คำพูดนี้ของเถาจื่อรุนแรงยิ่งกว่าการตบหน้าหัวหน้าหานเสียอีกตอนนี้นางถึงได้รู้ว่า เหตุใดหลิงซวนจึงถามว่าสามารถทำได้กี่ชุดในเวลาหนึ่งก้านธูป ที่แท้ก็รอเช่นนี้นี่เอง!“พวกเจ้าหลอกลวงเจ้านาย!”เถาจื่อคว้าปกเสื้อของหัวหน้าหานไว้อย่างโหดร้าย พลางดุด่า “พูดง่าย ๆ ก็คือ มิเห็นคำสั่งของพระชายาเราอยู่ในสายตา!”“แต่หากพูดแบบรุนแรงก็คือ เป็นการดูหมิ่นองค์จักรพรรดิสูงสุด อยากให้คนในครอบครัวของพระองค์มิทันได้รับการกราบไหว้จากลูกกตัญญู!”จักรพรรดิอู่อันสวรรคตแล้ว เซียวหลินเทียนเป็นจักรพรรดิแล้ว ตอนนี้จักรพรรดิอู่อันจึงเป็นจักรพรรดิสูงสุดเหงื่อเม็ดโตผุดขึ้นมาบนหน้าผากของหัวหน้าหานแล้วไหลลงมา นางอ้าปากแต่มิรู้ว่าควรจะอธิบายตนเองอย่างไรนางแอบเสียใจ เมื่อครู่น่าจะทำชุดไว้ทุกข์บางส่วนมาให้พระชายาองค์รัชทายาทแบบขายผ้าเอาหน้ารอดไปก่อนทว่าเป็นเพราะว่าตนอวดดีจึงได้ทิ้งจุดอ่อนไว้ให้พระชายาองค์รัชทายาทรู้เมื่ออยู่ในน้ำมือของพระชายาองค์รัชทายาทเช่นนี้แล้วจะรอดพ้นความผิดไปได้อย่างไร!เถาจื่อหุ่มนางลงบนพื้น หัวหน้าหานคุกเข่าไปคำนับหลิงอวี๋ทันที“พระชายาองค์รัชทายาท บ่าวมิรับผิดชอบในคำสั่งของท่านเอง
เรื่องที่พระชายาองค์รัชทายาทตัดหัวหัวหน้าหานแห่งฝ่ายห้องเย็บปักได้แพร่ออกไปในวังอย่างรวดเร็วพวกคนที่ก่อนหน้านี้ยังคงคิดที่จะฟังคำสั่งของพระชายาเส้า และสร้างความลำบากในการทำงานต่าง ๆ ของหลิงอวี๋ต่างก็ถอนตัวไปทันทีพระชายาองค์รัชทายาทผู้นี้มิใช่คนที่จะไปยั่วยุได้ง่าย ๆ!หากมิดำเนินการตามคำสั่งของนางก็จะหัวขาดเอาได้!ผลประโยชน์ที่พระชายาเส้าจะให้พวกเขานั้นมิได้มีสิ่งใดมากกว่าไปเงิน แต่คนที่ทำงานอยู่ในตำแหน่งของหัวหน้านี้ ทุกคนรู้ดีถึงผลประโยชน์ของตำแหน่งตนขอเพียงมิเสียชีวิต การยืนหยัดอยู่ในตำแหน่งของตนแล้วทำเหมือนปฏิบัติตามคำสั่งไปเรื่อย ๆ จะสามารถเปลี่ยนวิธีหาเงินได้อีกผลประโยชน์ที่ยาวนานกับเงินเพียงเล็กน้อยของพระชายาเส้านั้นเทียบกันมิติดเลยอีกอย่างต่อให้เงินมากแค่ไหน การที่ไม่มีชีวิตให้ได้ใช้เงินนั้นก็สูญเปล่าเช่นกัน!พระชายาเส้าเองก็คิดมิถึงเช่นกันว่า ทันทีที่หลิงอวี๋ลงมือจะเป็นการตัดหัวหัวหน้าหานเลย สิ่งนี้ทำให้นางต้องรีบพาคนพุ่งไปหาหลิงอวี๋ด้วยความโกรธทันทีหากมิปรามหลิงอวี๋ไว้ ในภายภาคหน้าผู้ใดยังจะกล้าทำงานให้ตนเล่า?!หลิงอวี๋กำลังมอบหมายงานที่พวกหมิ่นกูต้องทำอยู่ที่โ
