อีกฝ่ายสืบประวัติของนางจนกระจ่างแจ้งไปถึงสิบแปดชั่วโคตรแล้ว นางยังจะมีอะไรให้พูดอีก?ริมฝีปากของนางสั่นระริกในฐานะที่เป็นแม่นมผู้ดูแลมาหลายปี นางย่อมเข้าใจความหมายของชีหยวนที่ให้คนพูดเรื่องพวกนี้ชีหยวนกำลังบอกนางว่า ตอนนี้ทุกคนที่นางให้ความสำคัญล้วนอยู่ในกำมือของชีหยวนแล้วและนางก็ไม่สงสัยในคำขู่ของชีหยวนเลยชีหยวนฆ่าฮูหยินใหญ่ลู่โดยไม่กะพริบตา แล้วนับประสาอะไรกับครอบครัวของนาง?สายตาของแม่นมเถียนซับซ้อน ในใจยิ่งว้าวุ่นตอนงานเลี้ยงรับญาติในวันนั้น ใครจะคาดคิดว่าเด็กสาวที่ถูกเลี้ยงมาโดยพวกคนเชือดหมูและถูกหัวเราะเยาะว่าเป็นตัวตลกของเมืองหลวง จะสามารถพลิกมือเรียกเมฆ คว่ำมือเรียกฝนก่อคลื่นลมในเมืองหลวงได้เช่นนี้?แต่นางทำได้!คิดดูก็รู้แล้วว่าจุดจบของจวนฉู่กั๋วกงก็คงไม่มีทางดีเป็นแน่แม่นมเถียนหมดสิ้นความหวัง นางคลานลงกับพื้น “คุณหนูใหญ่ชี ท่านโปรดเมตตาด้วยเถิด บ่าวจะทำทุกอย่างตามที่ท่านต้องการ ทุกอย่างตามที่ท่านต้องการ!”ชีหยวนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยก่อนลุกขึ้นยืน “ข้าเป็นคนพูดคำไหนคำนั้น ลูกหลานของเจ้าไม่มีโอกาสรู้เรื่องนี้ และพวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องรู้ ดังนั้นตราบใดที่เจ้ารู้จั
ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้ต้องการปรึกษาจริง ๆ ปกติก็เป็นเซียวอวิ๋นถิงที่คุยกับนางท่านโหวผู้เฒ่าชีรู้สึกขึ้นมาทันทีว่าฮูหยินใหญ่ลู่ช่างโง่เขลาจนน่าสมเพชไม่สิ ไม่ใช่แค่โง่จนน่าสมเพช แต่ยังโอหังจนเกินเยียวยาตอนนี้พระชายาหลิ่วกลับสู่เมืองหลวงแล้ว คนร้ายที่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวในอดีตล้วนควรเก็บเนื้อเก็บตัวรอดูข่าวแต่ในช่วงเวลานี้ฮูหยินใหญ่ลู่กลับกล้าคิดวางแผนเล่นงานผู้อื่นนางคิดอะไรอยู่กันแน่?!“แล้วจากนั้นเล่า?” ชีเจิ้นถามอย่างร้อนใจชีหยวนแสยะยิ้มเย้ยหยัน “นางหาพวกอันธพาลสองคนมาหมายจะใช้วิธีสกปรกกับข้า ข้าเกลียดเรื่องพรรค์นี้ที่สุด เลยส่งนางลงไปพบกับผู้บัญชาการทหารสูงสุดลู่แล้วเจ้าค่ะ”สามีภรรยาคู่นี้ก็ผีเน่ากับโลงผุดี ๆ นี่เอง เหมาะสมกันดี อย่าได้แยกจากกันเลยชีเจิ้นอ้าปากค้าง ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ตายได้ดี!”แต่ว่า...ท่านโหวผู้เฒ่าชีมองชีหยวน “คิดเรื่องเก็บกวาดไว้เรียบร้อยหรือยัง?”ทุกครั้งที่ชีหยวนฆ่าคน นางสามารถถอยออกมาได้โดยไร้ร่องรอย นั่นเป็นเพราะชีหยวนจัดการเก็บกวาดทุกอย่างสะอาดหมดจด จนไม่มีใครหาหลักฐานใด ๆ ได้แต่กรณีของฮูหยินใหญ่ลู่นั้น นางเป็นคนนัดชีหยวนออกไปพบก่อนพ
