ขณะที่หลิงอวี๋ยังกล่าวมิจบ นางก็รู้สึกถึงคลื่นความร้อนที่แผ่ซ่านขึ้นมาจากภายในราวกับไฟที่ลุกโชนนางทรุดตัวนั่งลงกับพื้นโดยพลัน แล้วรีบกล่าวว่า “ไปช่วยเซียวหลินเทียนจัดการบาดแผลก่อน ข้าต้องรวบรวมสมาธิเพื่อดูดซับพลังของมัน...”หลิงอวี๋หลับตาลงหลิงซวนตกใจเมื่อเห็นว่าใบหน้าของหลิงอวี๋แดงก่ำขึ้นมาในชั่วพริบตาเห็ดสีม่วงนี้มีฤทธิ์แรงเช่นนี้เชียวหรือ?หลิงซวนมิกล้ารบกวนหลิงอวี๋ จึงย่องเบา ๆ ไปดูเซียวหลินเทียนเซียวหลินเทียนนั่งก้มหน้าอยู่ ยังคงสลบไสล หลิงซวนตั้งใจจะคลายเชือกให้เขา แต่เมื่อคิดทบทวนดูแล้ว นางคิดว่ามัดเขาไว้เช่นนี้ต่อไปคงปลอดภัยที่สุดใครจะรู้ว่าเขาอาจคลุ้มคลั่งอีกครั้งแล้วรบกวนการบำเพ็ญเพียรของอาจารย์หรือไม่หลิงซวนย่อตัวลง ใช้ผ้าพันแผลและยารักษาบาดแผลจัดการกับบาดแผลที่ข้อมือของเซียวหลินเทียน จากนั้นนางก็มานั่งรอจนกว่าหลิงอวี๋จะเสร็จสิ้นจากการนั่งฝึกตนในขณะเดียวกันนั้น ที่จวนตระกูลฉินเหตุการณ์ก็มิได้สงบนักเรื่องนี้ต้องกล่าวถึงตั้งแต่ก่อนที่หลิงอวี๋จะทำการถอนพิษกู่ให้กับเซียวหลินเทียนฉินรั่วซือถูกฉินซานพากลับมายังจวนตระกูลฉิน ฮูหยินฉินทำอาหารที่ฉินรั่วซือชอบยกขึ
ฉินรั่วซือกำลังซักถามฮูหยินฉินเกี่ยวกับสิ่งที่ควรระวังในคืนเข้าหอ แต่แล้วจู่ ๆ นางก็รู้สึกเวียนหัวนางพึมพำ “ท่านแม่ ช่วงนี้รั่วซือคงเหนื่อยล้าเกินไปจริง ๆ ง่วงนอนเหลือเกิน รั่วซืออยากนอนแล้ว”กล่าวจบ ฉินรั่วซือก็หมอบลงบนโต๊ะแล้วผล็อยหลับไปฮูหยินฉินมองฉินรั่วซืออยู่นาน ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปที่ประตู“ท่านแม่ นางหลับแล้วหรือ?” ฉินซานเดินกลับมาจากด้านหลังตัวเรือนแล้วถามด้วยความกังวล“อืม อุ้มนางกลับไปที่ห้องเถิด”ฮูหยินฉินกล่าวด้วยความอ่อนล้า “แม่เหนื่อยแล้ว ขอตัวไปพักผ่อนสักครู่”“ท่านแม่มิสบายตัวตรงไหนหรือไม่?”ฉินซานถามด้วยความกังวลฮูหยินฉินเสียงสั่นเล็กน้อย ทว่ายังคงฝืนยิ้ม “แม่จะไปจุดธูปหน้าป้ายจารึกท่านพ่อของเจ้า บอกกล่าวเรื่องนี้ให้เขาทราบ… มิรู้ว่าท่านพ่อของเจ้าจะให้อภัยแม่หรือไม่”เมื่อฉินซานได้ยินเสียงอันขมขื่นของมารดา ใจของเขาก็รู้สึกเจ็บปวดเช่นกัน ปลอบโยนว่า“ท่านแม่ คิดให้ดีเถิดขอรับ หากท่านพ่อมีชีวิตอยู่ ท่านก็คงมิเห็นด้วยกับการกระทำของนางเช่นกัน ท่านจะต้องคิดเหมือนกันกับท่านแม่อย่างแน่นอน”ฮูหยินฉินกำลังจะตอบกลับอะไรบางอย่าง ก็ได้ยินเสียงดัง “เพล้ง” ดังมาจากในห้
สิ้นเสียงของฉินรั่วซือ นางก็กัดปลายลิ้นตนเองอย่างแรงความบ้าคลั่งที่พร้อมจะยอมแลกทุกสิ่งทุกอย่างเช่นนั้น ทำให้ฉินซานมิลังเลอีกต่อไป เขาคว้าเข็มฉีดยากล่อมประสาทออกมาแทงฉินรั่วซือทันทีฉินรั่วซือไม่มีวรยุทธ จึงมิสามารถหลบหลีกได้ เข็มฉีดยากล่อมประสาทจึงพุ่งเข้าที่ลำคอของนางโดยตรงนางเอื้อมมือไปดึงเข็มออก แต่ยังมิทันได้ยกมือขึ้นถึงลำคอ ยากล่อมประสาทก็ออกฤทธิ์ทำให้สูญเสียสติไปในทันที ล้มฟุบลงกับพื้นอย่างอ่อนแรงฉินซานเหงื่อแตกพลั่กทั่วตัว มิรู้ว่าเมื่อครู่ฉินรั่วซือได้กระตุ้นพิษหนอนกู่ในตัวเซียวหลินเทียนให้ระเบิดหรือไม่ ได้แต่ภาวนาว่าการขัดขวางของตนจะยังทันเวลามิเช่นนั้น เขาจะเป็นคนบาปที่แม้ตายซ้ำตายซากหลายครั้งก็มิสามารถชดใช้ความผิดนี้ได้“ท่านแม่ ช่วยดูแลนางด้วย ข้าจะออกไปดูสถานการณ์ข้างนอก!”