ชีหยวนยิ้มบาง ๆ ก่อนจะก้าวไปข้างหน้า ย่อตัวลงช้า ๆ แล้วดึงกริชที่ปักอยู่บนร่างของฮูหยินใหญ่ลู่ออกมา แล้วหันไปมองแม่นมเถียนพลางยิ้มแย้มเช่นเดิม “แม่นมเถียน ข้ารู้ดี บ่าวไพร่อย่างพวกเจ้าที่มีหน้ามีตาในจวน ล้วนแต่มีฝีมือเป็นเลิศ พวกเจ้าพูดอะไร เจ้านายก็รับฟัง ครั้งนี้ที่นางมาฆ่าข้า เจ้าคงลงแรงไม่น้อยกระมัง?”แม่นมเถียนตกใจจนหัวใจแทบหยุดเต้น นางกุมหน้าอกที่ปวดแปลบ ส่ายหัวอย่างหมดอาลัย “ไม่ ไม่ใช่ข้า! ไม่ใช่ข้าจริง ๆ คุณหนูใหญ่ชี! ไม่เกี่ยวกับข้าจริง ๆ ไม่เกี่ยวเลย! เป็นฮูหยินใหญ่ ฮูหยินใหญ่ไม่ชอบท่าน เพราะท่านมีอิทธิพลต่อคุณหนูใหญ่ ทำให้คุณหนูใหญ่เป็นที่โปรดปรานขององค์หญิงใหญ่ ฮูหยินใหญ่เลยคิดจะกำจัดท่านเสมอ...”สวรรค์ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับนางจริง ๆ!ฮูหยินใหญ่มองชีหยวนเป็นเสี้ยนตำตาอยู่แล้ว ครั้งนี้นางไม่ได้ให้คำแนะนำอะไรเลยจริง ๆ!ชีหยวนส่งเสียงอ้อสั้น ๆ ก่อนจะใช้ปลายนิ้วเช็ดคราบเลือดบนกริชออกทีละนิด จากนั้นจึงกล่าวเสียงเนิบ “เกี่ยวหรือไม่เกี่ยว ที่จริงก็ไม่ได้สำคัญอะไรนักหรอก สิ่งที่สำคัญคือ วันนี้แม่นมเถียนเห็นหรือไม่ว่าฮูหยินใหญ่ลู่ตายอย่างไร?”ตายอย่างไร?ชีหยวนฆ่าเองกับมือไงเล
ฉู่กั๋วกงถึงกับหัวเราะออกมาด้วยความโกรธตอนนี้ศพของฮูหยินฉู่กั๋วกงก็ยังอยู่ตรงหน้าเขา เพราะตลอดหนึ่งวันหนึ่งคืนที่ผ่านมา เขาไม่ยอมให้ใครมาจัดการศพ ร่างของฮูหยินฉู่กั๋วกงจึงเริ่มปรากฏรอยศพ ข้อต่อต่าง ๆ แข็งเกร็งไม่สามารถงอได้อีกแต่เมื่อสองวันก่อน ทุกอย่างยังดีอยู่แท้ ๆเมื่อสองวันก่อน ฮูหยินของเขายังเอ่ยเตือนเขาว่าให้ดูแลร่างกาย พวกเขายังปรึกษากันอยู่เลยว่าจะผ่านเรื่องราวในครั้งนี้ไปได้อย่างไรแต่เพียงไม่กี่วันเท่านั้น ฟ้ากลับพลิกผันตอนนี้ ชาวบ้านด้านนอกคงกำลังเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่กันอยู่กระมัง?แต่ที่จวนฉู่กั๋วกงของพวกเขากลับไม่มีปีใหม่ให้ฉลองอีกแล้วเริ่มจากจิงหง ต่อด้วยเจ้ารอง แล้วก็มาถึงฮูหยินฉู่กั๋วกงตอนนี้ก็ถึงคราวของเขาแล้วใช่หรือไม่?พวกฝ่ายวังบูรพาคิดว่าหากร่วมมือกับองค์หญิงใหญ่และพระชายาหลิ่ว ก็จะทำตามอำเภอใจได้อย่างนั้นหรือ?คิดว่าจะสามารถล้มเขาได้เช่นนั้นหรือ?!ฉู่กั๋วกงหันไปมองไล่เฉิงหลงอย่างไม่สบอารมณ์แล้วยกยิ้มหยัน “ขยะอย่างพวกเจ้า กล้าดีอย่างไรถึงเรียกตัวเองว่าเป็นหูตาของฮ่องเต้! ภรรยาของข้าเกิดเรื่องขึ้น ก็เป็นเพราะพวกเจ้าพวกไร้ความสามารถ!”เขาแทบจะชี้นิ้