เซียวอวิ๋นถิงยังคงยิ้มตาหยีเหมือนเดิม ไม่มีทีท่าผิดหวังแม้แต่น้อย “จริงหรือ? เช่นนั้นคงเป็นข้าที่จำผิดไปเอง แต่ไหน ๆ ก็มาถึงแล้ว......”เขาหยิบกุญแจอายุยืนสีทองอร่ามออกมาจากด้านหลัง แล้วยื่นให้กับชีหยวน พร้อมกล่าวว่า “ขอให้ปีใหม่เริ่มต้นด้วยความโชคดี และขอให้ทุกสิ่งเป็นไปอย่างราบรื่นสมปรารถนา เล็ก ๆ น้อย ๆ จากใจ หวังว่านับจากนี้ไปเจ้าจะผ่านพ้นเคราะห์ร้ายและพบแต่ความรุ่งเรือง”กุญแจอายุยืนทอประกายแวววาวภายใต้แสงไฟเห็นได้ชัดว่า แค่เอื้อมมือออกไปก็สามารถหยิบของสิ่งนั้นไว้ในมือได้ แต่ชีหยวนกลับไม่ยื่นมือออกไปรับความสัมพันธ์ระหว่างนางกับเซียวอวิ๋นถิง ไม่ได้อยู่ในระดับที่รับกุญแจอายุยืนชิ้นนี้ไม่ได้ท้ายที่สุดแล้ว ตอนที่นางขอเงินจากเขา นางก็ไม่เคยลังเลเลยสักนิดแต่เงินทองก็คือเงินทองกุญแจอายุยืนนี้กลับแตกต่างออกไปนางส่ายหน้า “ขอบคุณน้ำใจของท่านอ๋องเจ้าค่ะ เพียงแต่ว่าหากข้าน้อยรับของของท่านเป็นการส่วนตัว เกรงว่าจะเข้าข่ายการรับของโดยมิชอบ ซึ่งผิดกฎระเบียบเจ้าค่ะ” ……ท่านโหวผู้เฒ่าชีและชีเจิ้นมองหน้ากันด้วยความสงสัยเต็มหัวตอนนี้มานึกขึ้นได้ว่าพวกเขาเป็นผู้ใหญ่ การที่ตัวนางแอบร
เดิมทียังคิดว่าวันส่งท้ายปีเก่าในวันพรุ่งนี้ จะได้กินเกี๊ยวอย่างสบายใจสักมื้อแล้วเชียวแต่พอมาดูตอนนี้ เกรงว่าเรื่องราวจะไม่ง่ายขนาดนั้นเสียแล้วแต่ที่แปลกก็คือ ไม่ว่าจะเป็นท่านโหวผู้เฒ่าชี เซียวอวิ๋นถิง หรือชีหยวนทั้งสามคนล้วนเปี่ยมด้วยรอยยิ้มสดใส ไม่มีท่าทีเป็นกังวลเลยแม้แต่น้อยยิ่งแปลกเข้าไปใหญ่ชีเจิ้นอดไม่ได้ที่จะเรียกพ่อของเขาท่านโหวผู้เฒ่าชีกดมือเขาไว้ อดกลั้นความปั่นป่วนในใจ ก่อนจะแค่นหัวเราะแล้วพูดว่า “วันตายของฉู่กั๋วกงมาถึงแล้ว!”ชีเจิ้นเบิกตากว้างยังไม่ทันที่เขาจะเข้าใจ ตรงหน้าประตูก็เกิดความวุ่นวายขึ้นแล้วเฉินฮ่าวและพวกที่ขวางประตูไว้ร้องตะโกนเสียงดัง “ท่านกั๋วกงตรากตรำทำงานหนักมาโดยตลอด! ในอดีตเพื่อแย่งชิงเจียงหยิน ท่านไม่ได้หลับไม่ได้นอน แม้ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลและโรคภัย ก็ยังไม่ยอมถอดเกราะออกจากสนามรบ! บัดนี้แค่คำกล่าวหาจากชาวบ้านต่ำต้อยที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้าเพียงคนเดียว กลับสามารถลบล้างความพยายามหลายปีของท่านกั๋วกงให้สูญเปล่าได้อย่างนั้นหรือ?!”เฉิงกั๋วกงขมวดคิ้วแน่น กล่าวเตือนใจไล่เฉิงหลง “ใต้เท้าไล่ยังหนุ่มแน่น การทำอะไรอย่างเฉียบขาดเป็นเรื่องเข้าใจได