ฉินซานปาดเหงื่อแล้วหันไปสั่งฮูหยินฉิน “หากข้ามิได้กลับมา ก็อย่าได้ขัดขวางนางเลย ปล่อยให้นางทำตามใจปรารถนาเถอะ!”ฮูหยินฉินตกใจกลัวกับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น เมื่อได้ยินคำพูดที่เหมือนเป็นการสั่งเสียของฉินซาน นางก็รู้สึกราวกับหัวใจถูกมีดกรีดแต่ฮูหยินฉินกลับเผยสีหน้าสงบแล้วกล่าวว่า “ไปเถิด แ
หลิงอวี๋มองเซียวหลินเทียนอย่างเย็นชา ถามด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ที่นี่คือหอริมธารา ท่านจำได้หรือไม่ว่าเหตุใดท่านจึงมาที่หอริมธารา?”เซียวหลินเทียนขมวดคิ้ว พยายามนึก แต่ก็มิสามารถรวบรวมความทรงจำออกมาได้เขากล่าวด้วยความหงุดหงิด “ช่วยปลดมัดให้ข้าที… ข้าจำได้เพียงว่าได้ไปช่วยฉินซานและจ้าวซวนกับคนอื่น ๆ แล้วก็พบฉินรั่วซือ… ฉินรั่วซือ?”ภาพบางอย่างแวบเข้ามาในหัวของเซียวหลินเทียน ดูเหมือนจะเป็นภาพที่เกี่ยวข้องกับฉินรั่วซือทั้งสิ้น!เขาสับสนยิ่งกว่าเดิมเสียอีก นี่มันเกิดอะไรขึ้น?เขาสนิทสนมกับฉินรั่วซือถึงเพียงนั้นเลยหรือ?แต่หลิงอวี๋กลับใจเต้นแรง เซียวหลินเทียนเคยเรียกฉินรั่วซืออย่างสนิทเสน่หาว่า… ซือซือ!แต่บีดนี้เขากลับเรียกนางว่าฉินรั่วซือ นี่เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าตนเองประสบความสำเร็จแล้ว!“หลิงซวน เล่าเรื่องที่เขาทำกระทำลงไปในช่วงหลายวันที่ผ่านมานี้ให้เขาฟังที! ข้าคร้านเกินกว่าจะพูดกับเขาอีกแล้ว!”หลิงอวี๋นึกถึงเรื่องที่เซียวหลินเทียนลงโทษหลิงเยวี่ย ฉับพลันก็รู้สึกโมโหขึ้นมาแม้จะรู้ทั้งรู้ว่าเซียวหลินเทียนถูกฉินรั่วซือควบคุมจิตใจถึงได้ทำเรื่องเลวร้ายเช่นนั้นก็ตาม!แต่หลิงอวี๋สาม
“หญิงชั่วช้าสารเลวผู้นี้ ข้าจะต้องฆ่านางให้ได้!”เซียวหลินเทียนระเบิดถ้อยคำผรุสวาทรุนแรงออกมาจนถึงตอนนี้ เขาเพิ่งรู้ว่าเหตุใดหลิงอวี๋จึงมีท่าทีเย็นชาต่อเขาเช่นนั้นการกระทำของเขาในช่วงหลายวันที่ผ่านมานี้ คงทำร้ายจิตใจของนางมิน้อยเลยนอกเหนือจากความรู้สึกผิดที่มากล้น เซียวหลินเทียนก็เต็มไปด้วยความซาบซึ้งต่อหลิงอวี๋หากมิใช่หลิงอวี๋ที่ยอมเอาชีวิตเข้าแลกเพื่อช่วยเขาถอนพิษ เขาคงต้องตายไปอย่างมิรู้ตัว!เกียรติยศอันยิ่งใหญ่ของเขาในชาตินี้ คงสูญสิ้นไปในพริบตา!“หลิงซวน เจ้าปล่อยข้าเถอะ ข้าจะไปอธิบายกับหลิงอวี๋!”“ข้าต้องหาหนทางชดใช้ความผิดของข้า!”เซียวหลินเทียนกล่าวกับหลิงซวนด้วยความจริงใจ “ข้าขอโทษที่ข้าตบเจ้า แม้ว่านั่นจะมิใช่เจตนาของข้า แต่ก็เป็นความผิดของข้า เมื่อข้าจัดการเรื่องที่ข้าก่อไว้เสร็จแล้ว เจ้าจะลงโทษข้าอย่างไรก็ได้!”เมื่อได้ยินเซียวหลินเทียนกล่าวเช่นนี้ หลิงซวนก็รู้สึกอับอายเล็กน้อยเซียวหลินเทียนเสียสติและความเป็นตัวเองไป เขามิได้ตั้งใจเสียหน่อย!นางจะจดจำเรื่องนี้ไปจนตายได้อย่างไร!“ช่างเถิดเพคะ หากอาจารย์ของบ่าวให้อภัยท่าน บ่าวก็จะให้อภัยท่านเช่นกัน! เห็นว่าท