ฮูหยินหลิ่วร้องไห้พลางขานรับ เมื่อได้รับสายตาจากพ่อสามีของตนก็รีบเดินออกไปไล่เฉิงหลงกำลังจะสั่งให้คนพาตัวเขาออกไปแต่ฉู่กั๋วกงกลับสะบัดแขนเสื้อ ใบหน้าไร้ซึ่งอารมณ์กล่าวขึ้นว่า “ข้าขอเข้าเฝ้าฮ่องเต้!”ไล่เฉิงหลงก็ไม่ยอมอ่อนข้อเช่นกัน “ท่านกั๋วกง ฮ่องเต้ทรงมีรับสั่งให้พวกข้าสอบสวนคดีนี้ ท่านต้องการเข้าเฝ้าฮ่องเต้ ก็รอให้พวกข้าสอบสวนคดีให้กระจ่างก่อน!”ฉู่กั๋วกงแค่นหัวเราะเย็นชา ดึงเก้าอี้ตัวหนึ่งมานั่งลงพลางกล่าวเสียงเย็นเยียบ “ข้าบอกแล้วว่าข้าต้องการเข้าเฝ้าฮ่องเต้! นอกจากฮ่องเต้แล้ว ไม่มีใครมีสิทธิ์ตัดสินโทษข้า!”แม่นมเถียนก็กำลังร้องห่มร้องไห้ นางมองชีหยวนทั้งน้ำตาพลางสะอึกสะอื้น “คุณหนูใหญ่ชี ไม่ใช่ว่าบ่าวไม่เชื่อฟังท่าน แต่ว่า แต่ว่าหากบ่าวพูดออกไป ใครจะเชื่อเล่าเจ้าคะ?! ฮูหยินใหญ่ของพวกเราตายอยู่ในหอชิงอวิ๋น ฉู่กั๋วกงยังไม่เคยมาเหยียบที่นี่เลย...”ชีหยวนเลิกคิ้วขึ้น ดึงเก้าอี้มานั่งด้านข้างของนาง จากนั้นโน้มตัวลงมองนางพลางหัวเราะเบา ๆ “เรื่องนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับความจริงใจของแม่นมเถียนแล้ว ฆ่าคนไม่จำเป็นต้องลงมือเองใช่หรือไม่? คำที่ว่าเห็นฉู่กั๋วกงฆ่าคนกับตา ก็อาจจะเป็นคนสนิท
อีกฝ่ายสืบประวัติของนางจนกระจ่างแจ้งไปถึงสิบแปดชั่วโคตรแล้ว นางยังจะมีอะไรให้พูดอีก?ริมฝีปากของนางสั่นระริกในฐานะที่เป็นแม่นมผู้ดูแลมาหลายปี นางย่อมเข้าใจความหมายของชีหยวนที่ให้คนพูดเรื่องพวกนี้ชีหยวนกำลังบอกนางว่า ตอนนี้ทุกคนที่นางให้ความสำคัญล้วนอยู่ในกำมือของชีหยวนแล้วและนางก็ไม่สงสัยในคำขู่ของชีหยวนเลยชีหยวนฆ่าฮูหยินใหญ่ลู่โดยไม่กะพริบตา แล้วนับประสาอะไรกับครอบครัวของนาง?สายตาของแม่นมเถียนซับซ้อน ในใจยิ่งว้าวุ่นตอนงานเลี้ยงรับญาติในวันนั้น ใครจะคาดคิดว่าเด็กสาวที่ถูกเลี้ยงมาโดยพวกคนเชือดหมูและถูกหัวเราะเยาะว่าเป็นตัวตลกของเมืองหลวง จะสามารถพลิกมือเรียกเมฆ คว่ำมือเรียกฝนก่อคลื่นลมในเมืองหลวงได้เช่นนี้?แต่นางทำได้!คิดดูก็รู้แล้วว่าจุดจบของจวนฉู่กั๋วกงก็คงไม่มีทางดีเป็นแน่แม่นมเถียนหมดสิ้นความหวัง นางคลานลงกับพื้น “คุณหนูใหญ่ชี ท่านโปรดเมตตาด้วยเถิด บ่าวจะทำทุกอย่างตามที่ท่านต้องการ ทุกอย่างตามที่ท่านต้องการ!”ชีหยวนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยก่อนลุกขึ้นยืน “ข้าเป็นคนพูดคำไหนคำนั้น ลูกหลานของเจ้าไม่มีโอกาสรู้เรื่องนี้ และพวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องรู้ ดังนั้นตราบใดที่เจ้ารู้จั
ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้ต้องการปรึกษาจริง ๆ ปกติก็เป็นเซียวอวิ๋นถิงที่คุยกับนางท่านโหวผู้เฒ่าชีรู้สึกขึ้นมาทันทีว่าฮูหยินใหญ่ลู่ช่างโง่เขลาจนน่าสมเพชไม่สิ ไม่ใช่แค่โง่จนน่าสมเพช แต่ยังโอหังจนเกินเยียวยาตอนนี้พระชายาหลิ่วกลับสู่เมืองหลวงแล้ว คนร้ายที่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวในอดีตล้วนควรเก็บเนื้อเก็บตัวรอดูข่าวแต่ในช่วงเวลานี้ฮูหยินใหญ่ลู่กลับกล้าคิดวางแผนเล่นงานผู้อื่นนางคิดอะไรอยู่กันแน่?!“แล้วจากนั้นเล่า?” ชีเจิ้นถามอย่างร้อนใจชีหยวนแสยะยิ้มเย้ยหยัน “นางหาพวกอันธพาลสองคนมาหมายจะใช้วิธีสกปรกกับข้า ข้าเกลียดเรื่องพรรค์นี้ที่สุด เลยส่งนางลงไปพบกับผู้บัญชาการทหารสูงสุดลู่แล้วเจ้าค่ะ”สามีภรรยาคู่นี้ก็ผีเน่ากับโลงผุดี ๆ นี่เอง เหมาะสมกันดี อย่าได้แยกจากกันเลยชีเจิ้นอ้าปากค้าง ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ตายได้ดี!”แต่ว่า...ท่านโหวผู้เฒ่าชีมองชีหยวน “คิดเรื่องเก็บกวาดไว้เรียบร้อยหรือยัง?”ทุกครั้งที่ชีหยวนฆ่าคน นางสามารถถอยออกมาได้โดยไร้ร่องรอย นั่นเป็นเพราะชีหยวนจัดการเก็บกวาดทุกอย่างสะอาดหมดจด จนไม่มีใครหาหลักฐานใด ๆ ได้แต่กรณีของฮูหยินใหญ่ลู่นั้น นางเป็นคนนัดชีหยวนออกไปพบก่อนพ
เซียวอวิ๋นถิงยังคงยิ้มตาหยีเหมือนเดิม ไม่มีทีท่าผิดหวังแม้แต่น้อย “จริงหรือ? เช่นนั้นคงเป็นข้าที่จำผิดไปเอง แต่ไหน ๆ ก็มาถึงแล้ว......”เขาหยิบกุญแจอายุยืนสีทองอร่ามออกมาจากด้านหลัง แล้วยื่นให้กับชีหยวน พร้อมกล่าวว่า “ขอให้ปีใหม่เริ่มต้นด้วยความโชคดี และขอให้ทุกสิ่งเป็นไปอย่างราบรื่นสมปรารถนา เล็ก ๆ น้อย ๆ จากใจ หวังว่านับจากนี้ไปเจ้าจะผ่านพ้นเคราะห์ร้ายและพบแต่ความรุ่งเรือง”กุญแจอายุยืนทอประกายแวววาวภายใต้แสงไฟเห็นได้ชัดว่า แค่เอื้อมมือออกไปก็สามารถหยิบของสิ่งนั้นไว้ในมือได้ แต่ชีหยวนกลับไม่ยื่นมือออกไปรับความสัมพันธ์ระหว่างนางกับเซียวอวิ๋นถิง ไม่ได้อยู่ในระดับที่รับกุญแจอายุยืนชิ้นนี้ไม่ได้ท้ายที่สุดแล้ว ตอนที่นางขอเงินจากเขา นางก็ไม่เคยลังเลเลยสักนิดแต่เงินทองก็คือเงินทองกุญแจอายุยืนนี้กลับแตกต่างออกไปนางส่ายหน้า “ขอบคุณน้ำใจของท่านอ๋องเจ้าค่ะ เพียงแต่ว่าหากข้าน้อยรับของของท่านเป็นการส่วนตัว เกรงว่าจะเข้าข่ายการรับของโดยมิชอบ ซึ่งผิดกฎระเบียบเจ้าค่ะ” ……ท่านโหวผู้เฒ่าชีและชีเจิ้นมองหน้ากันด้วยความสงสัยเต็มหัวตอนนี้มานึกขึ้นได้ว่าพวกเขาเป็นผู้ใหญ่ การที่ตัวนางแอบร
เดิมทียังคิดว่าวันส่งท้ายปีเก่าในวันพรุ่งนี้ จะได้กินเกี๊ยวอย่างสบายใจสักมื้อแล้วเชียวแต่พอมาดูตอนนี้ เกรงว่าเรื่องราวจะไม่ง่ายขนาดนั้นเสียแล้วแต่ที่แปลกก็คือ ไม่ว่าจะเป็นท่านโหวผู้เฒ่าชี เซียวอวิ๋นถิง หรือชีหยวนทั้งสามคนล้วนเปี่ยมด้วยรอยยิ้มสดใส ไม่มีท่าทีเป็นกังวลเลยแม้แต่น้อยยิ่งแปลกเข้าไปใหญ่ชีเจิ้นอดไม่ได้ที่จะเรียกพ่อของเขาท่านโหวผู้เฒ่าชีกดมือเขาไว้ อดกลั้นความปั่นป่วนในใจ ก่อนจะแค่นหัวเราะแล้วพูดว่า “วันตายของฉู่กั๋วกงมาถึงแล้ว!”