หลายวันต่อมา ท้องฟ้าในเมืองหลวงล้วนปกคลุมไปด้วยเมฆอึมครึมขุนนางน้อยใหญ่ล้วนถูกแจ้งว่ามิต้องมาที่ราชสำนัก ตามท้องถนนในทุก ๆ วันจะมีทหารของกองทัพหลวงกับราชสำนักฝ่ายในไปจับกุมผู้คนและรื้อค้นบ้านเรือนขุนนางน้อยใหญ่หลายสิบคนที่กลุ่มขององค์ชายเว่ยเกี่ยวโยงด้วยต่างถูกจำคุกทั้งหมดแล้วรวมถึงสมาชิกในครอบครัวของพวกเขาก็ถูกโยงไปอีกหลายร้อยคนเลยทีเดียวการที่คนเหล่านี้ประสบเรื่องเหล่านี้บางคนก็สงสาร บางคนก็รู้สึกยินดีบนความทุกข์นี้เมื่อถอดถอนราชการเสนาบดีไปจำนวนหนึ่งแล้วก็หมายความว่ามีตำแหน่งราชการที่ว่างเป็นจำนวนมากที่สามารถบรรจุเพิ่มได้หลาย ๆ คนก็กำลังชั่งน้ำหนักดูแล้วว่าควรจะอยู่กับผู้ใดตอนนี้มีเพียงเซียวหลินเทียนกับองค์ชายคังที่มีน้ำหนักพอ ๆ กัน เมื่อเห็นว่าทั้งสองฝ่ายมีฝีมือพอ ๆ กันแล้วก็ยากจะตัดสินผู้ชนะบางคนก็คิดว่า ฮองเฮาเว่ยทำความผิดร้ายแรงเช่นนี้ ชั่วชีวิตนี้ก็คงไม่มีความน่าจะเป็นที่จะพลิกฟื้นกลับมาได้อีกแล้ว ในวังจึงมีพระชายาเส้าที่ยิ่งใหญ่เพียงผู้เดียว องค์ชายคังมีมารดาคอยสนับสนุนเช่นนี้ ก็นำเซียวหลินเทียนไปแล้ว!บางคนก็คิดว่าเซียวหลินเทียนมีทั้งความกล้าหาญและมีกลยุทธ์ ท
ไม่ว่าองค์หญิงใหญ่จะตีโพยตีพายอย่างไรก็ไม่มีผู้ใดสนใจคุกที่ราชสำนักฝ่ายในนั้นมืดมาก ตะเกียงน้ำมันที่มืดสลัวนั้นกะพริบไปมา แล้วบรรยากาศที่รกร้างนั้นก็กระจายออกไปจนทั่วองค์หญิงใหญ่ด่าจนเหนื่อยแล้วก็คุกเข่าลงกับพื้น ปิดหน้าร้องไห้อย่างขมขื่นมิรู้ว่ากำลังเสียใจ หรือว่ารู้สึกน้อยใจอยู่เฮ่อหรงนั่งอยู่ด้านข้างอย่างเงียบ ๆ สายตาก็จับจ้องไปที่เหล้าพิษ แววตาของเขาสั่นไหว มิรู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ผ่านไปสักพัก ก็เห็นว่าตะเกียงน้ำมันที่มืดสลัวนั้นกะพริบเล็กน้อยแล้วน้ำมันที่อยู่ในถ้วยก็หมดไป ทำให้ในคุกตกอยู่ในความมืดมิด“รังแกกันเกินไปแล้ว! แม้ข้าเป็นหงส์ที่ร่วงหล่นลงมาแต่ก็สูงส่งกว่าพวกเจ้า ใครก็ได้ มาจุดตะเกียงให้ข้าใหม่ที!”องค์หญิงใหญ่ด่าขึ้นมาอย่างโมโหแต่องค์หญิงใหญ่ตะโกนอยู่นานก็ไม่มีผู้ใดตอบรับสุดท้ายเฮ่อหรงก็ส่งเสียงออกมา เขาขยับเข้ามาแล้วยื่นมือไปโอบองค์หญิงใหญ่ไว้แล้วเอ่ยอย่างนุ่มนวล“ท่านแม่ มิต้องเรียกแล้ว ตอนนี้พวกเราเป็นนักโทษ พวกคนต่ำต้อยหัวสูงเหล่านั้นไม่มีทางสนใจพวกเราหรอก!”“รอให้พวกเราคิดหาวิธีหนีออกไปได้ก่อนแล้วค่อยสังหารพวกเขาทั้งหมด!”องค์หญิงใหญ่ร้องไห้อยู่ใน