หลิงอวี๋และเผยอวี้วางแผนการปฏิบัติการในวันรุ่งขึ้นเสร็จสิ้น จากนั้นนางก็พาหลิงซวนกลับวังแต่ใครจะรู้ว่าระหว่างทาง พวกเขาจะถูกอันเจ๋อตามมาพบเสียก่อน“หลิงอวี๋ เกิดเรื่องแล้ว!”หัวใจของหลิงอวี๋เต้นรัว เอ่ยถามด้วยความกังวล “เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเซียวหลินเทียนอีกงั้นหรือ?”“มิใช่เขา ครั้งนี้เป็นฉินรั่วซือ!”อันเจ๋อกล่าวด้วยความกังวลและสิ้นหวัง “เมื่อครู่ฉินซานให้คนนำจดหมายมาส่งถึงข้า บอกว่า… บอกว่าท่านแม่ของเขา ฮูหยินฉิน วางยาพิษฉินรั่วซือด้วยตนเอง! ตอนนี้ฉินรั่วซืออยู่ในสภาพปางตาย!”หลิงอวี๋ถึงกับนิ่งอึ้งไป ฮูหยินฉินวางยาพิษฉินรั่วซือหรือ?นางใช้วิธีนี้เพราะต้องการขัดขวางมิให้ฉินรั่วซือแต่งงานกับเซียวหลินเทียนกระมัง?แต่...หากงานอภิเษกระหว่างฉินรั่วซือและเซียวหลินเทียนมิจัดขึ้นตามกำหนด แผนการขององค์ชายเว่ยและองค์หญิงใหญ่จะดำเนินต่อไปได้หรือ?อีกทั้งนางและจักรพรรดิอู่อันก็ได้จัดเตรียมเวทีละครไว้ให้องค์ชายเว่ยและองค์หญิงใหญ่แล้วเรียบร้อย จะให้การแสดงของพวกเขามีอันต้องล้มเลิกกลางคันได้อย่างไร!“ไปดูกันก่อนว่าเราพอจะช่วยได้หรือไม่!”“หลิงซวน เจ้าไปที่จวนเสนาบดีเจิ้นหย่วนตามหาหาน
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉินซานก็เงียบไปทันทีหลิงอวี๋ถามเช่นนี้ ความหมายของนางนั้นเขาเข้าใจดีฉินรั่วซือสมคบคิดทรยศกับคนจากฉีตะวันออก ควบคุมจิตใจเซียวหลินเทียนความผิดเช่นนี้มีโทษถึงขั้นประหารชีวิตแม้ว่าเขาจะขอร้องให้หลิงอวี๋ช่วยถอนพิษกู่ให้ฉินรั่วซือ แต่ก็มิสามารถช่วยให้น้องสาวรอดพ้นจากการถูกประหารได้“มิต้องช่วยนางแล้ว!”ผู้ที่ตอบหลิงอวี๋แทนเขาคือฮูหยินฉิน นางกล่าวด้วยน้ำเสียงแน่วแน่ “มิว่าอย่างไรนางก็ต้องตาย การตายเช่นนี้นับว่ายังหลงเหลือเกียรติให้นางอยู่บ้าง!”หากฉินรั่วซือถูกตัดสินว่ามีความผิด เรื่องอัปยศเหล่านี้ก็จะแพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวงนางตายไปก็มิน่าเสียดายฮูหยินฉินมิอยากให้บุตรชายของตนต้องพัวพันกับความชั่วช้าของฉินรั่วซือ กระทั่งถูกผู้คนติฉินนินทาเอาได้“ท่านแม่...”ฉินซานจะมิเข้าใจความคิดของมารดาได้อย่างไร เขาอยากบอกเหลือเกินว่า ตนมิสนใจชื่อเสียงเกียรติยศอะไรนั่นแต่เมื่อกำลังจะเอ่ยปากกลับกล่าวคำใดมิออกเขาอาจมิสนใจชื่อเสียงของตนเองก็จริง ทว่าชื่อเสียงของตระกูลฉินเล่า?ชื่อเสียงที่บรรพบุรุษได้สั่งสมมาหลายชั่วอายุคน จะต้องมาจบลงเพราะฉินรั่วซือเช่นนั้นหรือ?“..