ชีเจิ้นเบิกตากว้างยังไม่ทันที่เขาจะเข้าใจ ตรงหน้าประตูก็เกิดความวุ่นวายขึ้นแล้วเฉินฮ่าวและพวกที่ขวางประตูไว้ร้องตะโกนเสียงดัง “ท่านกั๋วกงตรากตรำทำงานหนักมาโดยตลอด! ในอดีตเพื่อแย่งชิงเจียงหยิน ท่านไม่ได้หลับไม่ได้นอน แม้ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลและโรคภัย ก็ยังไม่ยอมถอดเกราะออกจากสนามรบ! บัดนี้แค่คำกล่าวหาจากชาวบ้านต่ำต้อยที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้าเพียงคนเดียว กลับสามารถลบล้างความพยายามหลายปีของท่านกั๋วกงให้สูญเปล่าได้อย่างนั้นหรือ?!”เฉิงกั๋วกงขมวดคิ้วแน่น กล่าวเตือนใจไล่เฉิงหลง “ใต้เท้าไล่ยังหนุ่มแน่น การทำอะไรอย่างเฉียบขาดเป็นเรื่องเข้าใจได
ฉู่กั๋วกงหันไปยิ้มด้วยท่าทียั่วยุใส่ไล่เฉิงหลง ก่อนจะสะบัดแขนเสื้อ และแขนเสื้อได้สะบัดใส่หน้าของไล่เฉิงหลงไล่เฉิงหลงยังไม่ทันขยับ องครักษ์เสื้อแพรที่อยู่ข้างหลังเขาก็ชักดาบปักวสันต์ออกมาพร้อมเพรียงกัน จ้องมองฉู่กั๋วกงอย่างไม่พอใจที่เขาเสียมารยาทต่อเจ้านายของพวกตนเฉิงกั๋วกงอยากพูดบางอย่างแต่ก็หยุดลง แม้ว่าเขาจะออกหน้าช่วยพูดแทนฉู่กั๋วกงเพราะเห็นแก่ไมตรีเก่า ๆ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาอยากเป็นศัตรูกับไล่เฉิงหลงเจ้าเด็กนี่มันเก่งกาจและน่ากลัวเขาจึงกระแอมไอ ไกล่เกลี่ยข้อพิพาท “พี่เจ็ด อย่าไปถือสาเด็กหนุ่มนักเลย ฝ่าบาทมีรับสั่งให้เข้าเฝ้า เรารีบเข้าวังกันเถอะ!”ในสายตาของพวกเขา ฮ่องเต้หย่งชางยังคงมีเมตตาต่อเหล่าขุนนางเก่าที่ร่วมรบมาจากแคว้นหมิ่นเสมอตลอดหลายปีที่ผ่านมา ไร่ชาในฝูเจี้ยนแทบทั้งหมดล้วนตกอยู่ในมือของพวกขุนนางชั้นสูง พระองค์จะมิทรงทราบเลยเชียวหรือ?ทว่าเพียงพราะเห็นแก่ไมตรีจิตที่ร่วมทำศึกสงครามกันมาในอดีต จึงทรงทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นอดีตเป็นเช่นนั้น อนาคตก็จะเป็นเช่นนั้นด้วยพวกเขาไม่กล้าทำเรื่องที่เลวร้ายเกินไป เพียงแค่โลภไปหน่อย เสวยสุขไปหน่อยเท่านั้นฮ่องเต้จะมาถึง
ทว่าในขณะเดียวกันก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ สวรรค์ยุติธรรมเสมอ ในโลกปัจจุบันนางคือคุณหนูใหญ่ที่ใครต่างก็จับตามอง ทะลุมิติมาอยู่ในร่างนี้ ก็ยังเป็นองค์หญิงที่ได้รับความโปรดปรานที่สุดในต้าโจว เห็นไหมล่ะคนชั้นสูงอยู่ที่ไหนก็เป็นคนชั้นสูงอยู่วันยังค่ำ บิดาของนางเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ส่วนมารดาของนางก็เป็นอาจารย์ชั้นพิเศษ นางเคยชินกับการมีแค่พี่เลี้ยงและเงินทองอยู่เป็นเพื่อนมาตั้งแต่ยังเล็กแล้ว จึงเรียนรู้ที่จะพูดแบบคนเมื่ออยู่ต่อหน้าคน