“เจ้ามิอยากเป็นที่โปรดปรานขององค์จักรพรรดิดังเช่นพวกพระชายาเส้าหรือ?”อันเจ๋อเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง มิรู้ว่าเพราะเหตุใด ใจของเขาถึงได้เต้นรัวเมื่อเอ่ยถามออกไปกลัวว่าเจียงอวี้จะทำให้ตนผิดหวัง!“ข้าอยากกลับบ้าน ข้าคิดถึงท่านพ่อท่านแม่… ต่อให้ข้ามั่งคั่งรุ่งเรืองเพียงใด แต่มิสามารถเจอพวกท่านได้บ่อย ๆ จะมีประโยชน์อันใดเล่า!”เจียงอวี้บ่นพึมพำอย่างมึน ๆ งง ๆ“ท่านแม่… ข้าอยากกินเกี๊ยวที่ท่านห่อ ใส่เนื้อเยอะ ๆ เลยนะเจ้าคะ...”น้ำตาไหลรินลงมาที่หางตาของเจียงอวี้ นางฝันว่าได้กินเกี๊ยวที่ฮูหยินเจียงห่อให้แล้วน้ำตานี้ทำให้อันเจ๋อมั่นคงกลับสู่ที่เดิม เขามิได้มองผิดไป เจียงอวี้มิใช่คนหยิ่งยโส!เขายื่นมือออกไปเช็ดน้ำตาที่หางตาของเจียงอวี้เบา ๆ“ยายโง่ อีกมินานข้าจะทำให้เจ้าได้กินเกี๊ยวที่ท่านแม่ของเจ้าห่อให้นะ!”กระทั่งอันเจ๋อเดินออกมา กองทัพหลวงนำโดยรองราชองครักษ์ก็ได้เริ่มจัดการเก็บกวาดศพแล้วองค์หญิงใหญ่ เฮ่อหรง องค์ชายเว่ยและฮองเฮาเว่ยถูกท่านอ๋องเฉิงพาตัวไปที่ราชสำนักฝ่ายในชุดฮองเฮาของฮองเฮาเว่ยถูกถอดออกไปแล้ว นางมองต้นไม้ดอกไม้ในวังด้วยสีหน้าเซื่องซึม พร้อมกับตำหนักที่คุ้นเคยที่
หลายวันต่อมา ท้องฟ้าในเมืองหลวงล้วนปกคลุมไปด้วยเมฆอึมครึมขุนนางน้อยใหญ่ล้วนถูกแจ้งว่ามิต้องมาที่ราชสำนัก ตามท้องถนนในทุก ๆ วันจะมีทหารของกองทัพหลวงกับราชสำนักฝ่ายในไปจับกุมผู้คนและรื้อค้นบ้านเรือนขุนนางน้อยใหญ่หลายสิบคนที่กลุ่มขององค์ชายเว่ยเกี่ยวโยงด้วยต่างถูกจำคุกทั้งหมดแล้วรวมถึงสมาชิกในครอบครัวของพวกเขาก็ถูกโยงไปอีกหลายร้อยคนเลยทีเดียวการที่คนเหล่านี้ประสบเรื่องเหล่านี้บางคนก็สงสาร บางคนก็รู้สึกยินดีบนความทุกข์นี้เมื่อถอดถอนราชการเสนาบดีไปจำนวนหนึ่งแล้วก็หมายความว่ามีตำแหน่งราชการที่ว่างเป็นจำนวนมากที่สามารถบรรจุเพิ่มได้หลาย ๆ คนก็กำลังชั่งน้ำหนักดูแล้วว่าควรจะอยู่กับผู้ใดตอนนี้มีเพียงเซียวหลินเทียนกับองค์ชายคังที่มีน้ำหนักพอ ๆ กัน เมื่อเห็นว่าทั้งสองฝ่ายมีฝีมือพอ ๆ กันแล้วก็ยากจะตัดสินผู้ชนะบางคนก็คิดว่า ฮองเฮาเว่ยทำความผิดร้ายแรงเช่นนี้ ชั่วชีวิตนี้ก็คงไม่มีความน่าจะเป็นที่จะพลิกฟื้นกลับมาได้อีกแล้ว ในวังจึงมีพระชายาเส้าที่ยิ่งใหญ่เพียงผู้เดียว องค์ชายคังมีมารดาคอยสนับสนุนเช่นนี้ ก็นำเซียวหลินเทียนไปแล้ว!บางคนก็คิดว่าเซียวหลินเทียนมีทั้งความกล้าหาญและมีกลยุทธ์ ท
