ฉินรั่วซือตกใจจนชะงักค้าง จากนั้นก็เบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ กล่าวด้วยเสียงสั่นเครือ “ท่านพี่ ท่านหมายความว่าท่านแม่มิตำหนิข้า มิรังเกียจที่ข้าทำให้ตระกูลฉินเสื่อมเสียเกียรติ และยินดีให้ข้าออกเรือนจากบ้านของครอบครัวอย่างนั้นหรือ?”ฉินซานพยักหน้าอย่างเฉยเมย “ท่านแม่ต่อว่าและตำหนิเจ้าก็เพื่อประโยชน์ของตัวเจ้าเอง! แต่บัดนี้ในเมื่อเจ้าได้รับความโปรดปรานจากอ๋องอี้แล้ว ท่านแม่จะขัดขวางเจ้าได้อย่างไร?”“ท่านแม่สั่งให้ข้ามาเพื่อพาเจ้ากลับไป! หากเจ้ายังคิดว่าเราเป็นญาติกัน ก็จงกลับไปกับข้าเถิด!”ฉินรั่วซือรีบพูด “ข้าคิด ข้าคิดสิ จะมิคิดเช่นนั้นได้อย่างไร พวกท่านคือญาติเพียงหนึ่งเดียวของข้าในใต้หล้านี้!”ขณะที่ฉินรั่วซือพูด น้ำตาแห่งความน้อยเนื้อต่ำใจก็ไหลรินนางพูดเช่นนี้ออกมาด้วยใจจริงแม้ว่าเซียวหลินเทียนจะรักใคร่ปรนเปรอตนอย่างยิ่งยวดในเวลานี้ แต่ฉินรั่วซือกลับรู้สึกราวกับว่าทุกอย่างเป็นเพียงภาพลวงตานางกลัวว่า ความสุขนี้จะเหมือนกับภาพลวงตาในทะเลทราย หากวันใดพิษของชิวเหวินอิงหมดฤทธิ์ สิ่งที่นางมีอยู่นี้ก็จะไร้ค่าก่อนหน้านี้ นางคิดว่าเมื่อตนได้แต่งงานกับเซียวหลินเทียนแล้ว นางจะต้อง
ต่อมา องครักษ์ลับที่แต่งกายเหมือนเซียวหลินเทียนและสวมหน้ากากก็เดินเข้ามาในห้องส่วนตัวจากประตูลับทั้งสามคนพาเซียวหลินเทียนไปที่ประตูลับอย่างเงียบ ๆ ด้านอิ๋นฮู๋ก็แบกเซียวหลินเทียนลงไปที่ห้องลับใต้ดินของหอริมธาราเมื่อประตูห้องปิดลง สิ่งที่เกิดขึ้นข้างในก็ไม่มีใครได้ยินทั้งสิ้น แม้แต่เสียงที่ดังจากด้านบนก็ยังถูกกลบด้วยเสียงขององครักษ์ลับที่พูดคุยเลียนแบบท่าทางของเซียวหลินเทียนหลิงอวี๋และหลิงซวนลอบออกจากวังมาสักพักหนึ่งแล้ว ไทเฮาทราบเรื่องนี้แล้วเช่นกัน และยินดีช่วยปกปิดให้กับพวกนางด้วยความช่วยเหลือของขันทีโม่ พลังวิญญาณของหลิงอวี๋เพิ่มพูนขึ้นอย่างมากทีเดียว วิธีแก้พิษกู่ก็เป็นสิ่งที่ขันทีโม่แนะนำนางให้หลิงซวนช่วยพยุงเซียวหลินเทียน จัดท่าทางให้นั่งพิงกำแพง แล้วก็เอ่ยว่า “หลิงซวน เจ้าคอยดูข้าอยู่ข้าง ๆ หากเจ้าพบว่าข้ามีอาการคล้ายจะหมดสติ จงใช้เข็มเงินแทงข้าเสีย!”“ข้าจะล่อหนอนกู่ออกมา ระหว่างนี้จะต้องไม่มีอะไรผิดพลาด มิเช่นนั้นเซียวหลินเทียนต้องถึงแก่ชีวิตเพราะเลือดคั่งในสมองมากเกินไป!”หลิงซวนรู้ว่าเรื่องนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง จึงพยักหน้าหนักแน่น รับเข็มเงิน แล้วก็คอยเฝ้าอยู่ข้
