“เพื่อประโยชน์ของข้าอะไรกัน? ท่านไม่มีหลักฐานก็มาพูดจาไร้สาระใส่ร้ายน้องสาวข้า! รู้หรือไม่ว่าหากเรื่องนี้แพร่ออกไปมันจะทำลายชีวิตน้องสาวข้า?”คุณชายหวางจ้องหลิงอวี๋ด้วยความโกรธ “ขอโทษ ท่านต้องขอโทษ!”ครั้งนี้เซียวหลินเทียนมิทนแล้ว เขาเข้าใจเจตนาที่หลิงอวี๋พูดเช่นนี้ จึงตะโกนใส่คุณชายหวางด้วยความโกรธ“พระชายาของข้าบอกว่านางได้ยินผิดไป เจ้าก็เมตตาต่อนางหน่อยเถิด!”“เหตุใดกัน ฉินรั่วซือก็กล่าวหาว่าองค์ชายเย่มีโสมโลหิตโดยไม่มีหลักฐานใด ๆ ทำให้พวกข้าสองคนพี่น้องมีช่องว่างระหว่างกัน นางบอกว่าฟังผิดไปประโยคเดียว พวกเจ้าสามารถยกโทษให้นางได้มิใช่หรือ!”“เมื่อเปลี่ยนเป็นพระชายาของข้าพูดเช่นนี้ พวกเจ้ากลับบอกว่านางโอหังอวดดี กลั่นแกล้งผู้ที่อ่อนแอ!”“คุณชายหวาง เรียนรู้ไว้เถอะ เจ้ายังมิเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดด้วยซ้ำ ก็มากล่าวหาคนอื่นแบบมั่ว ๆ เจ้าอ่านหนังสือของเจ้าในท้องสุนัขรึ?”คุณชายหวางก็หน้าแดงขึ้นมาทันที ยังมิทันที่เขาจะพูดอะไร หลิงอวี๋ก็ก้าวไปทำความเคารพเขาอย่างระมัดระวังเสียก่อน“ข้าขอโทษ คุณชายหวาง ข้ามิรู้จักเจ้าหรือน้องสาวของเจ้า เมื่อครู่ก็แค่เปรียบเทียบ! น้องสาวของเจ้ามิเคยทำอ
เซียวหลินเทียนพูดจบก็มิสนใจสีหน้าที่น่าเกลียดของเซี่ยโฮ่วตานรั่ว พลางเอ่ยกับฉินรั่วซือเสียงเรียบ“เรื่องโสมโลหิตเจ้ากลับไปคิดให้ดี ๆ เจ้าต้องให้คำตอบที่น่าพอใจแก่ข้าและองค์ชายเย่!”“วันนี้ข้าไม่มีเวลาคุยเรื่องนี้กับเจ้า ข้าจะไปคิดบัญชีกับเจ้าวันหลัง! น้องห้า จัดการเช่นนี้ได้หรือไม่?”เซียวหลินมู่เหลือบมองฉินรั่วซือแล้วโบกมืออย่างรำคาญ “ข้าเชื่อฟังพี่สี่… ไป ไปได้แล้ว... อย่าให้ข้าเห็นหน้าร้องห่มร้องไห้ของเจ้า มันจะซวย!”“ตนเองทำผิดแล้วยังจะคิดแว้งกัด ใช้กลอุบายที่น่าอับอายเหล่านี้ ช่างน่าขยะแขยงจริง ๆ!”ฉินรั่วซือถูกองค์ชายชายทั้งสองรังเกียจเช่นนี้ ก็รู้สึกละอายใจมาก นางมิกล้าคุกเข่าอีกต่อไป จึงลุกขึ้นมาแล้ววิ่งหนีไปพร้อมปิดหน้าในเวลานี้ พวกนักการจากเรือนจำกระทรวงยุติธรรมก็พาหมอจางมาแล้วในเวลาเพียงมิกี่วัน หมอจางดูแก่ไปมาก มีผมหงอกจำนวนมากปรากฏบนขมับสองข้างของเขาเขาเดินโซเซ สายตาเหม่อลอย ถูกนักการผลักให้เดินไปจางเจ๋ออยู่ท่ามกลางฝูงชนเห็นสิ่งนี้ก็รู้สึกทั้งปวดใจทั้งโกรธเล็บของเขาจิกเข้าไปในเนื้อ แล้วมองพ่อของตนด้วยดวงตาแดงก่ำหรือต้องดูพ่อของตนอับอายไปเช่นนี้?เขานำหลัก
