แชร์

บทที่ 1001

ผู้เขียน: กานเฟย
ช่วงนี้ในเมืองหลวงเงียบสงบ อย่างน้อยภายนอกก็เป็นเช่นนี้

เหล่าองค์ชายล้วนทุ่มเทแรงกายแรงใจเตรียมการแข่งขันทางทหาร และแยกกันไปหาสถานที่ฝึกกลุ่มของตน

นี่คือการแข่งขันที่เกี่ยวข้องกับการแย่งชิงตำแหน่งองค์รัชทายาทที่มองมิเห็น ใคร ๆ ก็อยากจะเปล่งประกายทั้งนั้น

ทางด้านเซียวหลินเทียน นอกเหนือจากการฝึกฝนของตนแล้ว ก็ยังให้ความสนใจกับการเคลื่อนไหวของบรรดาคู่ต่อสู้อีกด้วย

เขามิได้คาดคิดที่จะส่งใครไปแอบดูวิธีการฝึกฝนของคู่ต่อสู้ แต่เขามิดูก็มิได้หมายความว่าคู่ต่อสู้จะมิอยากรู้เกี่ยวกับเขา

จ้าวซวนจับสายลับสองกลุ่มที่องค์ชายคังกับองค์ชายเว่ยส่งมาได้ เซียวหลินเทียนเหยียดหยามพฤติกรรมเช่นนี้มาก

มีแผนการเช่นนี้ ก็เอาไปใช้พัฒนาความแข็งแกร่งของกลุ่มของตนก็ได้ เหตุใดต้องมาต่อสู้กันเองด้วยเล่า!

พวกเขาเป็นคนฉินตะวันตก เป้าหมายของพวกเขาคือการเอาชนะอีกสามแคว้นที่เหลือ การสอดแนมตนจะไปมีประโยชน์อะไรกัน!

เซียวหลินเทียนแค่ให้จ้าวซวนปล่อยตัวสายลับไป มิได้ทำให้พวกเขาต้องอับอาย

แต่องค์ชายเว่ยกับองค์ชายคังกลับมิได้รู้สึกขอบคุณ พวกเขาแค่รู้สึกว่าเซียวหลินเทียนกำลังตบหน้าพวกเขา

องค์ชายคังได้ยินว่า กลุ่มของเซียว
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1002

    ฮองเฮาเว่ยยิ้มเยาะ “เยี่ยนเอ๋อร์ เจ้าคิดดูสิ ยิ่งเจ้าขยะนั่นมีชื่อเสียงมากเท่าไร เขาก็จะยิ่งมีศัตรูมากขึ้นเท่านั้นมิใช่หรือ? องค์ชายคัง องค์ชายรุ่ยและองค์ชายเย่จะสามารถเชื่อใจได้หรือ?”“ผู้นำคนหนึ่งสามารถผลักดันเขาไปต่อสู้ด่านหน้าได้ ดีกว่าที่เจ้าจะจัดการกับเขาเพียงลำพังใช่หรือไม่เล่า!”“ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้เขามีคนที่มีความสามารถมากมาย แทนที่จะใช้เวลาเพื่อป้องกันมิให้เขาชนะ สู้ช่วยกระพือให้ปัญหามันใหญ่ขึ้นจะดีกว่า ส่งเขาไปยังตำแหน่งสูง ๆ แล้วค่อยตัดไฟตั้งแต่ต้นลม!”องค์ชายเว่ยเริ่มสนใจคำพูดของฮองเฮาเว่ย “ท่านแม่ ตัดไฟตั้งแต่ต้นลมอย่างไรหรือ?”“เยี่ยนเอ๋อร์ พวกเจ้าทุกคนกำลังลงเข้าชิงตำแหน่งองค์รัชทายาท ยิ่งความสามารถของเจ้าสูงเท่าไร เสด็จพ่อของเจ้าก็ยิ่งต้องระวังมากขึ้นเท่านั้นมิใช่หรือ?”“ในเวลานี้ หากมีหลักฐานแน่ชัดว่า เจ้าขยะนั่นต้องการแย่งชิงบัลลังก์ เสด็จพ่อของเจ้าจะยังทนขยะผู้นั้นได้หรือ?”องค์ชายเว่ยฟังแล้วก็ตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แต่แล้วก็ตั้งสติ หรี่ตาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วหัวเราะพลางเอ่ย“เสด็จแม่ ลูกเข้าใจแล้ว แผนของท่านแยบยลยิ่งนัก!”“ฮ่าฮ่า ข้ารู้แล้วว่าต้องทำเยี่ยง