ไม่ว่าองค์หญิงใหญ่จะตีโพยตีพายอย่างไรก็ไม่มีผู้ใดสนใจคุกที่ราชสำนักฝ่ายในนั้นมืดมาก ตะเกียงน้ำมันที่มืดสลัวนั้นกะพริบไปมา แล้วบรรยากาศที่รกร้างนั้นก็กระจายออกไปจนทั่วองค์หญิงใหญ่ด่าจนเหนื่อยแล้วก็คุกเข่าลงกับพื้น ปิดหน้าร้องไห้อย่างขมขื่นมิรู้ว่ากำลังเสียใจ หรือว่ารู้สึกน้อยใจอยู่เฮ่อหรงนั่งอยู่ด้านข้างอย่างเงียบ ๆ สายตาก็จับจ้องไปที่เหล้าพิษ แววตาของเขาสั่นไหว มิรู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ผ่านไปสักพัก ก็เห็นว่าตะเกียงน้ำมันที่มืดสลัวนั้นกะพริบเล็กน้อยแล้วน้ำมันที่อยู่ในถ้วยก็หมดไป ทำให้ในคุกตกอยู่ในความมืดมิด“รังแกกันเกินไปแล้ว! แม้ข้าเป็นหงส์ที่ร่วงหล่นลงมาแต่ก็สูงส่งกว่าพวกเจ้า ใครก็ได้ มาจุดตะเกียงให้ข้าใหม่ที!”องค์หญิงใหญ่ด่าขึ้นมาอย่างโมโหแต่องค์หญิงใหญ่ตะโกนอยู่นานก็ไม่มีผู้ใดตอบรับสุดท้ายเฮ่อหรงก็ส่งเสียงออกมา เขาขยับเข้ามาแล้วยื่นมือไปโอบองค์หญิงใหญ่ไว้แล้วเอ่ยอย่างนุ่มนวล“ท่านแม่ มิต้องเรียกแล้ว ตอนนี้พวกเราเป็นนักโทษ พวกคนต่ำต้อยหัวสูงเหล่านั้นไม่มีทางสนใจพวกเราหรอก!”“รอให้พวกเราคิดหาวิธีหนีออกไปได้ก่อนแล้วค่อยสังหารพวกเขาทั้งหมด!”องค์หญิงใหญ่ร้องไห้อยู่ใน
ไทเฮากวาดสายตาไปทางเฮ่อหรงแล้วพยักหน้าเล็กน้อย “คำพูดที่ข้าพูดย่อมรักษาคำพูดอยู่แล้ว ขันทีเซี่ย เปิดประตูปล่อยเขาไป!”ขันทีเซี่ยโบกมือ จากนั้นองครักษ์ผู้หนึ่งที่อยู่ด้านหลังก็ก้าวไปเปิดประตูคุกเฮ่อหรงเดินไปที่ประตูคุกอย่างรีบร้อน พลางเอ่ยกับองค์หญิงใหญ่ “ท่านแม่ ท่านวางใจเถิด ข้าจะเก็บศพท่านและฝังท่านอย่างดี!”เขาเพิ่งจะเดินออกจากประตูคุกก็ถูกองครักษ์ที่อยู่หน้าประตูเตะเขากลิ้งเข้าไปในห้องขัง“เฉาฮุ่ย ออกมาเถิด!”ไทเฮาเบ้ปากอย่างดูถูก พลางเอ่ยกับองค์หญิงใหญ่เฮ่อหรงตะเกียกตะกายขึ้นมาพลางเอ่ยอย่างรีบร้อน “เสด็จยาย ท่านเข้าใจผิดหรือไม่ คนที่ดื่มเหล้าพิษเข้าไปคือนาง คนที่ท่านควรปล่อยคือกระหม่อมสิ!”ขันทีเซี่ยมองเฮ่อหรงอย่างดูถูกพลางเอ่ย “ไทเฮามิได้เข้าพระทัยผิดหรอก ข้าได้บอกพระราชโองการออกไปว่าให้ดื่มเหล้าไหนี้ แล้วในพวกเจ้าจะมีหนึ่งคนที่สามารถออกจากคุกได้!”“ข้ามิได้พูดชัดเจนหรือ? ก็คนที่ดื่มเหล้าไหนี้จะออกจากคุกได้ไง!”“ในเมื่อองค์หญิงใหญ่ดื่มเหล้าไหนี้ เช่นนั้นคนที่ได้ออกจากคุกก็ควรจะเป็นองค์หญิงใหญ่!”เฮ่อหรงชะงักไปทันที นี่… นี่… มิใช่อยากโอ้อวดว่าฉลาดแต่กลับโง่เขลาหรอกหรื