คำพูดนี้ของหลิงอวี๋เป็นการตบหน้าพระชายาเส้าตรง ๆ เห็นได้ชัดว่านี่เป็นการอาศัยความเห็นของผู้อื่นมาพูดในความจริง ก็เหลือเพียงชี้หน้าด่าพระชายาเส้าแล้วว่า มิเสียใจที่องค์จักรพรรดิอู่อันเสด็จสวรรคตแต่สนใจแค่การแย่งชิงอำนาจเท่านั้นสีหน้าของพระชายาเส้าเปลี่ยนไปมาทันที นางรู้ว่าหากพูดต่อไปตนก็คงจัดการมิได้ จึงทำได้เพียงหันหลังเดินไปอย่างมิสบอารมณ์‘หลิงอวี๋ ข้าฝากไว้ก่อนเถิด หากมิได้ปลิดชีพเจ้า ข้าคงทนความขี้ขลาดนี้มิได้’การหลบเลี่ยงบิดพลิ้วมิใช่รูปแบบของพระชายาเส้าเลยและนางก็รู้เช่นกันว่า องค์จักรพรรดิอู่อันเสด็จสวรรคตแล้วตนก็ไม่มีที่พึ่งแล้วเช่นกันแม้ว่าอุบายนี้จะใช้ได้ หลิงอวี๋ก็ไม่มีทางใช้ ทั้งยังทำให้ขุนนางกับภรรยาเหล่านั้นดูถูกตนอีกนางกับองค์ชายคังยังมิแพ้ ในภายภาคหน้าต้องมีสักวันหนึ่งที่นางได้นั่งตำแหน่งไทเฮา นางมิอาจใช้อุบายนี้มาทำลายภาพลักษณ์ที่สง่างามและใจกว้างของตนได้นี่เพิ่งจะเริ่มต้น!‘หลิงอวี๋เจ้าอย่าได้คิดว่า ตัดหัวหัวหน้าหานไปแล้วจะสามารถควบคุมวังหลังได้’‘ข้าจะให้เจ้าได้ใจไปก่อน ประเดี๋ยวเจ้าได้เห็นดีแน่’พระชายาเส้ากลับไปที่ห้องโถงที่ตั้งพระบรมศพแล้วคุกเข่า
หมิ่นกูกับหลิงซวนมองวิธีการที่หลิงอวี๋พิชิตคนแล้วก็แอบตกใจ ในขณะเดียวกันก็นับถือมาก ๆ เช่นกันพวกนางต่างก็เห็นมากับตาว่าหลิงอวี๋ถูกบีบให้เติบโตอย่างไรวังหลวงนี้เป็นหุบเหวที่มองมิเห็นก้นบึ้งของมัน หากมิอยากถูกฝังอยู่ที่นี่ก็ทำได้เพียงแค่ต้องบีบตนเองให้ปีนขึ้นไปหลังจากหลิงอวี๋ส่งคนที่จัดการงานต่าง ๆ ออกไปแล้ว ในที่สุดก็แอบหาเวลาว่างกินอะไรสักหน่อยได้หลิงซวนมองหลิงอวี๋ที่กินมูมมามอย่างปวดใจ แล้วรีบส่งถ้วยน้ำชาให้นางหลิงอวี๋ดื่มไปสองอึกก็นึกถึงเรื่องจักรพรรดิอู่อันขึ้นมาได้ จึงรีบเอ่ยกับหลิงซวน “เจ้าไปบอกกับลู่หนานหน่อยว่า ให้เขาคอยใส่ใจอาหารของท่านอ๋อง… เอ่อ องค์จักรพรรดิเป็นพิเศษหน่อย อย่าให้มีผู้ใดเล็ดลอดเข้าไปยุ่งได้เด็ดขาด!”สาเหตุการตายของจักรพรรดิอู่อันยังตรวจสอบมิชัดเจน หลิงอวี๋กังวลว่ามือสังหารที่ซุ่มซ่อนอยู่จะใช้วิธีเดิมมาลงมือกับเซียวหลินเทียนซ้ำอีก“บอกให้ลู่หนานทำทุกเรื่องด้วยตัวเอง เครื่องนอนเครื่องใช้ในสถานที่พักผ่อนขององค์จักรพรรดิก็ต้องตรวจสอบดูให้หมด หากมีสิ่งที่น่าสงสัยให้เปลี่ยนทั้งหมดทันที!”“ภายในห้องมิต้องเอาดอกไม้ใด ๆ มาจัดวาง พวกถุงหอมเครื่องหอมอะไรก็ยิ่