ไทเฮากวาดสายตาไปทางเฮ่อหรงแล้วพยักหน้าเล็กน้อย “คำพูดที่ข้าพูดย่อมรักษาคำพูดอยู่แล้ว ขันทีเซี่ย เปิดประตูปล่อยเขาไป!”ขันทีเซี่ยโบกมือ จากนั้นองครักษ์ผู้หนึ่งที่อยู่ด้านหลังก็ก้าวไปเปิดประตูคุกเฮ่อหรงเดินไปที่ประตูคุกอย่างรีบร้อน พลางเอ่ยกับองค์หญิงใหญ่ “ท่านแม่ ท่านวางใจเถิด ข้าจะเก็บศพท่านและฝังท่านอย่างดี!”เขาเพิ่งจะเดินออกจากประตูคุกก็ถูกองครักษ์ที่อยู่หน้าประตูเตะเขากลิ้งเข้าไปในห้องขัง“เฉาฮุ่ย ออกมาเถิด!”ไทเฮาเบ้ปากอย่างดูถูก พลางเอ่ยกับองค์หญิงใหญ่เฮ่อหรงตะเกียกตะกายขึ้นมาพลางเอ่ยอย่างรีบร้อน “เสด็จยาย ท่านเข้าใจผิดหรือไม่ คนที่ดื่มเหล้าพิษเข้าไปคือนาง คนที่ท่านควรปล่อยคือกระหม่อมสิ!”ขันทีเซี่ยมองเฮ่อหรงอย่างดูถูกพลางเอ่ย “ไทเฮามิได้เข้าพระทัยผิดหรอก ข้าได้บอกพระราชโองการออกไปว่าให้ดื่มเหล้าไหนี้ แล้วในพวกเจ้าจะมีหนึ่งคนที่สามารถออกจากคุกได้!”“ข้ามิได้พูดชัดเจนหรือ? ก็คนที่ดื่มเหล้าไหนี้จะออกจากคุกได้ไง!”“ในเมื่อองค์หญิงใหญ่ดื่มเหล้าไหนี้ เช่นนั้นคนที่ได้ออกจากคุกก็ควรจะเป็นองค์หญิงใหญ่!”เฮ่อหรงชะงักไปทันที นี่… นี่… มิใช่อยากโอ้อวดว่าฉลาดแต่กลับโง่เขลาหรอกหรื
“หลิงอวี๋!” “ในปีนั้นเจ้าวางแผนการชั่วร้ายใส่ข้าอย่างไร้ยางอาย… จากนั้นยังใช้ป้ายทองอาญาสิทธิ์ที่องค์จักรพรรดิพระราชทานให้มาบีบบังคับให้ข้าแต่งงานกับเจ้า...” “มาตอนนี้ยังลอบขโมยของล้ำค่าที่เสด็จแม่ของข้าทิ้งเอาไว้ เพื่อเติมเต็มสิ่งที่เจ้าขาดหายไป! ยิ่งไปกว่านั้นคือทำร้ายเฮยจื่อเสียจนปางตาย!” “หากว่าข้ายังไว้ชีวิตเจ้าอีก ข้าก็คงจะไม่แซ่เซียวแล้ว!” ใคร? ใครกำลังพูดอยู่กัน ขณะที่เธอกึ่งหลับกึ่งตื่นอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงแส้ “เพียะ!” ดังขึ้น ทั่วทั้งตัวของหลิงอวี๋เจ็บปวดจนสั่นสะท้าน จนต้องลืมตาขึ้นมาทันที... จากนั้นเมื่อมองเห็นด้านหน้าของเธอ มีชายหนุ่มหล่อเหลา สูงส่งราวกับเทพเจ้านั่งอยู่บนรถเข็น จ้องมองยังเธออย่างแข็งกร้าว “โบย! ห้าสิบแส้! อย่าให้ขาดแม้แต่หนึ่ง!” “โบยให้ตาย แล้วจงลากไปโยนทิ้งที่สุสานรวมซะ!” เพียะ! เพียะ! เพียะ! เสียงแส้ดังออกมาพร้อมกับเสียงลมครั้งแล้วครั้งเล่ากระแทกลงบนกายของหลิงอวี๋ หลิงอวี๋เจ็บปวดจนดวงตามืดมน อีกเพียงนิดเกือบจะเป็นลมไป... หลิงอวี๋ที่เกือบจะสิ้นลมไป เธอนึกไม่ออกว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น? ท่านอ๋องอะไรกัน? เฮยจื่ออะไร? เมื่อคร
