กระทั่งเข้าไปในกระโจม บุรุษร่างสูงใหญ่ก็หันกลับมาหลิงอวี๋คือคนที่ข้ามเวลามา จึงมิได้มีความทรงจำที่ลึกซึ้งกับท่านลุงใหญ่ผู้นี้นัก แต่หลิงหว่านเป็นลูกสาวแท้ ๆ ของหลิงเสียงกัง นางเชื่อว่าหลิงหว่านไม่มีทางจำผิดคน!กอปรกับที่อาจารย์หลินผู้นี้มีรูปร่างสูงใหญ่ และมีพลังที่น่าเกรงขามคล้าย ๆ กับท่านอดีตเสนาบดี หลิงอวี๋จึงยิ่งแน่ใจว่าอาจารย์หลินผู้นี้ก็คือท่านลุงใหญ่หลิงเสียงกัง“พี่หญิงหลิงหลิง วันนี้พวกเราจะต้องไปโจมตีผิงเนี่ย ข้ากับท่านลุงหลิงจะเป็นแนวหน้า ใต้เท้าอันจะรับผิดชอบคุ้มกันด้านหลัง ที่นี่จะมิปลอดภัย พวกเราได้ปรึกษากันแล้วว่าจะให้ท่านกับหลิงหว่านถอยออกจากพื้นที่ไปก่อนยี่สิบลี้!”เผยอวี้เอ่ยมาตรง ๆ“ท่านอ๋องผิงหนานถูกคนของหลิวจวินจับตัวไปจริงหรือ? จะเป็นกับดักหรือไม่?”หลิงอวี๋มิได้สนใจเรื่องความคับข้องใจระหว่างสามีภรรยาของหลิงเสียงกัง เวลานี้เป็นคราวคับขัน ทำได้เพียงต้องแก้ไขในเรื่องนี้ก่อน“ข้าแน่ใจว่าเป็นพ่อของข้า!”อันเจ๋อเอ่ยเสียงเรียบ “เขาหลงกลแผนของใต้เท้าจาง คิดว่าหาศพข้าเจอจริง ๆ จึงมุ่งหน้าไปตรวจสอบที่ศาลาว่าการเจิ้งโจว ไหนเลยจะคิดว่า หลิวจวินจะถูกใต้เท้าจางซื้อตัว
หลิงอวี๋บอกการวินิจฉัยโรคของหลิงเสียงกังและวิธีรักษาของตนออกไปทันทีที่ได้ยินว่าต้องเปิดสมองเอาลิ่มเลือดออกมา หลิงเสียงกังก็ปฏิเสธทันที “เช่นนี้จะมิถึงแก่ชีวิตหรือ? ข้ามิรักษาแล้ว!”หลิงอวี๋เอ่ยเรียบ ๆ “ผู้อื่นผ่าเปิดกะโหลกอาจจะต้องการชีวิตของท่าน แต่ข้ามิได้เป็นเช่นนั้น ข้ามิเพียงแต่สามารถรับประกันได้ว่าลิ่มเลือดของท่านจะออกมา แต่ยังทำให้ท่านมีชีวิตอยู่อย่างปลอดภัยด้วย!”“ท่านพิจารณาดูก่อนได้ หากต้องการรักษาก็มาหาข้า!”หลิงเสียงกังส่ายหน้าปฏิเสธอย่างดื้อรั้นหลิงอวี๋ก็มิได้เกลี้ยกล่อมอีก การผ่าตัดเปิดกะโหลกศีรษะนี้มิใช่เรื่องเล็ก ๆ แม้ว่าหลิงเสียงกังจะตอบตกลง นางก็ยังต้องบอกหลิงหว่านกับป้าสะใภ้ใหญ่อีกถึงอย่างไรนางก็ได้รู้แล้วว่า ก้อนบวมนี้ของหลิงเสียงกังยังมิได้เปลี่ยนแปลงอะไร ยังมีเวลาที่จะเกลี้ยกล่อมเขาอยู่หลิงอวี๋ปฏิเสธข้อเสนอที่เผยอวี้จะให้นางกับหลิงหว่านถอยไปรอนอกพื้นที่ยี่สิบลี้ และจะปกป้องที่แนวหลังกับหลิงหว่านร่วมกับอันเจ๋อขอเพียงได้ช่วยท่านอ๋องผิงหนานและยึดครองผิงเนี่ยได้ และแม่ทัพลั่วกับแม่ทัพจี้จัดการกับเส้าหมิงเจี๋ยได้ ความมิสงบนี้ก็จะจบสิ้นแล้วทางด้านใต้เท้าจ
