หลิงอวี๋กระตุกริมฝีปากอย่างยากจะสังเกตเห็น ฉินรั่วซือผู้นี้ ก่อนหน้านี้ตอนที่คลุกคลีอยู่กับเซียวทงกับเสิ่นจวนก็เรียนรู้เรื่องการพูดจาเจ็บแสบมาจากเสิ่นจวนหลังจากที่เสิ่นจวนถูกตระกูลเสิ่นส่งตัวไป ฉินรั่วซือก็กลายเป็นผู้ติดตามส่วนตัวของเซียวทง นางซึมซับบทเรียนของเสิ่นจวนมาบ้าง ทุกครั้งที่นางเห็นว่าสถานการณ์ท่าจะมิดี นางก็จะหลบไปอยู่ห่าง ๆทว่าตั้งแต่ที่ฮองเฮาเว่ยบอกว่าจะประทานนางให้แต่งงานไปเป็นชายารองของเซียวหลินเทียน สตรีผู้นี้จึงกระตือรือร้นขึ้นมาอีกครั้งครั้งที่แล้วที่เตะลูกกลมฉินรั่วซือก็เล่นไปตามสถานการณ์ ครั้นได้ยินว่าตนได้รับบาดเจ็บก็รีบวิ่งไปแสดงตัวตนที่ตำหนักอ๋องอี้ทันที!ตอนนี้ได้เปลี่ยนแผนการแล้ว จึงใช้ภาพลักษณ์ใสซื่อน่าสงสารเช่นนี้ลงสนามนี่คือเส้นทางแห่งการเสแสร้งใช่หรือไม่?นางคิดว่าท่าทางอ่อนโยนและอ่อนแอจะสามารถกดตนลงไปได้หรือ?หากเซียวหลินเทียนชอบประเภทนี้ บอกได้แค่ว่าเซียวหลินเทียนตาบอดแล้วเมื่อเห็นว่าฉินรั่วซือถูกตนเปิดโปงก็ยังพยายามดึงเซียวหลินเทียนไว้ อยากจะทำให้เซียวหลินเทียนสงสัยในตัวของตนเอง หลิงอวี๋จึงโกรธยังมิทันที่นางจะได้พูดอะไร ฟางเหยาเหยาเห็นฉินร
ฉินรั่วซือเองก็ตกตะลึงไปเช่นกัน นางมองไปที่หลิงอวี๋อย่างมิอยากจะเชื่อ ลืมร้องไห้ไปเลยอิงเหนียงให้ตนเองบอกว่าโสมโลหิตอยู่ในมือขององค์ชายเย่ นางมิรู้รายละเอียดอื่น ๆ เลยจริง ๆ!หรือว่าอิงเหนียงจะทำร้ายตน?“ฉินรั่วซือ เจ้าบอกมาว่าใครบอกเจ้า?”หลิงอวี๋เอ่ยถามอย่างชอบธรรม “พวกผู้ค้าเครื่องยาสมุนไพรในเมืองหลวงล้วนมิรู้ว่าคนที่ซื้อโสมโลหิตคือใคร!”“เจ้าเป็นคุณหนูบ้านรวยที่มิเคยก้าวออกจากบ้าน แล้วมีความสามารถเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน?”คำพูดของหลิงอวี๋ทำให้ฟางเหยาเหยาและทุกคนมองไปทางฉินรั่วซือด้วยสายตาที่แปลกประหลาดใช่ เหตุใดพวกนางมิเคยได้ยินเรื่องของโสมโลหิตเลย?ฉินรั่วซือรู้ได้อย่างไร?ฉินรั่วซือถูกทุกคนมองก็เหงื่อตก แต่นางคิดมิออกเลยว่าจะช่วยให้ตนเองหลุดไปได้เยี่ยงไร“ฉินรั่วซือ เจ้าให้ท่านอ๋องของข้าไปขอโสมโลหิตองค์ชายเย่ มีเจตนาใดกัน?”“อีกอย่าง เห็น ๆ กันอยู่ว่า องค์ชายเย่กับท่านอ๋องของข้ามิได้ทะเลาะกัน แต่ในวันรุ่งขึ้นข้างนอกก็มีข่าวลือว่าองค์ชายเย่เนรคุณ เห็นคนใกล้ตายแล้วมิช่วย นอกจากเจ้าที่รู้เรื่องที่ท่านอ๋องอี้ไปขอโสมโลหิตแล้ว ก็ไม่มีใครรู้เรื่องเลย!”“ข่าวลือใส่ร้ายองค์