คำกล่าวโทษของเฮ่อหรงทำให้องค์หญิงใหญ่ราวกับถูกฟ้าผ่า นางเบิกตาโตอย่างมิอยากจะเชื่อ จ้องมองเฮ่อหรงพลางเอ่ยถามเสียงสั่น“เจ้า… เจ้าบอกว่าข้าบังคับเจ้าทั้งหมดรึ?”“หรือมิใช่?”เฮ่อหรงน้ำตาไหลลงมาอย่างน้อยใจระคนเสียใจ “เมื่อตอนข้าเพิ่งจะห้าขวบ ก็ถูกท่านเอาแส้มาคอยกำกับดูแลอยู่ข้าง ๆ ให้ฝึกวรยุทธ! ยืนมิตรงก็ถูกท่านตี เคลื่อนไหวมิถูกก็ถูกท่านตี!”“ข้าเป็นลูกชายของท่านมิใช่ลูกน้องของท่านนะ!”“ข้ามีวรยุทธสู้ที่ยอดเยี่ยมแล้วอย่างไรเล่า? ข้าสังหารคนได้แล้วอย่างไรเล่า? ข้าสามารถสังหารพวกท่านได้หรือ… พวกท่านต่างหากที่เป็นคนที่ข้าอยากจะสังหารมากที่สุด!”เฮ่อหรงใบหน้าบิดเบี้ยว เขาหัวเราะออกมาพลางเอ่ย “เมื่อครู่ มิว่าจะเหล้าไหไหนข้าก็จะป้อนให้ท่านดื่มโดยมิลังเลเลยสักนิด!”“เพราะว่าข้านึกถึงวันนี้มานานแสนนานแล้ว… มีเพียงแค่ท่านตายไปเท่านั้น ในภายภาคหน้าจึงจะไม่มีผู้ใดมาคอยยุ่งคอยบังคับข้าอีก!”“ฮ่าฮ่า ข้าโชคดีมากกว่าอีกที่ท่านมิสามารถชิงบัลลังก์ได้สำเร็จ! มิเช่นนั้นต่อให้ข้าเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดก็จะต้องถูกท่านคอยควบคุมอยู่ดี แล้วข้าจะต่างอะไรกับหุ่นเชิดเล่า?”ไทเฮากับขันทีเซี่ยได้ยินดังนั้นก็ต
ส่วนเซี่ยโฮ่วตานรั่วกับองค์ชายหนิง ทั้งสองก็ถูกขังอยู่ที่ราชสำนักฝ่ายในเช่นกันพวกขุนนางฝ่ายบู๊ที่ติดตามทั้งสองมาและเข้าร่วมเรื่องที่เกิดขึ้นในวังวันนั้นก็ถูกขังอยู่ในเรือนจำกระทรวงยุติธรรมด้วยขุนนางฝ่ายบุ๋นที่ฉีตะวันออกพามาด้วยที่อยู่ในที่พักก็ถูกกรมกลาโหมออกคำสั่งขับไล่ไปแล้ว ให้พวกเขาออกจากเมืองหลวงภายในสามวันที่ปรึกษาขององค์ชายหนิงได้พูดคุยกับเจ้ากรมกลาโหมว่าด้วยความสัมพันธ์ของทั้งสองแคว้นจะไม่มีการสังหารทูต และบอกว่าจักรพรรดิอู่อันไม่มีสิทธิ์คุมขังองค์ชายหนิงเจ้ากรมกลาโหมที่มารับตำแหน่งใหม่นั้นเป็นคนที่ท่านอดีตเสนาบดีแนะนำมา นั่นก็คือแม่ทัพสือผู้เป็นอดีตรองเจ้ากรมกลาโหมปีนี้แม่ทัพสือเพิ่งจะอายุสี่สิบ มีความสามารถทั้งบุ๋นและบู๊ และยังมีนิสัยที่ตรงไปตรงมาเขาปฏิเสธการโต้แย้งข้าง ๆ คู ๆ ของที่ปรึกษาองค์ชายหนิงไปอย่างหนักแน่น พลางเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา “เรามิสังหารองค์ชายหนิงกับองค์หญิงตานรั่วหรอก! แต่พวกเขากล้ายุยงให้องค์ชายก่อเรื่องทั้งยังแทรกแซงเรื่องการเมืองของฉินตะวันตกของเราอีก พวกเขาก็ต้องได้รับการปฏิบัติดังเชลยศึก!”“หากต้องการให้พวกเขากลับฉีตะวันออกก็ให้องค์จักรพรรดิข
คำพูดของหมิ่นกูทำเอาหลิงอวี๋ตะลึงไปครู่หนึ่ง แต่จากนั้นหลิงอวี๋ก็ยิ้มออกมาวันนั้นมีเหตุชิงบัลลังก์ ภายในวังเกิดความโกลาหลวุ่นวายไปหมด คาดมิถึงเลยว่าที่ตำหนักอ๋องอี้เองก็วุ่นวายเช่นกันมีคนฉวยโอกาสช่วงชุลมุนวางยาพิษจนองค์หญิงหกเซียวทงเป็นใบ้ จื่อผิงก็ฉวยโอกาสชุลมุนสังหารเสวี่ยฉินอีกนี่หากเป็นเพียงปกติที่มีบุญคุณความแค้นกันก็ยังพอว่า แต่หากมีแรงจูงใจอื่นก็น่ากลัวแล้ว!