พ่อบ้านฟั่นอยู่ได้ไม่เกินสองชั่วยามก็พลันสิ้นใจแม่นมลี่ได้ยินข่าวก็วิ่งมาเรียนหลิงอวี๋ให้ทราบทันควันนางถ่มน้ำลายพลางด่าทอ “ตาเฒ่าเดรัจฉานผู้นี้ เขาตายแบบนี้สบายเกินไปแล้ว!”แม่นมลี่ถอนหายใจ เอ่ยอีกว่า “เฒ่าเดรัจฉานถึงตายก็ไม่สาสมต่อความผิด! อย่างไรเสียภรรยากับลูกสะใภ้ของเขาต้องรับโทษตาม! ท่านอ๋องไม่อภัยพวกนางแน่!”หลิงอวี๋นึกถึงสีหน้าเปี่ยมความผันผวนของแม่นางฟั่นก็เอ่ยถามทันใด “ภรรยากับลูกสะใภ้ของเขาเป็นคนเช่นไร?”แม่นมลี่ตอบ “แม่นางฟั่นคือคนซื่อสัตย์ทำตามกฎ เทียบไม่ได้กับความคิดโสมมพวกนั้นของพ่อบ้านฟั่น! พ่อบ้านฟั่นช่วยท่านอ๋องดูแลตำหนักอ๋องอี้ แม่นางฟั่นไม่ได้ทำอะไรเลยไม่มีคนกล้าต่อว่านาง!”“แต่แม่นางฟั่นซื่อสัตย์จริงใจ แต่ไหนมาไม่เคยอวดอำนาจของพ่อบ้านฟั่น หากในตำหนักมีเรื่องอะไรนางล้วนรีบไปทำ!”“นางช่วยปะซ่อมเสื้อผ้าขององครักษ์พวกนั้นด้วย มีคนเจ็บป่วยนางก็จะช่วยต้มยา! พูดได้ว่าหลายคนในตำหนักเคยได้กรุณาคุณจากนางทั้งนั้นเจ้าค่ะ!”หลิงซินพยักหน้าอยู่ข้าง ๆ “แม่นางฟั่นเป็นคนดีนัก! เมื่อก่อนเราไม่มีข้าวกิน แม่นางฟั่นเห็นบ่าวเดินเตร่ที่ห้องครัวยังแอบเคยยัดหมั่นโถวให้บ่าวด้วยเจ้า
เรือนริมวารีบนโต๊ะหนังสือของเซียวหลินเทียนมีกองสมุดบัญชีพะเนินเทินทึก เขามองพลางหน้าบูดหน้าบึ้งจ้าวซวงเอ่ยอย่างช่วยไม่ได้ “ท่านอ๋อง แม้สมุดบัญชีเป็นของเรือนชั้นในตำหนักอ๋องอี้ แต่กระหม่อมมิกล้าสุ่มหาคนตรวจบัญชี! ทั้งช่วงนี้ยังหาคนที่เหมาะ ๆ ไม่พบด้วยพ่ะย่ะค่ะ! เลย...”เซียวหลินเทียนนวดหว่างคิ้ว แน่นอนว่าเขาเข้าใจความกังวลของจ้าวซวนพ่อบ้านฟั่นตายแล้ว ภาระที่ทิ้งไว้ยิ่งทำให้เซียวหลินเทียนรู้สึกว่าเมื่อก่อนตนละเลยการดูแลเรือนชั้นในมากขึ้น ซึ่งคือเรื่องที่อันตรายนัก!เขาไว้วางใจพ่อบ้านฟั่นมาตลอด แต่กลับคิดไม่ถึงว่าพ่อบ้านฟั่นจะหลอกใช้ความไว้ใจของตนยักยอกเงินมากเพียงนั้นทั้งหมดหนึ่งแสนตำลึงเงิน!ครั้นพวกจ้าวซวนหาพบก็ส่งคืนถึงมือเซียวหลินเทียน เซียวหลินเทียนไม่อยากจะเชื่อเลยเงินเหล่านี้ยังไม่นับอัญมณีโบราณ ยังมีรางวัลของเทศกาลปีใหม่จากจักรพรรดิด้วยพ่อบ้านฟั่นยังแอบแม่นางฟั่นซื้อเรือนสี่ประสานอยู่ด้านนอก เป็นพวกจ้าวซวนตรวจพบโฉนดที่ดิน พอไปแล้วถึงค้นเจออัญมณีโบราณเหล่านั้นในเรือนสี่ประสานการระบายอารมณ์โกรธและปวดใจของเซียวหลินเทียนไม่เพียงพอ เขาครุ่นคิดพิจารณาตัวเองทั้งคืนการ
