพึ่งพาท่านอดีตเสนาบดีให้ช่วยพระองค์เฝ้าระวังที่ชายแดน ท่านอดีตเสนาบดีขอร้องให้หลิงเสียงกัง เสด็จพ่อก็มิอยากทำร้ายจิตใจขุนนางเก่าแก่ จึงไว้ชีวิตหลิงเสียงกัง!”หลิงอวี๋ยิ้มเยาะ มีจักรพรรดิสูงสุดเป็นเกราะป้องกันให้องค์ชายคัง มิน่าหลิงเสียงกังอยากจะพลิกคดีแต่กลับยากเย็นนักเกรงว่าตอนนั้นที่หลิงเสียงกังออกจากเมืองหลวงแล้วบอกจะออกไปตามหาความจริงก็คงเพราะมองจุดนี้ออกแล้ว“คดีกล่าวหาท่านลุงของหม่อมฉันคือเสด็จพ่อที่สร้างขึ้น หากตอนนี้ท่านจะพลิกคดีให้เขาก็จะเป็นการตั้งคำถามเสด็จพ่อของท่าน ไม่มีเหตุผลที่จะทำให้เหล่าขุนนางเชื่อมั่น การดึงคดีนี้ขึ้นมาก็จะเป็นการอกตัญญู!”หลิงอวี๋วิเคราะห์ได้ตรงประเด็นมากเซียวหลินเทียนกังวลว่า หลิงอวี๋จะเข้าใจผิดว่าตนมิยินดีจะล้างมลทินชื่อเสียงให้หลิงเสียงกัง จึงรีบเอ่ย “ข้าแค่จะบอกว่าหากต้องการจะพลิกคดีนี้ในเวลามินานนั้นเป็นไปมิได้! มิได้หมายความว่าข้าจะมิยินดีช่วยหลิงเสียงกังพลิกคดี!”“อาอวี๋ เรายังมีพื้นที่ให้จัดการเรื่องนี้!”เซียวหลินเทียนเอ่ยเสียงเรียบ “จนถึงตอนนี้เงินทหารสองล้านตำลึงนั้นก็ยังมิปราก
ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะสิ้นสุดลงไปกับการโกนหัวของนางซุนแล้ว!นางซุนใช้วิธีเด็ดขาดนี้มาตัดการแต่งงานครึ่งชีวิตของตนกับหลิงเสียงกังแล้วทิ้งหลิงหว่านกับหลิงเสียงกังไว้และสุดท้ายนางก็มิอาจต้านทานการเกลี้ยกล่อมของหลิงหว่านได้ จึงเลือกที่จะเป็นแม่ชีอยู่ที่อารามเล็ก ๆ ซึ่งห่างจากเมืองหลวงไปห้าสิบลี้‘พิธีศพ’ ของนางซุน หลิงอวี๋ก็ออกจากวังมาร่วมงานด้วยในฐานะหลานสาวสำหรับการช่วยครั้งสุดท้ายของนางซุนที่มีต่อหลิงเสียงกังกับหลิงหว่าน ทำให้ความโกรธที่หลิงอวี๋มีต่อนางหายไปสำหรับนางซุน บทสรุปเช่นนี้ก็นับว่าสบายใจเช่นกันแต่สำหรับคนที่ยังมีชีวิตอยู่ หลิงเสียงกังกับหลิงหว่านล้วนมีเส้นทางยาวไกลที่ตนต้องเดินไป...หลิงเสียงกังสามารถลงมาเดินได้แล้ว จึงมาร่วมงานศพนางซุนโดยมีหลิงหว่านประคองมาหลังจากงานศพเสร็จสิ้น เขาก็คุกเข่าให้หลิงอวี๋“ฮองเฮา เรื่องต่าง ๆ ก่อนหน้านี้เป็นหลิงเสียงกังเองที่ผิด กระหม่อมเป็นหนี้นางซุนและทุกคน!”“กระหม่อมสมควรตาย แต่กระหม่อมตายมิได้ กระหม่อมต้องแสวงหาความยุติธรรมเพื่อชื่อเสียงของตนและแสวงหาความยุติธรรมให้แก่เหล่าทหารที่ติดตามกระหม่อมและต้องตายไปอย่างอยุติธรรม!”หล