ตอนนี้อนุชายาทั้งสี่ก็เหลืออยู่เพียงเนี่ยนจือกับจื่อผิงที่ยากจะคาดเดาที่สุดแล้ว เช่นนั้นควรจะเก็บสองคนนี้ไว้หรือไม่กัน?หลิงอวี๋เพียงคิดดูแต่ก็ยังตัดสินใจเก็บสองคนนี้เอาไว้ก่อนเมื่อเห็นว่าเซียวหลินเทียนได้รับความสำคัญจากองค์จักรพรรดิมากขึ้นทุกวัน บรรดาขุนนางเหล่านั้นจะต้องพยายามวางแผนส่งคนเข้ามาอย่างแน่นอน เก็บสองคนนี้ไว้ก็สามารถช่วยตนจัดการกับพวกคนมิดีเหล่านั้นได้!คนเลวย่อมต้องมีคนเลวกว่ามาจัดการ ตนมิได้มีเวลามาจัดการกับเรื่องมิดีภายในบ้านพวกนี้ การที่สองคนนี้ช่วยตนจับตามองไว้ก็นับว่าเป็นประโยชน์แล้ว“มิต้องไปยุ่งกับนาง ให้คนคอยจับตาดูพวกนางทั้งสองคนอย่างเงียบ ๆ หากมีสิ่งใดที่เป็นผลเสียต่อตำหนักอ๋องอี้ค่อยมาแจ้
หลิงอวี๋มิอยากให้หานอวี้รู้สึกว่าพวกนางต่ำต้อย จึงเอ่ยไปอย่างอดทน“พวกเจ้าล้วนเป็นพี่น้องที่ดีของข้าก็น่าจะรู้ดีว่าข้ามิเคยมองว่าพวกเจ้าเป็นทาส ข้าเองก็หวังให้พวกเจ้าได้แต่งงานดี ๆ เช่นกัน!”“เจ้าจำไว้นะหานอวี้ พวกเจ้ามิเคยเป็นคนต่ำต้อย เรื่องแต่งงานก็อย่าได้ด้อยค่าตนเอง ทองคำจะสามารถส่องแสงได้ด้วยตนเอง ทำให้คนอื่นเห็นแล้วมาร้องขอเอง!”หานอวี้คล้ายจะเข้าใจคำพูดของหลิงอวี๋แต่ก็มิเข้าใจ แต่ว่าก็รับเอาไว้หลิงอวี๋มองนางเดินจากไปแล้วก็ครุ่นคิดว่า พวกนางรับใช้ที่อยู่ข้างกายตนนั้นล้วนถึงวัยแต่งงานกันหมดแล้ว นางเองก็ควรที่จะเป็นห่วงเรื่องการแต่งงานของพวกนางแล้วเช่นกันหลิงอวี๋กลับไปที่ตำหนักอ๋องอี้ นางมิได้รีบร้อนไปรับพวกของหลิงเยวี่ยกับแม่นมลี่กลับมานางต้องจัดการเรื่องความสัมพันธ์ของตนกับเซียวหลินเทียนก่อนแม้ว่าเรื่องที่ฉินรั่วซือควบคุมจิตใต้สำนึกของเซียวหลินเทียนจะมิใช่ความผิดของเซียวหลินเทียนแต่สิ่งที่เซียวหลินเทียนแสดงออกมาในครั้งนี้ก็ทำให้หลิงอวี๋ผิดหวังกับเขามากหลิงอวี๋กลับไปที่ตำหนักอ๋องอี้แต่มิได้ไปอาศัยอยู่ที่เรือนริมวารี ทำให้พวกองครักษ์เช่นลู่หนานค่อนข้างวิตกกันไปหมด ห
เซียวหลินเทียนฟังแล้วก็ทั้งโกรธทั้งโมโห ก่อนหน้านี้ที่หานเหมยบอกมิได้ละเอียดถึงเพียงนี้ และหานเหมยก็มิเคยบอกด้วยว่าใบหน้าของหลิงอวี๋ถูกจ้าวหรุ่ยหรุ่ยกรีดจนเป็นแผลความทรงจำของหานเหมยสูญหายไปบางส่วน ซึ่งนี่ก็คือผลกระทบที่ได้มาจากการถูกผนึก ดังนั้นจะโทษหานเหมยก็มิได้เมื่อได้ยินว่าหลิงอวี๋สูญเสียวรยุทธ์ไป ทั้งยังถูกเสวี่ยเหมยกลั่นแกล้งอีก เซียวหลินเทียนก็คิดเพียงอยากจะแทงเสวี่ยเหมยและลิ่งหูหลินผู้นั้นให้ตายไปเสียส่วนเรื่องที่หวงฝู่หลินรับหลิงอวี๋เป็นน้องสาวบุญธรรมนั้น เซียวหลินเทียนมิได้คิดเป็นจริงเป็นจังอะไร เขาหรือจะมิรู้ว่าหวงฝู่หลินไม่มีทางรับหลิงอวี๋เป็นน้องสาวบุญธรรมจริง ๆ หรอก“ท่านเจ้าวังของเราให้ป้าวเฉิงไปตามหาหลิงอวี๋ เพราะต้องการจะขอตำรับยาที่นางมีอยู่ในมือ มิใช่เพราะต้องการจะทำให้นางลำบาก!”