ในตอนเย็นภายในวังประดับประดาไปด้วยโคมไฟงดงาม เหล่านางกำนัลต่างเดินขวักไขว่ยกอาหารมาให้ทุกคนในงานเลี้ยงงานเลี้ยงฉลองจัดขึ้นที่ศาลาในสวนบนแท่นจะเป็นโต๊ะของจักรพรรดิอู่อันและข้างล่างด้านหนึ่งเป็นที่นั่งของทูตจากทั้งสามแคว้น ส่วนอีกด้านหนึ่งเป็นที่นั่งของเหล่าขุนนางระดับสูงส่วนที่นั่งของเซียวหลินเทียนจะอยู่ถัดลงมาที่แรกจากจักรพรรดิอู่อันองค์ชายคังกับองค์ชายเว่ยถัดไปหลังจากเซียวหลินเทียน เมื่อทั้งสองเห็นว่าที่นั่งเป็นเช่นนี้ก็อยากจะสะบัดแขนเสื้อออกไปเลยแต่ในเมื่อจักรพรรดิอู่อันมีความสุขเช่นนี้ มีหรือพวกเขาจะกล้าหนีหน้าไปบริเวณรอบนอกจะเป็นเหล่าสตรีที่มีตราตั้งขั้นสามขึ้นไปจักรพรรดิอู่อันอารมณ์ดีมากจึงตั้งใจให้พระชายาเส้าเชิญพวกนางมาด้วยงานเลี้ยงฉลองเป็นการจัดขึ้นชั่วคราว แต่แม้ว่าเวลาจะกระชั้นชิด พระชายาเส้าก็จัดการได้เรียบร้อยดี เห็นได้ชัดว่าความสามารถในการจัดการเหนือกว่าฮองเฮาเว่ยส่วนฮองเฮาเว่ยนั้น องค์จักรพรรดิอู่อันอนุญาตให้ออกมาเข้าร่วมได้เพราะเป็นงานเลี้ยงฉลองและแม้ว่าที่นั่งของนางจะอยู่ร่วมกันกับพระชายาเส้า แต่ที่นั่งเช่นนี้กลับทำให้ฮองเฮาเว่ยรู้สึกอับอายนางเ
คำพูดของเซียวหลินเทียนเป็นการคืนความดีความชอบให้กับจักรพรรดิอู่อัน และคืนผลประโยชน์ให้ฉินตะวันตก ทั้งยังตบหน้าองค์ชายหนิงอีกด้วยองค์ชายหนิงก็มิได้โกรธ เขายิ้มแล้วก็นั่งลง“ขอแสดงความยินดีกับองค์จักรพรรดิที่ได้เมืองสองเมืองมา นับจากนี้จะเป็นดังที่ท่านอ๋องอี้ได้ตรัสไว้ ฉินตะวันตกของเราจะเจริญรุ่งเรือง ร่ำรวยและแข็งแกร่ง”ในฐานะอัครเสนาบดี จ้าวฮุยจึงเป็นผู้นำในการยกแก้วเหล้าขึ้นมาแสดงความยินดีกับจักรพรรดิอู่อันจากนั้นขุนนางทุกคนก็ยกจอกเหล้าแสดงความยินดีตามเช่นกันจักรพรรดิอู่อันยิ้มแย้มอย่างพึงพอใจที่ได้รับการแสดงความยินดีจากทุกคนเพียงแต่มีขุนนางผู้หนึ่งที่มิรู้ว่าเสียสติหรือว่าตั้งใจ หลังจากที่ดื่มเหล้าแล้วก็ยังเอ่ยเสริมขึ้นมาอีก“วันนี้ทุกคนต่างเฉลิมฉลองกัน ฮองเฮาและขุนนางทั้งหมดล้วนอยู่ที่นี่ แล้วเหตุใดจึงขาดไทเฮาไปได้เล่าพ่ะย่ะค่ะ!”“ฝ่าบาท กระหม่อมได้ยินว่าไทเฮาหมดสติไปยังมิฟื้นเลย พระชายาอ๋องอี้มีทักษะการแพทย์ที่เก่งกาจถึงเพียงนั้นก็ยังมิสามารถรักษาไทเฮาให้หายดีได้เลยหรือพ่ะย่ะค่ะ?”“พระชายาอ๋องอี้ เช่นนี้ท่านทำมิถูกต้องแล้ว! การที่ไทเฮามิสบายเป็นเรื่องใหญ่ ท่านควรจะช่วย