มิเพียงแต่หลิงอวี๋ที่กลุ้ม ท่านอดีตเสนาบดีเองก็โกรธมาก หลิงเสียงกังยังมิทันจะเดินลงพื้นได้ ท่านอดีตเสนาบดีก็ได้ยินเขาบอกว่าจะตามนางซุนไปที่บ้านเกิด จึงพุ่งเข้าไปด่าหลิงเสียงกังที่เตียงผู้ป่วย“หลิงเสียงกัง นางซุนทำเรื่องเลวร้ายเอง นางรนหาที่ตายข้าก็ปล่อยนางไปแล้ว แต่เหตุใดเจ้าต้องตามนางไปด้วย?”“ข้าดูแลเจ้ามา ลำบากลำบนสอนสั่งเจ้ามา มิใช่เพื่อให้เจ้าทำให้เสียเปล่าเองเช่นนี้!”หลิงเสียงกังมองท่านอดีตเสนาบดีที่แก่ลงไปมากอย่างขมขื่น พลางเอ่ยอย่างรู้สึกผิด “ขอโทษขอรับท่านพ่อ ลูกทำให้ท่านผิดหวัง!”“อย่ามาพูดไร้สาระกับข้า เจ้ามันอกตัญญูมิรู้คุณ...”ท่านอดีตเสนาบดีเอ่ยอย่างปวดใจ “เจ้าอายุยังน้อย วรยุทธ์ในกายยังสามารถทำประโยชน์ให้บ้านเมืองได้ เจ้าไปเช่นนี้จะมิใช่การชดใช้ แต่เป็นการหลบหนี!”“ตอนนั้นเหตุใดเจ้าถึงถูกถอดออกจากตำแหน่ง? ก่อนหน้ามิสามารถพูดให้ชัดเจนได้ ตอนนี้หลิงอวี๋ก็เป็นฮองเฮาแล้ว ขอเพียงเจ้าอยากพลิกคดี นางจะมิช่วยเหลือเจ้าหรือ?”“ตระกูลหลิงของเรามิเคยเกิดเรื่องเช่นนี้ เจ้ามิคิดเพื่อตัวเจ้าเอง เจ้าก็ต้องนึกถึงฮองเฮากับหลิงเสี่ยงบ้าง!”หลิงหว่านยืนอยู่ข้างเตียงเงียบ ๆ นางมิ
นางซุนแขวนคอตาย!วันรุ่งขึ้นข่าวนี้ก็ไปถึงหูของหลิงอวี๋ หลิงซวนยิ้มขมขื่นพลางเอ่ยกับหลิงอวี๋ “ข้างนอกพูดกันว่านางซุนทำเรื่องแย่ ๆ ไว้ มิสามารถสู้หน้าครอบครัวและฮองเฮาได้จึงยอมตายชดใช้ความผิดเพคะ!”“แต่ความจริงคือหลิงหว่านไปพบทันเวลาจึงช่วยนางซุนลงมาแล้ว!”“ท่านอดีตเสนาบดีให้คนมาส่งข่าวบอกให้ฮองเฮาถือเสียว่านางตายไปแล้วเถิด! หลิงเสียงกังก็ฟื้นแล้วบอกว่าตนทำให้นางเดือดร้อนจึงขอร้องแทนนาง บอกว่าครอบครัวของพวกเขาจะไปจากเมืองหลวง นับแต่นี้ไปจะมิปรากฏตัวที่เมืองหลวงอีกเพคะ”หลิงอวี๋ฟังแล้วก็ทอดถอนใจ เพราะว่านางซุนมีบุญคุณต่อตน นางเองก็มิได้มีความคิดว่าจะต้องสังหารเสียให้หมดนางซุนจะฆ่าตัวตายเพราะอยากจะหลีกหนีการใส่โซ่ตรวนเดินตามถนน หลิงอวี๋เองก็มิอยากเห็นนางซุนทำให้กระทบต่อชื่อเสียงของจวนเสนาบดีเจิ้นหย่วน เช่นนั้นก็เอาตามนี้เถิด!