บัดนี้ ในที่สุดเขาก็สามารถล้างแค้นให้ตนเองเมื่อปีนั้นรวมถึงเหล่าองครักษ์ที่ปกป้องพวกเขาเมื่อปีนั้นได้ด้วยตนเองแล้ว ชีหยวนพูดถูก รอให้ฮ่องเต้มอบความเป็นธรรมไม่ต้องรอจนถึงปีลิงเดือนม้าเลยหรือ? มิหนำซ้ำยังมีความเป็นไปได้ว่าคนพวกนั้นอาจจะไม่ต้องตาย เส้นสายของพวกมันโยงใยไปทั่วทั้งราชสำนักและประชาชน แม้ว่ามีคนประกาศกร้าวว่าจะเล่นงานสังหารพวกมันจริง แต่ก็ยังมีคนอีกมากพร้อมออกมาร้องขอความเห็นใจให้พวกมันเพราะเห็นแก่ผลประโยชน์และความสัมพันธ์ส่วนตัว เมื่อถึงเวลานั้นพวกมันอาจจะแค่ถูกพิพากษาให้เนรเทศหรือก็แค่ปลดบรรดาศักดิ์เท่านั้น? ไหนเลยจะสาแก่ใจเท่าสังหารพวกมันด้วยมือตนเอง?! เขายืนยิ่ง มองเห็นอ๋องโจวกำลังกุมมือตนเองไว้ จึงค่อย ๆ หันไปมองอ๋องโจว ทั้งที่เขามีแต่เลือดเปรอะทั่วตัว ทว่าอ๋องโจวในยามนี้กลับมองไม่เห็น ในมือของเขายังถือมีดไว้ อ๋องโจวก็เลือกที่จะทำเป็นไม่เห็น สิ่งที่อ๋องโจวกังวลใจที่สุดยังคงเป็นเพียงสิ่งเดียว: “หมิงอัน เซียวโม่ปลอดภัยดีใช่หรือไม่?” สวรรค์ ฟ้าดิน ต้องปกป้องคุ้มครองเซียวโม่ให้ปลอดภัย! มิเช่นนั้น จุดจบของเขาคงไม่ได้ดีไปกว่าลู่หมิงฮุยที่นอนแน่นิ่งอยู่บน
มือสังหารสองคนที่ยังเหลือรอดชีวิตร้องตะโกนขอความเป็นธรรมอย่างสุดชีวิต ได้ยินเจียงเหยียนเจินตะโกนสั่งว่าจะโบยพวกเขาสามสิบไม้ พวกเขาก็ไม่สนใจอะไรแล้ว จะเรื่องที่ควรพูดหรือเรื่องที่ไม่ควรพูดล้วนพรั่งพรูออกมาทั้งหมด อย่างเช่นเรื่องที่ว่าเจียงเหยียนเจินไม่ได้เพิ่งสั่งให้พวกเขาไปสังหารคนแค่เพียงครั้งนี้เท่านั้น ก่อนหน้านี้ยังมีอีกหนึ่งครั้ง เจียงเหยียนเจินยังคิดจะให้พวกเขาไปลักพาตัวคุณหนูใหญ่ของสกุลชีมาด้วย ..... สิงหมิ่นหลุดกระแอมออกมาอย่างแนบเนียน มือที่กำลังจดบันทึกก็ชะงักไปเล็กน้อย คิดไม่ถึงเลยว่า ใต้เท้าเจียงเคยทำเรื่องนี้ด้วย? เคราะห์ดีที่ทำไม่สำเร็จ มิเช่นนั้นยามนี้ใต้เท้าเจียงคงไม่มีโอกาสได้มายืนหน้าสลอนแหกปากออกคำสั่งให้โบยคนอยู่ตรงนี้แล้ว เจียงเหยียนเจินกระหืดกระหอบ ชี้นิ้วด่าสองคนนั้นพร้อมกระทืบเท้าอย่างเดือดดาล: “เหลวไหล! เหลวไหลสิ้นดี! ข้าเคยสั่งให้พวกเจ้าทำเรื่องพรรค์นี้ตั้งแต่เมื่อใด?!” ถึงอย่างไรเรื่องก็มาถึงจุดนี้แล้ว ต่างฝ่ายต่างก็พยายามเอาตัวรอดเต็มที่ พวกมือสังหารเองก็คร้านจะสนใจไยดีความผูกพันระหว่างนายบ่าวแล้วเหมือนกัน อย่างไรเสียอุบายของเจียงเหยียนเจ