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1003

    หลิงอวี๋หมดคำพูด เด็กผู้นี้เสพติดการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงไปแล้วหรือ?ตั้งแต่เดินทางไปไร่นาของเซียวหลินเทียนครั้งที่แล้วและได้กระต่ายตัวน้อยกลับมาสองตัว​ เด็กผู้นี้ก็เอาแมวมาเลี้ยงอีกหนึ่งตัว​ ที่เกินไปกว่านั้นคือเมื่อสองวันก่อนเอางูตัวสีขาวทั้งตัวมาเลี้ยงอีกหลิงอวี๋กลัวงูที่สุด เมื่อนางเดินเข้าไปเห็นงูตัวหนึ่งพันรอบแขนของหลิงเยวี่ยก็กรีดร้องอย่างตกใจขึ้นมาทันทีหลิงเยวี่ยระเบิดเสียงหัวเราะออกมา ทั้งยังอุ้มงูขาวไว้ในอ้อมแขนอย่างกับสมบัติล้ำค่า พลางเอ่ยอย่างกระตือรือร้น “ท่านแม่ เสี่ยวไป๋เชื่องมาก มันมิกัดคนนะขอรับ ท่านแม่ลองลูบมันดู...”“เอาออกไป​ ๆ…”หลิงอวี๋วิ่งหนีไปในเรือนด้วยความตื่นตระหนก​ พลางตะโกนด้วยความโกรธ “ใครให้เจ้าตัวนี้กับเยวี่ยเยวี่ย? ออกมาเลยนะ ข้าสัญญาว่าจะมิทุบตีเจ้าจนตาย!”เซียวหลินเทียนเข้ามาคุยกับหลิงอวี๋พอดี เมื่อเห็นท่าทางโกรธเกรี้ยวของหลิงอวี๋ ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างด้วยความตกใจเขามิเคยเห็นหลิงอวี๋ดูโกรธและกลัวถึงเพียงนี้มาก่อน เขาทั้งประหลาดใจทั้งรู้สึกตลก นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน?ในความทรงจำของเซียวหลินเทียน หลิงอวี๋เป็นคนมิเกรงกลัวฟ้าดิน​ เมื่อเผชิญหน้ากับอ

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1004

    “ท่านแม่ ท่านแม่อย่าไป เยวี่ยเยวี่ยมิเลี้ยงแล้ว!”หลิงเยวี่ยพุ่งเข้าไปกอดหลิงอวี๋ แต่หลิงอวี๋หลบเขากับตะโกนอย่างมิชอบ “อย่าเอามือที่สัมผัสกับงูมากอดข้า ไปล้างมือให้สะอาดก่อนค่อยมา!”หลิงเยวี่ยจึงทำได้เพียงต้องไปล้างมือ ตอนเดินผ่านเซียวหลินเทียนก็มองงูขาวอย่างอาลัยอาวรณ์เซียวหลินเทียนอุ้มงูขาว ทั้งยังถูกหลิงอวี๋จ้องอยู่ด้วย​ เขารู้สึกผิดพลางเอ่ย “ข้า… ข้าคิดว่าเจ้าจะชอบมัน!”“ท่านต่างหากที่ชอบ...”ทั้งครอบครัวของท่านชอบมัน!หลิงอวี๋อดทนมิพูดคำด้านหลัง​ พลางเอ่ยอย่างมิพอใจ “ท่านรู้จักหม่อมฉันเท่าใด? ท่านรู้หรือว่าหม่อมฉันชอบอะไรมิชอบอะไร?”“เซียวหลินเทียน​ ต่อไปหากท่านจะให้สัตว์ชนิดใดกับเยวี่ยเยวี่ยจะต้องได้รับการอนุมัติจากหม่อมฉันก่อน! หากท่านกล้าให้อะไรมั่ว​ ๆ​ ทำให้หวาดกลัวอีก หม่อมฉันจะเอาของที่น่ากลัวไปใส่ให้เต็มเรือนของท่าน!”เซียวหลินเทียนเป็นคนผิดจึงทำได้เพียงยิ้มพลางเอ่ย “ได้​ ๆ ครั้งหน้าหากข้าจะให้อะไรข้าจะบอกเจ้าล่วงหน้า!”“ท่านรีบไปเถิด! วันนี้เรือนบุหงามิต้อนรับท่าน! เอาสิ่งที่เอามาให้ไปไกล ๆ อย่าให้หม่อมฉันเห็นมันในตำหนักอีก!”เซียวหลินเทียนผู้น่าสงสารมิทันได้พูด

