หลิงอวี๋แทบไม่มีเวลาว่างให้พักผ่อนเลย ต้องพบผู้คนกลุ่มแล้วกลุ่มเล่าเพื่อจัดการเรื่องต่าง ๆ แม้ว่าจะมีคนที่ไทเฮากับพระชายาผิงหนานหามาคอยช่วยอยู่ ก็ยังคงยุ่งวุ่นวายมากอยู่ดีหานอวี้กับหลิงซวนคอยช่วยนางจดบันทึกอยู่ข้าง ๆ และหมิ่นกูก็ช่วยจัดหมวดหมู่ให้ส่วนทางด้านพระที่นั่งบำรุงฤทัย ไทเฮาได้ทำการจัดการเรื่องห้องโถงที่ตั้งศพอย่างกังวลในห้องโถงที่ตั้งศพได้มีการแขวนผ้าสีดำและจัดวางโต๊ะธูปไว้ หลังจากรุ่งสางเหล่าขุนนางน้อยใหญ่และภรรยาจะเริ่มมาเข้าเฝ้าเคารพพระบรมศพของจักรพรรดิอู่อันกันต้องมีการเตรียมอาหารและชุดไว้ทุกข์ของคนเหล่านี้ไว้ดีที่มีการเตือนจากพระชายาผิงหนาน หลิงอวี๋จึงได้ส่งคนไปแจ้งเกิ่งเสี่ยวหาวกับทางเรือนหยกอำไพไว้ก่อนแล้วว่าให้หาคนมาเร่งจัดการสิ่งเหล่านี้ให้ตนในวังมีผู้ดูแลอาภรณ์ของตนอยู่ และคนที่มาดูแลเรื่องอาภรณ์ก็คือหัวหน้าหานผู้เป็นขุนนางหญิง หลิงอวี๋จึงสั่งคนไปบอกให้นางมาพบตนแต่เป็นเวลานานแล้วหัวหน้าหานก็ยังมิมา หลิงอวี๋ก็รู้เลยว่านางเป็นคนของพระชายาเส้าและจงใจจะทำให้ตนเองลำบากหลิงอวี๋จึงให้คนไปหาแม่นางเหมยที่เรือนหยกอำไพ พลางให้เถาจื่อไปเลือกนางกำนัลที่แข็งแรงไว้ก
หลิงซวนทิ้งสายลับหนึ่งคนไว้คอยดูการจัดการอาภรณ์ หลังจากเวลาผ่านไปเล็กน้อย การจัดการอาภรณ์ก็ยังมิเคลื่อนไหวเลยแม้แต่น้อยหลิงซวนได้รับข่าวมาก็กัดฟัน หัวหน้าหานผู้นี้มิเห็นอาจารย์ของตนอยู่ในสายตาเลย!หึ!หัวหน้าหานฉลาดมาทั้งชีวิตแต่ก็ยังมีช่วงเวลาที่โง่เขลา นางมิรู้หรือว่าคนที่โดดเด่นจะถูกโจมตีได้ง่าย?อาจารย์ของตนอยากยืนหยัดอยู่ในวังอย่างมั่นคง หากมิหาคนมาเปิดคมมีดเสียก่อนแล้วจะสร้างบารมีของตนได้อย่างไรเล่าได้!หากหัวหน้าหานอยากจะเป็นคนที่ลองมีดคนแรก เช่นนั้นก็เติมเต็มความปรารถนาให้นางเสียหน่อยแล้วกันหากฝ่ายห้องเย็บปักมิจัดการชุดไว้ทุกข์ พระชายาเส้ากับจ้าวเจินเจินจะรู้ในทันทีเลยทั้งสองคนนั้นล้วนรอดูความสนุกอยู่แล้ว ประเดี๋ยวเหล่าขุนนางน้อยใหญ่และภรรยามากราบไหว้เคารพพระบรมศพแล้วไม่มีชุดไว้ทุกข์ใส่ คนเหล่านี้ก็คงจะถ่มน้ำลายใส่หลิงอวี๋จนจมน้ำลายตายเมื่อเห็นว่าฟ้าใกล้สว่างแล้วหลิงอวี๋จึงพาพวกหลิงซวนไปเอาชุดไว้ทุกข์ที่ฝ่ายห้องเย็บปัก ด้านในฝ่ายห้องเย็บปักกำลังยุ่งกันเลยหัวหน้าหานให้ลูกน้องของตนทำท่าทีว่ากำลังยุ่งรอให้หลิงอวี๋มาเห็นอยู่!“หัวหน้าหาน ชุดไว้ทุกข์ชุดแรกเสร็จหรื
