วันรุ่งขึ้น เซียวหลินเทียนก็ไปภัตตาคารจี๋เสียงกับหลิงอวี๋ รอให้หมอจางมาคำนับขอโทษหลิงอวี๋วันนี้ภัตตาคารจี๋เสียงอัดแน่นไปด้วยผู้คนมากมาย คนมากหลายมาชมความตื่นเต้นนี้ ชั้นสองชั้นสามล้วนแน่นขนัดไปด้วยผู้คนเกิ่งเสี่ยวหาวเดินไปต้อนรับอย่างมีความสุขแล้วพาหลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนขึ้นไปชั้นบนก่อนก่อนหน้านี้ธุรกิจของเกิ่งเสี่ยวหาวถูกลูกพี่ลูกน้องของจ้าวเจินเจินกดจนลูกค้าน้อย หลิงอวี๋จึงเสนอแนวคิดให้เกิ่งเสี่ยวหาวภัตตาคารลดค่าใช้จ่ายลง มีการปรับเปลี่ยนอาหารตามฤดูกาล และทุก ๆ สัปดาห์ก็จะมีแนะนำอาหารใหม่ ๆ ทั้งยังมีการเสนอเครื่องดื่มฟรีด้วย ส่วนหอริมธารามีการให้บริการแบบส่วนตัว อาหารก็ล้วนมีการพัฒนาใหม่หลิงอวี๋ยังได้เตรียมเครื่องปรุงรสสุดพิเศษหลายอย่างให้พ่อครัวของเกิ่งเสี่ยวหาวใช้ทำเป็ดย่างกับหมูย่างด้วยรสชาตินี้เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเมืองหลวง พวกคนที่มีเงินมากินอาหารจะสนใจสิ่งแวดล้อมกับรสชาติสภาพแวดล้อมของหอริมธาราเป็นเอกลักษณ์ และมีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ช่วงนี้ภัตตาคารทั้งสองฝั่งของเกิ่งเสี่ยวหาวที่นั่งเต็มทุกวัน ยังมีหลายคนที่มาที่นี่แล้วเข้าแถวรอที่นั่งอยู่ข้างนอก นับดูแล้วก
หลิงอวี๋มีความสามารถมากขึ้นเรื่อย ๆ เสด็จพ่อเกือบจะมอบความรักที่มีต่อตนให้กับนางหมดแล้ว!นี่มันเป็นไปได้เยี่ยงไร!นางก็แค่มีทักษะการแพทย์เล็กน้อยมิใช่หรือ? มีอะไรที่ดีกว่าตนกัน!เซียวทงยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ คำพูดคำจาก็แขวะขึ้นมาเช่นกัน “ท่านมิได้แกล้งทำใช่หรือไม่? มิเช่นนั้นจะดีขึ้นอย่างรวดเร็วถึงปานนี้ได้เยี่ยงไร!”เซี่ยโฮ่วตานรั่วก็ยกมุมริมฝีปากขึ้นเล็กน้อย พลางเอ่ยเยาะเย้ย “ข้าคิดดูแล้วก็คงจริง! พระชายาอ๋องอี้เป็นหมอชั้นเซียนในเมืองหลวงของพวกเจ้า หากนางคิดจะแสร้งทำเป็นได้รับบาดเจ็บ นางมีวิธีมากมายทีเดียว!”วันนั้นเซี่ยโฮ่วตานรั่วถูกซินจิ้งรีบพาตัวไป แต่ภาพที่หลิงอวี๋ขวางลูกธนูให้เซียวหลินเทียนตอนนั้น นางเห็นมันด้วยตาตัวเองการที่เซียวหลินเทียนมีท่าทีโกรธเพราะหลิงอวี๋เช่นนั้น มันทำให้นางหึงจนเป็นบ้าหลังจากที่นางกลับไปนางมิเสียใจที่ตนเองทำเช่นนั้นเลย นางแค่เกลียดตนที่เหตุใดถึงมิยิงธนูให้เร็วกว่านั้นแล้วฆ่าหลิงอวี๋ไปเสีย!เมื่อเป็นเช่นนี้ เซียวหลินเทียนก็จะเป็นของตนแล้ว!นางแค่ชอบบุรุษที่มีความก้าวร้าวเช่นเซียวหลินเทียน นางต้องการความรักที่แข็งแกร่งเช่นนี้!เซี่ยโฮ่วตานรั่วกวาดม