วันรุ่งขึ้นตั้งแต่เช้าตรู่ ทุกคนในตำหนักอ๋องอี้ก็วุ่นวายกับการตระเตรียมงานอภิเษกหมิ่นกูสั่งการให้สาวใช้และคนรับใช้จัดเตรียมของด้วยความขุ่นเคืองเดิมทีนางมิอยากทำ แต่ว่าหลิงอวี๋ให้จ้าวซวนมาแจ้งนางว่า นางต้องช่วยเซียวหลินเทียนจัดงานให้เรียบร้อย แล้วหลิงอวี๋จะกลับมาในวันนี้หมิ่นกูจึงจำใจจัดงานอภิเษกเพราะเห็นแก่หลิงอวี๋บรรยากาศภายในตำหนักอ๋องอี้คึกคักมากทีเดียว ทั้งผู้ที่ตั้งใจมาร่วมแสดงความยินดีและคนที่คิดร้ายต่างก็มาที่ตำหนักอ๋องอี้กันตั้งแต่เช้าหลี่ว์จงเจ๋อและสหายอีกสองสามคนก็มาด้วยเช่นกัน หลี่ว์จงเจ๋อก็มาช่วยเซียวหลินเทียนดูแลงานตามคำสั่งของหลิงอวี๋ทางด้านปี้ไห่เฟิงก็ใช้สถานะของตนจัดแจงให้สหายบางคนแฝงตัวเข้ามาในตำหนักอ๋องอี้ในฐานะคนรับใช้พวกเขาต้องควบคุมมือสังหารของตำหนักอ๋องอี้เหล่านี้ไว้ให้อยู่หมัดเมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงในวังหลวง เพื่อมิให้พวกเขาฉวยโอกาสไปช่วยคนร้ายในวังหลวงได้ทันเวลาขุนนางหลายคนในเมืองหลวงยังคงสับสนอยู่ บางคนที่ต้องการเข้าหาเซียวหลินเทียนต่างก็มาแสดงความยินดีส่วนคนที่เป็นศัตรูทางการเมืองกับเซียวหลินเทียนก็ได้กลิ่นอายของความอันตรายบางอย่างสองสามว
เผยอวี้และคนอื่น ๆ ต่างมองหน้ากันอย่างจนปัญญา นึกว่ามหาปราชญ์และเจ้าแห่งทะเลกลับไปแล้วพวกตนจะรอดพ้นจากครั้งนี้ไปได้ คาดมิถึงว่าชายาเจ้าแห่งทะเลจะใช้ไม้นี้อีกภายนอกดูเหมือนเป็นการเชิญ แต่จริง ๆ แล้วจะปฏิเสธมิไปได้หรือ?เซียวหลินเทียนสามารถแสร้งป่วยได้ แต่หลิงอวี๋เพิ่งจะปรากฏตัวต่อหน้าเจ้าแห่งทะเลไปเมื่อครู่ ตอนนี้ย่อมมิอาจใช้การแสร้งป่วยมาหลีกเลี่ยงได้อีกแล้ว“บอกไปว่าคุณหนูสิงกำลังรักษาอาการป่วยให้ข้าอยู่ เดี๋ยวค่อยไป!”ในสถานการณ์กะทันหันเช่นนี้เซียวหลินเทียนทำได้เพียงถ่วงเวลาไปก่อนแล้วค่อยคิดหาวิธี“เผยอวี้ เจ้าส่งคนไปแจ้งหลงเพ่ยเพ่ยกับเจ้าแห่งทิศใต้ ให้หลงเพ่ยเพ่ยไปเป็นเพื่อนอาอวี๋!”เป็นเรื่องความเป็นความตายของหลิงอวี๋ เผยอวี้รีบให้คนไปแจ้งหลงเพ่ยเพ่ยทันทีหลิงอวี๋นิ่งเงียบ นั่งคิดอยู่ข้าง ๆเพื่อชิงหยกหล้าสุขาวดีกลับคืนมา ในเวลานั้นชายาเจ้าแห่งทะเลสามารถลงมืออำมหิตกับหลานฮุ่ยจวนที่กำลังตั้งครรภ์ได้ครั้งนี้นางส่งพ่อบ้านมาเชิญตนไปจวนเจ้าแห่งทะเล พูดไปพูดมาก็เพื่อหยกหล้าสุขาวดีบนตัวนางนั่นเองส่วนการที่จะนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาได้นั้นต้องใช้วิธีสลายโลหิตละลายกระดูก หรือว่าช