หลิงอวี๋กับหลิงหว่านอยู่ด้วยกัน รอคอยให้หลิงเสียงกังส่งสัญญาณว่าช่วยท่านอ๋องผิงหนานออกมาแล้วแม้ว่าหลิงหว่านจะมีใบหน้าเย็นชา แต่ในใจนั้นกำลังเป็นห่วงหลิงเสียงกังนางออกไปดูอยู่เป็นระยะ กังวลว่าท่านพ่อบุกเข้าถ้ำเสือไปเพียงลำพังแล้วจะประสบเหตุร้ายเข้า“พี่หญิงหลิงหลิง ข้าเข้าใจแล้ว เมื่อเทียบกับความปลอดภัยของเขา ขอเพียงเขามีชีวิตอยู่ เขาจะแต่งงานกับเฝิงฉินนั่นก็ช่างเถิด!”หลิงหว่านเข้ามาพูดคุยกับหลิงอวี๋ราวกับเป็นการคลายความกังวลของตน“ท่านแม่ของข้าก็คงจะคิดเช่นเดียวกันกับข้า!”หลิงอวี๋ทำอะไรมิถูก ความต้องการในชีวิตเช่นนี้น้อยเกินไปแล้วกระมัง!การได้คืบจะเอาศอกเป็นข้อบกพร่องทั่วไปของมนุษย์ตอนนี้หลิงเสียงกังกำลังอยู่ในอันตราย ข้อเรียกร้องของหลิงหว่านที่มีต่อเขาจึงลดลง ขอเพียงเขากลับมาอย่างปลอดภัยก็พอแล้วแต่เมื่อทุกอย่างหคลี่คลาย หลิงหว่านจะยังคิดเช่นนี้หรือไม่?หลิงอวี๋เองก็มิอยากทำลายความคิดเพ้อฝันของนางจึงเอ่ยปลอบใจ “ท่านลุงใหญ่มีวรยุทธ์แก่กล้า เขาจะต้องกลับมาอย่างปลอดภัยแน่นอน!”ในขณะที่อันเจ๋อก็รอคอยอยู่อย่างร้อนอกร้อนใจเช่นกันนั้น หอระฆังในเมืองผิงเนี่ยก็เกิดเพลิงไหม้ขึ้
รายงานความสำเร็จแพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวงอย่างรวดเร็ว เมื่อเซียวหลินเทียนเห็นว่าหลิงอวี๋มาถึงอย่างปลอดภัย ความกังวลที่มีมาตลอดก็คลายลงส่วนการที่พวกอันเจ๋อปราบปรามการจลาจลได้ก็ทำให้เซียวหลินเทียนโล่งใจเป็นอย่างมาก เขาได้รู้เรื่องที่เจอตัวหลิงเสียงกังจากสาส์นกราบทูลของท่านอ๋องผิงหนานแล้ว และได้รู้ว่าคนที่เรียกกันว่าอาจารย์หลินก็คือหลิงเสียงกังนั่นเองเซียวหลินเทียนสงสัยว่า หลิงเสียงกังสูญเสียความทรงจำได้อย่างไร พลางหาเอกสารการสืบสวนที่หลิงเสียงกังถูกถอดออกจากตำแหน่งตอนนั้นมาอีกครั้งก่อนหน้านี้หลิงอวี๋เชื่อมาโดยตลอดว่า เรื่องของหลิงเสียงกังตอนนั้นเป็นการถูกกล่าวหาโดยมิยุติธรรม นางอยากตามหาหลิงเสียงกังเพื่อตรวจสอบในเรื่องนี้เมื่อเซียวหลินเทียนสามารถช่วยได้ก็ย่อมมิปฏิเสธเซียวหลินเทียนเห็นสาส์นกราบทูลที่อันเจ๋อเสนอให้เฉาเฉียงเป็นผู้ว่าการสิงหยาง เขาก็เงียบไปสักพักหนึ่งแม้ว่าคราวนี้เฉาเฉียงผู้นี้จะเป็นผู้นำการจลาจล แต่ก็เป็นการถูกผู้ว่าการหวางบีบบังคับแต่จากในสาส์นกราบทูลของอันเจ๋อจะเห็นได้ว่า แม้เฉาเฉียงจะมิได้มีความรู้มากนัก แต่ก็จัดการสิงหยางได้อย่างมิกดดันแม้แต่น้อยอีกทั้งเ