หลิงอวี๋มองฉินรั่วซือด้วยสายตาเหยียดหยาม ท่าทีเยาะเย้ยของนางชัดเจนมากจนทำให้ฉินรั่วซือมิกล้าปะทะสายตาของนางแล้วเลี่ยงไปโดยมิรู้ตัวหลิงอวี๋หมดคำจะพูด เมื่อกี้ก็พูดลื่นไหลดีมิใช่หรือ?แม้แต่สายตาของตนก็ทนรับมิได้ มีพลังต่อสู้เพียงเท่านี้ยังจะกล้าที่จะท้าทายตนอีก!นางมองไปทางเซียวทงแล้วยิ้มเย็นชา “องค์หญิงหก หม่อมฉันรู้ว่าองค์หญิงมีอคติกับหม่อมฉัน! แต่องค์หญิงจะเอ่ยวาจาไร้สาระมิได้กระมังเพคะ!”“มาบอกว่าหม่อมฉันแสร้งทำเป็นได้รับบาดเจ็บหรือ? องค์หญิงกำลังจะบอกว่าเสด็จพ่อโง่เขลาเบาปัญญาหรือ?”“วันนั้นหม่อมฉันได้รับบาดเจ็บ เสด็จพ่อพาถังถีเตี่ยนมาตรวจด้วยตัวพระองค์เอง! หม่อมฉันจะแสร้งทำหรือไม่ เสด็จพ่อกับถังถีเตี่ยนย่อมรู้ดียิ่งกว่าองค์หญิงมิใช่หรือ?”“หรือองค์หญิงคิดว่า หม่อมฉันสามารถติดสินบนเสด็จพ่อกับถังถีเตี่ยนให้พวกเขาแสดงละครตามหม่อมฉันได้กระนั้นหรือ?”เซียวทงถูกหลิงอวี๋ขัดเอาไว้จนพูดมิออก หากนางยืนกรานว่าหลิงอวี๋แสร้งทำ นั่นก็เป็นการยอมรับว่าเสด็จพ่อโง่เขลาเบาปัญญามิใช่หรือ?เซี่ยโฮ่วตานรั่วเห็นว่าเซียวทงพูดมิออก จึงช่วย “แม้ว่าการบาดเจ็บของเจ้าจะเป็นเรื่องจริง แต่ก็มิน่าจะร้าย
หลิงอวี๋กระตุกริมฝีปากอย่างยากจะสังเกตเห็น ฉินรั่วซือผู้นี้ ก่อนหน้านี้ตอนที่คลุกคลีอยู่กับเซียวทงกับเสิ่นจวนก็เรียนรู้เรื่องการพูดจาเจ็บแสบมาจากเสิ่นจวนหลังจากที่เสิ่นจวนถูกตระกูลเสิ่นส่งตัวไป ฉินรั่วซือก็กลายเป็นผู้ติดตามส่วนตัวของเซียวทง นางซึมซับบทเรียนของเสิ่นจวนมาบ้าง ทุกครั้งที่นางเห็นว่าสถานการณ์ท่าจะมิดี นางก็จะหลบไปอยู่ห่าง ๆทว่าตั้งแต่ที่ฮองเฮาเว่ยบอกว่าจะประทานนางให้แต่งงานไปเป็นชายารองของเซียวหลินเทียน สตรีผู้นี้จึงกระตือรือร้นขึ้นมาอีกครั้งครั้งที่แล้วที่เตะลูกกลมฉินรั่วซือก็เล่นไปตามสถานการณ์ ครั้นได้ยินว่าตนได้รับบาดเจ็บก็รีบวิ่งไปแสดงตัวตนที่ตำหนักอ๋องอี้ทันที!ตอนนี้ได้เปลี่ยนแผนการแล้ว จึงใช้ภาพลักษณ์ใสซื่อน่าสงสารเช่นนี้ลงสนามนี่คือเส้นทางแห่งการเสแสร้งใช่หรือไม่?นางคิดว่าท่าทางอ่อนโยนและอ่อนแอจะสามารถกดตนลงไปได้หรือ?หากเซียวหลินเทียนชอบประเภทนี้ บอกได้แค่ว่าเซียวหลินเทียนตาบอดแล้วเมื่อเห็นว่าฉินรั่วซือถูกตนเปิดโปงก็ยังพยายามดึงเซียวหลินเทียนไว้ อยากจะทำให้เซียวหลินเทียนสงสัยในตัวของตนเอง หลิงอวี๋จึงโกรธยังมิทันที่นางจะได้พูดอะไร ฟางเหยาเหยาเห็นฉินร