และพูดแบบผีเมื่ออยู่ต่อหน้าผีมาตั้งแต่ยังเด็ก ไม่มีใครจะปิดบังความรู้สึกของตนเองได้เก่งไปมากกว่านางแล้ว ในโลกยุคปัจจุบันนางยังสามารถกลั่นแกล้งพวกปรสิตชั้นต่ำที่ไร้ประโยชน์พวกนั้นให้ตายไปทีละคนได้เลย แล้วนับประสาอะไรกับโลกยุคโบราณ? นางเป็นถึงองค์หญิงเชียวนะ นางฆ่าคนก็ไม่อะไรต่างจากฆ่ามดปลวกให้ตาย และตอนนี้ก็ถึงคราวของชีหยวนเจ้ามดปลวกตัวนี้แล้ว นางเดาะลิ้น ในดวงตาเต็มไปด้วยความรังเกียจ ดูสิ ทั้งที่ได้กลับชาติมาเกิดใหม่เหมือนกัน อ๋องฉีกลับไม่เอาไหนถึงเพียงนี้ ทว่ากลับกันคนอย่างชีหยวนยังสามารถก่อเมฆลมปลุกปั่นสถานการณ์ได้เลย แต่ว่า ถึงจะเป็นเช
ฮ่องเต้หย่งชางแทบจะหมดหนทางกับธิดาพระองค์นี้ของตนจริง ๆ หลังจากส่ายศีรษะอย่างจนปัญญาก็ตระหนักถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ว่า: “เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับที่เจ้ากล่าวถึงชีหยวนคนนั้นขึ้นมาหรือ?” สองคนที่แตกต่างกันราวฟ้ากับดิน คนหนึ่งคือจันทรากระจ่างบนฟากฟ้ามิอาจแตะต้อง ส่วนอีกคนเป็นแค่ดอกหญ้าทั่วไปบนพื้นดินที่จะเอื้อมมือไปเด็ดเมื่อใดก็ได้ ชีหยวนมีความพิเศษอะไรกันแน่ ถึงได้ทำให้คนอย่างเป่าหรงจดจำได้ องค์หญิงเป่าหรงเม้มปาก ดูคล้ายว่ากำลังงุนงงสับสน และก็คล้ายว่ามีความสงสัยใคร่รู้อยู่ในที นางลืมตากว้างด้วยดวงตาที่ไร้เดียงสา เม้มริมฝีปากพลางมองฮ่องเต้หย่งชางและกล่าวว่า: “เสด็จพ่อ ลูกจำนางได้ มิใช่เพราะตัวนาง แต่เป็นเพราะเสด็จป้าองค์หญิงใหญ่และอวิ๋นถิง” เอ่ยถึงเรื่องนี้ สีพระพักตร์ของฮ่องเต้หย่งชางมืดครึ้มลง ก่อนจะเปล่งเสียงโอ้ออกมาเพียงหนึ่งคำ และถามอย่างคลุมเครือ: “พวกเขามีความเกี่ยวข้องอันใดกันหรือ?” “เสด็จพ่อไม่ทราบหรือเพคะ? ตอนที่คุณหนูใหญ่สกุลชีท่านนี้เพิ่งกลับมาจากบ้านในชนบท คนในตระกูลของพวกเขาต่างไม่โปรดปรานนางเลยสักคน จนสุดท้ายในตอนที่จัดงานเลี้ยงรับญาติ ก็มีพระปิตุจฉาองค์หญิง
สถานการณ์ในตอนนี้ พระชายาหลิ่วโกรธเกลียดเคียดแค้นทุกคนในสกุลหลิ่ว หากว่าองค์หญิงเป่าหรงและเสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟยเข้าไปยุ่งด้วย จะไม่เป็นการหาเรื่องใส่ตัวหรอกหรือ? องค์หญิงเป่าหรงผุดยิ้มอย่างลำพองตนในใจ จะว่าไป ความรักของบุรุษอยู่ที่ใด ความลำเอียงย่อมอยู่ที่นั่นด้วย บางทีเขาเองก็อาจจะไม่รู้สึกตัวด้วยซ้ำ ว่าเขามีใจเอนเอียงไปทางเสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟยรวมถึงบรรดาพระโอรสพระธิดาที่นางให้กำเนิดโดยสมบูรณ์แล้ว ยิ่งเป็นเช่นนี้ องค์หญิงเป่าหรงก็ยิ่งอาศัยจังหวะที่ได้เปรียบโจมตีต่อเนื่อง: “เสด็จพ่อ! ในเมื่อพระองค์ตรัสเองว่า