สิ้นเสียงของฉินรั่วซือ นางก็กัดปลายลิ้นตนเองอย่างแรงความบ้าคลั่งที่พร้อมจะยอมแลกทุกสิ่งทุกอย่างเช่นนั้น ทำให้ฉินซานมิลังเลอีกต่อไป เขาคว้าเข็มฉีดยากล่อมประสาทออกมาแทงฉินรั่วซือทันทีฉินรั่วซือไม่มีวรยุทธ จึงมิสามารถหลบหลีกได้ เข็มฉีดยากล่อมประสาทจึงพุ่งเข้าที่ลำคอของนางโดยตรงนางเอื้อมมือไปดึงเข็มออก แต่ยังมิทันได้ยกมือขึ้นถึงลำคอ ยากล่อมประสาทก็ออกฤทธิ์ทำให้สูญเสียสติไปในทันที ล้มฟุบลงกับพื้นอย่างอ่อนแรงฉินซานเหงื่อแตกพลั่กทั่วตัว มิรู้ว่าเมื่อครู่ฉินรั่วซือได้กระตุ้นพิษหนอนกู่ในตัวเซียวหลินเทียนให้ระเบิดหรือไม่ ได้แต่ภาวนาว่าการขัดขวางของตนจะยังทันเวลามิเช่นนั้น เขาจะเป็นคนบาปที่แม้ตายซ้ำตายซากหลายครั้งก็มิสามารถชดใช้ความผิดนี้ได้“ท่านแม่ ช่วยดูแลนางด้วย ข้าจะออกไปดูสถานการณ์ข้างนอก!”ฉินซานปาดเหงื่อแล้วหันไปสั่งฮูหยินฉิน “หากข้ามิได้กลับมา ก็อย่าได้ขัดขวางนางเลย ปล่อยให้นางทำตามใจปรารถนาเถอะ!”ฮูหยินฉินตกใจกลัวกับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น เมื่อได้ยินคำพูดที่เหมือนเป็นการสั่งเสียของฉินซาน นางก็รู้สึกราวกับหัวใจถูกมีดกรีดแต่ฮูหยินฉินกลับเผยสีหน้าสงบแล้วกล่าวว่า “ไปเถิด แ
หลิงอวี๋มองเซียวหลินเทียนอย่างเย็นชา ถามด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ที่นี่คือหอริมธารา ท่านจำได้หรือไม่ว่าเหตุใดท่านจึงมาที่หอริมธารา?”เซียวหลินเทียนขมวดคิ้ว พยายามนึก แต่ก็มิสามารถรวบรวมความทรงจำออกมาได้เขากล่าวด้วยความหงุดหงิด “ช่วยปลดมัดให้ข้าที… ข้าจำได้เพียงว่าได้ไปช่วยฉินซานและจ้าวซวนกับคนอื่น ๆ แล้วก็พบฉินรั่วซือ… ฉินรั่วซือ?”ภาพบางอย่างแวบเข้ามาในหัวของเซียวหลินเทียน ดูเหมือนจะเป็นภาพที่เกี่ยวข้องกับฉินรั่วซือทั้งสิ้น!เขาสับสนยิ่งกว่าเดิมเสียอีก นี่มันเกิดอะไรขึ้น?เขาสนิทสนมกับฉินรั่วซือถึงเพียงนั้นเลยหรือ?แต่หลิงอวี๋กลับใจเต้นแรง เซียวหลินเทียนเคยเรียกฉินรั่วซืออย่างสนิทเสน่หาว่า… ซือซือ!แต่บีดนี้เขากลับเรียกนางว่าฉินรั่วซือ นี่เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าตนเองประสบความสำเร็จแล้ว!“หลิงซวน เล่าเรื่องที่เขาทำกระทำลงไปในช่วงหลายวันที่ผ่านมานี้ให้เขาฟังที! ข้าคร้านเกินกว่าจะพูดกับเขาอีกแล้ว!”หลิงอวี๋นึกถึงเรื่องที่เซียวหลินเทียนลงโทษหลิงเยวี่ย ฉับพลันก็รู้สึกโมโหขึ้นมาแม้จะรู้ทั้งรู้ว่าเซียวหลินเทียนถูกฉินรั่วซือควบคุมจิตใจถึงได้ทำเรื่องเลวร้ายเช่นนั้นก็ตาม!แต่หลิงอวี๋สาม