“อย่าตีท่านแม่ของข้า...” หลังจากที่เสี่ยวเมาล้มบนพื้น กระอักเลือดออกมาแล้วก็คลานเข้าไปหาหลิงอวี๋อย่างไม่ยินยอม ยังคิดที่จะใช้ร่างกายที่อ่อนแอของตนช่วยรับแส้ให้กับนางอีก หลิงอวี๋มองไปยังมุมปากของเสี่ยวเมาที่ยังคงมีเลือดไหลซึม ในใจก็ยิ่งสั่นสะท้านขึ้นมา… ในความทรงจำนั้น หลิงอวี๋ใส่ใจเสี่ยวเมาน้อยนัก ทำให้เสี่ยวเมาที่คลอดมาแข็งแรงมาก กลับยิ่งเลี้ยงดูก็ยิ่งผอมบาง... “ท่านอ๋อง… นี่? โบยต่อหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?” มือเฆี่ยนเอ่ยถามออกมาอย่างระมัดระวัง “ลากลูกนอกสมรสนั่นออกไป โบยต่อ!” ชายหนุ่มสูงส่งราวกับเทพเจ้านั้น ถึงแม้ว่าจะเห็นเสี่ยวเมากระอักเลือดออกมา ก็ยังคงดูเฉยชาไร้ซึ่งอารมณ์ดั่งเก่า “เสี่ยวเมา ไปเถอะ ปกตินางก็ไม่ได้ดูแลเจ้าดีนัก เจ้ายังสนใจว่านางจะเป็นตายไปเพื่อเหตุอันใด!” หญิงชราคนหนึ่งวิ่งเข้ามา เมื่ออุ้มเสี่ยวเมาได้ก็ออกไป “อย่าตีท่านแม่… ปล่อยข้า!” เสี่ยวเมายังคงร้องตะโกนออกมาอย่างเศร้าโศก ไม่สนใจว่าตรงมุมปากของตนจะมีเลือดไหลออกมา ดิ้นรนอย่างแรงอยู่ในอ้อมแขนของหญิงชรา หญิงชรากอดเขาเอาไว้แน่น มือเฆี่ยนยังคงโบยแส้ลงไปบนกายของหลิงอวี๋ เสี่ยวเมาเองก็ไม่รู้ว่าไปเอาแรง
“ตึกตึก… ตึก...” ไม่รู้ว่าสลบไปนานเท่าใด หลิงอวี๋ได้ยินเสียงนาฬิกาดังตึกตึกแว่ว ๆ จนลืมตาขึ้นมา... ทันใดนั้น ดวงตาของหลิงยวี่ก็สว่างขึ้น เธอพบว่าตัวเองอยู่ในห้องทดลองอิสระของตนที่วิทยาลัยแพทย์ หรือว่าตนจะเดินทางข้ามเวลากลับมาแล้ว? หลิงอวี๋ลุกขึ้นมาอย่างตื่นเต้นขึ้นมา ทว่าเพียงเคลื่อนไหวร่างกายก็รู้สึกได้ว่าทั่วทั้งร่างเจ็บปวด และยังมีเลือดสดไหลออกมา... เธอก้มหัวลงไปมองก็พบว่าร่องรอยบาดเจ็บของแส้ก็ถูกนำกลับมาด้วย! เธออดทนต่อความเจ็บปวดตามหากล่องยา แล้วฉีดยาบาดทะยักให้กับตนเอง ก่อนจะรีบจัดการบาดแผลอย่างรวดเร็ว มีรอยแส้มากมายอยู่ตรงหน้าอก แผ่นหลัง และบนใบหน้า ล้วนแต่ลึกลงสู่ผิวหนัง มองดูแล้วช่างน่าหวาดกลัวและโหดร้าย ขณะที่หลิงอวี๋กำลังจัดการอาการบาดเจ็บบนร่างกายอยู่ทางนี้นั้น ก็ก่นด่าสาปแช่งเซียวหลินเทียนไปพลาง สาปแช่งให้เขาไม่ได้ตายดี ขาดลูกหลานสืบสกุล... เมื่อคำด่า “ขาดลูก” สองคำนี้ออกมา ก็คิดถึงเสี่ยวเมาที่ปกป้องตนจนไม่อาจสาปแช่งต่อไปได้ เธอไม่ได้หวังให้เสี่ยวเมาตายไป! บาดแผลของหลิงอวี๋เพิ่งจะใส่ยาลงไป ขณะที่กำลังสวมเสื้อผ้าอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังลอยมา เ
