เวลาผ่านไปทีละวัน...ตำหนักอ๋องอี้ประดับประดาไปด้วยโคมไฟและผ้าสีสันสดใส เพื่อเตรียมการให้พร้อมสำหรับห้องหอส่วนเรือนบุหงานั้นแทบไม่มีผู้คนอยู่แล้ว หลิงซวน เถาจื่อ และหลิงอวี๋ต่างก็ย้ายไปอาศัยอยู่ในวังหลวงแม่นมหลี่และฉีเต๋อก็ย้ายไปอาศัยอยู่ในจวนเสนาบดีเจิ้นหย่วนพร้อมกับขันทีเซี่ยตั้งแต่วันนั้นหานเหมยและหานอวี้ที่อยู่เฝ้าเรือนถูกฉินรั่วซือกลั่นแกล้งไปครั้งหนึ่ง จึงอาศัยความมืดหลบหนีออกมาจากตำหนักอ๋องอี้ตามคำสั่งของหลิงอวี๋เรือนบุหงาที่เคยคึกคักแต่เดิมกลับกลายเป็นเรือนที่เงียบเหงาว่างเปล่าก่อนที่ฉินรั่วซือจะยุยงให้เซียวหลินเทียนจัดสรรให้บ่าวรับใช้ที่นางพาเข้ามาไปอาศัยอยู่ในเรือนบุหงาแทน จ้าวซวนก็ขออนุญาตจากเซียวหลินเทียน พาองครักษ์กลุ่มหนึ่งเข้าไปอยู่จ้าวซวนกลัวว่า ฉินรั่วซือจะทำลายเรือนบุหงาทิ้งเสีย จึงจงใจทำเช่นนี้ฉินรั่วซือคิดทบทวนอยู่หลายครั้ง นางมิสามารถเปลี่ยนองครักษ์ทั้งหมดที่อยู่ข้างกายเซียวหลินเทียนได้ในทันที จึงต้องล้มเลิกความคิดนี้ไปขุนนางหลายคนในเมืองหลวงได้รับจดหมายเชิญจากอ๋องอี้ หลายคนรอคอยวันอภิเษกสมรสเพื่อไปชมความคึกคักในตำหนักอ๋องอี้ส่วนจักรพรรดิอู่อันได
ครั้งหนึ่งเมื่อองค์หญิงใหญ่ออกจากเมืองหลวง นางเคยปฏิญาณว่าในชีวิตนี้นางจะกลับเข้าสู่ตำหนักกระดิ่งทองอีกครั้ง และจะขึ้นไปนั่งบนบัลลังก์นั้นให้ได้!คราวนี้ นางจะทำให้ความฝันของตนเป็นจริง!องค์หญิงใหญ่เดินทางไปยังสุสานหลวงพร้อมด้วยเฮ่อหรงองค์ชายเว่ยรั้งอยู่เพื่อเฝ้ายาม ณ สุสานหลวง ทั้งยังถูกจักรพรรดิอู่อันลงอาญาเฆี่ยนตีสามสิบครั้งต่อหน้าธารกำนัล นับตั้งแต่วันที่ฮองเฮาเว่ยวางแผนใส่ร้ายองค์ชายจิ้นในงานอภิเษกสมรสของเฮ่อหรงการเฆี่ยนตีสามสิบครั้งนี้มิได้ทำให้องค์ชายเว่ยสำนึกผิด หากแต่ยิ่งกระตุ้นให้เขาทวีความโกรธเกรี้ยวชายาเอกของเขาถูกคนของจักรพรรดิอู่อันส่งกลับไปยังตำหนักองค์ชายเว่ยเมื่อไม่มีผู้ใดคอยปรนนิบัติ ซ้ำร้ายแผลจากการถูกเฆี่ยนยังเจ็บปวดเสียจนมิอาจนอนได้ องค์ชายเว่ยก็ยิ่งโกรธเกรี้ยวมากขึ้นทุกวันวันหนึ่ง ข้ารับใช้เข้ามารายงานว่า องค์ชายหนิงมาเยี่ยมพร้อมกับเซี่ยโฮ่วตานรั่วองค์ชายเว่ยตกใจ เขาสูญเสียอำนาจไปแล้ว ทรัพย์สมบัติส่วนใหญ่ถูกจักรพรรดิอู่อันยึดไป หากองค์ชายหนิงประสงค์จะผูกสัมพันธ์ ควรจะไปสวามิภักดิ์ต่อเซียวหลินเทียนและองค์ชายคังที่ยังมีอำนาจดีกว่า แต่เหตุใดจึงมาสวามิภั