ทันทีที่หลิงอวี๋พูดสิ่งนี้ออกไป คนที่ได้ยินต่างก็งุนงงกันไปทันทีสตรีผู้นี้เป็นบ้าไปแล้วหรือ?ต่อให้โอหังแค่ไหน ต่อให้กำเริบเสิบสานเท่าใด ก็มิควรปะทะกับฮองเฮาเว่ยและองค์ชายเว่ยในเวลาเดียวกันสิ!ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นตอนที่ทูตจากอีกสามแคว้นอยู่ที่นี่อีกด้วย!พระชายาเว่ยเหลืออดแล้ว นางจึงลุกขึ้นพลางตวาดอย่างโกรธแค้น “หลิงอวี๋ เจ้าอย่าให้มันมากเกินไป นี่มันโอกาสใดกัน? เจ้าจะมาทำตัวไร้เหตุผลเช่นนี้ได้หรือ?”“เจ้าใส่ร้ายข้า ข้าจะทำเรื่องเช่นการลงมือกับพี่น้องและทำร้ายอ๋องอี้ดังที่เจ้าว่าได้ที่ใดกัน?”องค์ชายเว่ยเองก็โกรธจนตัวสั่นเช่นกัน เส้นเลือดบนหน้าผากของเขาปูดขึ้นมาหมดแล้ว เขาชี้หน้าด่าหลิงอวี๋โดยมิสนใจภาพลักษณ์ใด ๆ ทั้งนั้น“สารเลว หากยังกล้าพูดจาเหลวไหลอีกข้าจะฉีกปากของเจ้าเสีย!”“ฝ่าบาท หลิงอวี๋ทำเกินไปแล้วจริง ๆ นางกล้าใส่ร้ายฮองเฮา นี่เป็นการมิให้ความเคารพผู้ที่อยู่สูงกว่า! วันนี้ต้องลงโทษนางอย่างหนักนะพ่ะย่ะค่ะ!”เว่ยเฉิงพี่ชายของฮองเฮาเว่ยซึ่งเป็นผู้ตรวจการแห่งสำนักผู้ตรวจการก็ก้าวออกมาอย่างแค้นเคืองเพราะรู้สึกมิเป็นธรรมเช่นกัน พลางเอ่ยเสียงสูง “ฝ่าบาท ผู้ใดบ้างที่มิรู้ว่
เสียงหัวเราะของคนเหล่านี้ทำให้องค์ชายเว่ยพาลโกรธ เขาพูดสู้หลิงอวี๋มิได้ จึงหันไปทางจักรพรรดิอู่อันพลางตะโกนอย่างน้อยใจ“เสด็จพ่อ เสด็จพ่อดูเถิดว่าสตรีผู้นี้มีคารมคมคาย พูดจาคล่องแคล่ว องค์ชายสี่จัดการนางมิได้ เสด็จพ่อก็ควรอบรมนางพ่ะย่ะค่ะ!”“นี่เป็นงานเลี้ยงฉลองมิใช่หรือ? เหตุใดสตรีผู้นี้จึงก่อกวนอยู่ที่นี่เล่า!”แม้ว่าจักรพรรดิอู่อันจะตลกขบขันกับคำพูดของหลิงอวี๋ แต่ก็มิได้มีความสุขที่หลิงอวี๋ก่อกวน จึงทำใบหน้าเรียบเฉย และกำลังคิดจะอบรมหลิงอวี๋แต่หลิงอวี๋แย่งเอ่ยไปเสียก่อน “เสด็จพ่อเพคะ หลิงอวี๋หาได้ตั้งใจก่อกวนไม่เพคะ!”“หลิงอวี๋แค่อยากถือโอกาสที่ทูตจากทั้งสามแคว้นอยู่พร้อมหน้า ให้พวกเขาได้เห็นว่า ที่เราแพ้ไปสองรายการแข่งขันนั้น มิใช่เพราะความสามารถมิเท่าผู้อื่น!”“ทว่า หากมิใช่เพราะองค์ชายเว่ยเข้ามาขัดขา เรามีความมาสามารถที่จะเอาชนะได้อย่างแน่นอน! หลิงอวี๋เองก็อยากให้ทูตทั้งสามแคว้นรู้ด้วยเช่นกันว่าเสด็จพ่อมีความปราดเปรื่อง เมื่อจะให้รางวัลหรือลงโทษก็มีความยุติธรรม!”สิ่งที่หลิงอวี๋จะทำในวันนี้ก็คือ ประกาศให้ใต้หล้านี้ได้รับรู้การกระทำผิดขององค์ชายเว่ยกับฮองเฮาเว่ยครั้งที่แ