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1005

    นอกจากนี้การแข่งขันทหารสี่แคว้นองค์ชายหนิงก็เป็นคนเอ่ยขึ้นมา นี่เห็นได้ชัดว่ากำลังรอให้เว่ยเหนือเข้าร่วมเซียวหลินเทียนพยักหน้าเล็กน้อย เขามองออกว่าองค์ชายหนิงมีความทะเยอทะยานค่อนข้างมากความขัดแย้งภายในฉีตะวันออกเกิดขึ้นเพียงชั่วคราวเท่านั้น องค์ชายหนิงเพียงต้องการใช้พลังของภายนอกมารวมฉีตะวันออกเข้าด้วยกัน แต่มิต้องการให้คนภายนอกยื่นมือเข้าไปในฉีตะวันออก ดังนั้นจึงยังคงรอและเฝ้ามองอยู่ทางด้านฉินตะวันตก แคว้นที่องค์จักรพรรดิยิ่งระมัดระวังคือเว่ยเหนือกับเยวี่ยใต้ ทางด้านฉีตะวันออกก็ต้องการส่วนแบ่งด้วย ดังนั้นจักรพรรดิอู่อันจึงมิค่อยเอาเรื่องการแต่งงานมาใส่ใจมากนักจักรพรรดิอู่อันกังวลอย่างมากเกี่ยวกับการแข่งขันทางทหารครั้งนี้ เขาเรียกองค์ชายทั้งหลายเป็นการส่วนตัวแล้วสั่งให้ทุกคนคว้าชัยชนะมาให้ได้มิว่าพวกเขาจะคิดหาวิธีอย่างไรก็ตาม“ความขัดแย้งภายในฉีตะวันออกเป็นเรื่องดีสำหรับเรา ยิ่งพวกเขาต่อสู้หนักขึ้นเท่าใด พลังของแคว้นก็ยิ่งสลายไปมากขึ้นเท่านั้น พวกเขาก็จะไม่มีความแข็งแกร่งในการต่อสู้กับฉินตะวันตกแล้ว!”“ดังนั้น ครั้งนี้พวกเจ้ามิเพียงแต่ต้องชนะการแข่งขัน แต่ยังต้องหาวิธีทำลายพั

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1006

    เพราะองค์หญิงหกเป็นหลานสาวแท้ ๆ ของไทเฮา ไทเฮารักนางมากมาโดยตลอด นางมิหวังให้หลานสาวเดินเส้นทางที่ผิดไปอีกแล้วหลังจากที่ไทเฮาตำหนิองค์หญิงหก ในที่สุดนางก็ยอมใจอ่อน อนุญาตให้นางเข้ามาเฝ้านางกังวลว่าองค์หญิงหกจะจำได้มินาน จึงตั้งใจใช้คำที่รุนแรง“เซียวทง ข้าขอเตือนเจ้า การแข่งขันทางทหารครั้งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง หากเจ้ากล้าทำอะไรที่ส่งผลกระทบต่อผลลัพธ์ ก็รอถูกตัดหัวได้เลย!”ไทเฮาเอ่ยอย่างเย็นชา “ข้ามิได้ขู่เจ้า! ตราบใดที่ฉินตะวันตกมิได้อยู่ในตำแหน่งที่จะมิแพ้ เสด็จพ่อของเจ้ายังคงมีองค์หญิงได้อีกมากมาย!”“แต่หากความเห็นแก่ตัวของเจ้าส่งผลเสียต่อผลประโยชน์ของฉินตะวันตก อย่าว่าแต่เสด็จพ่อจะมิปล่อยเจ้าไปง่าย ๆ เลย ข้าก็มิอยากมีหลานสาวเยี่ยงเจ้าอีก!”คำพูดเหล่านี้จริงจังมากพอ อย่างน้อยก็ทำให้เซียวทงยับยั้งความคิดเล็ก ๆ น้อย ๆ ในใจไปได้มากคราวนี้นางมาดูการแข่งขัน และจงใจพาเจียงอวี้กับเถาลี่มาด้วยตอนนี้สองคนนี้กลายเป็นนางรับใช้ส่วนตัวของเซียวทงแล้วแม้ว่าในนามแล้วพวกนางจะเป็นเพื่อนกัน แต่เซียวทงเกลียดพวกนางทั้งสองที่เข้าข้างหลิงอวี๋ในงานวันเกิดของเซี่ยโฮ่วตานรั่วและจงใจทำตามความปร

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1007

    “ไม่มีใครได้เข้าไปในวังมาหลายปีแล้ว คนเช่นพระชายาเส้า ฮองเฮาเว่ยและพระสนมฮุ่ยล้วนแต่เป็นดอกไม้ในวันวาน! ทว่าเจ้าแตกต่างออกไป เจ้ายังสาวอยู่! เจ้าสามารถใช้สิ่งนี้เพื่อเหยียบพวกนางทั้งหมดไว้ใต้ฝ่าเท้าของเจ้าได้!”“เมื่อถึงเวลาเจ้ากลายเป็นสนมคนโปรดขององค์จักรพรรดิแล้วองค์หญิงหกจะยังกล้าทำให้เจ้าอับอายหรือ? ข้าเกรงว่าหากเจ้าพูดหนึ่ง นางก็จะมิกล้าพูดสองแล้ว!”เพื่อช่วยให้ลูกสาวของนางตั้งหลักในวังได้อย่างรวดเร็ว ฮูหยินเถาจึงสอนทุกสิ่งที่นางได้เรียนรู้มาตลอดชีวิตเกี่ยวกับวิธีทำให้บุรุษมีความสุขและวิธีปรนนิบัติบุรุษ...เพียงข้ามคืน เถาลี่ก็กระโดดออกจากความคิดที่เรียบง่ายของสตรีวัยเยาว์ไปสู่ความคิดของสตรีที่เป็นผู้ใหญ่ พลังงานทั้งหมดในร่างกายของนางก็กลายเป็นความทะเยอทะยานอันแรงกล้าแล้ว...เมื่อเผชิญกับความอับอายขององค์หญิงหก ภายนอกเถาลี่ก็ดูเหมือนจะยอมจำนน นางรู้ว่าตอนนี้ตนต้องทนทุกข์ทรมานก่อนที่นางจะกลายเป็นสตรีขององค์จักรพรรดิ!กระทั่งวันหนึ่งที่นางจะได้ผงาดขึ้นเป็นนางพญา นางจะทำให้องค์หญิงหกต้องชดใช้สำหรับการทำให้นางอับอายในวันนี้!เจียงอวี้กับเถาลี่คุกเข่าอยู่ทั้งคืน กระทั่งรุ่งสางขาข