คำพูดนี้ของเถาจื่อรุนแรงยิ่งกว่าการตบหน้าหัวหน้าหานเสียอีกตอนนี้นางถึงได้รู้ว่า เหตุใดหลิงซวนจึงถามว่าสามารถทำได้กี่ชุดในเวลาหนึ่งก้านธูป ที่แท้ก็รอเช่นนี้นี่เอง!“พวกเจ้าหลอกลวงเจ้านาย!”เถาจื่อคว้าปกเสื้อของหัวหน้าหานไว้อย่างโหดร้าย พลางดุด่า “พูดง่าย ๆ ก็คือ มิเห็นคำสั่งของพระชายาเราอยู่ในสายตา!”“แต่หากพูดแบบรุนแรงก็คือ เป็นการดูหมิ่นองค์จักรพรรดิสูงสุด อยากให้คนในครอบครัวของพระองค์มิทันได้รับการกราบไหว้จากลูกกตัญญู!”จักรพรรดิอู่อันสวรรคตแล้ว เซียวหลินเทียนเป็นจักรพรรดิแล้ว ตอนนี้จักรพรรดิอู่อันจึงเป็นจักรพรรดิสูงสุดเหงื่อเม็ดโตผุดขึ้นมาบนหน้าผากของหัวหน้าหานแล้วไหลลงมา นางอ้าปากแต่มิรู้ว่าควรจะอธิบายตนเองอย่างไรนางแอบเสียใจ เมื่อครู่น่าจะทำชุดไว้ทุกข์บางส่วนมาให้พระชายาองค์รัชทายาทแบบขายผ้าเอาหน้ารอดไปก่อนทว่าเป็นเพราะว่าตนอวดดีจึงได้ทิ้งจุดอ่อนไว้ให้พระชายาองค์รัชทายาทรู้เมื่ออยู่ในน้ำมือของพระชายาองค์รัชทายาทเช่นนี้แล้วจะรอดพ้นความผิดไปได้อย่างไร!เถาจื่อหุ่มนางลงบนพื้น หัวหน้าหานคุกเข่าไปคำนับหลิงอวี๋ทันที“พระชายาองค์รัชทายาท บ่าวมิรับผิดชอบในคำสั่งของท่านเอง
เรื่องที่พระชายาองค์รัชทายาทตัดหัวหัวหน้าหานแห่งฝ่ายห้องเย็บปักได้แพร่ออกไปในวังอย่างรวดเร็วพวกคนที่ก่อนหน้านี้ยังคงคิดที่จะฟังคำสั่งของพระชายาเส้า และสร้างความลำบากในการทำงานต่าง ๆ ของหลิงอวี๋ต่างก็ถอนตัวไปทันทีพระชายาองค์รัชทายาทผู้นี้มิใช่คนที่จะไปยั่วยุได้ง่าย ๆ!หากมิดำเนินการตามคำสั่งของนางก็จะหัวขาดเอาได้!ผลประโยชน์ที่พระชายาเส้าจะให้พวกเขานั้นมิได้มีสิ่งใดมากกว่าไปเงิน แต่คนที่ทำงานอยู่ในตำแหน่งของหัวหน้านี้ ทุกคนรู้ดีถึงผลประโยชน์ของตำแหน่งตนขอเพียงมิเสียชีวิต การยืนหยัดอยู่ในตำแหน่งของตนแล้วทำเหมือนปฏิบัติตามคำสั่งไปเรื่อย ๆ จะสามารถเปลี่ยนวิธีหาเงินได้อีกผลประโยชน์ที่ยาวนานกับเงินเพียงเล็กน้อยของพระชายาเส้านั้นเทียบกันมิติดเลยอีกอย่างต่อให้เงินมากแค่ไหน การที่ไม่มีชีวิตให้ได้ใช้เงินนั้นก็สูญเปล่าเช่นกัน!พระชายาเส้าเองก็คิดมิถึงเช่นกันว่า ทันทีที่หลิงอวี๋ลงมือจะเป็นการตัดหัวหัวหน้าหานเลย สิ่งนี้ทำให้นางต้องรีบพาคนพุ่งไปหาหลิงอวี๋ด้วยความโกรธทันทีหากมิปรามหลิงอวี๋ไว้ ในภายภาคหน้าผู้ใดยังจะกล้าทำงานให้ตนเล่า?!หลิงอวี๋กำลังมอบหมายงานที่พวกหมิ่นกูต้องทำอยู่ที่โ
คำพูดนี้ของหลิงอวี๋เป็นการตบหน้าพระชายาเส้าตรง ๆ เห็นได้ชัดว่านี่เป็นการอาศัยความเห็นของผู้อื่นมาพูดในความจริง ก็เหลือเพียงชี้หน้าด่าพระชายาเส้าแล้วว่า มิเสียใจที่องค์จักรพรรดิอู่อันเสด็จสวรรคตแต่สนใจแค่การแย่งชิงอำนาจเท่านั้นสีหน้าของพระชายาเส้าเปลี่ยนไปมาทันที นางรู้ว่าหากพูดต่อไปตนก็คงจัดการมิได้ จึงทำได้เพียงหันหลังเดินไปอย่างมิสบอารมณ์‘หลิงอวี๋ ข้าฝากไว้ก่อนเถิด หากมิได้ปลิดชีพเจ้า ข้าคงทนความขี้ขลาดนี้มิได้’การหลบเลี่ยงบิดพลิ้วมิใช่รูปแบบของพระชายาเส้าเลยและนางก็รู้เช่นกันว่า องค์จักรพรรดิอู่อันเสด็จสวรรคตแล้วตนก็ไม่มีที่พึ่งแล้วเช่นกันแม้ว่าอุบายนี้จะใช้ได้ หลิงอวี๋ก็ไม่มีทางใช้ ทั้งยังทำให้ขุนนางกับภรรยาเหล่านั้นดูถูกตนอีกนางกับองค์ชายคังยังมิแพ้ ในภายภาคหน้าต้องมีสักวันหนึ่งที่นางได้นั่งตำแหน่งไทเฮา นางมิอาจใช้อุบายนี้มาทำลายภาพลักษณ์ที่สง่างามและใจกว้างของตนได้นี่เพิ่งจะเริ่มต้น!‘หลิงอวี๋เจ้าอย่าได้คิดว่า ตัดหัวหัวหน้าหานไปแล้วจะสามารถควบคุมวังหลังได้’‘ข้าจะให้เจ้าได้ใจไปก่อน ประเดี๋ยวเจ้าได้เห็นดีแน่’พระชายาเส้ากลับไปที่ห้องโถงที่ตั้งพระบรมศพแล้วคุกเข่า
หมิ่นกูกับหลิงซวนมองวิธีการที่หลิงอวี๋พิชิตคนแล้วก็แอบตกใจ ในขณะเดียวกันก็นับถือมาก ๆ เช่นกันพวกนางต่างก็เห็นมากับตาว่าหลิงอวี๋ถูกบีบให้เติบโตอย่างไรวังหลวงนี้เป็นหุบเหวที่มองมิเห็นก้นบึ้งของมัน หากมิอยากถูกฝังอยู่ที่นี่ก็ทำได้เพียงแค่ต้องบีบตนเองให้ปีนขึ้นไปหลังจากหลิงอวี๋ส่งคนที่จัดการงานต่าง ๆ ออกไปแล้ว ในที่สุดก็แอบหาเวลาว่างกินอะไรสักหน่อยได้หลิงซวนมองหลิงอวี๋ที่กินมูมมามอย่างปวดใจ แล้วรีบส่งถ้วยน้ำชาให้นางหลิงอวี๋ดื่มไปสองอึกก็นึกถึงเรื่องจักรพรรดิอู่อันขึ้นมาได้ จึงรีบเอ่ยกับหลิงซวน “เจ้าไปบอกกับลู่หนานหน่อยว่า ให้เขาคอยใส่ใจอาหารของท่านอ๋อง… เอ่อ องค์จักรพรรดิเป็นพิเศษหน่อย อย่าให้มีผู้ใดเล็ดลอดเข้าไปยุ่งได้เด็ดขาด!”สาเหตุการตายของจักรพรรดิอู่อันยังตรวจสอบมิชัดเจน หลิงอวี๋กังวลว่ามือสังหารที่ซุ่มซ่อนอยู่จะใช้วิธีเดิมมาลงมือกับเซียวหลินเทียนซ้ำอีก“บอกให้ลู่หนานทำทุกเรื่องด้วยตัวเอง เครื่องนอนเครื่องใช้ในสถานที่พักผ่อนขององค์จักรพรรดิก็ต้องตรวจสอบดูให้หมด หากมีสิ่งที่น่าสงสัยให้เปลี่ยนทั้งหมดทันที!”“ภายในห้องมิต้องเอาดอกไม้ใด ๆ มาจัดวาง พวกถุงหอมเครื่องหอมอะไรก็ยิ่
ลู่หนานเองก็มิได้ประกาศเรื่องนี้ออกไปครึกโครม เขาให้ขันทีเหอผู้ฉลาดซึ่งเป็นคนที่ขันทีเซี่ยหามาให้เป็นคนเอาผงยากับเครื่องหอมนี้ส่งไปให้หลิงอวี๋ตรวจสอบเล็กน้อยสิ่งที่ตรวจสอบออกมาจะต้องรู้ผลที่แน่ชัดว่าคืออะไร ให้หลิงอวี๋สามารถเตรียมการรับมือสถานการณ์ล่วงหน้าได้ มิเช่นนั้นหากรอจนตกหลุมพรางจะสายเกินไปขันทีเหอผู้นี้ปีนี้อายุยี่สิบ เป็นคนมีหน้าตาหล่อเหลา เข้าวังมาประมาณห้าหกปีแล้วก่อนหน้านี้เขาทำงานเบ็ดเตล็ดทั่วไป แม้ว่าจะเป็นคนฉลาดแต่มิได้แสดงออกมา