“หลิงเยวี่ยโดนลักพาตัวหลังจากที่ตัวข้าพูดว่าต้องการสืบหาความจริงการหายตัวของเฮยจื่อ!”เซียวหลินเทียนยิ้มหยันกล่าวคำ “เจ้าลองคิด เหตุใดพ่อบ้านฟั่นถึงอยากฆ่าหลิงเยวี่ยเวลานี้เล่า?”ลู่หนานมึนงงพลางส่ายศีรษะ “กระหม่อมนึกออกแค่ฆ่าคนปิดปาก คิดอย่างอื่นไม่ออกจริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ!”“จ้าวซวน เจ้าพูดสิ!” เซียวหลินเทียนมองทางจ้าวซวนจ้าวซวนกล่าวว่า “เมื่อท่านอ๋องต้องการตรวจสอบการหายตัวของเฮยจื่อ พ่อบ้านฟั่นกับชิวเหวินพลันเกิดความวุ่นวายใจ! เรื่องนี้ต้องตรวจให้ถี่ถ้วน ว่าเหตุใดทั้งสองทนการสอบสวนไม่ได้!”“สุภาษิตกล่าวว่าชักนำภัยพิบัติสู่ฝั่งบูรพา(1)... ลักพาตัวหลิงเยวี่ยไปข้างนอกก็จะสามารถมุ่งเป้าการสืบสวนของเราหันเหไปนอกตำหนักอ๋องอี้ได้...”“มิใช่ว่าจะพุ่งความสงสัยต่อท่านอ๋องผิงหยางหรือ?”จู่ ๆ ลู่หนานพลันเข้าใจทันที “ข้อสงสัยต่อท่านอ๋องผิงหยางเป็นชิวเหวินซวงเอ่ยขึ้น!”“หากเราเชื่อคำพูดนางไปสืบสวนท่านอ๋องผิงหยาง นั่นคงเสียเวลาไม่พอ แต่เฮยจื่อกับหลิงเยวี่ยอาจถูกฆ่าตายไปแล้ว หรือถูกขายไปสถานที่ที่ไกลแสนไกล!”“ถ้ามิใช่เฉินเม่าต่อหน้าทำอย่างลับหลังทำอย่าง เขาได้ฆ่าเฮยจื่อกับหลิงเยวี่ยตามแผนพวกเข
ชายาผิงหยางผูกคอตาย ฉินรั่วซือก็มิได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับเรื่องรองเจ้ากรมวังแล้วเช่นกันช่วงไม่กี่วันนี้นางจิตใจวุ่นวายอยู่เรือน หวั่นเหตุการณ์ที่ตนก่อในงานฉลองวังหลวงจะแกลบูรพาเรื่องเผย(1)วันนี้ขณะนางกำลังวุ่นใจไม่เป็นสุข นางรับใช้ข้างกายของนาง เสี่ยวหลาน วิ่งร้อนรนเข้ามา“เสี่ยวหลาน พี่จางเฮ่อกลับจวนรึยัง?”สีหน้าเสี่ยวหลานขาวซีด โดยปิดประตูเสร็จถึงกล่าวคำ “คุณหนู ในที่สุดใต้เท้าจางก็กลับจวนวันนี้แล้วเจ้าค่ะ! เขาบอกว่าขันทีเซี่ยกำลังสอบสวนเรื่องที่นั่งและการตกแตกของกำนัลช่วงสองวันนี้เจ้าค่ะ!”“อา...”ฉินรั่วซือก้นจ้ำเบ้าลงกับพื้น ประหวั่นจนสีหน้าซีด สอบสวนจริงหรือ? แล้วนางจะยังปกปิดมันได้อยู่รึ?“ทำอย่างไรดี? ว่าแต่ พี่จางเฮ่อพูดถึงข้าหรือไม่?”ฉินรั่วซือครุ่งคิดถึงตรงนี้ พลางลุกขึ้นเร็วรี่คว้ามือเสี่ยวหลานเสี่ยวหลานเสียงสั่นเครือ “ใต้เท้าจางพูดว่าขันทีเซี่ยสืบสวนตามประสงค์ของไทเฮา พระชายาอ๋องอี้เป็นแขกที่ไทเฮาเชิญ คาดไม่ถึงว่าจะมีคนกล้าไม่จัดที่นั่งให้นาง แถมยังทำของกำนัลที่นางถวายแตกด้วยเจ้าค่ะ!”“ไทเฮาทรงพิโรธมาก! ใต้เท้าจางบอกว่า ครั้นขันทีเซี่ยสืบสวนเขาเขาก็ตอบแบบขอไป