หลิงอวี๋เดินกลับเข้ามา และบังเอิญได้ยินคำพูดของเย่ซงเฉิงเข้าพอดี“พวกเราต้องเตรียมรับมือสำหรับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด หากหวงฝู่หลินกลับไปแล้ว มิสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ถึงกาลนั้นใครจะมารับมือการแก้แค้นของฝูไห่ต่อตระกูลหลงและตระกูลอื่น ๆ อีกหลายตระกูลเล่า?”เจ้าแห่งทิศใต้มองไปยังเย่หรง และกล่าวเสียงเข้ม “เลี่ยวหงเสีย มารดาของเย่หรงอาจจะรู้วิธี!”“ปรมาจารย์เย่ ก่อนหน้านี้ข้าอยากจะพบเลี่ยวหงเสียเพื่อสอบถามสถานการณ์จึงไปที่คุกน้ำมา แต่ข้ากลับมิสามารถพบนางได้!”“คำกล่าวของท่านมีน้ำหนักเมื่ออยู่ต่อหน้าพระพักตร์เสด็จพ่อ บางทีท่านอาจจะสามารถทูลขอเสด็จพ่อให้ทรงอนุญาตท่านเข้าพบเลี่ยวหงเสียได้!”เย่ซงเฉิงขมวดคิ้ว “เจ้าแห่งทิศใต้ก็มิสามารถพบเลี่ยวหงเสียได้เช่นกันหรือพ่ะย่ะค่ะ?”เจ้าแห่งทิศใต้พยักหน้า “แม่ทัพหลี่ผู้เฝ้าประตูบอกว่า นอกเสียจากจะมีพระราชโองการของมหาเทพ มิฉะนั้นก็มิอนุญาตให้ข้าพบเลี่ยวหงเสีย!”เย่ซงเฉิงยิ้มอย่างขมขื่น “เรื่องนี้ข้าน้อยเคยทูลต่อเสด็จพ่อของท่านแล้ว เสด็จพ่อของท่านมิทรงยินยอม ความนับหน้าถือตาของตาเฒ่าผู้นี้ใช้มิได้ผลต่อหน้าพระพักตร์เสด็จพ่อของท่านแล้ว!”ทุกคนต่
หวงฝู่หลินมิรู้จักคนทั้งสองนี้เลย คิดอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “ตอนนั้นนอกจากพวกท่านกับตระกูลเฉียวแล้ว ก็มีคนของตระกูลจงเจิ้งที่เข้าไปในภูเขาหิมะ ข้ามิเห็นคนทั้งสองที่ท่านพูดถึงในภูเขาหิมะ!”“บางทีปี้ซงอาจจะเคยเห็น เดี๋ยวลองเรียกเขามาถามดู!”เผยอวี้จึงไปเรียกปี้ซงมาอีกครั้งปี้ซงอุ้มหวงฝู่หมิงจูเข้ามา หลิงอวี๋ก็รับนางมาอุ้มไว้เซียวหลินเทียนมองหวงฝู่หมิงจูกอดคอหลิงอวี๋ด้วยท่าทางสนิทสนม ในใจรู้สึกซับซ้อนอย่างบอกมิถูกหวงฝู่หลินเล่าคำถามให้ปี้ซงฟังอีกครั้งปี้ซงคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “ชายชราผู้นั้นข้าพอจำได้ราง ๆ ตอนนั้นเขาเดินวนเวียนอยู่ในภูเขาหิมะอยู่หลายวัน ต่อมาก็จากไป ข้าคิดว่าเขาไม่มีอันตรายอะไรจึงมิได้ใส่ใจ!”“ส่วนแม่นมอู ข้าไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับนางเลย มิเคยเห็นนางในภูเขาหิมะ!”เก๋อเฟิ่งฉิงยืนฟังอยู่ข้าง ๆ ตลอด ได้ยินดังนั้นก็กล่าวว่า “อันที่จริงตอนนั้นที่ภูเขาหิมะ นอกจากพวกเราแล้ว น่าจะยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่ง”“ข้าก็มาพบพวกนางหลังจากลงจากเขาแล้ว ตอนนั้นยังคิดว่าพวกนางแค่ผ่านทางมา แต่พอลองคิดดูตอนนี้ พวกนางต้องเคยไปภูเขาหิมะแน่นอน แม่นมอูน่าจะถูกพวกนางพาตัวไป!”“พวกเข