เซียวหลินมู่ยินดียอมรับคำเชิญของตนแล้วมาที่ภัตตาคารเพื่อลบล้างข่าวลือให้ตน นี่หมายความว่าเซียวหลินมู่ก็ใส่ใจสายใยครอบครัวนี้เช่นกัน!“น้องห้า! เจ้ามาแล้ว!”เซียวหลินเทียนมองเซียวหลินมู่ด้วยสายตาที่ซับซ้อน เซียวหลินมู่ยิ้มให้เขาแล้วก้าวเข้ามาพลางเอ่ย“ข้าได้ยินมาว่า มีคนแพร่ข่าวลือไปว่าเราสองคนทะเลาะกัน จึงมาดูว่าใครที่น่ารังเกียจเช่นนั้น กล้าจงใจใส่ร้ายพวกเรา!”“นี่เกรงว่าเราจะมิทะเลาะกันก็เลยจงใจสร้างความขัดแย้งรึ? ช่างร้ายกาจเสียจริง!”เซียวหลินมู่เหยียดแขนออกไปกอดไหล่ของเซียวหลินเทียน เหมือนพี่น้องทั้งสองดีกันอยู่เซียวหลินเทียนตะลึงกับการกระทำของเขา เขามิคุ้นเคยกับความใกล้ชิดเช่นนี้มากนักแต่เขาก็มิได้รู้สึกรังเกียจเช่นกัน เขากลับรู้สึกถึงความรู้สึกแปลก ๆ ที่กำลังแล่นไปทั่วร่างกายของเขาเขายืนอย่างมั่นคง รับน้ำหนักของเซียวหลินมู่ไว้มีคนจำนวนมากมาเฝ้าดูความครึกครื้น คนเหล่านั้นเห็นว่าเซียวหลินเทียนกับเซียวหลินมู่ดูใกล้ชิดกันมากข่าวลือเหล่านั้นที่ว่าทั้งสองทะเลาะกัน ทั้งยังข่าวลือที่ว่าเซียวหลินเทียนใส่ร้ายเซียวหลินมู่นั้นก็แพ้ภัยตัวเองไปผู้คนมากหลายในเมืองหลวงรู้จักนิสั
“โชคดีที่ข้ากับพี่ชายมีความสัมพันธ์ที่ดี เชื่อข้า มิเช่นนั้นข้าก็จะกลายเป็นคนเนรคุณและลืมบุญคุณดังที่ปากของพวกเจ้าว่า!”“บอกมาสิ ข้าทำสิ่งใดให้เจ้าขุ่นเคืองเจ้าถึงใส่ร้ายข้าเช่นนี้?”เซียวหลินมู่ซักถามฉินรั่วซือ“หากวันนี้เจ้ามิบอกสาเหตุ ข้าจะไปที่หน้าศาลาว่าการเพื่อฟ้องร้องว่าเจ้ามีเจตนาแอบแฝง สร้างความขัดแย้ง และพยายามให้คนในครอบครัวต่อสู้กัน!”เมื่อเห็นความก้าวร้าวของเซียวหลินมู่ ฉินรั่วซือก็ตกใจจนเงียบไป ขณะที่มิรู้ว่าต้องทำอะไร นางก็ได้ยินเซี่ยโฮ่วตานรั่วหัวเราะเยาะเย้ยพลางเอ่ย“พระชายาอ๋องอี้ นางเป็นคุณหนูใหญ่บ้านรวยที่งดงามหยาดเยิ้ม นางก็บอกไปแล้วว่านางบอกท่านอ๋องอี้ถึงสิ่งที่นางได้ยินเพราะนางเป็นห่วงเจ้า!”“แม้ว่านางจะพูดผิดไป แต่จุดเริ่มต้นของนางดี พวกเจ้าจะทำลายนางเช่นนี้หรือ?”“ข้าได้ยินมาว่า พี่ชายของนางเป็นเจ้ากรมของอ๋องอี้ ก็ควรต้องไว้หน้ากันบ้าง ให้อภัยได้ก็ให้อภัยไปเถิด!”“จริงสิ ข้าได้ยินมาว่า วันนี้หมอจางอะไรนั่นจะถูกพามาคำนับขอโทษพระชายาอ๋องอี้… พระชายาอ๋องอี้ เจ้าคงมิได้ชอบให้คนอื่นคำนับขอโทษเข้าหรอกใช่หรือไม่?”“การที่เจ้าจับกุมใครมาก็จะให้คนนั้นคำนับขอโทษ