กล้าหรือไม่?แน่นอนว่าคือการกบฏ!องค์ชายเว่ยเบิกตากว้างด้วยความตกใจ มององค์ชายหนิงด้วยความมิเชื่อพี่น้องคู่นี้กำลังชักชวนให้เขาก่อกบฏ และชิงบัลลังก์จากเสด็จพ่ออย่างนั้นหรือ?จิตใจขององค์ชายเว่ยเต้นระรัว เขา… ทำได้ด้วยหรือ?“องค์ชายเว่ย เจ้าอายุเท่าใดแล้ว?”องค์ชายหนิงคลี่ยิ้ม “ในงานประลองครั้งนี้ เจ้าคงเห็นแล้วว่า ตนเองมิสามารถเทียบเคียงกับอ๋องอี้ได้เลย”“แม้ว่าองค์จักรพรรดิจะมองเห็นความดีของเจ้า และแต่งตั้งให้เจ้าเป็นรัชทายาท แต่เสด็จพ่อของเจ้ายังมีพระพลานามัยแข็งแรง เจ้าจะต้องรออีกนานเท่าใดกว่าจะได้ขึ้นครองราชย์กัน!”“เจ้ายินยอมให้ตระกูลเว่ย ตระกูลเฮ่อ และอำนาจในมือถูกองค์จักรพรรดิลิดรอนไปทีละน้อย จนในที่สุดก็กลายเป็นจักรพรรดิที่ไร้ความสามารถน่ะหรือ?”เซี่ยโฮ่วตานรั่วกล่าวเยาะหยัน “ข้าเป็นเพียงสตรี แต่ยังมิสามารถทนได้หากต้องอยู่ภายใต้อำนาจของผู้อื่น และถูกผู้อื่นเฆี่ยนตีได้ตามใจชอบ แต่ท่านเป็นถึงองค์ชาย จะยินยอมให้ชะตากรรมของตนตกอยู่ในมือของผู้อื่นได้เยี่ยงไร?”“องค์ชายเว่ย ผู้ที่ทำการใหญ่มิควรลังเล เมื่อโอกาสมาถึงก็ควรรีบคว้าไว้ จงจำเอาไว้ว่า โอกาสมีเพียงครั้งเดียว หากพลา
หากถ้อยคำก่อนหน้านี้ขององค์ชายหนิงทำให้องค์ชายเว่ยหวั่นไหวไปห้าส่วน ถ้อยคำในตอนนี้ก็ทำให้ความหวั่นไหวในใจขององค์ชายเว่ยพุ่งสูงขึ้นไปถึงแปดส่วนแล้วหัวใจของเขาเต้นแรงอย่างควบคุมมิได้อีกครั้งนี่คือโอกาสที่ดีที่สุดอย่างแท้จริง!หากโอกาสนี้ตกไปอยู่ที่องค์ชายคัง องค์ชายคังจะประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน!แต่หากตกมาอยู่ที่ตัวเขาเองเล่า?เมื่อนึกถึงความสามารถของตนในตอนนี้ องค์ชายเว่ยก็อดตั้งคำถามด้วยความมิมั่นใจมิได้ว่า “เหตุใดเจ้าถึงเลือกให้ข้าร่วมมือด้วยเล่า? หากเจ้าสามารถช่วยหนุนหลังองค์ชายคังขึ้นสู่ตำแหน่งดังกล่าวได้จริง และให้เขาหย่าขาดจากจ้าวเจินเจิน เขาก็อาจยินดีจะทำเช่นนั้น!”องค์ชายหนิงหัวเราะเบา ๆ กล่าวว่า “องค์ชายคังไม่มีค่ายกองทหารเสือ... หากต้องการยึดตำแหน่งนี้ไว้ให้ได้อย่างราบรื่น ก็จำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากค่ายกองทหารเสือ!”“ดังนั้น ข้าจึงคิดทบทวนมาดีแล้วว่า องค์ชายเว่ยเหมาะสมที่สุด!”เมื่อได้ยินเช่นนั้น ความมั่นใจขององค์ชายเว่ยก็เพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อยองค์ชายหนิงพูดถูก ค่ายกองทหารเสือของจักรพรรดิอู่อันคืออุปสรรคที่ใหญ่หลวงที่สุดในการก่อกบฏหากองค์ชายคังก่อกบฏ ค่ายกอ