ปี้ซงอธิบายทุกสิ่งออกมาอย่างชัดเจนแม้ว่าเซียวหลินเทียนจะรู้สึกว่าเขาไม่มีทางพูดความจริงออกมาทั้งหมด แต่ก็ยังเชื่อไปกว่าครึ่งอยู่ดีหลังจากครุ่นคิดดูแล้ว เซียวหลินเทียนก็รู้สึกว่า ในเมื่อหวงฝู่หมิงจูถูกเสวี่ยเหมยจับตัวไป และเสวี่ยเหมยก็เป็นผู้ร้ายที่ลักพาตัวหลิงอวี๋ไปด้วย เช่นนั้นก
ใบหน้าหล่อเหลาของเซียวหลินเทียนมีความเศร้าอยู่จาง ๆ เขายืนอยู่บนบันได ซากปรักหักพังด้านหลังเหล่านั้น เมื่ออยู่ภายใต้แสงสะท้อนของดวงอาทิตย์ยามเย็นก็ทำให้เห็นความหดหู่และโดดเดี่ยวอย่างชัดเจนแต่แสงของดวงอาทิตย์ยามเย็นที่ส่องลงมาบนตัวของเซียวหลินเทียนนั้น ทำให้เขาดูเหมือนมีแสงสีทองระยิบระยับอยู่ทั้งที่เห็น ๆ กันอยู่ว่าเขาก็ยังเป็นคนเดิม แต่กลับดูราวกับว่าเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ทำให้มิอาจมองเขาตรง ๆ ได้!ทันใดนั้นหวงฝู่หลินก็รู้สึกถึงความรู้สึกกดดันที่มิเคยมีมาก่อนจู่ ๆ เขาก็มีลางสังหรณ์ว่า ในภายภาคหน้าพลังของเซียวหลินเทียนจะประสบความสำเร็จ จะต้องอยู่เหนือไปกว่าของตนมาก และอยู่เหนือกว่าบรรดายอดฝีมือในแดนเทพอย่างแน่นอน!เหนือกว่าแม้กระทั่งหลงอี้ด้วย...เซียวหลินเทียนมองไปไกล ๆ แล้วนึกฉากเมื่อครู่เหวินเหรินจิ้นพาเขาเข้าไป และมิเพียงแต่มอบรายชื่อบรรดาศิษย์ของตำหนักปีกเงินให้ตนเท่านั้น แต่ยังมอบเงินทั้งหมดที่ตำหนักปีกเงินเก็บไว้หลายปีให้ตนด้วยนอกจากนี้แล้ว ก็ยังมีมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ศักดิ์สิทธิ์ที่มหาปราชญ์ต้องการอย่างหม้อมังกรศักดิ์สิทธิ์อีกด้วยสุดท้ายเหวินเหรินจิ้นก็ยังพยายามถ่ายพ
หวงฝู่หลินมองเหวินเหรินจิ้นด้วยความสงสาร จากนั้นก็ประคองเขานั่งขึ้นมา แล้วเอ่ยไปอย่างเรียบ ๆ “เจ้าคงมิอยากจากไปโดยที่มิได้ทิ้งคำพูดอะไรไว้แน่!”“ต่อให้ยานั้นจะล้ำค่ามากเพียงใด ก็มิล้ำค่าเท่ากับเจ้า...พูดมาเถิด ยังมีความปรารถนาใดอีกที่เจ้ายังมิสมหวัง ขอเพียงข้าสามารถทำได้ ข้าก็จะช่วยเจ้าอย่างแน่นอน!”หวงฝู่หลินคิดเช่นนั้นจริง ๆ ดังนั้นเขาจึงป้อนโอสถช่วยชีวิตอันล้ำค่าที่ตนสกัดอย่างพิถีพิถันให้กับเหวินเหรินจิ้น เขามิอยากให้สหายผู้นี้ตายตามิหลับเหวินเหรินจิ้นมองหลานชายที่กำลังร้องไห้อยู่ข้าง ๆ แล้วหวงฝู่หลินก็เข้าใจทันที “ข้าจะให้คนดูแลเขาเอง!”เหวินเหรินจิ้นจึงฝืนยิ้มออกมา “ให้เขาเติบโตอย่างเรียบง่าย ลืมตระกูลนี้ไปเสีย และลืมทุกสิ่งทุกอย่างที่ประสบไปให้หมด!”