ผู้ใต้บัญชาก็ทำได้เพียงรับคำ จากนั้นก็หมุนตัวออกไปจัดการตามคำสั่ง ฮูหยินใหญ่ลู่กลับเอนศีรษะไปกำชับแม่นมข้างกายตนเอง: “เจ้าไป แจ้ง…” แม่นมเถียนหวาดกลัวเล็กน้อย: “ฮูหยิน อีกฝ่ายเป็นถึงคุณหนูใหญ่ของจวนโหวเชียวนะเจ้าคะ” “คุณหนูใหญ่อะไร?! เจ้ายังไม่รู้อีกหรือว่าธาตุแท้ของนางเป็นอย่างไร? ก็แค่คนชั้นต่ำที่เปลือกนอกห่อหยกหุ้มทองแต่ภายในเน่าเฟะก็เท่านั้น!” ฮูหยินใหญ่ลู่บีบผลส้มในมือแน่น จนกระทั่งน้ำผลไม้ไหลออกมา ถึงจะหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดแรง ๆ จนสะอาด นางเอ่ยด้วยเสียงเย็นเยียบ: “เจ้าก็คอยดูแล้วกัน คุณหนูใหญ่ที่เน่าเฟะคนหนึ่ง สกุลชีจะยังเลือกปกป้องนางอีกหรือไม่!” ตอนที่ชีหยวนได้รับจดหมายนางกำลังเล่นหยอกล้อกับอาหวง หลังจากมอบเรื่องของหูอี้ชวนให้ศาลซุ่นเทียนจัดการต่อแล้ว นางก็กลับมาคอยฟังข่าวที่เรือน ครั้งนี้โหวผู้เฒ่าชีและชีเจิ้นต้องใช้เวลาสักพักหนึ่งถึงจะกลับมาได้ สองคนต่างมีบางสิ่งจะพูดแต่ก็ชะงักไป เห็นสีหน้าของพวกเขา ชีหยวนก็เข้าใจทันที จึงเอ่ยด้วยเสียงเคร่งขรึมขึ้นมาว่า: “ฮูหยินฉู่กั๋วกงตายแล้ว” โหวผู้เฒ่าชีหันไปสบตากับชีเจิ้น สองคนต่างไม่มีท่าทีตกใจอะไร อ้อ เพิ่งตายตอน
ใกล้จะถึงวันปีใหม่แล้ว แต่บ้านไหน ๆ ก็ไม่มีบรรยากาศของการฉลองปีใหม่เลยหากจะพูดถึงสาเหตุ จริง ๆ แล้วก็ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ หลัก ๆ ก็เป็นเพราะว่าปลายปีนี้เกิดเรื่องราวมากมายเกินไปเทศกาลปีใหม่ปีก่อน ๆ ไม่ว่าบ้านไหนต่างก็จ้างคณะงิ้วมาแสดงฉลองกันในจวน ให้ญาติสนิทมิตรสหายได้ชมความครึกครื้น ซึ่งก็ถือเป็นการเสริมสิริมงคลให้ปีหน้ามีแต่ความสุขแต่ปีนี้ คณะงิ้วทั้งหลายกลับถูกละเลยไปใครจะมีเวลาสนใจพวกนักแสดงเหล่านั้นกันเล่า?ในเมื่อมีบรรดาขุนนางและเชื้อพระวงศ์มากมายออกโรงแสดงละครฉากใหญ่ให้ชาวเมืองหลวงชมกันอยู่แล้วเริ่มจากภรรยาเดิมของฮ่องเต้กลับมาอย่างเอิกเกริก ตามมาด้วยข่าวฉาวของพ่อตาฮ่องเต้ที่ก่อเรื่องใหญ่โต ฆ่าภรรยาแล้วยกบ้านเล็กขึ้นเป็นภรรยาเอกแค่นั้นยังไม่พอ ไม่นานเรื่องนี้ยิ่งลุกลามบานปลายนายท่านตระกูลเจียงผู้มีศักดิ์เป็นลุงใหญ่ของพระชายาของฮ่องเต้ ถึงกับส่งคนไปลอบสังหารพี่ชายของอดีตคู่หมั้นฮูหยินฉู่กั๋วกง หรือก็คืออดีตพี่สามีของฮูหยินฉู่กั๋วกง!ละครบทไหนก็ไม่สนุกเท่าเรื่องพวกนี้!ชาวเมืองหลวงที่ไหนจะยังมีแก่ใจเตรียมฉลองปีใหม่อีกเล่า?ทุกคนต่างรอดูเรื่องสนุกกันทั้งนั้นศาลซุ่น