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1008

    เจียงอวี้มิรับรู้ความคิดของเถาลี่เลย นางยังรู้สึกผิดเล็กน้อยที่ต้องให้เถาลี่ได้กลิ่นเเหม็นเช่นนี้ไปกับตนเองด้วยจากแนวคิดนี้ เจียงอวี้จึงเริ่มที่จะทำงานบ้านส่วนใหญ่ รีบยกน้ำมาทำความสะอาดห้องกับเตียงนางยังใส่ใจย้ายเตียงของเถาลี่ไปไว้ใกล้หน้าต่างอย่างรอบคอบเพื่อที่นางจะได้กลิ่นน้อยลงด้วย...วันรุ่งขึ้น การแข่งขันทางทหารเริ่มขึ้นแล้วผู้เข้าร่วมจากสี่แคว้นมารวมตัวกันที่จัตุรัสคฤหาสน์ตระกูลกวนปัจจุบันคฤหาสน์ตระกูลกวนเปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชม บรรดาผู้มั่งคั่งในเมืองหลวงก็เดินทางด้วยรถม้ามาชมกันแต่เช้าในด้านหนึ่งพวกเขาอยากรู้ว่าการแข่งขันทางทหารเป็นเยี่ยงไร ในอีกทางหนึ่ง พวกเขาก็มาเพื่อให้กำลังใจกองทัพของฉินตะวันตกและส่งเสียงให้กำลังใจจัตุรัสที่สามารถรองรับคนได้หลายพันคนทำให้ผู้มั่งคั่งบางคนประหลาดใจกับความมั่งคั่งของตระกูลกวนแต่ตอนนี้จัตุรัสยังคงอยู่ แต่คฤหาสน์ตระกูลกวนบ้านแตกสาแหรกขาดไปแล้วทำให้คนที่รู้เรื่องวงในบางส่วนเศร้ามาก!เซียวหลินเทียน องค์ชายคัง องค์ชายเว่ย องค์ชายเย่ต่างพากลุ่มของตนมาเตรียมพร้อมสำหรับการเข้าร่วมแข่งขัน เดิมทีองค์ชายรุ่ยก็สมัครเข้าร่วมด้วย แต่สุดท้า

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1009

    จ้าวฮุยพ่อของจ้าวเจินเจินก็เห็นท่าทางของกลุ่มของเซียวหลินเทียน ในฐานะอัครเสนาบดี เขาชอบที่ฉินตะวันตกมีกลุ่มที่ทรงพลังเช่นนี้!แต่ในฐานะพ่อตาขององค์ชายคัง จ้าวฮุยยิ่งระมัดระวังเซียวหลินเทียนมากขึ้นไปอีกจากสี่กลุ่มจากฉินตะวันตกนั้น เซียวหลินเทียนกดอีกสามกลุ่มลงได้ทันทีที่พวกเขาออกมาตอนนี้จักรพรรดิอู่อันสนใจแต่กลุ่มของเซียวหลินเทียนเท่านั้น!แม้ว่าจ้าวฮุยจะระมัดระวัง แต่ก็ยังคงมีรอยยิ้มบนใบหน้า เขาพยักหน้าเล็กน้อยพลางเอ่ยชื่นชม“มิเลว ๆ ท่านอ๋องอี้ทำให้ฝ่าบาทมีหน้ามีตา! กระหม่อมเดิมพันได้เลยว่า พลังที่กลุ่มของท่านอ๋องอี้ปรากฏตัวในสนามนั้น สามแคว้นอื่น ๆ มิสามารถเทียบเทียมได้!”คำชื่นชมของจ้าวฮุยได้รับการเห็นด้วยจากขุนนางหลายคน“ใช่ ยังมิทันที่การแข่งขันจะเริ่มต้น พวกเราฉินตะวันตกก็ชนะกระบวนท่าแรกแล้ว!”จักรพรรดิอู่อันยิ้มจนตาหยี เซียวหลินเทียนทำให้ตนมีหน้ามีตาจริง ๆ!มีกลุ่มของท่านอ๋องอี้ที่ปรากฏตัวด้วยรูปลักษณ์ที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ การปรากฏตัวของกลุ่มที่เหลือจากสามแคว้นจึงมิเป็นที่พอใจแล้วจะมองทางไหนก็ยังมิเท่ากลุ่มท่านอ๋องอี้การแข่งขันมีทั้งหมดสี่รายการ รายการแรกคือการแข่งข