ฉู่กั๋วกงหันไปยิ้มด้วยท่าทียั่วยุใส่ไล่เฉิงหลง ก่อนจะสะบัดแขนเสื้อ และแขนเสื้อได้สะบัดใส่หน้าของไล่เฉิงหลงไล่เฉิงหลงยังไม่ทันขยับ องครักษ์เสื้อแพรที่อยู่ข้างหลังเขาก็ชักดาบปักวสันต์ออกมาพร้อมเพรียงกัน จ้องมองฉู่กั๋วกงอย่างไม่พอใจที่เขาเสียมารยาทต่อเจ้านายของพวกตนเฉิงกั๋วกงอยากพูดบางอย่างแต่ก็หยุดลง แม้ว่าเขาจะออกหน้าช่วยพูดแทนฉู่กั๋วกงเพราะเห็นแก่ไมตรีเก่า ๆ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาอยากเป็นศัตรูกับไล่เฉิงหลงเจ้าเด็กนี่มันเก่งกาจและน่ากลัวเขาจึงกระแอมไอ ไกล่เกลี่ยข้อพิพาท “พี่เจ็ด อย่าไปถือสาเด็กหนุ่มนักเลย ฝ่าบาทมีรับสั่งให้เข้าเฝ้า เรารีบเข้าวังกันเถอะ!”ในสายตาของพวกเขา ฮ่องเต้หย่งชางยังคงมีเมตตาต่อเหล่าขุนนางเก่าที่ร่วมรบมาจากแคว้นหมิ่นเสมอตลอดหลายปีที่ผ่านมา ไร่ชาในฝูเจี้ยนแทบทั้งหมดล้วนตกอยู่ในมือของพวกขุนนางชั้นสูง พระองค์จะมิทรงทราบเลยเชียวหรือ?ทว่าเพียงพราะเห็นแก่ไมตรีจิตที่ร่วมทำศึกสงครามกันมาในอดีต จึงทรงทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นอดีตเป็นเช่นนั้น อนาคตก็จะเป็นเช่นนั้นด้วยพวกเขาไม่กล้าทำเรื่องที่เลวร้ายเกินไป เพียงแค่โลภไปหน่อย เสวยสุขไปหน่อยเท่านั้นฮ่องเต้จะมาถึง
แววตาของไล่เฉิงหลงยิ่งฉายความสนใจมากขึ้นพระราชนัดดาองค์โตมาอยู่ที่นี่ในวันนี้ เห็นได้ชัดว่าพายุคลื่นลูกใหญ่ที่พระชายาหลิ่วกลับเข้าวังในครั้งนี้ ย่อมเกี่ยวข้องกับวังบูรพาเป็นแน่หญิงสาวที่เขาปกป้องอยู่นั้น......ไล่เฉิงหลงหันไปมองลูกน้องแวบหนึ่งลูกน้องเข้าใจทันทีและรีบจากไปทันทีฉู่กั๋วกงก็ได้ขึ้นม้าตามการเร่งรัดของเซี่ยกงกงไปแล้วจูปิน เฉินฮ่าว และพรรคพวกต่างก็ตามไปด้วยเว้นเพียงเฉิงกั๋วกง ที่ไม่รู้เพราะเหตุใด เขามองไล่เฉิงหลง แล้วเกิดความรู้สึกประหลาดบางอย่าง คิดทบทวนอยู่ครู่หนึ่ง จึงหาเหตุผลอ้างว่าต้องกลับบ้านไปเปลี่ยนเสื้อผ้า และไม่ได้ตามไปฝูงชนที่รายล้อมจวนฉู่กั๋วกงก็เริ่มทยอยสลายตัวบรรดาปัญญาชนและชาวบ้านเริ่มวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้สำหรับชาวบ้านธรรมดาย่อมไม่ต้องพูดถึง ทุกเสียงล้วนด่าทอว่าฉู่กั๋วกงชั่วร้ายและสมควรตาย แต่พวกปัญญาชนกลับรู้เรื่องราวมากกว่าเล็กน้อยเมื่อคิดถึงคดีที่ศาลซุ่นเทียนสอบสวนเกี่ยวกับเจียงเหยียนเจินที่ส่งคนไปลอบสังหารหูอี้ชวนในวันนี้ พวกเขาก็ยิ่งดูแคลนฉู่กั๋วกงเข้าไปใหญ่กระซิบกระซาบพิพากษ์ถึงเรื่องเสือยังไม่กินลูกของตนเอง กล่าวถึงเรื่องพระชาย
ชีเจิ้นรู้สึกเย็นวาบในใจ ไม่ใช่แค่เย็นธรรมดา เขาถึงขั้นขนลุกซู่ไปทั้งแผ่นหลังเลยทีเดียวพอฝืนทนจนกลับถึงจวน ก็รีบร้อนตรงไปยังห้องอักษรทันทีก่อนหน้านี้พวกเขาเลิกใช้ห้องอักษรเป็นที่ปรึกษาหารือไปแล้ว มักจะไปพูดคุยกันที่หอหมิงเยว่แทนแต่ครั้งนี้ไม่เหมือนกัน ทันทีที่เข้าห้องอักษร ชีเจิ้นก็รีบคว้าตัวท่านโหวผู้เฒ่าชีแล้วเอ่ยถาม “ท่านพ่อ! ท่านได้ยินหรือไม่ องค์หญิงเป่าหรง ตอนนางยังเด็กขนาดนั้นก็เคย…...”