“หญิงชั่วช้าสารเลวผู้นี้ ข้าจะต้องฆ่านางให้ได้!”เซียวหลินเทียนระเบิดถ้อยคำผรุสวาทรุนแรงออกมาจนถึงตอนนี้ เขาเพิ่งรู้ว่าเหตุใดหลิงอวี๋จึงมีท่าทีเย็นชาต่อเขาเช่นนั้นการกระทำของเขาในช่วงหลายวันที่ผ่านมานี้ คงทำร้ายจิตใจของนางมิน้อยเลยนอกเหนือจากความรู้สึกผิดที่มากล้น เซียวหลินเทียนก็เต็มไปด้วยความซาบซึ้งต่อหลิงอวี๋หากมิใช่หลิงอวี๋ที่ยอมเอาชีวิตเข้าแลกเพื่อช่วยเขาถอนพิษ เขาคงต้องตายไปอย่างมิรู้ตัว!เกียรติยศอันยิ่งใหญ่ของเขาในชาตินี้ คงสูญสิ้นไปในพริบตา!“หลิงซวน เจ้าปล่อยข้าเถอะ ข้าจะไปอธิบายกับหลิงอวี๋!”“ข้าต้องหาหนทางชดใช้ความผิดของข้า!”เซียวหลินเทียนกล่าวกับหลิงซวนด้วยความจริงใจ “ข้าขอโทษที่ข้าตบเจ้า แม้ว่านั่นจะมิใช่เจตนาของข้า แต่ก็เป็นความผิดของข้า เมื่อข้าจัดการเรื่องที่ข้าก่อไว้เสร็จแล้ว เจ้าจะลงโทษข้าอย่างไรก็ได้!”เมื่อได้ยินเซียวหลินเทียนกล่าวเช่นนี้ หลิงซวนก็รู้สึกอับอายเล็กน้อยเซียวหลินเทียนเสียสติและความเป็นตัวเองไป เขามิได้ตั้งใจเสียหน่อย!นางจะจดจำเรื่องนี้ไปจนตายได้อย่างไร!“ช่างเถิดเพคะ หากอาจารย์ของบ่าวให้อภัยท่าน บ่าวก็จะให้อภัยท่านเช่นกัน! เห็นว่าท
หลิงอวี๋และเผยอวี้วางแผนการปฏิบัติการในวันรุ่งขึ้นเสร็จสิ้น จากนั้นนางก็พาหลิงซวนกลับวังแต่ใครจะรู้ว่าระหว่างทาง พวกเขาจะถูกอันเจ๋อตามมาพบเสียก่อน“หลิงอวี๋ เกิดเรื่องแล้ว!”หัวใจของหลิงอวี๋เต้นรัว เอ่ยถามด้วยความกังวล “เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเซียวหลินเทียนอีกงั้นหรือ?”“มิใช่เขา ครั้งนี้เป็นฉินรั่วซือ!”อันเจ๋อกล่าวด้วยความกังวลและสิ้นหวัง “เมื่อครู่ฉินซานให้คนนำจดหมายมาส่งถึงข้า บอกว่า… บอกว่าท่านแม่ของเขา ฮูหยินฉิน วางยาพิษฉินรั่วซือด้วยตนเอง! ตอนนี้ฉินรั่วซืออยู่ในสภาพปางตาย!”หลิงอวี๋ถึงกับนิ่งอึ้งไป ฮูหยินฉินวางยาพิษฉินรั่วซือหรือ?นางใช้วิธีนี้เพราะต้องการขัดขวางมิให้ฉินรั่วซือแต่งงานกับเซียวหลินเทียนกระมัง?แต่...หากงานอภิเษกระหว่างฉินรั่วซือและเซียวหลินเทียนมิจัดขึ้นตามกำหนด แผนการขององค์ชายเว่ยและองค์หญิงใหญ่จะดำเนินต่อไปได้หรือ?อีกทั้งนางและจักรพรรดิอู่อันก็ได้จัดเตรียมเวทีละครไว้ให้องค์ชายเว่ยและองค์หญิงใหญ่แล้วเรียบร้อย จะให้การแสดงของพวกเขามีอันต้องล้มเลิกกลางคันได้อย่างไร!“ไปดูกันก่อนว่าเราพอจะช่วยได้หรือไม่!”“หลิงซวน เจ้าไปที่จวนเสนาบดีเจิ้นหย่วนตามหาหาน