และมิได้เอาใจองค์จักรพรรดิหรือสนมในวังเพื่อจะเลื่อนตำแหน่งตนให้สูงขึ้นด้วยขันทีเซี่ยกล้าแนะนำเขาให้เซียวหลินเทียนใช้งาน นั่นเป็นเพราะขันทีเซี่ยรู้ความลับของขันทีเหอขันทีเหอเป็นพี่น้องกับพระสนมเหอของจักรพรรดิอู่อัน ตอนนั้นสนมเหอถูกพ่อค้ามนุษย์จับตัวมาขายส่งเข้าวังขันทีเหอจึงเต็มใจขายตัวเองเข้าวังมาเพื่อน้องสาว และทำการชำระร่างกายเข้าวังมาเป็นขันทีแม้ว่าพระสนมเหอจะถูกแต่งตั้งเป็นสนม แต่วังหลังมีสาวงามอยู่เป็นจำนวนมาก นับตั้งแต่ที่นางเข้าวังมาจนตอนนี้ก็มิเคยถูกจักรพรรดิอู่อันเรียกไปปรนนิบัติเลยตอนที่ขันทีเซี่ยไปหาเขาได้พูดออกไปเพียงป
ตอนนี้เซียวหลินเทียนกับหลิงอวี๋จะต้องรับภาระในด้านของตนเพียงผู้เดียว เซียวหลินเทียนรับภาระภายนอก หลิงอวี๋รับภาระภายในทั้งสองคนล้วนไม่มีเวลาและมิสามารถช่วยเหลืออีกฝ่ายในเวลาเดียวกันได้ ทำได้เพียงเป็นผู้นำในหน้าที่ของตนเท่านั้นหลิงอวี๋อยู่ภายในก็ถูกพระชายาเส้าทำให้ลำบาก เซียวหลินเทียนอยู่ภายนอกก็ถูกพวกของจ้าวฮุยและขุนนางที่มิเชื่อฟังเขาทำให้ลำบากแม้ว่าจะคนเหล่านี้จะยอมรับตัวตนจักรพรรดิของเซียวหลินเทียนไปตามพระราชโองการสั่งเสีย แต่ก็มิได้รู้สึกว่าเซียวหลินเทียนจะเป็นจักรพรรดิไปได้ยาวนานนักพวกเขาอยากจะใช้โอกาสที่เซียวหลินเทียนยังมิได้นั่งในตำแหน่งจักรพรรดิอย่างมั่นคงนี้ลากให้เขาลงจากตำแหน่งไปจ้าวฮุยบอกกับพรรคพวกของตนว่า ในหนึ่งวันให้ส่งสาส์นกราบทูลไปเป็นจำนวนมาก แล้วให้บอกว่าทั้งหมดนั้นเป็นเรื่องเร่งด่วนรอข้อคิดเห็นอยู่พวกเขาอยากจะหาโอกาสพิสูจน์ว่าคุณสมบัติของเซียวหลินเทียนมิคู่ควรกับตำแหน่งในคืนนี้เซียวหลินเทียนก็มิได้นอนเลย เอาแค่ร่ำเรียนเรื่องการจัดการบ้านเมืองจากการแนะนำของหลี่ว์เซียงกับท่านอ๋องเฉิงอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง เมื่อเห็นว่าพรรคพวกของจ้าวฮุยเสนอสาส์นกราบทูลมาด้วย
เซียวหลินเทียนฟังแล้วก็ทั้งโกรธทั้งโมโห ก่อนหน้านี้ที่หานเหมยบอกมิได้ละเอียดถึงเพียงนี้ และหานเหมยก็มิเคยบอกด้วยว่าใบหน้าของหลิงอวี๋ถูกจ้าวหรุ่ยหรุ่ยกรีดจนเป็นแผลความทรงจำของหานเหมยสูญหายไปบางส่วน ซึ่งนี่ก็คือผลกระทบที่ได้มาจากการถูกผนึก ดังนั้นจะโทษหานเหมยก็มิได้เมื่อได้ยินว่าหลิงอวี๋สูญเสียวรยุทธ์ไป ทั้งยังถูกเสวี่ยเหมยกลั่นแกล้งอีก เซียวหลินเทียนก็คิดเพียงอยากจะแทงเสวี่ยเหมยและลิ่งหูหลินผู้นั้นให้ตายไปเสียส่วนเรื่องที่หวงฝู่หลินรับหลิงอวี๋เป็นน้องสาวบุญธรรมนั้น เซียวหลินเทียนมิได้คิดเป็นจริงเป็นจังอะไร เขาหรือจะมิรู้ว่าหวงฝู่หลินไม่มีทางรับหลิงอวี๋เป็นน้องสาวบุญธรรมจริง ๆ หรอก“ท่านเจ้าวังของเราให้ป้าวเฉิงไปตามหาหลิงอวี๋ เพราะต้องการจะขอตำรับยาที่นางมีอยู่ในมือ มิใช่เพราะต้องการจะทำให้นางลำบาก!”