เมื่อได้รับการปูทางจากองค์ชายหนิงแล้ว องค์หญิงใหญ่ก็สามารถโน้มน้าวให้องค์ชายเว่ยก่อกบฏได้ง่ายขึ้นมากแต่ว่าองค์ชายเว่ยมิได้แสดงให้เห็นว่าตนถูกโน้มน้าวได้อย่างง่ายดาย กลับทำทีครุ่นคิดอยู่นานราวกับกำลังตัดสินใจอย่างยากลำบากในที่สุด องค์ชายเว่ยก็แสดงท่าทีราวกับตัดสินใจได้แล้ว และตกลงทำตามข้อเสนอขององค์หญิงใหญ่ในแผนการจัดการกับเซียวหลินเทียน องค์หญิงใหญ่และองค์ชายหนิงมีแผนการที่เหมือนกัน นั่นคือยึดวังหลวง แล้วปลอมพระราชโองการเรียกตัวเซียวหลินเทียนเข้าวัง ก่อนจะจับกุมตัวเซียวหลินเทียน“องค์ชายเว่ย เจ้าวางใจได้ ค่ายกองทหารเสือล้วนอยู่ในกำมือของหงเลี่ยง ตราบใดที่เราสามารถช่วยหงเลี่ยงออกมาได้ แม้ว่าเซียวหลินเทียนจะมีวรยุทธสูงส่งเพียงใด ลำพังเขาเองก็ยากที่จะต่อกรกับหมัดหนัก ๆ จำนวนนับมิถ้วน!”“เมื่อถึงเวลานั้น เราจะยกย่องให้เจ้าเป็นจักรพรรดิ! ส่วนป้ามิขออะไรมาก ขอเพียงให้หรงเอ๋อร์ได้กลับมาเป็นองค์ชายอีกครั้งหนึ่ง ได้รับความรุ่งโรจน์และความสงบสุขตลอดชีวิตก็เพียงพอแล้ว!”องค์หญิงใหญ่แสดงท่าทีราวกับกำลังคิดถึงชีวิตในภายหน้าของบุตรชายตนหากไม่มีเรื่องมือขวาของหอเหยี่ยวราตรี องค์ชายเว่ยอาจจ
ฉินรั่วซือตกใจจนชะงักค้าง จากนั้นก็เบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ กล่าวด้วยเสียงสั่นเครือ “ท่านพี่ ท่านหมายความว่าท่านแม่มิตำหนิข้า มิรังเกียจที่ข้าทำให้ตระกูลฉินเสื่อมเสียเกียรติ และยินดีให้ข้าออกเรือนจากบ้านของครอบครัวอย่างนั้นหรือ?”ฉินซานพยักหน้าอย่างเฉยเมย “ท่านแม่ต่อว่าและตำหนิเจ้าก็เพื่อประโยชน์ของตัวเจ้าเอง! แต่บัดนี้ในเมื่อเจ้าได้รับความโปรดปรานจากอ๋องอี้แล้ว ท่านแม่จะขัดขวางเจ้าได้อย่างไร?”“ท่านแม่สั่งให้ข้ามาเพื่อพาเจ้ากลับไป! หากเจ้ายังคิดว่าเราเป็นญาติกัน ก็จงกลับไปกับข้าเถิด!”ฉินรั่วซือรีบพูด “ข้าคิด ข้าคิดสิ จะมิคิดเช่นนั้นได้อย่างไร พวกท่านคือญาติเพียงหนึ่งเดียวของข้าในใต้หล้านี้!”ขณะที่ฉินรั่วซือพูด น้ำตาแห่งความน้อยเนื้อต่ำใจก็ไหลรินนางพูดเช่นนี้ออกมาด้วยใจจริงแม้ว่าเซียวหลินเทียนจะรักใคร่ปรนเปรอตนอย่างยิ่งยวดในเวลานี้ แต่ฉินรั่วซือกลับรู้สึกราวกับว่าทุกอย่างเป็นเพียงภาพลวงตานางกลัวว่า ความสุขนี้จะเหมือนกับภาพลวงตาในทะเลทราย หากวันใดพิษของชิวเหวินอิงหมดฤทธิ์ สิ่งที่นางมีอยู่นี้ก็จะไร้ค่าก่อนหน้านี้ นางคิดว่าเมื่อตนได้แต่งงานกับเซียวหลินเทียนแล้ว นางจะต้อง
ต่อมา องครักษ์ลับที่แต่งกายเหมือนเซียวหลินเทียนและสวมหน้ากากก็เดินเข้ามาในห้องส่วนตัวจากประตูลับทั้งสามคนพาเซียวหลินเทียนไปที่ประตูลับอย่างเงียบ ๆ ด้านอิ๋นฮู๋ก็แบกเซียวหลินเทียนลงไปที่ห้องลับใต้ดินของหอริมธาราเมื่อประตูห้องปิดลง สิ่งที่เกิดขึ้นข้างในก็ไม่มีใครได้ยินทั้งสิ้น แม้แต่เสียงที่ดังจากด้านบนก็ยังถูกกลบด้วยเสียงขององครักษ์ลับที่พูดคุยเลียนแบบท่าทางของเซียวหลินเทียนหลิงอวี๋และหลิงซวนลอบออกจากวังมาสักพักหนึ่งแล้ว ไทเฮาทราบเรื่องนี้แล้วเช่นกัน และยินดีช่วยปกปิดให้กับพวกนางด้วยความช่วยเหลือของขันทีโม่ พลังวิญญาณของหลิงอวี๋เพิ่มพูนขึ้นอย่างมากทีเดียว วิธีแก้พิษกู่ก็เป็นสิ่งที่ขันทีโม่แนะนำนางให้หลิงซวนช่วยพยุงเซียวหลินเทียน จัดท่าทางให้นั่งพิงกำแพง แล้วก็เอ่ยว่า “หลิงซวน เจ้าคอยดูข้าอยู่ข้าง ๆ หากเจ้าพบว่าข้ามีอาการคล้ายจะหมดสติ จงใช้เข็มเงินแทงข้าเสีย!”