พวกเขาก็แค่ทำตามคำสั่งเท่านั้นเองการลอบสังหารหูอี้ชวน ก็ไม่ใช่ว่าเขาเต็มใจจะทำ แต่เพราะฉู่กั๋วกงบีบบังคับและล่อลวงเขา!ทำไมตอนนี้ทุกอย่างถึงกลายเป็นความผิดของเขา?ถ้าหากข้อหาลอบสังหารหูอี้ชวนทั้งหมดตกอยู่ที่เขาคนเดียว เช่นนั้นใครจะเชื่อว่าการไล่สังหารพระชายาหลิ่วในอดีตไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเขาเล่า?ถ้าจวนฉู่กั๋วกงยอมร่วมทุกข์ร่วมสุข ดึงเขาให้เดินไปด้วยกันก็ว่าไปอย่างแต่ปัญหาคือพวกจวนฉู่กั๋วกงกลับใช้เขาเหมือนเศษผ้า ใช้เสร็จก็โยนทิ้งทันทีมีสิทธิ์อะไร?!เขาได้ผลประโยชน์ไม่ถึงหนึ่งในร้อยของจวนฉู่กั๋วกงด้วยซ้ำแต่สุดท้ายกลับถูกจวนฉู่กั๋วกงใช้เป็นแพะรับบาปมีสิทธิ์อะไร?!เจียงเหยียนเจินกัดฟันแน่น ความรู้สึกขัดแย้ง ทุกข์ทรมาน และอับอายถาโถมเข้าใส่จนกระทั่งผู้พิพากษาศาลซุ่นเทียนถามเขา “เจียงเหยียนเจิน ตอนนี้เจ้ามีอะไรจะแก้ตัวอีกหรือไม่?!”เจียงเหยียนเจินทรุดฮวบลงคุกเข่ากับพื้นทันที ไม่อาจอดทนต่อไปได้อีก “ไม่ๆๆ! ไม่ใช่ข้า! ไม่ใช่ข้า! คนพวกนั้นเป็นคนของข้าก็จริง แต่เป็นฉู่กั๋วกงที่สั่งให้ข้าลงมือ!”ผู้พิพากษาศาลซุ่นเทียนแทบจะเผลอขว้างไม้เรียกสติออกไปสวรรค์!เขาก็แค่อยากสอบสวน
คดีความนี้เป็นที่โจษจันไปทั่ว แม้แต่ฮูหยินใหญ่ลู่ก็ได้ยินข่าวตอนที่นางผ่านหน้าศาลาว่าการ รถม้าของนางก็ถูกฝูงชนขวางจนแทบไม่มีทางไปต่อในช่วงเทศกาลปีใหม่ ถนนที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คนถือเป็นเรื่องปกติ แต่ปัญหาคือ ปกติแล้วศาลาว่าการเป็นสถานที่ที่ผู้คนหวาดกลัว ช่วงปีใหม่เช่นนี้ควรจะยิ่งเงียบเหงาลงด้วยซ้ำ แล้วเหตุใดถึงยังมีคนแน่นขนัดขนาดนี้?นางหันไปมองแม่นมเถียนที่อยู่ข้าง ๆแม่นมเถียนรีบอธิบายให้นางฟังทันทีฮูหยินใหญ่ลู่รู้สึกกระวนกระวายใจเมื่อได้ยินว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับจวนฉู่กั๋วกงอีกแล้ว แถมคนที่ถูกฆ่ายังเป็นหูอี้ชวน นางก็สบถออกมาอย่างไม่ไว้หน้า “นางสารเลว! นางแพศยา! นางคนชั่วช้า เรื่องพวกนี้เกี่ยวอันใดกับนาง นางเก่งนักหรือไง ถึงต้องเอาตัวไปยุ่งกับทุกเรื่อง! อย่างนางนับเป็นตัวอะไรกัน?!”ความเกลียดชังของฮูหยินใหญ่ลู่ที่มีต่อชีหยวนนั้นชัดเจนตั้งแต่ต้นตั้งแต่วันที่ชีหยวนกลับมาที่จวน และในงานเลี้ยงต้อนรับญาติของตระกูลชี นางก็พยายามกลั่นแกล้งชีหยวนต่อหน้าทุกคนตอนนี้ชีหยวนสร้างเรื่องใหญ่โตถึงขนาดนี้ถึงขั้นสามารถก่อคลื่นพายุในหมู่ตระกูลขุนนางใหญ่ได้ ฮูหยินใหญ่ลู่ยิ่งรู้สึกชิงชังน
จึงลดเสียงลงแล้วพูดว่า “น้ำชาที่วางยาไว้ก็ถูกส่งขึ้นไปแล้วขอรับ”ฮูหยินใหญ่ลู่เชิดคางขึ้นอย่างภาคภูมิใจ ส่งสัญญาณให้เขาถอยออกไปจากนั้นนางจึงนำคนขึ้นไปชั้นสอง เพิ่งจะก้าวขึ้นไปก็ได้ยินเสียงร้องครวญครางของบุรุษดังขึ้นบนใบหน้าของนางปรากฏรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความสนใจขึ้นมาทันทีคนที่หามาทำงานนี้ ช่างรวดเร็วจริง ๆนางแค่นหัวเราะ ก่อนใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดปากแล้วจิ๊ปากเบา ๆ “ดูสิ ๆ พวกเรามาดูกันหน่อย นี่คุณหนูใหญ่ตระกูลโหวที่ถูกตามตัวกลับมาไม่ใช่หรือ? ดูสิว่าเวลาสำมะเลเทเมาแล้ว จะต่างจากคนธรรมดาตรงไหน?”