ปี้ซงอธิบายทุกสิ่งออกมาอย่างชัดเจนแม้ว่าเซียวหลินเทียนจะรู้สึกว่าเขาไม่มีทางพูดความจริงออกมาทั้งหมด แต่ก็ยังเชื่อไปกว่าครึ่งอยู่ดีหลังจากครุ่นคิดดูแล้ว เซียวหลินเทียนก็รู้สึกว่า ในเมื่อหวงฝู่หมิงจูถูกเสวี่ยเหมยจับตัวไป และเสวี่ยเหมยก็เป็นผู้ร้ายที่ลักพาตัวหลิงอวี๋ไปด้วย เช่นนั้นก
ใบหน้าหล่อเหลาของเซียวหลินเทียนมีความเศร้าอยู่จาง ๆ เขายืนอยู่บนบันได ซากปรักหักพังด้านหลังเหล่านั้น เมื่ออยู่ภายใต้แสงสะท้อนของดวงอาทิตย์ยามเย็นก็ทำให้เห็นความหดหู่และโดดเดี่ยวอย่างชัดเจนแต่แสงของดวงอาทิตย์ยามเย็นที่ส่องลงมาบนตัวของเซียวหลินเทียนนั้น ทำให้เขาดูเหมือนมีแสงสีทองระยิบระยับอยู่ทั้งที่เห็น ๆ กันอยู่ว่าเขาก็ยังเป็นคนเดิม แต่กลับดูราวกับว่าเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ทำให้มิอาจมองเขาตรง ๆ ได้!ทันใดนั้นหวงฝู่หลินก็รู้สึกถึงความรู้สึกกดดันที่มิเคยมีมาก่อนจู่ ๆ เขาก็มีลางสังหรณ์ว่า ในภายภาคหน้าพลังของเซียวหลินเทียนจะประสบความสำเร็จ จะต้องอยู่เหนือไปกว่าของตนมาก และอยู่เหนือกว่าบรรดายอดฝีมือในแดนเทพอย่างแน่นอน!เหนือกว่าแม้กระทั่งหลงอี้ด้วย...เซียวหลินเทียนมองไปไกล ๆ แล้วนึกฉากเมื่อครู่เหวินเหรินจิ้นพาเขาเข้าไป และมิเพียงแต่มอบรายชื่อบรรดาศิษย์ของตำหนักปีกเงินให้ตนเท่านั้น แต่ยังมอบเงินทั้งหมดที่ตำหนักปีกเงินเก็บไว้หลายปีให้ตนด้วยนอกจากนี้แล้ว ก็ยังมีมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ศักดิ์สิทธิ์ที่มหาปราชญ์ต้องการอย่างหม้อมังกรศักดิ์สิทธิ์อีกด้วยสุดท้ายเหวินเหรินจิ้นก็ยังพยายามถ่ายพ
หวงฝู่หลินมองเหวินเหรินจิ้นด้วยความสงสาร จากนั้นก็ประคองเขานั่งขึ้นมา แล้วเอ่ยไปอย่างเรียบ ๆ “เจ้าคงมิอยากจากไปโดยที่มิได้ทิ้งคำพูดอะไรไว้แน่!”“ต่อให้ยานั้นจะล้ำค่ามากเพียงใด ก็มิล้ำค่าเท่ากับเจ้า...พูดมาเถิด ยังมีความปรารถนาใดอีกที่เจ้ายังมิสมหวัง ขอเพียงข้าสามารถทำได้ ข้าก็จะช่วยเจ้าอย่างแน่นอน!”หวงฝู่หลินคิดเช่นนั้นจริง ๆ ดังนั้นเขาจึงป้อนโอสถช่วยชีวิตอันล้ำค่าที่ตนสกัดอย่างพิถีพิถันให้กับเหวินเหรินจิ้น เขามิอยากให้สหายผู้นี้ตายตามิหลับเหวินเหรินจิ้นมองหลานชายที่กำลังร้องไห้อยู่ข้าง ๆ แล้วหวงฝู่หลินก็เข้าใจทันที “ข้าจะให้คนดูแลเขาเอง!”เหวินเหรินจิ้นจึงฝืนยิ้มออกมา “ให้เขาเติบโตอย่างเรียบง่าย ลืมตระกูลนี้ไปเสีย และลืมทุกสิ่งทุกอย่างที่ประสบไปให้หมด!”“ได้!”หวงฝู่หลินมิได้พูดอะไรมาก แต่เหวินเหรินจิ้นรู้ว่า เขาเป็นคนพูดคำไหนคำนั้น จึงพยักหน้าอย่างพึงพอใจ“ข้าขอฝากตำหนักปีกเงินไว้กับเจ้า...ข้าได้คำนวณชะตาไว้แล้วว่าจะมีภัยพิบัติเช่นนี้ ข้าจึงแสร้งป่วยแล้วให้ลูกศิษย์ของตำหนักทั้งหมดกระจายกันออกไป...”“แต่ข้ามิวางใจ ข้ากังวลว่า หากมหาปราชญ์หาหม้อมังกรศักดิ์สิทธิ์มิเจอ แล้วจะ
