ขณะที่หลิงอวี๋ยังกล่าวมิจบ นางก็รู้สึกถึงคลื่นความร้อนที่แผ่ซ่านขึ้นมาจากภายในราวกับไฟที่ลุกโชนนางทรุดตัวนั่งลงกับพื้นโดยพลัน แล้วรีบกล่าวว่า “ไปช่วยเซียวหลินเทียนจัดการบาดแผลก่อน ข้าต้องรวบรวมสมาธิเพื่อดูดซับพลังของมัน...”หลิงอวี๋หลับตาลงหลิงซวนตกใจเมื่อเห็นว่าใบหน้าของหลิงอวี๋แดงก่ำขึ้นมาในชั่วพริบตาเห็ดสีม่วงนี้มีฤทธิ์แรงเช่นนี้เชียวหรือ?หลิงซวนมิกล้ารบกวนหลิงอวี๋ จึงย่องเบา ๆ ไปดูเซียวหลินเทียนเซียวหลินเทียนนั่งก้มหน้าอยู่ ยังคงสลบไสล หลิงซวนตั้งใจจะคลายเชือกให้เขา แต่เมื่อคิดทบทวนดูแล้ว นางคิดว่ามัดเขาไว้เช่นนี้ต่อไปคงปลอดภัยที่สุดใครจะรู้ว่าเขาอาจคลุ้มคลั่งอีกครั้งแล้วรบกวนการบำเพ็ญเพียรของอาจารย์หรือไม่หลิงซวนย่อตัวลง ใช้ผ้าพันแผลและยารักษาบาดแผลจัดการกับบาดแผลที่ข้อมือของเซียวหลินเทียน จากนั้นนางก็มานั่งรอจนกว่าหลิงอวี๋จะเสร็จสิ้นจากการนั่งฝึกตนในขณะเดียวกันนั้น ที่จวนตระกูลฉินเหตุการณ์ก็มิได้สงบนักเรื่องนี้ต้องกล่าวถึงตั้งแต่ก่อนที่หลิงอวี๋จะทำการถอนพิษกู่ให้กับเซียวหลินเทียนฉินรั่วซือถูกฉินซานพากลับมายังจวนตระกูลฉิน ฮูหยินฉินทำอาหารที่ฉินรั่วซือชอบยกขึ
ฉินรั่วซือกำลังซักถามฮูหยินฉินเกี่ยวกับสิ่งที่ควรระวังในคืนเข้าหอ แต่แล้วจู่ ๆ นางก็รู้สึกเวียนหัวนางพึมพำ “ท่านแม่ ช่วงนี้รั่วซือคงเหนื่อยล้าเกินไปจริง ๆ ง่วงนอนเหลือเกิน รั่วซืออยากนอนแล้ว”กล่าวจบ ฉินรั่วซือก็หมอบลงบนโต๊ะแล้วผล็อยหลับไปฮูหยินฉินมองฉินรั่วซืออยู่นาน ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปที่ประตู“ท่านแม่ นางหลับแล้วหรือ?” ฉินซานเดินกลับมาจากด้านหลังตัวเรือนแล้วถามด้วยความกังวล“อืม อุ้มนางกลับไปที่ห้องเถิด”ฮูหยินฉินกล่าวด้วยความอ่อนล้า “แม่เหนื่อยแล้ว ขอตัวไปพักผ่อนสักครู่”“ท่านแม่มิสบายตัวตรงไหนหรือไม่?”ฉินซานถามด้วยความกังวลฮูหยินฉินเสียงสั่นเล็กน้อย ทว่ายังคงฝืนยิ้ม “แม่จะไปจุดธูปหน้าป้ายจารึกท่านพ่อของเจ้า บอกกล่าวเรื่องนี้ให้เขาทราบ… มิรู้ว่าท่านพ่อของเจ้าจะให้อภัยแม่หรือไม่”เมื่อฉินซานได้ยินเสียงอันขมขื่นของมารดา ใจของเขาก็รู้สึกเจ็บปวดเช่นกัน ปลอบโยนว่า“ท่านแม่ คิดให้ดีเถิดขอรับ หากท่านพ่อมีชีวิตอยู่ ท่านก็คงมิเห็นด้วยกับการกระทำของนางเช่นกัน ท่านจะต้องคิดเหมือนกันกับท่านแม่อย่างแน่นอน”ฮูหยินฉินกำลังจะตอบกลับอะไรบางอย่าง ก็ได้ยินเสียงดัง “เพล้ง” ดังมาจากในห้