นั่นมันคนตั้งเท่าไหร่ นั่นคือชีวิตของผู้คนนับพัน!แม้แต่ในตอนนี้ หากมีคนตายจำนวนมากขนาดนั้น ก็คงเป็นเหตุการณ์ความขัดแย้งตามแนวชายแดน ถือได้ว่ามีผู้บาดเจ็บล้มตายอย่างหนักทั้งสองฝ่าย จำเป็นต้องรายงานต่อราชสำนักแล้วปีนั้นองค์หญิงเป่าหรงอายุแค่กี่ปีเอง?!หญิงสาวผู้นี้น่ากลัวยิ่งกว่าชีหยวนเสียอีกไม่แปลกใจเลยที่ฮองเฮาเฝิงจะถูกกดดันจนต้องเก็บตัวเงียบอยู่แต่ในวัง แม้แต่ในวันสำคัญอย่างวันขึ้นหนึ่งค่ำและสิบห้าค่ำที่ตำหนักกลางต้องออกมารับการถวายพระพรจากบรรดาสตรีบรรดาศักดิ์ นางก็ไม่เคยปรากฏตัวและไม่แปลกใจเลยที่ฮองเฮาเฝิงถึงกับต้องไปที่อารามไป๋อวิ๋นเพื่อขอร้ององค์หญิงใหญ่ ยอมทำทุกวิถีทางเพื่อส่
เพราะองค์หญิงเป่าหรงก็ยังเอ่ยถ้อยคำที่ว่าให้ละทิ้งจวนฉู่กั๋วกงเช่นนี้ออกมาในเวลานี้ฉู่กั๋วกงก็มาถึงตำหนักไท่จี๋แล้วด้านนอกตำหนักไท่จี๋มีกองกำลังองครักษ์เสื้อแพรล้อมอยู่เต็มไปหมด ไล่เฉิงหลงเข้าไปด้านในล่วงหน้าก่อน ไม่นานนักเขาก็เดินออกมา ขณะที่เดินผ่านฉู่กั๋วกงและจูปิน เขายกมุมปากขึ้นยิ้มเยาะด้วยสายตาเย็นชาให้พวกเขาจูปินยังแค้นใจเรื่องที่ไล่เฉิงหลงฟันแขนเสื้อเฉินฮ่าวไปเมื่อครู่ จึงสบถออกมาว่า “ทำเป็นวางท่าอะไรนักหนา?!”ไม่นาน ผู่อู๋ย่งก็เดินออกมาจากด้านใน แล้วร้องประกาศเสียงแหลม “เรียกฉู่กั๋วกงเข้าเฝ้า!”เมื่อเห็นผู่อู๋ย่ง สีหน้าของเหล่าขุนนางชั้นสูงก็ไม่สู้ดีนักเขาคือขันทีชั้นผู้ใหญ่แห่งกรมขันทีพระราชพิธี ปกติมักติดต่อกับสำนักขุนนางหลวง และมีอำนาจตรวจทานราชโองการ ถือเป็นขุนนางขันทีที่ทรงอิทธิพลที่แท้จริงฉู่กั๋วกงจัดเสื้อคลุมของตนให้เรียบร้อย ก่อนจะเชิดหน้าขึ้น ก้าวเข้าสู่ตำหนักไท่จี๋ในใจของเขาได้เตรียมแผนการรับมือไว้แล้วอันดับแรกคุกเข่าทูลรายงานข่าวการจากไปของฮูหยินฉู่กั๋วกงที่ถูกบีบบังคับจนต้องปลิดชีพจากนั้นก็ร้องไห้คร่ำครวญ ว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมา ตนได้ภักดีต่อฮ่องเต
ให้ตายเถอะ ไปมีเรื่องกับนางไม่ได้จริง ๆระหว่างทางที่มาในเมื่อครู่นี้ เขาได้เจอกับพ่อบ้านของตระกูลชีแล้ว พ่อบ้านของตระกูลชีถึงกับตกตะลึงไปแล้ว แต่ก็ยังยืนยันว่าคุณหนูใหญ่ของพวกเขาตกใจกลัวอย่างมาก เหล่านักฆ่าพวกนั้นล้วนเป็นองครักษ์ของตระกูลชีที่สังหารไปเองคำพูดพรรค์นี้ ก็คงมีแค่เจ้าเมืองทงโจวเท่านั้นที่เชื่อหลอกผีอยู่รึไงชีหยวนน่ะหรือจะตกใจกลัว?!นางอาจจะทำให้พญายมตกใจกลางดึกได้ แต่ไม่มีทางที่จะถูกนักฆ่าแค่ไม่กี่คนทำให้ตกใจกลัว!