ลู่หนานเองก็มิได้ประกาศเรื่องนี้ออกไปครึกโครม เขาให้ขันทีเหอผู้ฉลาดซึ่งเป็นคนที่ขันทีเซี่ยหามาให้เป็นคนเอาผงยากับเครื่องหอมนี้ส่งไปให้หลิงอวี๋ตรวจสอบเล็กน้อยสิ่งที่ตรวจสอบออกมาจะต้องรู้ผลที่แน่ชัดว่าคืออะไร ให้หลิงอวี๋สามารถเตรียมการรับมือสถานการณ์ล่วงหน้าได้ มิเช่นนั้นหากรอจนตกหลุมพรางจะสายเกินไปขันทีเหอผู้นี้ปีนี้อายุยี่สิบ เป็นคนมีหน้าตาหล่อเหลา เข้าวังมาประมาณห้าหกปีแล้วก่อนหน้านี้เขาทำงานเบ็ดเตล็ดทั่วไป แม้ว่าจะเป็นคนฉลาดแต่มิได้แสดงออกมา และมิได้เอาใจองค์จักรพรรดิหรือสนมในวังเพื่อจะเลื่อนตำแหน่งตนให้สูงขึ้นด้วยขันทีเซี่ยกล้าแนะนำเขาให้เซียวหลินเทียนใช้งาน นั่นเป็นเพราะขันทีเซี่ยรู้ความลับของขันทีเหอขันทีเหอเป็นพี่น้องกับพระสนมเหอของจักรพรรดิอู่อัน ตอนนั้นสนมเหอถูกพ่อค้ามนุษย์จับตัวมาขายส่งเข้าวังขันทีเหอจึงเต็มใจขายตัวเองเข้าวังมาเพื่อน้องสาว และทำการชำระร่างกายเข้าวังมาเป็นขันทีแม้ว่าพระสนมเหอจะถูกแต่งตั้งเป็นสนม แต่วังหลังมีสาวงามอยู่เป็นจำนวนมาก นับตั้งแต่ที่นางเข้าวังมาจนตอนนี้ก็มิเคยถูกจักรพรรดิอู่อันเรียกไปปรนนิบัติเลยตอนที่ขันทีเซี่ยไปหาเขาได้พูดออกไปเพียงป
“หลิงอวี๋!” “ในปีนั้นเจ้าวางแผนการชั่วร้ายใส่ข้าอย่างไร้ยางอาย… จากนั้นยังใช้ป้ายทองอาญาสิทธิ์ที่องค์จักรพรรดิพระราชทานให้มาบีบบังคับให้ข้าแต่งงานกับเจ้า...” “มาตอนนี้ยังลอบขโมยของล้ำค่าที่เสด็จแม่ของข้าทิ้งเอาไว้ เพื่อเติมเต็มสิ่งที่เจ้าขาดหายไป! ยิ่งไปกว่านั้นคือทำร้ายเฮยจื่อเสียจนปางตาย!” “หากว่าข้ายังไว้ชีวิตเจ้าอีก ข้าก็คงจะไม่แซ่เซียวแล้ว!” ใคร? ใครกำลังพูดอยู่กัน ขณะที่เธอกึ่งหลับกึ่งตื่นอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงแส้ “เพียะ!” ดังขึ้น ทั่วทั้งตัวของหลิงอวี๋เจ็บปวดจนสั่นสะท้าน จนต้องลืมตาขึ้นมาทันที... จากนั้นเมื่อมองเห็นด้านหน้าของเธอ มีชายหนุ่มหล่อเหลา สูงส่งราวกับเทพเจ้านั่งอยู่บนรถเข็น จ้องมองยังเธออย่างแข็งกร้าว “โบย! ห้าสิบแส้! อย่าให้ขาดแม้แต่หนึ่ง!” “โบยให้ตาย แล้วจงลากไปโยนทิ้งที่สุสานรวมซะ!” เพียะ! เพียะ! เพียะ! เสียงแส้ดังออกมาพร้อมกับเสียงลมครั้งแล้วครั้งเล่ากระแทกลงบนกายของหลิงอวี๋ หลิงอวี๋เจ็บปวดจนดวงตามืดมน อีกเพียงนิดเกือบจะเป็นลมไป... หลิงอวี๋ที่เกือบจะสิ้นลมไป เธอนึกไม่ออกว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น? ท่านอ๋องอะไรกัน? เฮยจื่ออะไร? เมื่อคร