นางเป็นฮองเฮาองค์แรกของท่าน ช้าเร็วอย่างไรนางก็ต้องเสด็จกลับเข้าวัง พวกหม่อมฉันจะหลบหนีไปได้ชั่วชีวิตหรือเพคะ?” ฮ่องเต้หย่งชางเงียบไป องค์หญิงเป่าหรงน้ำตาร่วงเผาะพลางเอ่ยด้วยเสียงเบา: “เสด็จพ่อ ให้พวกหม่อมฉันไปเถิดเพคะ ให้พวกหม่อมฉันไปทูลขอพระราชทานอภัยจากนางเถิดเพคะ หากทุกฝ่ายเปลี่ยนอาวุธเป็นผ้าไหมและเครื่องหยก ไม่ดีหรือเพคะ?” ฮ่องเต้หย่งชางครุ่นคิดซ้ำแล้วซ้ำแล้ว ท้ายที่สุดก็ยอมโอนอ่อนผ่อนตาม แต่กระนั้นก็ยังไม่ลืมที่จะถามถึงอาการบาดเจ็บของนาง: “อดทนไหวหรือ?” องค์หญิงเป
นางเล่นมีดในมือไปมา ครั้นได้ยินเสียงเคลื่อนไหวที่แว่วมาจากด้านนอก ก็เก็บมีดกลับเข้าไปในแขนเสื้ออีกครั้งอย่างรวดเร็ว ก่อนจะพลิกกายลุกขึ้นนั่ง นัยน์ตาคู่นั้นพลันส่องประกายสว่างเจิดจ้าขึ้นมาทันที ยามที่เห็นฮ่องเต้หย่งชางเดินเข้ามา นางสะอื้นออกมาเบา ๆ : “เสด็จพ่อ!” ช่างเป็นเด็กดีเสียจริง ฮ่องเต้หย่งชางใจอ่อนยวบลงโดยพลัน เขาทั้งรักและเอ็นดูธิดาพระองค์นี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นในตอนนี้ธิดาพระองค์นี้ยังได้รับบาดเจ็บสาหัสด้วย เขาถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง ก่อนจะถามว่า: “เจ็บหรือไม่?” เงียบไปเนิ่นนาน องค์หญิงเป่าหรงน้ำตารื้นพลางเม้มปากแน่นและส่ายศีรษะน้อย ๆ : “ไม่เจ็บเพคะ เสด็จพ่อ ลูกไม่เจ็บแม้แต่นิดเดียว” แม้ปากบอกว่าไม่เจ็บ ทว่ามือของนางกลับเอื้อมไปกดแผ่นหลังตนเอง เพียงเสี้ยวพริบตาโลหิตสีสดก็ไหลออกมากอีกครั้ง โลหิตหยดลงบนหลังมือของฮ่องเต้หย่งชาง สีหน้าของฮ่องเต้หย่งชางเปลี่ยนไปทันที ก่อนจะเอ่ยปากดุอย่างอดไม่ได้: “ไม่เจ็บอะไร เจ้าดูสิบาดแผลของเจ้ากลายเป็นอะไรไปแล้ว! เซียวโม่เขาสติไม่สมประกอบตั้งแต่ยังเล็ก เจ้าไม่สามารถปฏิบัติต่อเขาเหมือนเป็นคนปกติได้ เหตุใดตอนนั้นเจ้าไม
ชีหยวนแอบเดาะลิ้นในใจ นางย่อมรู้ดีอยู่แล้ว คนที่สามารถเอาตัวรอดจากการถูกตามล่าอย่างหนักหน่วงได้และยังสามารถปกป้องบุตรจนรอดชีวิตมาได้ ต้องไม่ใช่คนที่อ่อนแออย่างเด็ดขาด จริงดังคาด อีกฝ่ายเข้าใจกระจ่างชัดอย่างดี องค์หญิงใหญ่กัดริมฝีปากอย่างอดไม่ไหว: “เช่นนั้น พระเชษฐภคินีทรงพระกันแสงกับเสด็จพี่…” ใครเล่าจะไม่รู้จักร้องไห้! มีแต่พวกเสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟยเท่านั้นหรือที่รู้จักร่ำไห้! ทว่าทันใดนั้นพระชายาหลิ่วกลับส่งเสียงหัวเราะออกมา นางปรายสายตามององค์หญิงใหญ่อย่างราบเรียบ ใบหน้าแม้ประดับด้วยรอยยิ้ม ทว่ารอยยิ้มนั้นส่งไปไม่ถึงแววตาแม้แต่น้อย: “คนอื่นยามร่ำไห้คงเหมือนหญิงงามประคองใจ ยามนี้ข้าไปร่ำไห้บ้างคงเป็นได้แค่คนโง่เขลาที่หลับหูหลับตาเลียนแบบอย่างน่ารังเกียจ ไม่สู้ต่างฝ่ายต่างเก็บศักดิ์ศรีไว้ดีกว่า” องค์หญิงใหญ่คิดจะโต้แย้ง แต่ก็หมดหนทางโต้แย้ง ถ้อยคำที่พระชายาหลิ่วเอ่ยออกมาโหดร้ายมากก็จริง ทว่าความโหดร้ายก็คือความจริงของโลกใบนี้ ใช่แล้ว อีกฝ่ายร่ำไห้ดังบุปผาหลี่ต้องสายพิรุณ แต่กับพระชายาหลิ่วที่ผ่านโลกมาอย่างโชกโชนจะไปเปรียบเทียบกับนางได้อย่างไร? นางวางตะเกียบลงเสียงดัง
เกี๊ยวของทางเหนือและทางใต้ความจริงแล้วแตกต่างกันมาก อย่างน้อยทางใต้ความจริงแล้วก็มิได้นิยมกินเกี๊ยวที่ทำจากที่ทำจากแป้งสาลี ดังนั้นในตอนแรกพระชายาหลิ่วจึงไม่ได้สนใจเกี๊ยวนี้เท่าใดนัก นางเพียงแค่กล่าวขอบคุณต่อชีหยวนอย่างจริงใจ แม้ว่านางจะเข้าใจมานานแล้ว ว่าเหตุผลที่ชีหยวนพยายามอย่างหนักเพื่อตามนางกลับมา และช่วยนางจัดการกับพวกฉู่กั๋วกง จะเป็นเพราะว่าตัวชีหยวนเองก็อยู่ในสถานการณ์เป็นอริศัตรูกับอ๋องฉีอย่างอยู่ร่วมโลกใบเดียวกันไม่ได้ ทว่าเมื่อมาถึงวัยอย่างนางตอนนี้ ก็มิใช่เวลาจะมัวลังเลกับจุดหมายอีกต่อไปแล้ว นางมองเพียงแค่ผลลัพธ์เท่านั้น และผลลัพธ์ก็คือชีหยวนได้ช่วยเหลือนางไว้อย่างมาก นางสามารถคืนสู่เมืองหลวง และกลับเข้าวังได้อย่างสง่าผ่าเผย จากนั้นยังสามารถกำจัดจวนฉู่กั๋วกงที่เคยกดขี่สูบเลือดสูบเนื้อนางและมารดาให้กลับคืนสู่ขุมนรกที่ควรอยู่อีกครั้ง จุดนี้สำคัญกว่าสิ่งใดทั้งปวงแล้ว กระทั่งเกี๊ยวร้อน ๆ ถูกยกมา มันมิได้มีสีขาวเหมือนอย่างเกี๊ยวทั่วไป แต่กลับเป็นสีเหลืองใสเกือบคล้ายอำพันที่มาพร้อมน้ำแกงร้อน ๆ ในชามใหญ่ พระชายาหลิ่วพลันเหลือบมองชีหยวนปราดหนึ่งด้วยความประหลาดใจ ค
จนกระทั่งกลับมาถึงอารามไป๋อวิ๋น หลังจากสั่งให้บ่าวรับใช้ล่าถอยออกไปจนหมด และบอกให้อ๋องโจวไปพักผ่อนแล้ว องค์หญิงใหญ่ถึงจะกำมือพระชายาหลิ่วไว้แน่นพร้อมเอ่ยว่า: “พระเชษฐภคินี จะปล่อยเรื่องไปแบบนี้ไม่ได้เพคะ!” ตำแหน่งฮองเฮาเดิมก็ควรเป็นของพระชายาหลิ่วอยู่ก่อนแล้ว! ตั๊กแตนของเซียวโม่พลันกระโดดออกมาจากกล่อง ทันใดนั้นเขาก็ร้องไห้โวยวายขึ้นมา องค์หญิงใหญ่ผงะไป นางมองพระชายาหลิ่วที่กำลังค้อมตัวลงช่วยเซียวโม่หาตั๊กแตนของเขาอย่างเต็มที่ เสี้ยวขณะนั้นก็รู้สึกจุกแน่นพูดไม่ออก นางคล้ายว่าเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว หลังจากทำให้เซียวโม่สงบลงได้แล้ว พระชายาหลิ่วก็เงยหน้าขึ้นมาพร้อมหัวเราะอย่างขมขื่นให้นาง: “เจ้าดูสิ ข้าจะยังไปแย่งชิงตำแหน่งอะไรได้อีกหรือ?” ตำแหน่งฮองเฮาแต่เดิมควรเป็นของนางก็ไม่ผิด ทว่าบางสิ่งหากพลาดไปแล้วก็คือพลาดไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งฮองเฮา หรือหัวใจของฮ่องเต้หย่งชาง ล้วนไม่มีทางจะรอคอยนางอยู่ที่เดิม พูดไปแล้วก็อาจจะฟังดูไม่ยุติธรรมนัก ทว่าบนโลกนี้เรื่องที่ไม่ยุติธรรมนับกันหมดหรือ? องค์หญิงใหญ่เงียบไปเนิ่นนาน ในหัวของนางเต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวาย บางครั้งสิ่งที