ดูจากตอนนี้แล้ว ก็จริงอย่างที่คิดเลยเซียวอวิ๋นถิงจนกระทั่งเห็นนางนั่งอยู่บนขั้นบันไดอย่างปลอดภัย เท้าของนางเหยียบอยู่บนอกของชายคน ถึงได้ถอนหายใจออกมาช้า ๆ เดินเข้าไปใกล้อีกนิด มองชายคนนั้นแวบหนึ่งแล้วถามชีหยวนว่า “เจ้าไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”“ไม่เป็นไร อยู่ดีมาก” ชีหยวนไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้น ยังคงจ้องชายคนนั้นต่อไป “ข้าแนะนำให้เจ้าพูดให้เร็วหน่อย ข้าเป็นคนไม่มีความอดทนมากนัก ถ้าคำตอบของเจ้าไม่ถูกใจข้า หรือบิดเบือนความจริง ข้าก็รีบจะถลกหนังเจ้าไปทำกลองหนังมนุษย์เสีย ส่วนพวกพ้องของเจ้าข้าง ๆ ข้าก็จะเอาพวกเขาทำเป็นโคมไฟหนังมนุษย์ ส่งไปให้เจ้านายของเจ้าด้วย
ครอบครัวทหารของตระกูลชี?ชีหยวนเพียงแค่เงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะยิ้มพลางยกดาบขึ้นฟันลง ฟันนิ้วของชายคนนั้นขาดไปหนึ่งนิ้วชายคนนั้นส่งเสียงกรีดร้องโหยหวนดังลั่นทันที“คิดว่าข้าเป็นเด็กสามขวบหรือไง?” ชีหยวนหัวเราะเยาะเสียงเย็นชา “จี้โจวอยู่ไกลจากที่นี่แค่ไหน? ข้าไม่สนหรอกว่าพวกเจ้าจะเป็นครอบครัวทหารของตระกูลชีจริงหรือไม่ ข้าถามแค่ว่า ในเมื่อเป็นคนของตระกูลชี ไฉนถึงรู้ความเคลื่อนไหวของข้าล่วงหน้า มาดักฆ่าข้ากลางทาง แล้วยังจงใจบุกมาฆ่าคนในบ้านพักชนบทนี้อีกด้วย?”อย่าบอกว่าท่านโหวผู้เฒ่าชีกับชีเจิ้นบ้าคลั่งจนเสียสติไปแล้วหากพวกเขาคลุ้มคลั่งขนาดนั้น ตระกูลชีก็คงล่มสลายไปนานแล้วส่วนคนที่เหลือ สมาชิกบ้านรองและบ้านสามของจระกูลชีต่างประพฤติตัวดี เพราะท่านโหวผู้เฒ่าชีเป็นผู้ชัดเจนมาโดยตลอด บรรดาศักดิ์เป็นของบ้านหลัก ทรัพย์สมบัติเมื่อถึงเวลาก็แบ่งกันอย่างยุติธรรมมีแต่คนเสียสติถึงสร้างปัญหากับบ้านหลักอีกอย่างถ้าต่อกรกับบ้านหลักจริง เช่นนั้นก็น่าจะไปฆ่าชีเจิ้นหรือชีอวิ๋นจื่อสิ ฆ่านางไปจะมีประโยชน์อะไร?ชีหยวนพลิกกริชในมือเล่น กริชหมุนลื่นในมือนางไหลราวกับมันมีชีวิต หมุนพลิกตามการควบคุมข
นางคิดไว้แล้วว่าจะให้พวกเขาตายอย่างไร แต่นางไม่คิดว่า พวกเขาจะใจร้อนเยี่ยงนี้! อีกทั้ง ดักซุ่มโจมตีนางกลางทางก่อน ขณะเดียวกันก็บุกเข้ามาฆ่าคนในบ้านพักชนบท ขณะที่นางฆ่าฟันศัตรู นางก็ยังมีเวลาคิดไปด้วยว่า เจ้าขันทีสุนัขนั่นคิดจะทำอะไรกันแน่?! ฆ่าเพื่อระบายความแค้นแค่นั้น? ไม่สิ พวกขันทีจิตวิปริตทั้งนั้น ยิ่งเป็นตัวประหลาดที่ควบคุมกององครักษ์เสื้อแพรได้แบบเขา จะต้องวิปริตยิ่งกว่าคนธรรมดา มันไม่มีทางแค่ต้องการทำลายบ้านพักชนบทของนางกับฆ่าคนของนาง เพื่อสั่งสอนนางเล็ก ๆ น้อย ๆ แค่นั้น บ้านพักชนบทผืนนี้……เป็นบ้านพักชนบทของตระกูลชี องครักษ์นายหนึ่งกระโดดลงมาจากหลังคา พุ่งกระโจนเข้าใส่ชีหยวน