“ก็ได้ ๆ ๆ… วันนี้ข้าจะดูว่าคนพูดจาคล่องแคล่วเช่นเจ้าจะพูดหลักฐานอะไรออกมา!”องค์ชายเว่ยเห็นว่าองค์จักรพรรดิได้พูดออกไปแล้วก็มิโต้เถียง จึงมองไปทางจักรพรรดิอู่อันพลางเอ่ยไปตามตรง “เสด็จพ่อ ลูกขอเพียงข้อเดียวเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ หากยืนยันแล้วว่าหลิงอวี๋ใจร้าย ก็ขอให้เสด็จพ่อยอมให้ลูกประหารหลิงอวี๋ด้วยเถิด!”ช่างมิสูงส่งเลยจริง ๆ!มุมปากขององค์ชายคังกระตุกขึ้นอย่างเหยียดหยาม องค์ชายเว่ยผู้นี้ออกงานมิได้เลย ต่อให้เขาจะอยากให้หลิงอวี๋ตาย ก็อย่าได้รีบร้อนเช่นนี้ต่อหน้าทุกคนสิ!เป็นถึงองค์ชายจะไปประหารน้องสะใภ้ องค์ชายเว่ยมิกลัวคนเขาหัวเราะเอาเลยหรือ!คืนนี้จ้าวเจินเจินก็มาด้วยเช่นกัน นางถูกองค์ชายคังตบจนหน้าบวม ทาแป้งไปมากแค่ไหนก็มิสามารถปกปิดได้มิดเดิมทีนางมิอยากมาเข้าร่วมงานเลี้ยงฉลองให้ใครหัวเราะเยาะหรอก!แต่องค์ชายคังมิอนุญาตแล้วบังคับให้นางมา นางจึงทำได้เพียงใส่ผ้าคลุมหน้าปกปิดเอาไว้ แล้วบอกกับสตรีข้าง ๆ ที่สงสัยใคร่รู้ว่าตนเป็นสิวจึงอายที่จะพบใครที่จ้าวเจินเจินมิอยากมายังมีสาเหตุหลักอยู่อีกหนึ่งข้อนั่นก็คือ นางมิอยากเห็นความโดดเด่นของหลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียน สิ่งนี้จะยิ่งทำให้
องค์ชายเว่ยใจสั่นขึ้นมาทันที เหงื่อเย็น ๆ ก็ออกมาด้วยเซียวหลินเทียนรู้เรื่องพวกนี้ได้เยี่ยงไร?เนื่องจากหมู่บ้านที่กักขังครอบครัวของจู้เต๋อเอาไว้นั้นนอกจากเขากับคนสนิทสองคนที่รู้แล้วก็ไม่มีผู้ใดรู้อีก“เสด็จพ่อ ตอนที่ลูกกำลังเข้าร่วมการแข่งขันต่อสู้ทางน้ำ ลูกได้เชิญให้ท่านอ๋องผิงหนานกับแม่ทัพเฉินไปที่หมู่บ้านขององค์ชายเว่ยพ่ะย่ะค่ะ!”“เมื่อครู่แม่ทัพเฉินมารายงานว่า ได้ช่วยเหลือครอบครัวของจู้เต๋อออกมาแล้ว พวกเขากำลังจะถูกคนขององค์ชายเว่ยฆ่าปิดปาก แต่ท่านอ๋องผิงหนานไปได้ทันเวลาพอดีจึงช่วยพวกเขาทั้งครอบครัวไว้ได้พ่ะย่ะค่ะ”เซียวหลินเทียนมองไปทางองค์ชายเว่ยอย่างเหยียดหยาม “องค์ชายเว่ย เจ้าคงจะมิบอกว่าข้าซื้อตัวท่านอ๋องผิงหนานกับแม่ทัพเฉิน หรือกระทั่งคนทั้งหมู่บ้านของเจ้ามาใส่ร้ายเจ้าหรอกกระมัง”ท่านอ๋องผิงหนานได้ยินว่าเซียวหลินเทียนเอ่ยถึงตนเอง จึงเดินเข้าไปแล้วคุกเข่าลงข้างหนึ่ง“ฝ่าบาท กระหม่อมเห็นกับตาว่าครอบครัวของจู้เต๋อทั้งสิบห้าคนถูกมัดไว้ที่หมู่บ้านขององค์ชายเว่ยพ่ะย่ะค่ะ!”“กระหม่อมยังได้ซักถามเพื่อนบ้านแถว ๆ บ้านของจู้เต๋อด้วย ได้ความว่า พวกเขาทั้งหมดถูกคนจับตัวไปในตอนก่