บทล่าสุด

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1902

    ต่งเฉิงมองหลิงอวี๋พลางพยักหน้ารัว ๆ แล้วพูดด้วยรอยยิ้มพร้อมกับลูบเคราของตัวเองว่า “สาวน้อยนางนี้รู้จักเครื่องยาสมุนไพรมากมายเช่นนี้นับว่าหายาก!”เครื่องยาสมุนไพรเหล่านี้มิใช่สมุนไพรธรรมดาทั้งหมด นอกจากเครื่องยาสมุนไพรที่ใช้ในการกลั่นโอสถระดับต้นแล้ว ยังมีระดับกลางและระดับสูงจำนวนเล็กน้อยอีกด้วยโดยทั่วไป ผู้เข้าสอบที่ตอบได้เจ็ดสิบถึงแปดสิบชนิดก็ถือว่ายอดเยี่ยมมากแล้ว ทว่าหลิงอวี๋สามารถตอบได้มากกว่าหนึ่งร้อยชนิด ถือว่าเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์สูงเลยทีเดียวเพิ่งเข้ามาก็ทำคะแนนได้ดีถึงเพียงนี้ หากนางได้เรียนอย่างเป็นระบบก็คงแซงหน้าบัณฑิตคนอื่นได้ในมิช้า“ตึง ตึง ตึง!”เมื่อเสียงกลองดังขึ้นสามครั้ง การสอบแข่งขันของกลุ่มนี้ก็สิ้นสุดลง“หนึ่งร้อยยี่สิบเจ็ดคะแนน!”กลองหยุดลงแล้ว และบนใบหน้าของศิษย์พี่หญิงก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้นเป็นครั้งแรก นางหยิบป้ายส่งให้หลิงอวี๋พร้อมรอยยิ้ม“การสอบแข่งขันรอบต่อไปจะจัดขึ้นในช่วงบ่าย! ความสามารถในการจำแนกเครื่องยาสมุนไพรของเจ้าดีที่สุดในรอบนี้ ทำให้ดีล่ะ!”“ขอบคุณศิษย์พี่หญิง!”หลิงอวี๋รับป้ายมาด้วยความตื่นเต้น พลางหันไปดูผู้เข้าสอบคนอื่น ๆ ที่กำลังมองนางด้

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1901

    เป็นไปตามคาด หลิงอวี๋เห็นใบหน้าที่งดงามทว่าโหดร้ายนั้น และนั่นก็คือศัตรูที่นางมิอาจลืมเลือน...จ้าวหรุ่ยหรุ่ย!ชั่วขณะนั้นดวงตาของหลิงอวี๋เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว พลางนึกอยากจะรุดเข้าไปฉีกจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเป็นชิ้น ๆ เพียงหลับตา นางก็มิอาจควบคุมตนมิให้นึกถึงฉากที่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยเตะต่อยตนความเจ็บปวดและเลือดสด ๆ อีกทั้งความทุกข์ทรมานจากการสูญเสียลูกไปทำให้หลิงอวี๋มิอาจลืมความเกลียดชังที่ตนมีต่อจ้าวหรุ่ยหรุ่ยได้เลย!คาดมิถึงว่าศัตรูจะปรากฏตัวต่อหน้าตนเช่นนี้!หลิงอวี๋ตื่นตัวมากจนร่างกายสั่นเทา แต่นางก็ยังสามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ได้นางมิใช่คู่ต่อสู้ของจ้าวหรุ่ยหรุ่ย การวู่วามลงมือมีแต่จะเป็นการรนหาที่ตายเท่านั้นหลิงอวี๋สูดหายใจเข้าลึกพลางมองเด็กสาวที่ประกาศสงครามกับจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเด็กสาวคนนี้ดูอายุราว ๆ สิบหกสิบเจ็ดปี มีรูปร่างสูง ใบหน้ารูปไข่ คิ้วโค้งเหมือนพระจันทร์เสี้ยว และดวงตาแวววาวสดใสผมสีดำสนิทของนางถูกแสกกลางและถักเป็นเปียยาวสองข้างพันไว้รอบมวยผม ข้าง ๆ มวยผมนั้นมีปิ่นมุกปักประดับอยู่สองอันเด็กสาวสวมชุดกระโปรงสีม่วงควันธูป และเมื่อดูจากเนื้อผ้าแล้ว นางน่าจะเป็นค