ชีหยวนยกมือขึ้นปล่อยเกาทัณฑ์แขนเสื้อโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย หลังจากยิงคนร่วงลงพื้นแล้ว นางก้าวเข้าไปเหยียบบนแผลเขา ย่อตัวนั่งลง ถามเสียงเย็นชา “พวกเจ้าเป็นใคร?” เจ้าขันทีสุนัขกล้าส่งคนมาฆ่าคนในขึ้นวันปีใหม่อย่างเปิดเผยแบบนี้ เช่นนั้นไม่มีทางทิ้งหลักฐานแน่นอน คนพวกนี้ไม่มีทางเกี่ยวข้องโยงใยถึงเจ้าขันทีสุนัขนั่นได้แน่ เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ จวนโหวไม่มีทางไม่แจ้งทางการ เจ้าขันทีสุนัข
จะตามทันได้อย่างไรกันเล่า?! คุณหนูใส่กระโปรง แต่คุณหนูใหญ่กลับขี่ม้าแบบนั่งหันข้างได้! หลายปีแล้วที่ไม่เห็นใครขี่ม้าเยี่ยงนี้ นางดูเหมือนเติบโตมาพร้อมกับหลังม้ายังไงยังงั้น พูดแบบไม่เกรงใจเลยนะ พวกเขาก็ติดตามรับใช้ท่านโหวกับท่านโหวผู้เฒ่ามาหลายปี แต่ทักษะการขี่ม้าของท่านโหวกับท่านโหวผู้เฒ่ายังไม่ดีถึงขั้นนี้เลย คุณหนูไปฝึกทักษะการขี่ม้าขั้นเทพเช่นนี้มาจากไหนกันแน่? ความเร็วของชีหยวนนั้นรวดเร็ว แทบจะไปถึงบ้านพักชนบทด้วยความเร็วปานลมกรดและสายฟ้าแลบ บ้านพักชนบทผืนนี้ไม่ใช่ของนาง แต่เป็นของตระกูลชีที่มอบให้นาง เพื่อเป็นการชดเชยให้กับนาง เดิมทีนางอยากจะทำให้มันเป็นบ้านของตัวเอง ตอนนี้บ้านหลังนี้ถูกทำลายไปแล้ว บนประตูหน้าบ้านยังคงติดยันต์เทพผู้พิทักษ์ประตูที่สลักจากไม้ท้อ โคมแดงสองดวงแขวนอยู่ตรงระเบียง หน้าเรือนยังมีเศษกระดาษสีแดงจากการจุดประทัด กระทั่งยังได้กลิ่นดินปืนจาง ๆ ที่โชยมา แต่ตอนนี้ประตูใหญ่เปิดอ้ากว้าง เสียงกรีดร้องโหยหวนดังออกมาจากด้านใน วันขึ้นปีใหม่ ตามธรรมเนียมทางชนบท ชาวนาที่เช่านาทำมักจะมาอวยพรเจ้าของที่ดินในวันขึ้นปีใหม่ ต่อให้เจ้าของที่ดินไม่อยู่ ไปคาร
ไม่ใช่มารีดไถเงิน ที่แท้คือมาฆ่านาง!วันปีใหม่แท้ ๆ ช่างรีบร้อนเสียจริงอ๋องฉีกับผู่อู๋ย่งผู้นั้น ต้องมีคนใดคนหนึ่งเกี่ยวข้องแน่ในขณะที่นางเพิ่งแตะพื้น ก็มีจอบฟาดลงมาตรงหน้านาง ความเร็วนั่น ทำเอาผู้คนตกใจจนแทบหยุดหายใจ นี่เหมือนชาวบ้านธรรมดาที่ดูซื่อ ๆ ที่ไหนกัน? นี่คือองครักษ์ฝีมือดีที่ถูกฝึกมาอย่างดีหลิวจงเห็นภาพนั้นก็ตกตะลึงจนตัวแข็ง เขารู้อยู่แล้ว เขารู้อยู่แล้วว่าตามคุณหนูใหญ่ออกมาข้างนอกไม่มีวันเป็นเรื่องดีได้ สวรรค์ นี่ยังไม่ทันถึงบ้านพักชนบทเลย!คนเหล่านี้เป็นใครกันแน่!ไม่สนใจว่าเป็นใครแล้ว เขาร้องตะโกนสุดเสียงกับองรักษ์ “อย่าห่วงข้า อย่าห่วงข้า ช่วยคุณหนูใหญ่ ช่วยคุณหนูใหญ่ก่อน!”ถ้าคุณหนูใหญ่เป็นอะไรไป เขากลับไปก็คงถูกท่านโหวกับท่านโหวผู้เฒ่าหั่นเป็นชิ้นอยู่ดี!แต่ดูเหมือนความกังวลของเขาจะเกินจำเป็นไปหน่อยเพราะชีหยวนที่ลงพื้นก็รับจอบได้อย่างพอดิบพอดี ใช้แรงเหวี่ยงตัวกระโดดขึ้นไปกลางอากาศ นั่งคร่อมคอชายท่าทางซื่อ ๆ คนนั้น จากนั้นใช้ขาบิดรัดคอเขาอย่างแรง จนคอของเขาหักเอียงไปข้างหนึ่ง……เสียงกรีดร้องของหลิวจงขาดหายไปทันทีสวรรค์!เขาประเมินคุณหนูใหญ่ต่ำเก