ฮองเฮาเว่ยลุกขึ้นเดินไปตรงหน้าหลิงอวี๋แล้วมองลงไปอย่างเย่อหยิ่ง“ข้ารู้ว่าเจ้าทำเพื่อให้เซียวหลินเทียนได้นั่งตำแหน่งองค์รัชทายาทจึงได้พยายามเต็มที่เช่นนี้ ข้าอยากจะฟังจริง ๆ ว่าวิธีการของเจ้ามันจะไปสุดตรงที่ใด?”หลิงอวี๋ยังคงคุกเข่าอยู่ และฮองเฮาเว่ยก็กำลังยืน ท่าทางที่คนหนึ่งสูงคนหนึ่งต่ำเช่นนี้ มองจากภายนอกแล้วคือ ฮองเฮาเว่ยกำลังบดชยี้หลิงอวี๋อยู่ทว่า เมื่อหลิงอวี๋ยืดตัวขึ้นแล้วเงยหน้ามองฮองเฮาเว่ยอย่างช้า ๆ ท่าทางที่มิได้ถ่อมตัวหรือเย่อหยิ่งเกินไปนั้นมันมิได้เหมือนถูกฮองเฮาเว่ยปรามเลยแม้แต่น้อยพระชายาเส้าคอยสังเกตอยู่เงียบ ๆ นับวันนางก็ยิ่งรู้สึกว่าหลิงอวี๋เป็นศัตรูที่น่ากลัวหากลองถามสตรีที่อยู่ ณ ที่แห่งนี้ดู จะมีสตรีกี่คนกันที่สามารถเทียบเท่าหลิงอวี๋ได้ และกล้าที่จะเผชิญหน้ากับฮองเฮาเว่ยเช่นนี้ฮองเฮาเว่ยเข้าวังมายี่สิบกว่าปีแล้วนางก็ยังคงอยู่มิเคยล้มลงไปมิว่าจะเป็นวิธีการชั่วร้ายใด ๆ ก็ตามตอนนั้นตนก็เคยเสียเปรียบให้ฮองเฮาเว่ยไปนับไม่ถ้วนมิใช่หรือ?พระชายาเส้านึกขึ้นได้ว่า เมื่อครู่มีสตรีนางหนึ่งให้คนเอากระดาษสองแผ่นมายัดใส่มือตนอย่างเงียบ ๆ และเนื้อหาในนั้นเป็นคำสารภาพ
จักรพรรดิอู่อันเด้งตัวลุกขึ้นยืนพร้อมกับสีหน้ามิสู้ดี เขาจ้องไป่ซุ่ยเขม็งพลางเอ่ยถามเสียงสั่น “ไทเฮา… ไทเฮาสิ้นแล้วจริงหรือ?”ไป่ซุ่ยร้องไห้พลางเอ่ย “กราบทูลฝ่าบาท เป็นจริงดังนั้นเพคะ… แม่นมเว่ยตกใจจนสลบไปแล้ว บ่าวจึงทำได้เพียงวิ่งมากราบทูลฝ่าบาทเท่านั้น!”“ไป่ซุ่ย ไทเฮาเสวยน้ำแกงบำรุงร่างกายที่ข้าให้ไปแล้วสิ้นลมไปจริง ๆ หรือ?”หลิงอวี๋แสร้งทำเป็นเบิกตาโตอย่างตกใจ “เป็นไปได้เยี่ยงไร? ข้าให้สูตรอ่อนไว้แท้ ๆ เครื่องยาสมุนไพรก็ล้วนเป็นยาที่มีฤทธิ์อ่อนไม่มีพิษ! จะทำให้ไทเฮาสิ้นลมได้เยี่ยงไร!” “ใช่แล้ว ถังถีเตี่ยนเล่า เขาน่าจะเคยเห็นตำรับยาของข้า เขาว่าอย่างไรบ้าง?”“วันนี้ถังถีเตี่ยนมิอยู่ที่วังเจ้าค่ะ เขาบอกว่าพระชายาอ๋องอี้เรียกพบเขาจึงลาครึ่งวัน!”ไป่ซุ่ยมองหลิงอวี๋อย่างโกรธแค้น “พระชายาอ๋องอี้ ท่านอย่าได้เสแสร้งเลย… เห็น ๆ กันอยู่ว่าท่านจัดแจงให้ถังถีเตี่ยนออกไป ท่านจะรังแกบ่าวกับแม่นมเว่ยที่มิรู้เรื่องเครื่องยาสมุนไพร ดังนั้นจึงจัดตำรับยาที่เป็นพิษเช่นนี้เพราะจะวางยาไทเฮา!”“ฝ่าบาท บ่าวมีหลักฐานเพคะ สามารถยืนยันได้ว่าพระชายาอ๋องอี้จัดตำรับยาพิษเพราะคิดจะวางยาลอบปลงพระชนม์ไทเฮา