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1900

    ข่าวที่สือหรงนำมาให้เซียวหลินเทียนมิใช่ข่าวดี จ้าวหรุ่ยหรุ่ยยังคงอยู่ในตำหนักเทียนจีและมิได้มาลงทะเบียนด้วยตนเองหากอยากพบกับจ้าวหรุ่ยหรุ่ย ก็ทำได้แค่ต้องรอจนถึงวันคัดเลือกรอบแรกเท่านั้นแต่เซียวหลินเทียนก็มิย่อท้อ ถึงอย่างไรขอเพียงจ้าวหรุ่ยหรุ่ยปรากฏตัว เขาก็จะไม่มีทางปล่อยนางหนีไปอีกแน่ ให้นางเป็นอิสระอีกสักสองสามวันก็คงมิเป็นไร!ในช่วงวันเวลาที่เหลือ หลายคนเก็บตัวอยู่แต่ในบ้านเช่นเดียวกับหลิงอวี๋ พวกเขาอ่านตำราอย่างหนักและเพิ่มพูนความรู้ที่ขาดไป เพื่อที่จะผ่านการคัดเลือกและได้เข้าเรียนที่สำนักศึกษาชิงหลงทว่าหลิงอวี๋มิรู้เลยว่าศัตรูของตนมาถึงเมืองหลวงแดนเทพแล้ว หลังจากเอาแต่ปิดห้องอ่านตำราเป็นเวลาหลายวันนางก็มาที่สำนักศึกษาชิงหลงที่อยู่นอกเมืองในวันแห่งการคัดเลือก โดยมีผู้รอบรู้เรื่องร่วมเดินทางด้วยหน้าทางเข้าสำนักศึกษาชิงหลงเต็มไปด้วยผู้คนทั้งบุรุษและสตรี ทั้งเด็กและผู้ใหญ่รวมกันนับพันคนผู้รอบรู้เห็นเช่นนั้นก็ทึ่งจนพูดมิออก และอ้ำอึ้งพูดออกไปว่า “รู้เช่นนี้ข้าน่าจะมาลงทะเบียนเข้าเรียนที่สำนักศึกษาชิงหลงกับเจ้าด้วย เฮ้อ ตอนนี้มันสายไปเสียแล้ว!”หลิงอวี๋ยิ้ม นางรู้ว่าผู้รอบร

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1899

    “เถาจื่อ หานอวี้ วันพรุ่งพวกเจ้าไปลงทะเบียนเสีย!”เซียวหลินเทียนทำการตัดสินใจและกำชับว่า “ลงทะเบียนในชื่อของน้องสาวข้า!”“เผยอวี้ ฉินซาน พวกเจ้าสองคนก็ไปลงทะเบียนสาขาที่ตนเองชื่นชอบด้วย พวกเจ้าทั้งคู่บอกแค่ว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องของข้าก็พอ!”เมื่อได้ยินเช่นนั้น พวกเขาทุกคนก็หัวเราะอย่างมีความสุข พลางพยักหน้าและจัดลำดับอาวุโสกันให้เซียวหลินเทียนเป็นพี่ใหญ่ของทุกคน เถาจื่อเป็นพี่หญิงใหญ่ หานเหมยเป็นพี่น้องคนที่สาม และหานอวี้เป็นคนที่สี่เซียวหลินเทียนได้บอกจุดประสงค์ของภารกิจให้พวกเขาทราบแล้ว เถาจื่อกับหานอวี้ต้องให้ความสำคัญกับฝั่งของสตรีวันรุ่งขึ้น เถาจื่อและหานอวี้ไปลงทะเบียน และทั้งคู่ก็เลือกวิชาปรุงโอสถเนื่องจากก่อนหน้านี้พวกนางเคยตามหลิงอวี๋ไปจำแนกเครื่องยาสมุนไพรหลายชนิด ในความคิดของพวกนาง การกลั่นโอสถเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการผ่านการประเมินมีชั้นเรียนที่สอนการกลั่นโอสถเพียงสองแห่งเท่านั้น ดังนั้นเถาจื่อและหานอวี้จึงต้องลงทะเบียนเรียนคนละชั้นเรียนและเถาจื่อก็ได้ลงทะเบียนเรียนชั้นเรียนของหอโอสถซ่างกู่เซียวหลินเทียน เผยอวี้และคนอื่น ๆ ก็ไปลงทะเบียนด้วยเซียวหลินเทียนลงทะ

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1898

    เผยอวี้เหลียวซ้ายแลขวาไปรอบ ๆ เมืองหลวงแดนเทพที่เจริญรุ่งเรืองราวกับคนบ้านนอก ทำเอาเขาอดมิได้ที่จะถอนหายใจ“มิแปลกใจที่ทุกคนล้วนพูดว่าเมืองหลวงแดนเทพเจริญรุ่งเรือง เพราะที่นี่เจริญจริง ๆ ดังคำกล่าว นายท่านอู่ เมืองหลวงแดนเทพแห่งนี้ใหญ่กว่าเมืองหลวงในฉินตะวันตกของพวกเราหลายเท่านัก!”เซียวหลินเทียนวางแผนใช้คำในชื่อจักรพรรดิเซิ่งอู่ของตนเป็นแซ่ ดังนั้น เผยอวี้และคนอื่น ๆ จึงได้เปลี่ยนมาเรียกเซียวหลินเทียนว่านายท่านอู่หานอวี้กับเถาจื่อและคนอื่น ๆ ที่ได้รีบมารวมตัวกับกลุ่มของเซียวหลินเทียนต่างพยักหน้าเห็นด้วยอย่างเงียบ ๆทว่าเซียวหลินเทียนกลับรู้สึกเบื่อหน่ายขึ้นมา เมืองหลวงแดนเทพเจริญรุ่งเรืองแล้วอย่างไร?หากไม่มีหลิงอวี๋อยู่เคียงข้าง มิว่าทิวทัศน์จะสวยงามเพียงใดมันก็ไร้ประโยชน์ยิ่งเมืองหลวงแดนเทพเจริญรุ่งเรืองและมีขนาดใหญ่มากเท่าไร การตามหาหลิงอวี๋ก็จะยิ่งยากมากเท่านั้นท่ามกลางฝูงชนมหาศาลนี้เขาจะหาตัวหลิงอวี๋ของเขาพบได้อย่างไร?ฉินซาน หานเหมยและสือหรงล่วงหน้ากันไปก่อน ในช่วงที่ยังสร้างตำหนักปีกเงินแห่งใหม่มิเสร็จนี้ ทั้งสามคนได้ซื้อที่ดินใหญ่ที่มีหกส่วนเพื่อให้ทุกคนใช้เป็นที่อย