วันขึ้นปีใหม่ ทั่วทั้งเมืองต่างพากันจุดประทัดและดอกไม้ไฟเสียงประทัดดังสนั่นทำให้ชีหยวนนอนไม่หลับ นางตื่นแต่เช้าตรู่แม้ว่าโดยปกติแล้ว นางไม่จำเป็นต้องไปคำนับผู้ใหญ่ตอนเช้าและเย็น แต่เพราะวันนี้เป็นวันปีใหม่ อีกทั้งนางก็มีความสัมพันธ์ที่ดีกับคนในตระกูลชี ดังนั้นนางจึงไปคารวะฮูหยินผู้เฒ่าชีที่เรือนเมื่อเห็นนางมา ฮูหยินผู้เฒ่าชีก็ดีใจเสียจนไม่รู้จะทำเช่นไรดีทั้งยังรู้สึกโชคดีในใจ ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์นั้นต้องค่อย ๆ สร้างขึ้นจริง ๆดังนั้นเมื่อชีหยวนบอกว่าอยากไปที่บ้านพักชนบทของตระกูล ฮูหยินผู้เฒ่าชีก็ไม่รู้สึกว่าแปลกแต่อย่างใดเดิมทีชีหยวนก็แตกต่างจากคุณหนูตระกูลใหญ่ทั่วไปอยู่แล้ว นางจึงไม่ใช้ข้อบังคับแบบเดียวกันกับชีหยวนนางไม่เพียงแต่อนุญาตโดยไม่ลังเล อีกยังเตรียมข้าวของให้นางมากมาย พร้อมกับกล่าวยิ้ม ๆ ว่า “ถ้าเจ้าชอบเด็กสาวสองคนที่นั่นจริง ๆ ก็พาพวกนางกลับมาก็ย่อมได้”ชีหยวนปฏิเสธเสียงแข็งทันทีบางทีสำหรับหลีฮวาและชิงเถา นี่อาจเป็นทางออกที่ดีแต่ในเมื่อมีวาสนาพบเจอกันแล้ว นางก็ไม่อยากให้พวกนางต้องเป็นทาสรับใช้ใคร มีชีวิตที่ไร้อิสระ มิเช่นนั้นคงไม่ให้พวกนางอ่านเขียนตั้งแต
ผู่อู๋ย่งจึงหันมามองเขาอย่างจริงจังเป็นครั้งแรก “เจ้าเป็นหลานของขันทีสวี”ขันทีน้อยยิ้มพลางตอบรับผู่อู๋ย่งพยักหน้าเบา ๆ “เมื่อองค์หญิงเสด็จไปแล้ว เจ้าก็มาติดตามข้า ดีหรือไม่?”คำพูดมีเหตุมีผล ถ่ายทอดสารได้ชัดถ้อยชัดคำ ดูท่าแล้วน่าจะเคยเรียนหนังสือมาก่อน เป็นต้นกล้าดีที่สามารถเก็บไว้ฝึกฝนข้างกายได้จะปล่อยให้พวกโจรสลัดตงอิ๋งได้ไปง่าย ๆ ทำไมกัน?เสี่ยวสวีจื่อ รีบคุกเข่าลงโขกศีรษะทันที “ขอบพระคุณปู่บุญธรรมที่เมตตา ข้าน้อยจะฟังแต่บัญชาขององค์หญิงและคำสั่งของท่านเท่านั้นขอรับ!”ผู่อู๋ย่งคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม สุดท้ายก็ตัดสินใจมุ่งหน้าไปยังตำหนักขององค์หญิงเป่าหรงแต่ก่อนยามพบองค์หญิงผู้นี้ นางมักทรงภูษาล้ำค่า ระยิบระยับด้วยไข่มุกและอัญมณี งามสง่าเกินผู้ใดทว่ายามนี้ นางเพียงปล่อยผมหลุดลุ่ย ไม่ได้แต่งองค์ทรงเครื่อง เมื่อเห็นเขาเข้ามา ก็ไม่แม้แต่จะเผยแววอารมณ์ใดมากนักกลับทำให้ผู่อู๋ย่งมององค์หญิงผู้นี้ใหม่อีกครั้ง “องค์หญิงไม่กลัวหรือ?”“กลัวแล้วมีประโยชน์ใด?” องค์หญิงเป่าหรงลุกขึ้นจากพื้นด้วยสีหน้ารำคาญ แล้วหันมาจ้องผู่อู๋ย่ง “ไม่ต้องพูดพร่ำให้มากความ ทั้งข้าและจวนกั๋วกงต้องตกต่ำถ