“ทุกคน… พวกเจ้าดูเอาเถิด หลิงอวี๋นั้นอาศัยว่าตนเป็นพระชายาอ๋องอี้ ทักษะการแพทย์ของนางก็ดีกว่าของข้าเพียงเล็กหน่อยก็มิเห็นใครอยู่ในสายตาแล้ว!”“วันนี้นางใช้อำนาจของนางมาบีบบังคับให้ข้าคุกเข่าให้นางได้ ภายภาคหน้า พวกเจ้าหมอทุกคนในเมืองหลวงที่มิเก่งในทักษะการแพทย์เท่านางจะต้องคุกเข่าลงให้กับสตรีผู้นี้ทีละคนหรือ?”“พวกเจ้าจะปล่อยให้นางเย่อหยิ่งและรังแกผู้คนเช่นนี้หรือ?”หมอจางยิ่งพูดก็ยิ่งตื่นเต้น เสียงแหบแห้งนั้นดูราวกับว่าตนเป็นคนดีมีคุณธรรมทุกคนที่อยู่ในที่แห่งนี้ นอกจากเซียวหลินเทียนกับเซียวหลินมู่แล้วก็มีเพียงมิกี่คนที่รู้เรื่องราวภายในเกี่ยวกับการเดิมพันเมื่อเห็นว่าหมอจางอายุมากพอที่จะเป็นพ่อของหลิงอวี๋ได้จริง ๆ หลิงอวี๋ยังบังคับให้เขาคุกเข่าขอโทษต่อหน้าธารกำนัลเช่นนี้อีก นี่เป็นการกลั่นแกล้งจริง ๆ ด้วย!เซียวทงมองสีหน้าของทุกคนแล้วก็แอบมีความสุข ครั้งนี้หลิงอวี๋ทำให้ผู้คนโกรธเข้าแล้วนางแทบรอมิไหวที่จะยืนขึ้นแล้วเอ่ย “หลิงอวี๋ นี่เป็นความผิดของท่านแล้ว! แม้ว่าหมอจางจะมิเก่งในด้านทักษะการแพทย์เท่าท่าน แต่เขาก็มิควรถูกท่านทำให้อับอายเช่นนี้นี่!”“หากท่านบังคับเขาเช่นนี้ เช่น
หลิงอวี๋อดทนมาเป็นเวลานานแล้ว ในฐานะคนในยุคสมัยใหม่นางเกลียดแนวคิดกับประเพณีบางอย่างของโลกเก่ามานานแล้วเถาจื่อถูกพ่อแม่ของนางขายเพียงเพราะนางเป็นเด็กผู้หญิง!หยางต้ายาที่เว่ยโจวติดโรคระบาดแล้วถูกพ่อแม่ทิ้งให้ตายในเจ่าจวงเพียงเพราะนางเป็นเด็กผู้หญิง!ยังมีเสี่ยวนิวนิว ที่แม้แต่แกงไก่สักคำยายของนางก็มิให้กินเพราะนางเป็นเด็กผู้หญิงอีกเช่นกัน!เช่นเดียวกับหลี่ชุง ชอบเรียนแพทย์ แต่ถูกร้านขายยานับมิถ้วนปฏิเสธเพียงเพราะนางเป็นเด็กผู้หญิงมารยาทกับประเพณีที่ซับซ้อนเหล่านี้ทำให้หลิงอวี๋รู้สึกหายใจมิออกทุกครั้งที่คิดถึงเรื่องพวกนี้!นางกลัดกลุ้มมิสามารถคุยกับใครได้ คนดีมีศีลธรรมเหล่านี้ยังกล้ากล่าวหาตนเพียงเพราะตนเป็นสตรีมิสามารถเรียนแพทย์ได้อีกหลิงอวี๋ชี้ไปที่เซียวทงกับพวกหมอเหล่านั้นพลางตะคอกด้วยความโกรธ “บอกว่าข้าใจแคบ วันนี้ข้าจะเล่าให้พวกเจ้าฟังถึงสิ่งที่ผู้อาวุโสที่พวกเจ้ากำลังปกป้องอยู่ว่าเขาทำอะไรบ้าง”หลิงอวี๋เล่าว่าตนได้โรงเหยียนหลิงมาได้อย่างไร หมอจางใช้ยาพิษรักษาขาของท่านอดีตเสนาบดี ยังมีเรื่องที่หมอจางบังคับตนให้เดิมพันกับเขาอีกฟางเหยาเหยากับทุกคนฟังแล้วก็ตกตะลึง ที่แท้ม