แม่นมเถียนก็หัวเราะตามนางไปด้วยท่าทางไม่ประสงค์ดีแต่ในเสี้ยวขณะที่ผลักประตูเข้าไปนั้น ไม่ว่าจะเป็นแม่นมเถียนหรือฮูหยินใหญ่ลู่ ทั้งสองคนขนทั้งร่างก็ลุกชันไปหมดเสียงร้องครวญครางเมื่อครู่นี้เป็นเสียงของบุรุษจริง ๆ แต่เป็นเสียงจากความสุขสมเสียที่ใดเล่า?มันคือเสียงร้องโหยหวนที่ถูกตัดนิ้ว!ทันทีที่ก้าวเข้าไปในห้อง สิ่งที่พวกนางเห็นคือเลือดที่สาดกระจายทั่วพื้น!สีแดงฉานปกคลุมไปทั่วทุกมุม สะดุดตาจนนางแทบมองไม่เห็นสิ่งอื่นใดอีก!แม่นมเถียนหวีดร้องออกมาโดยไม่อาจควบคุมตัวเองได้ รีบคว้าแขนฮูหย
ชีหยวนลงมืออย่างแม่นยำและโหดเหี้ยม เพียงพริบตาก็แทงเข้าหัวใจของฮูหยินใหญ่ลู่ฮูหยินใหญ่ลู่ไม่ทันมีโอกาสจะเอ่ยคำพูดโอหังออกมาอีก ก็รู้สึกถึงความเจ็บปวดแล่นวาบขึ้นมาจากตำแหน่งหัวใจ ปวดร้าวรุนแรงจนใบหน้าบิดเบี้ยวไปในทันทีและล้มลงกับพื้นโดยไม่อาจควบคุมได้เมื่อนางล้มลง แม่นมเถียนที่อยู่ข้าง ๆ ก็รู้สึกเหมือนกระเพาะปั่นป่วนขึ้นมาแม่นมเถียนรู้ดีว่าตนเองควรจะอดกลั้น พยายามอย่างถึงที่สุดเพื่อกลั้นไว้แต่เมื่อความหวาดกลัวราวกับคลื่นถาโถมและความขยะแขยงพุ่งเข้าใส่ นางก็ไม่อาจควบคุมตัวเองได้ ร่างทั้งร่างโค้งงอ ก้มลงอาเจียนอย่างรุนแรงโดยไม่อาจยับยั้งชีหยวนกระตุกมุมปากขึ้นอย่างเย็นชาฐานะสูงส่งอันใด ร่างกายที่ล้ำค่าเพียงใด แต่แท้จริงแล้วมนุษย์ก็ไม่อาจหนีพ้นจากเจ็ดอารมณ์หกปรารถนานางเลิกคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะก้าวไปนั่งยอง ๆ ข้างร่างของฮูหยินใหญ่ลู่แล้วยิ้มบาง ๆ ให้ “ฮูหยินใหญ่ลู่ เวลาหลายปีมานี้ ท่านใช้ชีวิตสำราญตามใจโดยอ้างความดีความชอบของราชบุตรเขยลู่มาโดยตลอด เคยพูดสักคำหรือไม่ว่ายามสุขท่านเสวย ยามทุกข์ราชบุตรเขยลู่ต้องรับแทน”ผู้หญิงคนนี้!ในท้องของฮูหยินใหญ่ลู่ปั่นป่วนราวกับคลื่นโหมซัด คว
แต่ยิ่งเป็นเช่นนั้น สวีฮว่านก็ยิ่งระมัดระวังในการกระทำมากขึ้นไปอีกที่จวนไม่เคยจัดงานเลี้ยงหรืองานมหรสพใด ๆ เลยแม้แต่ในงานเลี้ยงวันเกิดของหญิงชรา ก็แค่ให้คนในครอบครัวทานข้าวด้วยกันมื้อเดียวแล้วก็จบกันไปเงินทองในบ้านกองเป็นภูเขา ผ้าไหมผ้าแพรก็มีมากมาย แต่ก็ไม่เคยเอาออกมาใช้แค่เห็นแต่ใช้ไม่ได้ นี่แหละถึงเป็นเรื่องที่อึดอัดใจและกลัดกลุ้มใจที่สุด!นางยังคิดว่าสวีฮว่านคงจะเป็นแบบนี้ไปทั้งชีวิตแล้ว ใครจะรู้ว่าเขาเหมือนจะคิดตกได้ในทันทีสวีฮว่านยิ้มบาง ๆ พูดอย่างมีนัยยะว่า “เมื่อก่อนใช้ไม่ได้ แต่หลังจากนี้จะใช้ได้แล้ว”ฮูหยินสวีฟังไม่เข้าใจว่าเขาหมายความว่าอะไร แต่ก็ดีใจยิ่งนัก รีบเปิดคลังเอาหนังสัตว์ออกมา ตัดเสื้อผ้าใหม่ให้เด็ก ๆ ในบ้านกันคนละชุดที่แห่งนี้เต็มไปด้วยความชื่นมื่นสวีซินเฉียวออกจากบ้านสวีก็ยิ้มแย้มมีความสุขเช่นกันแน่นอนว่ามีความสุขอยู่แล้ว!สิ่งที่เขาทำ เขาก็รู้ตัวดีว่าเป็นความผิดมหันต์ถึงขั้นถูกตัดหัวและฆ่าล้างเก้าชั่วโคตร แต่ตอนนี้ไม่ต้องกลัวแล้ว เพราะมีตระกูลชีเป็นแพะรับบาปไปแล้ววันขึ้นปีใหม่ บังเอิญมีเรื่องมงคล เขาดีใจจนเดินตรงไปที่หอหงเฟิ่นจินที่ค้าขายดีท
กลางดึก ของขวัญหลากสีสันที่ได้รับในคืนวันปีใหม่กองเต็มโถงบุปผา ทั้งห้องสวีฮว่านมองแวบเดียวก็ขมวดคิ้ว “ใครเป็นคนส่งของโจ่งแจ้งขนาดนี้?”สวีซินเฉียวเดินออกมาจากหลังฉากกั้นด้วยรอยยิ้มกว้าง พลางหัวเราะ “อารอง เป็นข้าเอง! หลานมิใช่เพิ่งกลับมาจากจี้โจวหรือ? ก็เลยตั้งใจเอาของมาคำนับท่านอารองโดยเฉพาะขอรับ”สีหน้าของสวีฮว่านไม่ได้ดูดีขึ้นเลย พอเห็นเขาก็ตวาดเสียงดังทันที “เจ้าคนสารเลว! เจ้าคิดว่านี่เป็นที่ไหนกัน? คิดว่าเจ้าตัวเองเป็นใคร? ตำแหน่งผู้ตรวจการเมือง มันเด่นขนาดนั้น ยังไม่รู้เหรอว่ามีคนจับตาดูอยู่เท่าไหร่? เจ้ากลัวคนอื่นไม่รู้รึไงว่าเจ้ารับสินบนไปมากแค่ไหน?!” สวีซินเฉียวทำปากเบะทันที สีหน้าดูเหมือนน้อยใจ “ท่านอารอง อย่างน้อยก็ท่านช่วยดูของที่หลานเอามาก่อนเถอะ! เมืองจี้โจวน่ะ อะไรที่ไม่ค่อยมี แต่หนังสัตว์นั้นหลากหลายเยอะสุด หลานกลับมาทั้งที จะเอาของฝากมาฝากท่านอาสะใภ้ กับพวกน้อง ๆ สักหน่อย มันก็เป็นเรื่องที่สมควรไม่ใช่หรือไร? ใครจะมาตำหนิได้ล่ะ?”ว่าแล้ว เขาก็หัวเราะระรื่น พลางขยับยื่นหน้ามาใกล้ “ว่าไปแล้ว ท่านอา เราต่างก็รู้อยู่แก่ใจดี นี่ไม่ใช่เพราะท่านอาช่วยเชื่อมโยงให้หลานได้
เมื่อเห็นว่าชีหยวนยังเงียบอยู่ เซียวอวิ๋นถิงก็เอ่ยขึ้นก่อน “พวกเขาเป็นครอบครัวทหารตระกูลชีแน่นอน และตลอดหลายปีมานี้ก็มีการติดต่อกับเผ่าหว่าล่าจริง ลักลอบค้าขายเหล็กเถื่อนกับเผ่าหว่าล่า พวกท่านแน่ใจหรือว่าไม่รู้เรื่องนี้เลย?!”ชีเจิ้นไม่สนแล้วว่าคนตรงหน้าคือพระราชนัดดา “พวกเราจะไปทำเรื่องโง่ๆ ทำลายตนเองแบบนั้นได้ยังไง?! ตั้งแต่ไหนแต่ไร แคว้นเรากับเผ่าหว่าล่าก็เป็นศัตรูกันมานาน ญาติพี่น้องของเรากี่คนแล้วที่ต้องตายในมือของเผ่าหว่าล่า เราจะไปสมคบคิดกับพวกมันได้ยังไง?!”สีหน้าของท่านโหวผู้เฒ่าชีซีดขาวราวกับเถ้าถ่านเรื่องคราวนี้เล่นงานเขาจนตั้งตัวไม่ทันจริง ๆจะจัดการยังไงดี? จะทำอย่างไรดีกันแน่?จะติดสินบนเจ้าเมืองทงโจว หม่าเซวียนไหม?