เรื่องราวทั้งหมดสิ้นสุดลง งานฉลองปีใหม่ในปีนี้แปลกประหลาดเป็นพิเศษ ภายในวังไม่ต้องพูดถึงก่อน ศพของขันทีและนางข้าหลวงถูกหามออกไปอย่างเงียบเชียบแล้วไม่น้อย ยิ่งจวนฉู่กั๋วกงยิ่งไม่ต้องพูดถึง แม้แต่วันปีใหม่ก็มิอาจทำให้ชีวิตของพวกเขาดีขึ้นได้เลยสักนิด ไล่เฉิงหลงนำกำลังคน ตรวจค้นจวนฉู่กั๋วกงทั้งสามชั้นในสามชั้นนอกจนทั่วแล้ว พวกบุรุษล้วนถูกจับกุมตัวเข้าคุกหลวงของกรมอาญา ส่วนพวกสตรีแต่ละคนล้วนถูกจับมัดและโยนเข้าสำนักการสังคีต ละแวกเขตพระราชวังหลวงล้วนอยู่ในความไม่สงบ คนที่อาศัยอยู่ในละแวกใกล้เคียง ไม่ว่าขุนนางชั้นผู้ใหญ่หรือขุนนางตระกูลสูงศักดิ์ หรือแม้กระทั่งเชื้อพระวงศ์พระประยูรญาติในราชสำนัก ล้วนแต่ปิดประตูใหญ่ของตนเองอย่างแน่นหนา สั่งห้ามมิให้คนในออกข้างนอกอย่างเด็ดขาด แม้จะเป็นการออกไปจับจ่ายซื้อของ ก็ได้รับอนุญาตให้พวกเขาเข้าออกได้เพียงหนึ่งครั้งต่อวันเท่านั้น บนท้องถนนเต็มไปด้วยคนของหน่วยปราบปรามและกองบัญชาการปัญจทิศรักษานครคอยลาดตระเวนอยู่ตลอดเวลา บรรยากาศอันเยือกเย็นและตึงเครียดเช่นนี้ทำให้ชาวบ้านแต่ละคนต่างไม่กล้าปาไข่ไก่และตะโกนด่าคนโดยไม่กลัวเกรงสิ่งใดเหมือนเมื่อก่อน
จากนั้นก็เริ่มห่อเกี๊ยว ชีเจิ้นคิดว่าตนเองเป็นบ้าไปแล้ว วันขึ้นปีใหม่ ยามนี้ไม่รู้เลยว่าในวังหลวงกำลังมีคลื่นลมพายุกระหน่ำเพียงใด แต่ตัวเขาน่ะหรือ? เขากลับมองชีหยวนห่อเกี๊ยวอยู่ตรงนี้! โหวผู้เฒ่าชีกลับยิ้มแย้มแจ่มใส ถึงขั้นแสดงความสนอกสนใจเหมือนฮูหยินผู้เฒ่าชีหัดห่อเกี๊ยวเป็นทรงก้อนเงินตำลึงตามแบบชีหยวนด้วย ขณะที่กำลังห่อเกี๊ยวไปพลาง โหวผู้เฒ่าชีก็ถามขึ้นว่า: “นี่ไม่เยอะเกินไปหน่อยหรือ?” ให้กินทั้งครอบครัวก็กินไม่หมดหรอก! ห้องครัวตอนนี้มีคนกว่าสามสิบชีวิตกำลังช่วยกันห่อเกี๊ยวอยู่! ชีหยวนเลิกคิ้ว ห่อเสร็จหนึ่งชิ้นก็วางบนโต๊ะพลางหัวเราะออกมาเบา ๆ : “ไม่เยอะไปหรอก ต้องแบ่งไปให้องค์หญิงใหญ่สักหน่อยด้วย แล้วยังต้องแบ่งไปให้ทางอ๋องจิ้งอีกสักหน่อยด้วย ปีใหม่นี้จะได้ฉลองกันอย่างเบิกบานมีความสุข” ...... โหวผู้เฒ่าชีชะงักมือที่กำลังห่อเกี๊ยวทันที: “แม่หนูหยวน เจ้าบอกความจริงกับข้าได้หรือไม่ ว่าวันนี้ผลจะออกมาเป็นเช่นไร?” ชีหยวนเหลือบสายตาขึ้นมองโหวผู้เฒ่าชี ก่อนจะเอ่ยอย่างราบเรียบ: “ฉู่กั๋วกงตายแล้ว การประหารเก้าชั่วโคตรก็เป็นไปไม่ได้ ถึงอย่างไรหากมีการประหารเก้าชั่วโคตรขึ้นจ