“เพื่อประโยชน์ของข้าอะไรกัน? ท่านไม่มีหลักฐานก็มาพูดจาไร้สาระใส่ร้ายน้องสาวข้า! รู้หรือไม่ว่าหากเรื่องนี้แพร่ออกไปมันจะทำลายชีวิตน้องสาวข้า?”คุณชายหวางจ้องหลิงอวี๋ด้วยความโกรธ “ขอโทษ ท่านต้องขอโทษ!”ครั้งนี้เซียวหลินเทียนมิทนแล้ว เขาเข้าใจเจตนาที่หลิงอวี๋พูดเช่นนี้ จึงตะโกนใส่คุณชายหวางด้วยความโกรธ“พระชายาของข้าบอกว่านางได้ยินผิดไป เจ้าก็เมตตาต่อนางหน่อยเถิด!”“เหตุใดกัน ฉินรั่วซือก็กล่าวหาว่าองค์ชายเย่มีโสมโลหิตโดยไม่มีหลักฐานใด ๆ ทำให้พวกข้าสองคนพี่น้องมีช่องว่างระหว่างกัน นางบอกว่าฟังผิดไปประโยคเดียว พวกเจ้าสามารถยกโทษให้นางได้มิใช่หรือ!”“เมื่อเปลี่ยนเป็นพระชายาของข้าพูดเช่นนี้ พวกเจ้ากลับบอกว่านางโอหังอวดดี กลั่นแกล้งผู้ที่อ่อนแอ!”“คุณชายหวาง เรียนรู้ไว้เถอะ เจ้ายังมิเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดด้วยซ้ำ ก็มากล่าวหาคนอื่นแบบมั่ว ๆ เจ้าอ่านหนังสือของเจ้าในท้องสุนัขรึ?”คุณชายหวางก็หน้าแดงขึ้นมาทันที ยังมิทันที่เขาจะพูดอะไร หลิงอวี๋ก็ก้าวไปทำความเคารพเขาอย่างระมัดระวังเสียก่อน“ข้าขอโทษ คุณชายหวาง ข้ามิรู้จักเจ้าหรือน้องสาวของเจ้า เมื่อครู่ก็แค่เปรียบเทียบ! น้องสาวของเจ้ามิเคยทำอ
เซียวหลินเทียนพูดจบก็มิสนใจสีหน้าที่น่าเกลียดของเซี่ยโฮ่วตานรั่ว พลางเอ่ยกับฉินรั่วซือเสียงเรียบ“เรื่องโสมโลหิตเจ้ากลับไปคิดให้ดี ๆ เจ้าต้องให้คำตอบที่น่าพอใจแก่ข้าและองค์ชายเย่!”“วันนี้ข้าไม่มีเวลาคุยเรื่องนี้กับเจ้า ข้าจะไปคิดบัญชีกับเจ้าวันหลัง! น้องห้า จัดการเช่นนี้ได้หรือไม่?”เซียวหลินมู่เหลือบมองฉินรั่วซือแล้วโบกมืออย่างรำคาญ “ข้าเชื่อฟังพี่สี่… ไป ไปได้แล้ว... อย่าให้ข้าเห็นหน้าร้องห่มร้องไห้ของเจ้า มันจะซวย!”“ตนเองทำผิดแล้วยังจะคิดแว้งกัด ใช้กลอุบายที่น่าอับอายเหล่านี้ ช่างน่าขยะแขยงจริง ๆ!”ฉินรั่วซือถูกองค์ชายชายทั้งสองรังเกียจเช่นนี้ ก็รู้สึกละอายใจมาก นางมิกล้าคุกเข่าอีกต่อไป จึงลุกขึ้นมาแล้ววิ่งหนีไปพร้อมปิดหน้าในเวลานี้ พวกนักการจากเรือนจำกระทรวงยุติธรรมก็พาหมอจางมาแล้วในเวลาเพียงมิกี่วัน หมอจางดูแก่ไปมาก มีผมหงอกจำนวนมากปรากฏบนขมับสองข้างของเขาเขาเดินโซเซ สายตาเหม่อลอย ถูกนักการผลักให้เดินไปจางเจ๋ออยู่ท่ามกลางฝูงชนเห็นสิ่งนี้ก็รู้สึกทั้งปวดใจทั้งโกรธเล็บของเขาจิกเข้าไปในเนื้อ แล้วมองพ่อของตนด้วยดวงตาแดงก่ำหรือต้องดูพ่อของตนอับอายไปเช่นนี้?เขานำหลัก