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉินซานก็เงียบไปทันทีหลิงอวี๋ถามเช่นนี้ ความหมายของนางนั้นเขาเข้าใจดีฉินรั่วซือสมคบคิดทรยศกับคนจากฉีตะวันออก ควบคุมจิตใจเซียวหลินเทียนความผิดเช่นนี้มีโทษถึงขั้นประหารชีวิตแม้ว่าเขาจะขอร้องให้หลิงอวี๋ช่วยถอนพิษกู่ให้ฉินรั่วซือ แต่ก็มิสามารถช่วยให้น้องสาวรอดพ้นจากการถูกประหารได้“มิต้องช่วยนางแล้ว!”ผู้ที่ตอบหลิงอวี๋แทนเขาคือฮูหยินฉิน นางกล่าวด้วยน้ำเสียงแน่วแน่ “มิว่าอย่างไรนางก็ต้องตาย การตายเช่นนี้นับว่ายังหลงเหลือเกียรติให้นางอยู่บ้าง!”หากฉินรั่วซือถูกตัดสินว่ามีความผิด เรื่องอัปยศเหล่านี้ก็จะแพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวงนางตายไปก็มิน่าเสียดายฮูหยินฉินมิอยากให้บุตรชายของตนต้องพัวพันกับความชั่วช้าของฉินรั่วซือ กระทั่งถูกผู้คนติฉินนินทาเอาได้“ท่านแม่...”ฉินซานจะมิเข้าใจความคิดของมารดาได้อย่างไร เขาอยากบอกเหลือเกินว่า ตนมิสนใจชื่อเสียงเกียรติยศอะไรนั่นแต่เมื่อกำลังจะเอ่ยปากกลับกล่าวคำใดมิออกเขาอาจมิสนใจชื่อเสียงของตนเองก็จริง ทว่าชื่อเสียงของตระกูลฉินเล่า?ชื่อเสียงที่บรรพบุรุษได้สั่งสมมาหลายชั่วอายุคน จะต้องมาจบลงเพราะฉินรั่วซือเช่นนั้นหรือ?“..
วันรุ่งขึ้นตั้งแต่เช้าตรู่ ทุกคนในตำหนักอ๋องอี้ก็วุ่นวายกับการตระเตรียมงานอภิเษกหมิ่นกูสั่งการให้สาวใช้และคนรับใช้จัดเตรียมของด้วยความขุ่นเคืองเดิมทีนางมิอยากทำ แต่ว่าหลิงอวี๋ให้จ้าวซวนมาแจ้งนางว่า นางต้องช่วยเซียวหลินเทียนจัดงานให้เรียบร้อย แล้วหลิงอวี๋จะกลับมาในวันนี้หมิ่นกูจึงจำใจจัดงานอภิเษกเพราะเห็นแก่หลิงอวี๋บรรยากาศภายในตำหนักอ๋องอี้คึกคักมากทีเดียว ทั้งผู้ที่ตั้งใจมาร่วมแสดงความยินดีและคนที่คิดร้ายต่างก็มาที่ตำหนักอ๋องอี้กันตั้งแต่เช้าหลี่ว์จงเจ๋อและสหายอีกสองสามคนก็มาด้วยเช่นกัน หลี่ว์จงเจ๋อก็มาช่วยเซียวหลินเทียนดูแลงานตามคำสั่งของหลิงอวี๋ทางด้านปี้ไห่เฟิงก็ใช้สถานะของตนจัดแจงให้สหายบางคนแฝงตัวเข้ามาในตำหนักอ๋องอี้ในฐานะคนรับใช้พวกเขาต้องควบคุมมือสังหารของตำหนักอ๋องอี้เหล่านี้ไว้ให้อยู่หมัดเมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงในวังหลวง เพื่อมิให้พวกเขาฉวยโอกาสไปช่วยคนร้ายในวังหลวงได้ทันเวลาขุนนางหลายคนในเมืองหลวงยังคงสับสนอยู่ บางคนที่ต้องการเข้าหาเซียวหลินเทียนต่างก็มาแสดงความยินดีส่วนคนที่เป็นศัตรูทางการเมืองกับเซียวหลินเทียนก็ได้กลิ่นอายของความอันตรายบางอย่างสองสามว