เมื่อฟังคำพูดของเย่ซงเฉิงจบ หลิงอวี๋ หลงเพ่ยเพ่ยและเผยอวี้ก็ร้องอุทานออกมาพร้อมกัน“เจ้าสำนักซิงหลัวเป็นสตรี! หรือว่านางคือตงกู่อวี้ที่กลับชาติมาเกิด?”หวงฝู่หลินก็นึกขึ้นได้ ตอนที่ทุกคนรุมล้อมโจมตีเจ้าสำนักซิงหลัว เผยอวี้ใช้กระบี่เดียวตัดเชือกรัดผมที่มัดผมของเจ้าสำนักซิงหลัวขาดตอนนั้นผมสลวยของนางสยายลงมาบดบังดวงตาของนางทุกคนมัวแต่ยุ่งอยู่กับการรับมือ จึงมิทันได้คิดให้ลึกซึ้งเมื่อเย่ซงเฉิงพูดเช่นนี้ ทุกคนจึงได้นึกถึงสภาพการณ์ในยามนั้นขึ้นมา“ตงกู่อวี้กลับชาติมาเกิดจริง ๆ หรือ?”ในฐานะลูกหลานตระกูลหลง เจ้าแห่งทิศใต้จะมิรู้ได้อย่างไรว่าในใต้หล้านี้มีวิชาลับเช่นนี้อยู่จริง ทันใดนั้นก็ตกใจจนเหงื่อเย็นไหลซึมหลงจิ้งและหลงเพ่ยเพ่ยก็ตกใจเช่นกัน วรยุทธ์ของสตรีนางนั้นสูงส่งกว่ามหาปราชญ์เสียอีก แต่ก่อนหน้านี้พวกเขามิเคยรู้มาก่อนเลยว่าสำนักซิงหลัวยังมียอดฝีมือเช่นนี้อยู่“ท่านพ่อ ยามนั้นเจ้าวังหวงฝู่พร้อมด้วยท่านเซียวและพวกเราช่วยกันรุมล้อมโจมตีนางก็ยังมิสามารถสังหารนางได้ ลูกดูจากวรยุทธ์ของนางแล้ว เกรงว่าจะมีเพียงท่านอาเจ้าแห่งทะเลเท่านั้นที่พอจะต่อกรกับนางได้!”หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวด้วย
หลงจิ้งยังคงยากที่จะเชื่อ “คำพูดของตระกูลเหล่านั้นก็มิได้ผลหรือพ่ะย่ะค่ะ?”เจ้าแห่งทิศใต้ส่ายหน้าอย่างหดหู่ “เสด็จปู่ของเจ้าตรัสว่าจะตรวจสอบให้ จึงส่งเจ้าแห่งทะเลไปตรวจสอบ แต่ผลที่ได้จากเจ้าแห่งทะเลก็มิสามารถสรุปอะไรได้เลย หรือกระทั่ง...”กระทั่งเจ้าแห่งทะเลอาจจะใช้ขี้ผึ้งหอม ควบคุมบุตรหลานของตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือตนเอง!เซียวหลินเทียน หลงจิ้งและหลิงอวี๋ต่างก็เข้าใจความหมายที่เจ้าแห่งทิศใต้ยังพูดมิจบใจของหลงจิ้งพลันหล่นวูบ เช่นนั้นเรื่องที่ตนไปเผาขี้ผึ้งหอมก็เท่ากับมิได้ช่วยใครเลย กลับยิ่งทำให้อำนาจของเจ้าแห่งทะเลเพิ่มทวีคูณขึ้นงั้นหรือ?หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวอย่างมิยอม “หรือว่าหัวหน้าตระกูลใหญ่เหล่านั้นล้วนเลอะเลือนไปแล้ว? ไยจึงปล่อยให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลควบคุมชะตากรรมของพวกเขาเช่นนี้?”เซียวหลินเทียนขมวดคิ้ว มิน่าแปลกใจที่เมื่อครู่เจ้าแห่งทะเลยอมถอยกลับไปง่าย ๆ ที่แท้ก็มีแผนการเช่นนี้เองก่อนที่จะควบคุมตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือ เจ้าแห่งทะเลย่อมมิอาจแตกหักกับเจ้าแห่งทิศใต้ได้ในยามนี้แต่เมื่อใดที่เขาควบคุมตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือได้แล้ว เจ้าแห่งทะเลย่อมมิปล่อยเจ้าแห่งทิศใต