เฝิงฉินยังมิทันได้เข้าไปก็เพ้อฝันแล้วว่าจวนเสนาบดีเจิ้นหย่วนที่หลิงเสียงกังอาศัยอยู่ที่เมืองหลวงจะเป็นอย่างไร นั่นคือสัญลักษณ์ของอำนาจและตำแหน่งเชียวนะ!แต่เมื่อหลิงเสียงกังพูดขึ้นมาว่า ที่จวนเสนาบดีมีภรรยาคนแรกของเขาอยู่ด้วย เฝิงฉินก็ตะลึงไปทันทีหลิงเสียงกังมีภรรยา แล้วตนนับว่าเป็นสิ่งใดเล่า?เฝิงฉินกับหลิงเสียงกังทะเลาะกันอยู่สองวันว่าตนจะไม่มีทางเป็นอนุนางเองก็เป็นภรรยาที่แต่งงานกับหลิงเสียงกังอย่างเป็นทางการเช่นกัน แม้ว่าหลิงเสียงกังจะมิรับรู้เรื่องราวในอดีตแต่จะลบล้างความจริงข้อนี้ไปมิได้ยิ่งไปกว่านั้น ในท้องของนางก็มีเลือดเนื้อเชื้อขัยของหลิงเสียงกังอยู่ นางไม่มีทางให้ลูกเกิดมาเป็นลูกอนุเด็ดขาดภายใต้หยดน้ำตาและการข่มขู่ว่าจะเอาลูกออก หลิงเสียงกังจึงถูกบีบให้ตอบตกลงกับนางแล้วกลับไปรายงานท่านอดีตเสนาบดีว่าจะรับนางเป็นภรรยาแต่งเข้ามาอยู่ในบ้านแม้ว่าหลิงเสียงกังจะสูญเสียความทรงจำไป แต่ก็มีนิสัยซื่อตรง เมื่อเผชิญหน้ากับลูกสาวแท้ ๆ ที่มาตามหาตน หลิงเสียงกังก็พูดมิออกว่าจะรับเฝิงฉินเข้ามาอยู่ในฐานะภรรยาแต่งดังนั้นเรื่องนี้จึงต้องปกปิดเอาไว้เช่นนี้เฝิงฉินเห็นหลิงอวี๋กับหล
มาถึงติ้งโจว หากมิไปเจดีย์วัดไคหยวนที่เลื่องชื่อก็คงมิได้ ยังอยู่อีกไกล แต่พวกหลิงอวี๋ก็เห็นเจดีย์วัดไคหยวนที่สูงตระหง่านดูมีพลังอยู่ตรงกลางแล้ว“ต้นไข่มุกตั้งตระหง่านอยู่ยอดรับแดดยามเช้า กระดิ่งทองเคียงเคล้าลมยามเย็น ยามขึ้นไปถึงบนยอดในทุกครา ราวกับว่ากายาต้องฟ้าคราม”หลิงอวี๋เห็นเจดีย์วัดไคหยวนอันงดงามกำลังอาบแสงยามเย็นอยู่จึงนึกถึงกวีของข้าหลวงติ้งโจวขึ้นมาว่ากันว่าเจดีย์วัดไคหยวนนี้ยังเก็บรักษาพระบรมสารีริกธาตุและพระคัมภีร์อันล้ำค่าของปรมาจารย์สายพุทธเต๋าไว้จำนวนนับมิถ้วนภายในช่องของฐานเจดีย์รวมถึงบนผนังตามทางเดินแต่ละชั้นก็มีการฝังพระพุทธรูปไว้เป็นจำนวนมาก ว่ากันว่าพระพุทธรูปที่แกะสลักล้วนทำอย่างประณีตและเหมือนจริงมากหลิงอวี๋เป็นผู้ที่มิเชื่อในพระเจ้า แต่การข้ามเวลาของตนรวมถึงการฝึกฝนพลังวิญญาณทำให้ความเชื่อของนางสั่นคลอนพระพุทธรูปเหล่านั้นบางทีอาจจะมิใช่พระจริง ๆ แต่อาจจะเป็นผู้มีความสามารถของแดนวิญญาณ!นางมาเที่ยวชม จึงพาพวกหลิงหว่านไปชมเมื่อมาใกล้ ๆ หลิงอวี๋ก็รู้สึกได้ถึงพลังงานบางอย่างที่ผิดปกติขันทีโม่ที่สอนตนพัฒนาการฝึกฝนพลังวิญญาณเคยบอกไว้ว่า สถานที่บางแห่งที