ผู่อู๋ย่งยกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ย่อมมีผู้ใต้บังคับบัญชาไปสืบเรื่องราวในอดีตของชีหยวนปีใหม่นี้ช่างทำให้ผู้คนรู้สึกอึดอัดนักปีก่อนๆ เขาเคยได้ติดตามไปไหว้บรรพชนที่ศาลบูรพกษัตริย์ เป็นผู้ถวายธูปและส่งธูปให้ฮ่องเต้หย่งชาง แต่ปีนี้กลับกลายเป็นขันทีเซี่ยก็ช่างเถิด พอฮ่องเต้หย่งชางเสด็จกลับวัง เรียกขุนนางใหญ่ของสำนักขุนนางหลวงเข้าเฝ้า แต่ก็ยังไม่ได้เรียกเขาไปด้วยนี่ต่างหากที่เป็นเรื่องใหญ่!ผู่อู๋ย่งหรี่ตาลงเล็กน้อย เขาย่อมรู้ดีว่าเหตุใดตนจึงถูกฮ่องเต้หย่งชางเมินเฉยเช่นนี้เมื่อก่อนเขามีความสัมพันธ์อันดีกับจวนฉู่กั๋วกง เมื่อครั้งเสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟยได้รับความโปรดปราน เขาก็เคยเอ่ยวาจาช่วยเหลืออยู่บ่อยครั้งเมื่อครั้งที่ฮ่องเต้โปรดปรานทั้งเสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟยและจวนฉู่กั๋วกง เรื่องนี้ได้นำพาผลประโยชน์มาให้เขาไม่น้อยแต่บัดนี้ สิ่งเหล่านั้นกลับกลายเป็นมลทินของตัวเขาผู่อู๋ย่งสีหน้ามืดหม่น สวมผ้าคลุมเดินไปตามเส้นทางยาวเหยียดกำลังจะกลับเรือนพักของตน ก็เห็นขันทีน้อยผู้หนึ่งก้มหน้าก้มตารอเขาอยู่ที่หัวมุมอย่างนอบน้อม เขาอดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้วขันทีน้อยพอเห็นเขาก็รีบคุกเข่าลงกับพื้น กล่าวด้วยเสียงประ
สำหรับนางแล้ว ปีนี้คือปีแห่งการเกิดใหม่ สองขาแข็งแรงดียังไม่ถูกตัดทิ้ง เป็นปีที่มิได้ถูกชีจิ่นกับชีอวิ๋นถิงดูแคลนเป็นจุดจบที่สวยงาม และการเริ่มต้นที่งดงามนางจะมีชีวิตที่ดีกว่าเดิมเหลียนเฉียวรับเงินไปด้วยน้ำตาคลอเบ้า ทันใดนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าแล้วอุทานว่า “คุณหนู นั่นคืออะไรเจ้าคะ!”ชีหยวนอุ้มอาหวงเงยหน้ามอง เห็นโคมลอยดวงหนึ่งลอยละลิ่วลงมาตรงกับศีรษะนางพอดีนางขมวดคิ้วทันที ระแวงโดยสัญชาตญาณว่าในนั้นอาจมีผงยาไม่เช่นนั้น เหตุใดจึงลอยมาตกในเรือนของนางพอดิบพอดีถึงเพียงนี้?นางรีบสั่งให้ทุกคนแยกตัวออกห่างใครจะรู้ว่าโคมลอยนั้นแค่ลอยละล่องแล้วร่วงลงมา ไป๋จื่อร้องอุทาน หยิบพู่หยกที่เปล่งประกายเรืองรองชิ้นหนึ่งจากในโคมขึ้นมา “คุณหนู นี่คือเครื่องรางของอารามไป๋อวิ๋นไม่ใช่หรือเจ้าคะ?!”ในเหมืองแร่บนเขาไป๋อวิ๋นมีหยกเรืองแสงเช่นนี้ แต่ได้ยินว่าขุดได้ยากนัก ดังนั้นแล้ว ทุกปีที่มีผู้คนไปขอเครื่องรางในช่วงปีใหม่ น้อยคนนักที่จะขอได้เหตุใดจึงมาปรากฏอยู่ในโคมลอยเล่า?ชีหยวนหลุบตาลง เอ่ยเสียงขรึมกับไป๋จื่อว่า “เก็บใส่กล่องไว้เถิด”เมื่ออ๋องฉีกลับถึงจวนอ๋องแล้ว มองเห็นโคมไฟแขวนอยู่เ