ไม่ได้ เรื่องนี้ทำแบบนั้นไม่ได้เบื้องหลังคนพวกนั้นวางแผนมาอย่างดี แสดงว่าจ้องเล่นงานพวกเขาเต็มที่แล้วถ้าให้หม่าเซวียนช่วยกลบเรื่อง จะยิ่งกลายเป็นหลักฐานมัดตัวว่าตระกูลเราสมคบขายชาติครั้งนี้ ดูยังไง ก็เป็นกับดักตายชัด ๆ!เซียวอวิ๋นถิงเคาะนิ้วลงบนโต๊ะหินเบา ๆ “คดีนี้ อย่างช้าบ่ายนี้ถูกส่งไปถึงมือกรมยุทธนาการ เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับกรมยุทธนาการ ยังไง
เรื่องนี้ไม่ใช่ฝีมือท่านโหวผู้เฒ่าชีและชีเจิ้นแน่นอนคนเหล่านี้น่าจะเป็นครอบครัวทหารจี้โจวจริง ที่มาของพวกเขาคงไม่ปลอมแปลง มิฉะนั้นจะเอาอะไรมาปรักปรำตระกูลชีได้ล่ะ?”ไม่แปลกใจเลยที่พวกเขาถึงได้วางแผนกันใหญ่โตถึงขนาดบุกมาลอบสังหารนางในวันขึ้นปีใหม่ ยังบุกเข้าบ้านพักตระกูลชีเพื่อสังหารหมู่ นี่เป็นการจงใจทำให้เรื่องใหญ่โต“พวกมันไม่กลัวตระกูลชีแจ้งทางการ กลัวแค่ตระกูลชีไม่แจ้งเท่านั้น!”พอแจ้งทางการไปแล้ว เรื่องถึงจะกลายเป็นเรื่องใหญ่เรื่องที่ตระกูลชีแอบลักลอบขนอาวุธเหล็กไปขายให้เผ่าหว่าล่าถึงจะถูกเปิดโปงวันขึ้นปีใหม่ทั้งที ให้ตระกูลชีไปตายเสียก็ดูสมเหตุสมผลใช่ไหมล่ะ?ผู่อู๋ย่งแค่นหัวเราะเบา ๆ “แจ้งทางการแล้วหรือ?”เสี่ยวสวีจื่อมือไม้กะล่อยกะหลิบ รีบยื่นมือไปรับถ้วยในมือเขา แล้วเปลี่ยนมานวดไหล่ทุบหลังอย่างเป็นธรรมชาติ พลางกระซิบว่า “คนของเราตามติดอยู่ตลอดขอรับ ตั้งแต่ต้นก็แจ้งทางการแล้ว เพียงแต่ว่า......”ผู่อู๋ย่งเลิกคิ้วขึ้น “เพียงแต่ว่าอะไร?”“เพียงแต่ว่าไม่คิดว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลชีจะเก่งขนาดนี้ ระหว่างทางนางคนเดียวฆ่าคนของเราไปแปดคนแล้วขอรับ แม้แต่ลิ่วจื่อที่ฝีมือดีที่สุดก็
ให้ตายเถอะ ไปมีเรื่องกับนางไม่ได้จริง ๆระหว่างทางที่มาในเมื่อครู่นี้ เขาได้เจอกับพ่อบ้านของตระกูลชีแล้ว พ่อบ้านของตระกูลชีถึงกับตกตะลึงไปแล้ว แต่ก็ยังยืนยันว่าคุณหนูใหญ่ของพวกเขาตกใจกลัวอย่างมาก เหล่านักฆ่าพวกนั้นล้วนเป็นองครักษ์ของตระกูลชีที่สังหารไปเองคำพูดพรรค์นี้ ก็คงมีแค่เจ้าเมืองทงโจวเท่านั้นที่เชื่อหลอกผีอยู่รึไงชีหยวนน่ะหรือจะตกใจกลัว?!นางอาจจะทำให้พญายมตกใจกลางดึกได้ แต่ไม่มีทางที่จะถูกนักฆ่าแค่ไม่กี่คนทำให้ตกใจกลัว!ดูจากตอนนี้แล้ว ก็จริงอย่างที่คิดเลยเซียวอวิ๋นถิงจนกระทั่งเห็นนางนั่งอยู่บนขั้นบันไดอย่างปลอดภัย เท้าของนางเหยียบอยู่บนอกของชายคน ถึงได้ถอนหายใจออกมาช้า ๆ เดินเข้าไปใกล้อีกนิด มองชายคนนั้นแวบหนึ่งแล้วถามชีหยวนว่า “เจ้าไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”“ไม่เป็นไร อยู่ดีมาก” ชีหยวนไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้น ยังคงจ้องชายคนนั้นต่อไป “ข้าแนะนำให้เจ้าพูดให้เร็วหน่อย ข้าเป็นคนไม่มีความอดทนมากนัก ถ้าคำตอบของเจ้าไม่ถูกใจข้า หรือบิดเบือนความจริง ข้าก็รีบจะถลกหนังเจ้าไปทำกลองหนังมนุษย์เสีย ส่วนพวกพ้องของเจ้าข้าง ๆ ข้าก็จะเอาพวกเขาทำเป็นโคมไฟหนังมนุษย์ ส่งไปให้เจ้านายของเจ้าด้วย