“ให้ข้าพักสักครู่!”หลิงอวี๋หายใจเข้าออกเพื่อปรับอารมณ์ และสังเกตอาการของเซียวหลินเทียนไปพลางนางล่อหนอนกู่ตัวแรกออกมาแล้ว ฉินรั่วซือคงจะรับรู้ได้เช่นกันก่อนหน้านี้นางได้ให้ฉินซานพาฉินรั่วซือกลับบ้าน และให้ฉินซานวางยาสลบฉินรั่วซือก่อนที่นางจะถอนพิษให้เซียวหลินเทียน เพื่อให้แน่ใจว่าฉินรั่วซือจะมิพบความผิดปกติใด ๆนางสังเกตอยู่ครู่หนึ่ง พบว่าเซียวหลินเทียนไม่มีอาการใด ๆ แปลว่าฉินซานได้วางยาสลบฉินรั่วซือตามแผนของนางแล้วหลิงอวี๋ถอนหายใจด้วยความโล่งใจ เตรียมล่อหนอนกู่ตัวที่สองออกมาจากร่างของเซียวหลินเทียนทันทีที่หลิงอวี๋เพิ่งนั่งลงและเตรียมลงมือเซียวหลินเทียนก็สั่นสะท้านอย่างรุนแรง โน้มตัวไปข้างหน้าและกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมากหลิงอวี๋นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเขา หนำซ้ำยังอยู่ใกล้มากเลือดทั้งหมดจึงพุ่งไปทั่วใบหน้าและร่างกายของหลิงอวี๋“อาจารย์… เกิดอะไรขึ้น?”หลิงซวนตกใจ รีบก้มลงไปกดเซียวหลินเทียนไว้ร่างกายของเซียวหลินเทียนยังคงสั่นสะท้านอย่างต่อเนื่อง ราวกับว่ากำลังดิ้นรนที่จะลุกขึ้นดวงตาของเขายังคงหลับสนิท ทว่าร่างกายกลับสั่นสะท้านหนักข้อขึ้นเรื่อย ๆ หลิงซวนคนเดียวกดเขาไว
ริมฝีปากสัมผัสริมฝีปาก ลิ้นเกี่ยวกระหวัดพันกันมันควรเป็นจูบที่เต็มไปด้วยความโรแมนติก แต่กลับเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตายในทุกวินาทีหลิงซวนมิกล้าแม้แต่จะกะพริบตา จ้องมองทั้งสองคนอย่างมิละสายตา กลัวว่าในวินาทีถัดไปหลิงอวี๋จะถูกพิษทำร้ายจนตาย!หรือไม่เซียวหลินเทียนก็อาจจะกระอักเลือดตายเสียก่อน!ร่างกายของหลิงอวี๋แนบชิดกับเซียวหลินเทียน ใช้ร่างกายของตนช่วยกดการดิ้นรนของเซียวหลินเทียนตอนนี้โลกของนางมีเพียงหนอนกู่ตัวนั้นที่อยู่ในสมองของเซียวหลินเทียน!พลังวิญญาณทั้งหมดของนางจดจ่ออยู่กับหนอนกู่ตัวนั้นนางรู้สึกได้ว่า มันกำลังถูกบางสิ่งดึงรั้งไว้ในหัวของเซียวหลินเทียน ดูเหมือนดิ้นรนอยู่เป็นเวลานานทีเดียวกว่าจะค่อย ๆ ไหลลงมาหลิงอวี๋พบความผิดปกติ การดิ้นรนของเซียวหลินเทียนจะสงบลงก็ต่อเมื่อหนอนกู่ตัวนั้นเลือกทิศทางการเคลื่อนที่ของมันเองได้นางไม่มีเวลาคิดอะไรมาก เพ่งพลังจิตทั้งหมดไปที่หนอนตัวนั้นกลิ่นหอมเอียนของเห็ดสีม่วงแผ่ซ่านไปทั่วทั้งโพรงปาก ชวนให้รู้สึกสดชื่นเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งกลิ่นหอมนี้ยังเป็นเครื่องมือชั้นดีสำหรับดึงดูดหนอนกู่อีกด้วยเพียงดื่มเลือดที่ผสมผสานกับเห็ดสีม่ว