“ได้!”หวงฝู่หลินมิได้พูดอะไรมาก แต่เหวินเหรินจิ้นรู้ว่า เขาเป็นคนพูดคำไหนคำนั้น จึงพยักหน้าอย่างพึงพอใจ“ข้าขอฝากตำหนักปีกเงินไว้กับเจ้า...ข้าได้คำนวณชะตาไว้แล้วว่าจะมีภัยพิบัติเช่นนี้ ข้าจึงแสร้งป่วยแล้วให้ลูกศิษย์ของตำหนักทั้งหมดกระจายกันออกไป...”“แต่ข้ามิวางใจ ข้ากังวลว่า หากมหาปราชญ์หาหม้อมังกรศักดิ์สิทธิ์มิเจอ แล้วจะ
เผยอวี้เห็นว่าหวงฝู่หลินหน้าซีดเซียว ดูท่าทางเหมือนจะหมดสติไปได้ทุกเมื่อ ดังนั้นเขาจึงมิรีรอแล้วคุกเข่าลงไป จากนั้นก็ยัดลำไส้ของเสือดาวหิมะกลับตามคำชี้แนะของหวงฝู่หลินแล้วหวงฝู่หลินก็นำเครื่องยาสมุนไพรและเข็มกับด้ายออกมาจากแหวนพระสุเมรุ จากนั้นเขาก็ส่งเข็มกับด้ายให้เผยอวี้ “ช่วยเย็บแผลให้มันที!”เผยอวี้ตะลึงไปทันที เขาจับมีดจับกระบี่ได้ แต่เขาใช้เข็มกับด้ายมิเป็น!เมื่อเซียวหลินเทียนเห็นสถานการณ์เช่นนี้ เขาก็นึกขึ้นได้ว่า ตอนที่ตนพิชิตกระบี่คุนอู๋ ก็เคยบาดมือมาก่อน แต่เมื่อฝ่ามือของเขาจับที่กระบี่คุนอู๋ ก็รักษาตัวได้อย่างน่าอัศจรรย์เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งว่าควรจะใช้กระบี่คุนอู๋รักษาเสือดาวหิมะหรือไม่!เขาเข้าใจหลักการที่ว่า ทรัพย์สมบัติมิควรเปิดเผยออกมา หากว่าในวันนี้มิใช่สถานการณ์วิกฤต เขาก็ไม่มีทางนำกระบี่คุนอู๋ออกมาแน่แต่ตอนนี้มหาปราชญ์รู้แล้วว่า กระบี่คุนอู๋อยู่ในมือของตน มันจะต้องนำความยุ่งยากมาหาตนมิจบสิ้น เช่นเดียวกับหยกหล้าสุขาวดีของหลิงอวี๋อย่างแน่นอน!หากเปิดเผยเรื่องที่กระบี่คุนอู๋สามารถรักษาบาดแผลได้ไปอีก เช่นนั้นจะมิยิ่งทำให้คนสนใจมากขึ้นหรือ?แต่เมื่อเซียวหลินเที
“ท่านเจ้าวัง!”ปี้ซงเห็นว่าหวงฝู่หลินไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงที่จะสู้กลับแล้ว เขาจึงร้องเรียกออกมาอย่างเจ็บปวดจากนั้นเขาก็เหาะเข้าไปหาโดยมิสนใจภัยคุกคามของมือสังหาร แต่เซียวหลินเทียนที่อยู่ข้างกายเขาเร็วกว่า เหาะพุ่งเข้าไปแล้วในช่วงเวลานี้ เซียวหลินเทียนก็มิกลัวที่จะเปิดเผยสมบัติของตนอีกต่อไปแล้ว เขานำกระบี่คุนอู๋ออกมาจากแหวนพระสุเมรุแล้วฟาดไปในอากาศเป็นวงโค้ง...แสงสีขาวลงมาจากท้องฟ้า มหาปราชญ์หันหลังให้เซียวหลินเทียนอยู่จึงมิเห็นแสงนั้น ทว่าหวงฝู่หลินกลับมองเห็นเห็นแสงสีขาวนั้นพุ่งลงมาใส่แขนของมหาปราชญ์ราวกับสายฟ้า ด้วยพลังที่มิอาจต้านทานได้ในตอนที่มหาปราชญ์รู้สึกได้ถึงความหนาวเย็นนั้น เขาก็ได้เห็นแขนครึ่งหนึ่งของตนลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างน่าตกใจ หลังจากนั้นเลือดจากบาดแผลที่แขนขาดไปก็ไหลออกมา“กระบี่คุนอู๋… เจ้าเป็นใคร?”มหาปราชญ์เซถอยหลังไป และในแววตาของเขาก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจและยากที่จะเชื่อ“คนที่จะเอาชีวิตเจ้า!”นี่เป็นครั้งแรกที่เซียวหลินเทียนใช้กระบี่คุนอู๋ เขามิคาดคิดเลยว่า กระบี่คุนอู๋จะทรงพลังเช่นนี้ ปราณแห่งกระบี่ที่ฟาดออกมาสามารถตัดแขนของมหาปราชญ์ได้ความมั่