“ข้าจะล่อหนอนกู่ออกมา ระหว่างนี้จะต้องไม่มีอะไรผิดพลาด มิเช่นนั้นเซียวหลินเทียนต้องถึงแก่ชีวิตเพราะเลือดคั่งในสมองมากเกินไป!”หลิงซวนรู้ว่าเรื่องนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง จึงพยักหน้าหนักแน่น รับเข็มเงิน แล้วก็คอยเฝ้าอยู่ข้
“ให้ข้าพักสักครู่!”หลิงอวี๋หายใจเข้าออกเพื่อปรับอารมณ์ และสังเกตอาการของเซียวหลินเทียนไปพลางนางล่อหนอนกู่ตัวแรกออกมาแล้ว ฉินรั่วซือคงจะรับรู้ได้เช่นกันก่อนหน้านี้นางได้ให้ฉินซานพาฉินรั่วซือกลับบ้าน และให้ฉินซานวางยาสลบฉินรั่วซือก่อนที่นางจะถอนพิษให้เซียวหลินเทียน เพื่อให้แน่ใจว่าฉินรั่วซือจะมิพบความผิดปกติใด ๆนางสังเกตอยู่ครู่หนึ่ง พบว่าเซียวหลินเทียนไม่มีอาการใด ๆ แปลว่าฉินซานได้วางยาสลบฉินรั่วซือตามแผนของนางแล้วหลิงอวี๋ถอนหายใจด้วยความโล่งใจ เตรียมล่อหนอนกู่ตัวที่สองออกมาจากร่างของเซียวหลินเทียนทันทีที่หลิงอวี๋เพิ่งนั่งลงและเตรียมลงมือเซียวหลินเทียนก็สั่นสะท้านอย่างรุนแรง โน้มตัวไปข้างหน้าและกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมากหลิงอวี๋นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเขา หนำซ้ำยังอยู่ใกล้มากเลือดทั้งหมดจึงพุ่งไปทั่วใบหน้าและร่างกายของหลิงอวี๋“อาจารย์… เกิดอะไรขึ้น?”หลิงซวนตกใจ รีบก้มลงไปกดเซียวหลินเทียนไว้ร่างกายของเซียวหลินเทียนยังคงสั่นสะท้านอย่างต่อเนื่อง ราวกับว่ากำลังดิ้นรนที่จะลุกขึ้นดวงตาของเขายังคงหลับสนิท ทว่าร่างกายกลับสั่นสะท้านหนักข้อขึ้นเรื่อย ๆ หลิงซวนคนเดียวกดเขาไว
หลงจิ้งยังคงยากที่จะเชื่อ “คำพูดของตระกูลเหล่านั้นก็มิได้ผลหรือพ่ะย่ะค่ะ?”เจ้าแห่งทิศใต้ส่ายหน้าอย่างหดหู่ “เสด็จปู่ของเจ้าตรัสว่าจะตรวจสอบให้ จึงส่งเจ้าแห่งทะเลไปตรวจสอบ แต่ผลที่ได้จากเจ้าแห่งทะเลก็มิสามารถสรุปอะไรได้เลย หรือกระทั่ง...”กระทั่งเจ้าแห่งทะเลอาจจะใช้ขี้ผึ้งหอม ควบคุมบุตรหลานของตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือตนเอง!เซียวหลินเทียน หลงจิ้งและหลิงอวี๋ต่างก็เข้าใจความหมายที่เจ้าแห่งทิศใต้ยังพูดมิจบใจของหลงจิ้งพลันหล่นวูบ เช่นนั้นเรื่องที่ตนไปเผาขี้ผึ้งหอมก็เท่ากับมิได้ช่วยใครเลย กลับยิ่งทำให้อำนาจของเจ้าแห่งทะเลเพิ่มทวีคูณขึ้นงั้นหรือ?หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวอย่างมิยอม “หรือว่าหัวหน้าตระกูลใหญ่เหล่านั้นล้วนเลอะเลือนไปแล้ว? ไยจึงปล่อยให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลควบคุมชะตากรรมของพวกเขาเช่นนี้?”เซียวหลินเทียนขมวดคิ้ว มิน่าแปลกใจที่เมื่อครู่เจ้าแห่งทะเลยอมถอยกลับไปง่าย ๆ ที่แท้ก็มีแผนการเช่นนี้เองก่อนที่จะควบคุมตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือ เจ้าแห่งทะเลย่อมมิอาจแตกหักกับเจ้าแห่งทิศใต้ได้ในยามนี้แต่เมื่อใดที่เขาควบคุมตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือได้แล้ว เจ้าแห่งทะเลย่อมมิปล่อยเจ้าแห่งทิศใต
มหาปราชญ์มองไปยังเจ้าแห่งทะเลอย่างมิยินยอม เจ้าแห่งทะเลกล่าวเสียงเข้ม “คนเขามิยอมรับวิธีการรักษาของท่าน ก็ให้พวกเขาไปหาคนที่เก่งกว่านี้เถอะ!”“อย่าให้เป็นเพราะบุตรบุญธรรมคนเดียวต้องมาทำให้ความเป็นพี่น้องของพวกเราต้องบาดหมางกัน!”เจ้าแห่งทะเลพูดจบก็นำหน้าเดินออกไปท่าทีของเจ้าแห่งทิศใต้เช่นนี้ชัดเจนว่า หากพวกเขามิยอมถอยก็จะใช้กำลัง เจ้าแห่งทะเลยังมิอาจแตกหักกับเจ้าแห่งทิศใต้ได้ในตอนนี้ ทำได้เพียงยอมถอยไปก่อนชั่วคราวเท่านั้นวิธีนี้ใช้มิได้ผล เช่นนั้นก็ค่อยเปลี่ยนวิธีใหม่“มิขอส่ง!”เจ้าแห่งทิศใต้กล่าวด้วยสีหน้าท่าทีฟึดฟัดใส่เจ้าแห่งทะเล เป็นการแสดงออกถึงความมิพอใจของตนเผยอวี้และฉินซานก็มองส่งมหาปราชญ์และเจ้าแห่งทะเลอย่างโกรธเคืองเช่นกันเก๋อเฟิ่งฉิงรีบวิ่งไปยังเงาร่างที่ขดตัวอยู่ในความมืดนั้น“พี่ใหญ่ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง? บาดเจ็บตรงไหน?”“คุณหนูสิง เจ้าก็รู้ดีอยู่แล้วว่าพี่ใหญ่ข้าใช้กำลังภายในมิได้ เหตุใดจึงคิดวิธีการเช่นนี้ออกมา นี่มิเท่ากับทำร้ายพี่ใหญ่ข้าหรอกหรือ?”เก๋อเฟิ่งฉิงมองหลิงอวี๋อย่างตำหนิหลิงอวี๋เดินเข้ามา พลางร้องเรียก “ลู่หนาน เปิดม่าน!”“หรงเกอเอ๋อร์ เจ้าบ
“อ๊าว อ๊าว...”มหาปราชญ์ได้ยินเสียงกระแทกอย่างบ้าคลั่งดังขึ้นในห้องอีกครั้ง เขาซัดฝ่ามือออกไปยังทิศทางต้นเสียง ทว่าร่างนั้นกลับจู่โจมเข้ามาหาเขาแทนมหาปราชญ์กลัวว่าจะถูกคว้ามือได้อีกจึงรีบถอยหลังไป แต่ในห้องเต็มไปด้วยเครื่องเรือนที่ถูกทำลายเสียหาย เท้าของเขาสะดุดเข้าจนล้มลงกับพื้นเกือบจะพร้อมกันนั้น ดวงตาสีแดงคู่นั้นก็พุ่งเข้าใส่ร่างตน อ้าปากกัดเข้าที่ลำคอของเขาซี๊ด!มหาปราชญ์เจ็บปวดจนใช้มือข้างหนึ่งบีบเข้าที่ลำคอเขา หมายจะบีบกระดูกคอให้แหลกแต่ร่างนั้นกลับดิ้นหลุดพรวดไปเหมือนปลาไหล พุ่งหลบไปไกลหลายเมตรในพริบตา เก็บเศษไม้จากเครื่องเรือนที่แตกหักขว้างปาใส่มหาปราชญ์ดังโครมคราม“มหาปราชญ์ ท่านรีบออกมาเร็ว! ระวังพี่ชายข้าทำร้ายท่าน!”