“อย่าตีท่านแม่ของข้า...” หลังจากที่เสี่ยวเมาล้มบนพื้น กระอักเลือดออกมาแล้วก็คลานเข้าไปหาหลิงอวี๋อย่างไม่ยินยอม ยังคิดที่จะใช้ร่างกายที่อ่อนแอของตนช่วยรับแส้ให้กับนางอีก หลิงอวี๋มองไปยังมุมปากของเสี่ยวเมาที่ยังคงมีเลือดไหลซึม ในใจก็ยิ่งสั่นสะท้านขึ้นมา… ในความทรงจำนั้น หลิงอวี๋ใส่ใจเสี่ยวเมาน้อยนัก ทำให้เสี่ยวเมาที่คลอดมาแข็งแรงมาก กลับยิ่งเลี้ยงดูก็ยิ่งผอมบาง... “ท่านอ๋อง… นี่? โบยต่อหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?” มือเฆี่ยนเอ่ยถามออกมาอย่างระมัดระวัง “ลากลูกนอกสมรสนั่นออกไป โบยต่อ!” ชายหนุ่มสูงส่งราวกับเทพเจ้านั้น ถึงแม้ว่าจะเห็นเสี่ยวเมากระอักเลือดออกมา ก็ยังคงดูเฉยชาไร้ซึ่งอารมณ์ดั่งเก่า “เสี่ยวเมา ไปเถอะ ปกตินางก็ไม่ได้ดูแลเจ้าดีนัก เจ้ายังสนใจว่านางจะเป็นตายไปเพื่อเหตุอันใด!” หญิงชราคนหนึ่งวิ่งเข้ามา เมื่ออุ้มเสี่ยวเมาได้ก็ออกไป “อย่าตีท่านแม่… ปล่อยข้า!” เสี่ยวเมายังคงร้องตะโกนออกมาอย่างเศร้าโศก ไม่สนใจว่าตรงมุมปากของตนจะมีเลือดไหลออกมา ดิ้นรนอย่างแรงอยู่ในอ้อมแขนของหญิงชรา หญิงชรากอดเขาเอาไว้แน่น มือเฆี่ยนยังคงโบยแส้ลงไปบนกายของหลิงอวี๋ เสี่ยวเมาเองก็ไม่รู้ว่าไปเอาแรง
“ตึกตึก… ตึก...” ไม่รู้ว่าสลบไปนานเท่าใด หลิงอวี๋ได้ยินเสียงนาฬิกาดังตึกตึกแว่ว ๆ จนลืมตาขึ้นมา... ทันใดนั้น ดวงตาของหลิงยวี่ก็สว่างขึ้น เธอพบว่าตัวเองอยู่ในห้องทดลองอิสระของตนที่วิทยาลัยแพทย์ หรือว่าตนจะเดินทางข้ามเวลากลับมาแล้ว? หลิงอวี๋ลุกขึ้นมาอย่างตื่นเต้นขึ้นมา ทว่าเพียงเคลื่อนไหวร่างกายก็รู้สึกได้ว่าทั่วทั้งร่างเจ็บปวด และยังมีเลือดสดไหลออกมา... เธอก้มหัวลงไปมองก็พบว่าร่องรอยบาดเจ็บของแส้ก็ถูกนำกลับมาด้วย! เธออดทนต่อความเจ็บปวดตามหากล่องยา แล้วฉีดยาบาดทะยักให้กับตนเอง ก่อนจะรีบจัดการบาดแผลอย่างรวดเร็ว มีรอยแส้มากมายอยู่ตรงหน้าอก แผ่นหลัง และบนใบหน้า ล้วนแต่ลึกลงสู่ผิวหนัง มองดูแล้วช่างน่าหวาดกลัวและโหดร้าย ขณะที่หลิงอวี๋กำลังจัดการอาการบาดเจ็บบนร่างกายอยู่ทางนี้นั้น ก็ก่นด่าสาปแช่งเซียวหลินเทียนไปพลาง สาปแช่งให้เขาไม่ได้ตายดี ขาดลูกหลานสืบสกุล... เมื่อคำด่า “ขาดลูก” สองคำนี้ออกมา ก็คิดถึงเสี่ยวเมาที่ปกป้องตนจนไม่อาจสาปแช่งต่อไปได้ เธอไม่ได้หวังให้เสี่ยวเมาตายไป! บาดแผลของหลิงอวี๋เพิ่งจะใส่ยาลงไป ขณะที่กำลังสวมเสื้อผ้าอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังลอยมา เ