ยังมิทันที่หลิงอวี๋จะลุกยืน เถาจื่อกับหานอวี้ที่อยู่ด้านนอกได้ยินเสียงก็พุ่งเข้ามาแล้วหลิงอวี๋ยังมิทันได้บอกพวกนางว่าอย่าเอาไม้ซีกไปงัดไม้ซุง กระแสพลังที่มือของเก๋อเทียนซือก็วนรอบตัวของทั้งสองคนแล้วทำให้ทั้งสองกระเด็นถอยออกไปกระแทกเข้ากับกำแพงอย่างแรงเถาจื่อกับหานอวี้กระอักเลือดออกมา จากนั้นก็สลบไปทันที“เห็นหรือไม่ ต่อให้เจ้าจะฝึกถึงดินแดนที่สี่แล้ว เจ้าก็มิใช่คู่ต่อสู้ของข้า! ยังมิยอมมอบหยกหล้าสุขาวดีออกมาแต่โดยดีอีก!”ครานี้เก๋อเทียนซือมิได้เอาตำราแพทย์ของซือคงชวิ่นมาลองหยั่งเชิงหลิงอวี๋แล้ว เขาเอ่ยไปตรง ๆ หลิงอวี๋ยิ้มเยาะ “ข้ามิได้มีหยกหล้าสุขาวดีอะไรนั่น มิรู้ว่าเจ้าพูดเรื่องอะไร!”นางรับมือกับเก๋อเทียนซือ พลางหาโอกาสไปด้วยว่าจะเอาชนะเก๋อเทียนซืออย่างไรดี!“หลิงอวี๋ เจ้าจะต่อต้านข้าไปจนถึงที่สุดหรือ? หยกหล้าสุขาวดีในมือเจ้ามิสามารถใช้ได้ มิฉะนั้น...”เก๋อเทียนซือกลัวว่าจะเผยความลับของหยกหล้าสุขาวดีออกมาจึงพูดแล้วหยุดไปกลางคัน จากนั้นก็ยิ้มเยาะพลางเอ่ย“เจ้ามอบหยกหล้าสุขาวดีมาให้ข้า ข้าจะเห็นแก่ที่เจ้าฝึกฝนมาอย่างหนัก และจะไว้ชีวิตเจ้า!”“มิเช่นนั้น ครานี้จะต้องทำให้เจ
เถาจื่อกับหานอวี้ถูกพลังของทั้งสองปลุกให้ตื่นขึ้นมา แต่ทั้งสองก็ถูกเก๋อเทียนซือโจมตีได้รับบาดเจ็บหนัก เมื่อฝืนลุกขึ้นมาจะเข้าไปช่วยหลิงอวี๋ ทั้งสองคนกลับถูกม่านพลังที่ไร้รูปร่างที่หลิงอวี๋กับเก๋อเทียนซือสร้างขึ้นกั้นเอาไว้ที่ด้านนอกพวกนางมองเห็นด้านในแต่มิสามารถเข้าไปได้มวยผมของหลิงอวี๋คลายออกแล้ว ทำให้ผมปลิวไปตามกระแสพลัง นางดูเหมือนปล่อยพลังหยินหยางไปอย่างสบาย ๆแต่หลิงอวี๋รู้ว่าตนมิได้ดูสบายเช่นนั้น เก๋อเทียนซือเหนือชั้นกว่าตนไปหนึ่งขั้น กระแสพลังของเขาก็กำลังกดนางเอาไว้อย่างแข็งแกร่งหลิงอวี๋รู้สึกว่าแขนของตนหนักอึ้งขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อขยับแล้วต้องใช้แรงอย่างมากนางจึงกัดฟันพยายามยืนหยัดไว้!นางมิกล้าผ่อนปรน ขอเพียงนางผ่อนปรน พลังวิญญาณทั่วทั้งร่างของนางก็จะถูกเก๋อเทียนซือดูดไปจนหมด และนางก็จะรับแรงกดดันมิไหวจนแหลกสลายไปเถาจื่อกับหานอวี้มองอยู่อย่างทำอะไรมิถูก พวกนางคิดจะเข้าไปต่อสู้อยู่หลายครั้ง แต่ก็ถูกกั้นให้อยู่ด้านนอกตลอดหลิงหว่านกับพวกนางรับใช้ที่อยู่ด้านล่างเห็นว่าใบไม้ปลิวทั่วไปหมดก็รู้ว่าเกิดเรื่องจึงรีบวิ่งขึ้นมา แล้วก็เห็นภาพนี้เข้า หลิงหว่านตกใจจนหน้าซีดไปนา