เผยอวี้เห็นว่าหวงฝู่หลินหน้าซีดเซียว ดูท่าทางเหมือนจะหมดสติไปได้ทุกเมื่อ ดังนั้นเขาจึงมิรีรอแล้วคุกเข่าลงไป จากนั้นก็ยัดลำไส้ของเสือดาวหิมะกลับตามคำชี้แนะของหวงฝู่หลินแล้วหวงฝู่หลินก็นำเครื่องยาสมุนไพรและเข็มกับด้ายออกมาจากแหวนพระสุเมรุ จากนั้นเขาก็ส่งเข็มกับด้ายให้เผยอวี้ “ช่วยเย็บแผลให้มันที!”เผยอวี้ตะลึงไปทันที เขาจับมีดจับกระบี่ได้ แต่เขาใช้เข็มกับด้ายมิเป็น!เมื่อเซียวหลินเทียนเห็นสถานการณ์เช่นนี้ เขาก็นึกขึ้นได้ว่า ตอนที่ตนพิชิตกระบี่คุนอู๋ ก็เคยบาดมือมาก่อน แต่เมื่อฝ่ามือของเขาจับที่กระบี่คุนอู๋ ก็รักษาตัวได้อย่างน่าอัศจรรย์เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งว่าควรจะใช้กระบี่คุนอู๋รักษาเสือดาวหิมะหรือไม่!เขาเข้าใจหลักการที่ว่า ทรัพย์สมบัติมิควรเปิดเผยออกมา หากว่าในวันนี้มิใช่สถานการณ์วิกฤต เขาก็ไม่มีทางนำกระบี่คุนอู๋ออกมาแน่แต่ตอนนี้มหาปราชญ์รู้แล้วว่า กระบี่คุนอู๋อยู่ในมือของตน มันจะต้องนำความยุ่งยากมาหาตนมิจบสิ้น เช่นเดียวกับหยกหล้าสุขาวดีของหลิงอวี๋อย่างแน่นอน!หากเปิดเผยเรื่องที่กระบี่คุนอู๋สามารถรักษาบาดแผลได้ไปอีก เช่นนั้นจะมิยิ่งทำให้คนสนใจมากขึ้นหรือ?แต่เมื่อเซียวหลินเที
“ท่านเจ้าวัง!”ปี้ซงเห็นว่าหวงฝู่หลินไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงที่จะสู้กลับแล้ว เขาจึงร้องเรียกออกมาอย่างเจ็บปวดจากนั้นเขาก็เหาะเข้าไปหาโดยมิสนใจภัยคุกคามของมือสังหาร แต่เซียวหลินเทียนที่อยู่ข้างกายเขาเร็วกว่า เหาะพุ่งเข้าไปแล้วในช่วงเวลานี้ เซียวหลินเทียนก็มิกลัวที่จะเปิดเผยสมบัติของตนอีกต่อไปแล้ว เขานำกระบี่คุนอู๋ออกมาจากแหวนพระสุเมรุแล้วฟาดไปในอากาศเป็นวงโค้ง...แสงสีขาวลงมาจากท้องฟ้า มหาปราชญ์หันหลังให้เซียวหลินเทียนอยู่จึงมิเห็นแสงนั้น ทว่าหวงฝู่หลินกลับมองเห็นเห็นแสงสีขาวนั้นพุ่งลงมาใส่แขนของมหาปราชญ์ราวกับสายฟ้า ด้วยพลังที่มิอาจต้านทานได้ในตอนที่มหาปราชญ์รู้สึกได้ถึงความหนาวเย็นนั้น เขาก็ได้เห็นแขนครึ่งหนึ่งของตนลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างน่าตกใจ หลังจากนั้นเลือดจากบาดแผลที่แขนขาดไปก็ไหลออกมา“กระบี่คุนอู๋… เจ้าเป็นใคร?”มหาปราชญ์เซถอยหลังไป และในแววตาของเขาก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจและยากที่จะเชื่อ“คนที่จะเอาชีวิตเจ้า!”นี่เป็นครั้งแรกที่เซียวหลินเทียนใช้กระบี่คุนอู๋ เขามิคาดคิดเลยว่า กระบี่คุนอู๋จะทรงพลังเช่นนี้ ปราณแห่งกระบี่ที่ฟาดออกมาสามารถตัดแขนของมหาปราชญ์ได้ความมั่