ขณะที่หลิงอวี๋ยังกล่าวมิจบ นางก็รู้สึกถึงคลื่นความร้อนที่แผ่ซ่านขึ้นมาจากภายในราวกับไฟที่ลุกโชนนางทรุดตัวนั่งลงกับพื้นโดยพลัน แล้วรีบกล่าวว่า “ไปช่วยเซียวหลินเทียนจัดการบาดแผลก่อน ข้าต้องรวบรวมสมาธิเพื่อดูดซับพลังของมัน...”หลิงอวี๋หลับตาลงหลิงซวนตกใจเมื่อเห็นว่าใบหน้าของหลิงอวี๋แดงก่ำขึ้นมาในชั่วพริบตาเห็ดสีม่วงนี้มีฤทธิ์แรงเช่นนี้เชียวหรือ?หลิงซวนมิกล้ารบกวนหลิงอวี๋ จึงย่องเบา ๆ ไปดูเซียวหลินเทียนเซียวหลินเทียนนั่งก้มหน้าอยู่ ยังคงสลบไสล หลิงซวนตั้งใจจะคลายเชือกให้เขา แต่เมื่อคิดทบทวนดูแล้ว นางคิดว่ามัดเขาไว้เช่นนี้ต่อไปคงปลอดภัยที่สุดใครจะรู้ว่าเขาอาจคลุ้มคลั่งอีกครั้งแล้วรบกวนการบำเพ็ญเพียรของอาจารย์หรือไม่หลิงซวนย่อตัวลง ใช้ผ้าพันแผลและยารักษาบาดแผลจัดการกับบาดแผลที่ข้อมือของเซียวหลินเทียน จากนั้นนางก็มานั่งรอจนกว่าหลิงอวี๋จะเสร็จสิ้นจากการนั่งฝึกตนในขณะเดียวกันนั้น ที่จวนตระกูลฉินเหตุการณ์ก็มิได้สงบนักเรื่องนี้ต้องกล่าวถึงตั้งแต่ก่อนที่หลิงอวี๋จะทำการถอนพิษกู่ให้กับเซียวหลินเทียนฉินรั่วซือถูกฉินซานพากลับมายังจวนตระกูลฉิน ฮูหยินฉินทำอาหารที่ฉินรั่วซือชอบยกขึ
ฉินรั่วซือกำลังซักถามฮูหยินฉินเกี่ยวกับสิ่งที่ควรระวังในคืนเข้าหอ แต่แล้วจู่ ๆ นางก็รู้สึกเวียนหัวนางพึมพำ “ท่านแม่ ช่วงนี้รั่วซือคงเหนื่อยล้าเกินไปจริง ๆ ง่วงนอนเหลือเกิน รั่วซืออยากนอนแล้ว”กล่าวจบ ฉินรั่วซือก็หมอบลงบนโต๊ะแล้วผล็อยหลับไปฮูหยินฉินมองฉินรั่วซืออยู่นาน ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปที่ประตู“ท่านแม่ นางหลับแล้วหรือ?” ฉินซานเดินกลับมาจากด้านหลังตัวเรือนแล้วถามด้วยความกังวล“อืม อุ้มนางกลับไปที่ห้องเถิด”ฮูหยินฉินกล่าวด้วยความอ่อนล้า “แม่เหนื่อยแล้ว ขอตัวไปพักผ่อนสักครู่”“ท่านแม่มิสบายตัวตรงไหนหรือไม่?”ฉินซานถามด้วยความกังวลฮูหยินฉินเสียงสั่นเล็กน้อย ทว่ายังคงฝืนยิ้ม “แม่จะไปจุดธูปหน้าป้ายจารึกท่านพ่อของเจ้า บอกกล่าวเรื่องนี้ให้เขาทราบ… มิรู้ว่าท่านพ่อของเจ้าจะให้อภัยแม่หรือไม่”เมื่อฉินซานได้ยินเสียงอันขมขื่นของมารดา ใจของเขาก็รู้สึกเจ็บปวดเช่นกัน ปลอบโยนว่า“ท่านแม่ คิดให้ดีเถิดขอรับ หากท่านพ่อมีชีวิตอยู่ ท่านก็คงมิเห็นด้วยกับการกระทำของนางเช่นกัน ท่านจะต้องคิดเหมือนกันกับท่านแม่อย่างแน่นอน”ฮูหยินฉินกำลังจะตอบกลับอะไรบางอย่าง ก็ได้ยินเสียงดัง “เพล้ง” ดังมาจากในห้