มหาปราชญ์มองไปยังเจ้าแห่งทะเลอย่างมิยินยอม เจ้าแห่งทะเลกล่าวเสียงเข้ม “คนเขามิยอมรับวิธีการรักษาของท่าน ก็ให้พวกเขาไปหาคนที่เก่งกว่านี้เถอะ!”“อย่าให้เป็นเพราะบุตรบุญธรรมคนเดียวต้องมาทำให้ความเป็นพี่น้องของพวกเราต้องบาดหมางกัน!”เจ้าแห่งทะเลพูดจบก็นำหน้าเดินออกไปท่าทีของเจ้าแห่งทิศใต้เช่นนี้ชัดเจนว่า หากพวกเขามิยอมถอยก็จะใช้กำลัง เจ้าแห่งทะเลยังมิอาจแตกหักกับเจ้าแห่งทิศใต้ได้ในตอนนี้ ทำได้เพียงยอมถอยไปก่อนชั่วคราวเท่านั้นวิธีนี้ใช้มิได้ผล เช่นนั้นก็ค่อยเปลี่ยนวิธีใหม่“มิขอส่ง!”เจ้าแห่งทิศใต้กล่าวด้วยสีหน้าท่าทีฟึดฟัดใส่เจ้าแห่งทะเล เป็นการแสดงออกถึงความมิพอใจของตนเผยอวี้และฉินซานก็มองส่งมหาปราชญ์และเจ้าแห่งทะเลอย่างโกรธเคืองเช่นกันเก๋อเฟิ่งฉิงรีบวิ่งไปยังเงาร่างที่ขดตัวอยู่ในความมืดนั้น“พี่ใหญ่ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง? บาดเจ็บตรงไหน?”“คุณหนูสิง เจ้าก็รู้ดีอยู่แล้วว่าพี่ใหญ่ข้าใช้กำลังภายในมิได้ เหตุใดจึงคิดวิธีการเช่นนี้ออกมา นี่มิเท่ากับทำร้ายพี่ใหญ่ข้าหรอกหรือ?”เก๋อเฟิ่งฉิงมองหลิงอวี๋อย่างตำหนิหลิงอวี๋เดินเข้ามา พลางร้องเรียก “ลู่หนาน เปิดม่าน!”“หรงเกอเอ๋อร์ เจ้าบ
“อ๊าว อ๊าว...”มหาปราชญ์ได้ยินเสียงกระแทกอย่างบ้าคลั่งดังขึ้นในห้องอีกครั้ง เขาซัดฝ่ามือออกไปยังทิศทางต้นเสียง ทว่าร่างนั้นกลับจู่โจมเข้ามาหาเขาแทนมหาปราชญ์กลัวว่าจะถูกคว้ามือได้อีกจึงรีบถอยหลังไป แต่ในห้องเต็มไปด้วยเครื่องเรือนที่ถูกทำลายเสียหาย เท้าของเขาสะดุดเข้าจนล้มลงกับพื้นเกือบจะพร้อมกันนั้น ดวงตาสีแดงคู่นั้นก็พุ่งเข้าใส่ร่างตน อ้าปากกัดเข้าที่ลำคอของเขาซี๊ด!มหาปราชญ์เจ็บปวดจนใช้มือข้างหนึ่งบีบเข้าที่ลำคอเขา หมายจะบีบกระดูกคอให้แหลกแต่ร่างนั้นกลับดิ้นหลุดพรวดไปเหมือนปลาไหล พุ่งหลบไปไกลหลายเมตรในพริบตา เก็บเศษไม้จากเครื่องเรือนที่แตกหักขว้างปาใส่มหาปราชญ์ดังโครมคราม“มหาปราชญ์ ท่านรีบออกมาเร็ว! ระวังพี่ชายข้าทำร้ายท่าน!”เผยอวี้กังวลมากกว่าว่ามหาปราชญ์จะทำร้ายเซียวหลินเทียนเซียวหลินเทียนใช้กำลังภายในมิได้ หากถูกทำให้ลำบากเช่นนี้ เซียวหลินเทียนจะต้องตายแน่เก๋อเฟิ่งฉิงก็รู้สึกเช่นเดียวกัน จึงกล่าวอย่างร้อนรน “ท่านน้าเขย ท่านออกมาเถิดเจ้าค่ะ ท่านอย่าทำร้ายเขาเลย!”“เขามิได้ตั้งใจโจมตีท่าน ตอนนี้เขาสิ้นสติไปแล้ว ท่านอย่าถือสาเขาเลย!”มหาปราชญ์เกิดจิตสังหารขึ้นแล้ว