ครอบครัวทหารของตระกูลชี?ชีหยวนเพียงแค่เงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะยิ้มพลางยกดาบขึ้นฟันลง ฟันนิ้วของชายคนนั้นขาดไปหนึ่งนิ้วชายคนนั้นส่งเสียงกรีดร้องโหยหวนดังลั่นทันที“คิดว่าข้าเป็นเด็กสามขวบหรือไง?” ชีหยวนหัวเราะเยาะเสียงเย็นชา “จี้โจวอยู่ไกลจากที่นี่แค่ไหน? ข้าไม่สนหรอกว่าพวกเจ้าจะเป็นครอบครัวทหารของตระกูลชีจริงหรือไม่ ข้าถามแค่ว่า ในเมื่อเป็นคนของตระกูลชี ไฉนถึงรู้ความเคลื่อนไหวของข้าล่วงหน้า มาดักฆ่าข้ากลางทาง แล้วยังจงใจบุกมาฆ่าคนในบ้านพักชนบทนี้อีกด้วย?”อย่าบอกว่าท่านโหวผู้เฒ่าชีกับชีเจิ้นบ้าคลั่งจนเสียสติไปแล้วหากพวกเขาคลุ้มคลั่งขนาดนั้น ตระกูลชีก็คงล่มสลายไปนานแล้วส่วนคนที่เหลือ สมาชิกบ้านรองและบ้านสามของจระกูลชีต่างประพฤติตัวดี เพราะท่านโหวผู้เฒ่าชีเป็นผู้ชัดเจนมาโดยตลอด บรรดาศักดิ์เป็นของบ้านหลัก ทรัพย์สมบัติเมื่อถึงเวลาก็แบ่งกันอย่างยุติธรรมมีแต่คนเสียสติถึงสร้างปัญหากับบ้านหลักอีกอย่างถ้าต่อกรกับบ้านหลักจริง เช่นนั้นก็น่าจะไปฆ่าชีเจิ้นหรือชีอวิ๋นจื่อสิ ฆ่านางไปจะมีประโยชน์อะไร?ชีหยวนพลิกกริชในมือเล่น กริชหมุนลื่นในมือนางไหลราวกับมันมีชีวิต หมุนพลิกตามการควบคุมข
นางคิดไว้แล้วว่าจะให้พวกเขาตายอย่างไร แต่นางไม่คิดว่า พวกเขาจะใจร้อนเยี่ยงนี้! อีกทั้ง ดักซุ่มโจมตีนางกลางทางก่อน ขณะเดียวกันก็บุกเข้ามาฆ่าคนในบ้านพักชนบท ขณะที่นางฆ่าฟันศัตรู นางก็ยังมีเวลาคิดไปด้วยว่า เจ้าขันทีสุนัขนั่นคิดจะทำอะไรกันแน่?! ฆ่าเพื่อระบายความแค้นแค่นั้น? ไม่สิ พวกขันทีจิตวิปริตทั้งนั้น ยิ่งเป็นตัวประหลาดที่ควบคุมกององครักษ์เสื้อแพรได้แบบเขา จะต้องวิปริตยิ่งกว่าคนธรรมดา มันไม่มีทางแค่ต้องการทำลายบ้านพักชนบทของนางกับฆ่าคนของนาง เพื่อสั่งสอนนางเล็ก ๆ น้อย ๆ แค่นั้น บ้านพักชนบทผืนนี้……เป็นบ้านพักชนบทของตระกูลชี องครักษ์นายหนึ่งกระโดดลงมาจากหลังคา พุ่งกระโจนเข้าใส่ชีหยวน ชีหยวนยกมือขึ้นปล่อยเกาทัณฑ์แขนเสื้อโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย หลังจากยิงคนร่วงลงพื้นแล้ว นางก้าวเข้าไปเหยียบบนแผลเขา ย่อตัวนั่งลง ถามเสียงเย็นชา “พวกเจ้าเป็นใคร?” เจ้าขันทีสุนัขกล้าส่งคนมาฆ่าคนในขึ้นวันปีใหม่อย่างเปิดเผยแบบนี้ เช่นนั้นไม่มีทางทิ้งหลักฐานแน่นอน คนพวกนี้ไม่มีทางเกี่ยวข้องโยงใยถึงเจ้าขันทีสุนัขนั่นได้แน่ เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ จวนโหวไม่มีทางไม่แจ้งทางการ เจ้าขันทีสุนัข