“ความทรงจำของหลิงเสียงกังกลับมาแล้วหรือไม่?”หลิงอวี๋เอ่ยถามอย่างเป็นห่วง แม้ว่าจะเอาก้อนเลือดออกมาสำเร็จแล้ว นางก็มิอาจรับประกันว่าประสาทของหลิงเสียงกังจะมิได้รับความเสียหาย“เห็นว่าจำได้มากแล้วเพคะ แต่ลืมรายละเอียดต่าง ๆ ไปแล้ว! อย่างน้อยเขาก็จำหลิงหว่านกั
หลิงหว่านกลั้นน้ำตาที่กำลังจะร่วงหล่นลงมาแล้วรีบเอ่ย “ขอบคุณท่านพี่เผยที่ช่วยข้ากับท่านพ่อ! แล้วก็ขอบคุณฮูหยินผู้เฒ่าเผยที่ให้เกียรติข้าก่อนหน้านี้...”“เป็นข้าเองที่มิคู่ควรกับท่านพี่เผย ขอให้ในภายภาคหน้าท่านพี่เผยได้พบกับภรรยาที่ดีและมีคุณธรรมยิ่งกว่าข้า ข้าขอให้พวกท่านมีความสุข!”หลังจากพูดจบ หลิงหว่านก็หันหลังวิ่งเข้าบ้านไปเผยอวี้ตามนางไปแล้วรั้งนางไว้ จากนั้นก็กอดนางไว้ในอ้อมแขน“หว่านเอ๋อร์ นี่มิใช่ความผิดของเจ้า ข้าจะมิยอมถอนหมั้น!”“ข้าคิดแล้ว… การแต่งงานของเราเป็นการประทานจากองค์จักรพรรดิ มีพระราชโองการลงมาแล้ว ขอเพียงองค์จักรพรรดิมิเห็นด้วย ท่านพ่อกับท่านย่าของข้าก็มิอาจคัดค้านได้!”เผยอวี้ยิ่งพูดก็ยิ่งลนลาน “เจ้าเป็นภรรยาที่ดีและมีคุณธรรมที่สุด ข้ามิต้องการผู้อื่น หากต้องแต่งงานข้าก็จะแต่งกับเจ้าเท่านั้น!”“ท่านพี่เผย!”หลิงหว่านมิอาจกลั้นน้ำตาไว้ได้อีกแล้ว จึงปล่อยให้น้ำใสไหลรินลงมาเป็นไปได้หรือ?นางยังแต่งงานกับเผยอวี้ได้หรือ?ท่านแม่ของนางทำเรื่องแย่กับพี่หญิงหลิงหลิงมากถึงเพียงนั้น องค์จักรพรรดิจะยังอนุญาตให้เผยอวี้แต่งงานกับตนหรือ?“เจ้าดูแลท่านพ่อของเจ้าอ
งานเลี้ยงท้องถนนจบลงแล้วใต้เท้าเถี่ยลงโทษพวกคนที่ด่าที่ชาวบ้านจับออกมาต่อหน้าทุกคน และใส่โซ่ตรวนให้เดินไปตามถนน ทุกคนถูกตัดสินให้ใช้แรงงานห้าปีเพื่อเป็นเยี่ยงอย่างแก่ผู้อื่นนางซุนเองก็ถูกระบุชื่อด้วย นางจึงก้าวมาข้างหน้าอย่างเศร้าใจแล้วคุกเข่าลงเล่าเรื่องทั้งหมดที่ตนถูกหนานฮุ่ยข่มขู่ออกมาสุดท้ายนางซุนก็ร้องไห้พลางเอ่ย “คำพูดเหล่านั้นที่ข้าพูดที่ราชสำนักล้วนเป็นการใส่ร้ายฮองเฮา ฮองเฮามิเคยแย่งชิงทรัพย์สินของจวนเสนาบดีเจิ้นหย่วน ข้าพูดโกหกเอง!”