ครั้งนี้แม้หวงฝู่หลินอยากจะฝืนก็ฝืนมิอยู่ เลือดสด ๆ พุ่งออกมาจากปากของเขา“หวงฝู่หลิน สวรรค์มีเส้นทางให้เจ้าไปแต่เจ้ามิไป นรกไม่มีประตูแต่เจ้าก็ยังจะบุกเข้ามา!”“ข้ากำลังคิดจะไปยึดวังเทพของเจ้าด้วยตัวข้าเองอยู่แล้วเชียว แต่เจ้าก็มาหาถึงที่ พอดีเสียจริง ข้าก็มิต้องลำบากไปที่นั่น เอาชีวิตเข้ามาเสีย!”มหาปราชญ์เหาะลงมา และยกมือขึ้นโจมตีไปที่หน้าอกของหวงฝู่หลินทางด้านเซียวหลินเทียนก็กำลังต่อสู้กับพวกมือสังหารอยู่ เมื่อเห็นภาพนี้ก็มิอาจแยกตัวออกไปได้ จึงมิสามารถช่วยเหลือได้ทันเวลาส่วนปี้ซงที่ได้รับบาดเจ็บไปแล้วก็ถูกพวกมือสังหารขวางทางอยู่เช่นกันเสือดาวหิมะและหวงฝู่หลินสื่อสารกันด้วยพลังจิต เมื่อมันรู้สึกได้ว่าเจ้านายกำลังเดือดร้อน มันก็คำรามออกมา จากนั้นก็บินเข้าไป และพุ่งเข้าใส่มหาปราชญ์ทันทีเสือดำที่ตามมาติด ๆ ก็ใช้โอกาสนี้กระโจนเข้าใส่หลังของเสือดาวหิมะ แล้วกัดเนื้อของเสือดาวหิมะเข้าไปคำใหญ่เสือดาวหิมะมิสนใจความเจ็บปวดแล้วกระโจมเข้าไป มหาปราชญ์จึงมิทันได้จัดการกับหวงฝู่หลิน แล้วต้องหันไปจัดการกับเสือดาวหิมะแทนแต่ก็สายเกินไปเสียแล้ว เสือดาวหิมะกระชากเสื้อคลุมของมหาปราชญ์ออก
เซียวหลินเทียน ปี้ซงและเผยอวี้กำลังต่อสู้อยู่กับพวกบุรุษชุดดำ ก็พลันรู้สึกว่ารอบ ๆ ตัวมีลมพัดอย่างแรง และใบไม้เหล่านั้นก็พัดมาทางหัวพวกเขาสนามแม่เหล็กที่มีพลังมหาศาลนั้นสั่นสะเทือนไปจนทั่วบริเวณเซียวหลินเทียนรีบมองไปทันที แล้วก็เห็นว่าพลังลมแห่งการปะทะกันของหวงฝู่หลินกับฝูหยางกลางอากาศนั้น เป็นแสงสีเขียวและสีน้ำเงินเกี่ยวพันกันไปมา แยกมิออกว่าใครเป็นใครเมื่อครู่ฝูหยางเรียกชื่อของหวงฝู่หลินออกมา เมื่อเซียวหลินเทียนได้ยินดังนั้น เขาก็เข้าใจขึ้นมาในทันที ที่แท้บุรุษชุดขาวที่ดูราวกับเซียนผู้นี้ก็คือ เจ้าวังหวงฝู่แห่งวังเทพบนภูเขาหิมะนี่เองก่อนหน้านี้หลิงอวี๋เคยถูกเขาขังอยู่ที่วังเทพเซียวหลินเทียนไม่มีเวลาที่จะตำหนิหวงฝู่หลินแล้ว การโจมตีรุนแรงของพวกบุรุษชุดดำทำให้เขามิสามารถรับมือได้เซียวหลินเทียนยังต้องดูแลเผยอวี้ที่มีพลังมิสูงด้วย เขาจึงเหลือบมองไปแล้วพยายามจัดการกับพวกมือสังหารอย่างเต็มที่นับตั้งแต่ที่เซียวหลินเทียนได้กระบี่คุนอู๋มา และได้เรียนรู้วิชากระบี่จากลวดลายบนกระบี่มาระยะหนึ่งแล้ว วรยุทธ์ของเขาก็พัฒนาขึ้นอย่างมากเขายกกระบี่ขึ้นมาพร้อมใช้วิชากระบี่คุนอู๋ เขาได้เปร