สิ้นเสียงของฉินรั่วซือ นางก็กัดปลายลิ้นตนเองอย่างแรงความบ้าคลั่งที่พร้อมจะยอมแลกทุกสิ่งทุกอย่างเช่นนั้น ทำให้ฉินซานมิลังเลอีกต่อไป เขาคว้าเข็มฉีดยากล่อมประสาทออกมาแทงฉินรั่วซือทันทีฉินรั่วซือไม่มีวรยุทธ จึงมิสามารถหลบหลีกได้ เข็มฉีดยากล่อมประสาทจึงพุ่งเข้าที่ลำคอของนางโดยตรงนางเอื้อมมือไปดึงเข็มออก แต่ยังมิทันได้ยกมือขึ้นถึงลำคอ ยากล่อมประสาทก็ออกฤทธิ์ทำให้สูญเสียสติไปในทันที ล้มฟุบลงกับพื้นอย่างอ่อนแรงฉินซานเหงื่อแตกพลั่กทั่วตัว มิรู้ว่าเมื่อครู่ฉินรั่วซือได้กระตุ้นพิษหนอนกู่ในตัวเซียวหลินเทียนให้ระเบิดหรือไม่ ได้แต่ภาวนาว่าการขัดขวางของตนจะยังทันเวลามิเช่นนั้น เขาจะเป็นคนบาปที่แม้ตายซ้ำตายซากหลายครั้งก็มิสามารถชดใช้ความผิดนี้ได้“ท่านแม่ ช่วยดูแลนางด้วย ข้าจะออกไปดูสถานการณ์ข้างนอก!”ฉินซานปาดเหงื่อแล้วหันไปสั่งฮูหยินฉิน “หากข้ามิได้กลับมา ก็อย่าได้ขัดขวางนางเลย ปล่อยให้นางทำตามใจปรารถนาเถอะ!”ฮูหยินฉินตกใจกลัวกับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น เมื่อได้ยินคำพูดที่เหมือนเป็นการสั่งเสียของฉินซาน นางก็รู้สึกราวกับหัวใจถูกมีดกรีดแต่ฮูหยินฉินกลับเผยสีหน้าสงบแล้วกล่าวว่า “ไปเถิด แ
หลิงอวี๋มองเซียวหลินเทียนอย่างเย็นชา ถามด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ที่นี่คือหอริมธารา ท่านจำได้หรือไม่ว่าเหตุใดท่านจึงมาที่หอริมธารา?”เซียวหลินเทียนขมวดคิ้ว พยายามนึก แต่ก็มิสามารถรวบรวมความทรงจำออกมาได้เขากล่าวด้วยความหงุดหงิด “ช่วยปลดมัดให้ข้าที… ข้าจำได้เพียงว่าได้ไปช่วยฉินซานและจ้าวซวนกับคนอื่น ๆ แล้วก็พบฉินรั่วซือ… ฉินรั่วซือ?”ภาพบางอย่างแวบเข้ามาในหัวของเซียวหลินเทียน ดูเหมือนจะเป็นภาพที่เกี่ยวข้องกับฉินรั่วซือทั้งสิ้น!เขาสับสนยิ่งกว่าเดิมเสียอีก นี่มันเกิดอะไรขึ้น?เขาสนิทสนมกับฉินรั่วซือถึงเพียงนั้นเลยหรือ?แต่หลิงอวี๋กลับใจเต้นแรง เซียวหลินเทียนเคยเรียกฉินรั่วซืออย่างสนิทเสน่หาว่า… ซือซือ!แต่บีดนี้เขากลับเรียกนางว่าฉินรั่วซือ นี่เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าตนเองประสบความสำเร็จแล้ว!“หลิงซวน เล่าเรื่องที่เขาทำกระทำลงไปในช่วงหลายวันที่ผ่านมานี้ให้เขาฟังที! ข้าคร้านเกินกว่าจะพูดกับเขาอีกแล้ว!”หลิงอวี๋นึกถึงเรื่องที่เซียวหลินเทียนลงโทษหลิงเยวี่ย ฉับพลันก็รู้สึกโมโหขึ้นมาแม้จะรู้ทั้งรู้ว่าเซียวหลินเทียนถูกฉินรั่วซือควบคุมจิตใจถึงได้ทำเรื่องเลวร้ายเช่นนั้นก็ตาม!แต่หลิงอวี๋สาม