“ข้าทำผิด มิกล้าขอให้ฮองเฮาประทานอภัย ขอเพียงให้ฮองเฮาอนุญาตให้ข้าได้รอให้สามีฟื้นขึ้นมาและได้พูดกับเขามิกี่คำ แล้วข้าจะยอมตายชดใช้ความผิด!”ใต้เท้าเถี่ยประกาศออกไปอย่างเที่ยงตรง “นางซุนใส่ร้ายฮองเฮา มีความผิดโทษฐานทำลายชื่อเสียงของฮองเฮา ดังนั้นจึงต้องลงโทษไปตามความผิด!”“เห็นแก่ที่ถูกคนบีบบังคับ มีเหตุผลยอมรับได้ ได้รับการละเว้นจากโทษประหาร ให้ใส่โซ่ตรวนเดินไปตามถนนและรับโทษใช้แรงงานห้าปี!”บัณฑิตเหล่านั้นต่างก็ชื่นชมกับคำตัดสินของใต้เท้าเถี่ย เดิมทีทุกคนคิดว่าครานี้นางซุนจะต้องตายแน่นอนแล้วนางใส่ร้ายฮองเฮาผู้เป็นที่เคารพ แม้ว่าจะถูก
หลิงหว่านมาถึงหลังจากที่หลิงอวี๋เข้าห้องผ่าตัดไปแล้ว ระหว่างทางนางได้ยินพวกหลู่ชิ่งพูดเรื่องที่นางซุนทำต่อหลิงอวี๋หลิงหว่านมิรู้ว่าจะเผชิญหน้ากับท่านแม่อย่างไร ดังนั้นแม้ว่าจะอยู่ในที่เกิดเหตุแล้ว นางก็มิได้เข้าไปพบหน้านางซุนนางซุนเป็นมารดาของตน นางเป็นห่วงเรื่องความเป็นความตายของตนกับหลิงเสียงกังจึงถูกคนบีบให้ทำเรื่องที่เลอะเทอะเหล่านี้แต่หลิงอวี๋เป็นลูกพี่ลูกน้องของตน ปกติแล้วก็ปฏิบัติต่อครอบครัวของตนอย่างดี!หลิงหว่านยอมตายแต่มิคิดจะทำร้ายหลิงอวี๋จะหน้ามือหรือหลังมือก็เนื้อเช่นกันตัดตรงไหนก็เจ็บปวด หลิงหว่านมิอาจพูดได้ว่าท่านแม่ผิด แต่ก็มิอาจยอมรับได้เช่นกันว่าท่านแม่ถูก!“ฮองเฮา หลิงเสียงกังมิเป็นไรใช่หรือไม่?”ท่านอดีตเสนาบดีเองก็เข้ามาเอ่ยถามอย่างเป็นห่วงเช่นกันแม้ว่าท่านอดีตเสนาบดีจะเป็นห่วงความเป็นความตายของลูกชายตน แต่เขาเป็นห่วงชื่อเสียงของหลิงอวี๋ยิ่งกว่า ครอบครัวของตนต่างหากที่ทำผิดต่อหลิงอวี๋เขามิสามารถให้หลิงเสียงกังทำให้หลิงอวี๋เดือดร้อนได้อีก“ท่านปู่ ข้าลงมือเอง ท่านยังมิวางใจหรือ?”หลิงอวี๋เห็นความเป็นห่วงในแววตาของท่านอดีตเสนาบดีก็ยิ้มอย่างมั่นใจพลาง