ตำหนักอ๋องอี้กำลังจัดงานแต่งงานกันอยู่ภายในวังหลวง จักรพรรดิอู่อันอยู่ในห้องทรงพระอักษรด้วยใจที่ค่อนข้างว้าวุ่นแม้ว่าพอจะเดาได้อยู่แล้วว่า องค์ชายเว่ยกับองค์หญิงใหญ่จะขัดต่อตนเอง แต่จักรพรรดิอู่อันก็ยังคงมีความเพ้อฝันอยู่ในส่วนองค์หญิงใหญ่ก็ปล่อยไป แม้ว่านางจะเป็นพี่สาวของตนเอง แต่ก็ห่างกันไปสิบกว่าปีแล้ว จักรพรรดิอู่อันมิได้มีความรู้สึกใด ๆ ต่อนางมากนักหรอก!แต่กับองค์ชายเว่ย!นั่นลูกชายคนโตของตนเองเชียวนะ!ความรู้สึกที่เขาเทไปที่องค์ชายเว่ยมากกว่าองค์ชายคนอื่น ๆ เสียอีก!เขาอดทนต่อความผิดขององค์ชายเว่ยครั้งแล้วครั้งเล่าก็เพราะว่ามีความรู้สึกหลอกหลอนอยู่ตลอดเขาจดจำท่าทางในครั้งแรกที่องค์ชายเว่ยยิ้มให้ตนเองได้ะ!และจดจำความตื่นเต้นในตอนที่องค์ชายเว่ยหัดเรียกตนเองในครั้งแรกได้...อดีตเหล่านั้นปรากฏชัดเจนขึ้นมาทำให้เขามิอาจลืมเลือนได้เลย!เหตุใดองค์ชายเว่ยจึงกล้าทำเรื่องเช่นนี้?“ฝ่าบาท พระชายาเส้าเสด็จมาทูลเข้าเฝ้าอยู่ด้านนอกพ่ะย่ะค่ะ!”ขันทีเซี่ยเข้ามารายงาน “พระชายาเส้าตรัสว่า ฝ่าบาททรงงานหนักมากแล้วจึงต้มแกงโสมมาให้ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ!”“เจ้ารับไว้แล้วให้นางกลับไปเถิด!”
เดิมทีองค์ชายเว่ยควรที่จะสวมชุดเกราะนี้ไปต่อสู้สังหารกับศัตรู แต่คิดมิถึงเลยว่า เขาจะใส่ชุดเกราะนี้มาเพื่อชิงบัลลังก์!“เซียวหลินเยี่ยน นี่เจ้าคิดที่จะทำสิ่งใด?”น้ำเสียงของจักรพรรดิอู่อันมีความโกรธเกรี้ยว ชี้ไปที่องค์ชายเว่ยที่บุกเข้ามาพลางตวาด“ข้าปฏิบัติต่อเจ้าเป็นอย่างดี เจ้ายังกล้าที่จะทำเรื่องที่เป็นความผิดร้ายแรงเช่นนี้อีกรึ?”องค์ชายเว่ยมิพูดพร่ำทำเพลง เขาโบกมือแล้วองครักษ์หลายคนก็บุกเข้ามา พร้อมทั้งจ่อมีดไปที่คอของจักรพรรดิอู่อัน พระชายาเส้าและขันทีเซี่ย“เสด็จพ่อ ที่ลูกทำเช่นนี้ก็เพราะท่านบีบให้ลูกต้องทำ!”องค์ชายเว่ยมิเรียกอย่างสุภาพอีกแล้ว เขายกดาบขึ้นมาชี้หน้าจักรพรรดิอู่อันพลางตะคอก “ข้าเป็นลูกชายคนโตของท่าน แต่ท่านกลับรีรอมิแต่งตั้งข้าเป็นองค์รัชทายาทเสียที!”“เรื่องนี้มิเท่าไร แต่ท่านยังยอมให้คนสารเลวนี่บีบแม่ของข้าให้ไปอยู่ในตำหนักเย็นอีก!”“เช่นนั้นต่อไปจะเป็นผู้ใดเล่า? เป็นข้าไง!”“ทั้งเงินและอำนาจของข้าล้วนถูกท่านกีดกันไว้หมดแล้ว หากยังมิทำสิ่งใดอีก หรือจะต้องให้ผู้อื่นมาฆ่าแกงไปจริง ๆ?”องค์ชายยิ่งตะโกนก็ยิ่งน้อยใจ เขายิ้มร้ายพลางเดินเข้ามา “เสด็จพ่อ ข้าจ