ฉินรั่วซือเองก็ตกตะลึงไปเช่นกัน นางมองไปที่หลิงอวี๋อย่างมิอยากจะเชื่อ ลืมร้องไห้ไปเลยอิงเหนียงให้ตนเองบอกว่าโสมโลหิตอยู่ในมือขององค์ชายเย่ นางมิรู้รายละเอียดอื่น ๆ เลยจริง ๆ!หรือว่าอิงเหนียงจะทำร้ายตน?“ฉินรั่วซือ เจ้าบอกมาว่าใครบอกเจ้า?”หลิงอวี๋เอ่ยถามอย่างชอบธรรม “พวกผู้ค้าเครื่องยาสมุนไพรในเมืองหลวงล้วนมิรู้ว่าคนที่ซื้อโสมโลหิตคือใคร!”“เจ้าเป็นคุณหนูบ้านรวยที่มิเคยก้าวออกจากบ้าน แล้วมีความสามารถเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน?”คำพูดของหลิงอวี๋ทำให้ฟางเหยาเหยาและทุกคนมองไปทางฉินรั่วซือด้วยสายตาที่แปลกประหลาดใช่ เหตุใดพวกนางมิเคยได้ยินเรื่องของโสมโลหิตเลย?ฉินรั่วซือรู้ได้อย่างไร?ฉินรั่วซือถูกทุกคนมองก็เหงื่อตก แต่นางคิดมิออกเลยว่าจะช่วยให้ตนเองหลุดไปได้เยี่ยงไร“ฉินรั่วซือ เจ้าให้ท่านอ๋องของข้าไปขอโสมโลหิตองค์ชายเย่ มีเจตนาใดกัน?”“อีกอย่าง เห็น ๆ กันอยู่ว่า องค์ชายเย่กับท่านอ๋องของข้ามิได้ทะเลาะกัน แต่ในวันรุ่งขึ้นข้างนอกก็มีข่าวลือว่าองค์ชายเย่เนรคุณ เห็นคนใกล้ตายแล้วมิช่วย นอกจากเจ้าที่รู้เรื่องที่ท่านอ๋องอี้ไปขอโสมโลหิตแล้ว ก็ไม่มีใครรู้เรื่องเลย!”“ข่าวลือใส่ร้ายองค์
เซียวหลินมู่ยินดียอมรับคำเชิญของตนแล้วมาที่ภัตตาคารเพื่อลบล้างข่าวลือให้ตน นี่หมายความว่าเซียวหลินมู่ก็ใส่ใจสายใยครอบครัวนี้เช่นกัน!“น้องห้า! เจ้ามาแล้ว!”เซียวหลินเทียนมองเซียวหลินมู่ด้วยสายตาที่ซับซ้อน เซียวหลินมู่ยิ้มให้เขาแล้วก้าวเข้ามาพลางเอ่ย“ข้าได้ยินมาว่า มีคนแพร่ข่าวลือไปว่าเราสองคนทะเลาะกัน จึงมาดูว่าใครที่น่ารังเกียจเช่นนั้น กล้าจงใจใส่ร้ายพวกเรา!”“นี่เกรงว่าเราจะมิทะเลาะกันก็เลยจงใจสร้างความขัดแย้งรึ? ช่างร้ายกาจเสียจริง!”เซียวหลินมู่เหยียดแขนออกไปกอดไหล่ของเซียวหลินเทียน เหมือนพี่น้องทั้งสองดีกันอยู่เซียวหลินเทียนตะลึงกับการกระทำของเขา เขามิคุ้นเคยกับความใกล้ชิดเช่นนี้มากนักแต่เขาก็มิได้รู้สึกรังเกียจเช่นกัน เขากลับรู้สึกถึงความรู้สึกแปลก ๆ ที่กำลังแล่นไปทั่วร่างกายของเขาเขายืนอย่างมั่นคง รับน้ำหนักของเซียวหลินมู่ไว้มีคนจำนวนมากมาเฝ้าดูความครึกครื้น คนเหล่านั้นเห็นว่าเซียวหลินเทียนกับเซียวหลินมู่ดูใกล้ชิดกันมากข่าวลือเหล่านั้นที่ว่าทั้งสองทะเลาะกัน ทั้งยังข่าวลือที่ว่าเซียวหลินเทียนใส่ร้ายเซียวหลินมู่นั้นก็แพ้ภัยตัวเองไปผู้คนมากหลายในเมืองหลวงรู้จักนิสั