จะตามทันได้อย่างไรกันเล่า?! คุณหนูใส่กระโปรง แต่คุณหนูใหญ่กลับขี่ม้าแบบนั่งหันข้างได้! หลายปีแล้วที่ไม่เห็นใครขี่ม้าเยี่ยงนี้ นางดูเหมือนเติบโตมาพร้อมกับหลังม้ายังไงยังงั้น พูดแบบไม่เกรงใจเลยนะ พวกเขาก็ติดตามรับใช้ท่านโหวกับท่านโหวผู้เฒ่ามาหลายปี แต่ทักษะการขี่ม้าของท่านโหวกับท่านโหวผู้เฒ่ายังไม่ดีถึงขั้นนี้เลย คุณหนูไปฝึกทักษะการขี่ม้าขั้นเทพเช่นนี้มาจากไหนกันแน่? ความเร็วของชีหยวนนั้นรวดเร็ว แทบจะไปถึงบ้านพักชนบทด้วยความเร็วปานลมกรดและสายฟ้าแลบ บ้านพักชนบทผืนนี้ไม่ใช่ของนาง แต่เป็นของตระกูลชีที่มอบให้นาง เพื่อเป็นการชดเชยให้กับนาง เดิมทีนางอยากจะทำให้มันเป็นบ้านของตัวเอง ตอนนี้บ้านหลังนี้ถูกทำลายไปแล้ว บนประตูหน้าบ้านยังคงติดยันต์เทพผู้พิทักษ์ประตูที่สลักจากไม้ท้อ โคมแดงสองดวงแขวนอยู่ตรงระเบียง หน้าเรือนยังมีเศษกระดาษสีแดงจากการจุดประทัด กระทั่งยังได้กลิ่นดินปืนจาง ๆ ที่โชยมา แต่ตอนนี้ประตูใหญ่เปิดอ้ากว้าง เสียงกรีดร้องโหยหวนดังออกมาจากด้านใน วันขึ้นปีใหม่ ตามธรรมเนียมทางชนบท ชาวนาที่เช่านาทำมักจะมาอวยพรเจ้าของที่ดินในวันขึ้นปีใหม่ ต่อให้เจ้าของที่ดินไม่อยู่ ไปคาร
ไม่ใช่มารีดไถเงิน ที่แท้คือมาฆ่านาง!วันปีใหม่แท้ ๆ ช่างรีบร้อนเสียจริงอ๋องฉีกับผู่อู๋ย่งผู้นั้น ต้องมีคนใดคนหนึ่งเกี่ยวข้องแน่ในขณะที่นางเพิ่งแตะพื้น ก็มีจอบฟาดลงมาตรงหน้านาง ความเร็วนั่น ทำเอาผู้คนตกใจจนแทบหยุดหายใจ นี่เหมือนชาวบ้านธรรมดาที่ดูซื่อ ๆ ที่ไหนกัน? นี่คือองครักษ์ฝีมือดีที่ถูกฝึกมาอย่างดีหลิวจงเห็นภาพนั้นก็ตกตะลึงจนตัวแข็ง เขารู้อยู่แล้ว เขารู้อยู่แล้วว่าตามคุณหนูใหญ่ออกมาข้างนอกไม่มีวันเป็นเรื่องดีได้ สวรรค์ นี่ยังไม่ทันถึงบ้านพักชนบทเลย!คนเหล่านี้เป็นใครกันแน่!ไม่สนใจว่าเป็นใครแล้ว เขาร้องตะโกนสุดเสียงกับองรักษ์ “อย่าห่วงข้า อย่าห่วงข้า ช่วยคุณหนูใหญ่ ช่วยคุณหนูใหญ่ก่อน!”ถ้าคุณหนูใหญ่เป็นอะไรไป เขากลับไปก็คงถูกท่านโหวกับท่านโหวผู้เฒ่าหั่นเป็นชิ้นอยู่ดี!แต่ดูเหมือนความกังวลของเขาจะเกินจำเป็นไปหน่อยเพราะชีหยวนที่ลงพื้นก็รับจอบได้อย่างพอดิบพอดี ใช้แรงเหวี่ยงตัวกระโดดขึ้นไปกลางอากาศ นั่งคร่อมคอชายท่าทางซื่อ ๆ คนนั้น จากนั้นใช้ขาบิดรัดคอเขาอย่างแรง จนคอของเขาหักเอียงไปข้างหนึ่ง……เสียงกรีดร้องของหลิวจงขาดหายไปทันทีสวรรค์!เขาประเมินคุณหนูใหญ่ต่ำเก