สิ้นเสียงของฉินรั่วซือ นางก็กัดปลายลิ้นตนเองอย่างแรงความบ้าคลั่งที่พร้อมจะยอมแลกทุกสิ่งทุกอย่างเช่นนั้น ทำให้ฉินซานมิลังเลอีกต่อไป เขาคว้าเข็มฉีดยากล่อมประสาทออกมาแทงฉินรั่วซือทันทีฉินรั่วซือไม่มีวรยุทธ จึงมิสามารถหลบหลีกได้ เข็มฉีดยากล่อมประสาทจึงพุ่งเข้าที่ลำคอของนางโดยตรงนางเอื้อมมือไปดึงเข็มออก แต่ยังมิทันได้ยกมือขึ้นถึงลำคอ ยากล่อมประสาทก็ออกฤทธิ์ทำให้สูญเสียสติไปในทันที ล้มฟุบลงกับพื้นอย่างอ่อนแรงฉินซานเหงื่อแตกพลั่กทั่วตัว มิรู้ว่าเมื่อครู่ฉินรั่วซือได้กระตุ้นพิษหนอนกู่ในตัวเซียวหลินเทียนให้ระเบิดหรือไม่ ได้แต่ภาวนาว่าการขัดขวางของตนจะยังทันเวลามิเช่นนั้น เขาจะเป็นคนบาปที่แม้ตายซ้ำตายซากหลายครั้งก็มิสามารถชดใช้ความผิดนี้ได้“ท่านแม่ ช่วยดูแลนางด้วย ข้าจะออกไปดูสถานการณ์ข้างนอก!”ฉินซานปาดเหงื่อแล้วหันไปสั่งฮูหยินฉิน “หากข้ามิได้กลับมา ก็อย่าได้ขัดขวางนางเลย ปล่อยให้นางทำตามใจปรารถนาเถอะ!”ฮูหยินฉินตกใจกลัวกับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น เมื่อได้ยินคำพูดที่เหมือนเป็นการสั่งเสียของฉินซาน นางก็รู้สึกราวกับหัวใจถูกมีดกรีดแต่ฮูหยินฉินกลับเผยสีหน้าสงบแล้วกล่าวว่า “ไปเถิด แ
หลิงอวี๋มองเซียวหลินเทียนอย่างเย็นชา ถามด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ที่นี่คือหอริมธารา ท่านจำได้หรือไม่ว่าเหตุใดท่านจึงมาที่หอริมธารา?”เซียวหลินเทียนขมวดคิ้ว พยายามนึก แต่ก็มิสามารถรวบรวมความทรงจำออกมาได้เขากล่าวด้วยความหงุดหงิด “ช่วยปลดมัดให้ข้าที… ข้าจำได้เพียงว่าได้ไปช่วยฉินซานและจ้าวซวนกับคนอื่น ๆ แล้วก็พบฉินรั่วซือ… ฉินรั่วซือ?”ภาพบางอย่างแวบเข้ามาในหัวของเซียวหลินเทียน ดูเหมือนจะเป็นภาพที่เกี่ยวข้องกับฉินรั่วซือทั้งสิ้น!เขาสับสนยิ่งกว่าเดิมเสียอีก นี่มันเกิดอะไรขึ้น?เขาสนิทสนมกับฉินรั่วซือถึงเพียงนั้นเลยหรือ?แต่หลิงอวี๋กลับใจเต้นแรง เซียวหลินเทียนเคยเรียกฉินรั่วซืออย่างสนิทเสน่หาว่า… ซือซือ!แต่บีดนี้เขากลับเรียกนางว่าฉินรั่วซือ นี่เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าตนเองประสบความสำเร็จแล้ว!“หลิงซวน เล่าเรื่องที่เขาทำกระทำลงไปในช่วงหลายวันที่ผ่านมานี้ให้เขาฟังที! ข้าคร้านเกินกว่าจะพูดกับเขาอีกแล้ว!”หลิงอวี๋นึกถึงเรื่องที่เซียวหลินเทียนลงโทษหลิงเยวี่ย ฉับพลันก็รู้สึกโมโหขึ้นมาแม้จะรู้ทั้งรู้ว่าเซียวหลินเทียนถูกฉินรั่วซือควบคุมจิตใจถึงได้ทำเรื่องเลวร้ายเช่นนั้นก็ตาม!แต่หลิงอวี๋สาม