“โชคดีที่ข้ากับพี่ชายมีความสัมพันธ์ที่ดี เชื่อข้า มิเช่นนั้นข้าก็จะกลายเป็นคนเนรคุณและลืมบุญคุณดังที่ปากของพวกเจ้าว่า!”“บอกมาสิ ข้าทำสิ่งใดให้เจ้าขุ่นเคืองเจ้าถึงใส่ร้ายข้าเช่นนี้?”เซียวหลินมู่ซักถามฉินรั่วซือ“หากวันนี้เจ้ามิบอกสาเหตุ ข้าจะไปที่หน้าศาลาว่าการเพื่อฟ้องร้องว่าเจ้ามีเจตนาแอบแฝง สร้างความขัดแย้ง และพยายามให้คนในครอบครัวต่อสู้กัน!”เมื่อเห็นความก้าวร้าวของเซียวหลินมู่ ฉินรั่วซือก็ตกใจจนเงียบไป ขณะที่มิรู้ว่าต้องทำอะไร นางก็ได้ยินเซี่ยโฮ่วตานรั่วหัวเราะเยาะเย้ยพลางเอ่ย“พระชายาอ๋องอี้ นางเป็นคุณหนูใหญ่บ้านรวยที่งดงามหยาดเยิ้ม นางก็บอกไปแล้วว่านางบอกท่านอ๋องอี้ถึงสิ่งที่นางได้ยินเพราะนางเป็นห่วงเจ้า!”“แม้ว่านางจะพูดผิดไป แต่จุดเริ่มต้นของนางดี พวกเจ้าจะทำลายนางเช่นนี้หรือ?”“ข้าได้ยินมาว่า พี่ชายของนางเป็นเจ้ากรมของอ๋องอี้ ก็ควรต้องไว้หน้ากันบ้าง ให้อภัยได้ก็ให้อภัยไปเถิด!”“จริงสิ ข้าได้ยินมาว่า วันนี้หมอจางอะไรนั่นจะถูกพามาคำนับขอโทษพระชายาอ๋องอี้… พระชายาอ๋องอี้ เจ้าคงมิได้ชอบให้คนอื่นคำนับขอโทษเข้าหรอกใช่หรือไม่?”“การที่เจ้าจับกุมใครมาก็จะให้คนนั้นคำนับขอโทษ
“เพื่อประโยชน์ของข้าอะไรกัน? ท่านไม่มีหลักฐานก็มาพูดจาไร้สาระใส่ร้ายน้องสาวข้า! รู้หรือไม่ว่าหากเรื่องนี้แพร่ออกไปมันจะทำลายชีวิตน้องสาวข้า?”คุณชายหวางจ้องหลิงอวี๋ด้วยความโกรธ “ขอโทษ ท่านต้องขอโทษ!”ครั้งนี้เซียวหลินเทียนมิทนแล้ว เขาเข้าใจเจตนาที่หลิงอวี๋พูดเช่นนี้ จึงตะโกนใส่คุณชายหวางด้วยความโกรธ“พระชายาของข้าบอกว่านางได้ยินผิดไป เจ้าก็เมตตาต่อนางหน่อยเถิด!”“เหตุใดกัน ฉินรั่วซือก็กล่าวหาว่าองค์ชายเย่มีโสมโลหิตโดยไม่มีหลักฐานใด ๆ ทำให้พวกข้าสองคนพี่น้องมีช่องว่างระหว่างกัน นางบอกว่าฟังผิดไปประโยคเดียว พวกเจ้าสามารถยกโทษให้นางได้มิใช่หรือ!”“เมื่อเปลี่ยนเป็นพระชายาของข้าพูดเช่นนี้ พวกเจ้ากลับบอกว่านางโอหังอวดดี กลั่นแกล้งผู้ที่อ่อนแอ!”“คุณชายหวาง เรียนรู้ไว้เถอะ เจ้ายังมิเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดด้วยซ้ำ ก็มากล่าวหาคนอื่นแบบมั่ว ๆ เจ้าอ่านหนังสือของเจ้าในท้องสุนัขรึ?”คุณชายหวางก็หน้าแดงขึ้นมาทันที ยังมิทันที่เขาจะพูดอะไร หลิงอวี๋ก็ก้าวไปทำความเคารพเขาอย่างระมัดระวังเสียก่อน“ข้าขอโทษ คุณชายหวาง ข้ามิรู้จักเจ้าหรือน้องสาวของเจ้า เมื่อครู่ก็แค่เปรียบเทียบ! น้องสาวของเจ้ามิเคยทำอ