“ทุกคน… พวกเจ้าดูเอาเถิด หลิงอวี๋นั้นอาศัยว่าตนเป็นพระชายาอ๋องอี้ ทักษะการแพทย์ของนางก็ดีกว่าของข้าเพียงเล็กหน่อยก็มิเห็นใครอยู่ในสายตาแล้ว!”“วันนี้นางใช้อำนาจของนางมาบีบบังคับให้ข้าคุกเข่าให้นางได้ ภายภาคหน้า พวกเจ้าหมอทุกคนในเมืองหลวงที่มิเก่งในทักษะการแพทย์เท่านางจะต้องคุกเข่าลงให้กับสตรีผู้นี้ทีละคนหรือ?”“พวกเจ้าจะปล่อยให้นางเย่อหยิ่งและรังแกผู้คนเช่นนี้หรือ?”หมอจางยิ่งพูดก็ยิ่งตื่นเต้น เสียงแหบแห้งนั้นดูราวกับว่าตนเป็นคนดีมีคุณธรรมทุกคนที่อยู่ในที่แห่งนี้ นอกจากเซียวหลินเทียนกับเซียวหลินมู่แล้วก็มีเพียงมิกี่คนที่รู้เรื่องราวภายในเกี่ยวกับการเดิมพันเมื่อเห็นว่าหมอจางอายุมากพอที่จะเป็นพ่อของหลิงอวี๋ได้จริง ๆ หลิงอวี๋ยังบังคับให้เขาคุกเข่าขอโทษต่อหน้าธารกำนัลเช่นนี้อีก นี่เป็นการกลั่นแกล้งจริง ๆ ด้วย!เซียวทงมองสีหน้าของทุกคนแล้วก็แอบมีความสุข ครั้งนี้หลิงอวี๋ทำให้ผู้คนโกรธเข้าแล้วนางแทบรอมิไหวที่จะยืนขึ้นแล้วเอ่ย “หลิงอวี๋ นี่เป็นความผิดของท่านแล้ว! แม้ว่าหมอจางจะมิเก่งในด้านทักษะการแพทย์เท่าท่าน แต่เขาก็มิควรถูกท่านทำให้อับอายเช่นนี้นี่!”“หากท่านบังคับเขาเช่นนี้ เช่น
หลิงอวี๋อดทนมาเป็นเวลานานแล้ว ในฐานะคนในยุคสมัยใหม่นางเกลียดแนวคิดกับประเพณีบางอย่างของโลกเก่ามานานแล้วเถาจื่อถูกพ่อแม่ของนางขายเพียงเพราะนางเป็นเด็กผู้หญิง!หยางต้ายาที่เว่ยโจวติดโรคระบาดแล้วถูกพ่อแม่ทิ้งให้ตายในเจ่าจวงเพียงเพราะนางเป็นเด็กผู้หญิง!ยังมีเสี่ยวนิวนิว ที่แม้แต่แกงไก่สักคำยายของนางก็มิให้กินเพราะนางเป็นเด็กผู้หญิงอีกเช่นกัน!เช่นเดียวกับหลี่ชุง ชอบเรียนแพทย์ แต่ถูกร้านขายยานับมิถ้วนปฏิเสธเพียงเพราะนางเป็นเด็กผู้หญิงมารยาทกับประเพณีที่ซับซ้อนเหล่านี้ทำให้หลิงอวี๋รู้สึกหายใจมิออกทุกครั้งที่คิดถึงเรื่องพวกนี้!นางกลัดกลุ้มมิสามารถคุยกับใครได้ คนดีมีศีลธรรมเหล่านี้ยังกล้ากล่าวหาตนเพียงเพราะตนเป็นสตรีมิสามารถเรียนแพทย์ได้อีกหลิงอวี๋ชี้ไปที่เซียวทงกับพวกหมอเหล่านั้นพลางตะคอกด้วยความโกรธ “บอกว่าข้าใจแคบ วันนี้ข้าจะเล่าให้พวกเจ้าฟังถึงสิ่งที่ผู้อาวุโสที่พวกเจ้ากำลังปกป้องอยู่ว่าเขาทำอะไรบ้าง”หลิงอวี๋เล่าว่าตนได้โรงเหยียนหลิงมาได้อย่างไร หมอจางใช้ยาพิษรักษาขาของท่านอดีตเสนาบดี ยังมีเรื่องที่หมอจางบังคับตนให้เดิมพันกับเขาอีกฟางเหยาเหยากับทุกคนฟังแล้วก็ตกตะลึง ที่แท้ม