“เหตุใดหมอจางถึงได้กล้าเดิมพันกับข้าน่ะรึ ก็เพราะเขาเป็นเหมือนพวกเจ้าอย่างไรเล่า คิดว่ามิว่าสตรีจะเรียนรู้มากแค่ไหนก็เทียบเขามิได้!”“แต่ลองถามตัวเองดูเถิดว่า สตรีเทียบพวกเจ้ามิได้จริงหรือ? แม่ของเจ้า สตรีที่อยู่ข้าง ๆ เจ้า พวกนางมิได้ฉลาดกว่าเจ้ารึ? หากให้โอกาสพวกนางได้ไปสถานศึกษา ได้เรียนแพทย์เหมือนพวกเจ้า พวกนางจะทำได้มิดีเท่าเจ้ารึ?”“แล้วเรื่องที่มิสง่างามอะไรนั่นก็เป็นอคติทั้งสิ้น ไทเฮาผู้สูงศักดิ์ของเราเป็นวีรสตรีในหมู่สตรีมิใช่รึ? พระนางทรงวางแผนปกครองบ้านเมืองมิเก่งเท่าบุรุษเยี่ยงพวกเจ้ารึ?”เมื่อเอ่ยถึงไทเฮา บุรุษที่อยู่ ณ ที่แห่งนี้ก็มิกล้าค้านหลิงอวี๋แล้วตอนนั้นไทเฮาติดตามจักรพรรดิสูงสุดไปพิชิตใต้หล้า และเป็นกุนซือที่วางแผนให้จักรพรรดิสูงสุดด้วย!หลิงอวี๋เห็นว่าปรามพวกบุรุษที่มีอคติต่อสตรีไปได้บ้างแล้วจึงตำหนิขึ้นมาด้วยเสียงสูง“หมอจางแพ้แล้ว เขามิได้ไตร่ตรองว่าเหตุใดตนเองถึงด้อยกว่าคนอื่น มิได้พยายามพัฒนาทักษะการแพทย์ของตนเอง! แต่กลับพยายามทุกวิถีทางที่จะใส่ร้ายข้าครั้งแล้วครั้งเล่า นี่คือความก้าวหน้าไปด้วยกันที่พวกเจ้าติดตามอยู่เช่นนั้นรึ?”“การเดิมพันนี้เกิดขึ้นเ
เซียวหลินเทียนมองหลิงอวี๋ที่ยืนตัวตรงอยู่ นางชนะแล้ว แต่รอยยิ้มบนใบหน้ากลับดูเฉยชาไปเล็กน้อยสิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกเสียใจกับนางอย่างอธิบายมิถูก...นางถูกเข้าใจผิดอยู่ครั้งแล้วครั้งเล่า!ถูกใส่ร้ายและทำร้ายครั้งแล้วครั้งเล่า!เซียวหลินเทียนคิดอยู่ครู่หนึ่ง ตนจะต้องแข็งแกร่งให้ได้!ต้องแข็งแกร่งจนสามารถปกป้องนางมิให้ถูกทำร้ายได้อีก!ทำให้นางหัวเราะออกมาได้มากยิ่งขึ้น!เซี่ยโฮ่วตานรั่วมองหลิงอวี๋อย่างโกรธแค้น เหตุใดสตรีผู้นี้จึงเก่งกาจถึงเพียงนั้น เรื่องที่มิดีกับนางก็ถูกนางแก้ไขไปได้อย่างง่ายดายเช่นนี้เลยหรือ?นางนึกถึงวันที่ถูกองค์ชายหนิงพี่ชายของนางบังคับให้นางขอโทษหลิงอวี๋ และยอมรับว่าตนเองใส่ร้ายหลิงอวี๋ มันเป็นเรื่องน่าละอายมากสำหรับตน!นางยังคงอดกลั้นความแค้นนี้เอาไว้อยู่!เซี่ยโฮ่วตานรั่วเหลือบมองไปแล้วก็เกิดแผนการขึ้นมาในใจ...หลิงอวี๋กำลังมองหมอจางที่ถูกนักการพาตัวไปพร้อมกับหน้าตาที่มอมแมมด้วยสายตาเย็นชา แล้วก็ได้ยินเสียงแปลก ๆ ของเซี่ยโฮ่วตานรั่ว“องค์หญิงหก ได้ยินมาว่าเดิมทีลูกธนูของมือสังหารนั้นเล็งไปที่ท่านอ๋องอี้! แล้วพระชายาอ๋องอี้ก็เสี่ยงชีวิตมาบังลูกธนูให้กับท