เผยอวี้กังวลมากกว่าว่ามหาปราชญ์จะทำร้ายเซียวหลินเทียนเซียวหลินเทียนใช้กำลังภายในมิได้ หากถูกทำให้ลำบากเช่นนี้ เซียวหลินเทียนจะต้องตายแน่เก๋อเฟิ่งฉิงก็รู้สึกเช่นเดียวกัน จึงกล่าวอย่างร้อนรน “ท่านน้าเขย ท่านออกมาเถิดเจ้าค่ะ ท่านอย่าทำร้ายเขาเลย!”“เขามิได้ตั้งใจโจมตีท่าน ตอนนี้เขาสิ้นสติไปแล้ว ท่านอย่าถือสาเขาเลย!”มหาปราชญ์เกิดจิตสังหารขึ้นแล้ว
สุนัขบ้ากัดคน นั่นมิใช่โรคพิษสุนัขบ้าหรอกหรือ?เจ้าแห่งทะเลและมหาปราชญ์ต่างก็รู้จักโรคนี้ ว่ากันว่าเป็นโรคที่รักษามิหาย เมื่อกำเริบก็จะเหมือนสุนัขบ้า สิ้นสติโดยสิ้นเชิง เห็นคนก็จะกัด เมื่อถึงระยะสุดท้ายก็จะเน่าเปื่อยทั้งร่างจนตายหลิงอวี๋หาข้ออ้างนี้ให้เซียวหลินเทียน ครึ่งหนึ่งเป็นเพราะรู้สึกว่าโรคนี้สามารถทำให้เจ้าแห่งทะเลและมหาปราชญ์ตกใจกลัวจนมิกล้าเข้าใกล้เซียวหลินเทียนได้อีกครึ่งหนึ่งก็เป็นความตั้งใจล้วน ๆ เป็นวิธีระบายอารมณ์เล็ก ๆ น้อย ๆ ที่หลิงอวี๋มิพอใจความสัมพันธ์ในฐานะคู่หมั้นคู่หมายของเก๋อเฟิ่งฉิงและเซียวหลินเทียนหลิงอวี๋พูดพลางสำรวจมองเจ้าแห่งทะเลสิ่งที่ทำให้หลิงอวี๋รู้สึกมิสบายใจอยู่บ้างคือ ตนกลับมีหน้าตาคล้ายคลึงกับเจ้าแห่งทะเลอยู่หลายส่วน เจ้าแห่งทะเลผู้นี้คือบิดาของนางจริง ๆ!ส่วนเจ้าแห่งทะเลก็ตั้งใจมองหลิงอวี๋เป็นพิเศษเช่นกันมหาปราชญ์บอกว่าสิงอวี๋ก็คือหลิงอวี๋ บุตรีของหลานฮุ่ยจวน และก็เป็นบุตรีของตนด้วยเจ้าแห่งทะเลมิได้ขาดแคลนบุตรธิดา เมื่อเห็นใบหน้าที่ธรรมดามิโดดเด่นของหลิงอวี๋ ในใจก็รู้สึกผิดหวังอยู่บ้างเขามิได้มาเพื่อยอมรับบุตรสาว จึงเปลี่ยนความสนใจไปท
เจ้าแห่งทิศใต้กล่าวอย่างเจ็บปวดใจนัก “เจ้าสิบเอ็ด พวกเราพี่น้องล้วนเป็นคนตระกูลหลง แม้ปกติจะมิลงรอยกันบ้าง แต่ก็ล้วนเป็นเรื่องหยุมหยิม สามารถหัวเราะแล้วปล่อยผ่านไปได้!”“ทว่าหากมหาปราชญ์และสำนักซิงหลัวลงมือ นั่นก็คือวันล่มสลายของตระกูลหลง เจ้าสิบเอ็ด เจ้าต้องการให้ลูกหลานตระกูลหลงถูกมหาปราชญ์และสำนักซิงหลัวกำจัดจนสิ้นซากจริง ๆ หรือ?”เมื่อเช้าเจ้าแห่งทะเลไปเข้าร่วมประชุมราชสำนัก เห็นตระกูลเหล่านั้นร่วมกันฟ้องร้องมหาปราชญ์และสำนักซิงหลัว จึงได้รู้ว่ามหาปราชญ์แอบทำอะไรลับหลังตนบ้างเขาแอบนึกเสียใจที่ตนวู่วามไป ฟังคำพูดฝ่ายเดียวของมหาปราชญ์ก็ให้รองแม่ทัพของตนนำทหารไปล้อมคฤหาสน์อู่เสียแล้วแต่เสียใจก็ส่วนเสียใจ เจ้าแห่งทะเลคิดว่า มหาปราชญ์บอกว่าเซียวหลินเทียนมีมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์สองชิ้นคือกระบี่คุนอู๋และเสือปีกกาฬ จึงมิได้รู้สึกเสียใจมากนักที่ส่งทหารไปล้อมคฤหาสน์อู่เรื่องที่มหาปราชญ์หลอกใช้ตน บัญชีนี้ค่อยไปสะสางกับเขาทีหลัง เรื่องเร่งด่วนที่สุดในยามนี้คือ การยืนยันว่าเสี่ยวอู่ผู้นี้คือเซียวหลินเทียน และต้องยึดเอามหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองชิ้นในมือเขามาให้ได้ส่วนเรื่องขี้ผึ้งหอมเส