ฉินรั่วซือใจร้ายขึ้นมาทันที พลางเอ่ย “องค์หญิงหก องค์หญิงก็รู้ว่าก่อนที่ท่านพี่หม่อมฉันจะไปสนามรบนั้นก็ไปเรียนวรยุทธกับท่านอดีตเสนาบดีอยู่ตลอด เขามักจะไปที่จวนเสนาบดีเจิ้นหย่วนอยู่บ่อยครั้ง!”“ไปมาหาสู่กันบ่อยครั้งเข้า หลิงอวี๋คนชั้นต่ำนั่นก็ชอบท่านพี่ของหม่อมฉัน แล้วก็เกาะแกะท่านพี่หม่อมฉันมาตลอด อยากจะแต่งงานกับท่านพี่หม่อมฉัน!”เซียวทงเบิกตาโตอย่างประหลาดใจ เป็นครั้งแรกที่นางได้ฟังเรื่องนี้หลิงอวี๋ วันนั้นที่งานฉลองวันพระราชสมภพไทเฮาก็พยายามทำตัวเด่น เซียวทงจดจำนางได้ดีเลย“ท่านพี่รำคาญที่ถูกนางเกาะแกเหลือทนเพคะ จึงไปเข้าร่วมกองทัพเพื่อที่จะสลัดนางออกให้ได้!”“แต่คนชั้นต่ำเยี่ยงหลิงอวี๋นั้น แต่งงานแล้วก็ยังมิวาย! พอรู้ว่าท่านพี่กลับมา ก็คิดวิธีจะเข้าใกล้ท่านพี่เพคะ!”ตอนที่ฉินรั่วซือมาก็คิดเอาไว้อย่างดีแล้ว เพื่อที่จะให้ฉินซานได้แต่งงานกับองค์หญิงหก นางจะพูดเรื่องที่ฉินซานยังเฝ้าคิดถึงหลิงอวี๋ไม่ได้เป็นอันขาดดังนั้น จึงทำได้เพียงแก้เป็นหลิงอวี๋เฝ้าคิดถึงฉินซานแทน“องค์หญิงก็รู้ว่าท่านพี่หม่อมฉันเป็นคนซื่อตรง ไม่มีทางไปมีอะไรกับคนชั้นต่ำเยี่ยงหลิงอวี๋ได้หรอกเพคะ!”“แต่ท่าน
เมื่อฉินรั่วซือเอ่ยถึงอนาคตของฉินซาน ความลังเลของเซียวทงก็หายไปในทันทีนางหลงรักฉินซานจากใจจริง จะไม่ช่วยเขาได้เยี่ยงไร จะปล่อยให้เรื่องของฉินรั่วซือกระทบต่ออนาคตของฉินซานได้หรือ!นางเอ่ยขึ้นมาทันที "เอาเถิด ข้าจะช่วยเจ้าเอง! ข้าจะไปเข้าเฝ้าไทเฮาแล้วรับผิดในเรื่องนี้!"“องค์หญิงหก… เรื่องนี้จะไม่ทำให้องค์หญิงลำบากจริง ๆ หรือเพคะ?”เมื่อฉินรั่วซือเห็นว่าบรรลุเป้าหมายแล้ว ก็แสดงความเป็นห่วงจอมปลอมทันทีเซียวทงเม้มริมฝีปาก ไม่อยากให้ฉินรั่วซือดูถูกตนเอง นางจึงเอ่ย“เรื่องเล็กน้อยเอง มีอะไรลำบากกันเล่า? ไทเฮาเป็นท่านย่าของข้า พระนางจะลงโทษข้าเหตุเพราะคนนอกได้รึ?”"ลุกขึ้นเถิด!" เซียวทงช่วยพยุงฉินรั่วซือให้ลุกขึ้นนางเกิดมาในราชวงศ์ แม้ว่าจะอ่อนประสบการณ์ แต่ก็ยังคงมีอุบายเฉกเช่นหญิงในวังอยู่ก่อนหน้านี้เซียวทงบอกเป็นนัยอยู่หลายครั้งแล้วเรื่องที่ตนเองชอบฉินซาน แต่ฉินรั่วซือไม่เคยมีท่าทีใด ๆ เลยวันนี้นางช่วยฉินรั่วซือแล้ว ฉินรั่วซือไม่มีทางที่จะเมินเฉยได้อีกต่อไปแล้ว!เซียวทงยิ้มพลางเอ่ย "อีกประเดี๋ยวประตูวังก็จะปิดแล้ว คืนนี้เจ้าไม่ต้องออกจากวัง! อยู่คุยกับข้าในวังแล้วกัน!"“ข้