ครั้งนี้แม้หวงฝู่หลินอยากจะฝืนก็ฝืนมิอยู่ เลือดสด ๆ พุ่งออกมาจากปากของเขา“หวงฝู่หลิน สวรรค์มีเส้นทางให้เจ้าไปแต่เจ้ามิไป นรกไม่มีประตูแต่เจ้าก็ยังจะบุกเข้ามา!”“ข้ากำลังคิดจะไปยึดวังเทพของเจ้าด้วยตัวข้าเองอยู่แล้วเชียว แต่เจ้าก็มาหาถึงที่ พอดีเสียจริง ข้าก็มิต้องลำบากไปที่นั่น เอาชีวิตเข้ามาเสีย!”มหาปราชญ์เหาะลงมา และยกมือขึ้นโจมตีไปที่หน้าอกของหวงฝู่หลินทางด้านเซียวหลินเทียนก็กำลังต่อสู้กับพวกมือสังหารอยู่ เมื่อเห็นภาพนี้ก็มิอาจแยกตัวออกไปได้ จึงมิสามารถช่วยเหลือได้ทันเวลาส่วนปี้ซงที่ได้รับบาดเจ็บไปแล้วก็ถูกพวกมือสังหารขวางทางอยู่เช่นกันเสือดาวหิมะและหวงฝู่หลินสื่อสารกันด้วยพลังจิต เมื่อมันรู้สึกได้ว่าเจ้านายกำลังเดือดร้อน มันก็คำรามออกมา จากนั้นก็บินเข้าไป และพุ่งเข้าใส่มหาปราชญ์ทันทีเสือดำที่ตามมาติด ๆ ก็ใช้โอกาสนี้กระโจนเข้าใส่หลังของเสือดาวหิมะ แล้วกัดเนื้อของเสือดาวหิมะเข้าไปคำใหญ่เสือดาวหิมะมิสนใจความเจ็บปวดแล้วกระโจมเข้าไป มหาปราชญ์จึงมิทันได้จัดการกับหวงฝู่หลิน แล้วต้องหันไปจัดการกับเสือดาวหิมะแทนแต่ก็สายเกินไปเสียแล้ว เสือดาวหิมะกระชากเสื้อคลุมของมหาปราชญ์ออก
เซียวหลินเทียน ปี้ซงและเผยอวี้กำลังต่อสู้อยู่กับพวกบุรุษชุดดำ ก็พลันรู้สึกว่ารอบ ๆ ตัวมีลมพัดอย่างแรง และใบไม้เหล่านั้นก็พัดมาทางหัวพวกเขาสนามแม่เหล็กที่มีพลังมหาศาลนั้นสั่นสะเทือนไปจนทั่วบริเวณเซียวหลินเทียนรีบมองไปทันที แล้วก็เห็นว่าพลังลมแห่งการปะทะกันของหวงฝู่หลินกับฝูหยางกลางอากาศนั้น เป็นแสงสีเขียวและสีน้ำเงินเกี่ยวพันกันไปมา แยกมิออกว่าใครเป็นใครเมื่อครู่ฝูหยางเรียกชื่อของหวงฝู่หลินออกมา เมื่อเซียวหลินเทียนได้ยินดังนั้น เขาก็เข้าใจขึ้นมาในทันที ที่แท้บุรุษชุดขาวที่ดูราวกับเซียนผู้นี้ก็คือ เจ้าวังหวงฝู่แห่งวังเทพบนภูเขาหิมะนี่เองก่อนหน้านี้หลิงอวี๋เคยถูกเขาขังอยู่ที่วังเทพเซียวหลินเทียนไม่มีเวลาที่จะตำหนิหวงฝู่หลินแล้ว การโจมตีรุนแรงของพวกบุรุษชุดดำทำให้เขามิสามารถรับมือได้เซียวหลินเทียนยังต้องดูแลเผยอวี้ที่มีพลังมิสูงด้วย เขาจึงเหลือบมองไปแล้วพยายามจัดการกับพวกมือสังหารอย่างเต็มที่นับตั้งแต่ที่เซียวหลินเทียนได้กระบี่คุนอู๋มา และได้เรียนรู้วิชากระบี่จากลวดลายบนกระบี่มาระยะหนึ่งแล้ว วรยุทธ์ของเขาก็พัฒนาขึ้นอย่างมากเขายกกระบี่ขึ้นมาพร้อมใช้วิชากระบี่คุนอู๋ เขาได้เปร