เมื่อเซียวหลินเทียนเห็นว่า เด็กอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเซียวเยวี่ยผู้นั้นร้องไห้ออกมาปานจะขาดใจในชั่วขณะนี้เซียวหลินเทียนก็คิดถึงเซียวเยวี่ยมาก เขาออกมานานมากจนแทบจะจำมิได้แล้วว่าเซียวเยวี่ยหน้าตาเป็นอย่างไรเมื่อเขาเห็นเด็กผู้นั้น เซียวหลินเทียนก็เกิดความรู้สึกสงสารขึ้นมาทันที“ท่าน พวกเราเข้าไปช่วยเขาเถิด!”เซียวหลินเทียนพูดยังมิทันขาดคำ ก็ได้ยินเสียงตะโกนขึ้นมา “ใคร?”จากนั้นก็มีบุรุษชุดดำหลายคนวิ่งกรูกันออกมา พร้อมกับเล็งดาบมาที่เซียวหลินเทียนกับหวงฝู่หลิน“พวกเจ้าเป็นใคร?”บุรุษชุดดำที่เป็นผู้นำตะโกนออกมาด้วยความโกรธหวงฝู่หลินจึงยิ้มเยาะ “พวกเจ้าหรือที่ทำลายตำหนักปีกเงินของสหายข้า? ใครเป็นคนวางเพลิง?”“ฮ่าฮ่าฮ่า!”บุรุษชุดดำที่เป็นผู้นำคนนั้นตะลึงไปทันที จากนั้นเขาก็หัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง ราวกับรู้สึกว่า คำถามของหวงฝู่หลินนั้นแปลกมากความตายจะมาเยือนอยู่แล้ว ยังจะเป็นห่วงอีกว่าใครเป็นคนวางเพลิง คนผู้นี้สมองมีปัญหาหรือไร!“อย่าไปคุยกับเขาให้มากความ สังหารไปเสีย!”ฝูหยางที่อยู่ข้างในตะคอกออกมาอย่างรำคาญ “ตาเฒ่าน่ารังเกียจ เจ้าจะนำออกมาให้หรือไม่ หนึ่ง… สอง…”พวกบุร
หวงฝู่หลินก็มิได้ใส่ใจ เขาค่อนข้างมิพอใจที่เซียวหลินเทียนตามติดตนมาราวกับกอเอี๊ยะที่เหนียวแน่นเช่นนี้ เขาจึงเร่งฝีเท้าขึ้นอีก แต่พลังของปี้ซงมิเท่าพลังของเขา ดังนั้นในเวลามินานเซียวหลินเทียนก็ตามมาทันแล้วใบหน้าของหวงฝู่หลินดูหม่นหมองลง และกำลังคิดว่าจะสังหารเซียวหลินเทียนดีหรือไม่ แต่แล้วเขาได้ยินเสียงแปลก ๆ… มันคือเสียงการต่อสู้ด้วยอาวุธนั่นเองดวงตาของหวงฝู่หลินดุร้ายขึ้นมาทันที และรีบขึ้นไปบนภูเขาอย่างรวดเร็ว เมื่อเขาขึ้นไปถึงครึ่งทางภูเขา เขาก็เห็นควันหนา ๆ พวยพุ่งออกมาจากตำหนักปีกเงินที่อยู่บนยอดเขานั้นเกิดเรื่องขึ้นแล้ว!หวงฝู่หลินก็ยิ่งร้อนใจ เหตุผลหลักที่เขาเลือกที่จะมาขอความช่วยเหลือจากตำหนักปีกเงินนั้น ก็เพราะว่าเหวินเหรินจิ้นเจ้าตำหนักปีกเงิน คือหนึ่งในสหายสนิทที่มีเพียงมิกี่คนของเขาและเช่นเดียวกับหวงฝู่หลิน ตำหนักปีกเงินแห่งนี้เป็นสถานที่ที่ตระกูลเหวินเหรินอาศัยอยู่มาหลายชั่วอายุคนแล้ว หวงฝู่หลินมิอนุญาตให้ผู้ใดทำลายวังเทพของตน แล้วเหวินเหรินจิ้นจะยอมให้ใครมาทำลายตำหนักปีกเงินของเขาได้อย่างไรกัน!หรือว่าเหวินเหรินจิ้นจะตกอยู่ในอันตราย?หวงฝู่หลินเร่งฝีเท้า แล้วเดิ