หลิงอวี๋กดความรู้สึกมิสบายใจของตนไว้ รีบแต่งหน้าให้เซียวหลินเทียนดูป่วยซีดเซียวอย่างรวดเร็วทุกคนในจวนเตี๊ยมกันเรียบร้อยแล้วว่า เซียวหลินเทียนป่วยเป็นโรคประหลาด คนของคฤหาสน์อู่มาที่เมืองหลวงแดนเทพก็เพื่อตามหาหมอและเสาะหายาให้เซียวหลินเทียนช่วงนี้หลิงอวี๋มีชื่อเสียงมากในเมืองหลวงแดนเทพ คฤหาสน์อู่จึงเชิญหลิงอวี๋มาก็เพื่อรักษาอาการป่วยของเซียวหลินเทียนส่วนเก๋อเฟิ่งฉิงที่อยู่ในคฤหาสน์อู่ เพราะเป็นห่วงอาการป่วยของคู่หมั้นของตนจึงตั้งใจมาเยี่ยมเป็นพิเศษและการที่หลงเพ่ยเพ่ยและหลงจิ้งมาเยี่ยมเซียวหลินเทียน ก็เพราะความสัมพันธ์ที่เซียวหลินเทียนเป็นบุตรบุญธรรมของเจ้าแห่งทิศใต้เช่นนี้ทุกคนก็มีข้ออ้างที่ดีพอที่จะใช้กลบเกลื่อนได้แล้วทุกคนเพิ่งจะตกลงแผนรับมือกันเสร็จ เจ้าแห่งทิศใต้และเจ้าแห่งทะเลก็มาถึงหน้าประตูแล้วเผยอวี้และฉินซานในฐานะน้องชายร่วมตระกูลของเซียวหลินเทียนก็ออกไปต้อนรับพร้อมกันหลงจิ้งก็ติดตามออกมาด้วย เขาแสร้งแสดงละครตลอดทาง ครั้นเห็นเจ้าแห่งทะเลและมหาปราชญ์มาด้วยกันก็ทำท่าประหลาดใจ“ท่านอาเจ้าแห่งทะเล เหตุใดจึงมาพร้อมกับท่านพ่อของกระหม่อมได้พ่ะย่ะค่ะ?”เจ้าแห่งทะเลยิ้
หลิงอวี๋ได้ยินคำพูดของหลงจิ้งก็ขมวดคิ้ว นางและเย่หรงเคยคาดเดากันไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่าเหตุใดเลี่ยวหงเสียถึงถูกขังในคุกน้ำโดยมิผ่านการไต่สวนหรือว่าจะเป็นเพราะนางพัวพันกับเรื่องของหลงอี้ มหาเทพหลงถึงได้ปฏิบัติต่อเลี่ยวหงเสียเช่นนี้“ท่านพ่อของข้าตั้งใจจะไปสอบถามเรื่องราวกับเลี่ยวหงเสีย ทว่าแม้แต่ท่านพ่อของข้าก็ยังมิสามารถพบเลี่ยวหงเสียได้เลย!”หลงจิ้งหัวเราะอย่างขมขื่น “นี่ก็ยิ่งพิสูจน์ถึงความสำคัญของเลี่ยวหงเสีย ดังนั้น รอให้ผ่านพ้นอุปสรรคครั้งนี้ไปก่อน พวกเราค่อยคิดหาทางดูว่าจะช่วยเลี่ยวหงเสียออกมาได้หรือไม่!”“ข้าเชื่อว่าเย่หรงก็คงอยากช่วยนางออกมาเช่นกัน!”อย่างไรเสียหลิงอวี๋ก็เพิ่งจะรู้จักกับสองพ่อลูกเจ้าแห่งทิศใต้ มิได้ล่วงรู้พื้นเพพวกเขามากนัก มิสะดวกที่จะบอกว่าตนกับเย่หรงได้วางแผนช่วยเลี่ยวหงเสียไว้ก่อนหน้านี้แล้วขณะที่หลายคนกำลังพูดคุยกันอยู่ หัวหน้าองครักษ์ของหลงจิ้งก็เข้ามาแจ้งว่า “คุณชายสาม ท่านอ๋องออกจากท้องพระโรงแล้ว กำลังมุ่งหน้ามายังคฤหาสน์อู่ ผู้ที่ติดตามมาด้วยยังมีเจ้าแห่งทะเลและมหาปราชญ์ ท่านอ๋องให้พวกท่านเตรียมรับมือ”“เจ้าแห่งทิศใต้ให้ข้าน้อยมารายงานท่านก่อน ต