หลิงอวี๋ออกจากตำหนักอ๋องอี้ แล้วตรงไปหาเกิ่งเสี่ยวหาวนางนำยาทาหลายหลอดมาให้เปียวจื่อ ถือเป็นของขวัญขอบคุณเหล่าพี่น้องของเปียวจื่อที่ช่วยกันช่วยชีวิตหลิงเยวี่ยเอาไว้ทันทีที่เห็นเปียวจื่อก็มีความสุขมาก ๆ เมื่อขอบคุณหลิงอวี๋แล้วก็รีบไปหาเกิ่งเสี่ยวหาวทันทีหลิงอวี๋เองก็ไม่เกรงใจเกิ่งเสี่ยวหาว บอกไปตรง ๆ ว่าให้เกิ่งเสี่ยวหาวช่วยหาผู้ชายที่มีวรยุทธให้สักสองคนเกิ่งเสี่ยวหาวรับปากมันที ทั้งยังเอ่ยอย่างกระตือรือร้นด้วย“ท่านพี่ เช่นนั้นข้าให้นางรับใช้ที่รู้วรยุทธที่ข้าซื้อมาให้สองคนด้วยดีกว่า! เพื่อเลี่ยงไม่ให้เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นอีก!”“เรื่องนี้ไม่ได้เร่งด่วนอันใด ไว้ค่อยคุยกันทีหลังเถิด!”หลิงอวี๋คิดว่านางจะออกจากตำหนักอ๋องอี้ได้ทุกเมื่อ จึงเอ่ย“เจ้าช่วยข้าเสาะหาบ้านก่อนก็ได้ รอให้ข้ากับเซียวหลินเทียนแยกทางกัน ตอนที่ข้าย้ายข้าวของออกจะได้มีที่อยู่!”เกิ่งเสี่ยวหาวได้ยินเรื่องที่สองสามีภรรยาตำหนักอ๋องอี้ไม่ลงรอยกันมานานแล้ว เขาเองก็รู้สึกเช่นกันว่าเซียวหลินเทียนไม่คู่ควรกับหลิงอวี๋ จึงพยักหน้ารับปากช่วยทั้งสองหารือกันเกี่ยวกับแผนการผลิตยาทา หลิงอวี๋คิดเรื่องที่จะซ่อมแซมเรือนบุ
ในเมื่อเข้ามาแล้วก็ต้องอยู่ในความสงบ ขณะที่ยังไม่ได้รู้แน่ถึงเจตนาของจ้าวซวน หลิงอวี๋ก็แสร้งทำเป็นไม่รู้แล้วนั่งลงบนเก้าอี้ในห้องตำราไปก่อนห้องตำรามีขนาดใหญ่มาก มีตู้หนังสือเรียงเป็นแถวชิดกับกำแพง และมีโต๊ะหนังสือขนาดใหญ่อยู่ที่ริมหน้าต่างข้าง ๆ โต๊ะหนังสือเป็นอ่างเซรามิกโบราณที่บรรจุภาพวาดไว้ห้องตำราเก็บกวาดสะอาดสะอ้าน มีการจัดวางอย่างเป็นระเบียบ มีเพียงบนโต๊ะหนังสือที่มีหนังสือวางกองเต็มไปหมด“พระชายา ดูเถิดขอรับ ท่านอ๋องให้ข้าตรวจสอบสมุดบัญชีของพ่อบ้านฟั่น! แต่ข้าเป็นคนค่อนข้างจะสะเพร่า ไม่สามารถทำงานเช่นนี้ได้ขอรับ!”จ้าวซวนถือสมุดบัญชีหลายเล่มเข้ามา พลางเอ่ยด้วยสีหน้าขมขื่น“นี่คือสมุดบัญชีในช่วงสองสามปีมานี้ แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่ของเรือนชั้นในเท่านั้น แต่มีความสำคัญยิ่ง ไม่สามารถขอให้คนนอกมาช่วยตรวจสอบได้ขอรับ!”“พระชายา โปรดช่วยดูหน่อยเถิดขอรับ ข้าจะจัดการกับสมุดบัญชีเหล่านี้เยี่ยงไรดีหรือขอรับ?”ทันทีที่หลิงอวี๋ได้ยินว่าเป็นเรื่องเล็กเช่นนี้ ก็คลายความระมัดระวังที่มีต่อจ้าวซวนลง แล้วรับมาดูทันทีที่เห็นก็อธิบายได้คำเดียวเลยว่า… เละเทะ!นางเรียนแพทย์ แต่หลักการบัญชีง