เหล่าราษฎรและบัณฑิตเปลี่ยนจากความโกรธที่มีต่อหลิงอวี๋เมื่อครู่กลายเป็นความเป็นห่วงแล้วเนื่องจากสิ่งนี้เป็นการผ่าตัดที่มิเคยได้ยินได้เห็นมาก่อน แม้ว่าหลิงอวี๋จะมีทักษะการแพทย์ยอดเยี่ยมก็มิสามารถรับประกันได้ว่าจะมิเกิดความผิดพลาดฮองเฮาที่นึกถึงราษฎรเช่นนี้ มิควรถูกคนหักล้างความดีความชอบไปเพราะการทำผิดพลาดเพียงครั้งเดียว!สายตาของทุกคนล้วนมองไปทางทางห้องผ่าตัดที่กั้นผ้าม่านไว้อย่างเป็นห่วง เสียงความวุ่นวายในสถานที่แห่งนี้ก็ค่อย ๆ เงียบไปคนที่เป็นห่วงหลิงอวี๋ต่างก็กังวลกับหลิงอวี๋ ส่วนคนที่ด่าถูกปรามไว้นานแล้วจึงไม่มีโอกาสได้แสดงออกยามนี้เมื่อเห็นว่ามีโอกาสแล้วจึงแย่งกันตะโกนขึ้นมา“ฮองเฮา ท่านทำการรักษาจนหลิงเสียงกังตายแล้วใช่หรือไม่ รักษาเขาตายแล้วท่านก็ออกมาบอกทุกคนเถิด! มีคนมากมายที่รอฟังผลอยู่!”“ท่านอดีตเสนาบดี ท่านมิควรเชื่อฮองเฮา ใต้หล้านี้มีที่ไหนที่เปิดกะโหลกแล้วยังมีชีวิตอยู่ได้อีก ท่านถูกนางหลอกแล้ว ท่านทำให้ลูกชายตายด้วยน้ำมือของท่านเองแล้ว!”“ฝ่าบาท พระองค์จะทรงให้พวกเรารออย่างมิสิ้นสุดเช่นนี้มิได้พ่ะย่ะค่ะ รีบรับสั่งให้หลิงอวี๋ออกมาเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”นางซุนทำอะไรมิ
ผู้นำคนหนึ่งและชาวบ้านของหลายหมู่บ้านพากันคุกเข่าลงอย่างล้นหลาม“ฝ่าบาททรงนึกถึงราษฎรและนำพาความร่ำรวยมาสู่พวกเราเช่นนี้ พวกเราจะให้ความร่วมมือกับฝ่าบาท จะเลี้ยงวัวนมอย่างดี ทำให้ห่วงโซ่อุตสาหกรรมวัวนมพัฒนายิ่ง ๆ ขึ้นไปพ่ะย่ะค่ะ!”“ฝ่าบาทโปรดวางประทัย กระหม่อมเสี่ยวเฮยจะเลี้ยงวัวนมให้ขาวสะอาดและแข็งแรง ในทุกวันจะรีดนมวัวให้ได้มาก ๆ พ่ะย่ะค่ะ!”ชาวบ้านแต่ละคนแย่งกันแสดงออกถึงความภักดีและความมุ่งมั่นต่อเซียวหลินเทียนเซียวหลินเทียนยิ้มอย่างพึงพอใจ จากนั้นก็ยิ้มให้ชาวบ้านเหล่านั้นอย่างเมตตาพลางเอ่ย “ผลิตภัณฑ์นมเหล่านี้ล้วนเป็นฮองเฮาที่คิดขึ้นมา พวกเรามิอาจทำให้เจตนาของฮองเฮาต้องผิดหวังได้! พวกเราต้องพัฒนาห่วงโซ่อุตสาหกรรมของผลิตภัณฑ์วัวนมให้ดี ทำให้แคว้นฉินตะวันตกร่ำรวยและราษฎรแข็งแกร่ง!”“อีกอย่างผลิตภัณฑ์นมเหล่านี้มิเพียงแต่ทำให้อิ่มท้องแต่ยังทำให้ร่างกายแข็งแรงด้วย คนชรากินเข้าไปกระดูกก็จะดี เด็ก ๆ กินแล้วก็แข็งแรงและเติบโตขึ้น...”“ฉินตะวันตกของเราต้องเลี้ยงวัวนมให้มาก ให้ราษฎรของฉินตะวันตกสามารถดื่มนมได้วันละถ้วย เมื่อร่างกายแข็งแรง ก็จะสร้างฉินตะวันตกที่แข็งแกร่งได้!”คำพูดขอ