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1897

    หลิงอวี๋เห็นด้วยกับผู้รอบรู้ เพื่อป้องกันมิให้คนอื่นสงสัยว่านางกับผู้รอบรู้มิใช่พี่น้องกันแท้ ๆ นางจึงเปลี่ยนแซ่ของตนเป็นแซ่เดียวผู้รอบรู้และใช้นามว่า สิงอวี๋วันรุ่งขึ้น หลิงอวี๋ไปที่ห้องโถงหลักของหอโอสถซ่างกู่เพื่อลงทะเบียน ที่ทางเข้าหอโอสถซ่างกู่นั้นมีทั้งบุรุษและสตรีต่อแถวยาวเป็นหางว่าวหลิงอวี๋รู้สึกเวียนหัวขึ้นมาเมื่อเห็นแถวยาวถึงเพียงนี้ ต้องต่อแถวไปถึงเมื่อไรกว่าตนจะได้ลงทะเบียนเล่านี่!แต่เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ เพื่ออนาคตของตนในวันข้างหน้า นางก็ทำได้เพียงต่อแถวต่อไปอย่างว่าง่ายเท่านั้นคุณหนูและนายน้อยบางส่วนมิได้มาด้วยตนเอง แต่ส่งสาวใช้และคนรับใช้ไปต่อแถวให้เด็กสาวท่าทางเหมือนคุณหนูที่อยู่ข้างหลังหลิงอวี๋เห็นเช่นนั้นก็ยิ้มเยาะขึ้นมา“แม้แต่มาต่อแถวก็ยังไม่มีความจริงใจ แต่กลับอยากเป็นศิษย์ของอาจารย์เย่น่ะหรือ คนเช่นนี้สมควรถูกปัดตกไปเสีย!”สาวใช้ด้านหน้าหลิงอวี๋ที่มาต่อแถวแทนเจ้านายได้ยินเช่นนั้นก็พูดอย่างดูถูกว่า “ไม่มีใครตั้งกฎว่าห้ามสาวใช้มาต่อแถวให้นี่! ตระกูลเหลยของท่านขัดสนมากจนไม่มีเงินจ้างสาวใช้หรืออย่างไร?”เหลยเหวินโกรธจัดและตะโ

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1896

    หลิงอวี๋มิได้ถือโทษผู้รอบรู้และกล่าวว่า “พี่ใหญ่มิต้องกังวลไป กินข้าวกันก่อนเถิด ท่านซื้อตำรับกลั่นโอสถมิได้ก็ช่างมัน ข้ามีที่เรียนแล้ว!”ในขณะที่กำลังกินข้าวหลิงอวี๋ก็เล่าให้ผู้รอบรู้ฟังว่าสำนักศึกษาชิงหลงกำลังรับสมัครบัณฑิตวิชาปรุงโอสถ“วันพรุ่งข้าจะไปลงทะเบียน หากข้าได้ที่หนึ่ง ข้าก็จะได้เรียนวิชาปรุงโอสถโดยมิต้องเสียเงินแม้แต่แดงเดียว!”แต่แม้จะมิได้ที่หนึ่งหลิงอวี๋ก็คิดว่าตนสามารถหาเงินห้าหมื่นอีแปะจากการขายตำรับยาเพียงมิกี่เล่ม นางจึงมิได้เก็บมาใส่ใจ“พี่ใหญ่ ตอนที่ลงทะเบียนมีปรมาจารย์ให้เลือกเรียนด้วยสองคน ข้ามิรู้ว่าควรจะเลือกปรมาจารย์คนไหน วันพรุ่งท่านช่วยไปสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับนิสัยของแต่ละคนให้ข้าหน่อยนะ!”เมื่อผู้รอบรู้ได้ยินว่า นักปรุงโอสถแห่งหอโอสถไป๋เป่าและซ่างกู่จะรับหน้าที่เป็นครู เขาก็พูดโดยมิลังเลว่า “มิจำเป็นต้องไปสอบถามหรอก เลือกครูของหอโอสถซ่างกู่สิ!”“เพราะเหตุใดหรือ?” หลิงอวี๋ถามด้วยความอยากรู้ผู้รอบรู้ยิ้มหยัน “คนของหอโอสถไป๋เป่าเหล่านั้นเป็นพวกยโสชอบดูถูกคนอื่น! เพราะคนที่อยู่เบื้องหลังหอโอสถของพวกเขาคือฮูหยินของเจ้าแห่งทะเลของตระกูลหลงอย่างไรเล่า!”“