เมื่อเซียวหลินเทียนเห็นว่า เด็กอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเซียวเยวี่ยผู้นั้นร้องไห้ออกมาปานจะขาดใจในชั่วขณะนี้เซียวหลินเทียนก็คิดถึงเซียวเยวี่ยมาก เขาออกมานานมากจนแทบจะจำมิได้แล้วว่าเซียวเยวี่ยหน้าตาเป็นอย่างไรเมื่อเขาเห็นเด็กผู้นั้น เซียวหลินเทียนก็เกิดความรู้สึกสงสารขึ้นมาทันที“ท่าน พวกเราเข้าไปช่วยเขาเถิด!”เซียวหลินเทียนพูดยังมิทันขาดคำ ก็ได้ยินเสียงตะโกนขึ้นมา “ใคร?”จากนั้นก็มีบุรุษชุดดำหลายคนวิ่งกรูกันออกมา พร้อมกับเล็งดาบมาที่เซียวหลินเทียนกับหวงฝู่หลิน“พวกเจ้าเป็นใคร?”บุรุษชุดดำที่เป็นผู้นำตะโกนออกมาด้วยความโกรธหวงฝู่หลินจึงยิ้มเยาะ “พวกเจ้าหรือที่ทำลายตำหนักปีกเงินของสหายข้า? ใครเป็นคนวางเพลิง?”“ฮ่าฮ่าฮ่า!”บุรุษชุดดำที่เป็นผู้นำคนนั้นตะลึงไปทันที จากนั้นเขาก็หัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง ราวกับรู้สึกว่า คำถามของหวงฝู่หลินนั้นแปลกมากความตายจะมาเยือนอยู่แล้ว ยังจะเป็นห่วงอีกว่าใครเป็นคนวางเพลิง คนผู้นี้สมองมีปัญหาหรือไร!“อย่าไปคุยกับเขาให้มากความ สังหารไปเสีย!”ฝูหยางที่อยู่ข้างในตะคอกออกมาอย่างรำคาญ “ตาเฒ่าน่ารังเกียจ เจ้าจะนำออกมาให้หรือไม่ หนึ่ง… สอง…”พวกบุร
หวงฝู่หลินก็มิได้ใส่ใจ เขาค่อนข้างมิพอใจที่เซียวหลินเทียนตามติดตนมาราวกับกอเอี๊ยะที่เหนียวแน่นเช่นนี้ เขาจึงเร่งฝีเท้าขึ้นอีก แต่พลังของปี้ซงมิเท่าพลังของเขา ดังนั้นในเวลามินานเซียวหลินเทียนก็ตามมาทันแล้วใบหน้าของหวงฝู่หลินดูหม่นหมองลง และกำลังคิดว่าจะสังหารเซียวหลินเทียนดีหรือไม่ แต่แล้วเขาได้ยินเสียงแปลก ๆ… มันคือเสียงการต่อสู้ด้วยอาวุธนั่นเองดวงตาของหวงฝู่หลินดุร้ายขึ้นมาทันที และรีบขึ้นไปบนภูเขาอย่างรวดเร็ว เมื่อเขาขึ้นไปถึงครึ่งทางภูเขา เขาก็เห็นควันหนา ๆ พวยพุ่งออกมาจากตำหนักปีกเงินที่อยู่บนยอดเขานั้นเกิดเรื่องขึ้นแล้ว!หวงฝู่หลินก็ยิ่งร้อนใจ เหตุผลหลักที่เขาเลือกที่จะมาขอความช่วยเหลือจากตำหนักปีกเงินนั้น ก็เพราะว่าเหวินเหรินจิ้นเจ้าตำหนักปีกเงิน คือหนึ่งในสหายสนิทที่มีเพียงมิกี่คนของเขาและเช่นเดียวกับหวงฝู่หลิน ตำหนักปีกเงินแห่งนี้เป็นสถานที่ที่ตระกูลเหวินเหรินอาศัยอยู่มาหลายชั่วอายุคนแล้ว หวงฝู่หลินมิอนุญาตให้ผู้ใดทำลายวังเทพของตน แล้วเหวินเหรินจิ้นจะยอมให้ใครมาทำลายตำหนักปีกเงินของเขาได้อย่างไรกัน!หรือว่าเหวินเหรินจิ้นจะตกอยู่ในอันตราย?หวงฝู่หลินเร่งฝีเท้า แล้วเดิ