เซียวหลินเทียนเองก็ฟังออกถึงเจตนาสร้างความขัดแย้งของเซี่ยโฮ่วตานรั่ว ใบหน้าก็มืดมนลงทันที แล้วยิ้มเยาะพลางเอ่ย“องค์หญิงตานรั่วจะหมายความว่า... ข้าตาฝ้าฟางจนมิรู้แน่ชัดแม้แต่ว่าผู้มีพระคุณช่วยชีวิตของตนไว้คือใครเยี่ยงนั้นรึ?”หลิงอวี๋อดมิได้ที่จะยิ้มออกมาคำพูดตอกกลับเซียวหลินเทียนนี่มัน... เขายังหนุ่มและยังแข็งแรง แต่กลับบอกว่าตนตาฝ้าฟาง เช่นนั้นคนที่อายุมากกว่าเขาก็คงสะเทือนใจกันไปหมด!เมื่อเซี่ยโฮ่วตานรั่วเห็นว่าเซียวหลินเทียนออกหน้าช่วยหลิงอวี๋ ในใจก็ยิ่งเกลียดหลิงอวี๋มากขึ้นอีกนางมองรูปร่างหน้าตาที่หล่อเหลาของเซียวหลินเทียน ยิ่งมองก็ยิ่งอยากจะบ้า บุรุษที่สมบูรณ์แบบถึงเพียงนี้ เหตุใดจึงต้องมาลุ่มหลงงมงายอยู่กับนางสารเลวเช่นหลิงอวี๋ด้วย!“ท่านอ๋องอี้ สถานการณ์ตอนนั้นอันตรายถึงเพียงนั้น ท่านก็กำลังยุ่งอยู่กับการจัดการมือสังหาร การที่มิได้สังเกตเห็นเจตนาของนางก็เป็นเรื่องปกติ!”“ตานรั่วแค่เป็นห่วงว่าท่านจะถูกหลอกจึงเตือนท่าน!”ท่าทีหวังดีของเซี่ยโฮ่วตานรั่วทำให้เซียวหลินเทียนรังเกียจเป็นอย่างยิ่ง เขาจึงเอ่ยเสียงแข็ง“องค์หญิงตานรั่ว นี่เจ้าคิดจะยกเรื่องหวังดีกับข้าแล้วจงใจใส
แต่หลิงอวี๋มิให้โอกาสเซี่ยโฮ่วตานรั่วได้คิด นางตะคอกเสียงแข็ง“เซี่ยโฮ่วตานรั่ว ตอนนั้นท่านอ๋องของหม่อมฉันต้องเผชิญหน้ากับมือสังหารสองกลุ่ม! คนที่ใช้ดาบคือมือสังหารของฉีตะวันออก คนที่เหลือรอดถูกแม่ทัพเผยจับตัวไปแล้ว!”“แต่มือสังหารที่ใช้ธนูกลับหนีไปได้! ตอนนั้นแม่ทัพเผยกับอันเจ๋อตรวจค้นรอบ ๆ ดูแล้วแต่ก็มิพบผู้ใดเลย!”“ผลก็คือแม่ทัพเผยพบท่านในระหว่างการตรวจค้น! เซี่ยโฮ่วตานรั่ว ท่านตรัสว่าท่านอยู่ในที่เกิดเหตุในเวลานั้น หรือว่าคนที่ยิงธนูเย็นใส่พวกเราก็คือเจ้า!”เอ่อ...“นี่คิดที่จะลอบสังหารท่านอ๋องอี้หรือ!”มีคนที่ตั้งสติได้ก็ตกใจจนกรีดร้องออกมาองค์ชายเย่เซียวหลินมู่ที่เฝ้าดูความคึกคักนี้อยู่ข้าง ๆ มาโดยตลอด ได้ยินสิ่งนี้เข้าก็เข้าใจ จึงตะโกนด้วยความโกรธ“เซี่ยโฮ่วตานรั่ว พวกเจ้าชาวฉีตะวันออกเบื้องหน้ามาเพื่ออภิเษกเชื่อมสัมพันธ์ แต่เบื้องหลังแท้จริงแล้วมาเพื่อลอบสังหารเสด็จพี่ของข้าหรือ!”เซียวทงตะลึงกับสถานการณ์ที่พลิกนี้ นางมองเซี่ยโฮ่วตานรั่วจากนั้นก็มองเซียวหลินเทียนครั้งนี้ มิว่าเซี่ยโฮ่วตานรั่วจะพูดอะไรอีก นางก็มิสามารถยืนข้างเซี่ยโฮ่วตานรั่วได้อีกแล้วหากทำผิดพลาดไป