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1895

    เมื่อเห็นบรรยากาศที่แสนจะคึกคัก หลิงอวี๋ก็เข้ามาดูว่าเกิดอะไรขึ้นนางเห็นประกาศว่า สำนักศึกษาชิงหลงกำลังรับสมัครบัณฑิตในหลายสาย เช่น สายนักปรุงโอสถ สายนักสร้างอาวุธ สายนักทำนายดวงดาว สายนักอัญเชิญ และสายจอมยุทธ์ ขณะที่หลิงอวี๋กำลังอ่านประกาศ นางก็ได้ยินผู้คนรอบ ๆ พูดคุยกันจากบทสนทนาของพวกเขา ทำให้หลิงอวี๋ได้รู้ว่า สำนักศึกษาชิงหลงนั้นอยู่ในการดำเนินงานของราชสำนักซึ่งให้การศึกษาด้านการฝึกฝนในระดับสูงผู้ที่ดำรงตำแหน่งเป็นครูคือปรมาจารย์ที่โดดเด่นในด้านต่าง ๆ หากมีบัณฑิตที่มีความเป็นเลิศประจักษ์แก่สายตาของอาจารย์เหล่านี้ พวกเขาก็สามารถรับเป็นศิษย์และเข้าร่วมกับกองทัพของราชสำนัก หรือสำนักใหญ่ ๆ ได้แดนเทพเปิดกว้างมากเรื่องความแตกต่างระหว่างบุรุษและสตรี สตรีนั้นสามารถเข้ามาร่ำเรียนในสำนักศึกษาและได้รับการปฏิบัติเช่นเดียวกับบัณฑิตชายหลิงอวี๋รู้สึกถูกใจในสิ่งที่ได้เห็น การที่ได้ไปร่ำเรียนในสำนักศึกษาเช่นนี้ จะทำให้ตนเข้าใจการปรุงโอสถได้ง่ายขึ้น ดีกว่าลองผิดลองถูกมิใช่หรือ?นางตั้งใจอ่านอีกครั้ง ข้อกำหนดในการลงทะเบียนมิได้เข้มงวดเกินไป และใช้เงินเพียงห้าตำลึงเงินเท่านั้นในการลงทะเบี

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1894

    หลิงอวี๋และผู้รอบรู้ได้มาถึงเมืองหลวงแดนเทพ เหมือนกับที่ผู้รอบรู้บอก เมืองหลวงแดนเทพเต็มไปด้วยโอกาสเพราะที่นี่มีผู้บำเพ็ญตนมากมายและเต็มไปด้วยกลุ่มคนน้อยใหญ่อยู่ทั่วทุกหนแห่งหลิงอวี๋เองก็รู้สึกทึ่งกับความเจริญรุ่งเรืองของเมืองหลวงแดนเทพ มีร้านค้าอยู่ทั่วทุกมุมและสินค้าที่ขายก็มีความหลากหลายแปลกตาและสวยงามเช่นเดียวกัน ราคาที่อยู่อาศัยในเมืองหลวงแดนเทพก็มีราคาแพงสองวันแรกทั้งสองคนพักที่โรงเตี๊ยมเล็ก ๆ บริเวณชานเมือง ซึ่งมีค่าใช้จ่ายคืนละห้าสิบตำลึงเงินหลังจากใช้ความพยายามอย่างมาก ในที่สุดผู้รอบรู้ก็ได้ซื้อเรือนเล็ก ๆ ของตรอกเล็กในเมืองที่อยู่ไกลออกไปโดยใช้เงินไปเกือบสามหมื่นนี่เทียบเท่ากับการใช้สมบัติของหลิงอวี๋ไปมากกว่าครึ่งหนึ่ง ซึ่งทำให้ผู้รอบรู้รู้สึกปวดใจอยู่นานแต่หลิงอวี๋พอใจแล้ว การซื้อเรือนเล็ก ๆ แห่งนี้ได้ในราคาต่ำเช่นนี้ ถือว่าผู้รอบรู้ก็มีความสามารถ มิเช่นนั้น หากดูตามราคาตลาด เรือนแห่งนี้อาจมีราคาสูงถึงห้าหมื่นด้วยซ้ำ“พี่ใหญ่ เงินหมดก็หาใหม่ได้ มิต้องเสียใจไปหรอก พวกเรามีบ้านแล้วก็สามารถหาอาชีพทำมาหากินได้”หลิงอวี๋พูดปลอบอีกฝ่ายด้วยความมั่นใจเรือนเล็กนี้รวมห

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status