“พี่หญิง ท่านคงมิได้คิดว่าเพราะเป็นพ่อลูกกัน เจ้าแห่งทะเลจะออมมือให้หรอกใช่หรือไม่?”หลงเพ่ยเพ่ยเห็นสีหน้าของหลิงอวี๋เปลี่ยนไปมา ก็กล่าวอย่างไร้ความปรานี “ต่อให้เขาจะเห็นแก่ความผูกพันทางสายเลือดนี้ ชายาเจ้าแห่งทะเลก็ไม่มีทางออมมือให้ท่านแน่!”“ชายาเจ้าแห่งทะเลมิได้ขาดแคลนบุตรธิดา ชายาเจ้าแห่งทะเลปฏิบัติต่อบุตรที่เกิดจากอนุภรรยาเหล่านั้นอย่างใจเหี้ยมอำมหิต นางไม่มีทางมองท่านเป็นพิเศษหรอก!”หลิงอวี๋ส่ายหน้า “ข้ามิได้คิดจะยอมรับเขา!”สำหรับบุรุษที่สามารถกำจัดสตรีที่รักของตนให้สิ้นซากได้ หลิงอวี๋ย่อมมิอาจคาดหวังอะไรเป็นพิเศษจากเขาได้เมื่อได้ฟังชีวิตอันน่าเวทนาของหลานฮุ่ยจวน หลิงอวี๋จึงไม่มีความรู้สึกผูกพันฉันพ่อลูกต่อเจ้าแห่งทะเลแม้แต่น้อย แล้วจะเป็นไปได้อย่างไรที่จะยอมรับเขาเป็นบิดา?หลงจิ้งมองไปยังหลิงอวี๋ “น้องหญิง ที่พวกเราเปิดอกพูดคุยกับเจ้า ก็เพียงต้องการให้เจ้าเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของท่านอาเจ้าแห่งทะเล ให้เจ้าอย่าได้โง่เขลาไปแก้แค้นด้วยตนเอง!”“หากเจ้าอยากแก้แค้น พวกเราค่อย ๆ วางแผนกันในระยะยาว!”หลิงอวี๋จำหลานฮุ่ยจวนมิได้ด้วยซ้ำ ยิ่งมิรู้อะไรเกี่ยวกับชาติกำเนิดของตนเองเลย
หลงจิ้งกำลังจะกล่าวต่อ หลงเพ่ยเพ่ยเห็นว่าเก๋อเฟิ่งฉิงก็อยู่ที่นี่ด้วย จึงกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า“คุณหนูใหญ่เก๋อ เจ้ากลับไปพักผ่อนที่ห้องก่อนสักครู่เถิด พวกเรามีเรื่องต้องปรึกษาหารือกับท่านเซียวตามลำพัง!”เก๋อเฟิ่งฉิงหน้าแดง รู้ว่าหลงเพ่ยเพ่ยกังวลเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างตนและมหาปราชญ์ จึงกล่าวขึ้นทันที “เช่นนั้นข้าขอกลับไปพักผ่อนก่อน พี่ใหญ่ หากมีเรื่องอันใดต้องการให้ข้าช่วยก็เรียกข้าได้นะเจ้าคะ!”เก๋อเฟิ่งฉิงเดินออกไป แต่ซูจู๋กลับกล่าวอย่างมิพอใจว่า“ท่านหญิง พวกท่านระแวงคุณหนูของข้ามากเกินไปแล้ว การกระทำของคุณหนูของข้าเมื่อคืนก็เพียงพอที่จะพิสูจน์จุดยืนของนางแล้ว หากนางคิดจะหักหลังพวกท่าน เหตุใดยังต้องรอจนถึงยามนี้เล่า!”“ท่านเซียว พวกเขามิเข้าใจคุณหนูของข้าก็ช่าง แต่ท่านยังมิเข้าใจคุณหนูของข้าอีกหรือเจ้าคะ?”“ทำกับคุณหนูของข้าเช่นนี้ ช่างเกินไปแล้วจริง ๆ!”เซียวหลินเทียนยิ้มอย่างขมขื่น และโค้งคำนับเล็กน้อย “น้องเก๋อ ทำให้เจ้าต้องลำบากใจเสียแล้ว เจ้าไปพักผ่อนก่อนเถอะ อีกเดี๋ยวข้าจะไปขอโทษเจ้า!”เก๋อเฟิ่งฉิงคลี่ยิ้มเล็กน้อยอย่างใจกว้าง “พี่ใหญ่เกรงใจเกินไปแล้ว ข้าหาได้เสียใจไม่ เ