“หญิงชั่วช้าสารเลวผู้นี้ ข้าจะต้องฆ่านางให้ได้!”เซียวหลินเทียนระเบิดถ้อยคำผรุสวาทรุนแรงออกมาจนถึงตอนนี้ เขาเพิ่งรู้ว่าเหตุใดหลิงอวี๋จึงมีท่าทีเย็นชาต่อเขาเช่นนั้นการกระทำของเขาในช่วงหลายวันที่ผ่านมานี้ คงทำร้ายจิตใจของนางมิน้อยเลยนอกเหนือจากความรู้สึกผิดที่มากล้น เซียวหลินเทียนก็เต็มไปด้วยความซาบซึ้งต่อหลิงอวี๋หากมิใช่หลิงอวี๋ที่ยอมเอาชีวิตเข้าแลกเพื่อช่วยเขาถอนพิษ เขาคงต้องตายไปอย่างมิรู้ตัว!เกียรติยศอันยิ่งใหญ่ของเขาในชาตินี้ คงสูญสิ้นไปในพริบตา!“หลิงซวน เจ้าปล่อยข้าเถอะ ข้าจะไปอธิบายกับหลิงอวี๋!”“ข้าต้องหาหนทางชดใช้ความผิดของข้า!”เซียวหลินเทียนกล่าวกับหลิงซวนด้วยความจริงใจ “ข้าขอโทษที่ข้าตบเจ้า แม้ว่านั่นจะมิใช่เจตนาของข้า แต่ก็เป็นความผิดของข้า เมื่อข้าจัดการเรื่องที่ข้าก่อไว้เสร็จแล้ว เจ้าจะลงโทษข้าอย่างไรก็ได้!”เมื่อได้ยินเซียวหลินเทียนกล่าวเช่นนี้ หลิงซวนก็รู้สึกอับอายเล็กน้อยเซียวหลินเทียนเสียสติและความเป็นตัวเองไป เขามิได้ตั้งใจเสียหน่อย!นางจะจดจำเรื่องนี้ไปจนตายได้อย่างไร!“ช่างเถิดเพคะ หากอาจารย์ของบ่าวให้อภัยท่าน บ่าวก็จะให้อภัยท่านเช่นกัน! เห็นว่าท
หลิงอวี๋และเผยอวี้วางแผนการปฏิบัติการในวันรุ่งขึ้นเสร็จสิ้น จากนั้นนางก็พาหลิงซวนกลับวังแต่ใครจะรู้ว่าระหว่างทาง พวกเขาจะถูกอันเจ๋อตามมาพบเสียก่อน“หลิงอวี๋ เกิดเรื่องแล้ว!”หัวใจของหลิงอวี๋เต้นรัว เอ่ยถามด้วยความกังวล “เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเซียวหลินเทียนอีกงั้นหรือ?”“มิใช่เขา ครั้งนี้เป็นฉินรั่วซือ!”อันเจ๋อกล่าวด้วยความกังวลและสิ้นหวัง “เมื่อครู่ฉินซานให้คนนำจดหมายมาส่งถึงข้า บอกว่า… บอกว่าท่านแม่ของเขา ฮูหยินฉิน วางยาพิษฉินรั่วซือด้วยตนเอง! ตอนนี้ฉินรั่วซืออยู่ในสภาพปางตาย!”หลิงอวี๋ถึงกับนิ่งอึ้งไป ฮูหยินฉินวางยาพิษฉินรั่วซือหรือ?นางใช้วิธีนี้เพราะต้องการขัดขวางมิให้ฉินรั่วซือแต่งงานกับเซียวหลินเทียนกระมัง?แต่...หากงานอภิเษกระหว่างฉินรั่วซือและเซียวหลินเทียนมิจัดขึ้นตามกำหนด แผนการขององค์ชายเว่ยและองค์หญิงใหญ่จะดำเนินต่อไปได้หรือ?อีกทั้งนางและจักรพรรดิอู่อันก็ได้จัดเตรียมเวทีละครไว้ให้องค์ชายเว่ยและองค์หญิงใหญ่แล้วเรียบร้อย จะให้การแสดงของพวกเขามีอันต้องล้มเลิกกลางคันได้อย่างไร!“ไปดูกันก่อนว่าเราพอจะช่วยได้หรือไม่!”“หลิงซวน เจ้าไปที่จวนเสนาบดีเจิ้นหย่วนตามหาหาน