สุนัขบ้ากัดคน นั่นมิใช่โรคพิษสุนัขบ้าหรอกหรือ?เจ้าแห่งทะเลและมหาปราชญ์ต่างก็รู้จักโรคนี้ ว่ากันว่าเป็นโรคที่รักษามิหาย เมื่อกำเริบก็จะเหมือนสุนัขบ้า สิ้นสติโดยสิ้นเชิง เห็นคนก็จะกัด เมื่อถึงระยะสุดท้ายก็จะเน่าเปื่อยทั้งร่างจนตายหลิงอวี๋หาข้ออ้างนี้ให้เซียวหลินเทียน ครึ่งหนึ่งเป็นเพราะรู้สึกว่าโรคนี้สามารถทำให้เจ้าแห่งทะเลและมหาปราชญ์ตกใจกลัวจนมิกล้าเข้าใกล้เซียวหลินเทียนได้อีกครึ่งหนึ่งก็เป็นความตั้งใจล้วน ๆ เป็นวิธีระบายอารมณ์เล็ก ๆ น้อย ๆ ที่หลิงอวี๋มิพอใจความสัมพันธ์ในฐานะคู่หมั้นคู่หมายของเก๋อเฟิ่งฉิงและเซียวหลินเทียนหลิงอวี๋พูดพลางสำรวจมองเจ้าแห่งทะเลสิ่งที่ทำให้หลิงอวี๋รู้สึกมิสบายใจอยู่บ้างคือ ตนกลับมีหน้าตาคล้ายคลึงกับเจ้าแห่งทะเลอยู่หลายส่วน เจ้าแห่งทะเลผู้นี้คือบิดาของนางจริง ๆ!ส่วนเจ้าแห่งทะเลก็ตั้งใจมองหลิงอวี๋เป็นพิเศษเช่นกันมหาปราชญ์บอกว่าสิงอวี๋ก็คือหลิงอวี๋ บุตรีของหลานฮุ่ยจวน และก็เป็นบุตรีของตนด้วยเจ้าแห่งทะเลมิได้ขาดแคลนบุตรธิดา เมื่อเห็นใบหน้าที่ธรรมดามิโดดเด่นของหลิงอวี๋ ในใจก็รู้สึกผิดหวังอยู่บ้างเขามิได้มาเพื่อยอมรับบุตรสาว จึงเปลี่ยนความสนใจไปท
เจ้าแห่งทิศใต้กล่าวอย่างเจ็บปวดใจนัก “เจ้าสิบเอ็ด พวกเราพี่น้องล้วนเป็นคนตระกูลหลง แม้ปกติจะมิลงรอยกันบ้าง แต่ก็ล้วนเป็นเรื่องหยุมหยิม สามารถหัวเราะแล้วปล่อยผ่านไปได้!”“ทว่าหากมหาปราชญ์และสำนักซิงหลัวลงมือ นั่นก็คือวันล่มสลายของตระกูลหลง เจ้าสิบเอ็ด เจ้าต้องการให้ลูกหลานตระกูลหลงถูกมหาปราชญ์และสำนักซิงหลัวกำจัดจนสิ้นซากจริง ๆ หรือ?”เมื่อเช้าเจ้าแห่งทะเลไปเข้าร่วมประชุมราชสำนัก เห็นตระกูลเหล่านั้นร่วมกันฟ้องร้องมหาปราชญ์และสำนักซิงหลัว จึงได้รู้ว่ามหาปราชญ์แอบทำอะไรลับหลังตนบ้างเขาแอบนึกเสียใจที่ตนวู่วามไป ฟังคำพูดฝ่ายเดียวของมหาปราชญ์ก็ให้รองแม่ทัพของตนนำทหารไปล้อมคฤหาสน์อู่เสียแล้วแต่เสียใจก็ส่วนเสียใจ เจ้าแห่งทะเลคิดว่า มหาปราชญ์บอกว่าเซียวหลินเทียนมีมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์สองชิ้นคือกระบี่คุนอู๋และเสือปีกกาฬ จึงมิได้รู้สึกเสียใจมากนักที่ส่งทหารไปล้อมคฤหาสน์อู่เรื่องที่มหาปราชญ์หลอกใช้ตน บัญชีนี้ค่อยไปสะสางกับเขาทีหลัง เรื่องเร่งด่วนที่สุดในยามนี้คือ การยืนยันว่าเสี่ยวอู่ผู้นี้คือเซียวหลินเทียน และต้องยึดเอามหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองชิ้นในมือเขามาให้ได้ส่วนเรื่องขี้ผึ้งหอมเส