หลิงอวี๋คิดที่จะหยิบเครื่องมือและยาเพื่อไปช่วยรักษาเสี่ยวเมา ทว่าประตูห้องใหญ่ก็ถูกเปิดขึ้นในทันที นางรับใช้แม่นมที่อยู่ด้านนอกอาจจะเข้ามาได้ทุกเมื่อ หลิงอวี๋จึงไม่กล้าที่จะทำอะไรผลีผลาม ทำได้เพียงแต่สงบนิ่งรอคอยเวลา พ่อบ้านฟั่นด้านนอกนั้นถูกแม่นมลี่ถามไถ่จนรู้สึกรำคาญใจ จึงใช้เท้าเตะแม่นมลี่ แล้วเอ่ยออกมาอย่างเย็นชาไร้ปรานี “ไสหัวไป สุนัขดี ๆ จะต้องไม่มาขวางทาง” เมื่อหลิงอวี๋มองออกไป ก็พบว่าแม่นมลี่ถูกผลักจนล้มลงบนพื้นอย่างแรง ดูเหมือนว่า แม่นมลี่เองก็คงจะถูกแส้หวดมาก่อน เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง บนใบหน้ายังมีคราบเลือดอยู่ไม่น้อย... “แม่นมลี่ เจ้าอย่ามามัวเสียเวลาอีกเลย รีบจัดการเก็บกวาดอยู่ในเรือนบุหงาเสียดี ๆ เถิด!” นางรับใช้ที่ดูหยิ่งยโสคนหนึ่งยืนอยู่ด้านหน้าของแม่นมลี่ เอ่ยออกมาอย่างได้ใจ “พ่อบ้านฟั่นได้เลื่อนขั้นให้ข้าเป็นนางรับใช้ใหญ่แล้ว ต่อไปทุกคนในเรือนบุหงาจะต้องอยู่ภายใต้การดูแลของข้า” “ท่านอ๋องทรงรับสั่งมาแล้วว่า หากพวกเจ้ายังจะไม่เชื่อฟัง ข้าก็มีอำนาจทีจะทุบตีพวกเจ้าจนตายได้!” “หลิงผิง เจ้าเป็นนางรับใช้ข้างกายของพระชายา สัญญาทาสยังอยู่ในมือของพระชายา เจ้าม
หลิงอวี๋ฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง ก็พบว่าตนเองนอนอยู่บนหลุมธรรมดา มีตะเกียงน้ำมันแสงสลัวแขวนอยู่บนกำแพงดินเก่า ๆ ส่วนเสี่ยวเมาที่นอนข้างกายเธอนั้น อาการบาดเจ็บก็สาหัสมากยิ่งขึ้น! หลิงอวี๋รู้สึกได้ว่าเจ็บปวดตรงหน้าอก นี่เป็นความรู้สึกของเสี่ยวเมาที่เธอรับรู้ได้! หลิงอวี๋คุ้นชินกับความรับรู้ที่เหนือธรรมชาติของตนเองได้แล้ว จึงได้คลานไปอย่างต้องการจะช่วยเสี่ยวเมาตรวจอาการอีกสักครั้ง ในเวลานี้ เธอได้ยินเสียงของคนพูดคุยกันอยู่ด้านนอก น้ำเสียงดูเขินอาย “พี่หลิงหลาน พี่ช่วยไปขอร้องพี่หลิงผิง ให้นางช่วยตามหมอมาให้กับคุณชายน้อยและแม่นมลี่ทีเถิด! แม่นมลี่อายุมากแล้ว นางไม่มีทางทนได้!” หลิงหลานเอ่ยออกมาด้วยความโมโห “แม่นมลี่และข้าถูกเจ้าหมูโง่นั่นทำให้ลำบากแล้ว ต่างก็ถูกเฆี่ยนกันคนละสามสิบครั้ง ทั่วทั้งร่างกายของข้าล้วนแต่เต็มไปด้วยบาดแผล! จะมีหมอที่ไหนมาดูพวกเรากัน! ท่านหมอที่มีชื่อในเมืองหลวงล้วนแต่ถูกท่านอ๋องเรียกไปทางด้านของเฮยจื่อหมดแล้ว!” “ข้าเพิ่งจะได้ยินมาว่า หมอเหล่านั้นเองก็มิอาจทำอะไรกับอาการบาดเจ็บของเฮยจื่อได้เลย คุณชายเฮยจื่อหากว่าไม่อาจมีชีวิตอยู่ต่อได้ พวกเราทั้งหมดคงจะต้องถ