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉินซานก็เงียบไปทันทีหลิงอวี๋ถามเช่นนี้ ความหมายของนางนั้นเขาเข้าใจดีฉินรั่วซือสมคบคิดทรยศกับคนจากฉีตะวันออก ควบคุมจิตใจเซียวหลินเทียนความผิดเช่นนี้มีโทษถึงขั้นประหารชีวิตแม้ว่าเขาจะขอร้องให้หลิงอวี๋ช่วยถอนพิษกู่ให้ฉินรั่วซือ แต่ก็มิสามารถช่วยให้น้องสาวรอดพ้นจากการถูกประหารได้“มิต้องช่วยนางแล้ว!”ผู้ที่ตอบหลิงอวี๋แทนเขาคือฮูหยินฉิน นางกล่าวด้วยน้ำเสียงแน่วแน่ “มิว่าอย่างไรนางก็ต้องตาย การตายเช่นนี้นับว่ายังหลงเหลือเกียรติให้นางอยู่บ้าง!”หากฉินรั่วซือถูกตัดสินว่ามีความผิด เรื่องอัปยศเหล่านี้ก็จะแพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวงนางตายไปก็มิน่าเสียดายฮูหยินฉินมิอยากให้บุตรชายของตนต้องพัวพันกับความชั่วช้าของฉินรั่วซือ กระทั่งถูกผู้คนติฉินนินทาเอาได้“ท่านแม่...”ฉินซานจะมิเข้าใจความคิดของมารดาได้อย่างไร เขาอยากบอกเหลือเกินว่า ตนมิสนใจชื่อเสียงเกียรติยศอะไรนั่นแต่เมื่อกำลังจะเอ่ยปากกลับกล่าวคำใดมิออกเขาอาจมิสนใจชื่อเสียงของตนเองก็จริง ทว่าชื่อเสียงของตระกูลฉินเล่า?ชื่อเสียงที่บรรพบุรุษได้สั่งสมมาหลายชั่วอายุคน จะต้องมาจบลงเพราะฉินรั่วซือเช่นนั้นหรือ?“..
วันรุ่งขึ้นตั้งแต่เช้าตรู่ ทุกคนในตำหนักอ๋องอี้ก็วุ่นวายกับการตระเตรียมงานอภิเษกหมิ่นกูสั่งการให้สาวใช้และคนรับใช้จัดเตรียมของด้วยความขุ่นเคืองเดิมทีนางมิอยากทำ แต่ว่าหลิงอวี๋ให้จ้าวซวนมาแจ้งนางว่า นางต้องช่วยเซียวหลินเทียนจัดงานให้เรียบร้อย แล้วหลิงอวี๋จะกลับมาในวันนี้หมิ่นกูจึงจำใจจัดงานอภิเษกเพราะเห็นแก่หลิงอวี๋บรรยากาศภายในตำหนักอ๋องอี้คึกคักมากทีเดียว ทั้งผู้ที่ตั้งใจมาร่วมแสดงความยินดีและคนที่คิดร้ายต่างก็มาที่ตำหนักอ๋องอี้กันตั้งแต่เช้าหลี่ว์จงเจ๋อและสหายอีกสองสามคนก็มาด้วยเช่นกัน หลี่ว์จงเจ๋อก็มาช่วยเซียวหลินเทียนดูแลงานตามคำสั่งของหลิงอวี๋ทางด้านปี้ไห่เฟิงก็ใช้สถานะของตนจัดแจงให้สหายบางคนแฝงตัวเข้ามาในตำหนักอ๋องอี้ในฐานะคนรับใช้พวกเขาต้องควบคุมมือสังหารของตำหนักอ๋องอี้เหล่านี้ไว้ให้อยู่หมัดเมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงในวังหลวง เพื่อมิให้พวกเขาฉวยโอกาสไปช่วยคนร้ายในวังหลวงได้ทันเวลาขุนนางหลายคนในเมืองหลวงยังคงสับสนอยู่ บางคนที่ต้องการเข้าหาเซียวหลินเทียนต่างก็มาแสดงความยินดีส่วนคนที่เป็นศัตรูทางการเมืองกับเซียวหลินเทียนก็ได้กลิ่นอายของความอันตรายบางอย่างสองสามว